อันศาสตร์ตราวุธเมื่อทิ่มแทงลงมายังกายา.....ย่อมเกิดบาดแผลที่มิอาจรักษาให้จางหาย
ความแค้นเพียงครั้งยังตราตรึง สร้างบาดแผลฉกาจฉกรรจ์.....นับวันยิ่งบานปราย...ปากแผลมิอาจแห้งสนิท
.......แค้น.......แก้แค้น.....ชีวิตของผมมีเพียงการแก้แค้น......สิ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่.....ความโศกเศร้า....ความอ้างว้างยากที่จะสัมผัส.....ผมยอม.....ยอมที่จะยุติลมหายใจของผม....ถ้ามันสามารถยุติเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดได้......ชีวิตผม....สามารถแลกกับความสัตติได้หรือไม่........
“ คุราปิก้า....หัวหน้าแมงมุม นายเป็นคนจัดการใช่มั้ย?”  กอร์น เด็กหนุ่มผู้มาโชคแห่งพรสวรรค์หันมาซบตาเพื่อนรัก
“ ............................ ” บุรุษโสภาผิวขาวยังคงเงียบ l
“ แต่ก็สมควรแล้วละ มันทำกับพวกพ้องของนายซะขนาดนั้นนินะ” เด็กหนุ่มที่นั่งฟังอยู่นายกล่าว ด้วยคิดว่าจะทุเลาความตรึงเครียดนี้ได้.....แต่ปล่าวเลย....
“ เฮ้ยยย คิรัวร์!!!” กอร์นได้แต่ปราม หากแต่ไม่อาจจะทำอะไรแก้สถานการณ์ให้ดีกว่านี้ได้
“........................”  ดวงเนตรมรกตยังคงสงบนิ่งหากมองเพียงผิวเผิน เมื่อผู้ใดมองให้ลึกลงไปอาจจะทราบ รับรู้น้ำใสๆ ที่เริ่มไหลรินอย่างไม่อาจจะกักเก็บไว้ได้ ความโศกเศร้า ความบอบช้ำที่ยากเกินกว่าการบำบัด
“ เอ๊ะ??? เอ๋อ ขอโทษๆ ลืมๆมันไปนะคุราปิก้า” ได้แต่กล่าวเพียงอย่างนั้น ลืมไปเสียสนิทว่าเพื่อนรักคนนี้หาใช่หอระฆังที่ยิ่งใหญ่ หากแต่เป็นระฆังแก้วที่ใกล้จะแตกสลายเต็มที
“ จริงนะหรอ........ที่คนเรา ชั่วช้า ร้ายกาจ...แล้วสมควรที่ต้องตาย” ร่างบางกล่าวออกมาอย่างงั้น น้ำเสียงสั่นเครือน้อยๆคล้ายพยายามสะกดอารมณ์
“...............................เออ.............................” สหายได้แต่นิ่ง จะให้เขาตอบอย่างไรได้เล่า ครั้งนึง ใครที่ต้องการจะแก้แค้นเงามายา ใครกันที่ต้องการดวงตาของพวกพ้องกลับคืน หากแต่ตอนนี้ทั้งสองคนมิอาจทราบได้เลย ว่า การตอบเช่นใดถึงจะยังคงถนอมระฆังแก้วนี้ไว้ได้
“.....คนเราทำผิด......แล้วควรได้รับบทลงโทษด้วยหรือ” คุราปิก้ายังคงพูดต่อไป กดทับแผลในใจให้ลึกให้อักเสบจนยากแก่การรักษา
“คนเลวสมควรตายและไม่สามารถไม่ได้รับการให้อภัย....เมื่อทำผิด?” คุราปิก้าก้มหน้า ภาพหลอน ดวงตาที่ลึกโบ๋ของพวกพ้อง เสียงหัวเราะเยาะหยันจากบุรุษที่ทั้งเป็นที่รักและเป็นศัตรู 
“แล้ว....ผิด....ชอบ....ชั่ว....ดี....ตัดสินกันที่ตรงไหน....อำนาจ....ความแข็งแกร่ง...” ศิลาอันหนักอึ้นหาได้ถูกยกออกมาไม่ หากเพียงกระแทบซ้ำเข้าไปให้ลึก ให้ชินชากับความเจ็บปวด
“แล้วทำไมคนที่อ่อนแอ....ต้องถูกบดขยี้ให้แหลกเหลวเป็นเถ้าธุลี” แม้รักจะมากมายแต่ความแค้นก็มากกว่า เขายอมเป็นทรราชต่อหัวใจ ดีกว่าทรยศให้ผู้มีพระคุณที่ให้กำเนิดเกิดมา
“ใครกับแน่.....ที่อ่อนแอ.....ฉันสมควรที่จะสงสารใครดี.....ตัวเอง....พวกพ้อง....หรือพวกแมงมุม” ข้อคิด สัจจะธรรมที่เขาได้เรียนรู้จากโศกนาฏกรรมนั้น
“คุราปิก้า นายนะซิ.......พวกพ้องนายนะซิที่หน้าสงสาร.....พวกแมงมุมพวกนั้น.....ถูกต้องแล้วที่ต้องตายไป” หัวใจสั่งให้ตอบไปอย่างนั้น ความมั่นใจที่มากกว่าความมั่นใจ เขาเชื่ออย่างนั้น เชื่อในคนดีเชื่อในคนเลว
“จริงหรือ.....เอาอะไรมาตัดสินกัน ใช้สิ่งใดเป็นตาชั่งวัดกัน....ความสนิทสนมของฉันกันนายหรืออย่างไร.....กอร์น...ถ้านายเป็นเพื่อนพวกนั้น....เธอจะคิดอย่างที่คิดอยู่หรือปล่าว?.....แล้วพวกแมงมุม...พวกนั้นเขาคิดอะไรกัน??” นัยตาใสๆเจิ่งนองไปด้วยน้ำแห่งความระทม เสียงรำไห้ที่ดังกังวาลในหัวใจ
“อย่าคิดเลยคุราปิก้า....นายเหนื่อยมามากพอแล้วนอนซะเถอะนะ คุราปิก้า...พวกเราทำอาหารกันเสร็จแล้ว ไปทานข้าวกันนะ” เลโอลีโอ คุณหมอใหญ่ที่รักษาคนไข้มานักต่อนัก แต่ไม่อาจจะรักษาหัวใจของเพื่อนรักได้เลย
“......ขอบคุณ.....สำหรับความสงสาร.....เลโอลีโอ...” เขาตอบสั้นๆ เบื่อกับคำปลอบโยน เบื่อกับหัวใจที่มากไปด้วยความรู้สึก เบื่อกับความอ่อนแอที่ต้องให้ผู้อื่นมาปกป้อง
---------------------เมื่อ 24 ชม.ก่อนหน้านี้------------------------------
“รู้สึกยังไงบ้าง ห๊า!! การถูกฆ่า การถูกแก้แค้น....ความแค้น!!~นายเคยสัมผัสบ้างมั้ย” ดวงตาโกรธา ดวงตาแห่งความโกรธเกรี้ยว เนตรสีเพลิง มนต์ตราแห่งอัญมณี
“ ฆ่าฉันซิคุราปิก้า ปลายโซ่นี้ ฉันจะรับไปด้วยความเต็มใจพร้อมกับหัวใจของนาย” บุรุษชุดดำกล่าว ดวงเนตรสีนิลสบตาเข้าที่ เนตรสีเพลิงคู่นั้น
“ คุโรโร่..................ฉัน......ฉันขอโทษ.....นาย....นายไม่เข้าใจฉันหรอก....นายไม่เข้าใจฉันเลยซักนิด” เสียงหวานฟังดูสร้อยเศร้า น้ำเสียงสั่นเครือหาใช่ความโกรธา หากแต่เป็นน้ำตา.......น้ำตาที่ห่มไห้อยู่ภายใต้จิตใจอันบอบบาง
“ ฆ่า ฉันคุราปิก้า ฆ่าฉัน....ฉันรักนาย....คุราปิก้า....ฆ่าฉัน....ฉันอยากตายด้วยฝีมือนาย” คุโรโร่ กล่าวสายตาแห่งความแน่แน่ว ซาตานแห่งความตาย กับ กุมารแห่งแสงสว่าง หาอยู่ร่วมกันได้ไม่
“ ฮึก...ก........คุโรโร่....ฉัน.....ขอ...โทษ.....” เสียงกันแสงที่มิอาจห้าม พรั่งพรูออกมาทันทีที่ โซ่ของตนได้ลงมือสังหารชายอันเป็นที่รัก
“ คุราปิก้า ฉันมีอะไรจะบอก.......ฉันฆ่าคนมาตั้งแต่เล็ก.ไม่เลือก จะเด็กจะแก่ยังไง หากแต่เมื่อมาเจอนาย เด็กน้อยที่ฉันจงใจให้รอดชีวิตจากชนเผ่าคูลท์อันสูญสิ้น หลังจากนั้น.....ฉันเริ่มคิด....ฆ่าไปทำไม...ฆ่าไปเพื่ออะไร แต่เมื่อเกิดคำถามฉันก็ต้องการคำตอบ ฉันก็ฆ่า....ฆ่าจนกว่าจะรู้....อาจจะเป็นสายตา....สายตาก็ได้.....สายตาที่เหยื่อมองมาทางฉันตอนเจียนตาย........แต่ฉันพึ่งคิดได้........สายตานั้นหาได้เป็นสายตาร้องขอชีวิตไม่ หากแต่เป็นสายตาแห่งสมเพษ  เป็นสายตาแห่งความสงสาร อย่า...ฆ่า......คน...อีกเลย............ฉันคิด...ได้...เช่นนั้น....สัญญานะ....ฉันไม่อยากให้นาย........ทุกข์ไปกว่า...นี้..ละ..............
“ สุดท้าย...ฉันก็ถูกปกป้องอีกตามเคย”
--------------------------------------------------------------
“ คุราปิก้าจะออกไปไหนนะพรุ่งนี้วันเกิดนายนะ.......เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก........” คุณหมอมือฉมังร้องทัก พูดใส่กำแพงเสียดีกว่าจะพูดกับคนหัวรั้นอย่างนั้น
“ฉันไม่เป็นไรหรอกหน่า......อย่าลืมซิวันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของเพื่อนร่วมเผ่าของฉัน” คุราปิก้าก้มลงใส่รองเท้า ขอบคุณสำหรับทุอย่างนะ 
“ แล้วก็มานั่งเสียใจอย่างนี้ ที่บอกให้ไปเคารพศพเพื่อนๆของนาย นายก็ยังไม่ยอมไป” นัยตาชำเลืองมองผู้ฟังที่พยายามยังไงก็ไม่ยอมฟัง
“ฉันไม่มีหน้าไปพวกคนพวกนั้นหรอก................................” คำกล่าวตัดพ้องเหมือนยุตติบทสนทนา
“ทำไมละ..........??” ดูเหมือนจะไม่เข้าใจกระมัง ถึงได้กระเซ้าคำถามขึ้นมาอีกอย่างไม่รู้จักพอ
“......การแก้แค้นยังไม่บรรลุผล.......” เสียงประตูดังขึ้นเป็นสัญญาณให้ยุตติบทพูดอีกครั้ง
“ หา.....อืม......เฮ้ยยยย คุราปิก้า อย่าพึ่ง เดี๋ยวซิ.........พวกแมงมุมก็ตามหานายให้คักเลยนะ” หมอนี้จริงๆ ก่อนวันเกิด เขาก็ต้องอยู่ที่บ้านเตรียมเค้ก เตรียมอาหารไว้คอยฉลองซิ ทำไมหมอนี้ถึงชอบไปตายนัก!!
“ ฉันก็ตามพวกนั้นอยู่เหมือนกัน” คำพูดที่ได้ยินแทบทำให้ลมจับ จะไม่ให้นายอายุครบ20 ก่อนเลยรึไงริอาจจะอยากตายเสียแล้ว
--------------------------------------------------
.........เจอกันที่ ตึกร้าง XXX นอกเมืองYYY เวลา 11.55PM......
........................คนใช้โซ่.....................
----------------------------------------------------
“ แกจะเอายังไงก็ว่ามา เจ้าคนใช้โซ่” หนึ่งในเงามายากล่าวขึ้น
“ นายเคยคิดบ้างหรือเปล่า....เคยมองบ้างหรือเปล่าแววตาก่อนตายของผู้คนที่ถูกนายฆ่า......ว่ามันสื่ออะไร” ดวงตาสีเพลิง เนรตอันล้ำค้าที่ทุกหมู่เหล่าต่างต้องการครอบครอง.......อาจะเปล่งปรั่งเป็นครั้งสุดท้าย
“ ร้องขอชีวิตนะซิ ง่ายๆ” สมาชิกเงามายากล่าว รู้ว่าเป็นรองแต่จะให้ยอมง่ายๆ ไม่ใช่วิสัยแห่งโจร
“ปล่าวเลย อยากรู้มั้ย.........ว่าทำไม??” คุราปิก้าสบมองตาทุกคู่ เนตรสีเพลงที่ระบายความโศกเศร้า อีกไม่นาน...อีกไม่นานก็จะได้รับการปลดปล่อย
“ใครจะอยากรู้กัน!!~ จะเอายังไงกันแน่ พูดมาอย่าอ้อค้อม”  โทสะเริ่มเดือดพร่าม ขันติที่พึงรักษาจวนเจียนจะแตกอยู่เต็มที
“
“ ที่แท้เหตุผลที่นายไม่ต้องการที่จะรับรู้......ไม่กล้าแม้แต่จะมองสายตาของเหยื่อที่เกิดจากความเขลาของพวกนาย...ก็เพราะพวกนายขี้ขลาดเกินกว่าจะรับรู้นะซิ” ริมฝีปากบางเบากรีดขยับเป็นภาษา นันตาที่ปิดสนิท ภาพเบื้องหน้าที่ไม่แน่ใจเสียด้วยซ้ำว่านี้คือรูปสลักหรือแค่มนุษย์เดินดิน
“ปากดีนักนะแก!!!! อย่าคิดว่าตัวเองเก่งจนล้นโลก พวกฉันมีกันตั้งหลายคนทำไมฉันจะฆ่านายเพียงคนเดียวไม่ได้” โทสะอันยากจะควบคุมพี่น้องที่ร่วมทุกข์สุขกันมา ลาจากไปทีละคนสองคน จะเป็นฝีมือใครนอกจาก บุรุษตรงหน้า
“ชั่งน่าสงสาร.......เพื่อนของนายพูดอย่างนี้......ฉันรับรู้.....ฉันรู้สึก......สายตาที่ลึกเข้าใบมิได้บ่งบอกหรือร้องขอชีวิต.....แต่เป็นสายตาโศกเศร้า.....สงสารนาย......”
“เหล่าผู้ที่น่าสงสารเอ๋ย.......จงกลับตัวเสียใหม่......จงเปลี่ยนตัวเองเถิด.....ข้ามิได้เคืองโกรธเจ้าแม้เพียงน้อยนิด.....ข้าเพียงสงสาร......สงสารกับความเขลา......กลับตัวเสียเถิด.....เปลียนตัวเสียใหม่......เปิดตาให้กว้าง......เจ้าผู้อ่อนแอเอ๋ย......จงเข้มแข็งเสียเถิด....อย่าได้อ่อนแอแลลำพองในพละกำลังจอมปลอมของเจ้า........เปลี่ยนตัวเองเสีย.....ยังหรอก.......เวลาเปลี่ยนตัวเองของเจ้ายังเหลืออยู่.....แหกแต่แสงนำทางที่ข้าส่องให้ริบหรี่เต็มที....หากช้ากว่านี้แม้เพียงเสี้ยววินาที.....เจ้าอาจจะมองมิเห็นทางที่ข้างส่องไปให้อีก.........หาใช่ข้ามิมีกำลังพอนำทาง.....เพียงแต่ดวงตาของเจ้าใกล้จะมืดบอดเต็มที.....ตอนนี้เจ้ายังมองเห็นทาง.....จงเดินไปยังหนทางที่ข้าชี้เถิด....”
“ ............ลาก่อน.........”
!! ฉึก !!
.................สายโลหิตของข้า.....ขอให้เป็นเชื้อเพลิงชะล้างความเขลาของพวกเจ้าด้วยเถิด............
“ เฮ้ยจะบ้าไปแล้วหรอ มาฆ่าตัวตายต่อหน้าพวกเราเนี้ยนะโง่เง้าสิ้นดี”
“แน่ใจหรอว่าเจ้าคนใช้โซ่มันโง่....ไม่ใช่เรา”
“...................................”
“....................................”
“...................................”
“......ใช่พวกเราโง่กันมาตลอดตาบอดกันมาตลอดจริงๆนั้นแหละ”
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ขณะนี้ เวลา...0 นาฬิกา 0 นาที
...................................
.......................................................
..........................................................................
....................ยังมีตำนานกล่าวไว้ เทวีแห่งแสงสว่าง จะมาพบรักกับเจ้าซาตาน ทุกๆ 1000 ปี อันจะเกิดความวิบัติกับโลกเทวาหากแต่โลกมนุษย์ ทุกๆ 1000 ปี มนุษย์โลกจะได้รับคำสอนจากบทตำรารักที่ยิ่งใหญ่.......เมื่อใดกันหนอ.....จะถึงเพลานั้นอีกครา.................
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น