คำบางคำอย่ารอ……ให้สายเกินไป - คำบางคำอย่ารอ……ให้สายเกินไป นิยาย คำบางคำอย่ารอ……ให้สายเกินไป : Dek-D.com - Writer

    คำบางคำอย่ารอ……ให้สายเกินไป

    ทำไมชีวิตต้องเป็นแบบนี้ด้วยไม่เข้าใจ เศร้าใจจริง ๆ นี่คงเป็นอีกหนึ่งโศกนาฏกรรมความรัก ของ มนุษย์

    ผู้เข้าชมรวม

    714

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    714

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 ก.ค. 48 / 17:33 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      > ผมกำลังยืนอยู่บนสะพานแขวนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ท้องฟ้าในคืนนี้มืดสนิท
      >มีเพียงแสงเรืองเรืองของหลอดไฟทอดยาวตามแนวสะพานไป
      >การที่ได้เห็นกรุงเทพในมุมนี้
      >มันทำให้ได้พบหลายต่อหลายอย่างที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น ผมมองออกไปในย่านชุมชน
      >แสงไฟหลากสีในอาคารบ้านเรือนกระจายไปจนสุดลูกหูลูกตา
      >เรียบแม่น้ำเจ้าพระยาไปเป็นถนนทอดยาว มีเพียงแสงไฟจากหน้ารถที่สาดไปยังริมถนน
      >ส่วนบนสะพานที่ผมกำลังยืนอยู่นี้ก็เป็นถนนกว้างพอสมควร
      >มีรถวิ่งอย่างเบาบางเพราะคนมักจะใช้เส้นทางอื่นกัน บนนี้มันจึงเงียบสงบ
      >ผมไม่แปลกใจเลยที่เธอมักจะชวนผมมาที่นี่เป็นประจำ
      >ผมไม่ได้ขึ้นมาบนนี้หลายปีแล้วเพราะที่แห่งนี้มันทำให้ผมหวนนึกถึงเธอ
      >เธอมักจะให้ผมมายืนดูดาวเป็นเพื่อนเธอ
      >กินไอศกรีมรสสตอเบอรี่ที่เธอชอบเป็นเพื่อนเธอ
      >ที่แห่งนี้มันเคยทำให้ผมมีความสุข ผมคงได้ขึ้นมาบนนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
      >หลังจากวันนี้ไปผมจะจากไปและไม่หวนกลับมาอีก จะมีเพียงความทรงจำของเธอเท่านั้น
      >ที่จะอยู่ในใจผมตลอดไป……
      >
      > ….ผมได้รู้จักเธอครั้งแรกก็เมื่อตอนที่ผมอยู่ชั้น ม.1
      >ผมก้าวเข้ามาในโรงเรียนแห่งนี้ พวกเราต่างก็เป็นนักเรียนใหม่
      >หลายหลายอย่างในห้องใหม่ของผมนี้ดูมันจะน่าเบื่อซะจริงจริง
      >หลังจากที่เคารพธงชาติแล้วทุกคนก็เข้าชั้นเรียน
      >และก็เป็นธรรมดาของนักเรียนใหม่ทั้งหลายก็ต้องมีการแนะนำตัวกัน
      >อาจารย์ประจำชั้นของผมเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 40 ดูท่าทางอาจารย์เป็นคนใจดีมาก
      >อาจารย์ก็เริ่มแนะนำตัวเอง ขณะที่อาจารย์กำลังพูดอยู่
      >ก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา “อาจารย์ค่ะ ขออนุญาตเข้าห้อง”
      >ผมรีบหันไปยังที่มาของเสียงนั้นทันที แล้วหญิงสาวก็ก้าวเข้ามา
      >โอ้!แม่เจ้าโว้ย เธอช่างน่ารักอะไรอย่างนี้ ถึงดูเธอจะชอบตื่นสายไปสักหน่อย
      >แต่ถ้าเอามาบวกลบกับความสวยแล้ว ตื่นสายแค่นี้ผมยกให้ ความคิดผมในตอนนั้น
      >ทำยังไงจะได้รู้จักเธอบ้างนะเธอเดินเข้ามาแล้วก็หาเก้าอี้นั่ง
      >ตอนนั้นที่ข้างผมมีกระเป๋าใครก็ไม่รู้วางอยู่
      >คนทั้งห้องตอนนั้นก็คุยกันโดยไม่สนใจอะไรเลย
      >ผมเลยจับกระเป๋าไอ้ที่นั่งข้างผมโยนไปโต๊ะตัวข้างหลัง
      >ทั้งห้องเลยเหลือที่ว่างอยู่ที่เดียว คือที่นั่งข้างผม เธอเดินมาใกล้ๆ
      >ผมแล้วก็พูดอย่างอ่อนหวาน
      > “นั่งด้วยได้มั๊ย” ก็จะไม่ได้ ได้ยังไง
      >ก็ที่ตรงนี้ผมพึ่งจัดไว้ให้เธอโดยเฉพาะ ผมหันหน้าไปหาเธอแล้วก็พยักหน้า
      >แล้วเธอก็นั่งลงฟังที่อาจารย์พูดหน้าห้อง
      >ขณะที่เธอกำลังจับจ้องอยู่ที่อาจารย์
      >แต่ผมไม่สนใจอาจารย์เลยเอาแต่ชำเรืองไปที่หน้าของเธอ
      >ใบหน้าของเธอช่างขาวหมดจดอะไรอย่างนี้ แก้มเป็นสีชมพูอ่อนๆ
      >ดวงตาของเธอกลมโตใสเป็นประกาย ผมไม่เคยเห็นดวงตาคู่ไหนสวยแบบนี้มาก่อน
      >ขนตาของเธองอน ยังกะตุ๊กตา ปากเรียวเล็ก
      >ทั่วทั้งใบหน้าของเธอมันช่างสวยจับใจอะไรเช่นนี้
      >ผมใจลอยมองหน้าเธอตาไม่กระพริบเลย
      >ผมพยายามมองไปที่ปกเสื้อของเธอเพื่อจะดูว่าเธอชื่ออะไร
      >เกือบจะเห็นอยู่แล้วเชียว ทันใดนั้นเธอก็หันมาหาผม เธอยิ้ม “มีอะไรหรอค่ะ”
      >ผมสะดุ้งขึ้นมาทันที “อ้อ ปะ ปะ ป่าวครับ”
      >ผมตื่นเต้นไม่รู้จะทำอะไรเลยหยิบหนังสือในกระเป๋าขึ้นมา
      >ดันไปหยิบผิดหยิบเอาหนังสือโป๊ขึ้นมา เธอเหลือบมาเห็นเข้าเลยยิ้มแกมหัวเราะ
      >ทีแรกผมคิดว่าเธอยิ้มให้ผม แต่พอเห็นหนังสือในมือตัวเอง
      >ผมตกใจเลยรีบปัดความรับผิดชอบทันที “ไม่..ไม่ใช่ของผมครับ!
      >ไอ้ที่นั่งข้างหลังมันฝากไว้”
      >เธอหัวเราะอย่างน่ารัก”ก็ไม่แปลกหนิพี่ชายเค้าก็อ่าน”
      >ผมรีบเก็บทันทีแล้วเอาหนังสืออื่นขึ้นมา ผมอายเธอแทบแย่
      >ผมหยิบหนังสืออื่นขึ้นมาทันที
      >ผมนั่งอ่านหนังสือทั้งที่จิตใจมันอยู่ที่คนข้างข้าง
      >ผมนั่งเงียบได้พักหนึ่งเธอก็มาสะกิดผม ผมรีบหันไปหาเธอทันที
      >“อาจารย์ให้แนะนำตัวกับคนนั่งข้างข้างเค้าชื่อ รุ่งฟ้า เรียกว่า ฟ้า
      >เฉยเฉยก็ได้ แล้วตัวเองชื่ออะไร” ผมนั่งพิจารณาอยู่พักหนึ่ง
      >อืม…..คนอะไรนอกจากจะน่ารักแล้ว ชื่อก็ยังเพราะอีก “รุ่งฟ้า”
      >ผมทำไมชอบชื่อนี้จังนะ! ผมนั่งจนลืมไปเลยว่าเธอกำลังถามถึงชื่อผมอยู่
      >เธอสะกิดผมอีก
      >“ชื่ออะไร บอกบ้างสิ” ผมสะดุ้งอีกที “อ้อ! เราชื่อ แบ๊งค์”
      >“บ้านฟ้าอยู่แถวบางเขนนู้นบ้านแบ๊งค์อยู่แถวไหนหละ”
      >ผมตอบเธอทันทีเลยว่าอยู่แถวบางเขนเหมือนกัน
      >ทั้งที่ความจริงบ้านผมอยู่คนละเขตกับเธอเลย
      >“งั้นขากลับแบ๊งค์กลับเป็นเพื่อนฟ้านะ”
      >เธอก็ยิ้มแล้วพยักหน้าผมชอบรอยยิ้มของเธอจริงจริง หลังจากที่ผมรู้จักเธอ
      >ชั่วโมงนั้นทั้งชั่วโมงผมก็คุยกับเธอไม่หยุดเลย เธอเป็นคนพูดเพราะ
      >และคุยสนุกมาก ผมสามารถฟังเธอได้ทั้งวันโดยไม่เบื่อเลย
      >หลังจากคาบนั้นผมก็ตามติดฟ้าทั้งวันเลย
      >ชนิดที่ว่าที่นั่งข้างเธอไม่มีใครแตะต้องได้เลย
      >เพื่อนทั้งห้องผมยังไม่รู้จักใครเลย ผมรู้จักแต่ฟ้าคนเดียว
      >หลังจากเลิกเรียนเราก็กลับบ้านพร้อมกันพอรถถึงบ้านเธอ เธอก็ลงรถ
      >เธอชวนผมลงไปเล่นบ้านเธอ แต่ผมก็ส่ายหน้ากลัวว่าพ่อเธอจะว่า
      >ผมนั่งรถเลยบ้านฟ้าไปอีก 1 ป้ายรถเมล์
      >จากนั้นผมก็ลงมาขึ้นฝั่งตรงข้ามเพื่อตีรถกลับไปลงโรงเรียน
      >แล้วผมถึงขึ้นรถที่จะกลับบ้านผมจริงจริง
      >และดูเหมือนการนั่งรถมาส่งฟ้าแบบนี้ผมทำทุกวันจนเป็นนิสัยเลยก็ว่าได้
      >ฟ้าเธอชอบที่จะมาสายทุกวันเลย อาจารย์เริ่มที่จะสอนหนังสือแล้ว
      >ทุกอย่างที่อาจารย์สอนดูเหมือนมันจะซึมเข้าสมองผมอย่างรวดเร็ว
      >แต่ฟ้านี่สินั่งฟังอยู่ด้วยกันแท้แท้ แต่เธอกลับไม่รู้เรื่องเลย
      >พอพักเที่ยงผมก็ซื้อข้าว 2 จานออกมานั่งทานอยู่ม้าหินอ่อนกับฟ้า
      >ผมไม่เคยเข้าไปทานข้าวในโรงอาหารเลย
      >หลังจากที่ผมยื่นจานข้าวให้เธอเธอก็นั่งทานอย่างเอร็ดอร่อย
      >ผมยังไม่ทานข้าวเพราะมีสิ่งที่ผมกังวลมากกว่า
      >ผมหยิบหนังสือวิชาคณิตศาสตร์ในกระเป๋าฟ้าออกมา “ฟ้า!
      >ไม่เข้าใจตรงไหนเดี๋ยวแบ๊งค์ อธิบายให้ฟัง”
      >ผมเปิดไปเรื่อยๆขณะที่กำลังรอคำตอบจากเธอ
      >เธอใช้นิ้วเรียวเรียวของเธอชี้มาบนหนังสืออย่างรังเร
      >“ก็..ก็….ทั้งหมดเลยแหละ”
      >ผมจึงเริ่มอธิบายทั้งหมดให้ฟ้าฟังชนิดก๊อปปี้ทุกคำที่อาจารย์พูด
      >ผมอธิบายไปเกือบชั่วโมง จนหมดเปลือกเลยทีเดียว “เป็นไงฟ้าเข้าใจแล้วใช่มั๊ย”
      >เธอเริ่มมีอาการรังเรอีกแล้วครับท่าน “ฟ้า….ฟ้า…. เข้าใจ..ก็ได้”
      >ผมรู้ทันทีเลยว่าเธอไม่เข้าใจ
      >“โธ่! ฟ้าก็…งั้นฟังใหม่นะ”
      >ผมจึงเริ่มอธิบายใหม่ทั้งหมดไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบกว่าฟ้าจะเข้าใจได้
      >สงสัยว่าความสวยของเธอมันจะดูดกลืนเอาความเฉลียวฉลาดที่เธอมีไปซะหมดเลย
      >แต่ยังไงเธอก็น่ารักดี ยิ่งเวลาที่เธอทำหน้างงในสิ่งที่ผมสอน
      >ผมยิ่งรู้สึกว่าเธอน่ารักเข้าไปใหญ่
      >ผู้หญิงในอุดมคติของผมไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งก็ได้
      >จากวันนั้นผมก็คอยเป็นติวเตอร์ส่วนตัวให้ฟ้าเสมอมา
      >หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรผมก็จะอยู่ข้างฟ้าเสมอ
      >แล้วความรู้ทั้งหลายก็กำลังจะต้องถูกใช้ออกมา
      >วันนี้อาจารย์สอบเก็บคะแนนพวกเราก่อนที่จะสอบผมก็ติวให้ฟ้าอย่างเต็มที่
      >ย้ำแล้วย้ำอีกจนเธอบอกว่าเธอเข้าใจอย่างดีเยี่ยมเลย พอเข้าห้องสอบผมก็เริ่มทำ
      >มันง่ายมากเลยสำหรับผม อาจารย์ให้เวลา 1 ช.ม. แต่ผมเสร็จตั้งแต่ 20 นาทีแรก
      >ผมห่วงก็แต่ฟ้าที่นั่งอยู่คนละฟากกับผมเลย
      >สีหน้าของเธอตอนนี้ชักจะออกอาการแล้ว
      >พอหมดชั่วโมงอาจารย์ก็สั่งให้ผมยกข้อสอบทั้งหมดไปวางไว้โต๊ะห้องอาจารย์
      >ขณะเดินผมก็รีบเปิดหาของฟ้าทันที โอ้! แม่เจ้า ผิดหมดเลยครับ
      >ผมยืนคิดอยู่พักว่าจะทำยังไงดี เพราะข้อสอบคราวนี้มีคะแนนเยอะมาก
      >หากสอบไม่ผ่าน มีหวังเกรด 0 อยู่แค่เอื้อม
      >ผมเลยตัดสินใจหยิบกระดาษคำตอบใบใหม่ขึ้นมาแล้วผมก็ทำใหม่ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
      >ระหว่างทื่ทำก็ต้องคอยระวังอาจารย์เหมือนกัน พอผมทำเสร็จ ก็เขียนชื่อฟ้าลงไป
      >จากนั้นก็เก็บเข้ากองเดิมแบบที่อาจารย์ไม่สงสัยแม้แต่น้อย
      >ส่วนกระดาษคำตอบใบเดิมของฟ้าผมก็พับเป็นจรวดเล่นเห็นจะเป็นประโยชน์มากกว่า
      >หลังจากวันนั้นอาจารย์ก็ประกาศคะแนน ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ผ่านกัน
      >แต่ทุกคนก็ต้องอึ้ง! เมื่อทั้งห้องมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ได้คะแนนเต็ม
      >คือผมกับฟ้า
      >ไอ้ผมหนะเขาไม่ค่อยสงสัยกันหลอกเพราะใครก็รู้ว่าผมเรียนเก่งแค่ไหน แต่ที่
      >“รุ่งฟ้า” ได้คะแนนเต็มนี่สิทำเอาเพื่อนๆงง แบบบอกไม่ถูกเลยหละ
      >เธอดีใจหันมาหาผม “เห็นมั๊ยแบ๊งค์ ฟ้าก็ทำได้”
      >ผมแอบหัวเราะในท่าทางอันมั่นใจว่าทำได้! ของเธอ แต่ปากผมก็ชมเธอ
      >ผมไม่เคยบอกกับฟ้าสักคำว่าผมเป็นคนแก้ข้อสอบให้เธอ
      >และผมก็ยังใช้วิธีนี้ช่วยเหลือเธอหลายต่อหลายครั้งโดยที่เธอไม่รู้ตัว
      >จนในที่สุดเราก็ขึ้นมา ม.2 จนได้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
      >ผมยังไปส่งเธอที่บ้านทุกวันไม่เปลี่ยนแปลง
      >ฟ้าก็ยังมาสายเหมือนทุกวันในปีที่แล้ว
      >จะเปลี่ยนไปก็แต่หนุ่มๆที่มาแอบชอบเธอดูเหมือนจะเพิ่มจำนวนขึ้นทุกวันทุกวัน
      >วันนี้หลังจากโรงเรียนเลิกผมก็นั่งทำงานกลุ่มกับเพื่อนเพื่อนผมอีก 7 คน
      >แล้วผมก็ได้ยินเสียงคนเถียงกันอยู่ห้องถัดไป ทีแรกผมก็ไม่สนใจ
      >เพราะอะไรที่มันไม่ใช่เรื่องของผม ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเด็ดขาด
      >หรือแม้แต่แค่สนใจที่จะฟัง แต่พอเสียงมันเริ่มชัดขึ้น
      >คราวนี้ผมสนใจขึ้นมาทันที มันเป็นเสียงของฟ้าที่มีเสียงผู้ชายประมาณ 5-6
      >คนกำลังรุมต่อว่าเธอแบบที่ไม่ปล่อยให้เธอพูดเลย ผมลุกขึ้นทันที
      >หยิบไม้เบสบอลที่วางอยู่หลังห้องแล้วเดินไปยังที่มาของเสียง
      >เพื่อนผมที่นั่งด้วยกันมันก็ตามมาทันที “มีอะไรว่ะ แบ๊งค์!”
      >“ตามกูมา” ผมพูดพร้อมกับเร่งฝีเท้า พอผมเดินไปถึงจุดเกิดเหตุ
      >อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดฟ้ากำลังยืนอยู่ท่ามกลาง รุ่นพี่ 5 คนที่กำลัง
      >ด่าเธอด้วยเรื่องที่ผมคอยช่วยเธอมาหลายต่อหลายครั้ง
      >ก็รุ่นพี่ไอ้ที่เป็นหัวโจกมันแอบชอบฟ้า แต่ฟ้าไม่สนใจมัน
      >เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับฟ้ากี่ครั้งผมนับแทบไม่ไหว
      >ก็ฟ้าเป็นคนสวยนี่ครับก็ต้องมีคนรุมชอบเธอเป็นธรรมดา
      >แต่ทุกครั้งที่มีคนบอกรักเธอ
      >เธอก็มักจะปฏิเสธทุกครั้งไป

      ผมปล่อยให้มันด่าฟ้าต่อไปโดยที่ผมยังไม่ผลีผลามเข้าไป
      >ผมยืนดูอย่างไม่พูดไม่จากับพวกเพื่อนผม
      >แล้วการเถียงกันมันก็เริ่มที่จะรุนแรงขึ้น
      >รุ่นพี่คนหนึ่งมันกระชากกระเป๋าฟ้าแล้วก็ผลักเธอล้มลงกับพื้น
      >ผมฟิตร่างกายเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็เรียกไอ้ที่มันผลักฟ้า พอมันหันมา
      >ไม้เบสบอลในมือผมก็ถูกขว้างออกไปอย่างเต็มแรงไม้หมุน360องศา ประมาณ 4 รอบ
      >แล้วก็ถึงปากมันพอดีไม้กระแทกปากมัน มันกระเด็นเลยทีเดียว มันลุกขึ้นมา
      >แล้วใช้มือจับดูปริมาณเลือดของตัวเองเลือดมันไหลนองไปหมด มันเดินตรงมาที่ผม
      >ผมรู้ดีว่าการชกกันในแบบนี้ ผู้ที่ลงมือก่อนจะได้เปรียบ
      >ผมไม่รอช้ายิงหมัดขวาอย่างไม่ยั้ง คราวนี้มันสลบยาวเลย
      >เพื่อนมันที่เหลือก็ตรงเข้ามากะจะอัดผมเต็มที่ เพื่อนผมที่มาด้วยกัน
      >จึงวิ่งเข้าตะลุมบอลกัน เก้าอี้ โต๊ะบริเวณนั้นถูกนำมาใช้เป็นอาวุธ
      >ข้าวของในห้องกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ผลสุดท้ายรุ่นพี่ทั้ง 5
      >ก็สลบคาเท้าพวกผม สภาพผมแต่ละคนในตอนนั้นก็สะบักสะบอมเอาการเหมือนกัน
      >จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ ผมเก็บกระเป๋าฟ้าที่วางอยู่กับพื้นยื่นให้เธอ
      >“ฟ้า กลับบ้านกันเถอะ”
      >ผมกับฟ้าก็เดินกลับบ้านโดยที่เธอไม่พูดจาสักคำเอาแต่มองหน้าผม
      >แต่ถึงผมจะสะบักสะบอมแค่ไหนแต่ผมก็ยังจะไปส่งฟ้าเหมือนเดิม
      >เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าของเธอเช็ดเลือดให้ผม จนผ้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเลย
      >เรายืนรอรถอยู่นานมาก เวลาก็เริ่มจะมืดแล้ว จนรถมา ผมเดินจะไปขึ้น
      >แต่ฟ้าเธอดึงผมไว้ “แบ๊งค์อย่าพึ่งกลับไปดูดาวเป็นเพื่อนฟ้าหน่อย”
      >ผมก็นึกตลกเหมือนกันทำไมเธอถึงอยากจะดูดาวนะ เธอพาผมขึ้นรถคันใหม่ไปกับเธอ
      >จนท้องฟ้ามืด ก็มาถึงที่ดูดาวที่เธอว่า “ที่นี่เหรอฟ้า
      >ที่ว่าจะพาแบ๊งค์มาดูดาว” เธอพยักหน้า “ใช่! ที่นี่หละ ฟ้าไม่เคยชวนใครมาเลยนะ
      >แบ๊งค์เป็นผู้ชายคนแรกที่ฟ้าพามาเลยหละ” ผมมองที่ ที่เธอว่าดูดาวที่นี่
      >มันสวย แล้วผมก็หัวเราะ ก็ที่นี่มันสะพานแขวนชัดชัด มันจะสวยกว่าที่อื่นตรงไหน
      >แต่ผมก็ไม่พูดอะไรปล่อยให้เธอเดินจูงมือผมแล้วก็เดินเพื่อจะขึ้นไปบนสะพานที่ว่า
      > เธอแวะซื้อไอศกรีมรสสตอเบอรี่ 2 อัน แล้วก็เดินต่อ
      >ข้างบนนี้มันเป็นสะพานแขวนที่รถวิ่งได้ 4 เลน แต่ไม่ค่อยจะมีรถวิ่งเท่าไหร่
      >เพราะเส้นทางนี้มันทำให้เสียเวลามาก
      >คนจึงมักจะใช้เส้นทางอื่นจะมีก็แต่รถที่จะวิ่งไปฝั่งธนบุรี
      >สะพานนี้มันจึงดูเงียบเชียบ

      ขอบสะพานเป็นทางเท้าสำหรับคนเดินที่ทั้งสะพานดูเหมือนจะมีแค่ผมกับฟ้าเท่านั้นที่กำลังเดินอยู่
      >เธอพาผมเดินไปจนถึงกลางสะพานแล้วเธอก็หยุดเดิน
      >เธอมองลงไปตามชุมชนที่มีแสงไฟระยิบระยับ
      >และก็มองตามถนนที่เรียบฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาไปจนสุดลูกหูลูกตา
      >เธอมองขึ้นไปข้างบนเพื่อจะดูดาวบนท้องฟ้า อย่างที่เธอพูดจริงครับ
      >บนนี้ทุกอย่างมันดูสวยไปหมด เธอมองดาวพร้อมกับกินไอศกรีม
      >ผมแอบมองใบหน้าเธอตาไม่กระพริบเลย เธอทำไมถึงน่ารักอย่างนี้นะ
      >ไม่ว่าจะเรื่องหน้าตา หรือจะนิสัย เธอก็ดูดีไปหมด
      >เธอยังสวยเหมือนที่ผมเห็นครั้งแรกไม่มีผิด แต่ตอนนี้เธอดูจะสวยกว่าเดิม
      >เธอเริ่มที่จะเป็นสาวเต็มตัวแล้ว
      >แววตาที่กลมโตและเป็นประกายของเธอมันช่างสวยจับใจจริงจริง เธอหันมายิ้มให้ผม
      >“แบ๊งค์ ที่นี่สวยมั๊ย..ฟ้าชอบมาบ่อยๆ” ผมพยักหน้า “อื้ม ก็…สวยดีหนิ
      >แล้วปกติฟ้ามากับใครหละ”
      >“ก็มาคนเดียวหนะสิ…ถามได้ จะให้ฟ้ามากับใครหละจ๊ะ”
      >ผมมองตาเธอแล้วพูด “ทำไมฟ้าต้องมาคนเดียวด้วยหละ…. แค่ฟ้าออกปากชวน
      >ผู้ชายทั้งโรงเรียนก็พามากันเป็นแถบแล้ว มีคนเขาชอบฟ้าเยอะจะตาย” เธอยิ้ม
      >“ผู้ชายที่ว่าเนี่ย…รวมถึงแบ๊งค์ด้วยหรือเปล่าหละ”
      >ผมไม่ตอบเธอแล้วเงียบไป เธอใช้มือมาจับแผลที่อยู่แก้มผม “เจ็บมั๊ยแผลนี่”
      >ผมส่ายหน้า “ก็ ไม่เท่าไหร่” เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมออกมาเช็ดให้ผมอีก
      >“แบ๊งค์เนี่ย ยอมเจ็บเพื่อฟ้าเสมอเลยนะ แบ๊งค์เหมือนเป็นฮีโร่ ประจำตัวฟ้าเลย
      >ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ช่วยฟ้าเสมอเลย ว่าแต่ว่าทำไมน๊า…. แบ๊งค์ถึงชอบช่วยฟ้า
      >เอ๊ะ….เอ๊ะ….คิดอะไรอยู่น๊า….” เธอพูดแบบอมยิ้มด้วยท่าทางน่ารัก
      >ผมรีบตอบไปเพราะความเขิน “ก็ ก็ ฟ้าเป็นเพื่อนแบ๊งค์ไง
      >เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนสิจริงมั๊ย” ผมพยายามหลบสายตาที่เธอมอง
      >แล้วก็ชวนเธอคุยเรื่องอื่น เราคุยกันจนดึกเธอก็ชวนผมกลับ ผมก็พยักหน้า “ฟ้า
      >ว่าแต่ว่าเราจะกลับกันยังไง รถก็หมดแล้ว ทุกครั้งที่ฟ้ามาฟ้ากลับยังไงหละ”
      >“ฟ้ามาทุกครั้งก็เดินกลับไง!”
      >ผมรู้สึกตลกทำไมเธอถึงต้องเหนื่อยเดินเพียงเพื่อมาดูดาวแค่นี้นะ
      >ผมก็เดินนำหน้าเธอ เธอเรียกผม “แบ๊งค์! แต่วันนี้ฟ้าไม่ต้องเดินกลับแล้ว”
      >ผมหันมาทันที “แล้วเราจะกลับยังไงหละฟ้า” เธอยิ้มแบบเด็กเด็ก “ก็
      >ทุกวันฟ้ามาคนเดียวฟ้าก็เดินกลับ….แต่วันนี้มีแบ๊งค์
      >ฟ้าก็จะขี่หลังแบ๊งค์กลับยังไงเล่า”
      >เธอพูดจบก็กระโดดขึ้นหลังผมแบบไม่ให้ตั้งตัวเลย “โธ่! ฟ้า..ก็..ตั้งไกลนะ”
      >เธอไม่ฟังผม แล้วเธอก็ชี้นิ้วไปข้างหน้า แล้วสั่งให้ผมเดิน เธอชวนผมคุยตลอดทาง
      >การที่ผมได้ใกล้ชิดเธอขนาดนี้มันทำให้ผมไม่รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อย
      >คืนนี้มันทำให้ผมมีความสุขมาก หากผมหยุดเวลาได้ผมจะหยุดอยู่แค่ตอนนี้ตลอดไป……
      > การมาโรงเรียนอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสำหรับหลายคน แต่สำหรับผมไม่เลยครับ
      > ผมอยากจะมาทุกวัน ทุกวัน ไม่มีวันหยุดไม่มีปิดเทอมเลยด้วยซ้ำไป
      >เพราะถ้าวันไหนผมไม่ได้เห็นหน้าฟ้าก็เหมือนบางอย่างในชีวิตผมมันขาดหายไป
      >วันนี้ผมมาโรงเรียนแต่เช้าเลยวันนี้เป็นวัน “วาเลนไทน์”
      >ผมนั่งข้างฟ้า ตลอดทั้งวันมีผู้ชายเอากุหลาบมาให้เธอนับดอกไม่ถ้วนเลย
      >แต่ผมก็ยิ้มและก็แสดงความยินดีกับเธอ
      >หลังจากที่โรงเรียนเลิกผมก็มาทำความสะอาดห้องเพราะวันนี้เป็นเวรประจำวันของผม
      >ฟ้าเธอก็นั่งรอผมอยู่หลังห้อง เธอนั่งเด็ดกลีบกุหลาบเล่น
      >ดูเธอจะไม่เสียดายดอกกุหลาบเหล่านั้นเลย หลังจากที่ผมทำความสะอาดเสร็จ
      >เวลาในตอนนั้นมันก็เย็นมากแล้ว ผมจึงออกไปล้างไม้ล้างมือแล้วก็ปิดห้อง
      >ฟ้าเธอก็ชวนผมกลับ
      >ขณะที่เธอกำลังเดินผมก็คิดอยู่นานจนในที่สุดผมก็แข็งใจเรียกเธอ
      >“ฟ้าเดี๋ยวก่อน” เธอหันมาหาผมแล้วยิ้ม “มีอะไรหรอแบ๊งค์”
      >ผมเปิดกระเป๋าสะพายของผมแล้วค้นหาสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น
      >มันถูกห่อไว้อย่างทนุถนอม
      >มันคือดอกทิวลิปส์สีขาวที่ผมเตรียมมาให้เธอตั้งแต่เช้า
      >แต่ผมไม่กล้าที่จะให้เธอ ถึงมันจะดูเฉาลงไปบ้าง แต่ก็ยังคงงดงามอยู่
      >ผมค่อยๆคลี่กระดาษที่ห่อมันอยู่แล้วก็ยื่นให้ฟ้า
      > “อ๊ะ แบ๊งค์ให้” ตอนนั้นใจผมเต้นตุ๊บตั๊บเลย
      >เธอดีใจมากที่ผมให้เธอ
      >เธอค่อยๆหยิบจากมือผมไป ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ดวงตาของเธอจับจ้องมา
      >ที่ผม “สวยจังเลย…. รู้มั๊ย ทั้งวัน ฟ้ารอดอกไม้จากแบ๊งค์คนเดียวเลย”
      >เธอพูดจบก็เอากุหลาบหลายดอกที่ เพื่อนๆเธอให้
      >เธอเอากุหลาบทั้งหมดทิ้งลงถังขยะทันที เหลือแต่เพียงทิวลิปส์ที่ผมให้เธอ
      >มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีความสำคัญสำหรับเธอมากเลย
      >เธอรีบเดินมาขวางทางไม่ให้ผมเดินต่อ
      >เธอจ้องตาผมแววตาของเธอมันทำให้ผมเขินแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใจของผมเต้น ราว
      >150 ครั้ง ต่อนาทีได้มั๊ง เธอยิ้มแบบหน้าแดง ดูแล้วน่ารักมาก แล้วพูดกับผม
      >“เอ๊ะ….เอ๊ะ….เอ๊ะ แบ๊งค์ให้ฟ้าทำไมน๊า…บอกมาซะดีดี
      >รู้นะว่าคิดอะไรอยู่…รู้น๊ะ…รู้น๊ะ” ผมรีบหลบสายตาเธอด้วยความเขิน
      >แต่เธอก็ยังเดินอ้อมมาจ้องหน้าผม แล้วก็ถามอีก ผมหลบหน้าเธอไปเรื่อยๆ
      >จนในที่สุดผมก็ต้องจนมุม เพราะทุกครั้งที่เธอเริ่มจะจับได้ว่าผมชอบเธอ
      >เธอจะชอบถามผมแบบนี้ทุกครั้งไป แต่ผมก็มักจะหาข้อแก้ตัวทุกครั้ง
      >ผมคิดด้วยความเขินอยู่นานว่าจะแก้ตัวว่ายังไงดี “คือ…คือ อ้อใช่!
      >ก็วันนี้วันวาเลนไทน์ไง แบ๊งค์ ก็อยากจะให้อะไรฟ้าบ้าง”
      >เธอหัวเราะในคำตอบของผม “แล้วทำไมถึงอยากจะให้ฟ้าหละจ๊ะ….ตอบให้ตรงประเด็นสิ”
      >ผมชักจะจนมุม เลยต้องวกไปคำตอบที่ผมมักจะใช้อยู่เสมอ “ก็…ก็
      >ฟ้าเป็นเพื่อนแบ๊งค์ไง”
      > “นั่นไง…ว่าแล้วเชียว
      >ชอบวนมาจบคำว่าเพื่อนอยู่เรื่อยเลยแบ๊งค์หนะจะตอบแบบอื่นบ้างไม่ได้หรือไง”
      >“อ้าว..ก็ถ้าไม่ให้พูดว่าเพื่อนจะให้พูดว่าไงหละ…ฟ้าก็” เธอจ้องตาผมอยู่นาน
      >”อ๊ะ…ถ้าแบ๊งค์บอกว่าคิดกับฟ้าแค่เพื่อน แล้วในห้องเราก็มีกันตั้ง 50 กว่าคน
      >ไม่เห็นว่าจะได้ดอกไม้จากแบ๊งค์ บ้างเลย….เนอะ”
      >ดูเหมือนผมจะแก้ตัวไม่ขึ้นเลยสำหรับคำพูดของเธอ ฟ้าเธอมักจะต้อนผมจน จนมุมเสมอ
      >และพยายามให้ผมยอมรับให้ได้เลยทีเดียว ผมไม่รู้จะตอบเธอว่าไง
      >ผมเลยชี้ไปที่ป้ายรถเมล์ “ฟ้า ฟ้า รถมาแล้วรีบไปกันดีกว่า”
      >“เดี๋ยวก่อนซี้…มาตอบก่อน” ผมรีบวิ่งขึ้นทันที
      >ตลอดทางบนรถเธอยิ้มและก็จ้องหน้าผมไม่กระพริบตาเลย
      >การเอาทิวลิปส์ให้เธอในวันนั้นทำให้ฟ้าเธอดูมีความสุขมาก

      ผมรู้มาตั้งนานแล้วว่าเธอชอบทิวลิปส์สีขาวเพราะเธอเคยบอกกับผมว่าเธออยากที่จะมีทุ่งทิวลิปส์เป็นของตัวเอง
      >

      และผมก็เชื่อแน่ว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องมีทุ่งทิวลิปส์ที่เธอฝันถึงได้อย่างแน่นอน
      > เวลาในมัธยมต้นดูเหมือนว่ามันจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน
      >วันนี้พวกผมสอบเป็นวันสุดท้ายของชั้น ม.3 แล้ว
      >วันนี้หลังจากที่สอบเสร็จผมก็ชวนเธอไปที่สะพานแห่งเดิม
      >วันนี้ผมอยากจะใช้เวลาอยู่กับเธอให้นานที่สุด
      >เพราะพรุ่งนี้โรงเรียนของเราก็จะปิดภาคเรียนแล้ว
      >ผมจะไม่ได้เห็นหน้าฟ้าไปอีกนานเลยทีเดียว
      >ผมแวะซื้อไอศกรีมรสสตอเบอรี่ให้เธอเหมือนเช่นเคย เธอยืนมองท้องฟ้าอยู่นาน
      >วันนี้ท้องฟ้าดูมีเมฆมากทำให้ไม่ค่อยเห็นดาวเอาซะเลย ฟ้าเธอหันมาพูดกับผม
      >“ว๊า.. วันนี้ไม่มีดาวเลย จะไม่ได้มาอีกตั้งนาน ไม่โรเมนติกเลยเนอะ”
      >ผมแอบหัวเราะในสิ่งที่เเธอพูด ท้องฟ้ามันก็เป็นท้องฟ้า
      >ไม่รู้ว่าเธออยากจะให้มันโรแมนติกอะไรนักหนา ผมเหลือบไปเห็นไดอะรี่
      >ที่ฟ้าเธอถือไว้แนบอก ไดอะรี่เล่มนี้ผมเห็นเธอพกติดตัวตลอดเวลา
      >ดูเธอจะหวงมันมาก ผมว่าจะถามเธอหลายครั้งแล้วว่าในนั้นมันคืออะไร
      >แต่ผมก็ไม่เคยถามเธอสักที ผมจึงค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบในขณะที่ฟ้ากำลังเผลอ
      >เธอไม่รู้ตัวเลยว่าไดอะรี่ของเธออยู่ในมือผมแล้ว ผมเปิดไดอะรี่อย่างเบามือ
      >แต่ฟ้าเธอรู้ตัวเสียก่อน เธอเอามือมาปิดไดอะรี่แล้วเธอก็ดึงของเธอคืน
      >“เอาไว้ถ้าฟ้าเขียนเสร็จสมบูรณ์ ฟ้าจะให้แบ๊งค์ดูเป็นคนแรก”
      >แล้วเธอก็ยิ้มให้ผม ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจที่ฟ้าเธอพูดเท่าไหร่
      >คำว่าเสร็จสมบูรณ์ของฟ้านี่ มันเป็นยังไงกันแน่นะ
      >ก็มันเป็นไดอะรี่หนิมันจะเสร็จสมบูรณ์ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่สนใจ
      >เธอบอกว่าจะให้ผมดู วันหนึ่งผมก็คงได้ดูเพราะฟ้าเธอไม่เคยโกหกผม
      >ผมก็เลยแหงนหน้าดูดาวต่อ ผมยืนมองดาวเป็นเพื่อนเธอจนดึก
      >ทั้งที่เราต่างคนต่างก็เงียบ แต่ผมกลับรู้สึกว่าเธอกำลังพูดอยู่กับผมตลอดเวลา
      >ไม่รู้สิ การที่ผมได้อยู่กับเธอสองต่อสองมันทำให้ผมรู้สึกดีดีเยอะเลย
      > จากวันนั้นโรงเรียนก็ปิดภาคเรียน ผมไม่ได้เห็นหน้าฟ้าอีกนานเลยทีเดียว
      >แต่วันไหนที่ผมคิดถึงเธอจนทนไม่ไหวจริงจริง
      >ผมก็มักจะนั่งรถเมล์ผ่านไปหน้าบ้านเธอ ฟ้าเธอก็ไม่เคยอยู่บ้านสักที
      >แต่ก็เอาเหอะถึงไม่เห็นหน้าเห็นแค่หลังคาบ้านก็ยังดี
      >ผมเฝ้าแต่นับวันที่ผมจะได้เห็นหน้าเธอวันแล้ววันเล่า
      >ผมได้เห็นฟ้าอีกทีก็วันสอบเลือกสายโน่น
      >แหนะ ผมมาตั้งแต่เช้าเลย ไอ้เรื่องสอบยังผมไม่กังวลสักนิด
      >แต่ที่รีบมาก็เพราะอยากจะมาเห็นหน้าฟ้า แล้วผมก็เห็นเธอ เธอยิ้มให้ผม
      >ใจผมอยากจะเข้าไปคุยกับเธอมาก
      >แต่อาจารย์ก็สั่งให้ทุกคนนั่งลงเพื่อเตรียมตัวที่จะสอบ
      >หลังจากวันนั้นก่อนที่อาจารย์จะติดป้ายประกาศชื่อนักเรียนว่าจะได้อยู่สายไหน
      >ห้องไหน ผมไปขอดูผลกับอาจารย์ที่ปรึกษาของผมก่อน
      >ชื่อผมกับฟ้าเราได้อยู่คนละห้อง กันเลย ฟ้าเธอหัวอ่อนได้อยู่สาย ศิลป์-ภาษา
      >ส่วนผมได้อยู่สาย วิทย์-คณิต คะแนนนี้นำโด่งเลย
      >ผมเห็นอย่างนั้นเลยขออาจารย์ย้ายไปอยู่ สายศิลป์-ภาษา ทันที
      >ทีแรกอาจารย์ก็ไม่อยากให้ผมเปลี่ยนห้องอาจารย์บอกว่าคนหัวไวอย่างผม เรียนสาย
      >วิทย์-คณิต จะไปได้ไกลเลย แต่ผมก็ไม่ฟัง ขอร้องอาจารย์ด้วยเหตุผล นานัปการ
      >จนในที่สุดอาจารย์ก็ย้ายชื่อผมไปห้องเดียวกันกับฟ้าเลยครับ
      >ผมดีใจมากที่ผมจะได้ใกล้ชิดเธออีกตั้ง 3 ปี
      >ก็ตลอดเวลาที่ผมได้รู้จักเธอมันกลายเป็นความผูกพันที่ฝังลึกอยู่ในใจผม
      >มันคงยากที่ผมจะละสายตาจากเธอได้
      > วันที่ผมรอก็มาถึง ฟ้าเธอดีใจมากที่เห็นผมได้อยู่ห้องเดียวกับเธอ
      >แต่เธอก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าคนอย่างผมทำไมถึงได้อยู่สาย ศิลป์-ภาษา
      >ฟ้าเธอดูเป็นสาวขึ้น สวยขึ้น
      >แต่นิสัยก็ยังคงเป็นฟ้าเหมือนเดิมเด็กผู้หญิงที่น่ารัก ขี้เล่น
      >และก็ชอบที่จะให้ผมเอาใจอยู่เสมอ เธอมักจะให้ผมชอบอะไรที่เหมือนเหมือนกับเธอ
      >เวลากินข้าวอาหารก็ต้องเหมือนกัน
      >ถ้าข้าวจานไหนเยอะกว่ากันเธอก็ต้องเอามาแบ่งให้เท่ากันทั้ง 2 จานถึงจะกินได้
      >น้ำที่ดื่มก็ต้องเหมือนกันโดยมากจะเป็นน้ำส้ม
      >ปากกายังต้องเป็นยี่ห้อเดียวกันเลย
      >และก็อีกหลายต่อหลายอย่างที่เธอมักจะสรรหามา แม้แต่รองเท้า
      >เธอยังเคยเปลี่ยนกันใส่กับผมเลย ถึงผมจะอายเพื่อนก็เหอะ แต่ผมก็ไม่เคยขัดใจเธอ
      >เธอว่าไง
      >ผมก็ว่างั้น ความสุขเล็กเล็กน้อยน้อยที่เกิดขึ้นในใจผมทุกวัน
      >จึงทำให้ผมรู้สึกห่วงใยเธออยู่ตลอดเวลา
      >เวลาที่เธอร้อนผมก็จะหากระดาษมาทำเป็นพัดแล้วก็พัดให้เธอ
      >เวลาที่เธอหนาวผมก็จะถอดเสื้อหนาวของผมคลุมให้เธอ

      เวลาที่เธอตากฝนผมก็จะใช้กระเป๋าผมเป็นร่มบังฝนให้เธอโดยที่ไม่สนใจหนังสือที่อยู่ข้างในเลยว่ามันจะเปียก

      แค่ไหน
      > หรือแม้แต่เวลาที่เธอถูกอาจารย์ทำโทษ ผมก็มักจะออกรับแทนเธอเสมอ
      >ฟ้าเธอเป็นคนที่ไม่กล้าเถียงคนอื่น ผมจึงหาข้อแก้ตัวสารพัดมาช่วยเธอ
      >หรือถ้ามันเป็นความผิดแบบเต็มเต็ม ที่เถียงไม่ขึ้น ผมก็จะรับโทษแทนเธอ
      >เธอมักจะถามผมเสมอว่าผมทำไมถึงต้องดีกับเธอขนาดนั้น
      >แต่ทำไมนะถึงไม่มีสักครั้งเลยที่ผมจะกล้าเอ่ยปากบอกเธอว่า “ผมรักเธอ”
      >ผมเอาแต่กลัวกลัวว่าหากเธอรู้เธออาจจะจากผมไป
      >ผมเห็นจากที่ผู้ชายหลายคนที่มาจีบฟ้า ทั้งหล่อทั้งรวย
      >ฟ้าเธอก็ไม่เคยสนใจใครเลย ดูเหมือนชายในฝันของเธอคงจะต้องดีไปซะทุกอย่าง
      >สำหรับผม ผมขอแค่ได้อยู่ใกล้ใกล้เธอ ได้ทำอะไรเพื่อเธอ ได้เห็นเธอยิ้ม
      >เห็นเธอมีความสุข เท่านั้นมันก็มากพอแล้วสำหรับคนอย่างผม
      > ผมเป็นฮีโร่ประจำตัวฟ้าอยู่หลายปี ไม่เคยมีสักครั้งที่ผมจะให้เธอยืนเดียวดาย
      >ตอนนี้พวกเราก็มาถึงชั้น ม.6แล้วนี่ก็เป็นปีสุดท้ายในชั้นมัธยมแล้วสินะ
      >ถ้าจะนับจากวันแรกที่ผมเห็นเธอและก็แอบหลงรักเธอ
      >ตั้งแต่วันนั้นมาจนวันนี้ก็ย่างเข้าปีที่ 6 แล้ว
      >แต่ความรักที่ผมมีให้กับเธอมันไม่เคยลดน้อยลงไปเลย ตรงกันข้าม
      >มันมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

      ต้นรักที่เธอได้ปลูกไว้ในใจผมอย่างไม่รู้ตัวตอนนี้มันดูเหมือนจะแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปทุกอนูภาคของ

      ร่างกายผมเลยก็ว่าได้
      > เธอจะรู้บ้างไหมนะว่าผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนเคียงข้างเธอเสมอมา
      >เขาแอบหลงรักเธอจนหมดหัวใจ
      > เดี๋ยวนี้ผมกับเธอมักจะไปไหนด้วยกันเป็นประจำ ไม่ห่างกันเลยทีเดียว
      >เวลาที่ผมไปไหนเธอก็มักจะตามติดผมแจเลยเหมือนเด็กที่ขี้อ้อน
      >แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกรำคาญเธอเลย
      >มันกลับทำให้ผมยิ่งรู้สึกผูกพันกับเธอมากขึ้นเรื่อยเรื่อย
      >ผมฟันฝ่าอุปสรรคเคียงข้างฟ้าเสมอมา
      >จนในที่สุดเวลาในช่วงมัธยมของเราก็มาถึงจุดสุดท้าย เรากำลังที่จะEnt
      >ผมรู้ว่าฟ้าเธอจะเลือกคณะ สถาปัตยกรรม เธอขอให้ผมเรียนกับเธอด้วย ทีแรกผมก็ไม่
      >ไม่คำเดียวเลย เพราะใจผมอยากจะเรียนแพทย์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
      >และความสามารถอย่างผมรับรองว่าสอบแพทย์ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด
      >แต่ความผูกพันที่ฝังลึกในใจผม ที่มีให้กับฟ้านี่สิ มันทำให้ผมต้องคิดหนัก
      >ถึงเวลาแล้วที่ผมต้องเลือกระหว่างคนที่ผมรักกับอาชีพที่ผมรัก ตลอดเวลา 6
      >ปีที่ผ่านมา เธอทำให้ผมมีความสุข เธอทำให้ผมไม่เคยเหงา
      >เธอทำให้ผมรู้สึกว่าโลกนี้มีคนที่ผมสามารถสละแม้ชีวิตเพื่อเธอ
      >แล้วผมจะทำได้หรือหากสองเราจะต้องห่างกัน ผมนั่งคิดนอนคิดอยู่นาน
      >ในที่สุดผมก็ตัดสินใจ Ent
      >สถาปัตย์ กับฟ้า ผมทิ้งอาชีพที่ผมฝันมาตั้งแต่เด็ก เพื่อสิ่งที่ผมรักยิ่งกว่า
      > วันประกาศผลEnt ก็มาถึงผมรีบมาตั้งแต่เช้าเลย ผู้คนมากมายมาจากทั่วสารทิศ
      >มาเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน เพื่อที่จะมาหาชื่อตนเองบนบอร์ด ผมเบียดเสียดผู้คน
      >กว่าจะเข้าไปถึงก็เกือบชั่วโมง ชื่อผมอยู่เป็นอันดับแรกเลย
      >ดูมันจะหมูมากสำหรับผม ผมไม่สนใจชื่อผม เพราะสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือฟ้า
      >หากไม่มีชื่อฟ้าบนนี้ ผมจะเรียนมหาลัยเปิดกับเธอ ผมมองหาชื่อฟ้าเรียงลงมาเลย
      >20 คนก็แล้ว 50 คนก็แล้ว 100 คนก็แล้ว 300 คนก็แล้ว ผมเปิดหาแผ่นแล้วแผ่นเล่า
      >มันเริ่มทำให้ผมใจเสียขึ้นมาทุกที ผมเปิดมาจนถึงแผ่นสุดท้าย มองลงไปเรื่อยๆ
      >เห็นชื่อฟ้าอยู่เป็นอันดับสุดท้ายพอดีเป๊ะเลย ผมดีใจมากเลย
      >ผมจะไม่ได้จากเธออีกแล้ว ผมกระโดดดีใจวิ่งไปทั่วเลย
      >หลังจากวันนั้นผมก็เฝ้ารอวันที่ผมจะได้เจอฟ้าอีกครั้งในชุดนักศึกษามหาลัย
      > แล้ววันแรกในมหาลัยก็มาถึง เมื่อคืนผมนอนแทบไม่หลับผมอยากที่จะเห็นหน้าเธอ
      >ผมเดินเข้าประตูมหาลัยมา ที่นี่มันกว้างใหญ่มาก
      >เต็มไปด้วยร่มไม้ดูร่มรื่นไปหมด
      >ตามทางเดินก็มีทั้งนักศึกษาหญิงชายเดินพลุกพล่านไปหมด
      >ข้างทางก็ติดป้ายแสดงความยินดีกับนักศึกษาใหม่ ผมมองหาคณะ สถาปัตย์ อยู่นาน
      >ผมนั่งรอฟ้าอยู่หน้าตึก เธอนี้ยังชอบมาสายเหมือนเดิมเลย ไม่รู้จักโตสักที
      >แล้วผมก็เห็นฟ้าเดินผ่าเหล่านักศึกษามาแต่ไกลเลย
      >ตอนนี้เธอดูไม่เหมือนฟ้าคนเดิมเลย ผมเธอยาว
      >ตาก็กลมโตเป็นประกายแก้มกับปากก็สีชมพูอ่อนๆ เธอสวยกว่าเดิมจนผมจำแทบไม่ได้
      >และยังใส่ชุดนักศึกษามหาลัย ที่มองแล้วโค้งเว้าเข้ารูป
      >มันต่างกันลิบลับกับตอนมัธยมเลย นักศึกษาชายที่เดินสวนกับฟ้ามองตามกันเป็นแถบ
      >ผมของเธอเวลาที่ต้องลมก็ปลิวออกเล็กน้อย ทำไมถึงสวยขนาดนี้นะ
      >ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะดีใจหรือจะเสียใจดี ที่ฟ้าเธอสวยขึ้น
      >เธอเห็นผมนั่งรออยู่เธอรีบวิ่งมาทันที ถึงหลายหลายอย่างในตัวฟ้ามันจะเปลี่ยนไป
      >แต่ที่ยังเหมือนเดิมก็เห็นจะเป็นนิสัยของเธอ
      >เธอยังคงเป็นนางฟ้าตัวน้อยน้อยของผมเช่นเดิม ผู้หญิงที่น่ารัก ขี้เล่น
      >ทำตัวเหมือนเด็กเด็ก ที่ผมชอบเธอก็ตรงนี้แหละ
      >ถึงผมกับฟ้าจะเข้าสู่มหาลัยแล้วแต่ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม
      >ผมยังนั่งรถไปส่งเธอบ้านทุกวัน ผมยังทานข้าวกับเธอทุกมื้อ
      >ผมยังไปดูดาวกับเธอเป็นประจำ และผมก็ยังเป็นบอดี้การ์ดของเธอทุกลมหายใจ……………
      > ……..แต่พอเราขึ้นปี 2 ทุกอย่างมันก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไป
      >มีผู้ชายที่พร้อมไปซะทุกอย่างทั้งเรื่องหน้าตาและฐานะ
      >หลายต่อหลายคนต่างมารุมชอบเธอ ดูผมจะเทียบกับใครเขาไม่ได้เลย
      >ตอนนี้ฟ้าเธอเป็นดาวของมหาลัยเลยก็ว่าได้ เธอไม่ใช่ฟ้าที่เพื่อนๆ
      >ชอบหาว่าเรียนอ่อน ชอบมาสาย อีกต่อไปแล้ว ดูเหมือนความบกพร่องที่เธอเคยมี
      >มันถูกความสวยและความสามารถในด้านอื่นของเธอทดแทนไปหมดเลย
      >เธอเป็นเชียร์หลีดเดอร์ของมหาลัยที่เด่นกว่าคนอื่นๆ
      >เธอเข้าร่วมในหลายหลายกิจกรรมของโรงเรียน
      >หรือจะเป็นการประกวดด้านความสวยความงามต่างๆ ดูเหมือนฟ้าเธอจะกวาดเรียบเลย
      >แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่ฟ้าเธอจะลืมผม จิตใจเธอข้างในยังเหมือนเดิมทุกประการ
      >จะเปลี่ยนไปก็แต่สภาพแวดล้อมรอบตัวเธอที่มันทำให้ผมดูจะไม่เหมาะกับฟ้า
      >ลงไปทุกขณะ เดี๋ยวนี้เวลาที่ผมไปไหนกับเธอมักจะมีคนมองตลอด
      >ผมเริ่มรู้สึกว่าผมห่างเธอไปเรื่อยๆ เหมือนเรือที่ถูกปล่อยลอยเคว้งคว้าง
      >ซึ่งนับวันลมฝนจะทำให้มันห่างออกจากผืนดินเข้าทุกขณะ เมื่อก่อนผมเคยคิดเสมอว่า
      >เธอเป็นนางฟ้า……. ที่ผมต้องคอยช่วยเหลือเสมอตอนนี้มันก็ยิ่งไกลลับตา
      >เปลี่ยนเป็นคำว่า “ดอกฟ้ากับหมาวัด”ดูจะเหมาะกว่า
      >เมื่อก่อนที่ผมคอยช่วยเธอไปซะทุกเรื่อง
      >ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมเริ่มหมดความสำคัญแล้ว
      >ผู้คนรอบตัวฟ้าต่างช่วยเหลือดูแลเธอยิ่งกว่าไข่ในหินซะอีก
      >จึงทำให้ผมพยายามปลีกตัวออกจากเธอ เวลาเดินกับเธอผมก็พยายามรักษาระยะไว้
      >หลายอย่างในตัวผมมันเปลี่ยนไป จนทำให้ฟ้าเธอผิดสังเกต
      >ยิ่งผมหนีเธอเธอก็ยิ่งตามติดผมเข้าไปใหญ่ เหมือนกำลังประชดผม
      >ฟ้าเธอช่างไม่เข้าใจอะไรเอาซะเลยว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว
      >เธอยังเอาแต่เป็นเด็กไม่รู้จักโต หลายครั้งที่เธอถามผมว่าผมเป็นอะไรไป
      >แต่ผมก็มักตอบเธอไปว่าไม่มีอะไรทุกอย่างยังเหมือนเดิม……
      >เดี๋ยวนี้เวลาที่เธอชวนผมไปดูดาวผมก็มักบ่ายเบี่ยงไป บอกว่าไม่ว่างบ้าง
      >ติดธุระบ้าง

      ……เมื่อก่อนการที่มาโรงเรียนแล้วได้เห็นหน้าเธอมันทำให้ผมมีความสุขแต่เดี๋ยวนี้มันกลับทำ

      ให้ผมปวดร้าวเมื่อรู้ว่าระหว่างเราช่องว่างมันมากขึ้นทุกที
      > ความเหงาความอ้างว้างมันเริ่มก้าวเข้ามาในใจผม
      >…..วันนี้หลังจากที่เลิกเรียนผมกำลังเดินกลับบ้าน
      >ผมแอบกลับคนเดียวโดยไม่บอกฟ้า ผมเดินเตะกระป๋องโค้กมาตามทางแบบสุดเซ็ง
      >ผมเตะกระป๋องไปข้างข้างทางที่รถวิ่ง รถเก๋ง BMW ขับผ่านมาอย่างช้าๆแล้วเหยียบ
      >กระป๋องโค้กของผมซะแบนเลย ผมยิ้มในความแม่นของล้อรถ
      >ผมมองไปที่คนขับอย่างผ่านผ่าน แต่คนที่นั่งข้างนี่สิคือฟ้า
      >เธอเห็นผมกำลังเดินเข้าพอดี ผมจึงรีบหลบสายตาที่เธอมองทำเป็นมองไม่เห็นเธอ
      >ผมก้มหน้าแล้วเดินต่อไป ผมคิดว่าดีแล้วหละ
      >ผู้หญิงน่ารักอย่างฟ้าไม่ควรที่จะมานั่งรถเมล์
      >ผมเดินไปอย่างใจลอยจนถึงป้ายรถเมล์ ตลอดหลายปีมานี้ผมนั่งรถไปส่งฟ้าทุกวัน
      >ต่อจากนี้ผมคงไม่ต้องทำเช่นนั้นอีกแล้ว
      >ผมจะนั่งรถกลับบ้านของผมเลยซักทีไม่ต้องนั่งไปแถวบางเขนเหมือนเช่นทุกวัน
      >รถเมล์จอดเทียบผมก้าวจะไปขึ้น ทันทีที่ผมก้าวก็มีมือมาดึงแขนผมไว้
      >พอผมหันไปก็เห็นฟ้า “เอ๊ะ….เอ๋…ทำไมขึ้นรถผิดสายเอ่ยคันนี้ไม่ได้ไปบางเขนนะ…”
      > เธอพูดจบก็ดึงแขนผมไปขึ้นรถคันต่อไปที่จะไปบ้านเธอ
      >ระหว่างทางฟ้าเธอก็หันมาคุยกับผม “แบ๊งค์….

      ที่จริงบ้านแบ๊งค์ไม่ได้อยู่บางเขนใช่มั๊ย…..หลายปีมาเนี่ยที่ต้องขึ้นคันนี้….

      ตัวเองอยากมาส่งเค้าใช่มั๊ย…ใช่มั๊ย..”
      >ผมไม่ตอบเธอแต่ยักคิ้วแทน
      >“นั่น..แน่! คิดอะไรอยู่นะ..ตั้งแต่ ม.1 จนตอนนี้ ปี2 แล้ว ก็ตั้ง 8
      >ปีเชียวนะบอกมาเหอะเค้าไม่ว่าหลอก…” ผมยิ้มให้เธอแต่ก็ไม่ตอบ
      >ทำไมนะทั้งที่ผมอยากบอกเธอใจแทบขาดว่าผมรักเธอ รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
      >แต่ปากของผมมันกลับไม่กล้าพูดออกไป ผมนั่งเงียบอยู่พักแล้วก็ถามเธอ “ฟ้า
      >เมื่อตะกี๊ มีคนขับรถไปส่งไม่ใช่เหรอทำไมลงมาซะหละ…” เธอยิ้มแล้วพูดหวานๆ
      >“อ้าว!…ก็เค้านึกว่าตัวเองกลับไปแล้วหนิ เพื่อนก็เลยมาส่ง
      >แต่พอเห็นแบ๊งค์เดินอยู่ริมถนนก็เลยรีบลงมาหานี่ไง ทำไม…หึงใช่มั๊ย

      คราวหน้าจะไม่กลับกับใครอีกแล้วจะรอให้แบ๊งค์ไปส่งคนเดียว….แบ๊งค์เนี่ยขับรถนิ่ม…จะตาย”
      >ผมหัวเราะที่เธอบอกว่าผมขับรถไปส่งเธอ “รถแบ๊งค์! ไหนหละรถแบ๊งค์”
      >เธอหัวเราะ “อ้าว! ก็นั่งอยู่เนี่ยไง แบ๊งค์ก็ส่งฟ้าทุกวัน ทุกวัน
      >มาตั้ง8ปีแล้ว”
      >ผมหัวเราะที่เธอพูด เธอชอบที่จะหาอะไรมาพูดให้ผมขำอยู่เสมอ
      >ทุกครั้งที่เธอพูดมันทำให้ผมมีความสุข
      >หลังจากที่ผมส่งเธอถึงบ้านผมไม่รู้จะไปไหนต่อ
      >ผมยังไม่อยากกลับบ้านผมเลยนั่งรถไปสะพานคนเดียว
      >ทุกครั้งที่ผมมาฟ้าจะมาด้วยแต่วันนี้ผมมาคนเดียวรู้สึกหวิวใจยังไงบอกไม่ถูก
      >ท้องฟ้าวันนี้ดูโปร่งมากดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด นี่ถ้าฟ้าเธอได้เห็นเธอคงจะชอบมาก
      >ผมยืนดูจนเพลิน แล้วก็มีมือมาปิดตาผม “ทายซิ! ใครเอ่ย” ผมหัวเราะ
      >ผมรู้ทันทีเลยว่าเป็นฟ้า ผมหันไปหาเธอ เธอโกรธเล็กน้อยแต่ก็ยังยิ้ม
      >“นึกแล้วเชียวว่าต้องแอบมาดูคนเดียว..แบ๊งค์เนี่ย! ไม่ชวนฟ้าบ้างเลยนะ”
      >เธอพูดจบก็ยื่นไอศกรีมให้ผม แล้วเธอก็แหงนหน้ามองดาวบนท้องฟ้า
      >ดูเธอจะชอบมันมาก ผมแอบมองใบหน้าเธอ ผมมองอยู่นานโดยที่เธอไม่รู้ตัว
      >เธอหันมาหาผม
      >“วันนี้ดาวสวยดีเนอะ ว่ามั๊ยแบ๊งค์” ผมตอบเธอเบาๆไม่คิดว่าเธอจะได้ยิน
      >“ฟ้าดูสวยกว่าดาวบนนั้นอีก”เธอยิ้มเหมือนจะได้ยิน“ฮะ! แบ๊งค์พูดว่าอะไรนะ”
      >“อ้อ เปล่าหลอก” ผมเห็นไดอะรี่เล่มเดิมของเธออีกแล้ว “ฟ้า นี่มันก็ปี2
      >แล้วนะ แบ๊งค์อ่านไดอะรี่ของฟ้าได้หรือยัง” เธอหันมา
      >“ใกล้แล้วหละแบ๊งค์มันใกล้จะสมบูรณ์แล้วขาดก็แต่……”
      >เธออ้ำอึ้งไปพักแล้วก็หยุดพูดไป
      >ประโยคสุดท้ายเธออยากจะพูดว่าอะไรนะดูท่าทางมันคงสำคัญมาก…..
      >ผมว่ามันดึกมากแล้วเลยชวนฟ้าเธอกลับ ผมออกเดิน เธอดึงแขนผมไว้ทันที
      >“แบ๊งค์….ฟ้าอยากขี่หลัง”

      เธอพูดจบก็กระโดดขึ้นหลังผมมันเหมือนสมัยก่อนไม่มีผิดเธอยังคงชอบที่จะขี่หลังผมเหมือนเดิม

      แต่ที่มันจะเปลี่ยนไปซักหน่อยก็เห็นจะเป็นหน้าอกของฟ้าที่มันต่างจากเมื่อก่อนไกลกันลิบเลย
      >ผมหันไปยิ้มให้เธอ “อะไร!!..คิดอะไร..ห้ามลามกเดินต่อไปเร็วๆ”
      >เธอคงรู้ว่าผมกำลังคิดถึงสรีระของตัวเธอที่มันเปลี่ยนไปมาก
      >เดี๋ยวนี้เธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว นี่ถ้าใครเห็นเธอขี่หลังผมแบบนี้คงอิจฉาน่าดู
      > หลายหลายอย่างในวันนี้ทำให้ผมได้รู้ว่าฟ้าเธอยังคงนิสัยเหมือนเดิม
      >เมื่อก่อนเคยเป็นไงเดี๋ยวนี้ก็เป็นงั้น
      > ย่างเข้าปี 3 ของมหาลัยแล้ว ผมมีเพื่อนต่างคณะคนหนึ่ง มันเรียนนิติศาสตร์
      >เกี่ยวกับกฎหมาย มันชื่อชัย พ่อของมันเป็นนักการเมืองชื่อดัง
      >ถึงมันจะรู้ว่าตัวเองเส้นใหญ่แค่ไหนแต่มันกลับไม่เคยข่มเหงคนอื่น
      >ตรงกันข้ามมันกลับเป็นคนที่นิสัยดี ชอบที่จะช่วยเหลือผู้อื่น
      >หน้าตาก็หล่อเอาการเลยทีเดียว ไอ้ชัยมันแอบรักฟ้ามานานแล้ว
      >มันเคยถามผมหลายครั้งว่าผมคิดยังไงกับฟ้าแต่ผมก็ตอบว่าแค่เพื่อน
      >ผมเห็นว่าชัยมันเป็นคนดีและด้วยการที่มันอ้อนผมเช้าเย็นนั่นหละ
      >จนในที่สุดผมก็พามันไปแนะนำให้ฟ้ารู้จัก แต่จากที่ผมดู
      >ฟ้าก็รู้สึกเฉยเฉยกับมันเหมือนกับรายอื่นๆนั่นหละ
      >ถึงมันจะหล่อจะรวยแค่ไหนก็เหอะ….
      >เวลาว่างๆไอ้ชัยมันก็ชอบมาถามผมเกี่ยวกับตัวฟ้า
      >ซึ่งมันก็รู้ดีว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับฟ้าผมดูจะรู้ดีกว่าทุกคน
      >มันค่อยๆทำอย่างที่ฟ้าชอบทุกวัน ทุกวัน มันตามจีบฟ้าอยู่เป็นปี
      >จนในที่สุดฟ้าก็เริ่มรู้สึกว่าชัยมันเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง
      >เวลาที่เธอไปไหนชัยมันก็จะตามติด
      >ผมเริ่มรู้สึกว่าไอ้ชัยมันกำลังเป็นผมในอีกตัวตนหนึ่ง
      >แต่ในตัวตนของมันดูจะเพรียบพร้อมไปกว่าตัวของผมไปซะทุกเรื่อง
      >ผมจึงเริ่มที่จะถอยห่างเปิดช่องว่างให้เขาทั้งสองมากขึ้นทุกวัน
      >หลายคนที่เห็นชัยกับฟ้าต่างก็คิดเหมือนเหมือนกันว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน
      >ผู้หญิงหลายหลายคน ชอบไอ้ชัยแต่มันไม่เคยสนใจใครเลย นอกจาก….ฟ้า
      > แล้วเราก็ใกล้เข้ามาถึง วาระสุดท้ายของการเรียนแล้ว
      >วันรับปริญญาใกล้เข้ามาทุกขณะ
      >ผมกำลังคิดที่จะตอบคำถามของฟ้าที่เธอเฝ้าถามผมตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ผมได้แอบ
      >ออกแบบแหวนออกมาวงหนึ่งแหวนวงนี้ผมใช้เวลาอยู่หลายเดือนในการทุ่มเทที่จะทำ
      >เกลียวของแหวนเป็นก้านทิวลิปส์ ส่วนหัวแหวนก็เป็นดอกทิวลิปส์
      >ผมใช้เงินที่ผมเก็บหอมรอมริบมาตลอดหลายปีทำแหวนนี้ขึ้นมา
      >ถึงค่าของมันจะน้อยมาก เมื่อเทียบกับเพชร
      >แต่ในด้านจิตใจแล้วผมรับรองว่าฟ้าเธอต้องชอบมันมากเลยทีเดียว
      >ผมจะมอบแหวนนี้ให้เธอในวันรับปริญญาแล้วผมจะสารภาพในสิ่งที่ผมไม่กล้าพูดมาตลอด
      >10 ปี คำว่า “ผมรักเธอ”
      > วันรับปริญญาก็มาถึง…หลังจากที่พิธีทุกอย่างเสร็จสิ้น ผมเดินตรงเข้าไปหาฟ้า
      >ยืนข้างๆเธอแล้วพูดแบบไม่กล้าที่จะสบตาเธอ
      >“ฟ้าคืนนี้ไปดูดาวด้วยกันนะ…แบ๊งค์มีบางอย่างอยากจะบอก”
      >เธอรีบมายืนข้างหน้าผมทันที ท่าทางฟ้าดีใจมาก
      >ผมไม่เคยเห็นเธอดีใจเท่านี้มาก่อน “แบ๊งค์อยากจะบอกอะไร…!”
      >ฟ้าเธออยากจะรู้มากเลยเธอตื่นเต้นอยากจะรู้ให้ได้เอาซะตอนนั้น
      >ผมจับมือเธอมาประกบไว้ “เอาไว้คืนนี้ฟ้าจะได้รู้สิ่งที่อยู่ในใจแบ๊งค์ ตลอด
      >10 ปี” เธอจ้องตาผม “สัญญาแล้วนะถ้าไม่มาเค้าโกรธด้วยหละ” พูดจบผมก็เดินจากไป
      >เธอตะโกน “แบ๊งค์! ฟ้าจะรอนะ”
      >….ผมกลับถึงบ้านผมก็หยิบของชิ้นหนึ่งที่ผมซ่อนไว้อย่างดี
      >มันถูกเก็บในกล่องอย่างมิดชิด ผมหยิบสิ่งของชิ้นนั้นออกมา มันคือ แหวน แหวน
      >รูปดอกทิวลิปส์
      >ผมได้ทุ่มเทออกแบบอย่างเต็มที่มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฟ้าเพียงคนเดียว
      >ผมหยิบแหวนนั้นมาแนบไว้กับอกแล้วผมก็เผลอหลับไป ผมตื่นอีกทีเวลามันปาเข้าไป 4
      >ทุ่ม ผมลุกขึ้นแล้วรีบออกจากบ้านทันที นี่ผมช้ามากเลย!!
      >พอผมไปถึงผมรีบวิ่งทันทีผมดีใจมากที่เธอยังรอผมอยู่เธอยืนรอผมอยู่กลางสะพาน
      >ผมค่อยๆเดินเข้าไปหาเธออย่างใจเย็นคืนนี้ผมจะกล้าพูดกับเธออย่างเต็มปากเสียที
      >ผมเดินเข้าไป แต่ผมก็เห็นชายคนหนึ่ง เดินมาจากอีกฟากหนึ่งของสะพาน “ไอ้ชัย”
      >ดูเหมือนมันจะเดินถึงตัวฟ้าก่อนผมประมาณ 10 วินาทีเท่านั้นเอง
      >ตอนนั้นผมก็ใกล้จะถึงตัวฟ้ามากแล้ว ผมจึงรีบหลบเข้าหลังเสาทันที
      >ตอนนั้นไฟบนสะพานมืดมากเขาทั้ง 2 เลยมองไม่เห็นผม

      ผมแอบดูชัยคุยกับฟ้าอยู่นานมากจนในที่สุดชัยมันเอาสิ่งของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อของมัน
      >เป็นกล่องสีแดงเล็กๆ มันเปิดกล่องออกแล้วหยิบของข้างในนั้นยื่นให้ฟ้า
      >มันคือแหวน แหวนเพชรหลายกระหลัดเลยทีเดียว
      >เธอไม่รับแหวนนั่นเธอยังคงยืนรอที่จะฟังคำสารภาพของผมอยู่
      >เธอรอชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ในที่สุดเธอก็รับแหวนจากไอ้ชัย
      >ฟ้าเธอร้องไห้และก็กอดไอ้ชัย แล้วผมก็รู้ทันทีเลยว่าโอกาสของผมมันหมดลงแล้ว
      >นี่ผมคงมาช้าไป ผมไม่ได้ช้าแค่ 10 วินาที หรือ 10 นาที แต่ผมช้าไป 10 ปี
      >ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
      >ฟ้าเธอเฝ้าถามผมครั้งแล้วครั้งเล่าว่าผมรู้สึกอย่างไรกับเธอ
      >แต่ผมกลับไม่เคยตอบ ผมปล่อยให้เวลามันผ่านไปเรื่อยๆ
      >จนถึงวันนี้โอกาสครั้งสุดท้ายของผมมันได้หลุดมือไปแล้ว
      >แต่ถึงผมจะไม่ได้เคียงคู่กับเธอ แต่เธอก็ได้คนที่ดีอย่างชัยเคียงข้าง
      >มันเป็นคนดีและก็เพรียบพร้อมทุกอย่าง ที่สำคัญมันรักฟ้ามาก
      >มันรักฟ้าไม่น้อยกว่าผม ผมควรที่จะปล่อยให้ฟ้าได้พบกับสิ่งที่ดีที่สุด
      >ผมเชื่อว่าชัยมันจะดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่ถ้าวันใดที่มันทำให้ฟ้าต้องเสียใจ
      >ผมจะกลับมา และทวงของของผมคืน…
      > ……หลังจากวันนั้นผมก็หายไปจากชีวิตของฟ้า เธอโทรมาหาผม สายแล้วสายเล่า
      >แต่ผมไม่รับและก็เปลี่ยนเบอร์ไปในที่สุด ผมคอยเฝ้าดูฟ้าอยู่ห่างๆ
      >เธอยังไม่แต่งงานกับชัย เธอยังคอยคำสารภาพจากผมอยู่ เธอรอผมถึง 2 ปี
      >จนในที่สุดพ่อของฟ้าก็ยกฟ้าให้กับชัย เธอคงจะลืมผมได้สักที…
      >ข่าวคราวการแต่งงานของ “รุ่งฟ้า” กับ “ชัยวัตร” ดังไปทั่วตามหน้าหนังสือพิมพ์
      >นิตยสาร รวมไปถึงสื่อทุกแขนง
      >ผมเฝ้าดูความสำเร็จของฟ้าอยู่โดยที่เธอไม่รู้ตัว
      >ตอนนี้เธอมีทุ่งทิวลิปส์อย่างที่เธอเคยฝันแล้ว
      >บ้านของเธอก็เป็นคฤหาสถ์หลังใหญ่ ที่ด้านบนสุดเป็นชั้นลอยเป็นหอสำหรับดูดาว
      >มีกล้องดูดาวเกือบทุกชนิด คงทำให้เธอมีความสุขกับการดูดาว มากกว่าการมา
      >ทนยืนดูดาวบนสะพานเก่าเก่า กับคนเดินดินเช่นผม
      >ตอนนี้ไอ้ชัยก็ได้เป็นนักการเมืองเจริญรอยตามพ่อ
      >ซึ่งมันก็เป็นนักการเมืองที่ขาวสะอาดไม่เคยโกงกิน เป็นที่ชื่นชอบของประชาชน……
      >ผมเฝ้าวนเวียนอยู่รอบตัวฟ้าโดยที่เธอไม่เห็นมา 5 ปีเต็มแล้ว ทุก วาเลนไทน์
      >ผมจะนำทิวลิปส์ สีขาวที่เธอชอบไปปักไว้รั้วหน้าบ้านเธอ ทุกครั้งที่เธอได้มัน
      >เธอจะออกตามหาเจ้าของดอกไม้ทุกครั้ง แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่เธอจะได้เห็นผม 5
      >ปีที่ผ่านมานี้ ผมได้สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาอย่างเงียบเงียบ ผมกลายเป็น
      >ดีไซเนอร์ ชื่อดัง ผมมักจะไม่ใช้ชื่อจริงในการทำงาน
      >คนที่มาติดต่องานกับผมจะรู้จักผมในชื่อ “ทิวลิปส์”
      >ส่วนใหญ่เขามักจะไม่ค่อยได้เห็นหน้าผม เพราะผมชอบที่จะทำตัวลึกลับ
      >ตอนนี้ผมกำลังได้รับงานใหญ่ที่ ปารีส หน่วยงานที่นั่นเขาขอให้ผมไปเป็น
      >ดีไซเนอร์ประจำที่นั่น เขาติดต่อผมมานานแล้ว
      >แต่ผมยังไม่เคยคิดที่จะไปผม…อยากที่จะรอดูให้แน่ใจว่าฟ้าเธอจะมีความสุข
      >และตอนนี้เวลามันก็ผ่านมา 5 ปีแล้ว มันถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องวางมือสักที
      >ผมตัดสินใจที่จะไปอยู่ที่ปารีส และจะโอนสัญชาติเป็นคนที่นั่น
      >และจะไม่กลับมาอีก คืนนี้เครื่องของผมก็จะออกแล้ว
      >วันนี้ผมเลยตัดสินใจที่จะเอาทิวลิปส์ดอกสุดท้ายไปวางไว้หน้าบ้านเธอ
      >มันเป็นทิวลิปส์ดอกสุดท้ายแล้วที่จะให้ฟ้า …..หลังจากที่ผมวางทิวลิปส์ไว้
      >ผมก็ค่อยๆเดินจากไป แต่ฟ้าเธออยู่ข้างในบ้านและก็เห็นผมเข้าพอดี
      >เธอรีบวิ่งตามผมออกมาทันที ผมเร่งฝีเท้าเดินหลบเธอเข้าไปในสวนสาธารณะ
      >ผมคิดว่าเธอคงไม่เห็นผมแล้ว

      ขณะที่ผมกำลังจะเดินต่อก็มีมือเข้ามากอดผมจากทางด้านหลังความรู้สึกอย่างนี้ผมรู้ทันทีว่าเป็นใคร
      >ผมไม่เคยลืมความรู้สึกอบอุ่นที่เธอเคยกอดผมได้เลย
      >ตอนนี้เธอกำลังร้องไห้และซบหน้าลงบนแผ่นหลังของผมน้ำตาของเธอนองหลังผมไปหมด
      >ผมยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกอยู่นาน ผมจึงค่อยๆหันหน้าไปหาเธอ
      >ผมใช้มือเอื้อมไปเช็ดน้ำตาที่แก้มของเธออย่างเบามือ
      >แก้มของเธอยังคงเป็นสีชมพูเหมือนเดิม ดูเธอยังน่ารักไม่เปลี่ยนแปลงเลย เมื่อ
      >15 ปีที่ผมเคยเห็นเธอ ครั้งแรกเป็นอย่างไรเดี๋ยวนี้ก็ยังเหมือนเดิม
      >แววตายังคงใสเป็นประกาย
      >ซึ่งต่างจากผมที่นับวันดูจะแก่ลงไปทุกขณะ
      >เธอยื่นมือมาจับมือผมที่กำลังเช็ดน้ำตาให้เธอแล้วก็พูดอย่างสะอื้น “แบ๊งค์!
      >….แบ๊งค์หายไปไหนมา ทำไมคืนนั้นแบ๊งค์ไม่มา”
      >ผมไม่ตอบเธอยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน “ฟ้าตามหาแบ๊งค์ทุกวันเลยรู้มั๊ย
      >ฟ้ารอแบ๊งค์ จนที่สุด พ่อฟ้าก็ให้ฟ้าแต่งกับชัย”
      >หลายต่อหลายคำถามที่เธอถามผมแต่ผมก็ไม่ตอบ เอาแต่ยืนนิ่ง
      >เธอหยิบของบางอย่างยื่นให้ผม “แบ๊งค์….ฟ้าให้
      >ไดอะรี่ที่ฟ้าสัญญาว่าจะให้แบ๊งค์ไง แต่ถึงวันนี้มันก็ยังไม่สมบูร์นะ”
      >ผมหยิบมาจากมือเธอ ไดอะรี่ที่ผมอยากจะดูว่าข้างในมันคืออะไรมาตั้ง 15 ปี
      >แต่เธอก็มักจะบอกว่ารอให้เสร็จสมบูรณ์ก่อน
      >แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่สมบูรณ์อีกหรือ เธอร้องไห้แบบไม่พูดอะไรเลยอยู่นาน
      >แล้วเธอก็ถามผม ที่ทุกทุกครั้งที่เธอถามเธอมักจะถามแบบอ้อมค้อม
      >แต่คราวนี้เธอถามตรงตรงเลย “แบ๊งค์…แบ๊งค์ รักฟ้าบ้างหรือเปล่า”
      >ถ้าหากทุกครั้งที่เธอเคยถามผม เธอถามตรงเช่นนี้
      >ผมคงให้คำตอบเธอแบบไม่หยุดคิดสักนิดตั้งแต่ 15 ปีที่แล้ว…..
      >ผมเงียบไปในขณะที่ใบไม้ใบหนึ่งค่อยๆ ร่วง ลงมาจากต้นไม้
      >ผมดูจนมันตกลงถึงพื้นดิน มันทำให้ผมคิดได้ว่า
      >อะไรบางอย่างเมื่อมันผ่านพ้นมาแล้วมันไม่มีทางที่จะหวนกลับคืนได้อีก
      >เหมือนดังเช่นผมที่จนวินาทีสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นเธอเช่นนี้
      >ผมก็ยังไม่กล้าที่จะพูดออกไป หรือถึงผมจะกล้าพูดออกไปมันก็คงไม่มีประโยชน์
      >ผมยืนจ้องตาเธออยู่นาน
      >“ฟ้า….ต่อไปนี้ฟ้าดูแลตัวเองนะแบ๊งค์คงไม่ได้เป็นฮีโร่ประจำตัวฟ้าอีกแล้วนะ”
      >เธอรีบถามผมด้วยท่าทางตกใจ “ทำไม! แบ๊งค์ แบ๊งค์จะไปไหน” “ปารีส”
      >ผมเช็ดน้ำตาที่แก้มเธอเป็นครั้งสุดท้าย “..ลาก่อนนางฟ้าตัวน้อยน้อยของผม.”
      >ผมหันหลังแล้วก็เดินจากเธอไป เธอใช้มือมาดึงแขนผมไว้
      >ความรู้สึกแบบนี้ผมเคยรู้สึกหลายต่อหลายครั้ง ทุกครั้งผมจะต้องหันไปหาเธอ
      >แต่คราวนี้มันไม่เหมือนทุกครั้ง
      >ผมค่อยๆแกะนิ้วเธอที่จับที่แขนผมแล้วก็เดินอย่างไม่เหลียวหลัง
      >ผมได้ยินเพียงเสียงเธอร้องสะอื้นจากข้างหลัง
      >“แบ๊งค์!….ไม่มีที่ไหนที่ดาวจะสวยเหมือนบนสะพานนั่น
      >ไม่มีใครทำให้ฟ้ารู้สึกมีความสุขเหมือนกับแบ๊งค์
      >ไม่มีทิวลิปส์ดอกไหนเหมือนที่แบ๊งค์ให้”
      >“ฟ้า.. ฟ้ารัก………….”
      >ประโยคสุดท้ายเธอพูดว่าอะไรผมก็ได้ยินไม่ชัดเพราะผมอยู่ห่างจากเธอมากแล้ว
      >ผมรู้สึกแต่เพียงว่าเธอกำลังยืนมองผมเดินจากไป จนลับตา
      > …..คืนนี้ผมมาสะพานแห่งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
      >ผมคิดถึงหลายต่อหลายอย่างบนนี้ ผมไม่เคยขึ้นมาโดยไม่มีเธอมาก่อน
      >ผมไม่ได้ขึ้นมานานแล้วคืนนี้มันดูเงียบเชียบจริงจริง
      >เมฆที่บดบังบนท้องฟ้าเริ่มที่จะลอยออกจากหมู่ดาว
      >ดวงดาวเริ่มที่จะส่องแสงระยิบระยับดูแล้วมันช่างสวยจริงจริง
      >ผมพึ่งเคยมองมันแบบเต็มตาเป็นครั้งแรก
      >เพราะทุกครั้งที่มาผมไม่เคยใส่ใจกับดาวเลย ผมสนใจที่เธอมากกว่า
      >เพราะตาที่เป็นประกายของเธอมันสวยกว่าหมู่ดาวบนท้องฟ้าเสียอีก
      >ผมยังรู้สึกเหมือนกับว่า เธอกำลังยืนดูดาวข้างข้างผม
      >และเสียงเธอกินไอศกรีมมันก็ยังก้องอยู่ในหัวผมอยู่เลย
      > ผมหยิบไดอะรี่ที่เธอให้ผมขึ้นมาดู ผมค่อยๆเปิดออก
      >ข้างในมันยังใหม่อยู่เลยไม่มีแม้รอยยับ เธอทำไมถึงรักษาได้ดีขนาดนี้นะ….
      >ผมเปิดเข้าไป ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องราวของชายคนหนึ่ง
      >วันเดือนปีที่ระบุไว้หน้าแรกก็ประมาณ 15 ปีได้
      >เธอพูดถึงครั้งแรกที่อยู่ห้องเดียวกันกับชายคนนั้นที่ห้อง ม.1/3
      >เธอเริ่มหลงรักเขาตั้งแต่ครั้งแรก
      >เธอพูดถึงความเป็นบอร์ดีการ์ดที่แสนดีของเขาที่ คอยช่วยเหลือเธอทุกครั้ง
      >ยอมออกรับแทนเธอทุกเรื่องยอมเจ็บตัวเพราะเธอทุกครั้ง
      >ให้เธอขี่หลังโดยไม่บ่นสักคำ เขาทำให้เธอมีความสุข เขารู้ใจเธอไปซะทุกอย่าง
      >เขาทำให้ชีวิตเธอไม่อ้างว้าง เขากลับบ้านพร้อมเธอทุกวัน
      >ทั้งที่บ้านเขาและเธอไม่ได้อยู่ใกล้กันเลย
      >และเธอก็เขียนถึงเหตุการณ์หลายต่อหลายอย่าง
      >ที่ทุกเหตุการณ์เหมือนมันพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันวาน
      >แต่ประโยคหนึ่งในไดอะรี่ที่ผมอ่านแล้วดูเหมือนจะ น้ำตาคลอเลย ก็ประโยคสุดท้าย
      >ที่เธอเขียนถึงชายในไดอะรี่ของเธอ “เมื่อไหร่น๊า…แบ๊งค์เขาจะบอกรักเราสักที”
      >ผมอึ้งไปเลยมันเป็นสิ่งที่ผมมองข้ามมาตลอด และผมก็เข้าใจแล้ว
      >คำว่าเสร็จสมบูรณ์ของไดอะรี่เล่มนี้ว่ามันหมายถึงอะไร เธอหมายถึง
      >คำบอกรักจากปากผม ที่ผมไม่เคยบอกกับเธอแม้แต่ครั้งเดียว
      >ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลเดียวที่ไดอะรี่ของเธอไม่เคยจบ
      >ยังคงขาดสิ่งสำคัญที่สุดจากปากของผม ผมอ่านจนหมดเล่ม
      >มันทำให้น้ำตาของผมไหลออกมาทันที น้ำตาของลูกผู้ชายที่ตลอด 20
      >ปีไม่เคยมีใครได้เห็น นี่ถ้าฟ้ามาเห็นเข้าเธอคงหัวเราะแย่เลย
      >ฮีโร่ ที่เธอบอกว่าเก่งนักหนา
      >แต่กลับต้องมาร้องไห้เพียงเพราะไดอะรี่ที่เธอเขียนสำหรับเขา
      > ถึงอย่างไรชีวิตผมก็ได้ทำเพื่อฟ้ามา จนถึงที่สุดแล้ว สำหรับบอร์ดีการ์ด
      >คนนี้ก็ต้องหมดหน้าที่ซักที มันเป็นหน้าที่ของชัยแล้วที่จะดูแลเธอต่อไป
      >ผมหยิบของบางอย่างที่ผมเก็บมาหลายปี แหวน แหวนที่ผมทุ่มเททำขึ้นสำหรับฟ้า
      >แต่ผมก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะให้เธอได้เห็นมัน
      >ผมเคยคิดว่าจะเก็บไว้ให้หญิงอื่น
      >แต่ถึงวันนี้ผมก็รู้แล้วว่าไม่มีใครเหมาะกับมันเท่ากับเธออีกแล้ว
      >เธอคือรักแรกและจะเป็นรักครั้งสุดท้ายสำหรับผม ผมปล่อยแหวนจากมือทันที
      >มันค่อยๆหล่นลงไปเบื้องล่าง และจมหายไปในแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดกาล
      >ใกล้จะถึงเวลาที่เครื่องกำลังจะออกแล้วผมเช็ดน้ำตาแล้วเดินลงไปตามทางเรื่อยๆ
      >ที่ที่ครั้งหนึ่ง เธอจะขี่หลังผม และไม่ยอมลงเลย จนถึงบ้านเธอ
      >ต่อจากนี้ในใจผมจะมีเพียงความทรงจำเกี่ยวกับเธอและไม่มีวันจางหาย…ตลอดกาล…
      คำบางคำอย่ารอ……ให้สายเกินไป
      > “ภูมิใจที่ได้ทำอะไรให้ เต็มใจแม้ใครจะว่าเพ้อเจ้อ
      >ดีใจที่ได้คอยห่วงใยใส่ใจเธอ สุขใจเสมอและจะมีเพียงเธอ…..ตลอดไป”
      >
      > ผมอยู่บนเครื่องเที่ยวที่จะไป ปารีส ท้องฟ้าบนนี้ช่างสวยจริงจริง
      >ผมกำลังจะได้เป็นหนึ่งในดีไซน์เนอร์ของไทย ที่กรุงปารีส ขอให้ไปประจำ
      >ที่นั่น ต่อจากนี้งานของผมทุกชิ้นจะมีเพียง .ทิวลิปส์ท้องฟ้า และ แสงดาว…
      >

      ทำไมชีวิตต้องเป็นแบบนี้ด้วยไม่เข้าใจ เศร้าใจจริง ๆ
      นี่คงเป็นอีกหนึ่งโศกนาฏกรรมความรัก ของ มนุษย์

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×