ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Go Away, He's Mine [TaoHun]

    ลำดับตอนที่ #2 : Go Away,He's Mine : Before One

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 86
      0
      6 ก.พ. 57






    Go Away,He's Mine : Before One








         ความกดดันและความตึงเครียดของบรรดาเหล่าเทรนนี่ได้แพร่ขยายไปทั่วบริเวณห้องซ้อมใหญ่ภายในตึก EXO-ME แห่งนี้  เมื่อพบเห็นการปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันของสองซีอีโอใหญ่ของค่ายทั้ง อู๋อี้ฟาน และ คิมจุนมยอง ที่รวบตำแหน่งประธานค่ายเดินเข้ามาภายในห้องอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน  นั่นแปลว่าทีมวงใหม่ที่จะทำการฟอร์มในวันนี้นั้นจะเป็นโปรเจ็คใหญ่ของค่ายอย่างแน่นอน




         และภายใต้สภาพอันตรึงเครียดนี้ทำให้ หวงจื้เทา และ โอ เซฮุน ที่แม้ยืนอยู่คนละกลุ่มได้หันหน้ามามองกันโดยไม่ได้นัดหมาย  และมีเป้าหมายเดียวกันคือเพื่อบอกอีกฝ่ายว่าให้ทำใจให้สบาย  เมื่อทั้งสองเห็นว่าพวกเขาห่วงอีกฝ่ายคิดเหมือนกันจึงเผลอที่จะยิ้มออกมาไม่ได้



    "เฮ้ เซฮุน เครียดจนเพี้ยนแล้วรึไง" ร่างสูงที่ผิวแทนจนเกือบดำหันมากัดเพื่อนตัวขาวของตัวเองที่จู่ๆ ไม่รู้นึกครึมอกครึมใจอะไรจนยิ้มออกมา


    "พูดงี้อยากตายรึไง จงอิน" 


    "อะไรกันฉันอุตส่าห์เป็นห่วงว่านายจะบ้าก่อนได้ฟังประกาศ ฮ่าๆ" 


    "หุบปากไปเลยไป" เซฮุนพูดเปล่าไม่ว่ากลับเตะจงอินอย่างแรงจนคนโดนเตะร้องออกมาดังลั่น  ซึ่งนั้นทำให้พวกเขาทั้งสองกลายเป็นเป้าสายตาของคนทั้งห้องไปเลยทีเดียว  ความอายลามไปยังร่างสูงหูกางอีกคนที่อยู่กลุ่มเดียวกับสองคนที่เป็นเป้าสายตาทำให้เขาค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากเพื่อนทั้งสอง  แต่ก็กลับถูกลากกลับมาโดยเซฮุนและจงอิน


    "กลับมาเลย ปาร์ค ชานยอล อย่างมาเนียนทิ้งพวกฉันนะเฟ้ย"






         อีกทางด้านหนึ่งที่เด็กหนุ่มตัวเล็กหน้าหวาน บยอน แบคฮยอน  ก็เริ่มรำคาญกับปฏิกริยาที่ไม่รู้จักโตของเด็กสามคนตรงนั้นที่ยังคงไม่หยุดทะเลาะกันไม่หยุดในระหว่างที่คนอื่นในห้องกำลังเครียดกันอยู่  ก็ได้เปรยด้วยเสียงที่ไม่เบาเท่าไหร่นัก



    "อายุเท่าไหร่กันแล้ว  ยังมัวมาทะเลาะกันแบบเด็กๆ อีก ไม่อายคนอื่นบ้างรึไง" 




         สิ้นเสียงของคนตัวเล็กก็ทำเอาสามคนที่โดนพาดพิงอยู่หันควับมาทางตนเสียงก่อนที่ทั้งสามจะเดินตรงมายังจุดที่คนตัวเล็กยืนอยู่  พลางกับเริ่มสงครามน้ำลายขึ้นอีกครั้ง  ท่ามกลางความสนใจ
    ของเหล่าเทรนนี่คนอื่นๆและเริ่มมีการลุ้นกันว่าการประชันกันของสองกลุ่มนี้รอบนี้ใครจะชนะไป  โดยก่อนหน้าช่วงแรกๆ ทุกคนก็ค่อนข้างจะตกใจกับการทะเลาะกันของสองกลุ่มนี้แต่ตอนนี้พวกเขาพากันชินชาและหายตกใจกับเรื่องแบบนี้ไปกันซะแล้ว



    "เงียบไปเลยไป๊  บีเกิ้ลฮยอง" คนแรกที่เริ่มสงครามในครั้งนี้คือชานยอล


    "ว่าใครบีเกิ้ล  ไอ้หูกาง" คนตัวเล็กที่ถูกเด็กกล่าวหาโวยวายกลับในทันที


    "ก็ใครล่ะครับ  ที่เอาแต่เห่าๆ เอ๊ย! ผิด พล่ามๆ" คราวนี้ถึงตาของจงอินที่รับหน้าที่ต่อจากชานยอล


    "พล่ามๆๆ แต่ก็ไม่เคยทำอะไรเลยนอกจากเห่า เอ๊ย! พล่ามเลย ฮ่าๆๆ" ต่อด้วยเซฮุนที่ที่ช่วยเสริมประโยคต่อในทันที  ก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มหัวเราะและแท็กมือกันด้วยความพอใจ  หลังจากเห็นหน้าของแบคฮยอนที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ


    "ว่าแต่คนอื่นพล่าม  แต่กลับไปรู้ตัวเองเลยว่าตัวเองก็บ้าน้ำลายพอกัน" เสียงตอบกลับดังมาจากเด็กหนุ่มหน้าหวานชาวจีนอีกคนที่อยู่กลุ่มเดียวกับแบคฮยอน  ซึ่งนั่นทำเอากลุ่มคนที่โดนพาดพิงว่าบ้าน้ำลายหันกลับมาให้ขวับ


    "บ้าน้ำลาย  เลือกศัพท์ได้เพราะนี่ฮยอง"  จงอินพูดด้วยเสียงล้อเลียน


    "เป็นคนจีนก็อยู่ส่วนของตัวเองไปสิ  ฮยอง  มายุ่งกับการทะเลาะกันของคนเกาหลีทำไม" เช่นเคยเซฮุนมักจะมีหน้าที่ขยายความของประโยคจงอินเสมอๆ 


    "เป็นคนจีนแล้วมันทำไม  อย่างน้อยพวกเราก็พูดเกาหลีได้เพราะกว่าพวกเด็กเกาหลีละกันล่ะ" หวงจื้อเทาเองที่เงียบมานานก็ก้าวเข้าสู่สงครามด้วยในทันใดที่มีการพาดพิงถึงเชื้อชาติ


    "เป็นคนจีนแล้วมันทำไม  อย่างน้อยพวกเราก็พูดเกาหลีได้เพราะกว่าพวกเด็กเกาหลีละกันล่ะ ...เพราะหรอ  พูดมาได้ทั้งๆ ที่สำเนียงตัวเองยังไม่ชัดเลยแท้ๆ" ชานยอลพูดล้อเลียนประโยคของเทาก่อนที่จะเริ่มแซวเรื่องสำเนียงเกาหลีของเทาที่ยังไม่ชัดนัก




         ทั้งห้องเงียบกริบทันทีที่หลังจากประโยคสุดท้ายของชานยอล  ซึ่งเจ้าตัวหลุดปากออกไปจนลืมนึกไปว่านี้คือสิ่งต้องห้ามเพียงไม่กี่ข้อในการแซวหรือล้อเลียนเทรนนี่ต่างสัญชาติ  และเหมือนชานยอลเองก็ยังคงยังไม่ทันนึกถึงเพราะจนตอนนี้เขาก็ยังคงหัวเราะอยู่  ผิดกลับคนอื่นภายในห้องที่หัวเราะไม่ออก  หรือแม้กระทั่งจงอินและเซฮุนเพื่อนในกลุ่มของเขาเองก็ตาม  โดยเฉพาะเซฮุนที่ดูจะกังวลมากที่สุดเมื่อเห็นคนรักของตนหวงจื่อเทาเงียบและไม่โต้ตอบคนเป็นเพื่อนของตน  ซึ่งนั้นแปลว่าแพนด้าของเขากำลังโกรธจริงๆ



    "ชานยอล  หยุดได้แล้ว  รีบขอโทษเขาสิ" เซฮุนพูดกับชานยอลหวังเพื่อให้เพื่อนของตนหยุดพูดลง


    "ทำไมฉันต้องขอโทษล่ะ  นี่เซฮุนนายแอบชอบหมอนั่นรึไง  ถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนแทนแบบนั้นน่ะ" เหมือนจะไม่ได้ผลชานยอลยังยอมสังเกตุรอบข้าง  แถมยังโยนระเบิดลูกใหญ่ลงมาทางเซฮุนอีกด้วย  ทำเอาเซฮุนทีได้ฟังคำถามของคนเป็นเพื่อนถึงกลับชะงักไปครู่นึง


    "จะบ้าหรอ  ทำไมฉันต้องชอบหมอนั่นด้วยล่ะ" เซฮุนกลั้นใจตอบชานยอลโดยที่ไม่กล้าแม้จะหันไปสบตากับเทาที่อยู่อีกด้าน


    "เฮ้ย  แกรีบขอโทษตามที่เซฮุนบอกเถอะหน่า" จงอินเองก็รีบเข้ามาเสริม


    "เร็วๆ เลยไอ้หูกาง  ขนาดเพื่อนนายยังมีจิตสำนึกพอเลย  นายเองก็ควรมีบางนะ" แบคฮยอนเอ่ยขึ้นมาบ้าง


    "บีเกิ้ลฮยอง  ไม่มีใครถามความเห็นเลยนะ  เงียบบ้างเถอะหนะ"


    "ว่าไงนะ"





        ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายไปมากกว่านี้  คิม จุนมยอง หนึ่งในประธานของค่ายจึงรีบออกมาห้ามทัพระหว่างเทรนนี่ทั้งหกของค่าย




    "พวกนายทั้งหมดคนหยุดได้แล้ว" สิ้นเสียงของจุนมยองถือเป็นคำสั่งเด็ดขาด  ทั้งหมดที่ตอนแรกวุ่นวายชุลมุนกันอยู่ก็แยกออกจากกันโดยอัตโนมัติ


    "ความจริงพวกนายควรที่จะญาติดีกันได้แล้วนะ ไหนๆ ก็ต้องเป็นวงเดียวกันอยู่แล้ว" อู๋อี้ฟ่านที่ยืนเงียบอยู่ก่อนแรกพูดขึ้นมาบ้างหลังจากปล่อยให้คู่หูของตนห้ามทัพพวกเด็กๆ ก่อนหน้า  ก่อนที่เขาจะได้สังเกตุเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจของเทรนนี่ทั้งหก


    "ว่าไงนะครับ"


    "ตกใจอะไรกันหนักหนา  ก็ฉันบอกว่าพวกนายจะต้องเดบิวต์ด้วยกันไง"


    "เอ๋?!  แล้วทำไมผมต้องเดบิวต์รวมกับพวกนี้ด้วยล่ะ" ทั้งหกพูดออกมาพร้อมกับพลางชี้ไปทางกลุ่มของอีกฝ่าย


    "จะได้เดบิวต์อยู่แล้วยังจะเรื่องมากอีก  ถ้าใครไม่พอใจก็ถอนตัวไปได้นะ" อู๋อี้ฟ่านเอ่ยออกมาด้วยความหัวเสียหลังจากเห็นท่าทีที่ขัดแย้งอย่างเห็นได้ชัดของเทรนนี่หัวกะทิทั้งสองกลุ่ม


    "..." และสิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบ  ไม่มีใครที่กล้าที่จะแย้งอะไรขึ้นมาอีก  ไม่งั้นพวกเขาอาจจะไม่ได้เดบิวต์เห็นทีจะเป็นได้


    "ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว  งั้นรายละเอียดที่เหลือรอฟังจากมินซอกเอาล่ะกัน"





         อู๋อี้ฟานพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับจุนมยอง  และความตื่นเต้นทั้งหมดของเหล่าเทรนนี่ก็มลายหายไปหลังจากได้รับรู้ว่าบุคคลที่ได้รับเลือกให้ได้เข้าฟอร์มวงคือเด็กหนุ่มหกคนตรงหน้า  ก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายกันไปเพื่อไปซ้อมตามตารางต่างๆ ของตน  ทำให้ภายในห้องนี้เหลือเพียงแค่เทรนนี่หนุ่มหกคน  และอีกหนึ่งสต๊าฟแก้มป่อง หรือ คิม มินซอก



    "เอาล่ะ  ก่อนอื่นทุกคนมารวมกันก่อนนะ" มินซอกเรียกเด็กหนุ่มทั้งหกให้มารวมกันตรงหน้าของเขา  ก่อนที่เขาจะได้แจ้งรายละเอียดการฟอร์มวงในครั้งนี้  และเมื่อเห็นว่าทั้งหมดมารวมอยู่ตรงหน้าเขาเรียบร้อยแล้วดังนั้นมินซอกจึงเริ่มที่จะชี้แจ้งต่อในทันที


    "ในการฟอร์มวงครั้งนี้  คนที่ได้รับเลือกคือพวกนายหกคนซึ่งพวกนายก็รู้กันแล้ว  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกนายจะได้อยู่วงเดียวกันหมดหรอกนะ  เพราะว่าในโปรเจคครั้งนี้นั้นทางค่ายได้ว่าคอนเซปคือวงคู่ขนาน  ซึ่งแปลว่าพวกนายทั้งหกคนจะถูกแบ่งออกเป็นสองวง"




         มินซอกหยุดครู่นึงเพื่อดูปฏิกริยาของเหล่าเทรนนี่หนุ่มตรงหน้า  ที่ตอนนี้ปรากฏชัดถึงรอยยิ้มที่รวมถึงความดีใจที่จะได้เดบิวต์และความดีใจที่ได้รู้ว่าอาจจะไม่ต้องทำงานรวมกับอีกกลุ่มคู่อริของตนเอง  และนั่นเองทำให้มินซอกถึงกับยิ้มขำในท่าทางแบบนั้นของเหล่าเทรนนี่ตรงหน้า 



    "ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันเชียวนะ  ระวังผิดหวังแล้วจะหุบยิ้มไม่ทันนะ"


    "ทำไมล่ะ มินซอก" ลู่หาน เทรนนี่หนุ่มหน้าหวานชาวจีนถามมินซอกกลับด้วยประโยคที่เป็นกันเอง  เนื่องจากเขาและมินซอกค่อนข้างที่จะสนิทกันในระดับนึงซึ่งทุกคนในบริษัทส่วนมากก็จะรู้กันดี


    "ลู่หาน  อยู่ในเวลาทำงานนายต้องพูดประโยคทางการสิ"


    "อ๊ะ  ขอโทษครับ"


    "โอเค  งั้นต่อก็อย่างที่บอกไปตะกี้ว่าทางค่ายจะแบ่งพวกนายออกเป็นสองกลุ่ม  โดยกลุ่มแรก ได้แก่ ชานยอล เทา และแบคฮยอน  ส่วน.." 


    "ทำไมผมโดนแยกไปอยู่กับสองคนนั่นล่ะ" ชานยอลโวยวายทันทีที่รู้ว่าตัวเองโดนแยกออกจากกลุ่มเพื่อน


    "นั่นสิ  งั้นแปลว่าฉันต้องอยู่กับสองคนนี่หรอ" ลู่หานเองก็โวยวายออกมาพลางชี้มือไปยังอีกสองคนที่เหลือ


    "ใช่  มีอะไรไม่พอใจงั้นหรอ" มินซอกพูดด้วยเสียงที่ไม่พอใจ  หลังจากที่โดนแทรกระหว่างที่ตัวเองกำลังพูด


    "เปล่าครับ"


    "ไม่มีงั้นก็ดี  ส่วนวันนี้พวกนายไม่ต้องฝึกแล้ว  ค่อยมาประชุมรวมพรุ่งนี้ทีเดียวเข้าใจไหม" มินซอกพูดห้วนๆ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องซ้อมไป  ทิ้งให้เหล่าเทรนนี่ที่เหลือเริ่มโวยวายกันต่อ






         สุดท้ายสงครามน้ำลายของพวกเขาทั้งหมดก็จบสิ้นลงโดยที่ยังไม่มีผลแพ้ชนะในวันนี้  เนื่องจากถูกไล่ออกจากห้องกันซะก่อน  และทันทีที่ออกจากห้องทั้งสองกลุ่มก็แยกย้ายกันไปคนละทางในทันทีทันใด  แต่ระหว่างที่พวกเขากำลังจะแยกย้ายกันไปเซฮุนก็เหลือบมองไปยังอีกกลุ่ม  ไม่สิ ถ้าพูดให้ถูกคือสายตาของเขาเจาะจงอยู่แค่ หวงจื้อเทา หรือ แพนด้าแสนรักของเขา  แต่แล้วเขาก็กลับพบว่าเทาไม่คิดแม้แต่จะเหลือบกลับมามองทางเขาเลย  นั่นแสดงว่าแพนด้าของเขาคงยังเคืองเรื่องที่ชานยอลเพื่อนปากเปราะของเขาพูดไปเห็นจะได้  




    "เซฮุนเหม่ออะไรน่ะ  ถ้าช้านักจะไม่รอแล้วนะเฮ้ย" จงอินพูดเร่งคนเป็นเพื่อนที่กำลังอยู่ในสภาพเหม่อลอย


    "ไม่ได้เหม่อเฟ้ย" 


    "อ้าวหรอ  งั้นช่างมัน"


    "วันนี้ไปเดินแถวมหาลัยสตรีดีกว่าม่ะ" ชานยอลเสนอแผนเที่ยวหลังจากที่พวกเขาเดินออกมาจากค่ายกันแล้ว  ซึ่งดูท่าจงอินก็จะเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างมาก  


    "โทษที  วันนี้ฉันว่าฉันจะกลับบ้านก่อนดีกว่า" เซฮุนเอ่ยแทรกขึ้นมาระหว่างการพูดคุยอันแสนตื่นเต้นของเพื่อนสองคนตรงหน้า


    "ไมว่ะ เซฮุน"


    "ไม่เชิง  แค่ขี้เกียจเฉยๆ  ไปล่ะ  พวกนายก็ไปเที่ยวกันดีๆ ล่ะ อย่าลืมล่ะว่าพวกเราจะได้เดบิวต์แล้วนะ  จะทำอะไรก็ระวังด้วย" เซฮุนพูดทิ้งท้ายกับเพื่อนทั้งสองก่อนที่จะวิ่งขึ้นรถประจำทางที่มาจอดเทียบป้ายพอดี





         ในทางด้านแบคฮยอน  ลู่หานและเทา ที่เพิ่งออกจากค่ายกันมาก็กำลังเดินเรื่อยเปื่อยอยู่ตรงทางเท้า  พร้อมกับพูดคุยเรื่องที่พวกเขาจะได้เดบิวต์กันอย่างออกรสออกชาติ  แต่แล้วไม่นานนักลู่หานที่ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งก็ของแยกไปก่อน  ทำให้เหลือแค่แบคฮยอนและเทา



    "เทา  นายคิดว่าโทรศัพท์สายนั้นเป็นของใคร" แบคฮยอนยกเรื่องสายโทรเข้าของลู่หานขึ้นมาเป็นประเด็น


    "มินซอกฮยอง ชัวร์อยู่แล้วล่ะ"


    "นั่นสินะ  ว่าแต่นายจะไปไหนต่อป่ะ"


    "ทำไมหรอครับ  ฮยอง"


    "พอดีฉันว่าฉันจะกลับบ้านไปบอกข่าวกับที่บ้านสักหน่อยนะ" แบคฮยอนพูดพร้อมกับยิ้มแฉ่งด้วยความภาคภูมิใจอย่างปิดไม่มิด


    "อ่อ  งั้นฮยองไปเถอะครับ  ผมว่าเดี๊ยวผมก็จะกลับบ้านแล้วเหมือนกัน"


    "โอเค  งั้นแยกกันตรงนี้  กลับดีๆ ล่ะเทา" แบคฮยอนบอกลาเพื่อนที่อายุน้อยกว่าก่อนที่จะรีบเดินข้ามถนนในทันที





         ไม่นานนักเทาก็กลับมาถึงคอนโดหรูใกล้ๆ กลับบริษัทซึ่งเป็นห้องที่เขากับ โอ เซฮุน ที่เป็นคนรักอยู่ด้วยกัน  ทันทีที่ถึงหน้าประตูยังไม่ทันที่เข้าจะเปิดประตูแต่แล้วประตูนั้นก็กลับถูกเปิดออกมาก่อน  พร้อมกับร่างบางที่พุ่งออกมากอดเขาในทันทีที่ประตูได้ถูกเปิด



    "เทาย่าาา  ดีจังที่นายกลับมาแล้ว" ร่างบางที่กอดเขาพูดด้วยเสียงอ้อนๆ ระหว่างที่ยังซุกหน้าอยู่ตรงไหล่ของเขา


    "เป็นอะไรไปนะ เซฮุนนี่ใครแกล้งอะไร  เซฮุนนี่ของผมมาหรอ" เทาที่เห็นท่าทีแปลกๆ ของคนรักรีบถามออกไปด้วยความเป็นห่วง


    "เปล่า  ไม่มีใครแกล้งอะไรเค้าหรอก  แต่เค้ากลัวว่าแพนด้าของเค้าจะโกรธเขาต่างหาก" เซฮุนพูดพลางกับช้อนตาขึ้นมามองเทา


    "ทำไมผมต้องโกรธเซฮุนนี่ของผมล่ะครับ" เทาพูดด้วยเสียงอ่อนโยนพลางลูบหัวคนที่กำลังอ้อนไปพลาง


    "ก็ที่เค้าตอบชานยอลไปแบบนั้นน่ะ  เค้ากลัวแพนด้าจะโกรธที่เค้าตอบแบบนั้นออกไปอ่า"


    "อ่อ  เรื่องนั้นผมไม่คิดมากหรอก  เซฮุนนี่ของผมทำถูกแล้ว  ทำไมผมต้องโกรธล่ะ"


    "ไม่โกรธเค้าแน่นะ"


    "แน่สิครับ  ป่ะเข้าห้องกันก่อนเถอะครับ  มายืนคุยแบบนี้เดี๊ยวคนอื่นมาเห็นเอานะ" 


    "อืมมม  โอเค" เซฮุนพยักหน้าตอบรับก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะพากันเดินเข้าห้องไปในที่สุด





        ' ใช่แล้วล่ะ  เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะโกรธเซฮุนคนรักของเขาเลย  การที่เซฮุนของเขาทำอย่างนั้นมันก็ถูกแล้วล่ะ  เพราะว่าความรักของพวกเขานั้นมันเป็นความลับที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้นี่หน่า  ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง  ไม่ว่าจะเป็นกฏที่ห้ามไม่ให้เทรนนี่ออกเดทกันและยังด้วยเรื่องที่พวกเขาเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่อีกต่างหาก'





         เทาคิดในใจขณะที่นั่งอยู่บนโซฟายาวพร้อมกับมองร่างบางนอนหลับไม่รู้เรื่องโดยใช้ตักของเขาเป็นหมอนแทนอยู่  เทาค่อยๆ เอานิ้วเขี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าของคนรักของตนออก  ก่อนที่จะค่อยๆ โน้มตัวลงไปจูบเบาๆ ที่หน้าผากพร้อมกับกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู
    ของคนที่หลับอยู่




    "เซฮุนนี่  ผมรักเซฮุนนี่ของผมนะครับ"









    ............................................................................



    จบไปแล้วกับตอน Before One หรือเรียกง่ายๆ คือตอนที่เกริ่นเรื่องก่อนเข้าตอนหนึ่งนั้นเองคะ


    เป็นยังไงบ้างคะกับคู่รักพระนางของเรื่อง  คึคึ


    ฝากติดตามกันด้วยนะคะ  ม๊วฟฟ  (  >3<)




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×