คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : The Buyer (by poohis)
THE BUYER
--------------------------------
Furniture Delivery
25 ธันวาคม 2014 19:00 นาฬิกา
~ Merry Christmas and Happy New York!
NYC IndyRocK ขออวยพรให้คุณผู้ฟังสนุกสนานไปกับเทศกาลแห่งความสุขสันต์นี้ สำหรับคลื่นของเราได้เตรียมของขวัญให้แก่ท่านผู้ฟังโดยการจัดอันดับเพลงอินดี้ร็อคที่จะคัดสรรให้เข้ากับวินเทอร์นี้ของคุณ ติดตามฟังได้ในช่วงของดีเจเรย์ สำหรับตอนนี้! เรามีเสียงจากเหล่าไอดอลและอินดีร๊อคสตาร์ที่กำลังมาแรง พวกเขาจะพูดถึงสิ่งที่จะทำในปีต่อไปหรือที่จะทิ้งไว้ก่อนข้ามปีใหม่นี้..
..เอริค เดอะ เอ็ม แบนด์– ทัวร์ไนต์คลับในสามรัฐของเราปีหน้า ผมเชื่อว่าทุกคนจะต้องไม่ผิดหวัง..
..ไมค์ เดอะ นายน์ – ผมคิดจะลองเล่นอะไรที่ผาดโผน การห้อยหัวแบบนั้นคงเหมือนกับการมองโลกมุมกลับ ผมคิดว่าผมอาจได้พบอะไรดีๆ
..ลิซ่า – ฉันจะเลี้ยงบีเกิ้ลค่ะ ฮ่าๆ มันเป็นคำตอบที่ดีมากเลยใช่ไหม
..เคลวิน วู– ‘กลไกของชีวิตอาจมีแค่ ซื้อ หรือ ไม่ซื้อ สำหรับผม ผมจะซื้อถ้าสิ่งนั้นคือความสุข..’ ~
“เฮ้ เรย์ นายให้ห้องเปล่าฉันจริงๆ!”
“แน่นอน เคฟ นายซื้อห้องนายก็ต้องได้ห้อง แต่ไม่เห็นเหรอว่ามุมบนเพดานนั่นฉันทิ้งลำโพงไว้ให้”
“มันดังข้างเดียวเพื่อน”
“เฮ้ งั้นเหรอ..”
ตื้ด ตื้ด ตื้ด ตื้ด ~
เคลวินตัดสายไปก่อนที่เรย์จะพูดจบ เขากำลังหัวเสียในระดับปานกลางกับการยืนบนขั้นบันไดพิงของคุณลุงแม็คเจ้าของอาพาร์ทเมนต์ เพื่อซ่อมลำโพงบนเพดานที่เกิดเสียในวันที่เขาเข้ามาในห้องพักที่เขาเพิ่งซื้อมันจากเรย์เพื่อนสนิท เรย์พะเน้าพะนอบอกขายมันให้กับเขาเพื่อนำเงินไปทำทุนซื้อสเก็ตบอร์ดเพื่อการแข่งขันระดับเมืองในปีหน้า เคลวินตัดสินใจซื้อมันเพราะห้องใหม่นี้ใกล้กับสตูดิโอของเขามากกว่า และเพราะเห็นว่ามันเป็นความสุขของเพื่อน…ความสุขของเพื่อนก็เป็นความสุขของเขาเช่นกันในบางครั้ง แต่การได้มาซ่อมลำโพงแบบนี้เคลวินคิดว่าเขาอาจจะต้องทบทวนความคิดนี้เสียใหม่
แม็คอาพาร์ทเมนต์เป็นอาพาร์ทเมนต์ในรูปแบบของยุคศตวรรษที่70 ตั้งอยู่ในย่านที่ถูกเรียกว่า SOHO (South of Houston) ของนครนิวยอร์คบนถนนบอร์ดเวย์ ย่านแห่งศิลปะทุกแขนง พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจและการละเลงศิลปะของศิลปินทั้งนอกกระแสและในกระแสทั้งชื่อดังและไร้ชื่อในอดีต กลิ่นอายของศิลปะดนตรีซึมลึกอยู่ทุกตารางนิ้วของถนนที่ปูด้วยอิฐก้อนเล็กขรุขระและตึกสีสันสะดุดตา และปัจจุบันได้กลายเป็นพื้นที่แห่งแฟชั่นและสีสันอันโด่งดังของนิวยอร์คด้วยเช่นกัน คุณลุงแม็คเจ้าของอาพาร์ทเมนต์เล็กๆความสูงสี่ชั้นนี้ เดิมทีก็เป็นนักไวโอลินนอกกระแสที่มีชื่อเสียงเมื่อในอดีต
~ YOYO Furniture Store เปิดบริการใหม่รับปีใหม่นี้ โดยบริการ Delivery สินค้าคุณภาพและรวดเร็วถึงมือท่าน โดยเริ่มในคริสมาสต์นี้! สำหรับท่านที่สั่งสินค้าในช่วงคริสมาสต์ท่านอาจจะได้พบกับซานต้า..~
เสียงข้อความโฆษณาดังก้องห้องว่างเปล่าหลังซ่อมลำโพงสำเร็จและเริ่มเปิดให้วิทยุเล่นใหม่อีกครั้ง เขารับรู้ว่ามันคือโฆษณาอะไรแต่ไม่ได้สนใจนัก เคลวินเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างมือและตอนที่กำลังยืนปัสสวะอยู่นั้น ตรงหน้าของเขา เคลวินพบใบโฆษณาสินค้าของบริษัทเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นชื่อเดียวกันกับที่ได้ยินจากวิทยุเมื่อครู่ มันถูกตกแต่งด้วยสีสันดึงดูดตาพ่วงมาพร้อมกับโปรโมชั่นสำหรับฤดูหนาว
เขาอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นมัน ช่วงคริสมาสต์อะไรต่างๆก็จะพากันลดกระหน่ำเป็นธรรมดากันอยู่แล้ว แต่ไอบริษัทนี่อะไรจะขยันโฆษณาขนาดนี้ ตีตลาดทั้งผู้ฟังขาอินดี้ร็อคและยังตามมาโฆษณากันถึงหน้าส้วม หรือจะเป็นไอ้เรย์เพื่อนยากที่ติดเอาไว้เพราะรู้ว่าเขาต้องการมัน หรือไม่ก็อาจเป็นคนทำความสะอาดผู้หวังดี เคลวินดึงมันออกจากกำแพง เสียงเพลงร็อคบรรเลงหวานๆจากวิทยุทำให้เขาผ่อนคลายขึ้น เขาหย่อนก้นลงบนพื้นห้อง พร้อมพลิกดูใบปลิวในหน้าต่างๆและตัดสินใจเข้าเว็บไซต์ขายเฟอร์นิเจอร์ผ่านสมาร์ทโฟนเครื่องโปรด
รอเพียงไม่กี่วินาที เว็บไซต์ yoyofurniture-store.com ก็ปรากฏขึ้นผ่านจอตรงหน้า เคลวินกรอกข้อมูลส่วนตัว พลางค้นหาสินค้าที่มีอย่างหลากหลายและดึงดูดความสนใจแก่เขาบนหน้าแคทตาล็อต เขาสนใจม่านผืนใหญ่หนาสักสองผืนที่จะนำมาใช้กับหน้าต่างบานกว้าง เพื่อกั้นโลกภายนอกกับภายในห้องส่วนตัวของตัวเอง แต่ด้วยความที่มีให้เลือกอย่างมากมายเขาจึงยังลังเลว่าจะซื้อแบบไหน ไม่ทันที่จะเปิดหน้าแคทตาล็อคหน้าที่สอง เสียงเรียกเข้าเพลง Snow ของ Red Hot Chili Peppers ก็ดังขึ้นเสียก่อน
“เคฟ ฉันเหลือบัตรคอนเสิร์ต Imagine Dragons หนึ่งใบ”
“น่าสน แต่”
“ไม่เพื่อน คราวนี้นายต้องซื้ออย่างเดียว เพราะพี่ใหญ่สแลชขวัญใจนาย ร่วมแจมด้วยว่ะ”
“ซื้อ”
เคลวินกำลังคิดว่าเขาตกข่าวเรื่องนี้ไปได้อย่างไร สแลชมือกีต้าร์วงฺ Guns N' Roses มือกีต้าร์ที่มีฝีมือหาตัวจับยากและเรียกได้ว่าเป็นตำนาน ไม่ง่ายนักที่จะได้เสพเสียงที่รังสรรค์จากปลายนิ้วและพรสวรรค์ของเขาอีกสักครั้ง และแน่นอนว่ารูปของสแลชคือหนึ่งในโปสเตอร์ที่ติดอยู่บนกำแพงในห้องเก่าของเขาที่อยู่แถบกลางแมนฮัตตัน ข่าวดีนี้ทำให้เคลวินเลือกที่จะกวาดตาบนหน้าแคทตาล็อคสินค้าบนเว็บไซต์อีกครั้งอย่างลวกๆ และกดปุ่ม BUY NOW!
“YOYO Furniture สวัสดีครับ”
“ฮัลโหล ผมเคลวิน รหัสลูกค้า 7700KH ผมสั่งของไปแล้วช่วยตรวจเช็คด้วย”
“ครับคุณเคลวิน ทางเราได้บันทึกเรียบร้อย สำหรับการจัดส่ง…”
เคลวินตัดสายหลังจากได้ยินคำว่าเรียบร้อย ขณะที่กำลังสวมรองเท้าเพื่อตรงไปยัง Madison Square Garden สถานที่จัดคอนเสิร์ตอย่างอารมณ์ดี ข่าวดีนี้เหมือนเป็นของขวัญคริสมาสต์ที่ถูกใจเขา เคลวินไปถึงก่อนเวลาที่คอนเสิร์ตจะเริ่มขึ้นไม่นานนัก แฟนคลับมากมายที่ส่วนใหญ่สวมเสื้อโค๊ทโทนสีหม่นมารอกันเต็มแน่น เพียงสิบนาทีหลังจากนั้นคอนเสิร์ตก็ได้เริ่มขึ้น และในขณะที่เขาเพลิดเพลินและกำลังตั้งตารอแขกรับเชิญที่น่าจะออกมาในช่วงกลางของคอนเสิร์ต เขารู้สึกถึงการสั่นของสมาร์ทโฟนที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ของเขา แล้วพบว่ามันเป็นหมายเลขของบริษัทเฟอร์นิเจอร์ เขาจึงตัดสินใจเดินออกจากบริเวณคอนเสิร์ตเพื่อรับสาย
“ฮัลโหล”
“สวัสดีครับ จากYOYO Furniture ใช่คุณเคลวินหรือเปล่าครับ?”
“ใช่ครับ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ของที่คุณสั่งมาถึงแล้วครับ ช่วยกรุณามาตรวจสอบและลงชื่อรับด้วยครับ”
“อ่อ หืม ว่าไงนะ? มาถึงแล้ว?” เคลวินไม่ได้แปลกใจแค่ว่าของมาส่งไวเกิดคาดไปนิด แต่เขาแปลกใจด้วยว่าบริษัทไหนกันที่เปิดทำงานในวันหยุดสุดพิเศษของอเมริกา
“ผมไม่ว่างตอนนี้ คุณรอหน่อยได้ไหม หรือไม่ก็เอามันวางไว้ตรงหน้าประตูนั่นแหละ”
“ไม่ได้ครับ กฎของเราคือคุณต้องมาเช็คของและเซ็นต์รับของเท่านั้น แล้วคุณก็ไม่ได้ระบุว่าจะให้ทางเราส่งให้ในเวลาไหน ในกรณีนี้เราจะคิดว่าคุณต้องการของโดยเร็วที่สุด เพราะฉะนั้น ถ้าคุณไม่มาเซ็นต์รับภายในเวลานี้ เราสามารถปรับคุณได้ 4 เท่าของสินค้า”
“คุณ นี่ผมเป็นลูกค้านะ”
“ครับ แล้วผมก็มาส่งของให้คุณไง”
เคลวินถอนหายใจ ความเย็นของอากาศภายนอกทำให้เขาเริ่มอยากกลับเข้าไปในฮอล์ลอีกครั้ง เขาเริ่มคิดหาทางออกของเรื่องนี้
“มีแบบที่ ผมสามารถเซ็นชื่อรับทางออนไลน์อะไรแบบนี้ไหม”
“ไม่มีครับ”
เคลวินตัดสายอีกครั้งพร้อมกับการตัดสินใจไปรับสินค้า แค่ลงชื่อรับของคงไม่นานจนทำให้เขาคลาดการแสดงของมือกีต้าร์ที่เขาตั้งตารอ แต่ยิ่งดึกก็เหมือนว่าผู้คนในเมืองจะมากขึ้นด้วยเพราะวันนี้เป็นวันพิเศษ เขาใช้เวลามากว่าที่คาดในการกลับไปยังห้องพัก แต่ลิฟท์ในอาพาร์ทเมนท์ก็ใช้เวลาเท่าเดิมในการพาเขาไปยังชั้นที่สี่ เสียงสัญญาณลิฟท์ดังกังวาน เคลวินเดินออกจากลิฟท์และพบว่ามีซานต้าครอสร่างใหญ่ยืนอยู่หน้าประตูห้องของเขาที่อยู่ริมสุดทางเดินนั่น พร้อมกับกล่องพัสดุสีน้ำตาลที่ถูกกอดเอาไว้ เคลวินขมวดคิ้วเล็กน้อยระหว่างค่อยๆก้าวเดินเพื่อไปยังจุดนั้น
“คุณเคลวิน ใช่ไหมครับ”
เขาพยักหน้าตอบรับบุรุษในชุดซานต้าอ้วนกลมที่เอ่ยถาม เคลวินเห็นเพียงแค่ดวงตาที่มีแพขนตายาวๆของคนตรงหน้าเท่านั้น เพราะทั้งใบหน้าถูกปกคลุมด้วยหนวดปลอมสีขาวสะอาดรวมถึงหมวกผ้าสีแดงที่สวมศีรษะไว้นั่นอีก มันดูตลกมากในสายตาของเขา
เคลวินไขกุญแจเปิดประตูให้คนส่งของในชุดซานต้าเดินถือเข้าไปวางกลางห้องด้วยความทุลักทุเลเดาได้ว่าเพราะจากความใหญ่โตของชุดที่สวม รวมถึงรองเท้าแฟนซีหัวโตที่ขนาดของมันดูจะใหญ่เกินมนุษย์ธรรมดาที่ทำให้คนที่สวมก้าวเดินกระทบพื้นเสียงดังตุบๆ
“นี่คือบริการสำหรับคริสมาสต์เหรอ?” เอ่ยถามเล่นๆขึ้นในตอนที่คนส่งของในชุดซานต้าผละจากการวางของที่ดูจะก้มเงยก็ลำบากนั่น
“ใช่ครับ”
“ดูคุณไม่มีความสุขกับคริสมาสต์นะ” เคลวินว่าพลางยิ้มขำ ดูจากความลำบากแบบนั้น แล้วคนๆนี้ยังต้องทำงานในวันหยุดอีก
“ทำไงได้ มันคืองานนี่” ตอบเปรยๆ พลางค้นหาบางอย่างในกระเป๋าใบใหญ่ที่ติดมาด้วย
ปั่ก ปั่ก ปั่ก! ~
“Merry Christmas! ขอบคุณที่ซื้อสินค้าของเรา ขอให้คุณมีความสุข!” ปั่ก ปั่ก !~~
พลุแฟนซีถูกจุดขึ้นตรงหน้าเขา พร้อมกับซานต้าปลอมๆที่ส่งเสียงดังก้องห้อง กระดาษหลากสีปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ และหลังจากนั้นซานต้าก็หยิบสมาร์ทโฟนสีขาวของตัวเองขึ้นมา ไม่นานเพลงคริสมาสต์คุ้นหูก็แผดเสียง พร้อมกับซานต้าอ้วนที่กำลังขยับเขยื้อนร่างหนาๆตามจังหวะเพลง สะโพกรอบวงกว้างนั่นส่ายโยกไปมา
“พอ..หยุด กลับไปรายงานบริษัทด้วยนะว่าบริการเสริมนี่ไม่เข้าท่า” เคลวินถอนหายใจ เขาเท้าเอวและใช้สองนิ้วมืออีกข้างนวดขมับเบาๆ มันไม่น่าตื่นตาเลยสำหรับการได้ยืนมองอะไรแบบนี้ แล้วรวมถึงกระดาษชิ้นเล็กๆที่เขาต้องเก็บกวาดนั่นอีก
บุรุษในชุดซานต้าหยุดทันทีหลังจากที่เคลวินบอก พร้อมถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา
“เห้ออ ขอบคุณ…” ความจริงเขาก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้นักหรอก แต่นี่มันคือนโยบายของบริษัท
“ไหนล่ะ ใบรับของ” เคลวินเอ่ยทวง
“อ้อ นี่ครับ” คนส่งของหยิบมันออกมาจากกระเป๋าชุดของตนเองยื่นให้พร้อมปากกา “ม่านลายวินเทจสีฟ้าอ่อนจำนวนสองผืนใหญ่หนา ลงชื่อรับตรงนี้”
“ลายวินเทจสีฟ้า??” เคลวินถามเสียงสูง เขาจำได้ว่าไม่ได้สั่งลายนี้ และก็ไม่มีวันที่เขาจะซื้อมันแน่ๆ
“ครับ”
“ผมไม่ได้สั่งลายนี้ คุณส่งผิด” เคลวินว่า ส่งไปรับของในมือกลับคืน เริ่มหัวเสียที่ต้องเสียเวลาดูคอนเสิร์ตแล้วยังพบว่าของที่ส่งนั้นผิดพลาด
“ไม่ผิดนี่ คุณสั่งลายนี้”
คนส่งว่าพลางเปิดสมาร์ทโฟนในมือเพื่อโชว์บันทึกการสั่งซื้อให้คนตรงหน้าดู เคลวินเห็นชัดเจนจนปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นคนกดสั่งมันจริงๆ สงสัยว่าเขาจะรีบจนมือรวนเผลอไปกดซื้อผ้าม่านลายวินเทจนี่เข้าโดยไม่ทันได้ตรวจดูอีกครั้ง ..แต่ยังไงเขาก็ไม่อยากได้มันอยู่ดี ลายหวานๆนี่ไม่ใช่แนวทางของเขาเอาซะเลย แล้วก็ยังนึกไม่ออกว่าจะเอาไปให้ใครที่ไหนเสียด้วย
“ยกเลิก”
“อะไรนะ?”
“ผมไม่เอาแล้ว เอาของคุณกลับไป”
“ได้ยังไง คุณ..”
“กฎของการบริการคืออะไร?”
“ลูกค้าคือพระเจ้า”
“รู้นี่ แสดงว่าตอนนี้ผมคือพระเจ้า ผมจะบอกอะไรคุณก็ได้”
“แต่ผมเป็นซานต้านะ!”
คำตอบทำให้เคลวินชะงัก ก่อนจะมองคนตรงหน้าอีกครั้งหัวจรดเท้า หาคำต่อรองแทบไม่เจอ แล้วก็ไม่ทันจะได้นึกเทียบว่าซานต้าหรือพระเจ้าตกลงใครกันที่ใหญ่กว่า มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นอีกครั้ง
Message (1) : Lay
‘ สแลชลงจากเวทีแล้วเพื่อน เสียใจด้วย ’
หน้าจอสมาร์ทโฟนโชว์ข้อความแสดงความเสียใจเด่นหลา ที่ทำให้คนรับถึงกับสบถออกมาเบาๆและขยี้ผมยุ่งๆสีบลอด์นหม่นของตนเอง เคลวินเริ่มหงุดหงิดเข้าจริงๆแล้วที่ดันพลาดโอกาสทั้งที่ไม่น่าพลาดกับเรื่องแบบนี้ แต่เขาก็ยังมีสติพอที่จะไม่ให้อารมณ์ตนเองแย่ลงไปอีก เขาถอนหายใจอีกครั้ง พยายามปล่อยวาง และบอกกับตัวเองในใจว่ายังไงเขาก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้อีก
“โอเค แกะของ แล้วช่วยเอามันไปใส่ที่หน้าต่างตรงนั้นให้ผมด้วย”
คนส่งของพยักหน้าพร้อมส่งใบรับของให้เขาอีกครั้งและหันไปง่วนกับการแกะกล่องพัสดุชิ้นใหญ่ เคลวินเซ็นต์ชื่อในใบนั้นอย่างขอไปทีพลางยืนกอดอกพิงกำแพงมองบุรุษในชุดซานต้าครอสที่กำลังแกะของด้วยอาการทุลักทุเล
โคร่ม~
“นี่ คุณถอดชุดก่อนไหม” เคลวินแทบกลั้นหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นคนตรงหน้าเผลอล้มลงไปบนพื้น พลางช่วยประคองอีกคนให้ยืนขึ้น
“เอ่อ ก็ดีครับ งั้น ช่วยรูดซิปหน่อย” ซานต้าร่างหนาหันหลังให้กับเขาพลางใช้มือไพล่หลังชี้ตรงจุดที่เป็นซิปยาวด้านหลังชุดให้
เคลวินรูดมันลงให้ตามคำขอ ช่วยดึงมันพร้อมคนตรงหน้าที่ค่อยๆพาตัวเองออกจากชุดหนาที่ถูกบุฟองน้ำไว้ด้านใน ตามด้วยการถอดหมวกผ้าและร้องเท้าแฟนซีหัวโตนั่นออก ลอกหนวดสีขาวบนใบหน้า ขยี้จัดผมของตนเองให้เข้าทรงพร้อมหันมาหาเขา
“ขอบคุณ” คนตรงหน้าเอ่ย พลางขยับจัดเสื้อยืดแขนยาวสีขาวที่ค่อนข้างยับของตนเองให้เข้าที่
“ขนสีขาวนั่นยังติดอยู่” เคลวินบอก พลางชี้ไปที่ใต้ริมฝีปากล่างของตนเองให้คนตรงหน้าดูว่ามันติดตรงจุดไหน
คนส่งของมองตามแล้วพยายามปัดมัน แต่กลายเป็นว่าทำให้มีขนสีขาวๆนั่นติดหน้ามากขึ้นไปอีก
“มันติดมากกว่าเดิมอีก”
“เหรอ งั้นคุณช่วยหน่อย”
เอ่ยพร้อมขยับเข้าใกล้ ยื่นเงยหน้าให้เขาที่สูงกว่า เคลวินชะงักเล็กน้อยกับอาการนี้ ก่อนค่อยๆใช้นิ้วหยิบขนสีขาวๆที่ติดตรงใต้ริมฝีปากล่างและเกลี่ยบนแก้มของคนตรงหน้าออก ระหว่างนั้นเขาเผลอสบสายตากันในเสี้ยววินาทีก่อนจะรู้ตัวและรักษาระยะห่างออกจากกัน
“คุณน่าจะได้แต่งเป็นเรนเดียร์มากกว่านะ” เคลวินพูดทีเล่นทีจริง ผู้ชายที่เขาเพิ่งเห็นตัวจริงอย่างชัดเจนยังอยู่ในสายตาของเขา อายุคงไม่ห่างจากเขานัก..แต่ตัวเล็กกว่าเขาหลายเท่า
“ผมก็ว่างั้น แต่ผู้หญิงจะได้แต่งน่ะ ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลยคุณว่าไหม” แต่คนที่ได้ฟังกลับตอบรับจริงจัง พลางแกะสินค้าออกจากห่อโชว์ให้เคลวินดู และตามด้วยการประกอบมันเข้าด้วยกัน
“ไม่ยุติธรรมยังไง” ถามพลางมองคนที่กำลังประกอบสินค้าไปมาอย่างชำนาญ
“ก็ใครกำหนดกันล่ะว่าเรนเดียร์ต้องเป็นหญิงเท่านั้น ฝ่ายบุคคลที่บริษัทผมคงลืมไปแล้วว่ามีกวางเพศผู้ด้วย”
พูดในขณะที่กำลังเขย่งขาเอื้อมยึดผ้าม่านกับคานด้านบนหน้าต่างบานสูงไปด้วย เคลวินจึงเข้าไปช่วยและยิ้มเล็กน้อยกับคำตอบที่ออกจะฟังเป็นการบ่นมากกว่า
“ผมเห็นด้วย” เคลวินเปรยตอบ มองคนส่งของทดสอบม่านให้เขาดูโดยการดึงสายเปิดปิดไปมา..เขาก็คิดว่าเขาเหมือนกำลังเห็นกวางอ่อนเพศผู้อยู่ในตอนนี้
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” เคลวินเปรยอีก
“ครับ” คนส่งของทำท่าจะเก็บสัมภาระของตัวเองแต่นึกบางอย่างได้จึงถามออกมา
“คุณสนใจม่านห้องน้ำลายเรนเดียร์ไหม สินค้าใหม่ ถ้าซื้อตอนนี้เรามีของแถมให้คุ..”
“ไม่ล่ะ ขอบคุณ” เคลวินกรอกตา ม่านห้องน้ำลายเรนเดียร์ยิ่งจะทำให้ห้องนี้กลายเป็นห้องของสาวน้อยลันลาบายไม่แพ้ผ้าม่านวินเทจสีหวานนั่น
“โอเคครับ งั้น ขอบคุณอีกครั้งที่ใช้บริการ”
คนส่งของส่งแผ่นโปรชัวร์สินค้าให้เขาอีก และเดินไปที่ประตู เคลวินมองตาม และจู่ๆอีกคนก็หันกลับมาอีก
“คุณเป็นคนเดียวที่สั่งให้เราส่งของในคืนคริสมาสต์ ขณะที่ข้างนอกกำลังสังสรรค์”
เอ่ยทิ้งท้ายพลางปิดประตูแล้วจากไป เคลวินที่ได้ฟังถึงกับปล่อยหัวเราะออกมาเล็กน้อยพลางส่ายหัว เขานั่งลงพิงกำแพงห้องว่างเปล่าอีกครั้งเสยผมและมองไปยังผ้าม่านผืนใหม่ พลางถอนหายใจและยิ้มขำ
เขาจะถือว่าทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องตลกของคริสมาสต์ปีนี้ก็แล้วกัน..
26 ธันวาคม 2014 10:30 นาฬิกา
เสียงโซโล่กีต้าร์ดังรุนแรงอยู่ภายในสตูดิโอขนาดเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างตึกสูง จากชายหนุ่มร่างใหญ่ที่กำลังไล่บรรเลงเพลงไปตามจังหวะอารมณ์ พลางจดจ่อกับการบันทึกทำนองและจังหวะที่คิดว่าเข้ากันได้กับวงเครื่องสายบนคอมพิวเตอร์จอกว้างที่เครื่องของมันมีสายต่อเข้ากับเครื่องปรับและผสมเสียงหลายเครื่องด้วยกัน และเหมือนเคลวินจะนึกบางอย่างได้ขึ้นมาเขาจึงต่อสายหาเพื่อนสนิท
“เรย์ นายคิดว่าเราจะซื้อสแตนโน๊ตอีกสักสองตัวดีไหม?”
“เข้าท่า ความจริงฉันจะบอกนายอยู่พอดี อาทิตย์หน้าที่เราจะแจมกับสตริงทรีโอ มันน่าจะได้ใช้”
“คิดแบบนั้นแหละ อืม ร้านไหนดี ดูเหมือนเค มิวสิคจะปิดนะช่วงนี้”
“แนะนำYOYO Furniture เพื่อน”
“นั่นมันขายเฟอร์นิเจอร์ไม่ใช่เหรอวะ”
“มันร่วมกับร้านขายอุปกรณ์ดนตรีด้วย สั่งเลย ไม่เกิน20นาทีได้ของ”
“โอเคๆ”
เคลวินจึงเปิดหน้าประวัติการเข้าเว็บไซต์ในสมาร์ทโฟน บริษัทอะไรนี่ขายอุปกรณ์ดนตรีด้วยอย่างว่าจริงๆ เขากรอกยี่ห้อของสแตนโน้ตที่ต้องการและไม่นานก็มีให้เห็นเต็มหน้าเว็บไซต์พร้อมระบุราคาอย่างชัดเจน เขาเลือกยี่ห้อที่ราคาไม่แพงเกินไปแต่เชื่อถือในคุณภาพได้พลางกดปุ่มสั่งซื้อและจ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์ แต่คราวนี้เคลวินสั่งให้สินค้ามาส่งที่สตูดิโอของตัวเอง
จากนั้นก็ใส่หูฟังพร้อมเริ่มจดจ่อกับการทำเพลงอีกครั้ง ผ่านไปไม่นานไฟบนหน้าจอสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ใกล้ๆก็ส่องสว่างพร้อมกับหนึ่งข้อความใหม่
Message (1) : yoyo furniture
‘ สินค้ามาถึงแล้วครับ ช่วยเปิดประตูด้วย ’
เห็นดังนั้นเคลวินจึงผละจากกีต้าร์เพื่อเดินไปเปิดประตูหนาของสตูดิโอ คนส่งของเป็นคนคนเดียวกันกับเมื่อวาน แต่ดีหน่อยที่วันนี้มาในชุดพนักงานปกติไม่ใช่ชุดซานต้าครอสหรือตัวละครอื่นๆอีก เคลวินเดินนำให้คนส่งของร่างเล็กนำกล่องสินค้ามาวางในห้องทำเพลงของเขา และรับใบรับของมาลงชื่ออย่างที่เคยทำ
“คุณอีกแล้ว” เคลวินเอ่ยทัก
“ใช่ ความจริงผมกดกริ่งนานแล้วแต่คุณไม่มาเปิดสักที”
เคลวินได้ยินจึงเลิกคิ้ว แหงสิ เสียงดนตรีต้องดังจนทำให้เขาไม่ได้ยินอะไรอยู่แล้ว
“โทษที”
“ไม่เกินสามนาที ยังโอเค ว่าแต่ แล้วคุณต้องการให้ประกอบของเลยไหม?”
“อืม” ตอบแค่นั้น และเห็นว่าอีกคนหันไปสนใจกับของที่นำมาเขาจึงผละไปนั่งที่เดิม หยิบกีต้าร์ขึ้นมาเล่นต่อโดยที่ปล่อยให้เด็กส่งของทำหน้าที่ไปแบบนั้นโดยไม่ได้สนใจอีก
“ไม่น่าล่ะ คุณถึงพูดเสียงดังกว่าปกติ”
ได้ยินเสียงพูดดังมาจากด้านหลัง เขาจึงหยุดเล่นกีต้าร์และหมุนตัวหันกลับไป ถอดหูฟังคล้องคอพลางถามขึ้น เพราะเมื่อครู่เขาได้อีกคนพูดไม่ชัดเจนนัก “ว่าไรนะ?”
“ผมคิดว่าผมได้คำตอบแล้วว่าทำไมเมื่อวานที่ผมเจอคุณ คุณถึงพูดเสียงดังกว่าปกติ มันคงเป็นเพราะคุณมีงานอดิเรกอะไรแบบนี้”
“อาชีพเลยล่ะ” เคลวินตอบ เขาทำเพลงร็อคนอกกระแสและถึงแม้จะเป็นที่รู้จักดีในกลุ่มผู้ที่ฟังเพลงแบบนี้ แต่ก็ไม่แปลกใจที่คนคนนี้จะไม่รู้จักตนเอง
“มีอะไรที่สังเกตได้จากตัวผมอีกรึเปล่า” ไม่ค่อยมีคนบอกเรื่องอะไรแบบนี้กับเขานักและเคลวินก็เริ่มรู้สึกว่าคนส่งของนี่น่าสนใจดี
คนถูกถามเอียงคอเล็กน้อยเหมือนกำลังคิด “ไม่มีแล้วล่ะ แต่อาจมีก็ได้ถ้าคุณสั่งของของเราอีก”
“หึ ให้ตายสิ นี่คุณจะขายของตลอดเลยเหรอ” เคลวินว่ากลั้วขำ นึกถูกใจไอหนุ่มตรงหน้านี่เข้าจริงๆ
“คุณคิดว่าจะมีอะไรที่ดีไปกว่านี้ล่ะ” ตอบพลางยักไหล่ให้เคลวินตามด้วยการหยิบผ้าเช็ดมือสีชมพูลายคล้ายแมวสีขาวที่เคลวินจำไม่ได้ว่าชื่ออะไรขึ้นมาเช็ดมือ จะคิดว่ามันเข้ากับคนตรงหน้าก็เข้า จะว่าไม่เข้าก็ไม่เข้า..
“อืม ก็อย่างเช่น..” เคลวินว่าจะแซวเรื่องผ้าเช็ดมือสีหวานสักหน่อย แต่โทรศัพท์ของเขาดังแทรกขึ้นพอดี เป็นเรย์ที่โทรมาบอกว่าเขาถูกขอร้องให้ไปเป็นแขกรับเชิญในรายการวิทยุใต้ดินอย่างกะทันหัน และต้องไปภายในสิบห้านาที เขาจึงทำมือบอกคนส่งของและพยักหน้าให้กลับไปได้เลย
“ได้เรย์ ไม่มีปัญหา”
เคลวินเดินไปสูบบุหรี่ที่ระเบียงพลางยังคุยกับเพื่อนสนิทหลังจากที่อีกคนออกไปแล้ว เขาสังเกตเห็นคนส่งของที่อยู่ด้านล่าง ที่กำลังสวมเจ็คเก็ตตามด้วยการถูมือและถูหน้าแดงๆของตนเอง คร่อมจักรยานส่งของพลางหยิบหมวกไหมพรมขึ้นสวมทับเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนยุ่งเล็กน้อย แล้วเคลวินก็ต้องหลุดยิ้มขณะที่พ่นควันบุหรี่ออกมาทั้งๆที่ยังถือสายกับเรย์เพราะเห็นท่าทางของคนบนจักรยานที่รับโทรศัพท์พร้อมทำตาโต อ้าปากหวอเล็กน้อยเหมือนจะอึ้งกับบางอย่างที่ได้ยินทำให้แสดงออกทางท่าทางและใบหน้ามากเกินไป จากนั้นไม่นานก็วางสายและรีบขับจักรยานของตนเองออกไปอย่างรวดเร็ว เคลวินมองจนสุดสายตา..
“…เข้าใจ ตกลงตามนั้น เออ เรย์ ..ฉันคิดว่าฉันอยากได้หมวกกันหนาว”
“งั้นเหรอ ยี่ห้อไหนล่ะ Supreme Homies หรือ Pigalle แบบสตรีตหน่อยๆก็ว่าเท่ห์”
“ไม่สิ แบบที่นุ่มๆฟูๆ ถักด้วยมืออะไรแบบนั้นน่ะ” เคลวินอธิบายพลางยิ้มบางๆเมื่อกำลังนึกถึงท่าทางเมื่อครู่ของคนที่เพิ่งขี่จักรยานออกไป
“ร็อคเกอร์ไม่ใส่หมวกไหมพรมขนปุยกันหรอกนะเพื่อน”
“ฉันรู้ แต่มัน ..น่ารักดี”
27 ธันวาคม 2014 13:00 นาฬิกา
เว็บไซต์ yoyofurniture-store.com
ชื่อลูกค้า: เคลวิน วู รหัส: 7700KH
สินค้า: โต๊ะไม้เอนกประสงค์น้ำหนักเบาแบบต่อและเก็บได้ จำนวน: 1
ราคา: 1xx $
สถานที่จัดส่ง: แม็ค อาพาร์ทเมนต์ ห้อง 410
หมายเหตุ/ คำแนะนำเพิ่มเติม: ขอคนจัดส่งคนเดียวกับที่ส่งของให้ผมในวันคริสมาสต์
อ่อ แต่ไม่ต้องใส่ชุดซานต้านะ..
เคลวินเอนหลังพิงเก้าอี้หลังจากกดสั่งซื้อของในคอมพิวเตอร์จากเว็บไซต์เป็นที่เรียบร้อย นึกขำตัวเล็กน้อยที่จู่ๆความคิดที่แล่นเข้ามาในบ่ายวันว่างวันนี้คือการกดสั่งสินค้าจากเว็บไซต์เดิมทั้งที่ยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อโต๊ะไม้แบบเก็บได้มาทำไม และต้องการคนส่งของคนเดิมที่เขาก็ไม่เข้าใจถึงเหตุผลของตัวเองเช่นกัน อาจเป็นเพราะถูกใจ ถูกชะตา เพราะไอคนส่งเฟอร์นิเจอร์นั่นมันท่าทางจะคุยสนุก หรือเพราะสาเหตุอะไรก็ตามแต่เขาก็ยังไม่เครียดกับการหาคำตอบในตอนนี้นักหรอก เขาแค่ทำสิ่งที่อยากทำก็เท่านั้น
เขาให้คนย้ายเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จากอาพาร์ทเมนต์เดิมมาไว้ที่ห้องใหม่นี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ที่นี่สะดวกกว่าอย่างว่าจริงๆ แล้วเขาก็ชอบที่มันเป็นย่านที่ไม่น่าเบื่อ เคลวินทิ้งหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้ค้างไว้อยู่ที่หน้านั้นและล้มตัวลงนอนบนเตียง ไม่นานอากาศที่ค่อนข้างเย็นสบายในห้องรวมถึงเสียงเซ็กโซโฟนหวานๆจากเพลง Another day ของ Dream Theater ก็ทำให้เขาเผลอหลับไป จนกระทั่งเสียงกริ่งดังขึ้นหลายครั้งแต่เขาก็กลับไม่ได้ยิน และท้ายที่สุดสายเรียกเข้าเพลงร็อคที่แผดเสียงก็ทำให้เขาตกใจตื่นขึ้นมา
“คุณ ของมาส่งแล้ว” ไม่มีหางเสียงอย่างเคย เดาได้เลยว่าปลายสายกำลังไม่ค่อยพอใจนัก เขาสั่งของและลืมไปอีกแล้วว่ามันจะมาส่งเร็วจนเกินไปในทุกๆครั้ง
เคลวินยังงัวเงียเล็กน้อย ผมของเขายุ่งและไม่เข้าทรงแต่ก็ไม่ได้สนใจนัก เขาเดินตบหน้าตัวเองเบาๆหลายๆครั้งและเปิดประตู และทันทีที่เปิดออกก็ต้องรีบถอยให้คนที่อุ้มกล่องสินค้าอยู่นำมันเข้ามาวางในห้องอย่างรวดเร็ว
“คุณแรงเยอะใช่เล่น” เขาเปรย ..เปรยไปอย่างนั้น เขาพยายามเลือกของที่สามารถนำมาส่งได้เพียงคนเดียวได้อยู่แล้ว
อีกคนยักไหล่น้อยๆ ตอบพร้อมปัดมือทั้งสองข้างไปมา “ของน้ำหนักเบาน่ะ”
แล้วจากนั้นก็หันไปง่วนกับการแกะสินค้าโดยคิดว่าคนสั่งต้องบอกให้เข้าประกอบมันให้อยู่แล้ว เคลวินมองการกระทำนั้น แล้วก็เกิดอาการไม่รู้จะทำอย่างไรอีกดีจึงไปหยิบน้ำอัดลมที่ไม่ได้แช่ขึ้นดื่มพลางหันมองคนที่ก้มๆเงยๆด้วยท่าทางคล่องแคล่ว แล้วตอนที่จัดการเสร็จตามด้วยคนตรงหน้าที่ทำท่าจะกลับไป เคลวินก็กลับหาบางประโยคเพื่อพูดออกมา
“สาธิตวิธีการเก็บมันให้ผมหน่อย” เคลวินว่า คนที่ได้ยินจึงหันกลับไปที่โต๊ะที่ถูกกางอยู่อีกครั้งพร้อมอธิบายขึ้นตอนต่างๆให้เขาฟังอย่างละเอียด แต่เคลวินก็ยังทำแค่ยืนดู พยักหน้ารับรู้บ้าง ดื่มน้ำในกระป๋องโดยที่สายตายังอยู่กับคนที่กำลังพูดตรงหน้า และพอการสาธิตจบลงเขาก็ถามบางอย่างออกมาอีก
“วันนี้มีข่าวร้ายอะไรไหม?” เขารู้ว่าคำถามนี้อาจไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไหร่ แต่ก็คิดประโยคอื่นไม่ออกแล้ว
คนถูกถามมองหน้าเคลวิน สงสัยอยู่เหมือนกันว่าลูกค้าตัวสูงนี่ได้ฟังเขาสาธยายเมื่อครู่ไหมถึงจู่ๆก็ถามเรื่องที่ไม่เข้ากับบทสนทนาเมื่อครู่ออกมา แต่ด้วยนิสัยของตนเองที่มักตอบทุกคำถาม และคิดว่าคนๆนี้ก็คือลูกค้า เขาจึงตอบออกไป
“วันนี้ไม่ได้ข่าวอะไร แต่เมื่อวานมีคนโดนข่มขืน ที่เกิดเหตุห่างจากอาพาร์ทเมนต์เพื่อนผมไปแค่บล็อกเดียว”
“เหรอ ใช่ตอนที่คุณรับโทรศัพท์และทำท่าตกใจเมื่อวานหรือเปล่า?” เคลวินถามต่อทันที
“ใช่ แล้วคนนั้นก็โดนฆ่า ผมไปที่เกิดเหตุ มัน…น่ากลัวมากกกก” อ้าปากลากเสียงยาวแสดงออกว่ารู้สึกอย่างว่าจริงๆ แต่ท่าทางที่ได้เห็นกลับทำให้เคลวินลอบยิ้ม ..คนอะไรท่าทางตลกชะมัด แต่เคลวินก็เลี่ยงไม่ได้ว่าเขารู้สึกเพลินที่ได้คุยกับคนส่งของคนนี้
“แล้วเพื่อนคุณทำไง”
“ทำไงล่ะ ก็หอบของมานอนที่ห้องผมชั่วคราวน่ะสิ”
“แล้วข่าวดีล่ะ? มีไหม” เคลวินถามอีก พร้อมเปิดน้ำอีกกระป๋องแล้วยื่นมันให้อีกคนรับไป เขาคิดว่าคำถามนี้มันก็ไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิมแต่ก็เลือกที่จะช่างมัน
“ข่าวดี? ไม่มีข่าวดีเท่าไหร่มั้ง นอกจาก ข่าวระหองระแหงของเอมม่าสโตนกับคนที่เล่นเรื่องสไปเดอร์แมนนั่น” ตอบพลางยกน้ำอัดลมขึ้นดื่ม ใช้หลังมือปาดเช็ดบางส่วนที่เปื้อนบนริมฝีปาก
“คุณเป็นแฟนคลับเธอ?”
“อืม จะว่างั้นก็ได้”
“แล้วข่าวดีของคุณล่ะ?” คนส่งของถามขึ้นบ้าง
“ผมเหรอ ผม..กำลังทำเพลงใหม่”
“อืม ขอโทษนะ มันคือข่าวดียังไง” เอ่ยถามขึ้นอีกพลางหย่อนก้นกึ่งนั่งตรงที่วางแขนโซฟา
“ถ้ามันสำเร็จเมื่อไหร่มันก็จะดีมากสำหรับผมน่ะ”
“โอ คุณตอบได้เป็นศิลปินมาก ผมอยากฟังเพลงคุณนะ..เฮ้ย ผมต้องไปแล้ว!”
บอกพลางยืนขึ้นทันที ลืมไปว่ายังอยู่ในเวลางาน ความจริงไม่เลวเลยสำหรับเขาที่ได้คุยกับลูกค้าบ้างในเรื่องอื่นๆนอกจากส่งของแล้วก็กล่าวขอบคุณลูกค้าหรือพูดเรื่องบริการหลังการขายวันละหลายๆรอบ และก็รู้สึกว่าคนๆนี้คุยสนุกดี
“งั้นเหรอ แต่ถ้าผมอยากให้คุณตรวจดูเก้าอี้คอมพิวเตอร์ของผมให้ก่อนสักครู่ได้ไหม” คราวนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะรั้งโดยเปล่าประโยชน์ แต่เคลวินเพิ่งนึกได้ว่าเก้าอี้คอมพิวเตอร์ของตนมีปัญหา
“ผมอยากช่วยดูนะแต่ต้องรีบไปส่งของที่อื่นอีกผมเลยเวลามากแล้ว อืม ผมจะมีเวลาดูมันให้ก็ตอนที่คุณแจ้งล่วงหน้า หรือตอนที่ผมส่งของให้คุณเป็นคนสุดท้ายเท่านั้นแหละ”
เคลวินคิดตาม
“คุณจะเลิกงานตอนกี่โมง?”
“ปกติแล้วก็ราวๆ หนึ่งทุ่ม”
จากนั้นคนตัวเล็กก็หมุนตัวเดินไปยังประตู
“คุณ” เคลวินก็เรียกเอาไว้ก่อนที่อีกคนจะเดินพ้นประตูห้องไป คนถูกเรียกหันกลับมามองเขาอีกครั้ง
“คุณชื่ออะไร”
“ฮาน”
และหลังจากที่เห็นว่าคนถามทำหน้ารับรู้ประตูก็ปิดลงทันที …ยินดีที่ได้รู้จัก ฮาน
“อ้อ คุณเคลวิน”
ไม่ถึงสามวินาทีเคลวินก็ต้องหันไปที่หน้าประตูอีกตามเสียงเรียกและประตูที่ถูกแง้มเปิดเอง
“คุณรีเควสผม…แล้วคุณก็สังเกตผม”
เคลวินฟังแล้วยังไม่ตอบทันที แต่ประตูก็ถูกปิดลงหลังจากนั้นโดยไม่รอให้เขาพูดอะไร
ใช่ …เขายอมรับ
28 ธันวาคม 2014 18:40 นาฬิกา
เคลวินกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในร้านกาแฟที่ห่างจากอาพาร์ทเมนต์ของเขาไม่ไกลนัก หลังจากใช้เวลาช่วงกลางวันวุ่นอยู่กับการทำเพลงที่สตูดิโอ เขาเลือกมุมเล็กๆสำหรับนั่งคนเดียวพลางจิบช็อคโกแล็ตร้อนไปด้วย ผู้คนในเต็มร้านกาแฟแต่ไม่จอแจนัก ร้านต่างๆที่ทอดยาวตามแนวถนนถูกตกแต่งด้วยรูปแบบที่เข้ากับฤดูหนาว แสงไฟสีสันต่างๆจากป้ายและพวงไฟระย้อยตกแต่งสถานที่ส่องแสงตัดม่านหมอกขาวที่เกิดจากอุณหภูมิที่ลดลงเรื่อยๆทำให้สองข้างทางในนิวยอร์คคล้ายกับฉากในความฝัน
แน่นอนว่าวันนี้เคลวินกดสั่งสินค้าจากเว็บไซต์เดิมอีกครั้ง คราวนี้เป็นที่นอนสปริงกันไรฝุ่นขนาดคิงไซต์พร้อมระบุชื่อคนส่ง เวลา และจ่ายทิปออนไลน์เสร็จสรรพ เขารู้ตัวว่าอยากเจอคนส่งของที่ชื่อฮานอีก และระหว่างการนั่งรอเวลาที่ของจะมาส่ง..เคลวินก็เลือกฆ่าเวลาด้วยการกรอกชื่อฮานลงไปในเว็บค้นหา
Message (1) : Lay
‘ ฉันเจอเอน่าที่คลับแถวถนน63 ว่าไงเพื่อน? ’
ข้อความแทรกขึ้นตอนที่เว็บค้นหาในอินเตอร์เน็ตกำลังโหลด เอน่าที่เรย์ว่าคือแฟนเก่าของเขาที่เพิ่งเลิกรากันไปไม่ถึงสองเดือน เขาแต่งเพลงรักเพราะเธอหลายเพลง และเพลงเศร้าที่กำลังแต่งอยู่ในเวลานี้ก็เป็นเรื่องของระหว่างเขาและเธอ เคลวินใช้เวลาคิดไม่นานและพิมพ์ตอบกลับไป
‘ ฉันไม่ว่าง ’
ชั่งใจกับประโยคของตนสักพักก่อนหันไปสนใจหน้าอินเตอร์เน็ตต่อ เว็บไซต์ค้นหาปรากฏข้อมูลของฮานในเว็บไซต์เฟอร์นิเจอร์ ในเว็บเฟอร์นิเจอร์มีข้อมูลของวันเกิด อายุ การศึกษา และตำแหน่งงาน เขาอ่านมันอยู่ไม่นานจึงเปลี่ยนไปค้นหาในเว็บของมหาวิทยาลัยในรัฐโอไฮโอที่ฮานจบมา ข้อมูลเบื้องต้นที่เข้าได้รับนั้นเหมือนกันกับในเว็บที่ทำงาน นอกจากคติประจำใจของเจ้าตัวที่ถูกระบุไว้
“ทำทุกวันให้ไม่เสียเปล่า” เคลวินอ่านออกเสียง
และในหน้าของทำเนียบนักศึกษามีข้อมูลเพิ่มเติมที่ใครสักคนคงบันทึกเอาไว้ มันปรากฏข้อความที่คล้ายต้องการอธิบายลักษณะนิสัยของคนๆนั้นว่า
‘Han, cute and honest boy.’
(น้องฮานหน้ามนต์คนซื่อ.)..แปลภาษาโดย Bing ..
เคลวินยิ้มกับประโยคนั้น แต่ก็ต้องหมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำแปลอัตโนมัติที่เขาไม่เข้าใจแต่ก็ไม่สนใจมันนัก เขายัดสมาร์ทโฟนเก็บเข้าในกระเป๋าเจ็ตเก็ตหนังเพราะชาเขียวร้อนอีกแก้วที่สั่งไว้ถูกเรียกให้ไปรับที่หน้าเคาเตอร์ ข้อความจากหมายเลขเดิมแจ้งว่าสินค้ามาถึงอาพาร์ทเมนต์เตือนขึ้นพอดีกับตอนที่เขากำลังออกจากร้าน เขายิ้มบางๆพลางเดินฝ่าหมอกหนาและแสงไฟตามแนวถนนอย่างไม่รีบร้อนเพื่อกลับไปยังห้องพัก
เคลวินเปิดประตูให้คนส่งของที่ในจำนวนนั้นมีฮานและพวกอีกสองคนช่วยกันแบกและนำที่นอนไปวางบนเตียงว่างๆของเขา พวกเขาทำงานกันอย่างรวดเร็ว เอ่ยขอบคุณเคลวินและบอกลากันและกันเพราะเวลานี้เป็นเวลาเลิกงานแล้ว
เคลวินยื่นแก้วชาเขียวร้อนให้หลังจากที่ฮานออกมาจากห้องน้ำ ฮานเช็ดมือกับกางเกงของตนลวกๆแล้วรับมันไป
“ขอบใจ อ้อ ของคุณล่ะ” ฮานว่า เขาจะดื่มมันแล้วแต่คิดขึ้นมาได้
“ผมดื่มมาแล้วน่ะ” ฮานพยักหน้าพลางจิบชาเขียวด้วยสองมือที่ถือแก้วสีขาวเอาไว้
“อืม ว่าแต่ คุณจะสั่งทีละชิ้นทำไม ความจริงเราก็มีรถส่งของคันใหญ่ ส่งให้คุณทีเดียวได้หลายชิ้น”
“ผมเป็นคนซื้อ” เคลวินตอบพลางยักไหล่
ฮานมองท่าทางกวนๆนั้น มองตอบคนที่มองเขาอยู่ แต่ก็เป็นเขาเองที่เริ่มทำตัวไม่ถูกจึงยกแก้วชาเขียวขึ้นจิบ
“อื้มคุณ เรามีเครื่องทำกาแฟเอนกประสงค์นะ” ฮานว่า เคลวินจึงเลิกคิ้ว นึกขำที่เขากำลังโดนขายของอีกครั้งทั้งๆที่คนส่งของนี่เลิกงานแล้วแท้ๆ
“มีโปรโมชั่นสำหรับเครื่องทำกาแฟหรือเปล่า?” เคลวินแกล้งถามออกไป
“ไม่มีนะ แต่ถ้าคุณซื้อ ผม..ทำอาหารมาให้ก็ได้”
“ทำอาหาร?”
“ผมกำลังหัดทำซุปลิ้นวัวอยู่พอดีน่ะ ให้คุณลองชิมดูก็ไม่เลว”
“ให้ผมเป็นท้องทดลองงั้นเหรอ มีอะไรรับประกันว่าผมจะไม่ท้องเสีย?” เคลวินว่าขำๆ
“นี่ ไม่หรอกหน่า ผมว่าผมทำอร่อยนะ” ฮานยังว่าอีก เผลอตีแขนเคลวินเบาๆ เคลวินหัวเราะน้อยๆพลางเดินไปเปิดทีวี
“โอเคๆ อืม คืนนี้คุณว่างใช่ไหม? เล่นเกมกันหน่อยเป็นไง” เคลวินโชว์แผ่นเกมขึ้นมาให้ฮานดู มันเป็นประเภทเกมต่อสู้ผ่านด่านที่ฮานไม่เคยเล่น ความจริงเขาก็ไม่ใช่คนที่เล่นเกม แล้วถ้าได้เล่นทีไรเขาก็ไม่เคยชนะ
“ดูบอลดีกว่าไหม คู่เด็ดคืนนี้ ใกล้เวลาแล้วด้วย” ฮานชวน เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ จะกลับไปที่ห้องตอนนี้ก็คิดว่าต้องไปสู้รบกับไอเพื่อนยากที่มาขอพักที่ห้องอีกรอบ รายนั้นน่ะติดซีรี่ย์สืบสวนยิ่งกว่าอะไร แล้วเคลวินนี่ก็น่าจะพูดง่าย..มั้ง
“เล่นเกมกับผมก่อน ถ้าคุณชนะ เราจะเปลี่ยนไปดูฟุตบอล” เคลวินเอ่ย ฮานได้ฟังถึงกับเงยหน้าขึ้นบนเพดานแล้วถอนหายใจ
“จะสารภาพเลยนะ ผม แพ้ อยู่ แล้ว..” ฮานเอ่ยเสียงอ่อยแต่เน้น และมันยิ่งทำให้คนที่ได้เห็นขำมากไปอีก
“หน่าเคลวิน บอลก็สนุกเหมือนกัน”
“คุณมีการขอร้องอะไรที่ดีกว่านี้ไหม?” เขาว่าพร้อมสองมือที่แบออก เขาหมายถึงลองทำอะไรหรือพูดอะไรก็ได้ที่มากกว่าเอ่ยชวนเฉยๆแบบนั้น…เคลวินกำลังสนุกในการคิดว่าฮานคนนี้จะทำยังไง
แต่แล้วก็ต้องอึ้งเล็กน้อยกับข้อต่อรองที่บอกไปเองเมื่อครู่ เมื่อจู่ๆฮานก็วางแก้วกาแฟลงแล้วตรงเข้ามากอดเอวเขาไว้หลวมๆ สัมผัสระหว่างผิวเนื้อของแขนเล็กกับเอวของเขาเฉียดกันเบาบาง แต่คนตรงหน้าในตอนนี้ก็เรียกได้ว่าใกล้กันจนเกินไป เสียงของคนตัวเล็กดังอยู่ในระดับไหล่ของเขา
“เคลวิน ผมก็แค่อยากให้เราดูบอลด้วยกัน ..”
เคลวินไปซื้อเบอร์เกอร์และเครื่องดื่มขึ้นมาเป็นเสบียงสำหรับการดูบอลโดยมีฮานที่นั่งอยู่บนพื้น พิงโซฟาโดยที่สายตาไม่ยอมละไปจากจอทีวีที่การแข่งขันฟุตบอลใกล้จะเริ่มขึ้น
เคลวินหยิบ Fender ไฟฟ้าสีขาวตัวโปรดพร้อมเสบียงและนั่งลงข้างฮาน เกากีต้าร์ที่ไม่ได้เสียบตู้แอมป์เล่นๆพลางมองคนข้างๆไปด้วยในบางคราว
“ทำไมคุณไม่นั่งบนโซฟา”
“ผมชอบเหยียดขาน่ะ” อีกคนตอบแต่ยังไม่ได้หันมอง เขาจึงคิดจะไม่ถามอะไรอีกและหันไปเกากีต้าร์ต่อ
“คุณเล่นกีต้าร์มานานแล้วเหรอ คุณเป็นนักดนตรีที่ทำเพลงเองอย่างนั้นใช่มั้ย?”
แต่กลายเป็นฮานเองที่หันมาต่อบทสนทนา เคลวินจึงเล่าให้ฟังว่าเขาเริ่มย้ายมาอยู่นิวยอร์คกับคุณตาตั้งแต่ยังเด็ก คุณตาของเขาเป็นครูสอนวิชาดนตรีเคลวินจึงซึมซับมันมาตั้งแต่ยังเด็ก แล้วเขาก็ไม่ชอบเรียนเท่าไหร่ คิดเอาเองตามแบบเด็กๆว่าถ้าอ่านหนังสือเล่มหนาพวกนั้นมากๆแล้วสายตาจะเสีย เขาเริ่มแต่งเพลงตั้งแต่อายุ15 แต่คุณตาก็อยากให้เขาจบมหาวิทยาลัย เคลวินจึงเลือกเรียนที่ Berklee College of Music ซึ่งก็เป็นมหาวิทยาลัยด้านดนตรีในบอสตัน แล้วหลังจากเรียนจบเขาก็เริ่มเส้นทางสายดนตรีต่อมาอีกเรื่อยๆ
“ผมว่าผมวาดตัวโน๊ตสวยกว่าเขียนหนังสือซะอีก แล้วผมก็ชอบหูฟังมากกว่าหนังสือ”
“แต่หูฟังมันก็ทำให้คุณพูดเสียงดัง” ฮานว่า
“ใช่”
แล้วเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
“ได้อย่างเสียอย่างล่ะนะ” เคลวินเปรย
ฮานจึงเล่าเรื่องของเขาออกมาบ้าง ฮานจบบริหารธุรกิจแต่เขาชอบทำอาหารมากกว่า พลางบอกเคลวินว่า ’ขอโทษทีนะที่ผมบอกว่าอยากฟังเพลงคุณแต่ที่จริงแล้วผมไม่ชอบเพลงร็อคเอาเสียเลย’ แล้วก็ยังเล่าอีกว่า ‘แล้วกีต้าร์น่ะ ผมเคยจับแต่กีต้าร์ของเล่นขึ้นบนเวทีกับเพื่อนเท่านั้นแหละ..’ ซึ่งทำให้เคลวินอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างมากไม่ได้กับท่าทางและประโยคซื่อๆนั้น เคลวินตอบออกไปว่าเขาไม่ได้แต่งเพลงร็อคอย่างเดียวและแล้วเขาคิดว่าเล่นกีต้าร์ของเล่นบนเวทีเป็นอะไรที่น่าลองดูสักครั้งในชีวิต เคลวินเพิ่งรู้ว่าจริงๆแล้วฮานมีเชื้อจีน ฮานเกิดที่เมืองปักกิ่งแต่มาโตและอยู่กับคุณป้าของเขาที่อเมริกา แต่ป้าของฮานเสียตอนที่ฮานอายุ17 และเขาต้องใช้ชีวิตด้วยตนเองต่อจากนั้น
“มีชื่อจีนไหม”
“มีสิ ชื่อลู่หาน”
“ลู่หาลล์”
“ผิด!”
“Ouch!”
ไม่ว่าเปล่า ฮานดันเผลอดีดหน้าผากเคลวินอย่างแรงเพราะชินกับการเล่นกับเพื่อนแบบนั้น เคลวินจึงพยายามเอาคืนด้วยการต่อยฮานกลับบ้าง ฮานป้องกันตัวและหลังจากนั้นก็กลายเป็นตะลุมบอนเพราะต่างคนต่างไม่ยอม ถึงตอนที่เคลวินจับคู่ต่อสู้ทุ่มลงโซฟาเท่านั้นล่ะถึงจะรู้ว่าใครแพ้ใครชนะ
แต่ไม่นานบทสนทนาก็เริ่มขึ้นอีก และดูเหมือนว่ามันจะไหลเวียนออกมาโดยอัตโนมัติจากทั้งสองคน จากฮานเป็นฝ่ายถามและเคลวินที่เป็นคนตอบ หรือคำถามที่ออกจากปากเคลวินบ้าง เสียงรายการฟุตบอลเบาลงเรื่อยๆและถูกแทนที่ด้วยเสียงของคนตรงหน้าแทน
ท่ามกลางอุณหภูมิต่ำที่ทำให้ผู้คนต้องเข้าใกล้กันเพื่อความอบอุ่น จากบทสนทนาเรื่องทั่วไปของวันก่อนที่ได้ขยายลึกลงถึงระดับความชอบและชีวิตของคนตรงหน้าก็กำลังย่นระยะความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิด โดยทั้งคู่อาจรู้ตัวแต่ก็ไม่มีใครที่พูดถึงมันออกมา
จากคนที่ไม่รู้พิกัดของกันและกันบนโลกนี้กลายเป็นตารางนิ้วเล็กๆบนห้องขนาดไม่ใหญ่นัก จากคนแปลกหน้ากลายเป็นคนคุ้นตาหรือจะเป็นอะไรก็ตามที่ต่างคนจะแปลความหมาย ให้ค่า หรือเลือกวางมันไว้ที่ตำแหน่งใด ..หรือสถานะต่างๆเหล่านั้นอาจไม่จำเป็นนัก
.
.
.
“ดูเหมือนคุณจะอยู่ได้นาน”
“จะให้ผมกลับแล้วเหรอ”
“แค่บอกน่ะ”
ฮานพยักหน้าน้อยอย่างรับรู้ หันมองเขาแล้วกลับไปมองจอทีวีเช่นเดิม
“ผมไม่รีบกลับหรอก..”
29 ธันวาคม 2014 ราวๆ 19:00 นาฬิกา
หมอนอิงจำนวนสองใบรวมถึงหมอนข้างถูกนำมาส่งโดยคนส่งของคนเดิม ถึงแม้อาพาร์ทเมนต์นี้ก็อยู่ในเขตรับผิดชอบของฮานอยู่แล้ว แต่เขาก็กำลังหาเหตุผลว่าทำไมเคลวินต้องระบุให้เป็นเขาที่มาส่งทุกครั้ง ฮานไม่ได้คิดว่าตนจะถามออกไปเพราะเขาชอบที่จะสังเกตมากกว่า แล้วการทำความรู้จักกับคนๆนี้ก็…ไม่ได้สูญเปล่า และก็ยอมรับว่าอีกฝ่ายทำให้เขาสนใจไม่น้อย การเจอกับเคลวินทุกวันตอนหัวค่ำในไม่กี่วันที่ผ่านมาทำให้เขาเริ่มชินเสียแล้วด้วยซ้ำ
“แล้วไหนบริการเสริมของคุณล่ะ” เคลวินว่า ทดสอบหมอนอิงโดยการเอนนอนทับมันบนโซฟา พลางมองคนที่ยืนอยู่
“คุณหมายถึง ซุป?” เคลวินเท้าศีรษะขึ้นแล้วพยักหน้า
“ก็คุณไม่ได้สั่งเครื่องทำกาแฟนี่”
“แต่ผมอยากชิมนะ”
“แต่ผมไม่ได้ทำมา”
“งั้นผมออกเงิน คุณทำ ตกลงไหม” เคลวินลุกขึ้นพร้อมเอ่ยอย่างนั้น หลังเออออเองเสร็จสรรพก็พาคนที่กำลังงงเล็กน้อยกับอาการปุบปับนั้นเดินออกจากหน้าประตูเสียแล้ว
แสงไฟจากป้ายโฆษณารวมถึงป้ายชื่อสถานที่ต่างๆอย่างไนต์คลับ คาเฟ่ ร้านขายของแบรนด์เนม เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้นิวยอร์คไม่เคยมืดหม่น ผู้คนมากมายยังคงเดินช้อปปิ้งและทำกิจกรรมต่างร่วมกันท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น และหิมะที่เริ่มโปรยปรายลงมาไม่มากนัก ฮานและเคลวินเดินผ่านคนพลุกพล่านอย่างไม่รีบร้อน สวนทางกับผู้คนและแท็กซี่สีเหลืองที่เห็นอยู่เป็นประจำบนถนน เล่นเอามือไปซุกกระเป๋าเสื้ออีกคนบ้างเล่นหัววิ่งไล่กันบ้างตามประสาคนชอบหยอกกันทั้งคู่ระหว่างทางไปซื้อของสำหรับทำซุปอย่างที่เคลวินบอกว่าอยากจะลองชิม
การซื้อของสดในซุปเปอร์มาเก็ตเป็นไปอย่างราบรื่นกว่าที่ฮานคิด เพราะพ่อร็อคเกอร์นี่มีสกิลการเลือกของอยู่ในระดับดีเยี่ยมเลยทีเดียว อาจเป็นเพราะทั้งคู่ต้องใช้ชีวิตด้วยตนเองมาหลายปีจึงทำให้ต้องมีความรู้เรื่องนี้เช่นกัน และฮานก็พบว่าเคลวินไม่ได้ซื้อทุกอย่างแหลกลานอย่างที่เขาคิด เขาค่อนข้างจะพิจารณาและเลือกสิ่งที่เขาถูกใจจริงๆ
“จะบอกว่าผมเพิ่งจะกินซุปลิ้นวัวครั้งแรก” เคลวินบอกเมื่อซุปร้อนๆที่เข้ากับอากาศเย็นได้ดีถูกนำมาวางตรงหน้า ฮานพยักหน้ารับและนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวตรงข้าม เท้าคางรอคอยคำตัดสินของคนที่กำลังเป่าซุปและส่งคำแรกเข้าปาก
“เลยไม่รู้ว่ามันอร่อยหรือเปล่า”
“นี่คือคำตอบ?”
เคลวินพยักหน้า ทำหน้าซื่อๆตอบแบบที่คนเห็นก็รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ ฮานจึงไม่พูดอีกและเลือกกลับหันไปสนใจแต่ซุปของตนเอง ส่งมันเข้าปากอย่างรวดเร็ว หมั่นไส้ไอคนตรงข้ามที่รบเร้าพาเขาไปซื้อของมาทำให้ชิมแล้วดันแกล้งทำหน้าซื่อใส่ รู้อยู่หรอกว่าถูกเขาแกล้งแต่ก็คิดไม่ออกว่าจะแก้เผ็ดอย่างไร เคลวินขำออกมาเมื่อเห็นอาการแบบนั้นของฮาน ความจริงรสชาติของซุปนี่ไม่เลวเลยแต่เขาอยากจะแกล้งให้อีกคนไม่สบอารมณ์เล่นมากกว่า เขามองคนที่นั่งตรงข้ามกัน หน้าเนียนใสกับจมูกที่แดงน้อยๆเพราะอากาศดึงดูดเขาตั้งแต่วันแรกที่พบกัน เขาเคยเห็นผู้ชายที่หน้าหวานและรูปร่างอย่างกับทอมบอยอย่างนี้บ้าง แต่ทุกอย่างที่รวมเข้าเป็นคนตรงหน้ากลับน่าสนใจเป็นพิเศษสำหรับเขา ทุกอิริยาบถอยู่ในสายของเขาแม้กระทั่งนิ้วมือสวยที่กำลังจับช้อนเซรามิค รวมถึงปากเล็กๆที่กำลังขยับเขยื้อนไปมาและวาวฉ่ำจากน้ำซุปที่กินเข้าไป
“ฮาน คุณนอนดิ้นหรือเปล่า”
“เปล่า”
“งั้นเหรอ”
“…”
“…”
"ทำไมเหรอ”
“ผมอยากให้คุณ..ช่วยลองที่นอน” ..นอนกับผม
ฮานหยุดกินแล้วเงยมองเคลวิน
“มันเพิ่งซื้อมาใหม่ไม่ใช่เหรอ”
“ก็ ผมนอนคนเดียว”
“…”
“…”
“แล้ว?”
“ก็ลองนอนสองคนดู เผื่อมันอาจจะรับน้ำหนักได้ไม่ดีอย่างนี้ ผมจะได้ ให้คุณเปลี่ยนให้ทันกำหนดการรับประกัน”
ฮานมองคนที่อธิบายเหตุผลยืดยาวที่ดูจะแปร่งๆออกมา ฮานยังไม่ตอบแต่มองอีกคนอยู่อย่างนั้น เคลวินที่ถูกจ้องก็จ้องตอบโดยที่ไม่ได้หลบสายตาไปไหน
“ตกลง”
เคลวินยังไม่หลับและเขาคิดว่าคนที่ข้างกันคงหลับไปแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขายังได้นอนคุยกันอยู่นานและถึงแม้เขาจะตอบทุกคำสนทนาแต่ก็ว้าวุ่นอยู่ตลอดที่มีอีกคนเคลื่อนไหวร่างกายอยู่ข้างๆ เขาตะแคงหาคนที่กำลังหลับตาหันมาทางเขาเช่นกัน ห้องเงียบสนิทจนเขาได้ยินเสียงฮีทเตอร์ ..และเสียงความต้องการของตนเองชัดเจน ความต้องการทำให้กลิ่นกายของฮานกลายเป็นกลิ่นหอมที่เย้ายวน และมันดึงดูดให้อยากเข้าใกล้ และอยากทำมากกว่าเข้าใกล้..
ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ทำทั้งหมดเพื่อหวังสิ่งนี้ และแม้ความสัมพันธ์มันยังไม่ชัดเจนแต่ความต้องการแบบนี้มันก็เกิดขึ้นได้ และคำตอบตกลงนั่นก็คล้ายกับว่าเป็นการตอบรับ ถึงแม้ฮานอาจจะไม่ได้นึกว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ในประโยคขอทดสอบที่นอนของเขาหรืออีกคนรู้แต่ทำเป็นไม่รู้ก็เถอะ แต่ความจริงมันไม่ควรมาจบที่คนตรงหน้าได้นอนหลับสบายอย่างนี้หรอก กับคนก่อนๆของเขามันไม่เคยเป็นแบบนี้เลย เหยื่อจะไม่เคยรอดหรือเขาก็จะไม่เคยปล่อยไว้
“ไง ตกลงที่นอนหรือคนส่งของที่น่าซื้อกว่ากันวะเพื่อน?” ปลายสายพูดกระเซ้าเย้าแหย่ โทรศัพท์จากเรย์แทรกขึ้นระหว่างความคิดสับสนวุ่นวายของเขา เคลวินลุกจากเตียง เดินห่างออกไปเพื่อเค้นเสียงเบาตอบกลับ
“ไม่ได้ซื้อทั้งนั้นแหละว่ะ”
“อะไรนะ นี่ฉันคือว่านายเสร็จจนหายเหนื่อยแล้วนะเว้ยถึงโทรมาเนี่ย”
“ฉันกำลังคิดว่า เขาเป็นผู้ชาย แบบว่า มันดูเหมือนการเหยียดเพศอย่างที่เรามักจะแต่งเพลงด่าคนพวกนั้น..”
“เคฟ..ตอนนี้นายไม่ได้กำลังแต่งเพลงนะ นายกำลังจะเอาเพื่อน นี่แกคิดมากกับเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“ไอ้เรย์..”
“หรือคอนด้อมหมดวะ แต่นายก็ไม่ค่อยคิดมากเรื่องนี้ไม่ใช่หรอ หรือยังไงวะ อ่ะ ฉันมี ใช้ก่อนจ่ายทีหลัง ส่งตรงถึงหน้าห้องได้ตอนนี้เลย”
“ถ้าเขาไม่ใช่เกย์อย่างที่ฉันคิด ถ้าโวยวายขึ้นมา เรากำลังจะโปรโมทถ้าเกิดผิดพลาดอะไรมันจะเสียหาย แล้วอีกอย่าง ปล้ำคนแม่งก็ไม่ได้สนุก”
“โหหห เชื่อเลย จะขึ้นปีใหม่แล้วคุณเคลวินเปลี่ยนตัวเองหรือครับ”
เคลวินกรอกตาแล้วถอนหายใจแรง
“เคฟ วันนี้นายไม่น่าซื้อเลยว่ะ”
“เออ!”
ตอบแค่นั้นพร้อมวางสาย เขาเดินไปนอนลงที่โซฟา หันมองคนบนเตียงที่ยังคงนอนอย่างสบายอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกนึกคิดต่างๆกำลังตีกันวุ่นวายกับใจที่มันกำลังเต้นแรง หลังจากมองอยู่ไม่นานเคลวินก็ลุกเดินเข้าห้องน้ำไปและออกมาในอาการเหนื่อยเล็กน้อย ข่มใจนอนลงหันหน้าเข้ากับพนักพิงโซฟา
ผ่านไปไม่นานนักที่ในห้องมืดเงียบลง ร่างบนเตียงที่คล้ายหลับใหลก็ลืมตาขึ้นมา ..เคลวินไม่ได้ถามนี่ว่าเขาหลับยากหรือเปล่า ฮานนึกถึงบทสนทนาที่ตนเองได้ยินทุกคำพลางยิ้มออกมาบางๆ เขาทวนประโยคสุดท้ายของเรย์ที่ได้ยินผ่านโทรศัพท์
‘...เคฟ วันนี้นายไม่น่าซื้อเลยว่ะ’
ฮานคิดว่า เขาคิดต่างกันกับเรย์..
30 ธันวาคม 2014 19:50 นาฬิกา
เสียงดนตรีและกีต้าร์ไฟฟ้าดังลอดออกมาจากภายในห้องขณะที่ฮานกำลังถือล่องบรรจุโคมไฟมาเพื่อส่งให้ลูกค้าคนเดิม เสียงเงียบลงในตอนเขากดกริ่งแล้วก็เป็นหน้าทะเล้นของคนที่ประตูตอนรับ
“ผมไม่ได้รีเควสคุณนี่?” เคลวินแกล้งเอ่ย และหันไปสนใจกับกีต้าร์ต่อโดยพยักเพยิดให้ฮานนำโคมไฟไปวางตรงที่ที่ตนต้องการ
“แต่ผมก็ต้องมาอยู่ดี” เดี๋ยวนี้บริษัทไหนๆก็พากันเอาใจลูกค้าประจำทั้งนั้น เป็นอันว่ารู้กันเป็นปริยาย ว่าถ้าคนสั่งของชื่อคุณเคลวิน คนส่งของชื่อฮานก็ต้องทำหน้าที่
“ดูเหมือนคุณจะช้ากว่าทุกวัน”
“ก่อนนี้ผมต้องไปช่วยส่งแถวควีนด้วยน่ะ”
“งั้นเหรอ หืม เดี๋ยวนี้เขาแถมลิปกับเฟอร์นิเจอร์กันด้วยเหรอ?” เคลวินถาม เมื่อเห็นใบปลิวที่ระบุโปรโมชั่นซื้อเฟอร์นิเจอร์แถมลิปบำรุงริมฝีปากที่ซ้อนอยู่ด้านล่างใบลงชื่อรับสินค้า
“ใช่ คงประมาณว่า ให้บำรุงริมฝีปากตอนหน้าหนาวอะไรแบบนี้ล่ะมั้ง” ฮานว่า แต่เคลวินก็ไม่ค่อยสนใจลิปนี่เท่าไหร่เขาวางใบปลิวลงบนตู้แอมป์ไฟฟ้า
“ผมใช้อยู่นะ มันก็ดี มัน ดีนะคุณ”
“ผมจะรู้ได้ไงว่ามันใช้ดีจริงๆ?”
“ผมมีติดตัวมาอยู่” ฮานคลำหาในกระเป๋าเสื้อเจ็คเก็ตของตัวเองรวมถึงกระเป๋ากางเกงแต่กลายเป็นว่าหามันไม่เจอ เขาเงยหน้ามองเคลวิน
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ซื้อ” เคลวินตอบ
ฮานพยักหน้าตอบรับอย่างไม่เสียดายอะไรนัก ยืนมองคนที่กำลังหันไปวุ่นกับกีต้าร์ไฟฟ้า ท่วงทำนองที่ถูกบรรเลงออกมา กับท่าทางนิ่งๆที่แสดงอารมณ์ออกมาเล็กน้อยเวลาเล่นอย่างนั้นมันเสน่ห์ไม่ยอกในสายตาคนที่ยืนมอง
และบางอย่างก็แทรกขึ้นมาในตอนที่กำลังมองคนตรงหน้าอยู่ ..เรื่องเมื่อคืนที่เขาได้ยิน
“มันคงตกหาย แต่พอดี..ผมก็เพิ่งทามา มัน คงยังไม่จาง” เสียงกีต้าร์หยุดลงเมื่อมีเสียงอีกคนพูดขึ้น
“คุณยังลองเทสดูได้..”
เคลวินมองคนพูดพร้อมเลิกคิ้ว เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยขณะหันไปวางกีต้าร์ลงแล้วค่อยๆเดินไปหาคนที่ยืนนิ่งอยู่ เข้าไปใกล้จนทำให้ฮานต้องเงยหน้าเพื่อมองเขา
“คุณจะทำยังไง ถ้าผมเทสแล้ว..ผมไม่ซื้ออยู่ดี” ส่งสายตาแพรวพราวให้คนสูงน้อยกว่าพลางใช้นิ้วหัวแม่มือสัมผัสไล้ปากเล็กที่เคลือบลิปไร้สี
“ไม่..”
‘ไม่มีทางที่คุณจะไม่ซื้อ’ ฮานกำลังจะเอ่ยอย่างนั้น แต่ประโยคที่เหลือกลับโดนซื้อไปแล้วทั้งหมดโดยริมฝีปากร้อนของคนตรงหน้า เนื้อลิปที่เคลือบบนริมฝีปากหยุ่นเล็กถูกลิ้นร้อนละลายด้วยความปรารถนาเนื้อปากนุ่มที่แท้จริง เคลวินประคองคนตัวเล็กกว่าเอาไว้และดูเหมือนว่าคนถูกกอดจะเพลิดเพลินกับการเกี่ยวแข้งขากับตัวของเขา เคลวินนอุ้มประคองร่างขาวของฮานขึ้นทั้งที่ยังละเลงจูบนั้นอยู่ นิ้วมือใหญ่สอดดผ่านเนื้อผ้าปลดเปลื้องร่างกายให้โดยมีคนส่งของในอ้อมกอดที่พร้อมใจให้เขาได้ 'เทส'
อุ้มพาไปยังส่วนต่างๆทั่วห้อง ทำอย่างกับว่าจะทดสอบคุณภาพของเครื่องเรือนที่ซื้อมาว่าแข็งแรงแค่ไหน แล้วเหมือนว่าจะไม่ผิดหวัง ผืนผ้าม่านที่โดนขยำจนยับย่นจากฮานตอนที่โดนเขาอุ้มขึ้นนั้นยังทนทาน เกลียววงกลมเกี่ยวคานด้านบนยังสามารถทนทานการดึงรั้งด้วยมือของคนที่ถูกปลุกเร้าได้ โต๊ะเอนกประสงค์รับแรงของคนตัวเล็กได้ดีตอนที่ยืนพิงให้เขาไล่เลียซอกขาขาว และรับน้ำหนักจากแรงกระทบกระทั่งที่เกิดขึ้นได้ดีเกินคาด..
ถ้าจะว่าถึงของที่เสียหายมีก็แต่แจกันพลาสติกที่หล่นเสียหายตอนโต๊ะเคลื่อน แผ่นโปสเตอร์บางชิ้นที่หลุดร่วงลงและบางแผ่นที่ขาดวิ่น แล้วก็เสียงร้องของคนส่งของที่กำแพงอาจไม่สามารถเก็บเอาไว้ได้..
และดูเหมือนพนักงานส่งของจะทำหน้าที่รับส่งในเวลาแบบนี้ได้ดีไม่แพ้กัน…ฮานขยับร่างกายขึ้นลงพร้อมการสนับสนุนจากสปริงของที่นอนคิงไซส์ โดยที่มีคนตัวใหญ่ที่คอยคลอเคลีย ใช้นิ้วสากจากการถูสายเครื่องดนตรีลูบไล้อยู่ไม่ห่างไปจากหน้าอกที่มีกล้ามเนื้อนูนน้อยๆเนียนที่ได้รูปที่คอยขึ้นสีจัดตามแรงบีบเน้น จูบแล้วจูบอีกที่สันคางสวยรวมถึงซอกคอขาวกรุ่นกลิ่นกาย
“เคฟ ตกลงคุณจะซื้อไหม” เอ่ยถามทีเล่นทีจริงข้างหูทั้งที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ ส่งสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ให้คนตัวใหญ่ที่ตอนนี้ใบหน้าแนบชิด
เคลวินทำแค่ยิ้มหวานรับ ท่าทางแบบนั้นทำให้เขาส่งแรงมากขึ้นจนฮานต้องผวากอดร่างแกร่งที่ตอนนี้ซึมเหงื่อ กอดเขาไว้แน่นเพื่อกันร่างของตนเองที่มันโคลงเคลงไปมาจากการกระแทกกระทั้นด้านล่างไม่ให้จังหวะสะดุด ฮานจูบและกัดไหล่เขาบ้าง บีบมือกับแผ่นหลังกว้างอย่างแรงเมื่อเกิดอาการเสียวกระสันไปทั่วร่างกายตอนเขาเร่งขึ้นและเน้นหนัก หวีดเสียงร้องอย่างลืมตัวตามด้วยความอุ่นร้อนในช่องทางคับแคบและหัวใจที่เต้นรัวแรงเคล้าเสียงหอบโยนของกันและกัน
เคลวินซุกไซร้ชิดร่างที่กำลังอ่อนปวกเปียกจากกิจกรรมที่ยาวนานสูบกำลัง และพูดใกล้หูคนในอ้อมกอดที่ยังอ่อนแรงเมื่อตนเองหายใจได้เป็นปกติ
“ผมซื้อ”
.
.
.
เป็นเวลากลางดึกที่ฮานรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะกระหายน้ำ เขาหันไปมองคนที่นอนหลับข้างๆพลางยกแขนที่พาดตัวเขาอยู่ออกเพื่อลุกขึ้นโดยที่ท่อนล่างยังเปลือยอยู่ ฮานรินน้ำเปล่าใส่แก้วที่หน้าเคาเตอร์พลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปและอมยิ้มบางๆออกมา
เขารู้ว่าตนเองที่เป็นฝ่ายเชิญชวน แต่ก็เป็นเพราะเมื่อคืนก่อนนี้เขาได้รับรู้ว่าคนตัวใหญ่นี่คิดอะไรกับตัวเองและเขาก็นึกสนใจอีกฝ่ายเช่นกัน ความสัมพันธ์ทางกายอาจพาให้ความสัมพันธ์แบบอื่นแนบแน่นขึ้น หรือถ้าอีกคนตื่นมาแล้วรู้ว่าเป็นอันจบกันเขาก็ไม่คิดมากอะไร เพราะใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตวัยหนุ่มของเขา
ในตอนที่กำลังดื่มน้ำฮานสังกตได้ว่าตรงที่มุมห้อง กีต้าร์ที่เคลวินเล่นเมื่อเย็นยังถูกต่อสายเข้ากับแอมป์และไฟก็ยังติดอยู่ เขาจึงจะเดินไปหามันหวังจะปิดสวิตซ์ให้ แต่ด้วยความที่ห้องค่อนข้างมืดทำให้เขาสะดุดกับสายไฟยาวๆที่ขดอยู่จนเสียหลักล้มใส่กีต้าร์ที่ตั้งอยู่ทำให้มันล้มไปด้วยกับเขาพร้อมน้ำในแก้วหกราดกีต้าร์ไฟฟ้าเข้าอย่างจัง
“คุณ”
เคลวินได้ยินเสียงดังและกลิ่นของบางอย่างที่กำลังไหม้เขาจึงตื่นขึ้น เขาเดินไปเปิดไฟ ทั้งห้องสว่างและทำให้คนงัวเงียตื่นอย่างทันทีเมื่อเห็นว่าอะไรเกิดขึ้น
“เฮ้ย!”
เผลอกระชากคนตัวเล็กที่เพิ่งจะลุกขึ้นและอึ้งอยู่ออกห่างจุดนั้นออกอย่างแรงจนคนไม่ทันตั้งตัวถอยหลังล้มกระแทกพื้น พร้อมกับได้เห็นเต็มตาว่ากีต้าร์ไฟฟ้าที่มีกลิ่นไหม้นั่นกำลังช็อตและแก้วน้ำที่แตกกระจายอยู่บริเวณใกล้กัน
เขาหันมองฮานที่กำลังหน้าเสียอยู่อีกครั้งและพอจะประมวลได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็แทบจะคุมอารมณ์หงุดหงิดหัวเสียที่เกิดขึ้นของตนไม่ได้ เขาถอนหายใจแรงและสบถออกมาไม่เป็นภาษา เสียดายกีต้าร์ตัวโปรดที่มันต้องเสียหาย
“ผม คือ..”
ฮานกำลังจะอธิบายและขอโทษแต่คนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าเขากลับยกมือห้ามโดยที่ไม่หันกลับมามอง
“คุณกลับไปก่อน”
ว่าพลางนั่งลงบนโซฟาพร้อมกุมขมับและถอนหายใจแรงอย่างอารมณ์เสีย เขาจะไม่หงุดหงิดขนาดนี้ถ้ากีต้าร์ตัวนี้ไม่ใช่กีต้าร์ที่คุณตาให้ไว้กับเขา เคลวินเป็นคนอารมณ์ดี แต่ถ้าเส้นอารมณ์ประเภทนั้นโดนกระชากก็ยากที่จะต่อติดและรังแต่จะรุนแรงขึ้น
แต่ฮานกลับยังเดินไปใกล้คนที่นั่งอยู่พร้อมพยายามเอ่ยขึ้นอีก
“เคลวิน ผม”
“ผมบอกให้กลับไปไง!”
เสียงตวาดก้องทำให้คนฟังสะดุ้งตกใจ ก่อนค่อยๆผละออกจากคนที่นั่งอยู่ เดินเก็บเสื้อผ้าที่กองอยู่ทั่วห้องเพื่อสวมมัน คนที่นั่งหงุดหงิดอยู่บนเตียงไม่หันมองคนที่เคลื่อนไหวเงียบๆอีกเลย จนกระทั่งเสียงประตูปิดลง
31 ธันวาคม 2014 20:30 นาฬิกา
New York New Year’s eve
วันนี้เป็นวันหยุดที่บริษัทเฟอร์นิเจอร์ที่ฮานทำงานอยู่ยังเปิดให้บริการตามปกติ เคลวินไม่ลังเลเลยที่สั่งซื้อสินค้าอีกครั้งแต่คราวนี้คนส่งของกลับไม่ใช่คนเดิม เขาคิดว่าอาจเป็นเพราะฮานไม่พอใจที่ถูกเขาไล่เมื่อคืนวาน เขาไม่แน่ใจนักว่าสำหรับฮานแล้วอีกฝ่ายมองมันยังไงหรืออารมณ์ของเขากระทบใจอีกคนแค่ไหน
เพราะเขาก็รู้ว่าระหว่างเขาและฮานมันไม่มีสถานะใดใดเลย(นอกจากพนักงานส่งของกับลูกค้า) แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ซื้อของอะไรอีกเลย เขาก็ยังอยากเจออีกคนอยู่ดี..อยากเจอกันเหมือนในหลายวันที่ผ่านมา
เขายอมรับว่าหงุดหงิดและอาจทำเกินไป วันนี้เขาอยากจะเอ่ยคำขอโทษที่รุนแรงแบบนั้น เคลวินคล้ายไม่เป็นอันทำอะไรตลอดทั้งวันในการโทรไปเช็คว่าฮานมาทำงานหรือเปล่า และก็ได้รับคำตอบว่าอีกคนยังมาทำงานแต่กลับไม่มาส่งของให้กับเขา เขาโทรศัพท์ไปยังหมายเลขที่ฮานเคยใช้โทรมาหาเขาแต่กลายเป็นว่ามันเป็นมือถือของบริษัทและพนักงานคนอื่นก็ใช้เครื่องนั้นแทนเสียแล้ว ซ้ำร้ายอีเมลล์ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังโซเชี่ยลเน็ตเวิคที่อีกคนน่าจะมีก็เป็นอีเมลล์ที่ถูกปิดไปแล้ว เขาจึงไม่สามารถติดต่อจากทางไหนได้เลย นึกเจ็บใจที่ตนเองอยู่กับเขาได้ตั้งนานแต่ดันปากหนักไม่ขอเบอร์ติดต่อหรือสิ่งที่จะสามารถติดต่อกันได้…คงเพราะตอนนั้นเขาอาจจะไม่คิดว่าจะมีวันที่อีกคนหายไปแบบนี้ และทำให้เขาต้องกระวนกระวายอย่างนี้
…หลบหน้า ที่เลือกไม่มาเจออีกแบบนี้ทำให้เคลวินคิดได้แค่ข้อเดียว แต่มันจะขนาดนั้นเลยเหรอ? หรือเรื่องที่เขาโวยวายจะทำให้ฝ่ายนั้นเข็ดไป? ไม่พอใจเขา? และไม่อยากพบเขาอีก? เคลวินคิดวุ่นวายจนถึงช่วงค่ำที่เรย์โทรชวนเขาออกไปปาร์ตี้ที่บ้านมันด้วยกัน มันสังเกตอาการเขาแล้วบอกว่าเหมือนคนโดนฟันแล้วทิ้ง เออ คงอย่างนั้นล่ะมั้ง?
ระหว่างงานปาร์ตี้เคลวินพยายามเลิกคิดถึงคนส่งของนั่นอีก และพยายามควบคุมตัวเองให้อยู่กับความเป็นไปตรงหน้า ดื่มเบียร์และตักอาหารที่มีอยู่เต็มไปหมดเข้าปากพร้อมพูดคุยกับเพื่อนฝูงโดยพยายามไม่คิดอะไร เรย์บอกว่าเขามีเซอร์ไพรส์ให้เคลวินและสิ่งที่เรย์บอกว่าเป็นเซอร์ไพรส์สำหรับเขาในการฉลองค่ำคืนนี้นั้นคือ เอน่า ..เรย์ชวนเธอมาที่งานปาร์ตี้ของเราด้วย และทันทีที่เคลวินเห็นเธอก็เหมือนว่าเรื่องต่างๆจะถูกหยุดไว้ชั่วคราวโดยที่มีแต่เธอที่กำลังเดินเข้ามาคุยกับเขาเท่านั้น เขาอธิบายไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อเจอเธออีกครั้ง แต่เอน่าคุยเก่ง มีมุกตลกเสมอ และร้องเพลงเพราะซึ่งทำให้เขาค่อนข้างเพลิดเพลินได้ไม่ยาก และหลังจากที่งานปาร์ตี้กำลังดำเนินไปเขาทั้งคู่ก็ทิ้งผู้คนในงานเพื่อออกไปด้วยกัน
ทั้งคู่เต้นด้วยกันในไนต์คลับ พูดถึงเรื่องราวในวันก่อนระหว่างเขาทั้งสองคน ผลัดกันถามคำถามและหัวร่อต่อกระซิก ดื่มและจูบกันหลายต่อหลายครั้ง เอน่าขอให้เขากลับมาคบกับเธออีกครั้งด้วยเหตุผลที่แสนตรึงใจซึ่งทำให้เคลวินหวั่นไหวเมื่อได้ฟังประโยคหวานนั้น แต่ก็มีบางอย่างที่ทำให้เคลวินยังไม่ตอบรับในทันที แต่เอน่าก็ยังร่าเริง เธอจะรอคำตอบเขาได้ทั้งคืนนี้ เธอชวนเคลวินเดินเข้าร้านต่างๆบนถนนที่มีผู้คนมากมาย ทั้งคู่เลือกของด้วยกันอย่างเพลิดเพลิน
ขณะที่กำลังมองเอน่าเลือกของใช้ต่างๆใส่รถเข็น เคลวินก็กำลังชั่งใจว่าจะกลับไปคบหากับเธออีกครั้งตามคำขอของเธอหรือไม่ เขาพยายามหาเห็นผลดีๆที่จะตอบรับคนที่เคยมีความทรงจำร่วมกันกับเขาอีกครั้ง คิดหาเหตุผลที่คิดว่าดีพอกับการกลับไปเริ่มต้นใหม่ เธอก็เป็นคนที่คบกับเขานานที่สุด เอาใจเก่ง การกลับไปคบกับคนคนเดิมอาจง่ายกว่าการทำความรู้จักกับคนใหม่ แต่อยู่ๆใบหน้าของใครบางคนก็แทรกขึ้นมาในความคิดและคล้ายจะอยู่เหนือเหตุผลอื่นใดทั้งหมด เรื่องราวของเกือบหนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้ากับคนส่งของคนนั้นค่อยๆไหลเวียนเข้ามาในหัวของเขาอย่างช้าๆ ให้ได้ทบทวนและรับรู้อะไรบางอย่าง …ว่าต้นเหตุที่ทำให้ความสุขของเขาในตอนนี้ไม่มีเหลืออยู่เลยนั้นคือใคร
ทันทีที่รู้ตัว เคลวินทิ้งเอน่าไว้ในซุปเปอร์มาร์เก็ตขณะที่เธอกำลังเลือกของ ทิ้งถุงสินค้าต่างๆที่เลือกซื้อมามากมายเต็มสองมือลงข้างทางระหว่างที่กำลังก้าวเดินอย่างรวดเร็วไปที่ซับเวย์ เปิดสมาร์ทโฟนเข้าเว็บไซต์เดิมที่ถูกเข้ามากที่สุดในหลายวันมานี้ เพื่อหาที่อยู่ของฮานที่มีระบุอยู่ในนั้น
เขานั่งซับเวย์เพื่อมาถึงควีนด้วยเวลาที่ไม่นานนัก ตรงไปยังอาพาร์ทเมนต์ที่ระบุอยู่ในที่อยู่ แต่ปรากฏว่าคนที่เขาพบคือหนุ่มสาวที่กำลังปาร์ตี้และในจำนวนของพวกเขานั้นไม่มีใครที่รู้จักคนที่เขาต้องการพบเลย ..ที่อยู่ที่เคลวินมีเป็นที่อยู่เก่าของฮาน
ซับเวย์พาเขากลับมายังที่เดิมอีกครั้งพร้อมกับใจที่บัดนี้เลื่อนลอย อากาศหนาวเย็นจัดทำให้เคลวินซุกมือในกระเป๋าเจ็คเก็ตหนังปล่อยลมหายใจเป็นควันสีขาวเดินเรื่อยเปื่อยไปตามถนนที่มันวาวจากหิมะที่เคลือบชั้น แต่อากาศเย็นไม่สามารถดับอาการร้อนรุ่มของเขาได้และตอนนี้ก็เหมือนว่าเขาจะก้าวย่างไปบนถนนที่คุ้นเคยอย่างไร้จุดหมาย ไม่สนใจความเป็นไปอื่นใดรอบกายเพราะความคิดเรื่องเดียวที่วนเวียนและเล่นซ้ำอยู่ในหัว
ในเวลาไม่นานที่เขาได้รู้จักฮาน…และได้รู้จักกันและกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในทุกๆวันที่ผ่านมา ทำให้เคลวินเริ่มรู้อย่างชัดเจนว่าความสุขของเขาถูกผูกมัดอยู่กับใคร เขาอดหัวเราะออกมาอย่างสมเพชตัวเองไม่ได้ที่ตัวเองมีอาการแบบนี้แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะตั้งแต่จำความได้เขาไม่เคยจีบใครก่อนเลย คนที่คบหากับเขาหรือคนที่เข้ามาพบเพื่อนอนด้วยกันล้วนแต่เป็นคนที่เข้าหาเขาก่อนทั้งนั้น กับคนส่งของนั่นเขาก็ยอมรับว่าเป็นครั้งแรกที่พยายามพาตัวเองเข้าไป..ดึงเขาเข้าหาตน..แล้วก็ดันเป็นตัวเองที่ออกมาไม่ได้
สิ่งของที่เสียหายเรายังรู้ได้อย่างชัดเจนว่าจะต้องซ่อมหรือแก้ไขมันที่ตรงไหน แต่กับความสัมพันธ์กับคนสำคัญที่เราเสียไปแบบนี้จะต้องทำอย่างไรเพื่อแก้ไขหรือรักษาเอาไว้อีกครั้ง
คนส่งของหน้าหวานที่ความจริงแล้วไม่ได้ใสซื่ออย่างที่คิดหรือที่ในประวัติส่วนตัวบอกไว้นั่นได้ส่งของเพื่อเต็มเติมห้องว่างเปล่าของเขาและเติมเต็มความสุขในใจให้แก่เขาด้วยเช่นกัน
…จนกลายเป็นว่าความสุขของเขาเองโดนกำหนดโดยอีกคนไปเสียแล้วแบบที่เพิ่งจะรู้ตัว
เมื่อเป็นอย่างนี้…แล้วเขาจะซื้อมันกลับมาอย่างไร?
00:00 นาฬิกา นาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์บนตึกสูงไทม์สแควร์เดินนับเลขถอยหลัง พลุสีสันถูกจุดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลอง บทเพลง New York, New York เริ่มบรรเลงต่อจากนั้นท่ามกลางความยินดีผู้คนมากมายเมื่อเวลาของปีใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น
แต่ไม่ใช่สำหรับเคลวิน ความสุขของเขา..ยังคงติดค้างอยู่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่นานของปีก่อนหน้า..
1 มกราคม 2015 10:20 นาฬิกา
อาพาร์ทเมนต์ลุงแม็คยังคงเหมือนเดิมแม้จะข้ามปี ในห้องของคนที่เพิ่งลุกขึ้นจากเตียงก็เช่นกัน เคลวินกวาดสายตา เฟอร์นิเจอร์น้อยใหญ่มีจำนวนพอดีแล้วกับห้องๆหนึ่งที่เคยว่างเปล่า แต่เจ้าของห้องกลับรู้สึกว่ามันยังขาดบางอย่างและเป็นเหตุที่ทำให้ใจของเขาวูบโหวง เขายอมรับว่าอีกคนเขามามีบทบาทกับเขาและกับห้องใหม่ของเขาตั้งแต่ที่ย้ายเข้ามา…แต่ความรู้สึกแบบนี้ไม่ควรอยู่นานนัก เพราะการนึกถึงฝ่ายเดียวเป็นรูปแบบย่อยๆของความทรมานเช่นกัน เขาคิดกับตัวเอง เขาคิดว่าจะพยายามลบมันออกไป
เขาหยิบสมาร์ทโฟนที่เต็มไปด้วยการแจ้งเตือนข้อความอวยพรมากมายหลังจากที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย หนึ่งในจำนวนเหล่านั้นคือข้อความของบริษัทเฟอร์นิเจอร์ ชื่อที่เห็นสะกิดใจจนทำให้เคลวินเปิดเข้าอินเตอร์เน็ตและลบเว็บไซต์ที่ก่อนนี้ถูกเข้าใช้บ่อยครั้งออกจากบุ๊คมาร์คของตัวเอง หยิบแจ็คเก็ตหนาและเปิดประตูห้องพักเพื่อจะเดินทางไปยังสตูดิโอเช่นทุกวัน
แต่ยังไม่ทันที่จะเดินพ้นเขตพื้นที่หน้าห้องของตัวเองเขาก็ต้องชะงัก เมื่อรู้สึกคุ้นกับคนที่วุ่นกับกลอนประตูห้องตรงข้าม ชุดที่ใส่เป็นชุดปกติไม่ใช่ชุดทำงานแบบที่เขาเคยเห็น เคลวินนิ่งมองอยู่อย่างนั้นจนคนที่รู้สึกตัวว่ามีคนกำลังจ้องตนอยู่หันกลับมาเผชิญหน้า
“…”
“…”
“ทำไมไม่บอกผม?”
“บอกอะไร?”
“ว่าคุณอยู่ที่นี่”
“ต้องบอกคุณด้วยเหรอ”
“ผมจะบอกคุณหลายครั้งแล้วน่ะ แต่ไม่มีจังหวะสักที” อีกคนจึงพูดใหม่อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเคลวินเงียบไป
แล้วจะให้บอกได้ตอนไหนอีกเพราะคืนนั้นเป็นเคลวินเองที่ไล่เขาอย่างหัวเสียและไม่ไยดี เขาคิดว่าอีกคนไม่ได้อยากเจอกันแล้วด้วยซ้ำจึงเลือกที่จะเลิกติดต่อไป..ทั้งๆที่มันก็เหมือนไม่อยากเลิกนักหรอก ..แต่เคลวินก็ยังเงียบแม้ฮานจะเอ่ยตอบไปแล้วเมื่อครู่ จึงทำให้เกิดความเงียบแทรกขึ้นระหว่างทั้งสองที่ยืนอยู่ระหว่างกัน
“…”
“…”
“…”
“…”
“ผมอยากได้ห้องคุณ” เคลวินเอ่ยขึ้นหลังจากเห็นว่าอีกคนกำลังจะเดินผละออกไป
“หะ?”
“คุณบอกเองนะว่าผมพูดเสียงดัง”
ฮานถอนหายใจแรงๆออกมาพลางเอ่ย
“เคลวิน คุณจะซื้อได้ยังไงมันเป็นห้องผม”
ก็จะซื้อ เพราะมันมีคุณอยู่นี่แหละ..
“ได้สิ ถ้าคุณขาย”
ฮานสบสายตาคนสูงกว่า คิดบางอย่างแล้วจึงค่อยๆเอ่ยออกมาใช้คนฟังได้ยินอย่างชัดเจน
“เคลวิน ห้องผมก็เหมือนตัวผม คุณ..จะใช้เงินซื้อไม่ได้หรอกนะ”
“…”
“…”
“เรายังคุยไม่จบ” เห็นอีกคนไม่ตอบอะไรฮานจึงจะเดินออกไปจากตรงนั้น แต่ก็โดนมือใหญ่ก็คว้าแขนเอาไว้
“ผมไม่คุย ก็ผมไม่ขายไง”
“คุณ ผมจะไปทำงาน!” ฮานพูดขึ้น เพราะคนตัวใหญ่โน้มเข้าหาแล้วกักตัวเขาไว้กับกำแพง
“คุณได้งานใหม่?”
“ใช่”
“งานอะไร”
“ผมออกมาขายของ หลีกทาง ผมรีบ”
“ขายอะไร”
“ซุปลิ้นวัว”
เคลวินเกี่ยวแขนคนตรงหน้าพลางดึงและออกเดิน
“เฮ้ คุณ เคลวิน! หยุด จะไปไหน!?”
“ไปซื้อซุปลิ้นวัว!”
.
.
.
.
~ สวัสดีทุกท่านครับกับต้นช่วงโมงของวันพักผ่อนท่ามกลางหิมะที่เริ่มโปรยปรายทั่วนิวยอร์คอยู่ในตอนนี้
ตามสัญญาที่เราจะคัดสรรและจัดลำดับเพลงร็อคที่จะเข้ากับวินเทอร์นี้ของคุณ มีผู้ฟังแนะนำเรามากมายทั้งเพลงเก่าและเพลงใหม่ รวมถึงเพลงที่คุณอาจจะไม่เคยได้เย็นที่ไหนมาก่อน แล้วตอนนี้เราก็ได้รวบรวมมาให้ท่านแล้วเพื่อให้ฟังอย่างเต็มอิ่มทั้งชั่วโมงกันไปเลย!
แต่ตอนนี้-ผมดีเจเรย์ ขอแนะนำเพลงใหม่ที่กำลังมาแรงและติดชาร์ตเพลงใหม่ประจำสัปดาห์แรกของปี2015นี้เป็นที่เรียบร้อย ..The Buyer—เพลงนี้แต่งเนื้อร้องและทำนองโดยมือกีต้าร์ขวัญใจสาวๆทั้งหลาย—เควิน วู และร้องโดย อะ แฮ่ม ผมเอง
รับรองได้ว่า ทุกคนฟังแล้วอาจร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า แม่ง! เลี่ยน! แต่. …ดีจังเลยยยย~ ~
…………………………………
…………………….
…….
NYC IndyROCK fm.
New Year’s week chart - Top new entry:
The buyer by Studio Wu
I have money and I always buy happiness.
I have empty room and empty heart.
I buy things to fill my room.
But the lamps I‘ve brought, can’t light my life.
And anything can’t fulfill my heart.
Baby I buy happiness. Oh baby I wish I could buy you.
Could I buy your voice to be my private song?
Could I buy your breath to let me in?
Could I buy your beautiful soul for my life?
Baby I can buy New York if you are in it.
ผมมีเงินและมักจะซื้อความสุข
ผมมีห้องว่างๆกับหัวใจที่มันว่างเปล่า
ผมซื้อสิ่งของเพื่อเต็มห้องว่างของผม
แต่โคมไฟที่ผมซื้อ ไม่สามารถส่องแสงให้ชีวิตของผมได้
และไม่มีสิ่งใดเลยที่สามารถเติมเต็มหัวใจของผม
ที่รัก ผมมักจะซื้อความสุข โอ้ ที่รัก ผมปรารถนาที่จะซื้อคุณได้
ผมซื้อเสียงของคุณให้เป็นบทเพลงส่วนตัวของผมได้ไหม
ผมซื้อลมหายใจของคุณ มาเป็นของผมได้หรือเปล่า
ผมซื้อจิตวิญญาณที่สวยงามของคุณ เพื่อชีวิตของผมได้ไหม
ที่รัก ผมสามารถซื้อนิวยอร์ค..ถ้าหากมันมีคุณอยู่ในนั้น
.
.
.
.
.
“ฮาน ได้ฟังเพลงแล้วใช่ไหม”
“อื้อ ฟังเมื่อกี้”
“ชอบไหม?”
“อืม มันก็..ดีนะ”
“งั้นผม ใช้เพลงนี้ซื้อจูบของคุณคืนนี้ได้หรือเปล่า”
“นี่ เคลวิน คุณใช้เพลงซื้อจูบได้ด้วยงั้นเหรอ”
“ผมจะใช้ทุกอย่างแหละถ้ามันจะซื้อคุณได้”
“…”
“ก็ผมชอบคุณนี่”
END
-----------------------------------------------
Tag #เดอะBY #007fic
ขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะคะที่อ่านฟิคเกรียนๆของเรา5555555
และขอบคุณไรท์ท่านอื่นๆด้วยที่ให้โอกาสมาร่วมเขียนค่ะ ปลื้มปริ่มมากเลยTT
ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ แล้วเราจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆจ้า ^^
แล้วก็ฝากเป็นกำลังใจให้กับเรื่องอื่นๆกันด้วยนะ ส่วนตัวเราคิดว่าเจ๋งทุกเรื่องจริงๆ!
ท้ายนี้ ถ้าอ่านแล้วซื้อหรือไม่ซื้อยังไงก็ฝากคอมเม้นหรือติดtagเป็นกำลังใจเราได้นะคะ
poohis
@whenthejokercry
ความคิดเห็น