คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : CHAP1: สิบสี่กุมภาพันธุ์ (100%)
CHAPTER ONE
บทที่หนึ่ง : วันที่สิบสี่กุมภาพันธุ์
เสียงเพลงหวานๆดังขึ้นคลอเบาๆเคล้าไปด้วยเสียงดีดแป้นคีย์บอร์ดที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ ปรากฏร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งเอนพนักพิงกับเก้าอี้ไม้สีน้ำตาลอ่อน เสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
เขาหยุดกิจกรรมที่กำลังดำเนินไปอย่างลำบากลง พร้อมกับเงี่ยหูฟังเสียงนั้นด้วยความตั้งใจ ฉับพลันนั้น ก็มีร่างเล็กกระโดดเข้ามาจากทางด้านหลังจนตัวเขาเกือบเสียหลักพลัดตกจากที่นั่ง
“นี่ บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามากวนตอนแต่งนิยาย” ชายหนุ่มบิดแก้มขาวเนียนของเด็กตัวเล็กๆเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว ค่อยๆจัดท่าทางของตนให้สะดวกขึ้น แล้วอุ้มเด็กตัวน้อยที่อยู่ด้านหน้าขึ้นมาวางบนตักกว้าง ไอร้อนจากโกโก้ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำให้เรารู้สึกสบาย แม้ว่าตอนนี้อากาศจะเย็นขนาดไหน…
“แต่งอะไรอยู่เหรอฮะ” เด็กชายขยับยิ้มมอง ก่อนที่จะเอามือป้อมๆวางเอาไว้บนโต๊ะ
“ลองเช็คคำผิดแล้วก็เกลาภาษาให้มันดีขึ้นนะ บอกไปก็ไม่เข้าใจหรอก งั้นจะเล่าให้ฟังเอาไหม จะได้ช่วยกันตรวจเลย…ดีไหมครับ” คนตัวเล็กพยักหน้ารัวๆก่อนที่จะเลียนแบบท่าทางที่เขาชอบทำตอนที่จะแต่งนิยายเสมอๆ เอามือมาจับที่ต้นคอของตัวเองเบาๆก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีชายหนุ่มคนหนึ่ง เขามักจะใช้เวลาในวันวาเลนไทน์ส่วนใหญ่กับการมานั่งเล่นที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งในใจกลางเมืองเกาหลี ในขณะที่คนอื่นๆมักจะเลือกสังสรรค์กับเพื่อนฝูง” น้ำเสียงที่ชวนน่าสงสัยทำให้เด็กชายเริ่มสนใจ
“เขาไม่มีเพื่อนเหรอฮับ”
“เขามี…ใช่ มีเยอะมากเลยแหละ แต่ว่ามันมีเหตุผลนึง ที่เขาเลือกที่จะมาที่นี้ แล้วใช้เวลาไปอย่างไร้ค่า…ในวันวาเลนไทน์ ผู้คนมักออกมาสารภาพรักกัน บ้างก็ได้ความรักกลับคืนมา บ้างก็ต้องเสียความรักนั้นไป แต่สำหรับชายคนนั้นแล้ว วันวาเลนไทน์ เป็นวันๆนึง ที่เขาเสียคนรักของเขาไป…ตลอดกาล”
เด็กชายพยักหน้าเล็กๆก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาตั้งใจฟังชายร่างสูงเล่านิทานเรื่องนี้ต่อไป,,,
“เขามักจะมาที่นี่ปีละครั้ง…และทุกๆครั้งเขาจะนั่งอยู่ที่ม้านั่งสีขาว…คอยมองรถยนต์ขับผ่านไปผ่านมาด้วยสายตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึก…เขามาที่นี่ เรื่อยๆ เรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านเหตุการณ์นั้นไปแล้วสี่ปี ก็มีเรื่องราวแปลกๆ เกิดขึ้น…”
เสียงหอบดังขึ้นเป็นจังหวะ ชายร่างสูงรีบทรุดตัวลงบนม้านั่งไม้สีขาว ถอนหายใจออกมายาวๆแล้วหลับตาพริ้มด้วยความเหนื่อยล้า ใครใช้ให้เขามาที่นี่ตอนเช้ามืด…หลังจากซื้อของเข้าร้าน เขาต้องเอาของพวกนั้นไปเก็บให้เรียบร้อยแล้ววิ่งแจ้นขึ้นรถขับมาที่นี้… บรรยากาศที่ไม่น่าสบอารมณ์บวกกับฝนที่ค่อยๆเทลงมาทำให้เขายิ่งหัวเสีย บรรยากาศแบบนี้เหมือนกับเมื่อสี่ปีที่แล้วไม่มีผิด ฝนตกเฉอะแฉะ อากาศร้อนอบอ้าว ขัดกับหยาดฝนเย็นๆที่สาดเทลงมาจากท้องฟ้า
สี่ปีมาแล้วที่เหตุการณ์นั้นคอยตามหลอกหลอนเขาไม่ขาด
สี่ปีมาแล้วที่เขาต้องทนทุกข์ทรมานกับฝันร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สี่ปีมาแล้ว…ที่คนที่เรารักมากที่สุดในชีวิต…จากเขาไป
เมื่อสี่ปีก่อน ฝนสาดเทลงมาอย่างหนัก เขาต้องทนตื่นเช้ามืดเดินเท้าจากบ้านที่อยู่ไกลจากที่นี้พอสมควรมากับน้องสาวชองเขา “ปาร์ค ชานอา” เธอบอกว่าคนรักหนุ่มของเธอ “คิม ฮยองมิน” บอกว่าต้องการจะมาพบกับเธอเพื่อบอกอะไรสำคัญ และแน่นอนว่าเธอไม่ยอมให้พี่ชายสุดที่รักของเธอพลาดงานนี้เด็ดขาด หญิงสาวจึงชักชวนเขามาด้วย แบบลับๆ
“พี่คิดว่าเขาจะขอฉันแต่งงานหรือเปล่า ตอนนี้เราก็คบกันมาได้นานแล้ว..ถ้าแต่งงานจริงๆก็ดีละสิ”เสียงฮัมเพลงเบาๆดังขึ้นกระทบเข้าโสตประสาทของชายหนุ่ม เขาพยักหน้าด้วยความหน่ายๆ…ชานอากับฮยองมินคบกันได้เพียงสองปี สองปีที่เขาเองก็ไม่ค่อยจะยอมรับเท่าไหร่หรอกนะ
น้องสาวคนเดียวของเขากำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาร์ น้องสาวที่หายหน้าหายตาไปจากบ้านสองเดือนเพราะน้อยใจพ่อแม่ น้องสาวที่กลับมหาเขาพร้อมกับหนุ่มธุรกิจใหญ่และเอ่ยว่าเขากับเธอหมั้นหมายกันไว้แล้ว และเขาสัญญาว่าจะอยู่กับเธอตลอดไป
ปาร์คชานยอลไม่ได้อ่อนต่อโลกขนาดที่จะไม่รู้ว่านี่คือรักหรือไม่…ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร แต่เขาก็ต้องทนเงียบไม่มีปากเสียงเพื่อที่จะให้น้องสาวคนเดียวของเขามีความสุข…น้องสาวที่เป็นของดูต่างหน้าจากแม่ที่เสียไปแล้วตั้งแต่เขายังอายุสามขวบ
“โอเค งั้นพี่ก็กลับไปก่อนเลยนะ” หญิงสาวยิ้มกว้าง ก่อนที่จะทำมือกลายๆเหมือนไล่ให้เขาไปๆเสียที เขาสบถออกมาอย่างลืมตัว ช่วงเวลาในตอนนี้อยู่กับชายแปลกหน้า…ไม่สิ ชายหนุ่มคนรักสองต่อสอง มันไม่ดีเลยซักนิด แต่เขาก็ต้องจำใจเดินออกมาจากตรงนั้น
แต่เหมือนมีอะไรมาดลใจ เขากลับเลือกซ่อนตัวอยู่อีกฝากนึงของถนน แอบดูชายคนรักของน้องสาวกำลังเดินย่างก้าวมาอย่างสุขุม…ทั้งสองกอดกันอย่างสนิทสนม น้องสาวของเขามีอาการตกใจเล็กน้อยเมื่อชายคนรักหยิบกล่องเล็กๆสีแดงขึ้นมา ก่อนที่จะคุกเข่าลง…ตามแบบในหนังเป๊ะๆ…
หาวิธีที่โรแมนติกกว่านี้ไม่ได้หรือยังไงนะ
ชานยอลถอนหายใจอย่างหน่ายๆแล้วมองดูน้องสาวของตนเองต่อไป ฝนค่อยๆสาดเทลงมาช้าๆทำให้ร่างกายของเขาเริ่มเปียกแฉะ…ควรกลับก่อนดีมั้ยนะ เขาคิดในใจแต่ก็ยังอดห่วงน้องสาวของตนไม่ได้ แลกกับการเป็นหวัดซักสองสามสัปดาห์จะเป็นอะไรไป…
หญิงสาวค่อยๆปาดน้ำตาบนใบหน้าของเธอออกมา…จากระยะนี้ ทำให้เขาไม่สามารถรู้เลยว่า น้ำสีใสๆบนใบหน้าคือน้ำตาหรือว่าหยาดนภาที่ตกลงมาจากท้องฟ้า เธอกอดชายหนุ่มคนรักอีกครั้ง ก่อนที่จะสวมแหวนนั้นลงไปที่นิ้วนางข้างซ้าย
ทั้งสองยืนคุยกันอีกซักครู่ก่อนที่ฝ่ายชายจะผละตัวออกไปก่อน เขาจึงค่อยๆเดินออกมาจากที่ซ่อนตัว แล้วโบกมือให้เธอก่อนที่จะยิ้มออกมา…หญิงสาวจ้องมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ ก่อนที่จะขยี้ตาของตนเบาๆ หัวเราะแหะๆแล้วเดินตรงมาหาเขาด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
“ชานยอลอา…” หญิงสาวพยายามเปล่งคำพูดอะไรออกมาซักอย่าง แต่เพราะฝนที่สาดเทลงมาอย่างหนักทำให้เขาได้ยินเสียงของเธอไม่ชัด เธอทำหน้าตาไม่พอใจเล็กน้อยก่อนที่จะวิ่งตรงเข้ามาหาผม แต่ด้วยเพราะฝน เธอจึงมองอะไรได้ลำบาก หญิงสาวเอามือป้องหน้าตัวเองก่อนที่จะวิ่งมาสุดแรง
โคร้ม.
ฉับพลัน แสงไปสีขาวสว่างก็พุ่งเข้ามาประทะใบหน้าเนียน เธอกรีดร้องออกมาสุดเสียงก่อนที่จะโดนแรงกระแทกชนร่างของเธอไปอีกทาง โดนเข้ากับเสาต้นใหญ่…กลิ่นคาวเลือดเหม็นคละคลุ้ง ชายหนุ่มพยายามปาดคราบสีแดงบนใบหน้าของเขาออกด้วยความยากลำบาก ตะโกนเรียกชื่อเธอสุดเสียง แต่ก็ไร้การตอบรับ
“ชานอา…ชานอาอยู่กับพี่ก่อน พี่จะเรียกรถพยาบาล” เขารีบเปิดมือถือด้วยมือที่สั่นสะท้าน ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยของเหลวสีแดง ริมฝีปากสีซีด ใบหน้าเริ่มช้ำจากแรงกระแทกทำให้เธอลืมตาได้ยากลำบากเหลือเกิน
“ปาร์คชานยอล…ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างมันจะเรียบร้อย” หญิงสาวพยายามยิ้มออกมาให้พี่ชายของเธอเห็น แม้ว่าตอนนี้ร่างกายซีกขวาของเธอจะเริ่มไม่รู้สึกอะไรแล้วก็ตามที...ชานยอลตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง มองไปรอบๆตัว ไม่พบอะไรแม้แต่น้อย…ร่างของคิม ฮยองมิน…หรือแม้แต่รถคันนั้นก็ตาม
“พี่จะพาเธอไปหาหมอ รอก่อนนะชานอา เธออย่าเพิ่งหลับนะ” เขาพยายามยกร่างอันไร้เรี่ยวแรงของคนตรงหน้าขึ้น…เธอหัวเราะออกมาเบาๆ “มันไม่ได้ผลหรอกชานยอล ฉันคงไม่รอดแล้วละ”
“ทำไมวันนี้ฝนมันหนาวแบบนี้นะชานยอลอา…” …ชายหนุ่มค่อยๆเอื้อมเอามือเรียวของตนปาดน้ำสีใสบนใบหน้าของเธอออกช้าๆ…เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ เขาไม่สามารถทำอะไรได้ แม้แต่ปลอบประโยนเธอให้หายกังวลเขายังทำไม่ได้เลย
“…ชานอา อีกนิดเดียว นิดเดียวรถพยาบาลจะมาแล้ว”
“…ดูแลตัวเองดีๆนะชานยอล” หญิงสาวค่อยๆขยับมือที่เต็มไปด้วยบาดแผลของตัว ประคองใบหน้าของร่างสูงที่อยู่ตรงหน้า ฝนที่เทมาอย่างหนักทำให้สายตาของเขาเริ่มพร่ามัว เขาพยายามกลั้นสะอื้นของตนเองเอาไว้แล้วลูบหัวหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาเบาๆ
ชานอาพยายามสูดลมหายใจอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันช่างลำบากเหลือเกิน จนเกิดความคิดนึงเข้าสมองของเธอว่า..ตายไปซะยังจะดีกว่า…หญิงสาวหัวเราะกับความคิดตัวเองเบาๆก่อนที่จะใช้แรงเฮือกสุดท้ายของตน เอ่ยคำพูดที่ตั้งแต่เธอขึ้นไฮสคูลมา เธอยังไม่เคยพูดกับพี่ชายที่แสนดีคนนี้เลย
“ชานยอลอา…หนูรักพี่นะ”
ลมหายใจสุดท้ายของเธอก็สิ้นสุดลง พร้อมกับดวงตาที่ค่อยๆปิดสนิท ชานยอลร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่ได้ เอ่ยชื่อของหญิงสาวซ้ำไปซ้ำมาเหมือนเป็นคนบ้า จุมพิตลงที่หน้าผากเนียน…เธอตัวเย็นจนเขาใจหาย…ไร้ซึ่งวิญญาณ…ไร้ซึ่งจิตใจ…
หญิงสาวตรงหน้าได้ตายจากเขาไปแล้ว…
และเขาก็เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้…
- END CHAPTER1 PART1 (PROLOGUE) -
จบไปกับบทแรกของตอนที่หนึ่งนะคะ…จะรีบมาอัพเดตต่อให้ค่ะ
อย่าลืมสครีมกันได้ที่ #ฟิคกาลครั้งหนึ่ง หรือทวิต @Masoulmate
ให้กำลังใจไรท์เตอร์ด้วยการเขียนคอมเม้นท์ กดโหวต กดติดตามค่ะ รักน้า <3 จากคุณยืนนิ่ง
รถพยาบาลมาช้าไป เธอสิ้นใจก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้ล่ำลา ภายหลังมีชายคนหนึ่งมาติดต่อเขา บอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ และคนขับรถยังเด็กเกินไปที่เขาจะมารับรู้อะไร โยนเงินเน่าๆทิ้งไว้ก้อนหนึ่งแล้วชิ่งหายไป สุดท้ายเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าคนที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องลาจากไป เป็นใครกันแน่
เขาค่อยๆเลิกเปลือกตาขึ้นช้าๆ มองดูเข็มหน้าปัดบนนาฬิกา ตอนนี้ก็เป็นเวลาใกล้เช้า เขาควรรีบจะกลับบ้านไปเตรียมของเพื่อเปิดร้าน…ช่วงเมื่อสองสามสัปดาห์ที่แล้วเขาเพิ่งตัดสินใจเปิดร้านคาเฟ่เล็กๆในย่านใจกลางเมือง เป็นงานเสริมทำตอนงานว่าง
อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีอะไรทำแล้วจมปลักอยู่กลับอดีต
ค่อยๆยันตัวขึ้นจากเก้าอี้ ขาเรียวก้าวไปข้างหน้าที่ละก้าวก่อนที่จะหยุดลงที่รถ
รถยนต์คันสีขาวค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป ที่ปัดน้ำฝนที่เหมือนจะไม่ช่วยอะไรทำให้ชานยอลหัวเสียขึ้นมาเสียอย่างนั้น ฝนที่สาดเทลงมาอย่างหนักเหมือนจะทำให้วิวทิวทัศน์ตรงหน้าพร่ามัวไปทำให้มองได้ยากลำบาก
“รีบกลับก่อนที่ฝนจะตกลงมาหนักกว่านี้แล้วกัน”เขาพึมพำกับตนเองเบาๆก่อนที่จะขับรถตรงไปข้างหน้า เลี้ยวทางที่ตนเองคุ้นเคยชินไปตามปกติ จนกระทั่งต้องรีบเหยียบเบรกอย่างแรงเมื่อเห็นเงาของคนวิ่งผ่านไปทางด้านหน้า
“โครม”
ชานยอลรีบหักเลี้ยวไปอีกทางจนรถของเขาประทะกับเสาไฟฟ้าอย่างจัง เขารีบวิ่งลงมาจากรถ มองไปรอบๆด้วยใจที่สั่นสะท้าน หากเมื่อกี้เขาชนคนเข้าละ หากคนเมื่อกี้กำลังต้องการความช่วยเหลือละ…
ในขณะนั้นเขาก็สะดุดกับร่างบางที่นอนอยู่ตรงพื้น ฝนที่เปียกปอนทำให้ร่างนั้นสั่นสะท้านไปทั่วร่าง ริมฝีปากซีดเซียวทำให้ชานยอลถอนหายใจออกมาอย่างใจหาย ก่อนที่จะถลาเข้าไปหาคนตรงหน้าด้วยความตกใจ
“คุณ คุณ…ทำใจดีๆไว้ก่อนนะ”
เสียงสั่นๆของเขาคงจะไม่ช่วยให้ร่างตรงหน้าฟื้นได้สติขึ้นมาเท่าไหร่ ร่างตรงหน้าเขาปรากฏเป็นร่างของชายหนุ่มร่างบาง ผิวของเขาเต็มไปด้วยรอยแดงที่เกิดจากการกระแทก หรือรอยฟกช้ำ…ผมสีน้ำตาลอ่อน ผิวขาวขับกับแว่นกรอบดำ ป้ายนักศึกษาที่ห้อยอยู่ที่คอบรรจงพิมพ์ด้วยตัวอักษรว่า “บยอน แบคฮยอน” นักศึกษาปีสอง คณะออกแบบแฟชั่นดีไซน์
ข้าวของกระจัดกระจายเต็มพื้น ทั้งโทรศัพท์ ตำราเรียนหรือแม้กระทั่งกระดาษแบบงานต่างๆที่เขามองแล้วก็ไม่เข้าใจ มือเรียวรีบคว้าโทรศัพท์ของอีกฝ่ายมาไว้ในมือก่อนที่จะเก็บข้าวของส่วนตัวของอีกคนลงกระเป๋า
เขาควรจะรีบพาเด็กคนนี้ส่งโรงพยาบาล
…หรือว่าเขาควรทิ้งเด็กคนนี้ไว้ตรงนี้
เขาไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาอาจจะโดนฟ้องร้องหรือโดนเรียกค่าเสียหาย ร้านของเขาก็ไม่ได้มีค่ามากมายเท่าไหร่ บวกกับเงินเดือนหรือกำไรที่ได้คงจะไม่เพียงพอด้วยซ้ำ…
แต่ถ้าเขาทิ้งเด็กคนนี้ไว้…
ภาพของหญิงสาวเมื่อสี่ปีก่อนค่อยๆปรากฏเข้ามาในโสตประสาทจนชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวที่ต้องจากไปโดยไม่มีใครสนใจ หญิงสาวที่เคยประสบกับสถานการณ์แบบนี้ และถูกตอบแทนด้วยการถูกทิ้งไว้บนท้องถนนที่หนาวเหน็บ
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน …
ชานยอลตัดสินใจอุ้มแบคฮยอนขึ้น พาไปนอนบนเบาะรถด้านหลังก่อนที่จะรีบมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาล…เขาไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ขอแค่เด็กคนนี้ไปต้องพบเจออะไรแบบที่ชานอาเคยเจอ เขาก็พอใจ
บรรยากาศผ่านไปด้วยความตึงเครียด เขานั่งกรอกประวัติของตัวเองด้วยความเบื่อหน่าย แต่ท้ายที่สุดก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน หมอคนนึงเดินเข้ามาหาเขาก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเหมือนโล่งอก
“คนไข้ปลอดภัยดีครับ ไม่มีผลกระทบต่ออวัยวะภายใน ส่วนที่สลบไปคงเป็นเพราะพิษไข้ที่เกิดจากอาการปิดบวมนะครับ เหมือนเจ้าตัวจะตากฝนมานานมากๆเลย” คุณหมอยิ้มให้ชานยอลด้วยความเป็นมิตรก่อนที่จะทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
“แล้วคุณเป็นญาติของคนไข้เหรอครับ”
“อ-เอ่อ เปล่าครับ ผมเป็นแค่…คน…รู้จัก” ชานยอลเกาแก้มตัวเองด้วยความประหม่า สายตาที่งุนงงของคนตรงหน้าทำให้เขาเริ่มรู้สึกกดดัน จนกระทั่งเขาต้องขอตัวออกมาเอง
เอนหลังผิงผนังสีขาว เสียงของโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นระยะ...ชานยอลขมวดคิ้วด้วยความสงสัย โทรศัพท์ของเขา เขาทิ้งไว้ในรถ แล้วนี่เสียงของโทรศัพท์ใครกันละ
เขาค่อยๆควานหาที่มาของเสียงดังกล่าวจนมาเจอโทรศัพท์อันเล็กสีขาว พวงกุญแจห้อยโทรศัพท์เป็นตัวอักษรรูปตัวบีและตัวแอล
“บีแอล…” ชานยอลขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ถ้าตัวบีเขาคงเดาได้เลยว่าต้องเป็นของเจ้าตัวแน่ๆ เขาก็เผลอหยิบโทรศัพท์ของคนตัวเล็กมาซะงั้น ว่าแล้วก็ค้นเบอร์ล่าสุดที่เจ้าตัวโทรออก แต่เหมือนว่าตั้งแต่วันนี้จนถึงตอนเย็นแบคฮยอนก็ไม่ได้โทรไปหาใครเลยนอกจากมีสายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับของคนที่ชื่อ “เลย์ฮยอง” หลายสาย
“ตึง…”
เสียงข้อความเข้าดังขึ้น ชานยอลรีบเปิดเข้าไปดูอย่างถือวิสาสะ อย่างน้อยคนที่ติดต่อแบคฮยอนในตอนนี้คงจะเป็นคนที่สนิทไม่น้อย หรือไม่ก็คงเป็นญาติหรือว่าคนรู้จัก...อย่างน้อยก็คงรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นยังไงมายังไง
ข้อความหลายข้อความถูกส่งออกไป โดยเฉพาะข้อความของเลย์ฮยองที่เหมือนจะถูกตอบมากที่สุดแหละเหมือนจะเยอะมากที่สุด คงจะเป็นแฟน หรือไม่ก็พี่ชายละมั้ง แต่ข้อความส่วนใหญ่มักจะเป็นข้อความหวานๆที่ส่งให้กันมากกว่า อย่างนี้คงเดาได้ว่าเป็นอย่างแรก
แต่ช่วงหลังตั้งแต่ตอนเที่ยงของวันนี้ จะมีแค่เลย์ฮยองเท่านั้นที่ส่งข้อความมา แต่เหมือนว่าร่างบางจะไม่ตอบ หรือไม่ก็คงจะลืมทำอะไรเพลินๆจนไม่ได้ตอบข้อความกลับ
“เลย์ฮยอง: แบคกี้อา! ทำไมไม่ตอบข้อความพี่ ถ้าเห็นแล้วตอบด่วนเลย ไม่งั้นพี่งอน”
“เลย์ฮยอง: แบคกี้อา พี่อยากไปกินข้าวเที่ยงด้วย เห็นแล้วตอบด้วยนะ…”
“เลย์ฮยอง: แบคกี้อา วันนี้กลับบ้านด้วยกันอีกมั้ย เดี๋ยวฮยองพาไปกินไอติมนะ…”
“เลย์ฮยอง: บยอนแบคฮยอน ถ้าไม่รีบกลับบ้านระวังโดนทำโทษนะ!!”
ข้อความส่วนมากก็จะเป็นอะไรแนวนี้…เหมือนว่าคนชื่อเลย์นี่จะเป็นห่วงเจ้าของโทรศัพท์พอสมควร ชานยอลส่ายหัวไปมาก่อนที่จะกดดูข้อความล่าสุดที่เพิ่งส่งมาเมื่อซักครู
“เลย์ฮยอง: แบคฮยอน ตอนนี้อยู่ที่ไหน ที่บ้านเป็นห่วงมากเลยนะ พี่ก็เป็นห่วง รีบกลับมาเสียทีเด็กบ้า พี่จะร้องไห้ตายอยู่แล้วนะ…ไปค้างบ้านดีโอเหรอ หรือว่าไปทำงานที่บ้านจงแด ขอร้องเถอะเด็กบ้า ช่วยบอกพี่บ้างได้มั้ย”
ก่อนที่เขาจะคิดอะไรออก เขาก็กดตอบข้อความนั้นไป มือเรียวกดโทรศัพท์ด้วยความชำนาญ ก่อนที่จะทิ้งเบอร์ของตนไว้ใต้ข้อความ กดส่งแล้วเดินเอาโทรศัพท์ไปให้พยาบาล
เขาหันไปมองที่ห้องฉุกเฉินเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะก้าวออกมาโดยไม่หันหลังกลับมาอีกเลย…ชานยอลถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อน อีกสามชั่วโมงเขาก็ต้องไปเปิดร้าน และตอนนี้เขายังต้องใช้เวลาทำใจลืมเรื่องแบบนี้ออกไปจากสมองอีก
บยอนแบคฮยอน เด็กชายที่มากับฝน
หวังว่าจะได้เจอกันอีกในเร็วๆนี้นะ…
ก่อนที่รถของชานยอลจะเคลื่อนออกไป เขาไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าข้อความที่เขาส่งไปจะถูกตอบกลับมาแบบไหน แต่เขารู้แค่ว่าอีกฝ่ายคงจะโล่งใจและมีความสุขกว่าที่เขาเคยเป็นตอนเมื่อสี่ปีก่อนแน่นอน…
=SENT THE MESSAGE=
“แบคกี้อา: สวัสดีครับ ผมชื่อปาร์ค ชานยอล คือว่าผมเจอเด็กคนนี้ล้มอยู่ตรงแถวๆสนามเด็กเล่น ผมเลยพามาส่งโรงพยาบาล เห็นคุณหมอบอกว่าเป็นปอดบวมต้องการติดต่อญาติคนไข้ด่วน ผมเลยส่งข้อความมาแจ้งให้ทราบ หากมีเรื่องกรุณาติดต่อผมที่เบอร์นี้ หรือว่าติดต่อที่ร้านปาร์คคาเฟ่ตามที่อยู่ที่แนบไปได้เลยครับ ขอโทษที่ไม่ได้แจ้งทางโทรศัพท์”
=READ/REPLY=
“เลย์ฮยอง: ขอบคุณมากครับคุณปาร์ค ชานยอล ผมขอบคุณมากจริงๆ…ไว้ผมจะติดต่อกลับไปนะครับ…ผมขอบคุณมากจริงๆ”
= END CHAPTER 1 PART 2 (PROLOGUE) =
จบไปกับตอนที่หนึ่งค่ะ จุดพลุฉลอง เฮ้ ดีใจจังเลย O< --- <
ตอนต่อไปจะเริ่มมุ้งมิ้งแล้วค่ะ จะมุ้งมิ้งยังไงก็ติดตามดูนะคะ
ตามฟิคเรื่องนี้ สครีมกันได้ที่ #ฟิควันที่ฝนตก เน้อ
คอมเม้นท์ ติดตาม และกดเฟปกันไว้นะคะทุกคน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและขอให้ติดตามเรื่องนี้ต่อไปนะคะ ด้วยรักจากคุณยืนนิ่ง <3
ความคิดเห็น