[SF - EXO] LAST FIGHT - KrisLay - [SF - EXO] LAST FIGHT - KrisLay นิยาย [SF - EXO] LAST FIGHT - KrisLay : Dek-D.com - Writer

    [SF - EXO] LAST FIGHT - KrisLay

    โดย WithKrisLay

    ถ้าชีวิตคือการต่อสู้ เขาจะลองสู้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย

    ผู้เข้าชมรวม

    5,247

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    5.24K

    ความคิดเห็น


    34

    คนติดตาม


    45
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  31 ม.ค. 56 / 12:34 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

     



    LAST  FIGHT

    Couple : KRIS x LAY

    Author : วคล - WithKrisLay 

     (ฟิคไม่ดาร์คฮะ ทำรูปเว่อร์ไปงั้นแหละ)









































    cinnamon
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

      LAST  FIGHT

      Couple : KRIS x LAY

      Author : วคล - WithKrisLay

       

       

       

       

       

       

       

       

      “อั๊ก!!” ร่างที่นอนแผ่กลางพื้นถนนกระอัก ตัวขดงอเพราะโดนเหยียบอย่างแรงเข้าที่ท้อง หลังการต่อสู้แห่งศักดิ์ศรีอันดุเดือดฝั่งเขาดูจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

      คอเสื้อช็อปสีกรมท่าถูกกระชากจนลำตัวท่อนบนลอยขึ้นจากพื้น อีกไม่ถึงหนึ่งวินาทีกำปั้นที่ฝ่ายตรงข้ามเงื้อสุดแขนคงปะทะใบหน้าอีกครั้งหลังจากที่โดนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ฟันขาวขบริมฝีปากล่าง หลับตาปี๋ จะหวังให้ต่อสู้กลับคงไม่ไหว ตอนนี้แรงแค่จะยกแขนขึ้นมาป้องกันตัวเองยังแทบไม่มี

      “จงอินระวัง!”  ผลั่ก!!  โชคยังพอเข้าข้าง ร่างสูงของคิมจงอินกระเด็นหงายหลังเพราะโดนเท้าของใครบางคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเขายันเข้าที่สีข้าง จงอินในชุดเสื้อช็อปสีแดงเลือดหมูกุมชายโครงด้วยความเจ็บ เพราะไม่ทันตั้งตัวเลยกระเด็นไถลไปกับพื้นจนได้แผลถลอกเลือดซิบที่ศอกเพิ่มอีกแผล

      “อี้ชิง วิ่งเร็วมึง!” เป็นจงแดที่กระโดดถีบจงอินลูกพี่ใหญ่ของฝ่ายนั้น เพื่อนร่วมสถาบันคว้าแขนดึงคนที่ยังนอนกองอยู่กับพื้นขึ้นมาทั้งที่ตัวเองก็เจ็บอยู่ไม่น้อย

      “มึง..ไปก่อน”

      “ไอ้เหี้ยลุก!

      “ไป!!” จงแดผงะก่อนจะตัดสินใจปล่อยแขนอี้ชิงแล้วออกวิ่ง มีฝ่ายของจงอินสองคนวิ่งกวดตามหลังไป  มือที่มีรอยเลือดของใครบ้างก็ไม่รู้คว้าไม้ทีใกล้ตัว ใช้มันค้ำยันจนยืนขึ้นได้แล้วเริ่มออกวิ่งไปอีกทาง เขาปวดร้าวไปทั้งตัว ทั้งโดนเตะ โดนกระทืบไม่รู้กี่ครั้งจนหน้ามืด เหลียวหลังกลับไปมองเพื่อนอีกสองสามคนที่ตะลุมบอนกับฝ่ายคู่อริยังหลุดออกมาไม่ได้

      “ลู่หาน  อ้ะ .. มึงตามมันไปซิ!” จงอินที่เพิ่งลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งตะโกนสั่ง เจ้าของชื่อปล่อยสองมือจากเสื้อสีกรมท่าของเด็กหนุ่มที่เขานั่งคร่อมอยู่จนอีกฝ่ายหลังกระแทกพื้นดังอั่ก ลุกยืนคว้าไม้หน้าสามเปื้อนเลือดที่ตกอยู่แถวนั้นขึ้นมาตีลงบนฝ่ามืออีกข้างของตัวเองครั้งหนึ่ง

      “ได้...  เฮ้ยชานยอล กูฝากไอ้นี่ด้วย” ลู่หานเตะเข้าที่เอวอริต่างสถาบันที่นอนกลิ้งกับพื้นแลกหมัดกันอยู่เมื่อกี้เบาๆ พยักเพยิดให้เพื่อนตัวสูงอีกคนที่ดูว่างๆ อยู่รับช่วงต่อ

      .

      .

      .

      .

      .

      .

       

      เชี่ย...ทางตัน

      ขาเรียวหยุดวิ่ง จุกเสียดจนต้องกุมกดใต้อกเอาไว้เพราะวิ่งมาไกล หายใจก็แทบไม่ทัน ลูกกรงตาข่ายสูงท่วมหัวที่ขวางอยู่เขาอาจจะปีนได้ถ้ามีสภาพร่างกายปกติ แต่นี่ไม่...

      “ไปต่อไม่ได้แล้วสิมึง”  ร่างผอมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ หมุนตัวกลับไปทางต้นเสียง

      “ลู่หาน..”

      “เออ กูเอง”  ผัวะ! เร็วแทบไม่ทันกระพริบตาร่างบางก็ปลิวไปกระแทกลูกกรงด้านหลังดังสนั่นตามแรงถีบที่ยอดอก  ไม้ทีที่เป็นอาวุธอย่าง้สุดท้ายกระเด็นหลุดจากมือ

      ลู่หานตามเข้ามาประกบชิดตัว ยกคอเสื้ออีกฝ่ายไว้ไม่ให้ร่วงลงไปกองที่พื้นเสียก่อน  แว้บหนึ่งหูก็ได้ยินเสียงไม้หน้าสามที่ลู่หานถือมาหล่นลงบนพื้น อึดใจต่อมาใบมีดพับสีเงินวาววับยื่นไปใกล้ไปหน้าเปื้อนดินผสมเลือดมอมแมมของฝ่ายเสียเปรียบ

      “ไหนล่ะเพื่อนรักมึง แต่ละตัววิ่งหนีกันกระจัดกระจาย ไม่เห็นมีใครจะช่วยมึงเลย”  ใบหน้าบอบช้ำเบี่ยงออกด้านข้าง ภาพมินซอกโดนโอเซฮุนเหวี่ยงไม้เบสบอลใส่กลางหลังแล้วทรุดล้มลงยังติดตา เขาก็ช่วยใครไม่ได้เหมือนกัน

      “กูคิดถึงมึงมาตลอดเลยอี้ชิง ..ถุย!”  คำหลังหันไปถ่มน้ำลายผสมลิ่มเลือดในปากออก ฝ่ายลู่หานเองก็เจ็บตัวกันไม่น้อย

      “อ้ะ อึก!” ผมสีเข้มโดนกระตุกอย่างแรงจนหน้าหงาย

      “หลังจากมึงกระทืบกูจนแขนหักคราวที่แล้วกูก็คิดถึงมึงมาตลอด.....” ลู่หานใช้ลิ้นดุนด้านในแก้ม พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ”คิดว่าเมื่อไหร่จะมีโอกาสเอาคืนมึงซะที มีอะไรจะสั่งเสียมั๊ย”

      คนตัวเท่าๆกันที่ตอนนี้เป็นฝ่ายได้เปรียบลดระดับมีดในมือลงมาตรงตำแหน่งเอว ดึงศอกออกไปด้านหลัง

      อี้ชิงกลั้นหายใจ ... นี่อาจจะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเขา

       

      .

      .

      .

      “เฮ้ย!

      “ปล่อยหมอนี่ซะ” ข้อมือเล็กถูกมือใหญ่ของบุคคลที่สามยึดไว้ แรงกำที่ข้อมือหนักขึ้นจนลู่หานปล่อยมีดออกจากมือ อี้ชิงที่ถูกปล่อยเป็นอิสระหลังแนบตาข่ายเหล็กรูดลงนั่งชันเข่าข้างหนึ่งอยู่ที่พื้น

      “มึงเป็นใคร!!?” ลู่หานตวาดลั่น

      “ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” ร่างสูงใหญ่กระชากตัวคนตัวเล็กกว่าจนปลิวมาปะทะอก ยึดข้อมืออีกคนไว้แน่น สายตาดุดันจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลม ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่กลับทำให้ลู่หานตัวสั่น

      “มึงยุ่งอะไรด้วยวะ!!

      “กลับไปซะ อย่าเล่นกันรุนแรงมันไม่ดี” แขนแข็งแรงดันร่างเล็กกว่าออกห่างตัวอย่างแรง ตากลมมองสบตาชายแปลกหน้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะวิ่งกลับไปทางเดิม

      ร่างเล็กของอี้ชิงนั่งพิงลูกกรงหมดเรี่ยวแรง ยกหลังมือขึ้นเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก เนื้อตัวมอมแมมเปื้อนเหงื่อไคลผสมกับฝุ่นดินจากทั้งพื้นรองเท้าและพื้นถนน คิ้วแตกมีรอยเลือดที่เริ่มแห้งไหลลงมาถึงหางตา ดั้งจมูกมีแผลเล็กๆสองสามรอย ที่โหนกแก้มข้างหนึ่งมีรอยดอกยางของรองเท้าผ้าใบขึ้นชัดเจน สองมือกุมชายโครงด้านขวาแน่นมีโลหิตสีสดไหลซึมออกมาตามช่องระหว่างนิ้ว คงโดนของมีคมมาแน่ๆ.... สภาพดูไม่จืดเลยจริงๆ

      “จางอี้ชิง”

      “มึงเป็นใคร? รู้จักกูได้ไง?” ตาพร่ามัวมองชายหนุ่มรูปร่างดีตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมสีดำสนิทจัดทรงเรียบร้อย เสื้อเชิ้ตสีดำชายเสื้ออยู่ในกางเกงสแลคเข้ารูป เข็มขัดหนังสีดำหัวสีเงินเงาวับ รองเท้าหนังที่สวมดูราคาแพงกว่าค่าเช่าห้องของเขาสามเดือนติดกัน ดำทั้งตัว...แมนอินแบล็คหรือไงวะ

      “หวางจือเทา ... ยินดีที่ได้รู้จัก”

      .

      .

      .

      .

      “โอ๊ย!!” หัวเข่าที่มีแผลแตกอยู่แล้วกระแทกลงกับพื้นหินแกรนิตสีดำมันเงา อี้ชิงที่สะบักสะบอมเต็มทีถูกหวางจือเทาชายแปลกหน้าพาขึ้นรถสปอร์ตกว้างขวาง แล้วก็เอามาโยนลงตรงนี้ ตรงหน้าใครคนหนึ่งที่นั่งไขว่ห้างสบายๆบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ในห้องสีทึบสไตล์โมเดิร์น

      “ผมพาจางอี้ชิงมาแล้วครับ ดีที่ไปทัน”

      คนฟังวางแก้วบรั่นดีหกเหลี่ยมทรงเตี้ยลงบนโต๊ะข้างเก้าอี้ คว้าคางนักเรียนนักเลงที่นั่งคุกเข่าข้างหน้าให้เงยขึ้นมาสบตากัน

      “ฟัดกับหมาที่ไหนมา”  อี้ชิงไม่ตอบ...

      “โรงเรียนคู่อริครับ” เป็นจือเทาที่ตอบคำถามนั้นแทนให้ เออ พวกนั้นก็หมาจริงๆนั่นแหละ

      “งั้นเหรอ...ไหนบอกฉันซิว่าตอนนี้พี่ชายนายอยู่ที่ไหน”

      “เสือ ก!”  เพี้ยะ!!  สองเสียงดังขึ้นแทบจะวินาทีเดียวกัน ใบหน้าเล็กเปื้อนเลอะเทอะหันไปตามแรงที่โดนหลังมือใหญ่สะบัดใส่ ด้วยความที่อ่อนแรงเป็นทุนเดิมทำให้ทั้งร่างล้มหมอบลงกับพื้นเย็นเฉียบ

      “อุตส่าห์รักษาชีวิตไว้ได้ตั้งนานจะมาตายตรงนี้มันไม่ดูโง่ไปหน่อยเหรอ อย่ามาทำปากดีไปหน่อยเลย”

      ลิ้นเล็กแลบเลียมุมปากข้างที่โดนตบ รสเค็มปร่าของเลือดคลุ้งเต็มปาก ริมฝีปากอิ่มเผยอหอบเอาอากาศ เปลือกตาหนักอึ้ง...

      .

      .

      “ดูเหมือนจะหมดสติไปแล้วนะครับ”

      “ทนไม้ทนมือขนาดนี้คงไม่ตายหรอก... เดี๋ยวพาไปทำแผลนะ ทำที่นี่แหละฉันไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราว แล้วก็พาไปพักที่ห้องข้างบนไป”

      “ครับคุณคริส”

      .

      .

      ••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••

      .

      .

      ร่างสูงโปร่งในชุดสูทเนื้อดีหยุดเท้าลงข้างโต๊ะบิลเลียดตัวหนึ่ง มือล้วงกระเป๋ากางเกงกวาดตามองไปรอบๆบริเวณ เบื้องหน้าอู๋อี้ฝานเป็นเพียงนักธุรกิจหนุ่มหล่อเจ้าของสถานบันเทิงครบวงจรหลายแห่ง แต่หลังฉาก...เครือข่ายการพนันผิดกฏหมายหลายรูปแบบกำลังขยายตัว เงินหมุนเวียนแต่ละวันเป็นสิบล้าน ลูกน้องมากมายเต็มเมือง

      อู๋อี้ฝานเป็นมาเฟีย...ที่ไม่ต้องสนใจอะไรมดปลวกอย่างจางอี้ชิงเลยก็ได้

      ถ้าพี่ชายของจางอี้ชิงไม่ติดหนี้พนันบอลเป็นล้านแล้วหนีหายไป..

      .

      .

      “เด็กนั่นเป็นไงบ้าง”

      “ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาก็ไม่พูดไม่จา  จะเอายังไงต่อดีครับ”

      “เก็บไว้ ... เท่าที่นายเล่าให้ฉันฟังอี้ชิงทั้งคล่องแคล่วทั้งฉลาดเป็นกรด แล้วอีกอย่าง... โดนยำเละขนาดนี้ยังรอดมาได้ คงพอมีประโยชน์อะไรกับเราบ้าง”

      องค์กรใหญ่โตก็ก้าวหน้าได้ด้วยแรงขับเคลื่อนของฟันเฟืองเล็กๆทั้งนั้นแหละ

      “ไปพามาที่นี่ที”

      “ครับ”

      .

      .

      .

      .

      .

      “ฉันไม่อยู่! ทำไมต้องให้ฉันอยู่บ้านนายด้วย”

      “แล้วจะอยู่ที่ห้องรูหนูซ่อมซ่อ หลังคาจะพังลงมาทับตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้แบบนั้นไปทำไม ญาติก็ไม่มีซักคน โรงเรียนก็ไม่ต้องไปมันแล้ว กลับไปก็โดนดักตีตายไม่ได้ประโยชน์อะไร!

      “...................” อี้ชิงไม่คิดจะเถียงต่อเพราะคนตรงหน้าพูดถูกทุกอย่าง รสหลังมือที่โดนไปเมื่อวานก็ยังจำได้ดี เขาไม่คิดว่าควรเสี่ยง... แต่ยังไงอี้ชิงก็ยังมีเพื่อนที่ต้องเป็นห่วง หลายคนเจ็บหนักกว่าเขาด้วยซ้ำ ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง

      พอล้างหน้าล้างตาทำแผลเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะมีรอยฟกช้ำอยู่แทบทุกส่วนของใบหน้าแต่ก็ถือว่าดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่าครั้งแรกที่เจอกันเยอะ

      “ถอดเสื้อซิ” อู๋ฝานออกคำสั่ง

      “จะบ้าหรือไง!” เท้าเล็กก้าวถอยหลัง ดวงตาตื่นตระหนกเบิกกว้าง ตกใจไม่น้อยที่ร่างสูงใหญ่ย่างสามขุมเข้ามาใกล้เรื่อยๆแบบนี้

      “บอกให้ถอดเสื้อออก”

      “ไม่ถอด! เฮ้ยๆๆอย่า!!!”  กระพริบตาแค่สามทีเสื้อแขนยาวหลวมโพรกที่สวมอยู่ก็ถูกดึงออกจากศีรษะติดมืออีกคนไปแล้ว ผู้ชายตัวสูงผมทองที่อี้ชิงไม่รู้จักชื่อโยนเสื้อของนายหวางจือเทาที่ให้เขายืมลงบนโซฟาอย่างไม่ไยดี

      “ทำอะไรวะ”  อี้ชิงกอดตัวเองเพราะความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้เขาหนาว บ้าหรือเปล่าใส่สูทเต็มยศแล้วก็เปิดแอร์แรงขนาดนี้ ถ้าร้อนก็ถอดเสื้อตัวเองสิวะ

      ตาคมไล่มองรูปร่างผอมบางบอบช้ำแล้วลอบถอนหายใจ ไหนจะผ้าก็อตพันแผลรอบเอวบางนั่นอีก

      “หันหลัง”

      “ไม่!  โอ๊ะ”  คราวนี้ไม่พูดซ้ำ มือใหญ่กำเข้าที่ต้นแขนข้างหนึ่งแล้วพลิกตัวอีกคนแนบกับบานประตูกว้าง คนที่หันหลังให้เขาร้องโวยวายพร้อมออกแรงดิ้น “จะทำอะไร อย่านะเว้ย!

      “ไปทำอีท่าไหนถึงเจ็บหนักขนาดนี้”

      “ห้ะ?”

      “ถามว่าทำไมแผลเต็มหลังแบบนี้” นิ้วเรียวลูบแผลถลอกแดงเป็นปื้นที่สะบักหลังคนตัวเล็กไม่เบามือนัก เจ้าของรอยแดงซี้ดปากด้วยแสบแผล ก็สมควรแล้ว ตัวเล็กผอมจนเห็นกระดูกชัดทั้งตัวขนาดนี้ยังทำซ่าไปเตะต่อยกับคนอื่น

      “โดนตีมา นายก็รู้นี่”

      “โดนตีนมา?”

      “เออ ตีนก็โดนเหมือนกัน โอ๊ย จะปล่อยก็ปล่อยเบาๆสิ”

      “ไปใส่เสื้อไป” ใบหน้าหล่อเหลาสะบัดไปทางโซฟาแว้บหนึ่งแทนคำอนุญาตว่าให้ไปหยิบเสื้อตรงนั้นมาใส่ได้แล้ว

      “อยู่ๆคิดจะถอดก็ถอ..”

      “หรือจะให้ใส่ให้?”

                      “ไม่ต้องอ่ะ”  มือเล็กคว้าเสื้อมาสวมหัวอย่างรวดเร็วแล้วยืนหลบอยู่ข้างโซฟาตัวใหญ่ ที่นี่เป็นห้องทำงานที่กว้างมาก ใหญ่กว่าห้องเช่าของเขาหลายเท่า เป็นสัดเป็นส่วนแล้วก็เป็นส่วนตัว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เขาหมายถึง...ถ้าเขาโดนทำร้ายในนี้... ให้เขาตะโกนยังไงนายจือเทาที่อยู่ข้างนอกนั่นก็คงไม่ได้ยินหรอกมั้ง

                      “จับฉันมาทำไม”

                      “พูดเหมือนฉันลักพาตัวนายมาอย่างงั้นน่ะ”

                      “หรือไม่ใช่ล่ะ”

                      “ฉันช่วยนายนะ ถ้าจือเทาไปไม่ทันเวลานายได้โดนกระซวกไส้ไปแล้ว” อู๋ฝานเดินกลับมานั่งที่โซฟาด้วยท่าทางสบายๆ ผิดกับอีกคนที่กระถดหนีไปอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง

                      “อ่อ งั้นตอนนี้พี่ชายฉันติดหนี้พนันนาย ส่วนฉันก็ติดหนี้ชีวิตนายใช่มั๊ย” เสียงหวานประชดประชัน นึกถึงตอนที่อี้ชิงแหวขึ้นมาคำแรกแล้วก็อดขำไม่ได้ เป็นคำว่าเสือ กที่หวานพอดู

                      “ใช้หนี้ของพี่นายให้หมดก่อนเถอะ”

                      “เท่าไหร่”

                      “เป็นล้าน กี่ล้านนายไม่รู้จะดีกว่า”

                      “แต่ฉันไม่ได้เป็นคนติดหนี้นาย” ตากลมจ้องคนที่นั่งอยู่ไม่ละสายตาเพื่อดึงความสนใจ กะว่าจะเนียนๆไปที่ประตูแล้วชิ่งหนี

                      “จะไปไหน ... ถ้านายเปิดประตูออกไปจือเทาที่อยู่ข้างนอกก็จะจับนายเหวี่ยงกลับเข้ามาอยู่ดี”

                      “ชอบใช้ความรุนแรง!” อี้ชิงจิ๊ปาก คนพวกนี้เอะอะๆจะใช้กำลังลูกเดียว

                      “หึ แล้วที่โดนตีจนหน้ายับมาเนี่ย รักความสงบกันมากใช่มั๊ย”

                      “........................”

                      “เย็นนี้กลับบ้านกับฉัน”

       

       

      • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •

       

       

                      สามสัปดาห์แล้วที่อี้ชิงทำงานที่คลับให้คริส อี้ชิงไม่ได้เจอคริสทุกวันแม้ว่าจะอยู่บ้านเดียวกัน ... แต่คริสเห็นอี้ชิงทุกวัน ร่างสูงจะคอยมองหาเด็กหนุ่มท่าทางคล่องแคล่วเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้าในแสงสลัวผ่านกระจกสีชาของห้องทำงานที่ชั้นลอย ถ้าเขางานน้อยก็ได้มองเยอะ วันไหนงานเยอะก็เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง แต่ก็ถือว่าได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของอี้ชิงในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

       

                      “คุณคริสครับ!

                      “มีอะไร”  อู๋ฝานเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มบัญชี มองหน้าจือเทาแล้ววางปากกาหมึกซึมในมือกลับเข้าที่

                      “อี้ชิงทะเลาะกับลูกค้า”

                      “หืม?”

                      “ลงไปดูเถอะครับ”

                      “ไป!” อู๋ฟานวิ่งอ้อมโต๊ะทำงาน ผลักบานประตูออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว  เก้าอี้ทรงสูงรวมทั้งโต๊ะเหล้าล้มระเนระนาดอยู่รอบด้าน แสงสีชวนเวียนหัวรับกับจังหวะเสียงเพลงบีทหนักและไฟสลัวดูน่ารำคาญใจเหลือเกินในวันนี้ เขามองไม่เห็นเด็กนั่นเลย  ลูกค้าที่แตกตื่นถอยออกห่างจากกลุ่มผู้ชายสองสามคนที่กำลังต่อสู้มาแออัดอยู่รอบๆ อู๋ฝานและจือเทารีบแทรกตัวเข้าไปจนถึงที่

                      .

                      .

                      .

                      “เจ็บนะเว่ย!” คนตัวเล็กร้องโวยวายที่โดนเหวี่ยงลงไปนอนบนโซฟาสีเข้ม คริสลากอี้ชิงขึ้นมาปล่อยให้จือเทาจัดการเรื่องข้างล่าง ภาพที่มองผ่านแสงสีน่าเวียนหัวไปเห็นคืออี้ชิงถีบโต๊ะอีกตัวใส่ลูกน้องของคุณหวังลูกค้าวีไอพีก่อนจะโดนชกกลับจนคว่ำ เขาหิ้วปีกคนที่กำลังโมโหเต็มที่แต่สภาพไม่อำนวยกลับมาถึงห้อง

                      “คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงไปต่อยลูกค้า! นิสัยนักเลงยังไงก็แก้ไม่หายใช่มั๊ย พวกหัวรุนแรงแบบนายมันก็ใช้แต่กำลังแก้ปัญหา! จะทำอะไรก็คิดบ้างสิ!” เสียงทุ้มตะคอกใส่ด้วยความโกรธ ไม่เคยมีลูกจ้างคนไหนทำเรื่องวุ่นวายขนาดนี้มาก่อนเลย นี่เพิ่งทำงานได้ไม่เท่าไหร่ก็ทำเรื่องให้เขาลำบาก

                      “นายมันก็เข้าข้างแต่ลูกค้า! ตัวเองก็นักเลงเหมือนกัน ไม่เห็นจะดีกว่ากันตรงไหนเลย!!

      “อี้ชิง!!

      “ไม่จริงหรือไงล่ะ นายก็ทำงานผิดกฎหมาย เปิดผับหรูๆบังหน้า ไม่เคยสั่งนายจือเทาอะไรนั่นไปจัดการใครเลยเหรอ!!” คนตัวเล็กกว่าตะคอกกลับไปบ้าง ไม่เห็นจะถามสาเหตุเขาซักคำว่าทำไมต้องทำแบบนั้น ลากขึ้นมาแล้วก็ด่าเอาๆ

      “เคย! แต่มันไม่เกี่ยวกันอี้ชิง”

      “งั้นทำไมนายไม่ถามฉันล่ะว่าฉันทำแบบนั้นทำไม นายขอโทษลูกค้าแต่มาด่าฉันทำไมคนตัวเล็กเริ่มน้ำตาซึม ตั้งแต่อยู่มาเขาไม่เคยสร้างปัญหาอะไรเลย ทีทำดีก็ไม่เห็นจะมีใครเคยพูดอะไร

      “งั้นบอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น”  อู๋ฟานหายใจเข้าลึกพยายามคุมอารมณ์ให้เย็นลง ถ้าอีกฝ่ายร้อนก็คงต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ

      “ไม่ทำแล้ว!” มือเล็กกระชากโบว์หูกระต่ายที่ติดตรงคอเสื้อปาใส่อกกว้างของอู๋ฟาน “คิดว่ามีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ดูถูกคนอื่น ไอ้นั่นมันลวนลามฉันนะ ถ้าฉันจะทำอะไรเพื่อศักดิ์ศรีฉันบ้างไม่ได้เหรอ!

      “อี้ชิง..”

      “เอาไม้มาฟาดกันเลยยังจะดีกว่า ไม่มีพ่อไม่มีแม่ก็ไม่ใช่ว่าจะมาทำแบบนี้กับฉันได้นะ!! ฮึก..”

      “อี้ชิง”

      “ถ้าฉันโดนมันทำอะไรต่ำๆแบบนั้นนายจะยังว่าฉันหรือเปล่า”

      “ฉันขอโทษ” เอวบางถูกแขนแข็งแรงคว้าเข้ามากอดไว้ทั้งตัว มือใหญ่กดศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมนิ่มไว้แนบอก เจ็บขนาดไหนอี้ชิงก็ไม่เคยร้องไห้มาก่อนแท้ๆ

      “ฮึก ... ฉันไม่มีปัญญาใช้หนี้นายหมดหรอก”

      “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ”

      .

      .

      .

      .

      “ฉันไม่เคยมีพ่อหรอก แม่ก็เพิ่งตายไปสองสามปีที่แล้ว ส่วนพี่อยู่ๆก็หายไป” เขาไม่เคยรู้เรื่องการติดหนี้อะไรนี่มาก่อนเลย มารู้เรื่องเพราะจือเทาบอกเขาตอนที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา แต่ก็ดี ไม่งั้นคืนนั้นเขาอาจจะโดนลู่หานแทงตายไปแล้ว

      “แล้วยกพวกตีกันทำไม?” อู๋ฟานถาม เขาไม่ค่อยเข้าใจตรรกะของเด็กประเภทนี้เท่าไหร่

      “ก็เหลือแต่เพื่อน ... ไม่รู้ชีวิตจะดิ้นรนไปเพื่อใครแล้วไง คิดว่าถ้าซักวันโดนตีตายก็ไม่เป็นไรหรอก”

      “ไม่เสียดายชีวิตหรือไง”

      “ชีวิตผมเนี่ยเหรอ?” ตากลมเงยสบกับสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายของอู๋ฟาน รอยแผลฟกช้ำที่ใบหน้าจางลงไปเยอะแล้ว

      “อืม”

      “...ไม่เห็นมีอะไรน่าเสียดายเลย...”

                      .

                      .

      .

      .

      “ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก ฉันไม่เคยฆ่าใคร”

      “ไม่เคยเลยเหรอ”

      “อย่างน้อยก็ไม่ได้ตั้งใจ” คนฟังกลืนน้ำลายดังเอื๊อก บางทีอี้ชิงก็ลืมว่ากำลังคุยกับเจ้าพ่ออยู่

      “แล้ว...ถ้าอย่างมากล่ะ”

      “พิการ .. แขนขาหักนิดๆหน่อย หึ” อู๋ฟานหัวเราะมุมปาก เหอะ ยังจะมีหน้ามาขำอีก “อยากรู้ไปทำไม นายไม่เคยทำใครขาหักเหรอ”

      คนฟังรู้สึกเหมือนหายใจขัดหน่อย เบือนหน้าหนีไปทางอื่น เขาเองก็เคยทำลู่หานแขนหักจนฝ่ายนั้นตามอาฆาตมาตลอด แต่มันก็ไม่เหมือนกัน เขาไม่ได้ตั้งใจ แค่ป้องกันตัวเอง

      “อยากหนีเมื่อไหร่ก็ไปนะ หายดีแล้วนี่ จือเทาเคยบอกแล้วใช่มั๊ย”

      “อืม” นายลูกน้องหน้าดุนั่นเคยบอกเขาตั้งแต่วันแรกที่พามาที่ห้องพักคนรับใช้ในบ้าน ว่าเจ้านายตัวเองฝากมาบอกว่าอยากหนีเมื่อไหร่ก็ไป แต่ให้รักษาตัวให้หายดีก่อนเพราะออกไปทั้งที่ยังเจ็บจะตายเอา

      แล้วก็ยังบอกอีกว่าถ้าหนีไปจะไม่จับกลับมา พูดออกมาได้หน้าตาเฉยทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง แบบนี้ยิ่งระแวงหนักกว่าเดิม

      .

      .

      .

      .

      “ทำงานที่ผับเบื่อหรือเปล่า ไม่ต้องทำก็ได้นะ นั่งๆนอนๆรอให้พี่ชายนายกลับมา”

      “หมอนั่นไม่กลับมาหรอก ....”

      “.............”

      “ว่างอยู่ด้วย ทำง่ายกว่าวิ่งหนีไอ้พวกนั้นตั้งเยอะด้วย ... แต่ใช้หนี้ไม่หมดหรอกนะ นายให้ค่าแรงถูกเกินไป”

      .

      .

      .

      .

                      อี้ชิงยันตัวลุกขึ้นจากโซฟา เขาหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มือเล็กหยิบสูทหนาหนักที่ตกลงจากไหล่มากองบนตักขึ้นมาถือไว้ คงเป็นของนายหัวทอง

                      ร่างบางลุกขึ้นสะบัดสูทเนื้อดีไปข้างหลังเพื่อคลุมไหล่กันหนาว ห้องนี้เขาไม่เคยเข้ามา มันเป็นคนละห้องกับที่ที่เจอกันครั้งแรก ขาเรียวก้าวไปใกล้ผนังกระจกสีชา มันมองเห็นข้างล่างแต่ตอนเขาอยู่ด้านล่างมองเข้ามาไม่เห็น คนตัวสูงผมสีทองสวมเสื้อเชิ้ตที่ถลกแขนเสื้อขึ้นลวกๆ ไม่ผูกไทด์ ปลดกระดุมตรงคอเสื้อ ยืนอยู่ข้างๆ จือเทาที่ยังสวมสูทเต็มชุด ว่าไปเขาก็ไม่เคยเห็นจือเทาใส่ชุดอื่น

                      คนแอบมองจับรังสีความเครียดจากเจ้าของสถานที่นี้ได้จากท่าทาง มือข้างหนึ่งค้ำโต๊ะ อีกข้างยกขึ้นเสยผมสีทองเข้ากับใบหน้านั่น รอบๆ เก้าอี้ที่ล้มระเนระนาดพนักงานกำลังช่วยกันเก็บกวาด ไม่ใช่แค่ข้าวของที่เสียหาย ชื่อเสียงและลูกค้าที่จะหายไปเป็นสิ่งที่ยังประเมินไม่ได้

                      แต่คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง อู๋อี้ฝานรวยจะตายไป กิจการเยอะแยะจนดูแลแทบไม่หมด แค่นี้คงไม่เดือดร้อน ...

                      .

                      .

                      .

                      .

                      .

                      “เจอมั๊ย?”

                      ที่บ้านไม่มีครับจือเทากรอกเสียงมาตามสายโทรศัพท์ อี้ชิงหายไป...

                      อู๋ฝานกลับขึ้นมาที่ห้องบนชั้นลอยตอนเวลาเกือบตีห้า เขาหาจนทั่วแต่ก็เจอแค่สูทตัวนอกของตัวเองวางอยู่บนโซฟาที่อี้ชิงเคยนอนอยู่ อยากจะตีปากตัวเองซักทีที่บอกว่าอยากไปเมื่อไหร่ก็ให้ไป

                     

      ไม่คิดว่าจะไป

                      ไม่คิดว่าจะไม่อยากให้ไป ...

       

       

       

      • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • •

       

       

       

      อี้ชิงหายไปเกือบสองอาทิตย์แล้ว ถ้าเพียงแค่อู๋ฝานอยากให้กลับมาก็ไม่ใช่เรื่องยาก  ลูกน้องเขามีมากมาย บอกแค่คำเดียวก็หาตัวได้ไม่ยากเย็น แต่เขาพูดเองว่าจะไม่พยายามพาเด็กหนุ่มกลับมา แล้วแค่อี้ชิงออกไปจากชีวิต ... มันก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเขาเลย

      จอแอลซีดีขนาดใหญ่ถูกเปิดทิ้งไว้แต่ไม่มีใครสนใจ ร่างโปร่งนั่งสบายๆ ก้มหน้าอ่านหนังสือในมือ พวกข่าวภาคค่ำอะไรแบบนั้นเขาไม่เคยสนใจดูหรอก แต่ข่าวที่ได้ยินแว่วๆจากจอสี่เหลี่ยมเมื่อกี้นี้ทำให้อู๋ฝานละสายตาจากหนังสือที่อ่านอยู่ ถ้าเขาจะไม่เข้าใจอะไรผิด... พวกนักเรียนที่กำลังโดนตำรวจไล่จับจนหนีเปิดเปิงกันอยู่ตอนนี้คือโรงเรียนของอี้ชิง

      ขอให้ไม่มีคนที่คิดอยู่ในกลุ่มพวกนั้นเถอะ

      .

      .

      .

      .

      .

      ไม่รู้ว่าทำไม ... แต่ตอนนี้เขาขับรถอยู่บนถนนอีกเส้นไม่ไกลจากถนนที่ในข่าวบอกชื่อเอาไว้ ซึ่งตอนนี้คงเต็มไปด้วยตำรวจ  ใกล้ๆกับที่จือเทาเจออี้ชิงคราวที่แล้ว ถึงจะเป็นเวลาแค่สองสามทุ่มแต่อากาศข้างนอกก็หนาวมาก ไม่ใช่แค่เด็กนั่น ใครก็ไม่ควรมาอยู่กลางถนนมืดๆเงียบๆแบบนี้ตอนนี้ทั้งนั้น

      เขาไม่เคยนึกถึงมาก่อนว่าชีวิตเขาต้องต่อสู้ไปเพื่ออะไร หรือเพื่อใคร อู๋ฝานก็ไม่มีพ่อแม่แล้ว ไม่มีใครที่ต้องห่วงใย แต่เขายังสู้เพื่อตัวเอง ตั้งใจทำงาน มีคนอยู่ภายใต้การควบคุมนับไม่ถ้วน แต่จะมีซักกี่คนที่ตายแทนเขาได้

      ยิ่งใหญ่....แต่โดดเดี่ยว

      บางทีเขาก็แอบคิด ว่าอู๋อี้ฝานกับจางอี้ชิง .. ใครเหงามากกว่ากัน

       

      เงินแค่ไม่กี่ล้านเขาไม่เคยอยากได้คืน แต่ที่ต้องทำรุนแรงกับพวกที่ติดหนี้เพื่อสั่งสอนให้รู้ว่าทำอะไรเอาไว้ต้องรับผิดชอบ นั่นคือสิ่งที่อู๋ฝานเรียนรู้มา

      แต่ตอนนี้เขาอยากได้เด็กนั่นคืนมามากกว่าอะไร

      .

      .

      .

      .

      ใจที่เคยแข็งแกร่งกระตุกวูบเมื่อแสงไฟหน้ารถส่องกระทบกำแพงมืด มีใครบางคนนั่งเอนหัวพิงอยู่อย่างเหนื่อยล้าไร้เรี่ยวแรง เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่หุนหันออกจากบ้านมาเมื่อชั่วโมงก่อน ... เขาไม่อยากเจออี้ชิง

       

      ไวเท่าความคิด ร่างสูงโปร่งก็ลงจากรถมาถึงตัวคนที่นั่งหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน ประคองร่างโชกเลือดมากอดเอาไว้ ร่างเล็กแทบไม่มีความอบอุ่นอยู่ในกาย

      “ฮึๆๆ นายหัวทอง ... มาได้ยังไง” ร่างปวกเปียกในอ้อมกอดครางถาม

      “ถ้าอยากตีคนก็ไปทวงหนี้ให้ฉันเถอะ เลิกทำแบบนี้ซะที”

      “ฮึก ... ซองชิลตายแล้ว  ฮึก ฉันช่วยเค้าไม่ได้ ... คริส ...” เจ้าของชื่อกระชับวงแขนแน่นขึ้น โยกตัวเบาๆเพื่อปลอบโยนคนที่กำลังตื่นกลัว

      “ไม่ใช่ความผิดนายหรอก เจ็บมากมั๊ย ไม่ต้องกลัวแล้วนะ”

      “ฮึก คริส..” ท่อนแขนอ่อนแรงยกขึ้นกอดกลับ มือเล็กกำเสื้อด้านหลังของร่างใหญ่เพื่อยึดไว้ น้ำเสียงอ่อนโยนกับถ้อยคำห่วงใยทำให้อี้ชิงยิ่งร้องหนัก น้ำตามากมายไหลอาบหน้า ไม่เคยมีใครสนใจว่าเขาจะเจ็บมั๊ย จะหนาวจะกลัวมากแค่ไหนที่ต้องอยู่คนเดียว

      “เจ็บตัวมาตั้งเยอะตั้งแยะไม่เห็นเคยร้องนี่นา ทำไมขี้แยเอาตอนนี้ละ หืม”   อู๋ฟานยิ้มน้อยๆให้คนในอ้อมแขน ใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยน้ำใสที่ไหลไม่หยุด ประทับริมฝีปากอุ่นลงไปบนโหนกแก้มช้ำแผ่วเบา  “หายดีแล้วแท้ๆ เป็นแผลอีกแล้ว”

      “คริส...อย่าทิ้งฉันนะ”

      “ฉันไม่เคยทิ้งนาย”  อู๋ฝานก้มลงมอบจุมพิตอ่อนโยนปลอบประโลมร่างเล็กที่หนาวสั่น ลมหายใจร้อนเป่ารดข้างแก้มกันและกัน  ค่อยๆแทรกลิ้นอุ่นผ่านกลีบปากแห้งผากไม่รีบร้อน รสเค็มของเลือดที่ริมฝีปากยังติดจมูก มันคงเป็นจูบที่แย่สำหรับคนทั่วไป แต่ไม่ใช่กับเขา

      “อื้อ...”

      “เจ็บหรือเปล่าอี้ชิง” คนเริ่มละริมฝีปากออกมาเพราะเสียงหวานครางอืออยู่ในคอ เขาไม่อยากทำให้อี้ชิงเจ็บเพราะตัวเองซ้ำอีก

      “ไม่  ฮึก... ไม่เจ็บ”  อี้ชิงยังคงสะอื้น ... เขากลัวจะหลับไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีก กลัวผู้ชายผมทองตรงหน้าจะหายไปแล้ว คราวนี้เป็นคนเจ็บเองที่เริ่มต้นสัมผัสอ่อนโยนอีกครั้ง ...

       

        

       

       

       

       

       

      Love is not a fight

      ความรักไม่ใช่การต่อสู้

       

      but it's something worth fighting for

      หากคือสิ่งที่ควรค่าแก่การต่อสู้เพื่อให้ได้มา

       

       

      and I wanna fight it with you.

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      นี่มันเป็นฟิคชั่ววูบเว่อว่าวีเว่อ เกิดฟีลซาดิสม์อยากเห็นลู่หานตีอี้ชิง ปรากฏเขียนไปมาก็ไม่ได้ตีกัน กลายเป็นอี้ชิงโดนจงอินตื้บซะอีก  แล้วก็จบที่คริสเลย์ด้วย ผิดแผนอย่างแรงเลยฮะ *หัวเราะ* แต่ก็เขียนจบด้วยล่ะ ฟิครับวันเด็ก ใสๆ ตื้บกันเล่นเบาๆ ^ ^

      @WithKrisLay  <-- ตามไปด่าได้

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×