ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SNSD] Princesses & The Boys : เจ้าหญิงสุดร้ายกับเจ้าชายสุดขั้ว!

    ลำดับตอนที่ #2 : 1st Tale ~ Little Red Riding Hood and Sexiest Wild Wolf

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.12K
      12
      16 ธ.ค. 57

     
      
     

     
    1st Tale: Little Red Riding Hood And Sexiest Wild Wolf

     

    แต่งงานเพื่อพ่อนะลูก...

    ค่ะ... หนูจะแต่งงานเพื่อพ่อ...

     

    เสียงที่ดังหลอนๆนั่นแผ่วจางลงไปพร้อมกับความรู้สึกปวดหัวจี๊ดแล่นขึ้นสมอง ฉันลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก โอ๊ะ... ขนตาปลอมหลุดไปข้างหนึ่งแฮะ... เดี๋ยวสิ นี่ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องความสวย สิ่งที่ฉันควรจะใส่ใจเป็นอันดับแรกก็คือ...

    ไอ้ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าฉันนี่มันเป็นใครกันฟะ!

    สติสตังอันสุดจะเบลอเริ่มย้อนกลับเข้ามา โอ้แม่เจ้า... ฉันจะต้องแต่งงาน...เดือนหน้า...

    ...แต่ผู้ชายที่นอนร่วมเตียงกับฉัน ณ จุดๆนี้ห่างไกลกับคำว่า ว่าที่เจ้าบ่าวแบบสุดขั้ว

    พ่อแก้วแม่แก้ว ซันนี่พลาดไปแล้ว...

    โอ๊ย! คนสวยจะบ้าตาย!

     

    -- 8 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ --

     

    “นี่ เพลาๆหน่อยเถอะย่ะแม่ว่าที่เจ้าสาว ดื่มซะหนักเชียวนะ” ซูยองดึงแก้วค็อกเทลในมือฉันออก ก่อนจะส่งสายตาดุมาให้

    “ใช่ เธอน่ะดื่มเหล้าเป็นน้ำ อกหักหรือไงยะ?” ยูริแซวขึ้นมา ฉันได้แต่เท้าคาง รู้เลยว่าเซ็งทั้งอารมณ์และสีหน้า ก็จะไม่ให้เซ็งได้ไงล่ะคะ ในเมื่อฉันจะโดนจับคลุมถุงชน! นี่คู๊ณณณณ นี่มันยุคไหนสมัยไหนกันแล้ว แอปเปิ้ลกับแบล็คเบอรรี่กลายร่างจากผลไม้เป็นมือถือได้ แต่ฉัน อีซุนคยู คนนี้ต้องโดนจับแต่งงาน!

    “ว่าที่เจ้าบ่าวของพี่เป็นคนแย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” ซอฮยอนที่เด็กสุดและดูเป็นผู้เป็นคนที่สุดในหมู่พวกเราพูดขึ้นมา ถึงแม้ว่าอายุจะพ้นเกณฑ์ดื่มเหล้าได้แล้วแต่เธอก็ยังยืนยันจะกินแต่น้ำส้มทุกครั้งที่เรานัดเจอกัน อนามัยมากกกกก...

    “ไม่ ไม่ ไม่แย่เลย แค่เค้าไม่ตรงเสป็กพี่ และพี่ยังไม่เคยเห็นหน้าเค้าเท่านั้นเอง”

    “แล้วเสป็กของพี่ต้องเป็นแบบไหนล่ะ?” ยุนอา น้องรองในกลุ่มเราถามขึ้นมา มือเรียวบางของเธอยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างมีมาด แล้วสาวอีกเจ็ดคนที่เหลือก็นั่งตาแป๋วรอฟังคำตอบกันใจจดใจจ่อ

    “ไม่เยอะหรอกนะ...แค่ต้องสูง ขาว หล่อ คิ้วเข้มๆ ตาโตๆ เสียงนุ่มๆแต่แอบเซ็กซี่ ต้องเป็นหนุ่มฮอตแบบ... สามารถทำผู้หญิงละลายได้ด้วยสายตา นอกจากนั้นก็ต้องฉลาด เจ้าเล่ห์นิดๆ มีอารมณ์ขัน ขี้อ้อน นิดนึง เอาใจผู้หญิงเก่ง แล้วก็ต้องรวยด้วย!

    “นี่เธอ... เยอะแบบนั้นไปนอนฝันแล้วตื่นมาชาติหน้ายังหาไม่เจอเลยมั้ง” แทยอนว่า

    “จะยังไงก็แล้วแต่... ช่วงนี้ฉันขอใช้ชีวิตให้เต็มที่ก่อนสละโสดแล้วกันนะ” ฉันชนแก้วในมือกับสาวๆ แล้วพวกเราก็พากันลงไปเต้นบนฟลอร์ ทิ้งให้น้องเล็กซอฮยอนเป็นคนนั่งเฝ้าโต๊ะตามเคย

     

    --1 ชั่วโมงถัดมากับอีก 15 นาที--

     

    “ฉันว่าเธอเริ่มเมามากแล้วนะ กลับบ้านดีกว่า” ทิฟฟานี่พยุงฉันที่เริ่มเดินไม่ตรงทางออกมาจากร้าน สาวๆบางคนทยอยกลับกันไปแล้วเหลือแค่ฮโยยอน เจสสิก้าและทิฟฟานี่ที่ยังคงอยู่เป็นเพื่อนฉัน

    “พวกเธอกลับก่อนได้เลย ฉันจะไปต่อ” ฉันบอก เอ๊ะ? ทำไมสิก้ามีสองคนล่ะ?

    “ยัยบ้านี่ -*- เกิดโดนใครที่ไหนดักฉุดไปล่ะก็จะทำยังไง แล้วเธอไม่ได้ขับรถมานะยะ นั่งแท็กซี่กลับคอนโดคนเดียวตอนดึกๆมันอันตรายนะ” เจสสิก้าบ่นมาเป็นชุด

    “เออ กลับก็ได้ แต่ขอฉันเข้าห้องน้ำก่อนแล้วกันนะ” ฉันหันไปทำตาปิ๊งๆใส่เจสสิก้าที่ยอมใจอ่อนปล่อยฉันไปแต่โดยดี ฟานี่ทำท่าจะเดินตามฉันเข้ามา แต่ฉันยกมือห้ามแล้วบอกให้พวกเธอเรียกแท็กซี่รอไว้เลย

    ...หารู้ไม่ว่าฉันกำลังจะย่องหนีออกไปทางด้านหลังผับ แหม! ฉันเหลือเวลาให้สนุกอีกแค่เดือนเดียวเท่านั้นเอง ขอใช้ให้คุ้มหน่อยเถอะน่า!

    ฉันเดินย่องออกมาจากทางหนีไฟ ด้านหลังผับเป็นตรอกแคบๆ มืดๆ และดูจะชื้นจากไอหนาว ฉันยกฮู้ดสีแดงประดับเฟอร์ขึ้นคลุมหัวแล้วก้มหน้าก้มตาเดิน ถ้ายัยพวกนั้นเห็นเข้าล่ะก็จบเห่แน่เลยเชียว แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ฉันก็ชนเข้ากับอะไรบางอย่าง...

    ...ขาว... โอเค นั่นคือสิ่งแรกที่ฉันเห็น แล้วฉันก็พบว่ากำลังจ้องมองแผงอกของผู้ชายคนนึงอยู่ เขาใส่เสื้อยืดคอวีสีเข้มที่ผ่าลงมาลึกจนถึงช่วงกลางอก ทับด้วยแจ็กเกตสีดำ โว้ว แค่ชุดก็เซ็กซี่เป็นบ้า! ฉันมองไล่เรื่อยจากคอเสื้อ ไปถึงกระดูกไหปลาร้า ลำคอขาวผ่อง แล้วก็ใบหน้าที่กำลังก้มมองฉันอยู่

    หล่อ ขาว สูง คิ้วเข้ม ตาโต...

    นี่ฉันยังไม่ได้หลับฝันแล้วตื่นขึ้นในชาติหน้าใช่ไหม?

    “ขอโทษนะครับ” เขาพูดขึ้นแผ่วเบา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนหมาป่าแบบนั้นทำเอาฉันจะละลาย

    “ถึงเมื่อกี้มันจะเป็นอุบัติเหตุ แต่พอฉันเห็นหน้าคุณแล้วฉันก็คงจะตั้งใจชนอีกอยู่ดีล่ะค่ะ” ฉันตอบกลับไป หมาป่าตรงหน้าฉันเลิกคิ้วแล้วก้าวเข้ามาใกล้ฉันอีกนิด ทำทีเป็นสนใจเฟอร์สีแดงที่ติดอยู่รอบๆฮู้ด เล่นเอาหัวใจฉันกระหน่ำรัวเป็นจังหวะบีทบ๊อกซ์

    “หนูน้อยหมวกแดงยุคสองพันนี่ออกจะกล้าไปหน่อยเนอะ คุณว่าไหม?”

    “นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นนายพรานหรือหมาป่า... ถ้าอย่างแรกคุณก็คงจะไม่ชอบเท่าไหร่ แต่ถ้าอย่างหลังฉันว่าคุณคงสนุกไปกับมัน...” ฉันเชิดหน้าขึ้น สบตาเขาตรงๆ ไม่รู้จะไปต่อปากต่อคำกับเขาเพื่อ? แต่ให้ตายเถอะ ฉันอยากเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าวของฉันให้เป็นพ่อหมาป่ารูปหล่อคนนี้จัง มือเย็นๆของเขาเอื้อมมาช้อนใบหน้าของฉันที่อยู่ภายใต้ฮู้ด แค่สัมผัสเบาๆ ก็ทำให้ฉันขนลุกไปทั้งร่าง

    “งั้นผมคงเป็นอย่างหลัง เพราะผมรู้สึกว่าคุณแรงดี... ผมชอบ” แล้วเขาก็บดริมฝีปากร้อนผ่าวลงมา ณ วินาทีนั้นฉันแทบขยับไม่ได้เลย เขี้ยวของเขาขบริมฝีปากฉันเบาๆ ลิ้นร้อนๆนั่นละลายเอาสมองและอากาศที่มีอยู่น้อยนิดให้หมดไป เขาถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ในขณะที่ฉันแทบยืนไม่อยู่ มือแกร่งนั่นดึงฉันเข้ามาสู่อ้อมกอด แล้วกว่าที่ฉันจะรู้ตัวเขาก็จูบฉันอีก

    เฮ้ๆ... ฉันควรจะรู้สึกถึงสัญญาณอันตรายอะไรบางอย่างนะ

    หนูน้อยหมวกแดงก็เป็นแบบนี้ล่ะ เพราะไม่เชื่อคำพูดของผู้ใหญ่ เลยโดนหมาป่าจับกินไม่ใช่เหรอ

    แต่ถ้าหมาป่าร้อนแรงขนาดนี้ โดนจับกินสักทีก็คงไม่เลวเหมือนกัน...

     

    -- สามสิบนาทีถัดมา --

     

    ฉันถูกผลักเข้าไปชิดกำแพงทันทีที่ประตูห้องเปิด ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงมืดมิด และดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจเปิดไฟด้วย เขาจูบฉันเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้ว แต่ก็ยังดูเหมือนไม่พอสักที มือร้อนๆคลำหากระดุมเสื้อฉันก่อนจะปลดมันออกด้วยความเร็วเหลือเชื่อ มืออีกข้างลูบเข้ามาใต้กระโปรงแล้วดึงเล็กกิ้งของฉันลงไปกองอยู่ที่เข่า ตอนนี้ริมฝีปากของเขาไล่ลงมาถึงลำคอ เขี้ยวของเขาขบเบาๆที่เนินอก สติที่ยังพอมีเหลือในตัวบอกฉันว่านี่มันชักจะเลยเถิดเกินไปหน่อยแล้ว แต่ฉันไม่มีโอกาสได้หยุดเขาเลย ไม่มีแรงจะทำด้วยซ้ำ

    “ไปที่เตียงดีกว่า” เขากระซิบแล้วช้อนร่างอ่อนปวกเปียกของฉันขึ้นท่ามกลางความมืดก่อนจะก้าวยาวๆไปทางห้องนอน จากนั้นก็โยนฉันลงไปบนเตียงนุ่ม ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเจ้าหมาป่านั่นก็จูบฉันอีก คราวนี้เหมือนหมอนี่จัดเต็มสตีมแล้วด้วย มือของเขาเริ่มเข้าไปวุ่นวายกับชั้นในของฉันแล้ว!

    “อย่า... พอ...” ฉันได้ยินเสียงตัวเองครางออกไป มันแทบจะฟังไม่เป็นคำด้วยซ้ำ แต่เขาก็ไม่สนใจ ถึงตอนนี้ฉันไม่รู้แล้วว่าบนเนื้อตัวมีเสื้อผ้าเหลืออยู่กี่ชิ้น แต่มันคงจะน้อยเข้าขั้นวิกฤติ เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองสัมผัสได้ถึงผิวหนังของเขาแทบทุกตารางนิ้ว!

    “ผมจะกินคุณทั้งคืนแน่ๆ เตรียมใจไว้ได้เลย” เสียงกระซิบแหบพร่าที่ฟังดูเซ็กซี่บาดใจดังขึ้น แล้วจูบร้อนๆก็ถูกบดขยี้ลงมาอีก

    หลังจากนั้นสติของฉันก็กระเจิดกระเจิงไปโดยสมบูรณ์แบบ...

     

    -- โอเค ตัดกลับมาที่ตอนเช้า --

     

    ฉันนอนกะพริบตาปริบๆ จ้องมองผู้ชายตรงหน้า จากนั้นก็ก้มลงมองดูตัวเอง ยกผ้าห่มขึ้นสำรวจความเสียหาย--

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!

    ยังไม่ทันจะได้แหกปากร้องอะไรเลยฤทธิ์เหล้าเมื่อคืนก็พุ่งมาจุกอยู่ที่คอ ฉันลุกขึ้น ลากผ้าห่มมาด้วยแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปกองอยู่หน้าชักโครกทันที

    “เป็นไงคุณ เล่นเอาผมไม่ได้นอนเกือบทั้งคืนเลยนะ” ตัวการที่ทำให้ฉันต้องมีสภาพแบบนี้ยืนพิงประตูห้องน้ำอยู่อย่างใจเย็น กางเกงยีนห้อยต่ำอยู่ตรงสะโพกแบบน่าหวาดเสียวแถมยังรูดซิปแค่ครึ่งเดียว ดูหน้าหมอนี่ก็รู้ว่าอดนอน แต่ลุคแบบนี้กับตาบบวมๆ ผมยุ่งๆ นี่มันเซ็กซี่สุดยอด

    ไม่สิ นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมความเซ็กซี่นะ!

    “นี่! นาย! อีตาบ้า นายทำแบบนี้ได้ยังไง ที่คลื่นไส้แบบนี้แสดงว่าฉันท้องแล้วใช่ไหม ไม่นะอนาคตของฉัน”

    “จะบ้ารึไงคุณ! ผมไม่ใช่ปลากัดนะ จะได้ทำคุณท้องได้ในเวลาข้ามคืน แล้วก็นะ จะบอกให้ว่าเมื่อคืนผมแทบไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะครับ”

    “แล้ว... แล้วทำไมฉันถึงอยู่ในสภาพแบบนี้ล่ะ?” ฉันถามต่อ

    “ก็เพราะคุณน่ะเมาปลิ้นเลยน่ะสิ จำไม่ได้เลยใช่มั้ยว่าเมื่อคืนคุณน่ะถีบผมกระเด็นแล้ววิ่งเข้ามาอ้วกในห้องน้ำ แถมยังหลับคาชักโครก ผมต้องอุ้มคุณกลับมานอนบนเตียงแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลยยันเช้า”

    “ฉันจะเชื่อนายได้ยังไง?”

    “นี่คุณ...” หมอนั่นเดินเข้ามาแล้วนั่งยองๆ ลงตรงหน้าฉัน ทำไมต้องยื่นหน้ามาใกล้ขนาดนั้นด้วยเล่าาาา! “รู้ไหม? เวลาหมาป่ากินเหยื่อน่ะ มันต้องกินตอนเป็นๆ นะถึงจะอร่อย จะได้รู้ถึงรสชาติหอมหวาน...” เขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้จนริมฝีปากเราแทบจะแตะกันอยู่แล้ว อย่านะ! อย่ามา NC 18+ ตอนกลางวันแสกๆนะยะ!

    “โอเค เมื่อคืนฉันเมามากไปหน่อย... ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่ไม่ปล่อยให้ฉันนอนข้างถนน ฉันคงต้องกลับล่ะค่ะ” ฉันรีบดันเขาออกไป แต่ตรงกันข้ามหมอนั่นกลับเอาผ้าห่มพันตัวฉันแล้วอุ้มฉันพาดบ่าเดินออกจากห้องน้ำกลับไปที่เตียง เฮ้ย! อะไรกัน นี่มันอะไรก๊านนนน ฉันพยายามดิ้นรนสุดแรงเกิด แต่ด้วยสภาพที่มีผ้าห่มพันไว้เหมือนข้าวห่อสาหร่าย แถมยังมีหมาป่าตัวขาวๆ ที่มีซิกแพ๊กจับไว้อีก นี่ฉันจะไม่รอดจริงๆ ใช่ไหมนี่

    “ผมหิว” เขาพูด แล้วร่างสูงๆ นั่นก็ล้มลงมานอนข้างๆ อย่างหมดแรงทิ้งให้ฉันกะพริบตาปริบๆ ก่อนที่เขาจะพูดย้ำออกมาอีกครั้ง “หิวอ่ะ ทำกับข้าวให้กินหน่อยสิ”

     

     

    ผมนั่งเท้าคางมองแม่ครัวจำเป็นที่วิ่งวุ่นอยู่ในครัวของผม ด้วยความที่ผมโยนๆเสื้อผ้าเหม็นเหล้าของเธอลงไปในเครื่องซักผ้าหมดแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้แม่หนูน้อยหมวกแดงเลยต้องไปรื้อเอาเสื้อเชิ้ตของผมมาใส่ไปพลางๆ นี่ผมเคยบอกรึเปล่าว่าผู้หญิงในสภาพเพิ่งตื่นนอน (อาจจะเมาค้างนิดๆ) กับเสื้อเชิ้ตสีขาวแบบนี้มันเป็นสองไอเทมที่เมื่อรวมร่างกันแล้วกลายเป็นสุดยอดแห่งความเซ็กซี่...

    ผมว่าผมกินแม่ครัวไปพลางๆ ดีกว่ามั้ย?

    “นี่ ไม่ต้องมามองยังงั้นเลยนะยะ” เธอหันมาดุผมก่อนจะคว้าผ้ากันเปื้อนมาผูกทับทำให้ชายเสื้อมันร่นขึ้นไปอีกนิดนึง โอเค... ไอเทมที่สามคือผ้ากันเปื้อน...

    “คุณชื่ออะไร?” สาวน้อยหมวกแดงหันมาถามก่อนจะยกจานขนมปังปิ้ง ไข่ดาว และแฮมทอดมาวางไว้ให้ตรงหน้า

    “ทำไมถึงต้องอยากรู้ด้วยล่ะ?”

    “ถามไปยังงั้นแหละ ยังไงเดี๋ยวฉันก็ต้องกลับไปแล้ว คงไม่มีทางได้เจอนายอีกเป็นรอบที่สอง”

    ผมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่นั่งเท้าคางทำหน้าตาน่ารักตรงหน้า

    “เมื่อกี้ตอนนายไปอาบน้ำ ฉันโทรเรียกให้เพื่อนมารับแล้วก็ให้เอาเสื้อผ้ามาให้ด้วยนะ อีกแปบนึงคงจะถึง”

    “หมายความว่าคุณจะทิ้งผมไปทั้งๆ ยังงี้น่ะเหรอ”

    “ทิ้งเทิ้งอะไรกัน เรายังไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าถ้าเจอกันครั้งหน้าฉันจะเลี้ยงเหล้าแล้วกันนะ”

    เธอส่งยิ้มหวานตบท้ายก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก ผมอาศัยจังหวะนั้นเดินเข้าไปกอดเธอจากข้างหลังแล้วยกร่างเล็กๆ ขึ้นนั่งซ้อนตักผม เธอร้องโวยวายแต่มีเหรอที่ผมจะปล่อย

    “เวลามีน้อยก็ต้องใช้ให้คุ้มสิ... คุณมานอนบนเตียงผมทั้งคืน ผมคิดค่าเช่านะ”

    “จะเอาเงินเท่าไหร่ล่ะ ปล่อยสิฉันจะได้ไปหยิบ” เธอพูดออกมาอย่างร้อนรนขณะที่ผมลูบเรียวขาเธอช้าๆ ละลายเอาความดื้อดึงและอาหารขัดขืนทั้งหมดออกไป

    “ค่าเช่าน่ะ...ขอเป็นตัวคุณได้ไหม?” ผมขยับมือขึ้นมาจนถึงขาอ่อนของเธอ ได้ยินเสียงลมหายใจสั่นระรัว เหมือนกับเธอไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ให้ตายผมก็ไม่เชื่อหรอก สาวน้อยเวอร์จิ้นใสซื่อที่ไหนจะยอมมากับผู้ชายดึกๆดื่นๆ แถมเธอยังดูร้อนแรง เซ็กซี่จนผมเชื่อไม่ลงจริงๆ ว่าจะไม่เคยมีผู้ชายคนไหนได้แตะต้องแม่หนูน้อยหมวกแดงคนนี้

    ...แต่พอมาคิดอีกทีผมก็อยากให้ผมเป็นคนแรกของเธอมากกว่า

    ผมค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดแล้วดึงมันลงมาช้าๆ ไหล่ขาวน่ารักของเธอทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปฝากรอยจูบเอาไว้เป็นหลักฐาน ผมไล่ชิมผิวเนื้อของเธอไปจนถึงซอกคอ ขบใบหูเบาๆขณะที่ดึงเรียวขาเธอให้แยกออก เสียงร้องครางเบาๆนั่นทำเอาผมอยากเหวี่ยงเธอลงกับโต๊ะแล้วฟัดเธอให้หนำใจไปยันเช้าวันรุ่งขึ้น แต่ไม่รู้เพราะอะไร อีกใจหนึ่งผมอยากทะนุถนอมคนในอ้อมกอดนี้เพราะดูเธอไม่ต่างอะไรจากเด็กหญิงไร้เดียงสาเลยสักนิด ปลายนิ้วของผมสำรวจเธออย่างช้าๆ สาวน้อยหมวกแดงกลั้นหายใจเมื่อผมรุกล้ำเข้าไปในตัวเธอ สัมผัสเธอเบาๆ แตะตรงจุดที่ทำให้เธอลืมหายใจไปได้ชั่วขณะ ร่างเล็กๆอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดผม หมดแรงที่จะขัดขืนโดยสิ้นเชิง ผมขยับมือเป็นจังหวะช้าๆ อยากจะแกล้งเด็กคนนี้เล่น แต่กลับกลายเป็นว่าผมต่างหากที่อยากครอบครองเธอจนทำอะไรไม่ถูก ผมยกตัวเธอขึ้นแล้วจับร่างเล็กๆนั่นนอนลงบนโต๊ะกินข้าว โอเค... เธอต้องเป็นของหวานที่เยี่ยมยอดที่สุดแน่ๆ

    ---แต่---

    ~I can tell you’re looking at me I know what you see, any closer you will feel the heat~

    นั่นไง นั่นไงล่ะ! เชื่อเค้าเลยว่าฉากประมาณนี้มันต้องมีอะไรมาขัด ยัยตัวเล็กใต้ร่างผมรีบรวบเสื้อกลับคืนมาแล้ววิ่งไปรับโทรศัพท์ ปล่อยให้ผมนั่งอารมณ์ค้าง เซ็งเป็ด!

    “นี่ นาย บอกที่อยู่คอนโดมาหน่อยสิ เพื่อนฉันมาไม่ถูกอ่ะ”

    “ไม่!

    “นี่ ถ้าฉันยังไม่กลับบ้านภายในวันนี้ เพื่อนฉันจะแจ้งความว่านายกระทำการกักขังหน่วงเหนี่ยว ล่วงละเมิดทางเพศ แถมยังทำอนาจาร--

    “เออๆ พอแล้ว” ผมคว้ากระดาษกับปากกาแล้วเขียนที่อยู่คอนโดส่งให้เธอ ยัยนั่นรับไปแล้วก็พูดรัวเร็วกับโทรศัพท์ ประมาณว่าอีกสิบห้านาทีคงจะมาถึง ฮึ้ย! ฟังแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า! นี่ผมต้องปล่อยเธอไปทั้งๆยังงี้น่ะเหรอ? ไม่มีทางน่า!

    ตอนนี้แม่หนูน้อยหมวกแดงเดินวนไปรอบๆห้อง เก็บเสื้อผ้าข้าวของที่เกลื่อนกลาดของเธอยัดลงกระเป๋า ปากก็พูดพล่ามไปด้วย

    “นี่ เสื้อฉันน่ะทิ้งไปก็ได้นะ ไม่ต้องเก็บไว้หรอก อ้อ! แล้วก็เสื้อนายที่ฉันใส่อยู่นี่เดี๋ยวฉันซื้อต่อเลยแล้วกันนะ ฉันจะวางเงินทิ้งไว้ตรงนี้ล่ะ ราคาเท่าไหร่บอกมาสิ”

    “คุณจะต้องเอามาคืนผมเอง” ผมพูดออกไปก่อนจะคว้ามือเธอไว้แล้วดึงร่างเล็กๆเข้ามาจนชิด แก้มเธอยังคงแดงอยู่ ตัวก็ยังร้อนผ่าว เธอไม่กล้าสบตาผม นี่เธอเขินผมเหรอ?

    “ต...แต่...ฉันไม่อยากเจอนาย”

    “แต่ผมอยากเจอคุณ ผมจะต้องเจอคุณ รู้ไหม? โทรหาผมนะ...ได้โปรด” ผมกระซิบลงข้างหูเธอก่อนจะเสียบกระดาษจดเบอร์โทรไว้ที่ช่องว่างระหว่างกระดุมแถวๆ หน้าอกสุดสะบึม เธอหน้าแดงขึ้นมาอีกแล้ว ให้ตายเถอะอย่างน้อยขอผมจูบลาสักนิดก็ยังดี ผมค่อยๆ โน้มริมฝีปากลงไป ลมหายใจของเธออยู่ใกล้แค่เอื้อม...

    “ขอโทษนะคะฉันมารับเพื่อนเฮ้ย!!!

    ประตูเปิดผางพร้อมกับคำพูดที่เปลี่ยนเป็นเสียงตะโกนดังลั่น แล้วหมัดลุ่นๆ ของแม่สาวน้อยหมวกแดงก็กระแทกเข้าเบ้าตาผมเต็มรัก...

    ผมล่ะเกลียดแพทเทิร์นการขัดจังหวะแบบนี้จริงๆ!

     

     

    “ไม่เชื่อ!” คิมแทยอนพูดขึ้นมา “ให้ตายฉันก็ไม่เชื่อ”

    “จะให้ฉันพิสูจน์ยังไง ไหนบอกมาซิ -*-

    “ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันสองต่อสองทั้งคืนแล้วตื่นเช้ามาด้วยสภาพเสื้อผ้าน้อยชิ้นเข้าขั้นติดลบ จะให้ฉันเชื่อว่าเธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นสาวน้อยซันนี่คนเดิมอยู่งั้นเหรอ? บอกฉันมาตามตรงดีกว่าเธอกับพ่อหนุ่มคนนั้นไปถึงเลเวล X Y Z กันแล้วใช่มั้ย?”

    ฉันทำหน้าบูดมองแทยอนที่กำลังขับรถด้วยสีหน้าลั้ลลาอยู่... หมดกัน ภาพพจน์ของฉัน ไม่รู้จะด่าหรือขอบคุณแทยอนดีที่ดันทำตัวเป็นกันเอง เปิดประตูห้องเข้ามาโดยไม่เคาะ แล้วก็ดันมาแบบถูกจังหวะมากถึงมากที่สุดคือมาตอนฉากจูบ... อ๊าย! ไม่เอา พอ! เลิก! คิดถึงแล้วพานจะไข้ขึ้น!

    “โอเค... จะคิดยังไงก็ตามใจเถอะ ไม่แก้ตัวแล้ว”

    “ดีมาก ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปขยายในกลุ่ม--ว่าแต่ วันนี้เธอต้องเข้าบริษัทรึเปล่า นี่เดี๋ยวฉันต้องแวะเข้าไปที่โรงเรียนซะหน่อย” ฉันโบกมือปัดๆ เป็นเชิงว่าไม่ จะต้องแคร์อะไรมาก ก็บริษัทนี้เป็นของฉันนี่นา โอเคว่ามันก็เป็นสมบัติมรดกตกทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวดนั่นแหละ แต่ตอนนี้ฉันเป็นถึงระดับประธานกรรมการของบริษัทส่งออกจิวเวลรี่ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ไม่ได้คุยนะ แต่ฉันว่าฉันน่ะติดท็อบหนึ่งในสิบอันดับสาวฮอตที่รวยที่สุดในประเทศแล้วล่ะ แทยอนกับคนอื่นๆในกลุ่มก็คงติดอันดับห่างจากฉันไปไม่มากเท่าไหร่ บอกไว้ก่อนเลยค่ะว่าพวกเราเลือกคบกันที่หน้าตาและสภาพคล่องทางการเงินเป็นสองคุณสมบัติแรก ว่าแต่... เมื่อกี้แทยอนว่าอะไรนะ?

    “เฮ้ย เดี๋ยวนะแทยอน เธอบอกว่าจะเอาเรื่องนี้ไปขยายในกลุ่มเหรอ?”

    “แน่นอน! เย็นนี้ฉันนัดซูยองไว้ด้วย มีเรื่องให้เมาท์แล้วล่ะ”

    “อย่าได้บอกใครเชียวนะยะ! ถ้ารู้ถึงพ่อ มีหวังฉันตายแน่ๆ!” ฉันหันไปทำตาปิ๊งๆเหมือนลูกหมาใส่แทยอนที่ทำเสียงจึ๊กจั๊กขัดใจเล็กน้อย

    ยังไม่ทันที่ยัยนั่นจะอ้าปากเสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นอีกรอบ ตายละหว่า พ่อ!

    “ว่าไงคะ พ่อ” ฉันเหลือบมองไปทางแทยอนที่ทำตาโตแล้วตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไปแบบไม่รู้ไม่ชี้

    “เมื่อวานแทยอนโทรมาตามหาลูกที่บ้าน ไม่ได้กลับคอนโดเหรอลูก” ฮึ่ม... ให้มันได้ยังงี้สิ คิมแทยอน ฉันไม่น่าย้ายออกมาอยู่คอนโดเดียวกับยัยนี่เลย

    “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พอดีเมื่อวานกลับดึก หนูเลยไปค้างเป็นเพื่อนฟานี่”

    “ถ้างั้นก็แล้วไป ว่าแต่... วันนี้ลูกเข้าบริษัทหน่อยได้ไหม เห็นว่ามีเอกสารสองสามตัว แต่ถ้าไม่ว่างพ่อไปเองก็ได้”

    “ไม่ต้อง! ไม่ต้องเลยค่ะพ่อ! เดี๋ยวหนูเข้าไปเดี๋ยวนี้เลย พ่อพักผ่อนมากๆ เถอะนะคะ เดี๋ยวถ้าถึงคอนโดแล้วหนูจะโทรหา บ๊ายบายนะคะ” ฉันรีบตัดบทแล้ววางโทรศัพท์ทันที แทยอนหันมามองหน้าฉันก่อนจะยิ้ม

    “ตกลงให้ไปส่งที่ไหนดีคะคุณหนู?”

    “ต้องเข้าออฟฟิศน่ะสิ เป็นเพราะเธอคนเดียวเลย! ไปฟ้องพ่อทำไมว่าฉันไม่กลับบ้าน นี่ถ้าพ่อจับได้ว่าฉันหลงไปอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าทั้งคืนนะ ฉันจะฆ่าเธอคนแรกแน่ๆ” คิมแทยอนยักไหล่ทำท่าบอกบุญไม่รับก่อนจะเลี้ยวไปทางออฟฟิศของฉัน

    เฮ้อ~ ให้มันได้ยังงี้สิ!

     

    --สามสิบนาทีต่อมา--

     

    ฉันนั่งเน่าอยู่ในออฟฟิศ แทยอนก็หลั่นล้ากลับไปแล้ว เอกสารตรงหน้ากองบานเบอะ แถมยังเมาค้าง นอนไม่พอ คนสวยอยากจะลงไปดิ้นๆ ทำไมชีวิตมันต้องเป็นเยี่ยงนี้ด้วยนะ!

    อะไรก็ไม่หนักใจเท่าต้องแต่งงานเนี่ยแหละ จนป่านนี้ฉันยังไม่ได้เห็นหน้าว่าที่เจ้าบ่าวเลย แถมเมื่อคืนและเมื่อเช้าก็เกือบพลาดท่าเสียเวอร์จิ้นให้กับหมาป่าจอมหื่นที่หลุดออกมาจากไหนไม่รู้ แต่หมอนั่นน่ะภัยคุกคามระดับชาติจริงๆนะ ทั้งน้ำเสียง ทั้งแววตา ทำให้เคลิ้มไปได้ง่ายๆ เลย... ฮึ้ย! คิดอะไรของเธอเนี่ยซันนี่!

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกสติสตังของฉันให้กลับเข้าร่าง นี่เคลียร์งาน รีบกลับบ้านไปนอนท่าจะดีกว่าแฮะ... ฉันสะบัดหัวก่อนจะเอ่ยตอบออกไป

    “เชิญเลยค่ะ ไม่ได้ล็อก”

    บานประตูไม้เปิดออกโดยไม่มีเสียงเอียดอาดให้รำคาญหู ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา ขาว สูง คิ้วเข้ม ตาโต ถึงแม้จะอยู่ในเสื้อสูท แต่แลดูน่าจะมีซิกแพ็ค โอเค... โอเค หมอนี่เป็นใครกันฟะ

    “เอ่อ... คุณ?”

    “ผมชิมชางมินครับ ว่าที่เจ้าบ่าวของคุณ ขอโทษนะครับ พอดีผมไปทำงานที่นิวยอร์คมาสามเดือนเลยไม่ได้มาเจอคุณก่อน แต่ทันทีที่เครื่องลงวันนี้ผมก็รีบมาหาคุณเลย คงไม่โกรธผมใช่มั้ยครับ คุณว่าที่เจ้าสาว?” เขาพูดออกมาง่ายๆ ด้วยท่าทีเป็นกันเอง แต่สำหรับฉันน่ะไม่! อีซุนคยูช็อกตาตั้งไปแล้วค่ะ! เว้ยเฮ้ยยยยย! นี่จู่ๆว่าที่เจ้าบ่าวของฉันก็เดินมาประกาศตัวกันโต้งๆ แบบนี้เลยเหรอ!

    ซ้ำร้าย... เขามีทุกสิ่งในเช็คลิสท์ฉันครบไม่ขาดไม่เกิน พอๆ กับพ่อหนุ่มหมาป่าเมื่อคืนอีกต่างหาก!

    จะต่างกันตรงที่คุณชางมินออกจะดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่าหน่อย...ไม่สิ มากกกกกเลยล่ะ

    “เอ่อ... แล้วคุณ... มาที่นี่ทำไมคะ?”

    “พ่อคุณให้ผมมารับคุณไปลองชุดกับถ่ายรูปน่ะครับ”

    พ่อนะพ่อ!

     

     

    วันนี้ช่างเป็นวันที่ยาวนาน...

    ฉันตระเวนลองชุดแต่งงานมาจนจนทั่วโซลแล้ว อันที่จริงก็เว่อร์ไปน่ะ... นี่ก็ไปมาได้สามร้าน แต่ก็ยังไม่มีชุดที่ถูกใจ... ไม่ใช่ถูกใจฉันนะ ถูกใจคุณว่าที่เจ้าบ่าวต่างหาก แต่นี่ไม่รู้ด้วยแล้ว นี่ร้านที่สี่แล้วนะ! ฉันจะซื้อมันที่นี่แหละ! ใส่แค่ครั้งเดียว ชุดหมูหมากาไก่อะไรก็ใส่ไปเถอะ ณ จุดๆ นี้ซันนี่เมาค้างและอยากกลับไปไหลตายบนเตียงจะแย่

    “เอาชุดนี้แหละค่ะ” ฉันชี้ส่งๆ ไปที่ชุดเกาะอกสีขาวตัวหนึ่ง แบบดูเรียบๆ ไม่หวือหวา พนักงานเดินมาถอดชุดนั้นออกจากราวแล้วยืนส่งให้ฉัน

    “งั้นผมขอตัวไปตามช่างภาพแปบนึงนะครับ” พี่ชางมินส่งยิ้มน่ารักให้ฉันแล้วเดินมารูดม่านห้องเปลี่ยนเสื้อให้ กับคนที่ไม่ได้รักกันแล้วต้องแต่งงานกัน จริงๆ ถ้าได้เจออย่างนี้ก็ไม่แย่เท่าไหร่หรอกมั้ง ถึงยังไงพี่ชางมินก็หน้าตาดี ฐานะดี เทคแคร์ฉันอย่างดีด้วย แต่ทำไมฉันยังห่อเหี่ยวอยู่เลยล่ะ...

    ฉันตบแก้มตัวเองสองสามทีแล้วสะบัดหัวไล่ความคิดอกุศลทั้งหลายทั้งแหล่ออกไป...

    เธอทำเพื่อพ่อนะ อีซุนคยู... ท่องไว้ว่าเธอทำเพื่อพ่อ...

    แล้วทำไมใจฉันถึงได้ไพล่คิดไปถึงผู้ชายปริศนาคนนั้นตลอดเวลาเลยนะ!

    เสียงพูดคุยข้างนอกดังขึ้นทำให้ฉันรีบสวมชุดอย่างรวดเร็ว เฮ้อ~ รีบๆถ่าย อะไรๆ จะได้รีบๆ จบแล้วกลับบ้านไปนอนซักที ฉันหมุนสำรวจตัวเองอีกรอบก่อนจะดึงม่านเปิดออกไป

    แล้วสิ่งที่ฉันเห็นก็ทำให้ฉันต้องช็อกยิ่งกว่าตอนที่ตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองแชร์เตียงกับผู้ชายที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ...

    โอ๊ยยย! วันนี้มันวันมหาวิปโยคของอีซุนคยูแท้ๆ!

     

     

    “คยูฮยอน นี่ซันนี่ ว่าที่เจ้าสาวของฉัน ส่วนซันนี่ นี่โจคยูฮยอน ช่างภาพแล้วก็เพื่อนสนิทของผมครับ ปกติหมอนี่ไม่ค่อยยอมถ่ายรูปแต่งงานให้ใครหรอกนะ รับถ่ายแต่งานระดับโลกใช่ไหมล่ะ นายน่ะ?” ชางมินหยอดมุกใส่ผมแต่ผมทำได้แค่อ้าปากค้าง

    โอเค ว่าที่เจ้าสาวของเพื่อนผมสวย... สวยหยาดเยิ้ม...

    ...แล้วก็เป็นคนเดียวกับที่นอนบนเตียงผมเมื่อคืน!

    เวรตะไล ชิบหาย ตายสนิทแล้วไงไอ้คยูเอ๊ย!

    ซันนี่... หนูน้อยหมวกแดงคนเมื่อคืนมองผมด้วยอาการเหมือนโดนผีหลอกไม่ต่างกัน เราสองคนต่างพูดอะไรไม่ออก... ถ้าจะให้ผมพูดล่ะก็ ผมคงแช่งชักหักกระดูกพระเจ้าบนสวรรค์ที่จะส่งใครมาก็ไม่ส่ง แต่ดันส่งว่าที่เจ้าสาวของเพื่อนผมมาให้ในคืนวันที่เมาจนสิ้นสติ!

    “ขอโทษนะ สาขาที่อเมริกาโทรมาน่ะ พวกนายคุยกันไปก่อนนะ” ชางมินหยิบไอโฟนขึ้นมาแล้วเดินออกไป ผมอาศัยจังหวะนั้นคว้าแขนเจ้าสาวของเพื่อน ลากเธอกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวด้วยกันแล้วรูดม่านปิดทันที

    “จะทำอะไรน่ะ--อุ๊บ!” ผมผลักเธอเข้าไปชิดกระจกแล้วยกมือขึ้นปิดปากที่เริ่มจะโวยวายเอาไว้ทันที

    “นี่ทำไมคุณไม่บอกว่าคุณเป็นแฟนเพื่อนผม?”

    “แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าพี่เค้าเป็นเพื่อนกับนาย”

    “แต่อย่างน้อยคุณก็น่าจะบอกผมแต่แรกสิว่าคุณกำลังจะแต่งงาน!

    ซันนี่นิ่งอึ้งไปทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น แล้วแก้มของเธอก็แดงขึ้น

    “ก็นายฟังที่ฉันพูดรึไงเล่า ตาบ้า!” เออ...จริงว่ะ ขอโทษ คติผมมันเป็นพวกจูบก่อน ถามที่มาที่ไปทีหลัง... เฮ้ย! ไม่ใช่ดิ! นี่เธอจะเป็นเจ้าสาวของเพื่อนผมเลยนะ!

    “ปล่อยได้แล้ว นายคิดจะจับฉันไปถึงเมื่อไหร่กัน?” ซันนี่ท้วงขึ้นมาทำให้ผมรู้สึกว่าเราสองคนอยู่ใกล้กันมากแค่ไหน ผมยังไม่ลืมรสชาติหอมหวานของริมฝีปากเธอ ยังไม่ลืมสัมผัสของเนื้อนุ่มๆ ยังไม่ลืมว่าเธอเซ็กซี่จนทำผมแทบบ้า แล้วก็น่ารักจนทำผมแทบคลั่ง ยิ่งวันนี้เธอปรากฏตัวในชุดเจ้าสาว เธอก็ยิ่งดูสวยจนไม่น่าเชื่อจริงๆ

    ไม่น่าเชื่อเลยว่าผมจะต้องปล่อยเธอไปให้คนอื่น...

    “เรามารำลึกความหลังเรื่องเมื่อเช้ากันดีไหม?” ผมไม่พูดเปล่า แต่ก้มลงจูบซอกคอเธอเบาๆ ดึงขาข้างนึงของเธอขึ้นมาโอบเอวแล้วล้วงมือเข้าไปในกระโปรงก่อนที่เธอจะทันได้ร้องโวยวาย ผมสัมผัสเธอเหมือนที่ทำเมื่อเช้านี้ เธอกัดริมฝีปากแล้วแหงนหน้าขึ้นพิงกระจกกลั้นเสียงครางเอาไว้ ลำคอขาวๆนี่มันน่าทำรอยคิสมาร์คจริงๆเลยนะ...

    “ซันนี่ คยูฮยอน” เสียงของชางมินดังลอดเข้ามา ดูเหมือนซันนี่จะได้สติขึ้นมาทันทีผมขยับมือ แล้วเธอก็ถลึงตามองผม

    “ผมจะทำเยอะกว่านี้นะถ้าคุณไม่หาข้อแก้ตัวกับชางมินให้ดีๆ” ผมก้มลงกระซิบใส่ใบหูเธอ เธอมองค้อนผมอีกหนึ่งที สูดลมหายใจแล้วพูดออกไป

    “ฉ...ฉันเปลี่ยนเสื้ออยู่ค่ะ”

    “ทำไมรีบเปลี่ยนกลับล่ะคะ ยังไม่ได้ถ่ายรูปเลย” ชิ! ทำมาพูดคะขากับผู้หญิง หมั่นไส้ เพื่อเป็นการแก้แค้นผมก็เลยจูบว่าที่เจ้าสาวของหมอนี่ไปอีกทีนึง

    “แล้วนี่คยูฮยอนไปไหนล่ะ?”

    “พี่เค้า... ไปห้องน้ำน่ะค่ะ” เสียงที่เธอพูดฟังดูเซ็กซี่บาดใจชะมัดยาดเลย ตอนนี้เธอกอดไหล่ผมแน่นเหมือนจะหมดแรงแล้ว นั่นยิ่งทำให้ผมอยากจะทำให้เธอเป็นของผมคนเดียว นี่ผมเป็นบ้าอะไรไปแล้วเนี่ย!

    เสียงโทรศัพท์ของชางมินดังขึ้นอีกครั้งแล้วหมอนั่นก็เดินก้าวออกไปข้างนอก ผมปล่อยตัวเจ้าสาวของเพื่อนที่ไหลลงไปกองกับพื้นอย่างหมดแรง เธอมองผมเหมือนอยากจะฆ่าผมให้ตายตรงนั้น เนื้อตัวยังคงสั่นเทา ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับปากด่าผม

    “เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วค่อยตามออกมาแล้วกันนะ เดี๋ยวเจ้าบ่าวเธอจะจับได้” ผมพูดแล้วเดินออกมา ถ้าอยู่ต่อนานกว่านี้คงไม่รอดแน่... ผมคงได้จับเจ้าสาวของชางมินฟัดเละในห้องเปลี่ยนเสื้อนั่นแหละ

    โอ๊ยยยยย! โจคยูฮยอน แกเป็นบ้าอะไรไปแล้วเนี่ย! ท่องไว้สิ เจ้าสาวของเพื่อน... เจ้าสาวของเพื่อน...

    ด่าผมว่าเลวเถอะครับ... แต่ผมจะทำให้เจ้าสาวของเพื่อนกลายเป็นเจ้าสาวของผม!

     

     

    “ทำไมทำหน้าบูดแบบนั้นล่ะซันนี่?” ซูยองถามแต่สายตาเนี่ยไม่ได้อยู่ที่หน้าฉันเลย ยัยนั่นกำลังเปิดนิตยสารแฟชั่นดูเรื่อยเปื่อย ฮึ่ย!

    “อ่ะ สาวๆ ขอโทษทีนะ พอดีวันนี้ปิดต้นฉบับน่ะ ไหน? ใครมีเรื่องอะไรว่ามาซิ” ยูริ บก.สาวและเจ้าของนิตสารแฟชั่นชื่อดังเปิดประตูเข้ามาในห้องประชุมออฟฟิศตัวเองที่ฉันกับซูยองมาตั้งรกรากชั่วคราว ยูริเป็นพวกเพอร์เฟกต์ชั่นนิสต์ตัวแม่ ถึงจะเป็นบรรณาธิการบริหาร (พูดง่ายๆว่าก็เจ้าของหนังสือ) แต่ยัยนี่ติดนิสัยชอบลุยงานปิดต้นฉบับด้วยตัวเองทุกครั้งจนนี่ปาเข้าไปสามทุ่มแล้วเพิ่งจะเสร็จ ปล่อยเพื่อนนั่งรอจนจะเน่าคาโต๊ะได้อยู่แล้ว

    “โน่นเลย ยัยเตี้ยน่ะมีปัญหา” ซูยองโบ้ย เออ ยัยเพื่อนสูง เดี๋ยวแม่ก็แช่งให้เตี้ยตามกันซะเลยนี่

    “ฉันเจอว่าที่เจ้าบ่าวแล้ว”

    “อ่ะ อันนี้รู้แล้ว ชิมชางมินเจ้าของบริษัท IT รายใหญ่ วันนี้เค้าพาเธอไปลองชุดกับถ่ายรูปใช่ไหมล่ะ? แทยอนเล่าให้ฟังหมดแล้วล่ะ” ยูริพูดด้วยสีหน้าเป็นประกายในขณะที่ฉันอ้าปากค้าง นี่คิมแทยอนรู้เห็นเป็นใจกับพ่อเหรอเนี่ย! เดี๋ยวกลับไปคอนโดแม่จะจับตีก้นซะให้เข็ด!

    “อย่าว่าแต่เรื่องเจ้าบ่าวเธอเลยนะซันนี่ เรื่องที่เมื่อวานเธอหายไป X Y Z กับหนุ่มหล่อในเสป็คมา แทยอนก็เล่าให้พวกเราฟังหมดแล้ว เจสสิก้ากับซอฮยอนน่ะเตรียมแพ็กเกจอบรมสั่งสอนวิธีการเป็นกุลสตรีที่ดีไว้ให้เธอคอร์สใหญ่เลยล่ะ” ซูยองยิ้มหวานส่งให้ฉันที่รู้เลยว่าตัวเองต้องหน้าซีดเป็นไก่ต้มแล้วแน่ๆ... คิมแทยอน! ยัยเพื่อนปากสว่างเอ๊ย!

    “โอเค ก็ดี จะได้ไม่เสียเวลา” ฉันสะบัดผม แล้วกระแอมไอนิดหน่อย มั่นใจว่าต่อให้แทยอนรายงานทุกคนได้เป็นฉากขนาดไหน ยัยนั่นก็ไม่มีทางรู้เรื่องที่ฉันกำลังจะเล่าต่อจากนี้แน่

    “ผู้ชายที่ฉันไปด้วยเมื่อคืนคือว่าที่เพื่อนเจ้าบ่าว เค้าเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชางมิน”

    “อะไรนะ!” ยูริกับซูยองตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน แล้วสองคนนั้นก็ทำหน้าช็อกกันทั้งคู่ ซูยองเปลี่ยนโหมดมาเป็นจริงจังได้ในพริบตา

    “นี่เรื่องคอขาดบาดตายนะ ตานั่นเป็นใคร ชื่ออะไร ทำงานที่ไหน แล้วพี่ชางมินรู้มั้ยว่าตัวเองโดนตัดหน้าไปแล้ว?”

    “หมอนั่นชื่อโจคยูฮยอน ฉันรู้แค่ว่าเขาเป็นช่างภาพที่หล่อ รวย เท่ห์ และพี่ชางมินไม่รู้เรื่องเมื่อคืนเลยสักนิด แต่ฉันว่าอีกไม่นานคงจะรู้แล้วล่ะ อีตาโจคยูฮยอนนั่นเหมือนจะมีแผนทำงานแต่งฉันล่มตั้งแต่วันนี้แล้ว” ฉันเล่าให้ซูยองกับยูริฟัง จงใจเว้นเหตุการณ์ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไป... คือ แค่นี้ภาพพจน์ฉันก็เสียหายแบบกู่ไม่กลับแล้วน่ะนะ...

    “เดี๋ยวนะ... ใช่คนนี้รึเปล่า?” ยูริคว้านิตยสารขึ้นมาแล้วพลิกหน้ากระดาษอย่างรวดเร็วจนไปหยุดอยู่ที่รูปของผู้ชายคนนั้น เหมือนจะเป็นโฆษณากล้องถ่ายรูปอะไรสักอย่าง แต่ว่าฉันกลับถูกกสายตาเขาที่จ้องมองทะลุหน้ากระดาษนั่นดึงดูดไว้ แค่รูปของเขายังดูเซ็กซี่ซะจนซูยองยังกรี๊ดออกมา

    “ซันนี่ เธอมีพี่ชางมินแล้วคนนี้ฉันขอนะ” ฉันจิกตาใส่ซูยองก่อนจะตีมือเธอไปทีนึง

    “เฮ้ๆ คนนี้น่ะ หล่อรวย มีทุกอย่างตรงเสป็กเธอ แต่เขาน่ะร้ายตัวพ่อเชียวนะ”

    “ทำไม? เป็นเพลย์บอยเหรอ?” ฉันถามยูริที่ยกขาขึ้นไขว่ห้าง ทำทีเป็นกูรูสุดๆ

    “เปล่าเลย ผู้หญิงคนไหนอยู่ใกล้เขาก็แทบจะถวายตัวให้ทั้งนั้นล่ะ แต่หมอนี่น่ะช่างเลือก ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงที่สนใจต่อให้สวยแค่ไหนก็ไม่ชายตาแล คราวก่อนที่ฉันจ้างเขามาถ่ายรูป นางแบบของฉันน่ะอ่อยแทบตาย หมอนี่ถึงขนาดสาดน้ำใส่หน้าเลยล่ะ”

    “เก๋ดีออก ผู้ชายแบบนี้” ซูยองทำหน้าเพ้อฝันอีกแล้ว แต่ฉันกลับรู้สึกแปลกๆ จะว่าดีใจก็ไม่เชิงนะ... แต่ผู้ชายที่หยิ่งขนาดนี้กลับแสดงออกมากมายว่าเขาต้องการฉัน แต่ว่า...เพื่ออะไรกันล่ะ?

    “เขาไม่ถูกกับพี่ชางมินรึเปล่า? ขัดผลประโยชน์อะไรกันไหม?” ฉันหันไปถามยูริต่อ

    “สองคนนั้นสนิทกันจะตาย จะมาขัดผลประโยชน์กันก็ตรงเรื่องเธอนี่แหละ” ชะอุ้ย... งานเข้าคนสวยเลยแฮะ

    ยูริคงเห็นฉันหน้าเจื่อนๆ ไปก็เลยถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “ถามจริงๆ นะ เธอไม่ได้รักพี่ชางมินเลยใช่มั้ย?”

    “เค้าก็ไม่ได้แย่นะ...”

    “แล้วโจคยูฮยอนล่ะ?”

    “จะบ้าเหรอ! ฉันเพิ่งเจอหมอนั่นยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงดีเลยด้วยซ้ำมั้ง”

    “ความรักมันไม่ต้องใช้เวลาเกิดนานขนาดนั้นหรอก” ซูยองทำเสียงจึ๊กจั๊กแล้วก็ส่ายนิ้วไปมาตรงหน้า “เธอไม่ใช่คนปล่อยเนื้อปล่อยตัวนะซันนี่ บางทีผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นรักแรกพบของเธอก็ได้ ใครจะไปรู้”

    ฉันได้แต่นิ่งฟังคำพูดของเพื่อนๆ ไม่มีปัญญาจะคิดหาคำตอบหรืออะไรมาเถียงทั้งนั้น

    ...รักแรกพบเหรอ?... มันดูไกลจากความเป็นจริงสุดกู่เลย หมอนั่นน่ะจ้องแต่จะขย้ำฉันท่าเดียว

    ฉันว่าอีตาหมาป่านั่นกะจะฟันฉันมากกว่า!

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×