คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : องก์ที่ 1 : เเพนเจียที่เเปลว่ามหาทวีป
องก์ที่ 1
บนโลกนี้มีทฤษฎีอยู่หลากหลายประเภท ทั้งทฤษฎีที่นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์เเล้วว่าเป็นไปได้เเละทฤษฎีที่พวกเขาพิสูจน์ไม่ได้ (หรืออาจไม่มีใครกล้าพิสูจน์)
เพราะความสนใจในทฤษฎีฟิสิกส์เกี่ยวกับการย้อนเวลา ฉันจึงพยายามตั้งใจเรียนและหาข้อมูลเพิ่มเติมให้ตัวเองอยู่เสมอ ถึงแม้ตามกฎแห่งฟิสิกส์จะไม่ปรากฏหนทางการย้อนเวลาเลยก็ตาม
แต่ฉันก็เชื่อว่ามันต้องมีทางแน่ๆ หรือบางทีมันอาจกำลังเกิดอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งในจักรวาลนี้
ปึก!
หนังสือที่ฉันกำลังอ่านถูกปิดลงด้วยฝีมือของคนที่ฉันโครตจะเบื่อขี้หน้า (เเต่ติดตรงที่ทำอะไรเธอไม่ได้) ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่ยืนค้ำโต๊ะด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“โถ่ๆ แพนเจียน้องรัก นี่เธอยังไม่เลิกฝันเฟื่องเรื่องทฤษฎีบ้าๆนี่อีกเหรอจ้ะ ^_^” น้ำเสียงเซ็กซี่สุดยั่วยวนของนิวเคลียร์สะท้อนไปทั่วห้องเรียนของฉันเรียกให้เพื่อนๆกลั้นขำกันถ้วนหน้า
ทุกคนจะไม่หัวเราะเยาะเเบบนี้ถ้าวันนั้นฉันไม่สะเออะไปโชว์ความรู้หน้าชั้นเรียน -_-
ฉันมีชื่อว่าเเพนเจียซึ่งตั้งตามมหาทวีปที่เคยอยู่ติดกันเมื่อหลายพันล้านปีก่อน เเต่เมื่อเหตุการณ์เเห่งความน่าอายเกิดขึ้นทุกคนจึงรวมหัวกันตั้งฉายาให้ฉันว่ายัยนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง โครตภูมิใจอ่ะบอกเลย(ประชด)
อา...เรื่องมันเกิดตอนที่ครูวิชาแนะแนวจัดกิจกรรมบ้านั้นขึ้นมา กิจกกรรมที่มีชื่อว่าทฤษฎีที่ฉันชอบ ตอนนั้นฉันออกไปพูดหน้าชั้นเรียนเรื่องทฤษฎีการย้อนเวลา ซึ่งเนื้อหาส่วนมากอ้างอิงมาจากนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าของโลกเชียวนะ แต่เชื่อมั้ยว่าครูแนะแนวนางพูดว่าอะไร -_-
‘เธอนี่ฝันเฟื่องเหมือนแม่เธอไม่มีผิด ถ้าเราย้อนเวลาได้จริงแม่เธอคงไม่ตายหรอกจ๊ะ’
พวกเพื่อนๆต่างระเบิดเสียงหัวเราะกันยกใหญ่ ฉันไม่รู้ว่าพวกนั้นขำอะไรกันจึงได้เเต่ยืนทำหน้าเหลอหลากระทั้งหมดคาบเรียน อาจเป็นเพราะเสียงของคุณครูที่พยายามดัดให้เหมือนสาววัยใส หรือไม่ก็เพราะคนพวกนั้นไม่เข้าใจคำว่าทฤษฎี เเต่พอกลับมาบ้านและลองย้อนนึกทบทวนถึงเหตุการณ์นั้น....ฉันจึงรู้ว่าคุณครูคนนั้นหลอกด่าฉันทางอ้อม
ด่าโดยการใช้น้ำเสียงติดตลกให้เป็นประโยชน์ -_- เป็นครูที่ร้ายกาจใช่ย่อยเลย
หึ! คิดแล้วอยากเดินไปตั้นหน้าครูแนะแนวคนนั้นสักสองสามหมัดจริงๆ ตามด้วยการถามนางว่าสอบบรรจุครูผ่านได้ยังไง ทั้งที่ยังพูดจาหยามเกียรติคนอื่นไปทั่ว
เป๊าะ!!!
เสียงดีดนิ้วของนิวเคลียร์ทำให้ฉันตื่นจากภวังค์ เมื่อเห็นว่าฉันตกใจจนสะดุ้งโหยงยัยพี่สาวต่างแม่ก็ระเบิดเสียงหัวเราะอันแหลมสูงออกมาราวกับว่าเธอกำลังดูตลกคาเฟ่ก็ไม่ปาน
“แพนเจีย แพนเจีย เธอตกใจง่ายเกินไปแล้วนะ”
“มีอะไรก็พูดมา” ฉันที่เริ่มหมดความอดทนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาเพื่อสื่อให้คนตรงหน้ารู้ว่าถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้ว
“อ๋อ~ ฉันแค่แวะมาบอกว่าวันนี้เธอต้องเดินกลับบ้านเองนะจ้ะน้องรัก เพราะฉันไม่อยากให้แฟนของฉันรู้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน”
การเป็นญาติกับเด็กเรียนดีกีฬาเด่นอย่างฉันมันน่าอายมากเหรอยะ
“เอาที่เธอสบายใจเลย” ฉันกรอกตาไปมาก่อนจะเก็บหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะยัดใส่กระเป๋า
“ดี! ฉันล่ะอยากให้เป็นแบบนี้ทุกวันจัง จะได้ไม่เสียเวลาไปส่งเธอที่คอนโด” พูดจบนิวเคลียร์ก็กวักมือเรียกพวกเพื่อนๆของเธอที่นั่งรออยู่บนเก้าอี้ให้เดินตามออกไปนอกห้อง
เอาจริงๆฉันก็ไม่ได้อยากขึ้นรถกับเธอเท่าไหร่หรอก คนอื่นอาจเห็นว่าเราสองคนเป็นพี่น้องที่รักกัน แต่เชื่อเถอะว่านิวเคลียร์ไม่เคยเห็นฉันเป็นน้องเลยด้วยซ้ำ นั้นเพราะแม่ของฉันเป็นเมียน้อยของพ่อ ซึ่งแน่นอนว่าเมียหลวงอย่างคุณแม่ของนิวเคลียร์ไม่มีทางญาติดีกับแม่และฉันแน่ๆ
อืดดดดด~ อืดดดดดด~
เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะเรียกให้ฉันตื่นจากห้วงความคิดแล้วหันไปมองมันเพื่อดูเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอ ซึ่งมันก็เขียนไว้ว่าพี่พีชคนสวยหรือที่ทุกคนในโรงเรียนรู้จักเธอในชื่อท่านประธานชมรมยิงธนูสุดโหด
“โหลค่ะพี่พีช” ฉันรับสายพร้อมกับกล่าวทักทายปลายสายเสียงเจื้อยแจ้ว
(ดีจ้าแพน วันนี้งดซ้อมยิงธนูนะ)
น้ำเสียงหวานใสปนเข้มนิดๆของพี่พีชทำให้ฉันยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“แสดงว่าวันนี้แพนไม่ต้องไปห้องชมรมใช่มั้ยคะ”
(ต้องมาดิ)
อ้าว! นาทีนี้เหวอสิคะ ให้ไปเพื่อ?
“ให้แพนไปทำไมอะคะ?”
(มาเอาดาบคาตานะของเธอกลับบ้านไง)
“อ๋ออออ~ งั้นรอแปปนะคะตอนนี้แพนยังอยู่ในห้อง อีกแปปเดียวก็น่าจะเดินถึง”
(จ้า)
เมื่อสนทนากันเสร็จสรรพฉันก็กดวางสายทันทีก่อนจะสะพายกระเป๋าไว้ข้างหลังแล้วรีบวิ่งลงอาคารนี้เพื่อไปที่สนามยิงธนู
ลืมบอกไปว่าฉันนะเป็นนักกีฬายิงธนูระดับทีมชาติเลยนะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ไปแข่งแล้วแหละเพราะฉันขี้เกียจ -_- ส่วนนอกเหนือจากการยิงธนูสิ่งที่ฉันสนใจรองลงมาก็คือการใช้ดาบคาตานะซึ่งเป็นดาบชื่อดังของญี่ปุ่น แต่ถึงฉันจะสนใจในประเทศญี่ปุ่นมากแค่ไหน ก็ไม่เท่าความชอบที่มีต่อทฤษฎีย้อนเวลาเลยสักนิด
ฉันเเค่ต้องการให้แม่มีชีวิตอยู่ก็เท่านั้นเอง ถ้าตอนนั้นฉันรีบดึงแขนแม่ออกมาจากริมถนน แม่ก็คงไม่ตาย
เฮ้อ~ พอเถอะแพน เลิกคิดเรื่องนี้ได้แล้ว พอๆๆ
ฉันบอกตัวเองในใจก่อนจะเปิดประตูห้องชมรมแล้วเดินตรงเข้าไปที่ชั้นวางดาบเพื่อหาคาตานะสีดำของตนเอง น่าแปลกที่ไม่มีใครอยู่ในห้องเลยสักคน พวกพี่ๆคงกลับบ้านกันหมด(มั้ง) คิดได้ดังนั้นฉันก็รีบหยิบคาตานะขึ้นมาเช็คความเรียบร้อยก่อนจะเตรียมเดินออกจากห้อง
“私の話を聞いていただけますか” (ช่วยฟังเรื่องของฉันหน่อยได้ไหม)
ฉันชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวออกจากห้องเพราะได้ยินเสียงหวานใสของใครคนหนึ่งพูดขึ้นเเผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบของสายลม เเถมภาษาที่เธอคนนั้นใช้ยังเป็นภาษาญี่ปุ่นซะด้วย(ดีนะที่ฉันพอจะฟังออกเเละพูดได้บางคำ ย้ำ! ว่าบางคำ)
“私が見えますか?” (คุณเห็นฉันมั้ย?)
เสียงนั้นยังคงลอยมาตามสายลมราวกับเป็นเสียงอีกมิติหนึ่ง หรือไม่ฉันก็อาจจะประสาทหลอนไปเอง -_-^
หรือมีคนมาเปิดอนิเมะทิ้งไว้วะ!
ด้วยความสงสัยว่ามันคือเสียงทีวีหรือเสียงของมนุษย์ฉันจึงลองส่ายหัวเบาๆเพื่อเป็นคำตอบให้กับเจ้าของเสียงปริศนา
“助けてください” (ได้โปรดช่วยฉันด้วย)
คราวนี้เสียงเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆราวกับเธอคนนั้นกำลังปรากฏตัวอยู่เบื่องหลังของฉัน
หมับ!
“あなただけが私を助けることができる” (คุณเท่านั้นที่สามารถช่วยฉันได้)
สัมผัสจากมือเรียวนุ่มที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้กุมมือฉันไว้หลวมๆเเถมยังพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนจนชวนขนลุก
“อะ อะ อะ อืออออ!!!” ฉันกลัวจนเปล่งเสียงไม่ออก ยิ่งเป็นขาไม่ต้องพูดถึงเลย...เพราะมันเเข็งไปหมดเเล้ว เเง!
เจ้ามือปริศนาดึงตัวฉันให้หันไปทางที่เธอคนนั้นยืนอยู่ ฉันรีบหลับตาปี๋ทันทีเพราะคิดว่าต้องเป็นใบหน้าเละๆของผีเเน่ที่รอฉันอยู่
“ยะ....อย่าทำอะไรฉันเลย” หวังว่ายัยผีญี่ปุ่นจะฟังภาษาไทยรู้เรื่องนะ T^T
“私は過去からです” (ฉันมาจากอดีต)
ประโยคนี้ทำให้ฉันลืมตาโพล่งขึ้นเเละยืนตะลึงงั่นเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่ฉันคิดว่าผี เพราะใบหน้าของเธอคล้ายกับฉันมากเลยล่ะเเถมยังอายุน่าจะเท่ากับฉันด้วย ติดเเค่ว่ายัยนี่ตัดผมด้านหน้าสั้นเท่าริมฝีปากเเละปล่อยผมด้านหลังให้ยาวจนถึงข้อเท้า(เรียกง่ายๆว่าผมทรงฮิเมะของเจ้าหญิงญี่ปุ่นนั้นแหละ)
ชุดที่เธอสวมเป็นกิโมโนเนื้อผ้าหลากสีซ้อนทบกันหลายๆชั้นจนมันเป็นชุดฟูๆเหมือนเจ้าหญิงดิสนีย์ ถ้าตามตำราที่ฉันเคยเรียนมาชุดนี้น่าจะเรียกว่าจูนิฮิโตเอะซึ่งมีแต่ผู้หญิงในวังเท่านั้นที่สวมใส่
เธอสวยมากเลย ผิวขาวเปล่งประกาย ผมสีดำขลับเเถมยังเงางามเเละดูนุ่มนิ่ม ท่าทางก็ดูอ่อนหวานแบบกุลสตรี
เเต่...นั้นไม่ใช่ประเด็นที่ฉันสนใจซะหน่อย -_-
“もういちど言ってくださいませんか” (ช่วยพูดอีกทีได้มั้ย)
ฉันถามเธอแผ่วเบา เเค่อยากได้ยินอีกครั้งเพื่อให้ตัวเองเเน่ใจมากขึ้นเท่านั้น
“จะ เจ้าหน้าเหมือนเราเลย เอ๊ะ!”
พูดจบหญิงสาวตรงหน้าก็เอามือปิดปากเหมือนเธอกำลังตกใจกับอะไรบางอย่าง เเละถ้าฉันเดาไม่ผิดเธอก็คงตกใจกับภาษาของตัวเอง(เเบบว่าเมื่อกี้เธอพูดภาษาไทยอ่ะ)
“โอเค เเค่นี้ก็สื่อสารกันรู้เรื่องเเล้ว” ฉันพูดพร้อมกับกวาดสายตามองรอบๆห้องเพื่อดูว่ามันเป็นแผนของพวกรุ่นพี่รึเปล่า
แผนแกล้งฉันโดยการไปศัลยกรรมเลี่ยนแบบหน้าสวยๆของฉันเเล้วมาอำกันเล่นๆว่ามาจากอดีตเพื่อให้ฉันพูดสิ่งน่าขำออกมาเเล้วโดนคนทั้งโรงเรียนหัวเราะเยาะ
เเต่ใครมันจะไปลงทุนขนาดนั้นวะ มีหวังหมดเป็นล้านพอดี
“เราอยากให้เจ้าช่วย” หญิงสาวจับมือฉันเเน่นพร้อมกับทำสายตาอ้อนวอนจนดูน่าสงสาร
“เดี๋ยวๆ ขอถามอะไรอย่างสิ....เธอมาที่นี่ได้ยังไง เเบบว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อ่ะ” “ระ...เราไม่รู้ เราเเค่ลื่นตกน้ำเท่านั้น”
โอเค อย่างน้อยนี่ก็คือหนึ่งในทฤษฎีที่ฉันควรจดไว้
“ฉันจะพยายามเชื่อว่าเธอมาจากอดีต” อันที่จริงฉันก็เชื่อจริงๆนั้นล่ะ ทั้งภาษา การเเต่งตัว กิริยาท่าทางก็ดูเป็นคนมียศถาบรรดาศักดิ์สูงเอาเรื่องเลย “แล้วเธอต้องการอะไรงั้นเหรอ?”
“เรา.....”
“หว่าาา~ สาวน้อยทั้งสองเจอกันซะเเล้วสิ”
เสียงทุ้มแฝงความกวนของใครคนหนึ่งดังขึ้นในมุมมืดของห้องเรียกสายตาของเราทั้งสองให้มองไปยังเเขกผู้มาใหม่ด้วยใบหน้างุนงง
“ท่าน! คนที่ทำให้เรามาโผล่ที่นี่” หญิงสาวชาวญี่ปุ่นตะโกนขึ้นเสียงดังพลางชี้หน้าชายวัยกลางคนในชุดสูทสีดำซึ่งกำลังยืนพิงกำเเพงด้วยท่าทางสบายๆ
ฉันมองชายคนนั้นสลับกับหญิงสาวคนนี้ไปมาด้วยความงง จับใจความได้ว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ทำให้เธอคนนี้มาโผล่ที่โลกของฉัน เอ่อ.....แต่ดูจากการเเต่งตัวเเล้ว ทำไมเขาเหมือนคนธรรมดาจังง่ะ คืองี้นะฉันนึกว่าคนที่มีอำนาจย้อนเวลาจะเเต่งตัวเหมือนคนมาจากโลกอนาคตหรือไม่ก็ใส่ชุดวาววับเเบบพระเจ้าในหนังซะอีก
“สวัสดีอย่างเป็นทางการนะครับองค์หญิงมิซึกิ เเล้วก็คุณหนูเเพนเจีย กระผมมีชื่อว่าคุโระเป็นองครักษ์ฝ่ายซ้ายของพระเจ้า”
ชายที่ชื่อว่าคุโระเเนะนำตัวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เเละสิ่งที่ทำให้ฉันงงยิ่งกว่าเดิมคือประโยคที่เขาพูดว่า ‘เป็นองครักษ์ฝ่ายซ้ายของพระเจ้า’ (???)
“ส่วนดิฉันเป็นองครักษ์ฝ่ายขวามีชื่อว่าชิโระค่ะ”
ร่างผอมเพรียวราวกับนางเเบบปรากฏขึ้นจากการรวมตัวกันของเเสงสีขาวนวลตา ทำเอาฉันผงะถอยหลังทันที ดูเหมือนจะมีเพียงเจ้าหญิงมิซึกิเท่านั้นที่ไม่ตกใจอะไรเลย
“เราสองคนได้รับคำสั่งจากพระเจ้าให้พาท่านทั้งสองไปเล่นสนุก ^_^” คุณคุโระเริ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงมีความสุข
“ณ ต่างเเดน” คุณชิโระเอ่ยเสริมด้วยท่าทางเป็นมิตร
เดี๋ยวนะ! เมื่อกี้พูดว่าต่างเเดนเหรอ?
What!!!!
ไม่เอา หนูจะกลับบ้านนนนนน!
...............................................................
เขียนครั้งเเรก : 14 พฤศจิกายน 2561
ลง Dek-D : 11 กรกฎาคม 2562
เเก้ไขเมื่อ : 15 ตุลาคม 2562
***หากมีคำผิดสามารถคอมเมนต์บอกได้เลยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ความคิดเห็น