ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกสงครามสามพิภพ อภินิหาร ตำนานเทพ

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่หนึ่งคัดเลือกจ้าวสวรรค์ ตอนที่ 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 334
      1
      9 ธ.ค. 50

          เรื่องนี้จะดำเนินเรื่องพร้อมกับถ้อยคำของผู้เขียนคล้ายกับการบอกเล่า(อันที่จริงได้ความประทับใจมาจากไซอิ๋วที่กำลังออกกากาศซ้ำอยู่ในขณะนี้  โดยใช้การดำเนินเรื่องไปและสอดแทรกคำพูดของคนดำเนินเรื่องไปด้วย  หากไม่พอใจก็กราบขออภัยไว้ด้วยครับ)

     

     ขยายปฐมบทเดินเรื่อง

              ภายหลังเทพมารดรเหลียนฮัวฟื้นฟูสามโลกแล้วนั้น ได้ทรงแบ่งดินแดนออกเป็นสี่ส่วนและหมอบหมายให้สี่เทวะเฝ้าพิทักษ์และปกครองอันได้แก่

                เทพระฆังฟ้า

                เทพเจดีย์ฟ้า

                เทพร่มฟ้า

                และเทพมังกรฟ้า

          ในบรรดาสี่จตุราชานี้ เทพมังกรฟ้านับตั้งแต่กำเนิดมานั้นก็ได้บำเพ็ญตบะและเผชิญวิบากกรรมนานัปการ จุติบนโลกถึงเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าครั้ง ฝ่าด่านกิเลสสามพันสี่สิบครั้ง ในสามโลกนี้เป็นรองแต่เพียงเทพมารดรเหลียนฮัวเท่านั้นเอง เทพมารดรทรงเมตตาจิตแต่มิยินดีรับหน้าที่ปกครองเหล่าทวยเทพ จึงมอบอำนาจหน้าที่ให้แก่เทพมังกรฟ้า ส่งผลให้สามเทพที่เหลือไม่พอใจเป็นอันมากจึงเกิดเหตุวุ่นวายตามมา

     

              ตำหนักเทพมารดร

              สะพานข้ามฟ้าที่เริ่มจากประตูหน้าตำหนักทอดยาวไปถึงท้องพระโรงด้านใน สองข้างทางล้วนเป็นสระน้ำสีครามสวยยิ่งนัก มีดอกบัวทิพย์แดนฟ้า ที่สีชมพูปนมรกตเปล่งประกายจ้า ภายในมีเทพมัจฉาแหวกว่ายไปมา นับเป็นที่สวยงามแห่งหนึ่งบนแดนสวรรค์

    วันนี้กลับมีเสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินอย่างรวดเร็วเร่งรีบ คล้ายผู้มามีความร้อนรนในใจยิ่งนักเพียงพริบตาเข้าก็เข้าสู่ท้องพระโรงแล้ว

                   

    เทพจินหยิน

    บรรลุพรตวิถีแห่งฟ้าดิน

    บำเพ็บตบะสามพันปีถึงได้บรรลุเป็นเทพ

    มีอาวุโสสูง และมีหน้าที่ปรุงยาทิพย์ให้แก่เหล่าเซียน

    ถือกำเนิดจากเขาชางเฉิงที่อุดรทวีป

    ทนความลำบากบำเพ็ญกุศลสองร้อยสิบสี่เคราะห์

    บรรลุเซียนที่เขาดั้นภพ

            

                 ถวายบังคมเทพมารดร

                  น้ำเสียงแฝงความเคารพและวิตกกังวลกล่าวเอ่ยขึ้นมา ชายชราท่าทางทรงภูมิปัญญาแววตา แฝงประกายโค้งคำนับสตรีผู้นั่งบนแท่นบันลังก์ดอกบัวสีชมพูปนครามที่อยู่เหนือชั้นฐานสลักลวยลายสวยงามสามชั้น

     

                 บัดนี้ในสามโลกล้วนกล่าวถึงเรื่องที่สามจตุราชา ไม่พอใจที่พระองค์ทรงประกาศให้เทพมังกรฟ้ารั้งตำแหน่งเง๊กเซียนฮ่องเต้ ทั้งๆที่เขามีตำแหน่งเดิมทัดเทียมกับสามจตุราชาที่เหลือซ้ำยังไม่เคยมีผลงานอะไรเด่นล้ำเกินพวกเขาเลย หากปล่อยไว้เช่นนี้คงเป็นเรื่องวุ่นวายในภายหลังนะพะยะคะ

     

              เทพจินหยินกล่าวออกมาพลางก้มหน้ารอรับพัง เทพมารดรอย่างนอบน้อมถ่อมตนและเคารพยิ่งนัก

     

    เทพมารดรเหลียนฮัว

    บุตรีแห่งเทพภูผาและนางพญาไท่เอ๋อ

    วิงวอนพระบิดาเพื่อกู้ภัยให้สามโลก

    จึงได้รับตำแหน่งเจ้าสวรรค์

    จิตใจเมตตาแต่มุ่งแสวงความสันโดษ

    มีตบะยาวนานนับเป็นอันดับหนึ่งแห่งฟ้าดิน

     

               ข้าเข้าใจในความหวังดีของท่านจินหยินดี หากแต่มังกรฟ้าถือกำเนิดเมื่อครั้งกำเนิดสรรพสิ่ง ทั้งยังได้รับหน้าที่คุ้มกันสวรรค์  อีกอย่างเขาได้บำเพ็บตบะยาวนานยิ่งกว่าใครๆ ทั้งยังมีเป็นธรรม สมควรได้ปกครองสวรรค์

     

                 เทพมารดากล่าวพร้อมกับลุกจากที่ประทับ พลางเสด็จลงมาจินหยินสังเหตุเห็นก็ถอยออกด้านข้างพลางก้มศีรษะลงต่ำกว่าเดิมพร้อมกล่าวว่า

     

                 ที่พระองค์พูดมาก็เป็นความจริงหากแต่เรื่องนี้ใช่ว่าเหล่าทวยเทพที่เข้าข้างจตุราชาทั้งสามจะรับได้ ดีไม่ดีอาจเกิดการรบขึ้นบนสวรรค์เหมือนครั้งอดีตก็เป็นได้ ข้าพระบาทขอให้พระองค์ทรงทบทวนด้วย

     

                   แสดงว่าท่านมีความคิดเห็นเสนอเราแล้ว ท่านมีความเห็นว่าเช่นใด?

     

                    เทพมารดรตรัสกล่าว จินหยินพลางกระซิบบอกความคิดเห็น ให้กับเทพมารดร หลังจากนั้น จตุราชาทั้งสี่ก็รับคำสั่งจากเทพมารดรให้เดินทางลงสู่โลกมนุษย์ มุ่งไปยังเขาหลงซัน ที่แท้การทดสอบที่เทพจินหยินเสนอแก่เทพมารดรก็เกี่ยวกับ บุคคลเจ้าปัญหาที่ทำให้สวรรค์ต้องปวดหัวและไม่อาจควบคุมได้ผู้หนึ่งนั่นเอง

     

    เทพระฆังฟ้า

    ครองแดนประจิม มีระฆังวิเศษเป็นอาวุธ

    เสียงกังวานหมื่นลี้ ภูตผีเกรงกลัว

    อารมดุดัน อานุภาพรุนแรง

    บำเพ็ญตบะถึงหกพันปีถึงได้เป็นเทพ

    โมโหง่าย ไม่ปราณีผู้ทำผิด

     

    เทพเจดีย์ฟ้า

    บำเพ็ญเจ็ดพันสองร้อยปี

    บรรลุเซียนที่แดนนรก

    เจดีย์ฟ้าขังมารปีศาจ ไร้ประมาณ

    กฎสวรรค์ เคร่งครัดยิ่งผู้ใด

    สุขุม นิ่งดั่งสายธารา

     

    เทพร่มฟ้า

    คอยควบคุมสายฝนทิพย์โปรดโลกา

    ปัญญาเจ็ดพันสามร้อยปี

    ลิขิตวิถีฟ้าฝน

    ร่มเทวะท่องแดนฟ้า

    ปราบผองมารร้ายให้สิ้นสูญ

    เย็นชาเที่ยงตรงและซื่อสัตย์

     

    เทพมังกรฟ้า

    ถือกำเนิดทั้งสิ้นห้าตัวเมื่อแรกเริ่ม

    บำเพ็ญตบะหลายหมื่นปี

    พิทักษ์ปกป้องแดนฟ้า

    ปราบหมู่มารที่บุกรุกสวรรค์

    ทรงธรรมเหลือคณา

     

               เขาหลงซัน

                     เขาลูกนี้เต็มไปด้วยต้นไผ่หลากหลายชนิด แต่ที่ขึ้นชื่อลือชามากที่สุดก็คือ พุ่มไผ่อร่าม ต้นไผ่สูงชันแปดโยชน์พร้อมเพรียงแปลกประหลายดปลายใบเรียวทุกใบเป็นสีทองอร่ามสง่าเปล่งประกายราวกับป่าทองคำ บรรยากาศไม่เคยร้อยไม่เคยหนาว นับว่าพอดีอย่างยิ่ง ทั้งเสียงลมพัดปะทะใบไผ่ก็สงบและไพเราะเหลือประมาณ ใครก็ตามที่ได้ยลแล้วย่อมมิอาจลืมเลือนได้เลย

     

                    บุรุษผู้หนึ่งท่วงท่าอายุไม่น่าเกินยี่สิบห้า นั่งสมาธิอยู่บนแท่นหินกลางป่าไผ่ดวงตาปิดสนิท สีหน้าสงบน่าเกรงขาว กายขาวกำยำ ผมดำสลวยเขาก็คือบุคคลที่เหล่าทวยเทพล้วนสงสัยและกลัวเกรงผู้หนึ่ง ไม่ใช่เพราะเขามีอิทธฤทธิ์มากมายล้นฟ้าแต่เป็นเพราะ......

     

    เป่ยเทียน

    ชาวแดนประจิมที่แสนมุมานะ

    เกิดมาในสกุลต่ำต้อย

    เดินทางหมื่นลี้หาความสงบ

    ชิงชังรูป รส กลิ่น เสียง ยั่วยุ

     

                   เขาเคยถูกสาปจากเทพมารดรเหลียนฮัว เมื่อสามหมื่นสี่พันปีก่อน เนื่องด้วยภายหลังที่ พุทธองค์ทรงนิพพานและหายสาบสูญไปจากสามโลก ได้มีเด็กหนุ่งผู้หนึ่งมุ่งหาความสงบและบำเพ็ญความดีนานัปการ ภายหลังก่อนสิ้นอายุขัย เทพมารดรเมตตาเสด็จมารับเขาขึ้นสวรรค์ด้วยตัวของพระองค์เอง หากแต่เขากลับไม่รับไมตรีและขอเกิดในวัฎสงสารต่อไป

     

                  สามหมื่นสี่พันปีก่อน

                 ข้างธารน้ำเหิง

                   ชายคนหนึ่งนั่งบำเพ็ญพรตนานถึงหกสิบปี ก่อเกิดปัญญาและตบะแบบทวยเทพ ทั้งยังกระทำกรรมดีตลอดชีวิต วันหนึ่งเขารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหมดลมหายใจ ท้องฟ้ากลับแจ่มใสและปรากฏแสงสว่างสาดส่องมาที่ พลันปรากฏสตรีนางหนึ่งที่งามหยาดเยิ้มบนหงส์อัคคีสวรรค์เก้าลอยลงมาหาเขา เขาลุกขึ้นจากแท่นหินพลางทำความเคารพ

                        

                        ถวายบังคมเทพมารดร

     

                         มนุษย์น้อยเอ๋ย บัดนี้ท่านบรรลุถึงทางแห่งเซียนแล้ว ขอจงขึ้นสู่สวรรค์พร้อมกับเราเถิด

     

                           เทพมารดรกล่าวอย่างอ่อนโยน

     

                            มิได้หรอกเทพมารดร ข้าหาได้ต้องการเป็นเซียนไม่ ด้วยเพราะเซียนหาได้บริสุทธ์และยั่งยืนไม่ ข้าต้องการทางสงบที่ไร้มลทินต่างหากเล่า

     

                            เขาตอบฉะฉานแต่หากเหมือนเป็นการดูหมิ่นเทพมารดรและทวยเทพอย่างมากนางจึงไม่พอใจและสาปเขาโดยมิได้ครุ่นคิดว่า

     

                             บังอาจ สรรพสิ่งล้วนต้องการเป็นเซียน เสวยสุขบนสวรรค์ แต่เจ้ากลับดูหมิ่นทวยเทพ ข้าอุตส่ามารับด้วยตัวเองเจ้ายังยโสถือตัว ข้าจะให้เจ้าพบเคราะห์กรรมสุดลำเค็นแสนเข็ญห้าร้อนชาติ แต่เจ้าจะไม่ลืมอดีตสักชาติ เมื่อไหร่ที่เจ้าสำนึกถึงให้ขึ้นสู่สวรรค์

     

                       ด้วยคำสาปนี่เองทำให้เขาต้องลำบากมาห้าร้อยชาติรวมเวลาร่วมสามหมื่นสี่พันปีชาตินี้นับเป็นชาติที่ห้าร้อยพอดี สี่จตุราชาต่างรับคำสั่งใครทำให้เขายอมขึ้นสวรรค์ได้ย่อมได้ตำแหน่งผู้นำทวยเทพต่อจากพระนาง

     

                                     ***********************************

     

                      อาจจะดำเนินเรื่องเร็วและแปลกตาไปบ้างนะครับ เพราะที่วางไว้มันยาวมากและก็มีเรื่องราวมากมายใช้วิธีนี้น่าจะดีที่สุด ไม่ชอบตรงไหนก็ติชมนะครับ

                        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×