ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOT 2JAE - jeabeom x youngjae

    ลำดับตอนที่ #21 : Backside - 3/5

    • อัปเดตล่าสุด 12 มิ.ย. 57




     

    BACKSIDE - part 3



     










     

    “ผมเปล่านะฮะ..ก็..แจบอมฮยองเค้าข่มขืนผม..”

     

    เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนเลยละครับ เหมือนโดนฟ้าฝ่าอะไรแบบนั้น สายตาไอ่มาร์คเชือดเฉือนลงมาบังคับให้ผมต้องพยายามง้างปากตัวเองอธิบาย 

     

    “กูเปล่านะเว่ย!”

    “…..”

    มาร์คมองหน้าผมนิ่งๆเหมือนพยายามใช้ความคิดผมเลยอธิบายต่อ 

     

    “ไม่ใช่แบบนั้น เมื่อคืนกูเจอยองแจปะ..”

    “ฮยองจะไม่รับผิดชอบผมหรอ..ฮึก..”

     

    รับผิดชอบเหี้ยไรวะเนี่ยยยย ไอ่คนตัวเล็กทำท่าบีบน้ำตาตัดเพ้อแทรกผมขึ้นมาจนผมอยากจะวิ่งไปเข่าคอแรงๆ ทำไมไม่ตะโกนเสียงดังเหมือนที่ชอบทำกับผมเล่า!

     

    “ไม่คิดเลยนะว่ามันจะเป็นแบบนี้”

    เออ กูก็ไม่คิดหรอกครับ ไอ่แสบนั้นยัดเยียดให้ทั้งนั้น ในเมื่อไอ่มาร์คทำท่าจะไม่เชื่อผมจริงๆเพราะหลักฐานจอมปลอมที่อยู่บนตัวยองแจ ผมพลาดใช่ไหมเนี่ย ทำไมมันย้อนมาทำร้ายผมเองแบบนี้วะ 

     

    “ฟังกูนะ กูไม่ได้ทำอะไรยองแจเลย เมื่อวานกูไปเจอยองแจที่ผับ”

    “ผับ?”

    ไอ่มาร์คหันควับ เปลี่ยนเป้าหมายไปหาร่างเล็กทันที

     

    “ก็ผับนั้นมันอยู่ข้างบ้านยูคยอมที่ไปติวหนังสือนี่ครับ ผมแค่หิวออกไปหาอะไรกิน”

    โอ้โหหห ไปติวหนังสือ ครับ.. มาร์คหรี่ตามองยองแจเล็กน้อยก่อนจะหันมามองผมบ้าง 

     

     “เอามึงว่าเลย”

    ผมโบกมือลาเป็นเชิงยอมแพ้ คนอะไรจะแต่งเรื่องได้เก่งขนาดนี้ เลือกที่จะสาวเท้าออกจากตรงนั้นให้คนในครอบครัวได้คุยกันเอง ยังไงผมก็ผิดเต็มๆอยู่แล้วคงไม่ต้องอยู่แก้ตัวอะไรมากมาย

     

    ไอ่มาร์คทำท่าเหมือนจะรั้งผมไว้พอเห็นผมถอนหายใจเฮือกใหญ่แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร 

     

    ทำงานให้เสร็จดีกว่า เมื่อคืนงานเกือบเสร็จแล้วแท้ๆ ถ้าไม่ติดว่าต้องยอมวางงานเพราะให้ไอ่คนตัวเล็กยอมสงบปากสงบคำละก็ ปานนี้เสร็จไปนานแล้ว 

     

    ผมนั่งขีดๆเขียนๆงานของตัวเองไปโดนมีเสียงงึมงัมพูดคุยของคนในห้องอยู่เป็นแบล็กกราว พยายามจะตั้งใจฟังแต่ก็ไม่ได้ยิน ดูเหมือนไอ่มาร์คจะใจเย็นกับยองแจมาก เป็นผมตบกะโหลกหลุดไปแล้ว เด็กแบบนี้

     

    เมื่อไม่ได้ยินถ้อยคำอะไรจึงตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป หยิบหูฟังกับมือถือคู่ใจขึ้นมาเสียบ ปล่อยให้ตัวเองอยู่ในโลกของเสียงเพลงกับงานข้างหน้า 

     

    .

    .

    .

     

    เวลาผ่านไปผมก็จัดการงานที่ใช้เวลามาหลายอาทิตย์จนเสร็จ พร้อมๆกับที่คนในห้องสองคนเดินออกมาพอดี คุยอะไรกันนักหนาวะ นานชิบ.. 

     

    เห้ยย.. 

    นั้นยองแจเป็นอะไร..? ดวงแจเรียวแดงก่ำเหมือนพึ่งผ่านการร้องไห้มาสดๆร้อนๆ แต่ก็ยังมีท่าทางเชิดๆแสดงความดื้อด้านออกมาอยู่ ก้ร่างเล็กมหน้าก้มตาไปกระแทกตัวนั่งลงบนโซฟาไม่พูดจาซักคำ 

     

    ส่วนไอ่มาร์คก็มองยองแจนิ่งๆก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ในขณะที่ยองแจกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆๆ ทำเหมือนว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

     

    “ตกลงจะกลับบ้านไหม..”

    ท่าทางของมาร์คเหมือนไม่ได้สนใจเรื่องที่เห็นเราสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน ยองแจใส่เสื้อผ้าผม แล้วก็รอยแดงที่คอนั้นด้วย 

     

    “….”

    ยองจะไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ส่ายหัวกลมไปมาเล็กน้อยเท่านั้น 

     

    “ยองแจ..”

    “…..”

     

    “ทำแบบนี้พี่จะไม่ง้อแล้วนะ..”

    “…..”

     

    อะไรวะ.. ตอนแรกเหมือนผมจะมีส่วนร่วมส่วนผิดในเรื่องครั้งนี้ แต่ไหงผมกลายเป็นคนนอกเรื่องเลยละครับ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทำไมจู่ๆมาทะเลาะกันได้ละ..

     

    ยองแจเอาแต่นั่งชั่นเข่าจ้องทีวีตาไม่กระพริบ แต่ดวงตาเรียวก็ยังคงมีน้ำตาคลอๆอยู่ 

     

    “สรุปจะอยู่นี่ใช่ไหม..”

    “…..”

     

    “ได้..”

    สิ้นเสียงนั้น ไอ่มาร์คก็สาวเท้าฉับๆออกห้องด้วยอารมณ์ที่ดูมาคุเต็มที

     

    เห้ย..เดี๋ยวอะไรเนี่ย ทำไมจู่ๆก็มาจู่ๆก็ไปแบบนี้วะ แล้วเรื่องที่ผมทำลงไปมันมีประโยชน์อะไรบ้างไหม 

     

    “ทำไมไม่กลับบ้านไปไอ่หนู”

    ผมพูดขึ้นมาเรียบๆหลังจากประตูห้องปิดลง และก็เหมือนเดิมยองแจเงียบ เงียบเหมือนมันนั่งอยู่ในห้องคนเดียว เสียงผมมันคววามถี่ต่ำเกินกว่าที่จะได้ยินรึไง 

     

    “อย่ามาทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาหน่อยเลย”

    ผมเดินเข้าไปเอามือเคาะหัวเจ้าตัวเล็กเบาๆหนึ่งที ใบหน้าหวานหันมาค้อนผมหนึ่งครั้งแล้วก็หันกลับไป แสดงว่ายังรับรู้อยู่ว่ามีเจ้าของห้องยืนอยู่ตรงนี้ 

     

    “ทะเลาะกับไอ่มาร์คเพราะฉันรึเปล่า”

    ลองเสี่ยงถามออกไปเพราะอยากรู้ว่าผมมีส่วนในการร้องไห้ของยองแจด้วยรึเปล่า

     

    “ฮยองไม่เกี่ยว ไม่ต้องยุ่ง”

     

    อ่าว.. ไอ่นี่.. วอน.. วอนซะแล้ว อุส่าพูดดีๆด้วย สมละที่ไอ่มาร์คเดินตึงตังออกจากห้องไปทั้งๆที่มันเป็นคนใจเย็นมากแท้ๆ ในเมื่อพูดดีด้วยแล้วตอบกลับมาแบบนี้ก็จะไม่ปราณีละ 

     

    “ฉันไม่ให้นายอยู่ที่นี่หรอกนะ กลับบ้านไป”

    “ไม่กลับ”

     

    นั่น..เอากับเขาสิ

     

    “กลับ เดี๋ยว นี้

    “ไม่ กลับ!”

     

    “กลับ!”

    “ไม่!!”

     

    คนตัวเล็กจ้องผมนิ่ง ด้วยสภาพที่ตายังแดงๆอยู่แบนั้น เห็นแล้วมันก็หงุดหงิดใจ มีอะไรทำไมไม่ไปเคลียกันดีๆให้เรื่องมันจบๆ 

     

    “กลับซะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”

    “ไม่เอาไม่กลับ ฮยองก็ทำงานฮยองไปสิ”

     

    “ฉันทำเสร็จแล้ว วันนี้จะพักผ่อน”

    “ก็ทำไปสิ”

     

    ยองแจสะบัดหน้าหนีไปดูทีวีอีกครั้ง ผมเลยเดินเข้าไปลากคอเสื้อเด็กแสบให้ลุกออกมา

     

    “อ๋าาๆๆ ปล่อยผม!!”

    “ดื้อนักใช่ไหม อย่างนายต้องเจอกับฉัน นิ่งๆแบบไอ่มาร์คน่ะ ทำอะไรไม่ได้หรอก”

     

    “ฮยองปล่อยผม!!”

    ผมลากยองแจมาด้วยความทุลักทุเลจนมาถึงหน้าห้อง แต่การเอาร่างอ้วนๆ(ผมประชด)ของยองแจออกหน้าห้องได้คงไม่ใช่เรื่องง่าย ในเมื่อมือบางเกาะขอบประตูเอาไว้แน่น

     

    “กลับบ้านไปกินนมนอนซะ ไอ่เด็กแสบบ”

    “ไม่กลับ! ทีเมื่อคืนฮยองอยากให้ผมอยู่อยู่เลย ปล่อยนะ!!”

     

    “คืนนี้ไม่อยากแล้วว้อยยย”

    ทำยังไงยองแจก็ไม่ยอมขยับตัวไปนอกห้องซักนิด เกาะแน่นจนกลัวว่ากรอบประตูจะหลุดออกมาจริงๆ ถ้ามีใครเดิมผ่านไปผ่านมาคงตะลึงกับภาพที่เห็นแน่ๆ ชายสองคนยืนปลุกปล้ำกันอยู่หน้าประตู โดยมีชายคนหนึ่งพยายามเอาหัวโหม่งตัวผมเพื่อพยายามดันผมให้กลับไปข้างใน

     

    “ขออยู่วันหนึ่งไม่ได้รึไงเล่า!!”

    “ไม่ได้! อย่าทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาได้ไหมห้ะ!!”

     

    “ก็แค่วันเดียวเองอะ!!”

    ยองแจยังคงเอาหน้านิ่มๆถูไถอกผมไม่เลิก เสียงหวานโวยวายอู้อี้อยู่ในวงแขนผมที่พยายามดันออก มันจั๊กจี้แปลกๆนะ

     

    “หยุดดิ้นซักที”

    “ก็เลิกดันผมออกจากห้องก่อนสิ!”

    ยัง ยังไม่หยุด.. 

     

    “ยองแจ หยุดดิ้น”

    “ไม่!! ผมไม่ยอมกลับบ้านแน่!!”

     

    “บ้าเอ้ย คนนะเว่ยไม่ใช่เศษเหล็ก”

    ผมก็ผู้ชาย มีอะไรนุ่มนิ่มมาถูไถตัวก็มีอารมณ์กันทั้งนั้น ในเมื่อยองแจไม่หยุดผมก็จะหยุดเอง 

     

    ผลั่กก!!

    พอผมเบาแรงตัวเองลงเท่านั้นแหละ แรงดันของยองแจก็ทำเอาพวกเราล้มลงกองกับพื้นทั้งคู่ แต่อย่าหวังว่ามันจะเป็นท่าสวยๆแบบในซีรีย์ คนตัวเล็กถลาไปไกลโดยฝากขาไว้บนคอผมที่หงายหลังลงกับพื้น!!

     

    “ย๊ากกก เอาขาออกไปจากตัวฉันนะเว่ยยย!”

    “ฮยองทำบ้าอะไรเนี่ย! เจ็บนะ”

     

    ใครกันแน่ เล่นดันเข้ามาสุดแรงเกิดขนาดนั้น ร่างเล็กยันตัวเองขึ้นนั่งพลางลูบแขนลูบข้อศอกตัวเองเล็กน้อย 

     

    “นายนี่มันสร้างแต่ปัญหาจริงๆเลย”

    “อะไรเล่า! ถ้าฮยองยอมผมตั้งแต่แรกก็จบแล้ว!”

    ผมลุกขึ้นยื่นเต็มความสูง ปวดหัวกับไอ่เด็กนี่จริงๆ

     

    “ไม่รู้แหละ นายจะกลับบ้านหรือไม่ นายต้องไม่อยู่นี่ในคืนนี้!”

    “ไม่!!!!!!”

    สิ้นเสียงเล็กแหลมที่ตะโกนใส่หน้าผมเข้าอย่างจัง ยองแจก็ลุกขึ้นสะบัดตูดเดินเข้าห้องน้ำไปทันที

     

    เออให้มันได้งี้สิ.. ห้องใครกันแน่วะเนี่ย...

     

    .

    .

    .

    .

     

     

    เสื้อยืดและกางเกงขาสั้นของผมไปอยู่บนตัวเด็กแสบอีกครั้งหลังจากยองแจอาบน้ำเสร็จ ไอ่เด็กนี้คิดอยากใส่ชุดไหนก็หยิบมาใส่ได้เลยสินะ.. 

     

    ยองแจยืนทำกับข้าวได้หน้าตาเฉยมาก ขนาดว่าผมมายืนอิงเคาท์เตอร์ทำหน้าไม่พอใจอยู่ใกล้ๆแล้วนะ

     

    “นี่.. ฉันถามจริงๆเถอะ มีปัญหาอะไร?”

    “…..”

     

    “บอกมาเถอะ เผื่อฉันจะช่วยได้บ้าง”

    ช่วยให้ตัวเองไม่ต้องมาเจอความแสบของเด็กอ้วนข้างตัวด้วย รีบจัดการปัญหาชีวิตเจ้านี่คงเป็นการดีที่สุดในเวลานี้

     

    “ฮยองกินเผ็ดไหม”

    แต่ยองแจก็เลือกที่จะไม่ตอบคำถาม.. หน้าตาใสซื่อหันมามองรอคำตอบจากผมนิ่งๆ

    “ฉันถามนายอยู่นะ”

     

    พอผมตอบไปแบบนั้นยองแจก็เทพริกปนลงในหม้อไปหนึ่งช้อนเต็มๆ 

     

    ครับ.. ดีครับ..

    ดีนะที่กินเผ็ดได้

     

    มือเรียวเตรียมถ้วยมาสองถ้วย บรรจงตักเส้นมาม่าที่อุดมไปด้วยสารพัดประโยชน์ที่เจ้าตัวเพิ่มหมูเห็ดเป็ดไก่เข้าไป 

     

    “อะ นี่ของฮยอง”

    ยองแจวางถ้วยแรกไว้บนโต๊ะกินข้าวก่อนจะตักถ้วยที่สองจนเกลี้ยงหม้อแล้วเดินเอาไปนั่งกินบนโซฟา ก็ยังดีที่ทำตัวมีประโยชน์อยู่บ้าง 

     

    ดูท่าทีแล้วคงจะชอบทำอาหารไม่น้อย ยอมสงบปากสงบคำก็ตอนเข้าครัวนี่แหละ และดูเหมือนจะทำเก่งซะด้วย..

    กลิ่นหอมโชยมาเชื้อเชิญให้ผมลิ้มลอง ผมเลยเดินถือถ้วยตัวเองเดินไปทรุดตัวนั่งข้างๆร่างเล็ก 

     

    “จะอยู่ห้องฉันอีกกี่วัน”

    ถามพลางคีบเส้นบะหมี่เข้าปาก ยองแจชายตามองผมเล็กน้อยก่อนจะะตอบเสียงเรียบ

     

    “..ไม่รู้”

    “ให้ตาย นี่เห็นห้อองฉันเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กรึไง”

     

    “ฮยองก็ทำเหมือนไม่เห็นผมดิ ผมจะอยู่เงียบๆนิ่งๆ”

     

    จ่ะ.. นั่งหัวโด่อยู่เนี่ย ไม่เห็นเลยมั้ง 

     

    “ขอโทษครับ พอดีมีตา ยังไงก็เห็น”

    “คนแก่บ่นเยอะ กินเงียบๆไปได้ไหม”

     

    สาบานว่าผมแก่กว่าไอ่คนข้างตัวนี่.. อยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ ชีวิตผมไปทำบาปทำกรรมอะไรไว้วะ แต่เอาเถอะผมจะอดทน ขอให้ไอ่มาร์คมารับตัวกลับภายในวันนี้ด้วยเถ้อะ 

     

    จัดการโซ้ยอาหารตรงหน้าพร้อมกับดูทีวีไปด้วย ยองแจเปิดหนังเรื่อง cold eyes ดู เรื่องนี้ผมซื้อมาตั้งนานแล้วไม่มีโอกาสดูซักทีก็นั่งดูด้วยเลย 

     

    เวลาผ่านไปผมเริ่มอยู่ตัว วางถ้วยที่กินเสร็จแล้วทิ้งไว้แล้วลุ้นกับเรื่องราวในหนัง ช่วงเวลาหลังทำงานเสร็จมันก็ฟินแบบนี้แหละครับ ยองแจลุกขึ้นเอาถ้วยไปเก็บรวมทั้งของผมด้วยก่อนที่จะได้ยินเสียงก๊อกเก้กๆมาจากในครัว แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร 

     

    cold eyes เป็นหนังออกแนวสืบสวนๆ แน่นอนว่าผมชอบแนวนี้ไม่งั้นคงไม่ซื้อมา คนร้ายในเรื่องนี้ยังฉลาดมากอีกต่างหาก วางแผนโดยผ่านเกมส์ sudoku แถมยังฆ่าคนด้วยปลายปากกา มันมีสเน่ห์มากจริงๆ การที่เราดูหนังเรื่องเรื่องหนึ่งแล้วได้คิดตามไปด้วยมันเป็นอะไรที่ผมชอบมาก

     

    “อะ..”

    จู่ๆยองแจก็เดินกลับมาหลังจากเข้าครัวไปนานสองนาน กาแฟร้อนๆถูกยื่นมาให้ตรงหน้า ผมเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย 

     

    “ทำให้ฉันหรอ?”

    “เห็นชอบนิ”

    ยองแจตอบสั้นๆพร้อมกับวางมันไว้บนโต้ะแล้วทรุดตัวลงดูทีวีตามเดิม

     

    “นี่จะไม่กลับบ้านจริงดิ..”

    ที่ทำแบบนี้พยายามจะซื้อคะแนนจากผมแน่ อย่าหวังว่าผมจะยอมง่ายๆหรอกนะ 

     

    “ผมเบื่อ เลิกถามคำถามนี้ซักทีเถอะ”

    “เป็นเด็กมีปัญหามันไม่ดีนะยองแจ..”

    ผมกดเสียงต่ำสั่งสอน ยองแจเบะปากพลางขมุบขมิบปากพูดล้อเลียนผม 

     

    “ฉันจริงจังอยู่นะ”

    “แล้วไง ฮยองเป็นใครถึงมาสั่งสอนผมได้”

     

    “เป็นเจ้าของห้องที่นายอยู่นี่ไงละ”

    “….”

    ไงโดนตอกไป เถียงไม่ออกเลย

     

    “เดี๋ยวจะไปส่งบ้าน”

    “ไม่ไป..”

     

    “อย่าดื้อได้ไหม”

    “ผมเปล่าดิ้อ”

     

    “ก็เห็นๆอยู่”

    “ฮยองไม่รู้อะไร อย่าพูดดีกว่า”

    ก็แน่นะสิ เพราะไม่รู้อะไรเลยต้องพากลับบ้านนี่ไง อยู่แบบนี้คงแก้ปัญหาได้หรอกนะ ทำไมหัวดื้อขนาดนี้วะ ยองแจยังคงนั่งนิ่งไม่สนว่าผมจะสีหน้าแบบไหนก็ตาม 

     

    “แล้วทำไมไม่ไปอยู่บ้านเพื่อน หรือคนรู้จัก เราพึ่งรู้จักกันวันเดียวนะยองแจ”

    คนตัวเล็กถอนหายใจแล้วหันมามองผมด้วยสายตาเอือมๆ

     

    “บ่น..ทำไม ต้องรู้จักกันดีก่อนงั้นหรอ”

    “แน่สิ คิดจะขออยู่กับคนนู้นคนนี้โดยที่ไม่รู้จักกันดีได้ยังไง”

     

    “ได้..”

     

    พรึ่บบ!

     

    “หือ..ทำอะไรของนาย”

    จู่ๆยองแจก็ดันตัวผมให้นอนราบลงไปกับโซฟา ใบหน้าหวานๆนั้นอยู่ห่างจากผมแต่คืบก่อนจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ 

     

    “แจบอมฮยอง..”

    น้ำเสียงแบบที่ผมไม่เคยได้ยินเรียกชื่อผมแผ่วเบา นี่เป็นครั้งแรกที่ยองแจเรียกชื่อผมเลยมั้งเนี่ย.. ผมพยายามนิ่ง ไม่ได้ตื่นตูมกับการกระทำแบบนี้ เอาสิ.. อยากรู้เหมือนกันว่าจะทำอะไร

     

    “คิดจะทำอะไร”

    “เราต้องรู้จักกันดีก่อนไม่ใช่หรอ..”

     

    “ยังไงละ หวังว่านายคงไม่ได้คิดอะไรตื้นๆหรอกใช่ไหม ฉันไม่ปลื้มเด็กหรอกนะ”

    “แน่ใจหรอ...?”

     

    “หึ..”

    ผมเห็นรอยยิ้มจางๆท่าทางดูมั่นใจของยองแจแล้วก็อดหัวเราะเบาๆออกมาไม่ได้ คงไม่คิดจะทำเรื่องอย่างว่าในเวลานี้หรอกนะ

     

    “ฮยองไม่คิดจะหวั่นไหวกับผมหน่อยหรอ..”

    “บอกแล้วฉันไม่ปลื้มเด็ก”

     

    “ไม่คิดว่าผมน่ารักบ้างงั้นสิ?”

    “…นายก็น่ารักดี แต่ไม่ใช่สเปคฉัน”

     

    การที่มีเด็กผู้ชายน่าตาน่ารักมาคร่อมตัวผมไว้แบบนี้ เอาตรงๆเป็นใครก็คุมสติไม่อยู่หรอกครับ ไม่กลัวโดนปล้ำบ้างรึไงวะ แต่ผมจะพยายามสงบสติอารมณ์ไว้ อยากรู้ว่ายองแจจะทำอะไรเหมือนกัน

     

    “…..”

    เป็นอีกครั้งที่ยองแจเงียบ สังเกตเห็นริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันเบาๆเหมือนประม่าและพยายามใช้ความคิด

     

    “ไงต่อดีละ? ”

    เลิกคิ้วถามกวนๆส่งไปพร้อมนอนเฉยๆให้ยองแจทับตัวเล่น หนังอะไรไม่ต้องได้ดูกันละครับ 

     

    “คิดจะทำอะไรก็ทำเลย แต่นายคงไม่ทำหรอกจริงไหม เรามันกระดูกคนละเบอร์กันไอ่น้อง”

    ไม่ปล่อยให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ ก่อนที่น้องชายผมจะตื่นเพราะมีร่างนุ่มนิ่มมานอนทับตัวผมอยู่ ผมดันคนตัวเล็กลงแล้วหยิบแก้วกาแฟที่มันคงจะอุ่นได้ที่ขึ้นมาจิม ยองแจทำเสียงฮึดฮัดอยู่เบาๆก่อนจะยอมนั่งดูหนังเงียบๆเหมือนเดิม

     

     

    —————————

     

     

     

    Rrrr.. Rrrr..

    เสียงโทรศัพท์ดังลั่นไปทั่วห้องได้ประมานสิบนาทีแล้ว แต่เจ้าของเครื่องก็ไม่ยอมกดรับซักที นานพอที่ผมจะเลียนเสียงมันได้อยู่แล้ว

     

    “ยองแจ! รับโทรศัพท์ดิ!!”

    “…..”

     

    แล้วก็ไม่มีเสียงตอบรับจากนตัวเล็ก ผมคว้ามือถือเจ้าปัญหามาถือไว้พลางเดินเข้าไปในครัว ยองแจหยิบนู้นจับนี้ด้วยท่างทางสบายๆ 

     

    “ถ้านายไม่รับ ฉันจะรับเองแล้วนะ”

    เพราะผมเห็นว่ามันเป็นเบอร์ไอ่มาร์ค ผมเลยไม่รับเองตั้งแต่แรก และเช่นเดียวกับยองแจที่เห็นว่าใครโทรมาเลยไม่รับ เคราะห์กรรมก็เลยมาตกอยู่ที่เป็นที่ต้องเป็นตัวซวยพลอยโดนหางเลขไปด้วย 

     

    “ตามใจ”

    ยองแจตอบกลับมาห้วนๆ แต่ถ้าผมรับแล้วผมจะทำอะไรได้เพราะมันคุยกับผมไปก็เท่านั้น 

     

    “ยองแจ.. ไม่อย่างนั้นฉันจะโยนนายออกนอกห้องจริงๆด้วย”

    “ผมไม่ยอมหรอก” 

     

    “งั้นก็มารับโทรศัพท์”

    “ไม่..”

     

    ชักจะเกินไปแล้วนะ เด็กอะไรดื้อได้ขนาดนี้ ผมพาตัวเองเข้าไปหาร่างบางพร้อมกับกระชากไหล่เล็กให้กันมาคุยกันตรงๆ

     

    “ยองแจ ถ้ายังดื้ออยู่แบบนี้อีกละก็ ฉันจะไม่ปราณีแล้วนะ..”

    “ฮยองรำคาญเสียงมันนักละก็ปิดเครื่องไปสิ!”

     

    “นายต้องคุยกับมาร์คให้รู้เรื่อง”

    “ผมกับมาร์คฮยองเราไม่มีอะไรต้องคุยกัน”

     

    “งั้นหรอ.. ถ้าไม่มีอะไรต้องคุยกันนายจะมาทำตัวเหมือนไม่มีที่อยู่แบบนี้ทำไม!”

    ฟันซี่เล็กขบลงบนปากอิ่มเบาๆ ยองแจเสมองไปทางอื่นไม่ยอมมองหน้าผมตรงๆ 

     

    “… ผมขอวันเดียว แล้วพรุ่งนี้ผมจะไป”






    --------------------
    รอนานไหมมม TT งานยุ่งมากเลย แต่สัญญาๆ ตอนหน้าจะมาให้เร็วกว่าเดิม 55
    ตอนนี้รู้สึกสั้นกว่าตอนที่แล้วไหม ฮอลลล 5555 เค้าตันๆนิดหน่อย 555
    ฝากติดชมด้วยนะค้าา หรือจะเวิ่นในแท็ก #got2jae ก็ได้ค่าาา ^^ 


    themy  butter

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×