ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรัก บัลลังก์ฟาโรห์

    ลำดับตอนที่ #10 : #10 เมมฟิส 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 680
      1
      29 มี.ค. 56

                 โฮรัสส่งเจ้าเหยี่ยวฮอริให้โผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า กลับไปยัง บ้าน  ซึ่งฮอริคงรู้ว่าเจ้านายหมายถึงที่ไหนจึงออกบินตรงไปยังสุดขอบฟ้า ไกลออกไปเรื่อยๆ...จนลับสายตาในที่สุด

                “คราวนี้ก็ตาข้ากับเจ้าจะไปบ้างละ” มือเรียวเล็กที่โผล่พ้นเสื้อคลุมหลวมโคร่งตวัดผ้าสีดำคลุมใบหน้าพร้อมออกเดินทาง

                ไนท์ลุกขึ้น คงด้วยสีหน้าครุ่นคิดของเขาที่ทำให้โฮรัสขมวดคิ้วถาม

                “ไม่คิดจะพูดเลยเหรอ ? ปล่อยให้ข้าชวนเจ้าคุยอยู่ฝ่ายเดียว เอาอย่างนี้แล้วกัน ยังจำได้ไหมเนี่ยว่าข้าชื่ออะไร”

                เมื่อเหลือบเห็นแววตาขุ่นๆอย่างเอาแต่ใจของคนช่างพูด ทำให้เขาอดอมยิ้มอยากกวนเล่นขึ้นมาไม่ได้ จำได้น่ะว่าชื่อโฮรัส แปลว่านกเหยี่ยว นกงั้นเหรอ...พูดเสียงใสๆตลอดเวลาแบบนี้เหมือนนกอะไรนะ...อะไรที่ไม่ใช่เหยี่ยว...

                “เจ้านกแก้วอียิปต์”

                “หา ?” คนกำลังงงกับฉายาใหม่ของตัวเองจ้องหน้าไนท์ “นกแก้วคืออะไร”

                “ก็นกสีสวยๆขนสวยๆหายาก ตัวนึงราคาสูงมากเลยนะ...” ไนท์ปล่อยให้คนถูกชมยิ้มแก้มแทบปริเพราะถูกเปรียบว่ามีค่าเหมือนเจ้านกชื่อไม่คุ้นหูนั่น ก่อนที่ไนท์จะยิงลูกศรดอกสุดท้ายเข้าเป้า

                “แต่พูดมาก พูดได้ตลอดเวลาไม่หยุดเลย”

                “หา นี่เจ้าว่าข้าพูดมากงั้นเหรอ !” ได้ผล เสียงใสแผดลั่นโอเอซิสทันที

              “อ๊ะๆเปล่านะ เป็นแค่คำเปรียบเทียบเท่านั้นเอง” ชายหนุ่มทำหน้าใสซื่อ จนร่างเล็กชุดดำต้องถอนหายใจอย่างระอา

                ...การเดินทางครั้งนี้ จะไปได้ตลอดรอดฝั่งไหมเนี่ย ข้าชักกลัวแล้วสิ เฮ้อ...
     

    ...........................................................................................................
     

        และแล้วในที่สุด การเดินทางมาสู่เมมฟิสก็เป็นไปอย่างราบรื่นตามที่โฮรัสหวัง

                การมาเยือน...ไม่สิ อันที่จริงต้องเป็น การแอบมาเยือนเพราถ้าทางเมมฟิสรู้ว่าโฮรัสคือใคร คงจะต้องล้อมจับตัวให้ได้เพื่อใช้เป็นตัวประกันต่อรองกับธีบส์เป็นแน่  การแอบมาเยือนหลายครั้งหลายคราทำให้โฮรัสคุ้นเคยจนกลายเป็นความชินชา ต่างจากไนท์ที่ไม่เคยคิดว่าจะได้มาพบเห็น จึงตื่นตาตื่นใจเสียมากมายกับภาพของเมมฟิส เมืองหลวงแห่งอียิปต์ล่าง ที่ไม่ใช่เพียงภาพวาดจากจินตนาการของศิลปินในอีกหลายพันปีข้างหน้า ไม่ใช่เพียงภาพซากปรักหักพังในกองทราย แต่เป็นภาพของเมืองอันรุ่งเรืองเฟื่องฟู ที่มีผู้คนในอดีตกาลอยู่อาศัย มีชาวเมืองเดินขวักไขว่ สรวลเสเฮฮากันไปมา มีชีวิต มีเลือดเนื้อที่สัมผัสได้จริง

                จนกระทั่งตะวันยามเย็นกำลังจะลาลับผืนน้ำสีคราม ชาวเมืองเริ่มกลับเข้าเคหา ถนนสายหลักที่ปูด้วยแผ่นหินกว้างเริ่มซาผู้คน โฮรัสจึงชักชวนเพื่อนร่วมทางให้เข้าที่พักบ้าง

                “ข้ามีคนรู้จักอยู่ที่เมืองนี้ นางชื่อเรนีฟ เป็นทาสเก่าแก่ในบ้านของข้าเอง เรนีฟเอื้อเฟื้อให้ที่พักข้าตลอดมายามที่ข้ามาเยือนนาง และนางคงไม่รังเกียจเจ้า”

                ไนท์จึงเดินตามร่างบางในชุดดำเลี้ยวเข้าสู่ซอยเล็กๆ เดินตรงไปเรื่อยๆผ่านบ้านเรือนเรียงราย จนมาหยุดอยู่ที่บ้านสีขาวสองชั้นทรงสี่เหลี่ยมตรงๆแบบอียิปต์โบราณอย่างที่พายชอบล้อว่า ทรงกล่องบรีส ก่อด้วยอิฐผสมโคลนและฟางตากแห้งดูค่อนข้างกว้างขวางน่าสบายหลังหนึ่ง

    หญิงร่างท้วมใจดีที่ชื่อเรนีฟยิ้มแย้มต้อนรับโฮรัสอย่างคนรู้จักมักคุ้นกันดี แต่เมื่อนางหันมาเห็นไนท์ สายตาก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความงุนงง และความอึดอัดใจ ก่อนเขย่งร่างท้วมเตี้ยขึ้นไปกระซิบอะไรบางอย่างกับโฮรัส ซึ่งทำให้ดวงตากลมโตของคนในชุดดำต้องเบิกกว้าง

    “หะ หา เรนีฟ อย่าบอกนะว่าข้าต้อง...”

    มาต่อแล้วจ้า...........................................................................................................................

    พายนั่งตัวเกร็งอยู่บนเสลี่ยงแกะสลักลวดลายประดับประดาด้วยทองคำและอัญมณีอย่างงดงามด้วยความไม่ชินและกลัวตก แม้ว่าเสลี่ยงนั้นจะทรงตัวอยู่บนบ่าของทาสร่างกำยำแข็งแรงก็ตาม

    ...ให้สาวจากอนาคตอย่างฉันมาตีบทเจ้าหญิงอียิปต์ให้แตกเนี่ยนะ เฮ้อ...

    เธอพยายามผ่อนคลายอารมณ์โดยการมองทิวทัศน์สวยงามของอุทยานหลวงผ่านช่องระหว่างเสาหินสูงที่เรียงรายไปตลอดระเบียงทางเดินกว้าง เห็นแม่น้ำไนล์ทอดตัวผ่านทะเลทรายแห้งแล้ง สีน้ำเงินของผืนน้ำตัดกับสีเหลืองทองของผืนทราย แบ่งแผ่นดินอียิปต์ออกเป็นสองฝั่ง

    แล้วระเบียงทางเดินจากพระราชวังทางปีกทิศตะวันออกก็มาบรรจบกับระเบียงทางเดินทิศเหนือ ใต้ และตะวันตกอีกสามด้านที่เหลือเป็นทางแยกรูปเครื่องหมายบวก

    เหล่านางกำนัลและทาสหามเสลี่ยงรีบพากันเลี้ยวซ้ายไประเบียงทิศใต้ทันที หน้าตาของแต่ละคนดูเลิ่กลั่กหวาดกลัวยังไงชอบกลจนพายอดสงสัยไม่ได้

    “เฮมี” เธอหันไปหาแม่นม

    “เพคะ ?”

    “ทำไมพวกเจ้าถึงได้ทำหน้าแบบนั้นล่ะ มีอะไรกันหรือ ?”

    “ก็ เอ่อ...” เฮมีอึกอัก “ทางแยกตรงนั้นน่ะสิเพคะ พอพวกเราเดินมาถึง จะมีระเบียงทางเดินแยกไปทางซ้าย ทางขวา แล้วก็ที่อยู่ตรงข้างหน้าเราใช่ไหมเพคะ ระเบียงตรงหน้าเราคือโถงทางเดินทิศตะวันตก ซึ่งจะดูมืดมิดกว่าโถงระเบียงอื่นๆ”

    พายพยักหน้าหงึกหงัก เธอจำได้...ระเบียงนั้นดูมืดทึมแปลกๆจริงๆนั่นแหละ

    “คือ...มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ที่นั่นเก็บรักษาดวงไฟศักดิ์สิทธิ์แห่งอามุน รา ซึ่งมี เอ่อ...คา แห่งพระราชวงศ์เฝ้ารักษาอยู่ และเชื่อกันว่าดวงไฟนั้นสามารถบอกอนาคตและพยากรณ์ทางออกแห่งทุกปัญหา  จึงมีผู้คนมากมายพยายามช่วงชิงให้ได้มาซึ่งดวงไฟแห่งอำนาจนั้น ให้ได้มาซึ่งดวงไฟพยากรณ์ ดวงไฟประกาศิต ผู้ที่ได้ครอบครองย่อมได้ชื่อว่าเป็นที่ยอมรับแห่งอามุน-ราโดยไร้ข้อกังขาใดๆ แต่ทว่าไม่มีผู้ใดเคยได้มันไป เพราะ คา ที่รักษาดวงไฟนั้นจัดการคนโลภมากให้เสียสติไปทุกราย”

                “อ๋อ...” หญิงสาวลากเสียงยาวคางั้นหรือ...แปลว่าวิญญาณสินะ

    ปกติไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะเนี่ยว่าอียิปต์โบราณก็มี คาปู่โสมเฝ้าทรัพย์กับเขาด้วย อ้อ ไม่ใช่สิ...เฝ้าดวงไฟพยากรณ์ต่างหาก

    ดวงไฟพยากรณ์...ดวงไฟที่ชี้นำทางออกแห่งทุกปัญหางั้นเหรอ ?

                ความคิดหนึ่งวาบขึ้นในหัว

              หญิงสาวดีดนิ้วเป๊าะ

                เธอมีแผนการบางอย่างแล้ว

    ...........................................................................
     

       ณ เมืองหลวงริมทะเลแห่งอียิปต์ใต้

                เสียงรองเท้าแตะมีสายหนังรัดของไนท์และโฮรัสดังสะท้อนกับผนังอิฐแบบโบราณที่ฉาบทาด้วยสีขาวในขณะที่ขึ้นบันไดหินไปชั้นบน   แสงสีส้มสลัวจากคบไฟข้างผนังทำให้ผนังสีขาวแปรเปลี่ยนเป็นสีนวลเย็นตา  ให้ความรู้สึกอบอุ่นในใจลึกๆของคนที่จากบ้านมาไกลด้วยระยะเวลาหลายพันปีอย่างไนท์

                แอ๊ดด...

              ประตูไม้ที่อยู่สุดบันไดถูกโฮรัสผลักให้เปิดกว้าง  เผยให้เห็น...

                โอ้โห ไนท์ร้องขึ้น

                ห้องที่โฮรัสพาเขามานั้นเป็นห้องที่อยู่บนดาดฟ้าของตัวบ้าน   ผนังห้องทาสีดำซึ่งกลมกลืนกับฟากฟ้ายามราตรีที่มีดวงดาวพร่างพราวเต็มผืน .. ให้ความรู้สึกราวกับได้หลับใหลอยู่บนปุยเมฆเหนือท้องฟ้าอันกว้างใหญ่..  หน้าต่างบานกว้างสูงทำให้เห็นทิวทัศน์ค่ำคืนได้อย่างไร้สิ่งบดบัง

                สวยใช่ไหม โฮรัสเหม่อมองไปบนท้องฟ้า

                ไนท์เหลียวมองไปรอบๆห้องในขณะที่โฮรัสจุดตะเกียง  แล้วเขาก็พบกองฟูกและหมอนวางอยู่ที่มุมห้อง

                เจ้านอนมุมนั้น  ส่วนข้าจะนอนมุมนี้โฮรัสหันมาชี้  แล้วเจ้าไม่ต้องเขยิบเข้ามาใกล้ข้านะ  ห้ามเด็ดขาดเลย

                ทำไมล่ะ ?” ไนท์หรี่ตามอง  อดแหย่ไม่ได้ เป็นผู้ชายเหมือนกันไม่ต้องกลัวหรอกน่า  เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะมีอะไรปิดบังเราอยู่?”

           ความคิดของไนท์หวนนึกไปถึงดวงหน้าน่ารักสดใสของโฮรัสที่เขาได้เห็น..แต่แล้วดวงตาโกรธเกรี้ยวของเจ้าตัวก็โผล่ขึ้นมาขัดจังหวะทันที  คนอะไรไม่รู้  เวลาโกรธแววตาน่ากลัวเป็นบ้า..

                บ้าน่า  ข้าไม่ได้กลัวโฮรัสโต้กลับ พลางกอดอกด้วยท่าทีหงุดหงิด แต่ข้าไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามกับข้าก็แค่นั้นแหละ”

                ทำไมพายุบ้านั่นต้องมาเข้าก่อนข้ามาด้วยนะ...โฮรัสนึกอย่างหงุดหงิด...ถ้าเพดานห้องอีกห้องไม่ถูกพายุพัดจนพัง ข้าคงไม่ต้องลำบากใจที่จะต้องนอนห้องเดียวกับเจ้าแบบนี้

                หลังจากที่ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรนีฟเตรียมไว้ให้เรียบร้อย  ก็ได้เวลาพักผ่อนเสียที

           โฮรัสซุกตัวคลุมโปงอยู่ในผ้าห่มแล้ว  ไนท์นอนลงบนฟูกหนานุ่มห่มผ้าห่มเพื่อหลบความหนาวเย็นของลมทะเลทรายยามค่ำคืนพลางแอบหัวเราะหึๆในใจ...แผลเป็นนั่นก็ไม่ได้อัปลักษณ์ขนาดนั้นนี่นา ทำไมโฮรัสต้องอับอายปิดบังขนาดนั้นด้วย

    ...เขากำลังก้าวสู่อ้อมกอดแห่งนิทราตอนที่เสียงใสดังแผ่วเบามาจากใต้ผ้าห่มอีกมุมหนึ่งของห้อง

    ไนท์  เจ้าหลับหรือยัง ?”

    สิ่งเดียวที่ตอบคำถามนั้น...คือความเงียบ

    ในเมื่อเข้าใจว่าชายหนุ่มคงหลับแล้ว ร่างบางจึงแอบเลื่อนตัวลงจากที่นอน  ย่องอย่างเงียบเชียบไปที่ริมหน้าต่าง

    ไนท์ฝืนลืมตาขึ้นมาทั้งที่ใกล้จะหลับไปแล้วด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง  เพ่งมองผ่านความมืดสลัวไปยังหน้าต่างบานยาวเปิดให้จันทร์เสี้ยวสีเงินเย็นตาทอแสงสาดส่องผ่านเข้ามา...มองไปยังร่างที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง  ไม่รู้ว่าภาพที่เห็นคือภาพของโฮรัสหรือเป็นเพียงภาพในห้วงฝันกันแน่

    ร่างบอบบางนั่งอยู่บนกรอบหน้าต่าง  ชุดสีขาวทิ้งตัวยาวลงมาระเรี่ยพื้น เส้นผมยาวสลวยราวกับกลุ่มเส้นไหมเนื้อดีพลิ้วไปตามสายลมเย็นยามราตรี  ใบหน้าหวานแหงนเงยขึ้นมองยังผืนฟ้าเบื้องบนราวกับกำลังค้นหาบางสิ่งผ่านม่านราตรีถูกอาบไล้ด้วยแสงจันทราจนเด่นกระจ่าง...ดวงตากลมโตพราวไปด้วยประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวนับร้อยนับพันแข่งกันเปล่งประกายเจิดจรัสอยู่ภายใน  ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มให้กับรัตติกาลที่คลี่ม่านปกคลุมทั่วดินแดนแห่งทะเลทรายให้หลับใหลพักผ่อนในนิทราอย่างมีความสุข...                                                 

    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

    พิมกลับมาแล้วค่า หลังจากไม่ได้อัพเรื่องนี้นานมากกกกกก ><

    เกือบปีแล้วที่แทบจะไม่ได้แตะเรื่องนี้เลย 555 ไปยุ่งๆอยู่กับแบล็คเลดี้

    ขอมาทีละกระปริบกระปรอยก่อนน้า ขอปรับตัวก่อนเนอะ ^0^

    คิดถึงรีดเดอร์ทุกคนเลยนะคะ ^_______^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×