ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นิทานปล่อยสัตว์ ตอน สละเนื้อช่วยนก

    ลำดับตอนที่ #3 : เสียงสวรรค์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 66
      0
      8 ต.ค. 46

    เสียงสวรรค์

                 ในคัมภีร์ เสี้ยน อี้ จิง เล่มที่ 12 มีจารึกเรื่องราวเล่าไว้ว่า หลังจากที่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปได้ไม่นาน พระศาสนาของพระองค์ก็แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าพระธรรมคำสอนของพระองค์ประดิษฐานลง ณ ถิ่นแดนแคว้นใด ก็นำพาความร่มเย็นความสงบและสันติสุข ให้บังเกิดขึ้นแก่ทุกชีวิตในดินแดนเหล่านั้น

                ครั้งนั้นมีพระสงฆ์ผู้เป็นพุทธสาวกองค์หนึ่ง ตั้งมั่นประพฤติปฏิบัติธรรมด้วยความวิริยะพากเพียร เคร่งครัดในวิปัสสนาธุระ เจริญสมาธิภาวนาอย่างสม่ำเสมอมิได้ขาด ทุกวันหลังจากที่ท่านฉันภัตตาหารเพลแล้ว พระสงฆ์องค์นี้จะสำรวมจิตให้สงบนิ่ง แล้วเปล่งเสียงสวดมนต์เพื่อพรรณาหลักธรรมคำสอนโดยน้อมรำลึกถึงองค์สมเด็จพระบรมศาสดา ที่ทรงมีพระหฤทัยเมตตากรุณาต่อเวไนยสัตว์ทั้งปวง

                กระแสเสียงของพระสงฆ์องค์นั้นดังกังวาลไพรเราะยิ่งนักสุดจะเอ่ยพพรรณา ในเวลานั้นเองมีนกตัวหหนึ่งบินผ่านมาพอได้ยินเสียงสวดมนต์อันเสนาะเพราะพริ้งราวกับเสียงสวรรค์ ก็สะดุดหยุดบินค่อย ๆ ร่อนลงจับอยู่บนกิ่งไม้ใกล้ ๆ แล้วเงี่ยหูสดับฟังนิ่งไม่ขยับเขยื้อนไปไหน นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานกตัวนี้ก็หมั่นเพียรบินมาฟังพระสงฆ์สวดมนต์เป็นประจำมิได้ขาด ตราบจนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากที่ฟังพระสงฆ์สวดจบ ขณะที่มันกำลังจะบินกลับรังระหว่างทางได้ถูกคนล่าสัตว์ยิงตกลงมาสิ้นชีวิต

                แต่ด้วยอานิสงส์ที่ก่อนจะตาย นกตัวนี้ได้รับฟังเสียงสวดมนต์อันไพรเราะซาบซึ้งตรึงใจ เมื่อจิตวิญญาณออกจากร่างก็ไปจุติเป็นเทพบุตร มีรูปร่างสง่างามอยู่เสวยสุขในทิพย์วิมานแดนสวรรค์

                ครั้นเทพบุตรผู้เปี่ยมสุขได้ย้อนระลึกถึงเรื่องราวทั้งหมดของตนในอดีตชาติ ก็ยังตรึงใจในเสียงสวดมนต์อันไพรเราะของพระสงฆ์สาวกองค์นั้น จึงตั้งจิตอธิฐานเนรมิตธูปหอมกำใหญ่ให้จุดขึ้นแล้วถือไว้ในมือล่องลอยจากแดนสวรรค์สู่โลกมนุษย์

                เมื่อมาถึงสถานที่เจริญภาวนาของพระสงฆ์พุทธสาวกองค์นั้นกลิ่นธูปแห่งสรวงสวรรค์ที่นำมาก็กระจายหอมกรุ่นไปทั่วอาณาบริเวณโดยรอบเทพบุตรผู้มีรัศมีเรืองรองสง่างามพนมมือทั้งสองประคองธูปขึ้น แล้วก้าวเดินเข้าไปพบพระสงฆ์ที่ตนเคารพยิ่งพร้อมกับกล่าวว่า “ข้าแต่สมณะผู้เป็นพุทธสาวก ข้าพเจ้าได้นำธูปหอมมาเพื่อแสดงความคารวะ ด้วยใจชื่นชมในน้ำเสียงสวดมนต์อันไพเราะเสนาะโสตของท่าน ขอพระคุณเจ้าผู้เจริญ ...โปรดรับการถวายบูชาของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด” พระสงฆ์องค์นั้นได้รับการคารวะด้วยความยินดี แล้วจึงเชื้อเชิญให้เทพบุตรผู้มาเยือนอยู่สนทนาธรรมท่านได้กล่าวว่า “เสียงสวดเจริญพระพุทธมนต์ ที่ได้พรรณนาถึงสัจธรรมคำสอน อันองค์สมเด็จพระบรมศาสดาอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว ผู้ที่มาได้ยินได้ฟังก็จะตื่นจากความหลง ครั้นสิ้นอายุขัยตายจากโลกนี้ไปก็จะสามารถไปเกิดอยู่ในสุคติภพแดนสวรรค์ หากท่านเทพบุตรผู้มีรากบุญหมั่นพิจารณาพระธรรมนั้นอยู่เนือง ๆ ย่อมสามารถบรรลุมรรคผลอันสูงสุดได้ แสงแห่งพุทธธรรมนั้นแผ่รัศมีอันสว่างไสวไปทั่วอนันตจักรวาลเพื่อส่องนำทางให้เวไนยสัตว์ทั้งปวงสู่ความพ้นทุกข์ ได้พบกับความสงบสุขชั่วนิรันดร”

                หลังจากที่เทพบุตรกลับขึ้นสวรรค์แล้ว ก็ตั้งจิตบำเพ็ญเพียรพิจารณาใคร่ครวญหลักธรรมคำสอนที่ได้ยินได้ฟังมาทั้งหมดตามคำชี้แนะของพระสงฆ์องค์นั้นอย่างสม่ำเสมอ ไม่นานก็สามารถบรรลุธรรมเข้าสู่ “นิพพาน” อันเป็นแดนบรมสุขได้ในที่สุด

                สาธุชนทั้งหลายหากรู้จักคิดให้ดี ก็ย่อมจะเข้าใจได้ว่า “แม้จะมีร่างเป็นเพียงนกตัวหนึ่งยังมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง ไม่เปลี่ยนแปลงอาศัยการได้ยินได้ฟังอย่างสม่ำเสมอแล้วน้อมนำมาพิจารณาให้รู้แจ้ง เช่นนี้แล้วมรรคผลนิพพานย่อมปรากฏอยู่ต่อหน้า” นกยังทำได้คนจะทำไม่ได้เลยเชียวหรือ  



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×