ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Hєαlos.} Weapons research Clαss » яooм « 『ศาตราวุธวิทยา.』

    ลำดับตอนที่ #14 : การเรียนบทที่ 2 วิชาศาสตราวุธ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 86
      0
      14 ม.ค. 55

    ผมเอนตัวพิงโซฟาอย่างผ่อนคลาย พลางจิบชายามว่าง ชาอูหลงที่แสนหอม เมื่อจิบไปรู้สึกคล่องคอดียิ่งนัก ผมเปิดหนังสือที่ยืมจากห้องสมุดไปพลางจิบชา แม้ว่าภาษาทางตะวันตกจะทำความเข้าใจยากไปบ้างสำหรับตัวผม แต่อ่านๆไปไม่นานผมคงชิน ช่วงนี้ผมกำลังบ้าเห่อสัตว์ในเทพนิยายของชาวตะวันตก ซึ่งน่าแปลกทางตะวันตกมังกรนั้นเป็นปีศาจบ้างเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลขุนนาง,อัศวิน บ้าง ซึ่งผิดกับชาวตะวันออกนับถือมังกรเป็นเทพเจ้าและเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิ นกฟินิกซ์ซึ่งมีความใกล้เคียงกับหงส์ฟ้าของฮองเฮา หรือ แม้แต่ม้าสีขาวสง่างามมีเขา ราวกับว่าตกอยู่ในห้วงความฝัน

     

    “อาจารย์ ได้เวลาเรียนแล้วนะครับ”
    วาเลนโผล่มาจากด้านหลังแล้วเอามือผลักที่หัวผมทำให้ชาอูหลงหกใส่หนังสือและหนังหน้าผม ทำเอาผมร้องเสียงหลง ไม่ใช่เพราะชาหกรดหน้าผมหรอก แต่มันรดใส่หนังสือ ทำให้ม้ามีเขาสีขาวแปลงร่างกลายเป็นสีชาไปเสียแล้ว หนังสือเก่าแก่แบบนี้จะหาเงินที่ไหนมาชดใช้ล่ะนี่....

    “เห อาจารย์ผมขอโทษครับ อย่าร้องน้า...”
    วาเลนลูบหัวผมปลกๆ ผมอยากจะบอกว่า น้ำตาลูกผู้ชายมันไหลไปแล้วล่ะครับ.... ผมต้องทำงานที่นี้อีกกี่ปีถึงจะได้ค่าจ้างเต็มเม็ดเต็มหน่วยกับเขาสักทีล่ะ

    ผมถอดแว่นที่เปื้อนน้ำชามาเช็ดให้สะอาดเพื่อให้ทัศนวิสัยของผมดีขึ้น ระหว่างนั้นวาเลนก็หยิบหนังสือออกจากตักของผมไป เขาถือเหมือนไม่ได้ใส่ใจว่ามันเปียกอยู่เลย เขามองสักครู่แล้วทำอะไรสักอย่างกับหนังสือนั่น พลันส่งแสงประกายสีขาวออกมา พริบตาเดียวผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองคราบน้ำชาบนหนังสือที่เปียกปอนได้อันตรธานหายลับไปต่อหน้าต่อตา

    “นี่ครับ จารย์หยาง ผมทำให้มันแห้งแล้วนะครับ”

    วาเลนพูดด้วยน้ำเสียงหวานพร้อมยิ้มกว้างและส่งหนังสือที่อยู่ในสภาพเดิมมาให้

    “ขอบคุณครับ”

    ผมพลิกไปมาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นี่หรือเวทย์มนต์? มันสุดยอดจริงๆ

    “อย่ามัวแต่อึ้งครับ อาจารย์ ไปสอนได้แล้ว” วาเลนลากผมออกจากหนังสือและชาอูหลง

    ผมเปล่าอึ้งครับ.... แต่ผมดีใจที่ผมจะไม่โดนหักเงินเดือนแล้ว....

     

     

    ณ ห้องเรียนศาสตรวุธวิทยา ใจคอผมจะไม่จัดเก้าอี้ให้นักเรียนอยู่แล้ว วาเลนที่ลากผมเองก็คงรู้ว่าผมเป็นอาจารย์ที่สันหลังยาวงูเรียกพี่ได้เลย กะอีแค่เก้าอี้ อย่าหวัง มาสอนได้ถือว่าบุญโขแล้ว...ว่างั้นเถอะ...

     

     

    大家好 สวัสดีทุกๆคนครับ欢迎 ยินดีต้อนรับสู่คาบเรียนพื้นฐานครั้งที่สอง”

    ผมลุกขึ้นแล้วพูดยิ้มๆให้กับนักเรียนทุกคน พลันสายตาเหลือบไปเห็นท่านผู้ใหญ่เข้า... มีอันต้องหลบตา... ก็ผมนั้น มาสอนช้าเพราะมัวแต่จิบชาและดูม้ามีเขาเพลิน...

    “ในบทนี้จะกล่าวในเรื่อง อาวุธที่ไม่ใช่อาวุธนะครับ เพื่อใช้ในการพลิกแพลงในขณะที่เราไม่มีอาวุธประจำตัวใช้”

    นักศึกษาบางคนก้มหน้าจดอย่างเอาเป็นเอาตายจนผมอดผวาไม่ได้ จริงจังกันแท้... คุณครูล่ะอายแทน

    “อ่าครับ เช่นถ้าพวกคุณตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน บางคนอาจจะไม่ชำนาญมือเปล่า คุณก็จำเป็นต้องมีความช่างสังเกตและไหวพริบ เฉียบคมและว่องไว พอที่จะเอาตัวรอดในสถานการณ์นั้นๆ เช่น ถ้าคุณอยู่ในภาวะที่มีเพียงแค่พัดอันเดียวแบบผม”

    ผมชูพัดกระดาษลายดอกซากุระที่โยชิให้เป็นของขวัญขึ้นมา ความจริงผมไม่อยากจะใช้หรอก แต่มันเป็นของอย่างเดียวที่ติดตัวผมตลอดซะด้วยสิ ผมกางมันออกมาแล้วชูให้ทุกคนดูว่ามันเป็นเพียงแค่พัดกระดาษ

                “อย่างที่เห็นครับพัดกระดาษธรรมดา ไม่มีคม ไม่มีความแข็งพอจะทุบหัวใคร... แต่เราสามารถดัดแปลงได้เป็นอาวุธต่อสู้ได้ครับ ขออาสาสมัครหนึ่งคนครับ เพื่อใช้สาธิตครับ”

    ผมมองไปรอบๆ เหมือนว่าจะมีคนยกแต่ไหงมันเงียบอย่างกับป่าช้าแบบนี้....

    “ผมเองครับ อาจารย์หยาง”

    ห่ะ... ท่านผู้ใหญ่ !!! ผมแทบจะกรีดร้องเป็นภาษาละติน แล้วผมจะเอาปัญญาไหนไปสู้ท่านล่ะครับ !!!
    แต่ไม่ได้สิ... ท่านผู้ใหญ่เสนอตัวแล้ว ... จะปฏิเสธลงได้ยังไง ?... ถ้าท่านผู้ใหญ่มีเมตตาช่วยผมขนาดนี้แล้วก็...มิอาจขัดศรัทธาครับ (น้ำตาไหล)

    ชายรูปงามก้าวมาด้านหน้าผมอย่างช้าๆด้วยท่วงทีสง่าและน่าเกรงขามราวกับพยัคฆา ด้วยตาฉายแววลึกลับประกอบกับรอยยิ้มบางๆ ที่ประดับบนริมฝีปากเรียวสวยนั้น...

    จะเอาจริงเหรอครับท่าน.... ผมไม่อยากโดนไล่ออกน้า...อีกอย่างไม่อยากเสียฟอร์มด้วย...

    “ผมมาแล้วครับ งั้นสมมุติว่าผมเป็นผู้ร้ายแล้วมีอาวุธครบมือแล้วกัน...เพื่อความสมจริง”

    ท่านผู้อำนวยการหยิบปืนคู่สีเงินขึ้นมาควงด้วยท่าทางเหมือนจะเอาจริง

    ไม่ต้องงงงง แค่มือเปล่าผมก็ซี้แล้ว !!! ผมร่ำร้องในใจ

    “ขอบพระคุณครับที่มาช่วยเป็นผู้สาธิตให้” ผมคำนับ อีกฝั่งก็โค้งน้อยๆเป็นการตอบรับ

    ปัง !!
    เสียงปืนจากกระบอกฝั่งซ้ายเฉียดหัวผมไปแค่นิดเดียว... ผมยังไม่พร้อมครับ ได้โปรด... โฮ....

    “อาจารย์หยางเวลามีน้อยนะครับ” ชายผู้นั้นยิ้มหวาน

    เสียงเชียร์ของเด็กนักเรียนดังขึ้นราวกับว่า ที่นี้คือ The street สถานประลองจ้าวยุทธ์เสียแล้ว...

    เห็นๆอยู่ผมแพ้อยู่แล้ว ... ได้โปรด ฮือ...

    “แทงข้างอาจารย์หยางหรือท่านผอ.ข้างล่ะ 5 Gold ครับ” ริสตะโกนหารายได้เสริม

    เอาก็เอา...สู้ก็สู้ ไม่อยากเสียฟอร์มแต่ก็ไม่อยากโดนไล่ออก โถ.. พ่อคุณแม่คุณ...

    ท่านผู้ใหญ่ตั้งท่าแล้ว สาดกระสุนใส่ผมไม่หยุด ผมเองก็หลบอย่างเอาเป็นเอาตาย แถมกระสุนก็ไม่ใช่เม็ดตะกั่วธรรมดาซะด้วย... มันโชยไปด้วยกลิ่นอายของพลังเวทย์ เรียกได้ว่ารุนแรงเอาเรื่อง ถ้าโดนนัดเดียวกลับบ้านเก่าได้เลย.... ท่านครับ ผมมีคำถามในใจ ... ถ้าผมซี้ คุณจะจัดงานฌาปนกิจให้ผมไหมครับ?

    เมื่อเห็นช่องว่างเล็กน้อย ผมกระโดดสูงด้วยพลังปราณเพื่อให้อยู่สูงกว่าระยะโจมตีของอีกฝ่าย พลันพริบตา ผมหมายจะประชิดตัวเขาแต่ไม่สำเร็จเพราะเขาเร็วกว่าผมหลายเท่านัก ดวงตาของพญามังกรนั้นมาปราดเดียวแล้วส่งกระสุนพลังเวทย์มาที่ผม ผมเบี่ยงตัวหลบแต่ก็ไม่พ้นซะทีเดียวกระสุนนั้นเฉียดเข้าที่แก้มขวาผม ส่งผลให้เป็นรอยแผลและเลือดอาบ... เขาไม่มีช่องว่างหรือแม้แต่จะให้ผมหยุดพักหายใจ... นี่สินะ ท่านผู้ใหญ่ เห็นทีผมต้องเลือกแล้วล่ะ ว่า ชีวิต กับ เงินเดือน.....

    “อาจารย์สู้ๆน้า !!” เสียงเชียร์ของเด็กบางคนดังขึ้นทำเอาผมใจชื้นนิดหน่อย แต่ทว่าผมก็ยังไม่เห็นทางที่จะชนะ...

    ระหว่างที่ต่างคนต่างดูเชิง ชายเรือนผมสีเงินได้เปลี่ยนตลับและบรรจุกระสุนใหม่...

    .... ถ้ามีการสลับกระสุนงั้นก็แสดงว่า นั้นเป็นแค่ลูกตะกั่วอาบพลังเวทย์สินะ...

    เสี่ยงเป็นเสี่ยง แม้ว่าฟอร์มกินไม่ได้ แต่ผมก็ไม่อยากเสียมันนะ !

    ผมพุ่งไปด้านหน้าพร้อมกับหุบพัด อีกฝ่ายก็ตั้งท่าแล้วสาดกระสุนมาที่ผม ผมหลบด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่ผมทำได้ บางกระสุนที่เกินจะหลบก็ใช้พัดที่หุ้มปราณปัดป้องไป กระสุนนั้นเร็วพอๆกับผมแต่ทว่าเส้นทางการโจมตีของมันเป็นเส้นตรง จึงหลบได้ด้วยความเร็วที่พอๆกัน ชายคนนี้เหมือนคำนวณระยะตกของกระสุนไว้เลย... เห็นทีผมต้องกลับไปหัดเล่น Angry Bird ซะแล้ว ... ถ้ามีชีวิตรอดนะ

    “จบแค่นี้แหล่ะ... อาจารย์หยาง” ท่านผู้อำนวยการพูดแล้วยิ้มบางๆให้ พร้อมรวมพลังเวทย์สีเงินชุดใหญ่แล้วเล็งมาที่ผม

    ยัง... ยังไม่จบ.... นั้นนัดสุดท้ายแล้ว เป็นปืนตลับกระสุน 14 นัด ตอนนี้เหลือข้างละนัด โอกาสทอง...

    เสียงจากการโจมตีของชายผู้นั้นดังกึกก้องลานประลอง ควันโขมง เด็กนักเรียนที่ถนัดเวทย์บาเรียก็ออกมากางเพื่อปกป้องเพื่อนร่วมชั้นเอาไว้...

    ในสภาพที่หลบการโจมตีเส้นตรงไม่พ้น เสื้อผ้าขาดวิ่น เลือดไหลอาบ เมื่อท่านผอ.เห็นว่าผมยังมีแรงยืนและตั้งท่ามวยไทเก๊กได้จึงเตรียมเปลี่ยนตลับกระสุนอีกครั้ง
    ระหว่างโอกาสนั้น ผมใช้แรงเฮือกสุดท้ายประชิดตัวอีกฝ่าย รวบรวมความกล้าและปราณ ใช้พัดหุ้มพลังปราณ ฟันอีกฝ่ายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ทำให้ปืนหลุดจากมืออีกฝ่าย ผมหุบพัดแล้วใช้พัดเป็นแกนหลักล็อคที่แขนฝ่ายแล้วจับทุ่มลงกับพื้น พร้อมด้วยอัดปราณเข้าที่ท้องอีกฝ่าย...
    ชายผมเงินเซแล้วนอนหงายกับพื้นอย่างง่ายดาย

    ... ขอโทษครับท่านผู้ใหญ่ ... อย่าไล่ผมออกเลย... ผมไม่อยากเสียฟอร์ม

    “อาจารย์หยางชนะด้วยอ่ะ...” เสียงนักเรียนไม่เชื่อ บางคนก็ปรี่ตรงมารักษาผมกับท่านผอ.ทันที

    “หมดแรงแล้วล่ะครับ .... แต่ก่อนผมหลับขอสั่งการบ้านก่อนได้ไหม..”
    ผมเปรยพลางมองชุดตัวเก่งของตัวเองขาดวิ่นกับแผลตามตัว บางทีมีกระสุนฝัง แต่ที่ปวดใจกว่าคือพัดของโยชิคุงมีรอยไหม้เล็กน้อยตรงปลาย

    “อาจารย์จะได้ไปไหว้อาม่าอากงที่สวรรค์อยู่แล้ว ใจคออาจารย์ยังจะสั่งการบ้านอีกเหรอ?” โยชิทุบหัวผมเป็นการเตือน

    “แค่นั้นไม่ถึงกับไหว้อาแปะบนสวรรค์หรอกน่า...” เสียงทุ้มนุ่มของชายผู้นั้นดังขึ้น

    “ท่านผอ...” ผมมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อ เขายืนตรงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและไม่มีบาดแผลเลย แม้แต่รอยยับก็ไม่มี ... นี่มันอะไรกัน... เสียฟอร์มสุดๆ... ให้ตาย... เอาฟอร์มผมคืนมานะ...
     

    สมกับเป็นผู้ชายที่เป็นเจ้าของโรงเรียนแห่งนี้จริงๆ ราวกับว่าผมจับต้องไม่ได้แม้ชายเสื้อเขา

    ชายผมเงินโน้มตัวลงมาแล้วลูบหัวผมเป็นการชื่นชม ราวกับว่าผมทำตามความต้องการของท่านผอ.บรรลุแล้ว
    “ดีมากครับ ผมหวังว่าต่อจากนี้คุณจะสอนได้ดีกว่านี้นะครับ ผมจะขึ้นเงินเดือนให้แต่ทว่า...”

    เด็กๆหันไปสนใจกับชายเรือนผมสีเงินที่ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์

    “ผมขอแจ้งข่าวร้าย คุณทำปืนผมเป็นรอย ผมขอเอาเงินเดือนของคุณอีก สามเดือน พร้อมด้วยโบนัสประจำปีของคุณเป็นค่าชดใช้นะครับ...”

    ข่าวร้ายอย่างแรงเลย !!! รู้งี้เห็นเรื่องปากท้องสำคัญกว่าฟอร์มดีกว่า !!!

    น้ำตาลูกผู้ชายของผมไหลอาบแก้มอีกครั้ง เมื่อคราวนี้ผมต้องอดจริงๆ จังๆ...

    “เดี๋ยวต่อจากนี้ผมจะปิดการสอนคาบนี้เพียงเท่านี้นะครับ เนื่องจากอาจารย์หยางน็อกไปแล้ว.. ใครว่างก็พาเขาไปรักษาทีนะครับ”

    ท่านผู้ใหญ่ยิ้มบาง พลางปล่อยนักเรียนจากคาบเรียนและสั่งการบ้านแทนผมด้วย

    “การบ้านของคาบนี้ คือ ช่วยลองยกตัวอย่าง สิ่งของเครื่องใช้ที่พลิกแพลงเป็นอาวุธได้นะครับ”

    รูปบัตร
    ชื่อ
    :

    ยกตัวอย่าง สิ่งของเครื่องใช้ที่ดัดแปลงเป็นอาวุธมาหนึ่งชิ้น
     พร้อมบอกวิธีการใช้ในสถานการณ์แบบไหน

    ไม่มีหมดเขตส่ง ถ้าอาจารย์หยางขี้เกียจตรวจก็อดได้คะแนนไป...
    เพราะฉะนั้นส่งเร็วเป็นดีที่สุดนะครับทุกคน”

     

    นอกจากเสียฟอร์มแล้วยังโดนแย่งซีนอีกต่างหาก.... แถมเงินเดือนก็ปิ๋ว โบนัสหาย ...
    พระเจ้าช่วยกล้วยแกล้มชาอูหลง...

     

     

     

     

     

    ฟิคแถมท้ายตอน (ฉบับจิ้นของหยาง)

    ห้องของอาจารย์หยาง...

    “ไงครับดีขึ้นไหม” ท่านผู้อำนวยการมาเยี่ยมพร้อมยกชาแดงสไตล์อังกฤษมาเสิร์ฟให้ทุกคนที่มาเยี่ยมรวมทั้งตัวผม... พลางจัดสโคนเป็นคำและเค้กหน้าผลไม้สีสันสดใสไปด้วย

    “ขอบพระคุณครับ...” ผมยิ้มรับ แต่ว่าจะรับยังไงดี เข้าเฝือกทั้งสองข้างแบบนี้.... ไม่ใช่ว่าผมต้องรับประทานแบบสุนัขหรอกนะ....

    “จริงสิ
    จารย์หยางเข้าเฝือกนี่นา... จะกินยังไงล่ะ” วาเลนพูดพลาดใช้ช้อนวาดอากาศไปมา

    “เดี๋ยวผมป้อนนนน อ้ามมมม” นามิเสนอตัวมา แต่เขาตักเค้กคำใหญ่กว่าปากผมซะอีก ...

    “นามิไม่ต้องเลย นายตักคำใหญ่แบบนั้น คิดว่าอาจารย์จะกินได้เหรอ?” โยชิแย่งช้อนแล้วกินเค้กซะเอง

    ไหงงั้น.... ฮือ...

    “อะไร เล่า อาจารย์ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยนี่นา” ห้องนอนผมเริ่มมีเสียงโวยวายเพิ่มขึ้น จนผมอดร้องไห้ไม่ได้กับชีวิตนายเดชด้วนของตัวเอง

    “พอเลยครับทุกคนเดี๋ยวผมป้อนเอง” ท่านผู้อำนวยการเสนอเพื่อเป็นการยุติสงครามป้อนเค้ก

    เขาตักเค้กขนาดพอดีคำแล้วป้อนให้ผม ... ในใจอยากจะขอบพระคุณอย่างสูง...

    ผมเพ่งลอดแว่นไปเห็นหนอนที่ใครบางคนบอกว่าน่ารักกว่าแมวดิ้นอยู่ในช้อน

    “เอ่อ... ผมอิ่มแล้วครับ” ผมยิ้มแห้งๆ แต่เมื่อพูดจบท่านผู้อำนวยการก็ส่งเค้กหนอนมาในระยะเผาขน

    “ทานสิครับ ที่รัก...<3” ชายผมเงินยิ้มบางอย่างอ่อนโยน แต่ผมมิได้สนใจ แต่กลับไปเพ่งเหล่าหนอนชาเขียวดิ้นราวกับว่าทักทายผมว่า สวัสดีจ้า เจ้าแว่นด้วยภาษาหนอน อยู่ในช้อนแทน...

    “ทำไมอาจารย์ไม่ยอมทานล่ะ ท่านผู้อำนวยการอุตส่าห์ป้อน” มีเด็กหลายคนเชียร์ให้ทาน เหมือนผมจะได้กำลังใจแต่ไม่เลย.. นี่มันแรงกดดันชัด ๆ !!!

    เมื่อท่านเห็นผมชักช้า ท่านจึงบีบปากผมแล้ว เอาช้อนจะยัดเขาปากผม แต่เมื่อเป็นคนเกลียดหนอนสุดชีวิต จึงดิ้นออกแล้วโกยแนบร้องจ๊ากลั่น  เฝือกเอย ผ้าพันแผลเอย หลุดลุ่ยออกหมด เปลือยท่อนบน วิ่งโดดจากชั้นสามแบบไม่คิดชีวิต... ทั้งล้มลุกคลุกคลาน... กระเสือกกระสนหนี...  ใครจะหาว่าผมบ้า หรือ วิปริตชอบเปลือยท่อนบน ยังไม่สนแล้ว ผมขออย่างเดียวไม่เอาหนอน...

    “เย้ อาจารย์หยางหายแล้ว!!” วาเลนตะโกนพลางชี้ผมที่วิ่งอยู่บนพื้นชั้นล่างให้ทุกคนดู ทุกคนต่างหัวเราะด้วยความเปิ่นและไร้ฟอร์มของผม ... ฟอร์มของผมมันไม่มีให้รักษาตั้งแต่แรกแล้วจริงๆ ให้ตาย...

     

    ผมเกลียดหนอนนนนนน !!!

     

     



     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×