[SF - EXO] LAST FIGHT - KrisLay
ถ้าชีวิตคือการต่อสู้ เขาจะลองสู้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย
ผู้เข้าชมรวม
5,247
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
LAST FIGHT
Couple : KRIS x LAY
Author : วคล - WithKrisLay
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
LAST FIGHT
Couple : KRIS x LAY
Author : วคล - WithKrisLay
“อั๊ก!!” ร่างที่นอนแผ่กลางพื้นถนนกระอัก ตัวขดงอเพราะโดนเหยียบอย่างแรงเข้าที่ท้อง หลังการต่อสู้แห่งศักดิ์ศรีอันดุเดือดฝั่งเขาดูจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
คอเสื้อช็อปสีกรมท่าถูกกระชากจนลำตัวท่อนบนลอยขึ้นจากพื้น อีกไม่ถึงหนึ่งวินาทีกำปั้นที่ฝ่ายตรงข้ามเงื้อสุดแขนคงปะทะใบหน้าอีกครั้งหลังจากที่โดนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ฟันขาวขบริมฝีปากล่าง หลับตาปี๋ จะหวังให้ต่อสู้กลับคงไม่ไหว ตอนนี้แรงแค่จะยกแขนขึ้นมาป้องกันตัวเองยังแทบไม่มี
“จงอินระวัง!” ผลั่ก!! โชคยังพอเข้าข้าง ร่างสูงของคิมจงอินกระเด็นหงายหลังเพราะโดนเท้าของใครบางคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเขายันเข้าที่สีข้าง จงอินในชุดเสื้อช็อปสีแดงเลือดหมูกุมชายโครงด้วยความเจ็บ เพราะไม่ทันตั้งตัวเลยกระเด็นไถลไปกับพื้นจนได้แผลถลอกเลือดซิบที่ศอกเพิ่มอีกแผล
“อี้ชิง วิ่งเร็วมึง!” เป็นจงแดที่กระโดดถีบจงอินลูกพี่ใหญ่ของฝ่ายนั้น เพื่อนร่วมสถาบันคว้าแขนดึงคนที่ยังนอนกองอยู่กับพื้นขึ้นมาทั้งที่ตัวเองก็เจ็บอยู่ไม่น้อย
“มึง..ไปก่อน”
“ไอ้เหี้ยลุก!”
“ไป!!” จงแดผงะก่อนจะตัดสินใจปล่อยแขนอี้ชิงแล้วออกวิ่ง มีฝ่ายของจงอินสองคนวิ่งกวดตามหลังไป มือที่มีรอยเลือดของใครบ้างก็ไม่รู้คว้าไม้ทีใกล้ตัว ใช้มันค้ำยันจนยืนขึ้นได้แล้วเริ่มออกวิ่งไปอีกทาง เขาปวดร้าวไปทั้งตัว ทั้งโดนเตะ โดนกระทืบไม่รู้กี่ครั้งจนหน้ามืด เหลียวหลังกลับไปมองเพื่อนอีกสองสามคนที่ตะลุมบอนกับฝ่ายคู่อริยังหลุดออกมาไม่ได้
“ลู่หาน อ้ะ .. มึงตามมันไปซิ!” จงอินที่เพิ่งลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งตะโกนสั่ง เจ้าของชื่อปล่อยสองมือจากเสื้อสีกรมท่าของเด็กหนุ่มที่เขานั่งคร่อมอยู่จนอีกฝ่ายหลังกระแทกพื้นดังอั่ก ลุกยืนคว้าไม้หน้าสามเปื้อนเลือดที่ตกอยู่แถวนั้นขึ้นมาตีลงบนฝ่ามืออีกข้างของตัวเองครั้งหนึ่ง
“ได้... เฮ้ยชานยอล กูฝากไอ้นี่ด้วย” ลู่หานเตะเข้าที่เอวอริต่างสถาบันที่นอนกลิ้งกับพื้นแลกหมัดกันอยู่เมื่อกี้เบาๆ พยักเพยิดให้เพื่อนตัวสูงอีกคนที่ดูว่างๆ อยู่รับช่วงต่อ
.
.
.
.
.
.
เชี่ย...ทางตัน
ขาเรียวหยุดวิ่ง จุกเสียดจนต้องกุมกดใต้อกเอาไว้เพราะวิ่งมาไกล หายใจก็แทบไม่ทัน ลูกกรงตาข่ายสูงท่วมหัวที่ขวางอยู่เขาอาจจะปีนได้ถ้ามีสภาพร่างกายปกติ แต่นี่ไม่...
“ไปต่อไม่ได้แล้วสิมึง” ร่างผอมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ หมุนตัวกลับไปทางต้นเสียง
“ลู่หาน..”
“เออ กูเอง” ผัวะ! เร็วแทบไม่ทันกระพริบตาร่างบางก็ปลิวไปกระแทกลูกกรงด้านหลังดังสนั่นตามแรงถีบที่ยอดอก ไม้ทีที่เป็นอาวุธอย่าง้สุดท้ายกระเด็นหลุดจากมือ
ลู่หานตามเข้ามาประกบชิดตัว ยกคอเสื้ออีกฝ่ายไว้ไม่ให้ร่วงลงไปกองที่พื้นเสียก่อน แว้บหนึ่งหูก็ได้ยินเสียงไม้หน้าสามที่ลู่หานถือมาหล่นลงบนพื้น อึดใจต่อมาใบมีดพับสีเงินวาววับยื่นไปใกล้ไปหน้าเปื้อนดินผสมเลือดมอมแมมของฝ่ายเสียเปรียบ
“ไหนล่ะเพื่อนรักมึง แต่ละตัววิ่งหนีกันกระจัดกระจาย ไม่เห็นมีใครจะช่วยมึงเลย” ใบหน้าบอบช้ำเบี่ยงออกด้านข้าง ภาพมินซอกโดนโอเซฮุนเหวี่ยงไม้เบสบอลใส่กลางหลังแล้วทรุดล้มลงยังติดตา เขาก็ช่วยใครไม่ได้เหมือนกัน
“กูคิดถึงมึงมาตลอดเลยอี้ชิง ..ถุย!” คำหลังหันไปถ่มน้ำลายผสมลิ่มเลือดในปากออก ฝ่ายลู่หานเองก็เจ็บตัวกันไม่น้อย
“อ้ะ อึก!” ผมสีเข้มโดนกระตุกอย่างแรงจนหน้าหงาย
“หลังจากมึงกระทืบกูจนแขนหักคราวที่แล้วกูก็คิดถึงมึงมาตลอด.....” ลู่หานใช้ลิ้นดุนด้านในแก้ม พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ”คิดว่าเมื่อไหร่จะมีโอกาสเอาคืนมึงซะที มีอะไรจะสั่งเสียมั๊ย”
คนตัวเท่าๆกันที่ตอนนี้เป็นฝ่ายได้เปรียบลดระดับมีดในมือลงมาตรงตำแหน่งเอว ดึงศอกออกไปด้านหลัง
อี้ชิงกลั้นหายใจ ... นี่อาจจะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเขา
.
.
.
“เฮ้ย!”
“ปล่อยหมอนี่ซะ” ข้อมือเล็กถูกมือใหญ่ของบุคคลที่สามยึดไว้ แรงกำที่ข้อมือหนักขึ้นจนลู่หานปล่อยมีดออกจากมือ อี้ชิงที่ถูกปล่อยเป็นอิสระหลังแนบตาข่ายเหล็กรูดลงนั่งชันเข่าข้างหนึ่งอยู่ที่พื้น
“มึงเป็นใคร!!?” ลู่หานตวาดลั่น
“ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” ร่างสูงใหญ่กระชากตัวคนตัวเล็กกว่าจนปลิวมาปะทะอก ยึดข้อมืออีกคนไว้แน่น สายตาดุดันจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลม ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่กลับทำให้ลู่หานตัวสั่น
“มึงยุ่งอะไรด้วยวะ!!”
“กลับไปซะ อย่าเล่นกันรุนแรงมันไม่ดี” แขนแข็งแรงดันร่างเล็กกว่าออกห่างตัวอย่างแรง ตากลมมองสบตาชายแปลกหน้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะวิ่งกลับไปทางเดิม
ร่างเล็กของอี้ชิงนั่งพิงลูกกรงหมดเรี่ยวแรง ยกหลังมือขึ้นเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก เนื้อตัวมอมแมมเปื้อนเหงื่อไคลผสมกับฝุ่นดินจากทั้งพื้นรองเท้าและพื้นถนน คิ้วแตกมีรอยเลือดที่เริ่มแห้งไหลลงมาถึงหางตา ดั้งจมูกมีแผลเล็กๆสองสามรอย ที่โหนกแก้มข้างหนึ่งมีรอยดอกยางของรองเท้าผ้าใบขึ้นชัดเจน สองมือกุมชายโครงด้านขวาแน่นมีโลหิตสีสดไหลซึมออกมาตามช่องระหว่างนิ้ว คงโดนของมีคมมาแน่ๆ.... สภาพดูไม่จืดเลยจริงๆ
“จางอี้ชิง”
“มึงเป็นใคร? รู้จักกูได้ไง?” ตาพร่ามัวมองชายหนุ่มรูปร่างดีตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมสีดำสนิทจัดทรงเรียบร้อย เสื้อเชิ้ตสีดำชายเสื้ออยู่ในกางเกงสแลคเข้ารูป เข็มขัดหนังสีดำหัวสีเงินเงาวับ รองเท้าหนังที่สวมดูราคาแพงกว่าค่าเช่าห้องของเขาสามเดือนติดกัน ดำทั้งตัว...แมนอินแบล็คหรือไงวะ
“หวางจือเทา ... ยินดีที่ได้รู้จัก”
.
.
.
.
“โอ๊ย!!” หัวเข่าที่มีแผลแตกอยู่แล้วกระแทกลงกับพื้นหินแกรนิตสีดำมันเงา อี้ชิงที่สะบักสะบอมเต็มทีถูกหวางจือเทาชายแปลกหน้าพาขึ้นรถสปอร์ตกว้างขวาง แล้วก็เอามาโยนลงตรงนี้ ตรงหน้าใครคนหนึ่งที่นั่งไขว่ห้างสบายๆบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ในห้องสีทึบสไตล์โมเดิร์น
“ผมพาจางอี้ชิงมาแล้วครับ ดีที่ไปทัน”
คนฟังวางแก้วบรั่นดีหกเหลี่ยมทรงเตี้ยลงบนโต๊ะข้างเก้าอี้ คว้าคางนักเรียนนักเลงที่นั่งคุกเข่าข้างหน้าให้เงยขึ้นมาสบตากัน
“ฟัดกับหมาที่ไหนมา” อี้ชิงไม่ตอบ...
“โรงเรียนคู่อริครับ” เป็นจือเทาที่ตอบคำถามนั้นแทนให้ เออ พวกนั้นก็หมาจริงๆนั่นแหละ
“งั้นเหรอ...ไหนบอกฉันซิว่าตอนนี้พี่ชายนายอยู่ที่ไหน”
“เสือ ก!” เพี้ยะ!! สองเสียงดังขึ้นแทบจะวินาทีเดียวกัน ใบหน้าเล็กเปื้อนเลอะเทอะหันไปตามแรงที่โดนหลังมือใหญ่สะบัดใส่ ด้วยความที่อ่อนแรงเป็นทุนเดิมทำให้ทั้งร่างล้มหมอบลงกับพื้นเย็นเฉียบ
“อุตส่าห์รักษาชีวิตไว้ได้ตั้งนานจะมาตายตรงนี้มันไม่ดูโง่ไปหน่อยเหรอ อย่ามาทำปากดีไปหน่อยเลย”
ลิ้นเล็กแลบเลียมุมปากข้างที่โดนตบ รสเค็มปร่าของเลือดคลุ้งเต็มปาก ริมฝีปากอิ่มเผยอหอบเอาอากาศ เปลือกตาหนักอึ้ง...
.
.
“ดูเหมือนจะหมดสติไปแล้วนะครับ”
“ทนไม้ทนมือขนาดนี้คงไม่ตายหรอก... เดี๋ยวพาไปทำแผลนะ ทำที่นี่แหละฉันไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราว แล้วก็พาไปพักที่ห้องข้างบนไป”
“ครับคุณคริส”
.
.
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
.
.
ร่างสูงโปร่งในชุดสูทเนื้อดีหยุดเท้าลงข้างโต๊ะบิลเลียดตัวหนึ่ง มือล้วงกระเป๋ากางเกงกวาดตามองไปรอบๆบริเวณ เบื้องหน้าอู๋อี้ฝานเป็นเพียงนักธุรกิจหนุ่มหล่อเจ้าของสถานบันเทิงครบวงจรหลายแห่ง แต่หลังฉาก...เครือข่ายการพนันผิดกฏหมายหลายรูปแบบกำลังขยายตัว เงินหมุนเวียนแต่ละวันเป็นสิบล้าน ลูกน้องมากมายเต็มเมือง
อู๋อี้ฝานเป็นมาเฟีย...ที่ไม่ต้องสนใจอะไรมดปลวกอย่างจางอี้ชิงเลยก็ได้
ถ้าพี่ชายของจางอี้ชิงไม่ติดหนี้พนันบอลเป็นล้านแล้วหนีหายไป..
.
.
“เด็กนั่นเป็นไงบ้าง”
“ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาก็ไม่พูดไม่จา จะเอายังไงต่อดีครับ”
“เก็บไว้ ... เท่าที่นายเล่าให้ฉันฟังอี้ชิงทั้งคล่องแคล่วทั้งฉลาดเป็นกรด แล้วอีกอย่าง... โดนยำเละขนาดนี้ยังรอดมาได้ คงพอมีประโยชน์อะไรกับเราบ้าง”
องค์กรใหญ่โตก็ก้าวหน้าได้ด้วยแรงขับเคลื่อนของฟันเฟืองเล็กๆทั้งนั้นแหละ
“ไปพามาที่นี่ที”
“ครับ”
.
.
.
.
.
“ฉันไม่อยู่! ทำไมต้องให้ฉันอยู่บ้านนายด้วย”
“แล้วจะอยู่ที่ห้องรูหนูซ่อมซ่อ หลังคาจะพังลงมาทับตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้แบบนั้นไปทำไม ญาติก็ไม่มีซักคน โรงเรียนก็ไม่ต้องไปมันแล้ว กลับไปก็โดนดักตีตายไม่ได้ประโยชน์อะไร!”
“...................” อี้ชิงไม่คิดจะเถียงต่อเพราะคนตรงหน้าพูดถูกทุกอย่าง รสหลังมือที่โดนไปเมื่อวานก็ยังจำได้ดี เขาไม่คิดว่าควรเสี่ยง... แต่ยังไงอี้ชิงก็ยังมีเพื่อนที่ต้องเป็นห่วง หลายคนเจ็บหนักกว่าเขาด้วยซ้ำ ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง
พอล้างหน้าล้างตาทำแผลเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะมีรอยฟกช้ำอยู่แทบทุกส่วนของใบหน้าแต่ก็ถือว่าดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่าครั้งแรกที่เจอกันเยอะ
“ถอดเสื้อซิ” อู๋ฝานออกคำสั่ง
“จะบ้าหรือไง!” เท้าเล็กก้าวถอยหลัง ดวงตาตื่นตระหนกเบิกกว้าง ตกใจไม่น้อยที่ร่างสูงใหญ่ย่างสามขุมเข้ามาใกล้เรื่อยๆแบบนี้
“บอกให้ถอดเสื้อออก”
“ไม่ถอด! เฮ้ยๆๆอย่า!!!” กระพริบตาแค่สามทีเสื้อแขนยาวหลวมโพรกที่สวมอยู่ก็ถูกดึงออกจากศีรษะติดมืออีกคนไปแล้ว ผู้ชายตัวสูงผมทองที่อี้ชิงไม่รู้จักชื่อโยนเสื้อของนายหวางจือเทาที่ให้เขายืมลงบนโซฟาอย่างไม่ไยดี
“ทำอะไรวะ” อี้ชิงกอดตัวเองเพราะความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้เขาหนาว บ้าหรือเปล่าใส่สูทเต็มยศแล้วก็เปิดแอร์แรงขนาดนี้ ถ้าร้อนก็ถอดเสื้อตัวเองสิวะ
ตาคมไล่มองรูปร่างผอมบางบอบช้ำแล้วลอบถอนหายใจ ไหนจะผ้าก็อตพันแผลรอบเอวบางนั่นอีก
“หันหลัง”
“ไม่! โอ๊ะ” คราวนี้ไม่พูดซ้ำ มือใหญ่กำเข้าที่ต้นแขนข้างหนึ่งแล้วพลิกตัวอีกคนแนบกับบานประตูกว้าง คนที่หันหลังให้เขาร้องโวยวายพร้อมออกแรงดิ้น “จะทำอะไร อย่านะเว้ย!”
“ไปทำอีท่าไหนถึงเจ็บหนักขนาดนี้”
“ห้ะ?”
“ถามว่าทำไมแผลเต็มหลังแบบนี้” นิ้วเรียวลูบแผลถลอกแดงเป็นปื้นที่สะบักหลังคนตัวเล็กไม่เบามือนัก เจ้าของรอยแดงซี้ดปากด้วยแสบแผล ก็สมควรแล้ว ตัวเล็กผอมจนเห็นกระดูกชัดทั้งตัวขนาดนี้ยังทำซ่าไปเตะต่อยกับคนอื่น
“โดนตีมา นายก็รู้นี่”
“โดนตีนมา?”
“เออ ตีนก็โดนเหมือนกัน โอ๊ย จะปล่อยก็ปล่อยเบาๆสิ”
“ไปใส่เสื้อไป” ใบหน้าหล่อเหลาสะบัดไปทางโซฟาแว้บหนึ่งแทนคำอนุญาตว่าให้ไปหยิบเสื้อตรงนั้นมาใส่ได้แล้ว
“อยู่ๆคิดจะถอดก็ถอ..”
“หรือจะให้ใส่ให้?”
“ไม่ต้องอ่ะ” มือเล็กคว้าเสื้อมาสวมหัวอย่างรวดเร็วแล้วยืนหลบอยู่ข้างโซฟาตัวใหญ่ ที่นี่เป็นห้องทำงานที่กว้างมาก ใหญ่กว่าห้องเช่าของเขาหลายเท่า เป็นสัดเป็นส่วนแล้วก็เป็นส่วนตัว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เขาหมายถึง...ถ้าเขาโดนทำร้ายในนี้... ให้เขาตะโกนยังไงนายจือเทาที่อยู่ข้างนอกนั่นก็คงไม่ได้ยินหรอกมั้ง
“จับฉันมาทำไม”
“พูดเหมือนฉันลักพาตัวนายมาอย่างงั้นน่ะ”
“หรือไม่ใช่ล่ะ”
“ฉันช่วยนายนะ ถ้าจือเทาไปไม่ทันเวลานายได้โดนกระซวกไส้ไปแล้ว” อู๋ฝานเดินกลับมานั่งที่โซฟาด้วยท่าทางสบายๆ ผิดกับอีกคนที่กระถดหนีไปอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง
“อ่อ งั้นตอนนี้พี่ชายฉันติดหนี้พนันนาย ส่วนฉันก็ติดหนี้ชีวิตนายใช่มั๊ย” เสียงหวานประชดประชัน นึกถึงตอนที่อี้ชิงแหวขึ้นมาคำแรกแล้วก็อดขำไม่ได้ เป็นคำว่า ’เสือ ก’ ที่หวานพอดู
“ใช้หนี้ของพี่นายให้หมดก่อนเถอะ”
“เท่าไหร่”
“เป็นล้าน กี่ล้านนายไม่รู้จะดีกว่า”
“แต่ฉันไม่ได้เป็นคนติดหนี้นาย” ตากลมจ้องคนที่นั่งอยู่ไม่ละสายตาเพื่อดึงความสนใจ กะว่าจะเนียนๆไปที่ประตูแล้วชิ่งหนี
“จะไปไหน ... ถ้านายเปิดประตูออกไปจือเทาที่อยู่ข้างนอกก็จะจับนายเหวี่ยงกลับเข้ามาอยู่ดี”
“ชอบใช้ความรุนแรง!” อี้ชิงจิ๊ปาก คนพวกนี้เอะอะๆจะใช้กำลังลูกเดียว
“หึ แล้วที่โดนตีจนหน้ายับมาเนี่ย รักความสงบกันมากใช่มั๊ย”
“........................”
“เย็นนี้กลับบ้านกับฉัน”
• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
สามสัปดาห์แล้วที่อี้ชิงทำงานที่คลับให้คริส อี้ชิงไม่ได้เจอคริสทุกวันแม้ว่าจะอยู่บ้านเดียวกัน ... แต่คริสเห็นอี้ชิงทุกวัน ร่างสูงจะคอยมองหาเด็กหนุ่มท่าทางคล่องแคล่วเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้าในแสงสลัวผ่านกระจกสีชาของห้องทำงานที่ชั้นลอย ถ้าเขางานน้อยก็ได้มองเยอะ วันไหนงานเยอะก็เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง แต่ก็ถือว่าได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของอี้ชิงในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
“คุณคริสครับ!”
“มีอะไร” อู๋ฝานเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มบัญชี มองหน้าจือเทาแล้ววางปากกาหมึกซึมในมือกลับเข้าที่
“อี้ชิงทะเลาะกับลูกค้า”
“หืม?”
“ลงไปดูเถอะครับ”
“ไป!” อู๋ฟานวิ่งอ้อมโต๊ะทำงาน ผลักบานประตูออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว เก้าอี้ทรงสูงรวมทั้งโต๊ะเหล้าล้มระเนระนาดอยู่รอบด้าน แสงสีชวนเวียนหัวรับกับจังหวะเสียงเพลงบีทหนักและไฟสลัวดูน่ารำคาญใจเหลือเกินในวันนี้ เขามองไม่เห็นเด็กนั่นเลย ลูกค้าที่แตกตื่นถอยออกห่างจากกลุ่มผู้ชายสองสามคนที่กำลังต่อสู้มาแออัดอยู่รอบๆ อู๋ฝานและจือเทารีบแทรกตัวเข้าไปจนถึงที่
.
.
.
“เจ็บนะเว่ย!” คนตัวเล็กร้องโวยวายที่โดนเหวี่ยงลงไปนอนบนโซฟาสีเข้ม คริสลากอี้ชิงขึ้นมาปล่อยให้จือเทาจัดการเรื่องข้างล่าง ภาพที่มองผ่านแสงสีน่าเวียนหัวไปเห็นคืออี้ชิงถีบโต๊ะอีกตัวใส่ลูกน้องของคุณหวังลูกค้าวีไอพีก่อนจะโดนชกกลับจนคว่ำ เขาหิ้วปีกคนที่กำลังโมโหเต็มที่แต่สภาพไม่อำนวยกลับมาถึงห้อง
“คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงไปต่อยลูกค้า! นิสัยนักเลงยังไงก็แก้ไม่หายใช่มั๊ย พวกหัวรุนแรงแบบนายมันก็ใช้แต่กำลังแก้ปัญหา! จะทำอะไรก็คิดบ้างสิ!” เสียงทุ้มตะคอกใส่ด้วยความโกรธ ไม่เคยมีลูกจ้างคนไหนทำเรื่องวุ่นวายขนาดนี้มาก่อนเลย นี่เพิ่งทำงานได้ไม่เท่าไหร่ก็ทำเรื่องให้เขาลำบาก
“นายมันก็เข้าข้างแต่ลูกค้า! ตัวเองก็นักเลงเหมือนกัน ไม่เห็นจะดีกว่ากันตรงไหนเลย!!”
“อี้ชิง!!”
“ไม่จริงหรือไงล่ะ นายก็ทำงานผิดกฎหมาย เปิดผับหรูๆบังหน้า ไม่เคยสั่งนายจือเทาอะไรนั่นไปจัดการใครเลยเหรอ!!” คนตัวเล็กกว่าตะคอกกลับไปบ้าง ไม่เห็นจะถามสาเหตุเขาซักคำว่าทำไมต้องทำแบบนั้น ลากขึ้นมาแล้วก็ด่าเอาๆ
“เคย! แต่มันไม่เกี่ยวกันอี้ชิง”
“งั้นทำไมนายไม่ถามฉันล่ะว่าฉันทำแบบนั้นทำไม นายขอโทษลูกค้าแต่มาด่าฉันทำไม! คนตัวเล็กเริ่มน้ำตาซึม ตั้งแต่อยู่มาเขาไม่เคยสร้างปัญหาอะไรเลย ทีทำดีก็ไม่เห็นจะมีใครเคยพูดอะไร
“งั้นบอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น” อู๋ฟานหายใจเข้าลึกพยายามคุมอารมณ์ให้เย็นลง ถ้าอีกฝ่ายร้อนก็คงต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“ไม่ทำแล้ว!” มือเล็กกระชากโบว์หูกระต่ายที่ติดตรงคอเสื้อปาใส่อกกว้างของอู๋ฟาน “คิดว่ามีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ดูถูกคนอื่น ไอ้นั่นมันลวนลามฉันนะ ถ้าฉันจะทำอะไรเพื่อศักดิ์ศรีฉันบ้างไม่ได้เหรอ!”
“อี้ชิง..”
“เอาไม้มาฟาดกันเลยยังจะดีกว่า ไม่มีพ่อไม่มีแม่ก็ไม่ใช่ว่าจะมาทำแบบนี้กับฉันได้นะ!! ฮึก..”
“อี้ชิง”
“ถ้าฉันโดนมันทำอะไรต่ำๆแบบนั้นนายจะยังว่าฉันหรือเปล่า”
“ฉันขอโทษ” เอวบางถูกแขนแข็งแรงคว้าเข้ามากอดไว้ทั้งตัว มือใหญ่กดศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมนิ่มไว้แนบอก เจ็บขนาดไหนอี้ชิงก็ไม่เคยร้องไห้มาก่อนแท้ๆ
“ฮึก ... ฉันไม่มีปัญญาใช้หนี้นายหมดหรอก”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ”
.
.
.
.
“ฉันไม่เคยมีพ่อหรอก แม่ก็เพิ่งตายไปสองสามปีที่แล้ว ส่วนพี่อยู่ๆก็หายไป” เขาไม่เคยรู้เรื่องการติดหนี้อะไรนี่มาก่อนเลย มารู้เรื่องเพราะจือเทาบอกเขาตอนที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา แต่ก็ดี ไม่งั้นคืนนั้นเขาอาจจะโดนลู่หานแทงตายไปแล้ว
“แล้วยกพวกตีกันทำไม?” อู๋ฟานถาม เขาไม่ค่อยเข้าใจตรรกะของเด็กประเภทนี้เท่าไหร่
“ก็เหลือแต่เพื่อน ... ไม่รู้ชีวิตจะดิ้นรนไปเพื่อใครแล้วไง คิดว่าถ้าซักวันโดนตีตายก็ไม่เป็นไรหรอก”
“ไม่เสียดายชีวิตหรือไง”
“ชีวิตผมเนี่ยเหรอ?” ตากลมเงยสบกับสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายของอู๋ฟาน รอยแผลฟกช้ำที่ใบหน้าจางลงไปเยอะแล้ว
“อืม”
“...ไม่เห็นมีอะไรน่าเสียดายเลย...”
.
.
.
.
“ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก ฉันไม่เคยฆ่าใคร”
“ไม่เคยเลยเหรอ”
“อย่างน้อยก็ไม่ได้ตั้งใจ” คนฟังกลืนน้ำลายดังเอื๊อก บางทีอี้ชิงก็ลืมว่ากำลังคุยกับเจ้าพ่ออยู่
“แล้ว...ถ้าอย่างมากล่ะ”
“พิการ .. แขนขาหักนิดๆหน่อย หึ” อู๋ฟานหัวเราะมุมปาก เหอะ ยังจะมีหน้ามาขำอีก “อยากรู้ไปทำไม นายไม่เคยทำใครขาหักเหรอ”
คนฟังรู้สึกเหมือนหายใจขัดหน่อย เบือนหน้าหนีไปทางอื่น เขาเองก็เคยทำลู่หานแขนหักจนฝ่ายนั้นตามอาฆาตมาตลอด แต่มันก็ไม่เหมือนกัน เขาไม่ได้ตั้งใจ แค่ป้องกันตัวเอง
“อยากหนีเมื่อไหร่ก็ไปนะ หายดีแล้วนี่ จือเทาเคยบอกแล้วใช่มั๊ย”
“อืม” นายลูกน้องหน้าดุนั่นเคยบอกเขาตั้งแต่วันแรกที่พามาที่ห้องพักคนรับใช้ในบ้าน ว่าเจ้านายตัวเองฝากมาบอกว่าอยากหนีเมื่อไหร่ก็ไป แต่ให้รักษาตัวให้หายดีก่อนเพราะออกไปทั้งที่ยังเจ็บจะตายเอา
แล้วก็ยังบอกอีกว่าถ้าหนีไปจะไม่จับกลับมา พูดออกมาได้หน้าตาเฉยทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง แบบนี้ยิ่งระแวงหนักกว่าเดิม
.
.
.
.
“ทำงานที่ผับเบื่อหรือเปล่า ไม่ต้องทำก็ได้นะ นั่งๆนอนๆรอให้พี่ชายนายกลับมา”
“หมอนั่นไม่กลับมาหรอก ....”
“.............”
“ว่างอยู่ด้วย ทำง่ายกว่าวิ่งหนีไอ้พวกนั้นตั้งเยอะด้วย ... แต่ใช้หนี้ไม่หมดหรอกนะ นายให้ค่าแรงถูกเกินไป”
.
.
.
.
อี้ชิงยันตัวลุกขึ้นจากโซฟา เขาหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มือเล็กหยิบสูทหนาหนักที่ตกลงจากไหล่มากองบนตักขึ้นมาถือไว้ คงเป็นของนายหัวทอง
ร่างบางลุกขึ้นสะบัดสูทเนื้อดีไปข้างหลังเพื่อคลุมไหล่กันหนาว ห้องนี้เขาไม่เคยเข้ามา มันเป็นคนละห้องกับที่ที่เจอกันครั้งแรก ขาเรียวก้าวไปใกล้ผนังกระจกสีชา มันมองเห็นข้างล่างแต่ตอนเขาอยู่ด้านล่างมองเข้ามาไม่เห็น คนตัวสูงผมสีทองสวมเสื้อเชิ้ตที่ถลกแขนเสื้อขึ้นลวกๆ ไม่ผูกไทด์ ปลดกระดุมตรงคอเสื้อ ยืนอยู่ข้างๆ จือเทาที่ยังสวมสูทเต็มชุด ว่าไปเขาก็ไม่เคยเห็นจือเทาใส่ชุดอื่น
คนแอบมองจับรังสีความเครียดจากเจ้าของสถานที่นี้ได้จากท่าทาง มือข้างหนึ่งค้ำโต๊ะ อีกข้างยกขึ้นเสยผมสีทองเข้ากับใบหน้านั่น รอบๆ เก้าอี้ที่ล้มระเนระนาดพนักงานกำลังช่วยกันเก็บกวาด ไม่ใช่แค่ข้าวของที่เสียหาย ชื่อเสียงและลูกค้าที่จะหายไปเป็นสิ่งที่ยังประเมินไม่ได้
แต่คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง อู๋อี้ฝานรวยจะตายไป กิจการเยอะแยะจนดูแลแทบไม่หมด แค่นี้คงไม่เดือดร้อน ...
.
.
.
.
.
“เจอมั๊ย?”
‘ที่บ้านไม่มีครับ’ จือเทากรอกเสียงมาตามสายโทรศัพท์ อี้ชิงหายไป...
อู๋ฝานกลับขึ้นมาที่ห้องบนชั้นลอยตอนเวลาเกือบตีห้า เขาหาจนทั่วแต่ก็เจอแค่สูทตัวนอกของตัวเองวางอยู่บนโซฟาที่อี้ชิงเคยนอนอยู่ อยากจะตีปากตัวเองซักทีที่บอกว่าอยากไปเมื่อไหร่ก็ให้ไป
ไม่คิดว่าจะไป
ไม่คิดว่าจะไม่อยากให้ไป ...
• • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •
อี้ชิงหายไปเกือบสองอาทิตย์แล้ว ถ้าเพียงแค่อู๋ฝานอยากให้กลับมาก็ไม่ใช่เรื่องยาก ลูกน้องเขามีมากมาย บอกแค่คำเดียวก็หาตัวได้ไม่ยากเย็น แต่เขาพูดเองว่าจะไม่พยายามพาเด็กหนุ่มกลับมา แล้วแค่อี้ชิงออกไปจากชีวิต ... มันก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเขาเลย
จอแอลซีดีขนาดใหญ่ถูกเปิดทิ้งไว้แต่ไม่มีใครสนใจ ร่างโปร่งนั่งสบายๆ ก้มหน้าอ่านหนังสือในมือ พวกข่าวภาคค่ำอะไรแบบนั้นเขาไม่เคยสนใจดูหรอก แต่ข่าวที่ได้ยินแว่วๆจากจอสี่เหลี่ยมเมื่อกี้นี้ทำให้อู๋ฝานละสายตาจากหนังสือที่อ่านอยู่ ถ้าเขาจะไม่เข้าใจอะไรผิด... พวกนักเรียนที่กำลังโดนตำรวจไล่จับจนหนีเปิดเปิงกันอยู่ตอนนี้คือโรงเรียนของอี้ชิง
ขอให้ไม่มีคนที่คิดอยู่ในกลุ่มพวกนั้นเถอะ
.
.
.
.
.
ไม่รู้ว่าทำไม ... แต่ตอนนี้เขาขับรถอยู่บนถนนอีกเส้นไม่ไกลจากถนนที่ในข่าวบอกชื่อเอาไว้ ซึ่งตอนนี้คงเต็มไปด้วยตำรวจ ใกล้ๆกับที่จือเทาเจออี้ชิงคราวที่แล้ว ถึงจะเป็นเวลาแค่สองสามทุ่มแต่อากาศข้างนอกก็หนาวมาก ไม่ใช่แค่เด็กนั่น ใครก็ไม่ควรมาอยู่กลางถนนมืดๆเงียบๆแบบนี้ตอนนี้ทั้งนั้น
เขาไม่เคยนึกถึงมาก่อนว่าชีวิตเขาต้องต่อสู้ไปเพื่ออะไร หรือเพื่อใคร อู๋ฝานก็ไม่มีพ่อแม่แล้ว ไม่มีใครที่ต้องห่วงใย แต่เขายังสู้เพื่อตัวเอง ตั้งใจทำงาน มีคนอยู่ภายใต้การควบคุมนับไม่ถ้วน แต่จะมีซักกี่คนที่ตายแทนเขาได้
ยิ่งใหญ่....แต่โดดเดี่ยว
บางทีเขาก็แอบคิด ว่าอู๋อี้ฝานกับจางอี้ชิง .. ใครเหงามากกว่ากัน
เงินแค่ไม่กี่ล้านเขาไม่เคยอยากได้คืน แต่ที่ต้องทำรุนแรงกับพวกที่ติดหนี้เพื่อสั่งสอนให้รู้ว่าทำอะไรเอาไว้ต้องรับผิดชอบ นั่นคือสิ่งที่อู๋ฝานเรียนรู้มา
แต่ตอนนี้เขาอยากได้เด็กนั่นคืนมามากกว่าอะไร
.
.
.
.
ใจที่เคยแข็งแกร่งกระตุกวูบเมื่อแสงไฟหน้ารถส่องกระทบกำแพงมืด มีใครบางคนนั่งเอนหัวพิงอยู่อย่างเหนื่อยล้าไร้เรี่ยวแรง เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่หุนหันออกจากบ้านมาเมื่อชั่วโมงก่อน ... เขาไม่อยากเจออี้ชิง
ไวเท่าความคิด ร่างสูงโปร่งก็ลงจากรถมาถึงตัวคนที่นั่งหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน ประคองร่างโชกเลือดมากอดเอาไว้ ร่างเล็กแทบไม่มีความอบอุ่นอยู่ในกาย
“ฮึๆๆ นายหัวทอง ... มาได้ยังไง” ร่างปวกเปียกในอ้อมกอดครางถาม
“ถ้าอยากตีคนก็ไปทวงหนี้ให้ฉันเถอะ เลิกทำแบบนี้ซะที”
“ฮึก ... ซองชิลตายแล้ว ฮึก ฉันช่วยเค้าไม่ได้ ... คริส ...” เจ้าของชื่อกระชับวงแขนแน่นขึ้น โยกตัวเบาๆเพื่อปลอบโยนคนที่กำลังตื่นกลัว
“ไม่ใช่ความผิดนายหรอก เจ็บมากมั๊ย ไม่ต้องกลัวแล้วนะ”
“ฮึก คริส..” ท่อนแขนอ่อนแรงยกขึ้นกอดกลับ มือเล็กกำเสื้อด้านหลังของร่างใหญ่เพื่อยึดไว้ น้ำเสียงอ่อนโยนกับถ้อยคำห่วงใยทำให้อี้ชิงยิ่งร้องหนัก น้ำตามากมายไหลอาบหน้า ไม่เคยมีใครสนใจว่าเขาจะเจ็บมั๊ย จะหนาวจะกลัวมากแค่ไหนที่ต้องอยู่คนเดียว
“เจ็บตัวมาตั้งเยอะตั้งแยะไม่เห็นเคยร้องนี่นา ทำไมขี้แยเอาตอนนี้ละ หืม” อู๋ฟานยิ้มน้อยๆให้คนในอ้อมแขน ใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยน้ำใสที่ไหลไม่หยุด ประทับริมฝีปากอุ่นลงไปบนโหนกแก้มช้ำแผ่วเบา “หายดีแล้วแท้ๆ เป็นแผลอีกแล้ว”
“คริส...อย่าทิ้งฉันนะ”
“ฉันไม่เคยทิ้งนาย” อู๋ฝานก้มลงมอบจุมพิตอ่อนโยนปลอบประโลมร่างเล็กที่หนาวสั่น ลมหายใจร้อนเป่ารดข้างแก้มกันและกัน ค่อยๆแทรกลิ้นอุ่นผ่านกลีบปากแห้งผากไม่รีบร้อน รสเค็มของเลือดที่ริมฝีปากยังติดจมูก มันคงเป็นจูบที่แย่สำหรับคนทั่วไป แต่ไม่ใช่กับเขา
“อื้อ...”
“เจ็บหรือเปล่าอี้ชิง” คนเริ่มละริมฝีปากออกมาเพราะเสียงหวานครางอืออยู่ในคอ เขาไม่อยากทำให้อี้ชิงเจ็บเพราะตัวเองซ้ำอีก
“ไม่ ฮึก... ไม่เจ็บ” อี้ชิงยังคงสะอื้น ... เขากลัวจะหลับไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีก กลัวผู้ชายผมทองตรงหน้าจะหายไปแล้ว คราวนี้เป็นคนเจ็บเองที่เริ่มต้นสัมผัสอ่อนโยนอีกครั้ง ...
Love is not a fight
ความรักไม่ใช่การต่อสู้
but it's something worth fighting for
หากคือสิ่งที่ควรค่าแก่การต่อสู้เพื่อให้ได้มา
and I wanna fight it with you.
นี่มันเป็นฟิคชั่ววูบเว่อว่าวีเว่อ เกิดฟีลซาดิสม์อยากเห็นลู่หานตีอี้ชิง ปรากฏเขียนไปมาก็ไม่ได้ตีกัน กลายเป็นอี้ชิงโดนจงอินตื้บซะอีก แล้วก็จบที่คริสเลย์ด้วย ผิดแผนอย่างแรงเลยฮะ *หัวเราะ* แต่ก็เขียนจบด้วยล่ะ ฟิครับวันเด็ก ใสๆ ตื้บกันเล่นเบาๆ ^ ^
@WithKrisLay <-- ตามไปด่าได้
ผลงานอื่นๆ ของ WithKrisLay ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ WithKrisLay
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น