ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ YUNMIN HOUSE ♥ 윤민 ★

    ลำดับตอนที่ #310 : ☆ [Full Trans] บทสัมภาษณ์ Tohoshinki's Ginger November Issue - ทานตะวัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 49
      0
      29 ก.ย. 54




    [Full Trans] สัมภาษณ์ โทโฮชินกิ ใน GINGER (พฤศจิกายน 2011)




    โฟโต้บุ๊คที่เก็บภาพของพวกเขาในแบบที่เป็นชีวิตส่วนตัวจริงๆ ซึ่งพวกเขาไม่เคยให้พวกเราเห็นมาก่อน!

    เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ยุนโฮและชางมินไปสเปนหลังจากคอนเสิร์ตที่ปารีสเพื่อถ่ายทำโฟโต้บุ๊ค มันเป็นตารางงานที่รัดตัว ซึ่งพวกเขาต้องเดินทางจากมาลาก้าผ่านทางคอร์โดบาเพื่อไปยังมาดริดในช่วง 5 วัน 4 คืน แต่พวกเขาบอกว่า "เรารู้สึกผ่อนคลายมาก เหมือนกับว่ากำลังสนุกไปกับวันหยุดส่วนตัวอยู่" ดูเหมือนพวกเขาจะชอบบรรยากาศของเมืองใหญ่และได้ลงมือถ่ายรูปด้วยตัวเองอีกด้วย

    ยุนโฮ: ในระหว่างที่เดินทางจากคอร์โดบาไปมาดริดด้วยรถไฟ เราได้ดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์จากริมหน้าต่าง เราถ่ายรูปตอนที่กำลังเดินเล่นอยู่ในเมือง คุณมิกะ มินากาวะ ซึ่งเป็นช่างภาพ บอกว่า "พวกคุณอยากทำอะไรก็ทำเลย" มันเลยเหมือนเป็นวันหยุดกับช่างภาพที่คอยถ่ายรูปมากกว่าเป็นงานครับ

    ชางมิน: เราแทบจะไม่มีช่วงเวลาแบบนี้ เราก็เลยเล่นกันอย่างมีความสุขและสนุกเต็มกำลัง อย่างเช่น ไปเดินบนชายหาดจนทรายเลอะเต็มตัว แล้วก็เล่นฟริสบี้ด้วยครับ แต่มันร้อนมาก อุณหภูมิอยู่ที่ 36 องศาทุกวัน เราใส่เสื้อผ้าหนักๆ(หนาๆ)ในอากาศร้อนแบบนั้น นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมนึกได้ว่าเรากำลังทำงานอยู่ แต่โฟโต้บุ๊คออกมาดีมากครับ ความพยายามของเราเป็นผล!

    = คอนเซ็ปของโฟโต้บุ๊คคือ "สองหนุ่มผู้เติบใหญ่ที่เดินทางไปด้วยกัน" เราขอให้พวกเขาแต่งเรื่องให้ฟัง แล้วจู่ๆชางมินก็กลายเป็นนักเล่านิทานที่ยอดเยี่ยมอย่างคาดไม่ถึง =

    ชางมิน: ไฮไลท์ของโฟโต้บุ๊คเป็นแบบนี้ครับ เราเดินทางด้วยกัน เราไปโบสถ์ที่พี่ยุนโฮแนะนำแล้วก็ทะเลาะกันเกี่ยวกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ เราแยกทางกัน แล้วผมก็ไปจีบผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อที่จะบรรเทาความเหงา แต่อยู่ๆผมก็ได้เรียกสติคืนได้และเริ่มคิดว่า "ผมจีบผู้หญิงคนนี้ทำไม?" เราเลยเลิกทะเลาะกันแล้วก็ออกจากสเปนด้วยกัน และบอกว่า "กลับเอเชียกันเถอะ" ถ้าให้พูดคร่าวๆ ธีมของโฟโต้บุ๊คเล่มนี้ก็คือ "เราเห็นค่าของมิตรภาพระหว่างลูกผู้ชายมากกว่าการจีบสาว" (หัวเราะ)

    = ความจริงแล้ว มีรูปเซ็กซี่หลายรูปในโฟโต้บุ๊คเล่มนี้ที่ทำให้เราจินตนาการเรื่องแบบนี้ได้ =

    ยุนโฮ: เราไม่เคยแสดงให้เห็นบรรยากาศและสีหน้าท่าทางแบบนี้มาก่อน เรื่องพวกนี้คงเป็นอะไรที่แฟนสาวที่เราคบด้วยนานๆจะได้เห็นเท่านั้นแหล่ะครับ (หัวเราะ)

    ชางมิน: จริงครับ ผมเห็นพี่ยุนโฮทำหน้าตาเซ็กซี่แบบนั้นเป็นครั้งแรก!

    ยุนโฮ: ตอนผมกำลังถ่ายแบบในห้องอาบน้ำ ทีมงานพยายามโน้มน้าวให้ผมถอดเสื้อผ้ามากขึ้นอีก แต่ผมยึดหลัก "ความเซ็กซี่ของผู้ชายมาจากการซ่อนเร้น!" ผมจะสามารถมัดใจคนได้ด้วยความเซ็กซี่แบบซีทรู(เพราะเสื้อเปียก) (หัวเราะ)

    = อะไรเด่นชัดที่สุดในความทรงจำของคุณในการถ่ายแบบนี้? =

    ชางมิน: ผมแปลกใจที่เห็นดอกทานตะวันสูงกว่าผมเป็นครั้งแรก และพี่ยุนโฮก็แต่งเพลงแล้วก็ร้องตลอดการถ่ายแบบ 'ดอกทานตะวัน' เป็นคำเดียวที่อยู่ในเพลงครับ (หัวเราะ)

    ยุนโฮ: ผมจะแต่ง "ดอกทานตะวัน" เวอร์ชั่นเต็มให้เสร็จสักวันหนึ่ง ประมาณว่า "ผมจะปกป้องคุณไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม" (หัวเราะ) สิ่งที่เด่นชัดที่สุดในความทรงจำจากการถ่ายแบบก็คือโบสถ์ครับ ผมได้สวดมนต์ ผมขอพรให้โทโฮชินกิ ผมขอพรให้ชางมินและตัวผมเองครับ


    รอจนกว่าโฟโต้บุ๊คจะวางแผงและคอยอ่านสัมภาษณ์พิเศษที่อยู่ท้ายเล่มนะคะ คุณจะเห็นความรู้สึกที่ซื่อตรงของพวกเขา อย่างเช่น พวกเขาคิดอย่างไรก่อนคัมแบ็ค พวกเขาใช้เวลาอย่างไรหลังจากนั้น และมุมมองของพวกเขาเกี่ยวกับอนาคต


    [เราไม่นึกเสียใจ ไม่ว่าภาพพจน์ของเราจะดิ่งลงอย่างไร เราได้ใส่ข้อความทั้งหมดลงในอัลบั้มนี้ ]

    [ เราไม่นึกเสียใจ ไม่ว่าภาพพจน์ของเราจะดิ่งลงอย่างไร เราได้ใส่ทุกสิ่งทุกอย่างของเราลงในอัลบั้มนี้ ]





    อัลบั้มใหม่ของพวกเขาที่ทุกคนรอมานานอย่าง TONE จะเปิดตัวเร็วๆนี้ อัลบั้มนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ใหม่ๆของพวกเขา มันเป็นอัลบั้มแรกตั้งแต่การคัมแบ็คอย่างเป็นทางการ และมีเพลงบัลลาดซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของโทโฮชินกิแต่ยังไม่ได้ออกเป็นซิงเกิ้ล ความรู้สึกที่หลากหลายของพวกเขาถูกรวมอยู่ในอัลบั้มนี้อย่างเห็นได้ชัด

    = คุณช่วยบอกเราหน่อยได้ไหมว่าชื่ออัลบั้ม "TONE" หมายถึงอะไร? =

    ยุนโฮ: ชื่ออัลบั้มมีหลายความหมายครับ ยกตัวอย่างเช่น โทนเสียงใหม่ของโทโฮชินกิหลังจากกลายมาเป็นวงดูโอ้ โทนของแนวเพลงที่หลากหลาย และความกระตือรือร้นที่จะหาโทนใหม่ๆ แต่โดยรวมแล้ว รากฐานของโทโฮชินกิยังคงไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ที่เราเดบิวต์ สิ่งที่อาจจะเปลี่ยนไปคือ เราลองหลายๆวิธีเพื่อที่จะทำให้ดีที่สุดในฐานะนักร้องดูโอ้ รวมถึงการดึงบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองออกมาครับ

    ชางมิน: เรามองหาและสร้างโทนของตัวเองโดยคำนึงถึงจุดเด่นของแต่ละคน ความสมดุลในการประสานเสียง และปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวกับการร้องเพลงคู่ พูดตามตรงนะครับ ก่อนหน้านี้เรากังวลกันว่าจะมีข้อจำกัดสำหรับนักร้องดูโอ้ และมันเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของเรา แต่ความกังวลนั้นก็ทำให้เราได้ลองสิ่งต่างๆ และผลที่ได้คือ เราสามารถเติบโตขึ้น

    = พวกคุณสองคนมีจุดแข็งที่ต่างกัน เพลงไหนเป็นเพลงที่ร้องยากด้วยเสียงทั้งสองของพวกคุณ? =

    ยุนโฮ: ผมคิดว่า "ชิอาวาเซะ อิโระ โนะ ฮานะ" เป็นเพลงที่ร้องยากครับ เราอัดเพลงนี้ใหม่ถึงแม้ผู้กำกับจะบอกว่าโอเคแล้วก็ตาม ตอนแรกเราร้องแบบโศกเศร้า แต่ผมคิดว่า "ถ้าเรารักษาอารมณ์เอาไว้ เพลงก็จะฟังดูสมบูรณ์ขึ้นและมีสีสันของโทโฮชินกิมากขึ้น" เพลงนี้ยาว 6 นาที 40 วินาที เป็นเพลงที่ยาวที่สุดในบรรดาเพลงของโทโฮชินกิ เราตั้งเป้าสำหรับเพลงนี้เอาไว้สูงเพราะเราต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ผู้ฟังพอใจกับเสียงเพียงสองเสียง ผมคิดว่าผู้ฟังจะสัมผัสได้ว่า "โทโฮชินกิเติบโตขึ้นแล้ว" และความพยายามของเราก็กำลังแสดงให้เห็นผล

    = แล้วคุณชางมินล่ะ? =

    ชางมิน: ความท้าทายที่สุดสำหรับผมคือจะไปเหนือขอบเขตของตัวเองในเรื่องเสียงร้องได้อย่างไร บรรยากาศสามารถเปลี่ยนไปได้จากสิ่งเล็กๆ อย่างเช่น การถ่ายทอดความรู้สึกของผมลงในเพลงหรือโทนเสียง ผมรู้สึกเป็นพิเศษตอนที่อัดเพลงแรกอย่าง "Introduction~magenta~” มันเป็นเพลงที่บริสุทธิ์ที่สุดและซื่อตรงที่สุดในบรรดาเพลงของเรา ผมเลยอยากจะใช้มันสื่อเสน่ห์ใหม่ของผมครับ

    ยุนโฮ: การแสดงออกของชางมินลึกซึ้งขึ้นมากครับ ผมคิดอยู่หลายครั้งเลยว่า "นี่ใช่ชางมินจริงๆน่ะเหรอ?" มันน่าทึ่งมาก! โดยเฉพาะที่เขาร้องได้อย่างยอดเยี่ยมใน "ชิอาวาเสะ อิโระ โนะ ฮานะ"

    ชางมิน: สิ่งที่ทำให้ผมทึ่งก็คือพี่ยุนโฮยืนหยัดมากขนาดไหน เขาเข้มงวดกับตัวเองมากจนถึงขั้นที่ทีมงานอึ้งกันเป็นแถว ผมอยากจะอึดเหมือนเขาครับ...

    ยุนโฮ: ผมรู้ครับ ผมจะบอกว่า "อีกรอบนะ" ถึงทีมงานจะอยากกลับบ้านแล้วก็ตาม (หัวเราะ)

    = จะเรียกว่าเป็นอัลบั้มแรกหลังจากที่พวกคุณคัมแบ็คได้ไหม? =

    ชางมิน: ผมอยากปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ฟังครับ ถ้าเราบอกว่า "โปรดคิดว่าอัลบั้มนี้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้นะครับ" บางคนอาจจะไม่คิดแบบนั้น ทุกๆคนต่างก็มีความชื่นชอบของตัวเอง ผมไม่อยากจะฝืนอะไรทั้งนั้น จริงๆแล้วผมไม่ได้มีความรู้สึกในทำนองที่ว่า "ถือซะว่าอัลบั้มเป็นอย่างนั้น" หรือ "คิดซะว่ามันเป็นจุดเปลี่ยนของเรา" สิ่งที่อยู่ในใจผมยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นี่เป็นอีกก้าวหนึ่งที่มุ่งไปในทางที่ผมเดินมาโดยตลอด

    ยุนโฮ: ผมไม่อยากจะกดดันผู้ฟังเช่นกันครับ ผมพอใจแล้วถ้ามีคนรู้สึกว่า "ฉันชอบเพลงนี้นะ" ถ้ามีคนรู้สึกว่า "เพลงนี้คล้ายกับเพลงก่อนๆของโทโฮชินกิเลย" ก็ดีเช่นกันครับ

    ชางมิน: ผมไม่สนว่าผู้ฟังจะเข้าใจว่าอัลบั้มนี้เป็นอย่างไร ถ้าหากพวกเขารู้สึกว่าเราเติบโตขึ้น แค่นั้นก็ถือเป็นความสำเร็จสำหรับเราแล้ว ถ้าผู้ฟังรู้สึกว่า "พวกเขายังขาดอะไรไป" เราก็อยากจะตั้งใจมากขึ้นเพื่อที่จะเติมเต็มช่องว่าง เท่านั้นเองครับ


    [ เราเป็นศิลปิน เพราะฉะนั้น เราควรจะถ่ายทอดความรู้สึกซาบซึ้งจากใจจริงไปให้แฟนๆผ่านทางเพลงของเรา เพลงแต่ละเพลงคือจิตวิญญาณของเรา ผมดีใจถ้าหากคนอื่นรับรู้ได้ถึงความจริงจังของเรา ]


    = ซิงเกิ้ลที่พวกคุณวางแผงหลังจากคัมแบ็คเต็มไปด้วยพลังและดุดัน พวกมันแสดงให้เห็นถึงศักยภาพยอดเยี่ยมที่พวกคุณมี ในทางกลับกัน อัลบั้มนี้แสดงถึงทัศนคติที่จริงใจและรักใคร่ของโทโฮชินกิที่มีต่อแฟนๆ ฉันคิดว่า "Weep" เป็นตัวแทนของมุมมองนั้น =

    ยุนโฮ: ผมคิดว่าเราสามารถแบ่งปันความรู้สึกของเราให้กับแฟนๆได้ผ่านทาง "Weep" ในคอนเสิร์ต ทั้งทำนองและเนื้อร้องต่างก็เป็นสิ่งที่เราตามหาอยู่จริงๆ มันไม่ง่ายเลยกับการหาสิ่งที่คุณต้องการ มันคือเรื่องมหัศจรรย์และผมคิดว่าหัวใจของเราสื่อถึงกันได้

    = คำแต่ละคำในเนื้อเพลงทำให้ฉันมีน้ำตา =

    ชางมิน: แน่นอนสิครับ ก็นั่นเป็นความตั้งใจของเรา... ขอโทษครับ (หัวเราะ)

    = ฮ่าๆๆ นี่คือชางมินผู้ช่างเหน็บแหนมของเรา (หัวเราะ) =

    ยุนโฮ: โกหกสุดๆเลยครับนั่น เราคุยกันว่า "พวกเราเป็นศิลปิน เพราะฉะนั้น เราควรจะถ่ายทอดความรู้สึกซาบซึ้งจากใจจริงไปให้แฟนๆผ่านทางเพลงของเรา" ลำดับเพลงอาจจะมีลับลมคมในเล็กน้อย แต่ผมชอบมากเลยครับ

    = ตอนที่แฟนๆได้ฟัง "Weep" และ "Somebody To Love 2011" ติดๆกัน พวกเขาคงประทับใจมากแน่ๆ คุณคิดอย่างไรกับการร้องเพลงก่อนๆกันสองคน? =

    ยุนโฮ: เราคือโทโฮชินกิตลอดมาและยังคงเป็นอยู่ เพราะฉะนั้น มันไม่แปลกที่เราจะร้องเพลงก่อนๆของโทโฮชินกิ แต่ถ้าคุณถามว่า เรารู้สึกขัดๆและลังเลใจที่จะร้องกันสองคนไหม คำตอบก็คือ "ครับ เรารู้สึก" แต่นี่เป็นเพลงที่น่าจดจำที่สุดของเราและเราต้องการจะชื่นชมมัน ผมหวังแบบนั้นครับ

    ชางมิน: เพราะเราคือโทโฮชินกิ และจะเป็นโทโฮชินกิต่อไปครับ

    ยุนโฮ: เราทำอย่างดีที่สุดและถ่ายทอดเพลงของเราด้วยความมั่นใจตลอดมา ถ้าหากนั่นคือ 100% เราทั้งสองคนก็ต้องไปให้เหนือกว่า 100% ผมคิดว่า "Somebody To Love 2011" คือคำตอบครับ นั่นคือเหตุผลที่เราคิดว่า "เราจะร้องเพลงนี้ด้วยความภาคภูมิใจ"

    ชางมิน: ถ้าหากคนคิดว่าเราล้มเหลว ผมก็ไม่เสียใจครับ

    ยุนโฮ: ผมคิดมาตลอดว่าเราไม่ต้องการคำพูดใดๆ ในฐานะศิลปิน เราใส่ข้อความทั้งหมดลงในอัลบั้มนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดมีเพียงเท่านั้น

    = ขอบคุณค่ะ (คำตอบของคุณ)เพียงพอแล้ว ฉันคิดว่าทุกๆอย่างถูกย่อลงเป็นคำพูดของคุณ =

    ยุนโฮ: ทัวร์คอนเสิร์ตของอัลบั้มจะเริ่มเดือนมกราคมปีหน้า ผมคิดว่าคุณค่าที่แท้จริงของเราจะถูกประเมินโดยวัดจากการแสดงบนเวทีนั้น อัลบั้มเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่เราจะสามารถแสดงบนเวทีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ผมจะตั้งตาคอยพบพวกคุณที่คอนเสิร์ต TONE นะครับ

    ชางมิน: เราร้องเพลงแต่ละเพลงด้วยความตั้งใจและจริงจัง โดยคิดว่าเพลงนี้เป็นจิตวิญญาณของเรา ผมจะดีใจถ้าคนอื่นสามารถสัมผัสมันได้ครับ


    ในสัมภาษณ์นี้ ฉันรู้สึกว่าทุกๆคำที่พวกเขาพูดนั้นหนักแน่นและซื่อตรงที่สุดจากที่ผ่านมา ฉันแทบจะรอทัวร์คอนเสิร์ตไม่ไหวแล้ว พลังของพวกเขาจะต้องระเบิดออกมา





    [ GINGER Spain Off-Shots ]




    เราตามพวกเขาไประหว่างถ่ายทำโฟโต้บุ๊คท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุของสเปน

     การถ่ายทำระยะเวลา 4 วันเริ่มต้นที่เมืองสีขาวอย่าง "ไมยาส" พวกเขาย้ายจากชานบ้านไปยังโบสถ์ ไปจนถึงสนามชนวัว เหงื่อโชกแต่ก็ยังยิ้มแย้มสำหรับการถ่ายทำ พวกเขามีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายบนแท็กซี่ลา

     การถ่ายแบบบนชายหาดในชานเมืองของมาลาก้า พวกเขาเล่นน้ำทะเลและกลิ้งไปบนหาดทราย ทั้งสองเล่นสนุกมากจนทรายเข้าตายุนโฮ! ในขณะที่ชางมินก็เล่นฟริสบี้

     พวกเขาย้ายไปที่คอร์โดบาในวันที่สอง ชางมินประทับใจกับดอกทานตะวันที่สูงกว่าเขา ในวันที่สาม ยุนโฮแสดงการเต้นที่ร้อนแรงกับแดนซ์เซอร์สาว เป็นสิ่งที่ 'ต้องดู'

     พวกเขามุ่งหน้าไปยังมาดริดโดยนั่ง AVE (รถไฟฟ้าความเร็วสูงของสเปน) หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว พวกเขาก็ถ่ายแบบกันที่สถานีปลายทาง สิ่งที่ทำให้เราประทับใจก็คือ พวกเขาทั้งคู่สื่อสารกับคนพื้นเมืองโดยใช้พจนานุกรมในระหว่างการเดินทาง

     พวกเขาจบการถ่ายแบบที่ร้านอาหารถ้ำและจัดปาร์ตี้ ทั้งคู่ต่างก็ประทับใจกับเพลงบัลลาดชื่อดังที่เล่นให้พวกเขาโดยเฉพาะ ชางมินย้ำเรื่องอาหารจานถนัดของทางร้าน "อาหารจานเห็ด"




    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    ถ้าจะเอาออกไป กรุณาเอาเครดิตไปให้ครบค่ะ

    Source: Ginger November Issue

    Translated by: Lisalio @ContinueTVXQ.com

    แปลไทย: @minnappe (http://twitter.com/minnappe)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×