ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOT 2JAE - jeabeom x youngjae

    ลำดับตอนที่ #19 : Backside - 1/5

    • อัปเดตล่าสุด 12 มิ.ย. 57




    BACKSIDE - 1/?





     


     

     

     

    “ไอ่มาร์ค มึงอยู่ไหนว่ะ กูถึงถนนที่มึงบอกละเนี่ย”

     

    ผมแจบอมหรืออิมแจบอมกำลังยื่นตะแบงเสียงแข่งกับเสียงรถราที่วิ่งไปมาอยู่ข้างถนน อากาศร้อนแผดเผาไปทั่วทำให้เสื้อยืดตัวเก่งชุ่มไปด้วยเหงื่อ 

     

    “มึงเดินเข้ามาในร้านกาแฟเลย ตรงข้ามทางข้ามเลย โต๊ะในสุด”

    น้ำเสียงสบายๆดังออกมาจากปลายสาย ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะอยู่ในที่ที่ต่างจากผมมากๆ เพลงคลาสสิกดังคอลเคล้าอยู่เป็นแบล็คกราว กวาดสายตาหาร้านกาแฟอย่างที่เพื่อนสนิทบอกก่อนจะไปสะดุดอยู่กับร้านกาแฟเล็กๆสีน้ำตาลเข้ม โครงสร้างการออกแบบดูโมเดิลสบายตากับกระจกใสบานใหญ่หน้าร้าน ถูกใจสถาปนิกอย่างผมมากทีเดียว

     

    “ร้าน mercy อะนะ?”

    “เออนั้นแหละ เข้ามาเลย”

     

    “เออๆ”

    ตัดสายพลางเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง สาวเท้าข้ามถนนไปยังร้านตรงข้าม ด้านหน้าตกแต่งด้วยเหล่าพันธุ์ไม้สีเขียวตัดกับสีเข้มของแผ่นไม้ได้เป็นอย่างดี ดันประตูเข้าไปเสียงเพลงแบบเดียวกันที่ได้ยินจากปลายสายเมื้อกี้ก็ดังแว่วเข้ามา

     

    ขายาวๆเดินเข้าไปด้านในสุดของร้าน พื้นที่ในแต่ละโต้ะมีค่อนข้างมากรวมไปถึงพื้นที่ของความเป็นส่วนตัวด้วยเช่นกัน แบบนี้คงนั่งทำงานได้สบายๆเลย คราวหลังต้องแวะเข้ามาบ่อยๆซะแล้ว 

     

    “แจบอม ทางนี้”

    หันไปตามเรียกเรียกก็เจอกับเพื่อนตัวดี นานๆทีจะเห็นหน้าเพราะพ่อคุณทำงานจนตัวเป็นเกลียว วันๆเอาแต่แต่งตัวใส่สูททำงานกับเอกสาร ซึ่งแน่นอนว่ามันแตกต่างกับไลฟ์สไตล์ของอิมแจบอม ในเมื่อตัวผมเองทำงานเป็นสถาปนิก ชีวิตวุ่นวายกับการต้องทำงานดึกๆเค้นสมองเพื่อเอาไอเดียออกมาเป็นงาน

     

    “เลือกร้านดีนี่หว่า ไม่คิดว่านักธุรกิจหนุ่มอย่างคุณต้วนจะนั่งอะไรแบบนี้ด้วย”

    ทิ้งตัวลงตรงข้ามพลางมองไปรอบๆ บรรยากาศดีแต่เสียอย่างเดียว ผมกินแต่กาแฟไม่กินเค้ก เท่าที่เดินผ่านเข้ามาเห็นเค้กวางเรียงรายอยู่ในตู้เต็มไปหมด 

     

    “ก็เพราะรู้ไงว่ามึงต้องชอบ”

    “ทำมาเป็นรู้ใจ วันนี้จะใช้งานอะไรอีกละ”

     

    “มึงก็เกินไป ใช้คำว่าทำธุรกิจร่วมกันสิครับ”

    มาร์คพูดยิ้มๆก่อนจะกวักมือเรียกพนักงานประจำร้าน 

     

    “หรอออ มึงเรียกกูมาทีไรมีงานเร่งงานด่วนให้กูทำตลอดอะ”

    เพราะเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน เลยถูกมาร์คโยนงานด่วนให้ทำอยู่บ่อยๆ ชนิดที่ว่าไม่มีความเกรงใจเลยละ สั่งวันนี้เอาพรุ่งนี้อะไรประมานนั้น

     

    “เอาน่า ยังไงค่าตอบแทนก็งามนะ”

    “งามไม่งามกูก็ทำให้มึงหมดอะ คราวนี้เป็นอะไรละ?”

     

    “เดี๋ยวค่อยคุยรายละเอียด มึงกินไร?”

    เจ้าของเรือนผมสีแดงเหล่มองพนักงานที่มายืนอยู่ข้างๆเล็กน้อยก่อนจะพยักพเยิดถามผมเป็นเชิงบังคับ 

     

    “อะไรก็ได้ที่เป็นกาแฟ กูกินได้หมด”

    “งั้น.. เอาเหมือนเดิมสองที่แล้วกัน”

    พนักงานโค้งรับก่อนจะเดินออกไป 

     

    “เหมือนเดิม? แสดงว่ามาบ่อยหรอวะ”

    “ก็บ่อยนะ ร้านคนรู้จัก”

     

    “อ่ออืม แล้วสรุปมีงานไรให้กูทำ”

    “ไม่มีหรอก”

     

    “เอ้าไอ่สัส แล้วมึงเรียกกูมาเพื่อ?”

    มาร์คยกยิ้มออกมาเล็กๆ เหยียดตัวนั่งในท่าทางสบายๆ ไอ่นี่..ท่าทางจะเล่นผมเข้าแล้วละ

     

    “เรียกมาอยู่เป็นเพื่อเฉยๆ”

    “มึงตลกอะไรเนี่ย ไม่มีงานทำ? ตกงาน?”

     

    กาแฟร้อนๆถูกนำมาเสิร์ฟอยู่บนโต้ะ คนตรงหน้ายกแก้วขึ้นมาเป่า ผมได้แต่มองภาพของเพื่อนที่มักจะทำงานทั้งวันด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ ทำไมวันนี้มันทำตัวว่างเหมือนไม่มีงานต้องทำแบบนี้

     

    “ก็เนี่ย ทำงานอยู่”

    ตอบเสียงเรียบทำเอางงเป็นไก่ตาแตกมากกว่าเดิม งานอะไรของมันนั่งจิมกาแฟเฉยๆเนี่ยนะ หรือว่าจะได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้บริหารคอยรับเงินอย่างเดียวซะแล้ว

     

    “มึงเอาดีๆตรงๆ ประโยคเดียวแจ่มๆ มึงกำลังทำอะไรอยู่”

    “… นั่งเฝ้าลูกประธาน”

     

    นั่งเฝ้าลูกประธาน..

    อะไร? เดี๋ยวนี้ผู้ช่วยผู้จัดการมีหน้าที่แบบนี้ด้วยหรอ.. มันจะไม่อเนกประสงค์ไปหน่อยรึไง 

     

    “กูไม่ตลกนะ”

    “กูก็ไม่ตลก นั้นไงเดินมาละ”

     

    ผมหันไปมองตามที่มาร์คกำลังยิ้มให้ใครบางคน เด็กหนุ่มผิวขาวกำลังก้มหน้าก้มตาถอดผ้ากันเปื้อนออกจากเอวตัวเอง ผิวขาวเนียนเห็นได้ชัด นั้นคนหรือสำลี ทำไมถึงขาวได้ขนาดนั้น..

     

    “มาร์คฮยอง ผมแกะปมไม่ออกอะ แก้ให้หน่อยๆ”

    น้ำเสียงกระเช้างอแงดังขึ้นมาทันทีที่ถึงโต้ะ ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะมีปัญหากับสายผ้ากันเปื้อน เจ้าตัวหันหลังให้มาร์คก่อนที่มือหนาจะเลื่อนไปแก้ให้อย่างว่าง่าย

     

    นี่นะ.. งานที่บอก?

     

    “อะ เสร็จละ ไหนวันนี้ทำอะไรบ้างยองแจ”

    “ผมทำเค้กให้มาร์คฮยองด้วยนะ! จะกินเลยไหม~”

     

    ชื่อยองแจงั้นหรอ.. ลูกบอสของไอ่มาร์คสินะ เจ้าเด็กนี่ดูร่างเริงมาก ยิ้มทีตาปิดจนประสระอิ น่ารักใช่ได้เลย

     

    “เอาสิ เพื่อนพี่จะได้กินด้วย มันว่างพอดี” 

    จบประโยค ดวงตาเรียวเล็กก็หันมามองที่คนแปลกหน้าอย่างผมทันที คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ไอ่เด็กตี๋ทำหน้าสงสัยว่าผมคือใคร มันอยู่ที่เพื่อนตัวดีดันมาบอกว่าผมว่างนี่สิ

     

    ว่างตรงไหนวะครับ มึงว่างคนเดียวเลย เรียกมาให้นั่งเฝ้าเด็กเป็นเพื่อนเนี่ยนะ

     

    “เอ่อ..กูยังแก้แบบไม่เ..”

     

    “ยองแจ นี่แจบอมนะเพื่อนพี่เอง แจบอมนี่ยองแจ”

    พูดไม่ทันจบประโยคมันก็รีบออกปากขัดขึ้นมาซะก่อน 

     

    “สวัสดีครับแจบอมฮยอง~ เดี๋ยวผมไปเอาเค้กมาให้ชิมนะ~!”

    และยังไม่ทันที่จะได้ปฏิเสธอะไรคนตัวเล็กก็วิ่งแจ้นกลับไปทางเดิมโดยไม่ถามความเห็นก่อนซักคำ 

     

    “ไอ่เด็กนี่ กินยาม้าเข้าไปรึไงวะ แล้วนี่มึงเรียกกูมาเพื่อนั่งเฝ้าเนี่ยนะ?”

    ท่าทางของผมทำให้มาร์คหลุดหัวเราะ ก็เพราะรอยยิ้มกว้างยังติดตาอยู่เลย แต่ตัวนี่วิ่งหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ งงสิครับ

    “ก็กูไม่อยากนั่งคนเดียวนี่หว่า”

     

    “ไอ่เหี้ยมาร์ค กูยังแก้แบบโรงงานไม่เสร็จเลยนะเว่ย”

    “น่านะ ไหนๆมึงก็ออกมาแล้ว ถือว่าออกมาเจอกู นานๆทีจะเจอกัน เดี๋ยวกูเลี้ยงหมดเลย”

     

    ยกมือขึ้นมากุมขมับแทบไม่ทันเวลาอันมีค่าได้หายไปกับกิจกรรมไร้สาระไปแล้วเรียบร้อย เมื่อคืนยิ่งปั่นงานดึกกะจะนอนกลางวันซะหน่อย หมดกัน 

     

    “แล้วทำไมมึงต้องเฝ้าด้วยวะ ไม่เฝ้าก็ไม่ตายหรอกมั้ง”

    “กูกลัวยองแจเหงา”

     

    และเหตุผลที่ได้กลับมาทำเอาผมต้องกุมขมับอีกครั้ง เหตุผลงี่เง่ามาก ทำตัวเป็นเด็กมอปลายเฝ้าแฟนไปได้ ปกติมาร์คเห็นงานสำคัญยิ่งกว่าอะไร แต่นี่ทำไมถึงยอมทิ้งงานมานั่งอยู่เฉยๆแบบนี้

     

    “เดี๋ยวนะ.. อย่าบอกว่ามึงกับไอ่เด็กนี่กำลัง..ดูๆกันอะ..”

    ลากเสียงยาวเชิงสงสัย แต่คนตรงหน้าก็ไม่ตอบอะไรนอกจากมองหน้าผมแบบยิ้มๆและยกกาแฟขึ้นจิบ 

     

    ไม่นานยองแจก็เดินกลับมาพร้อมกับถาดเค้กที่มีเค้กวางอยู่ทั้งปอนด์ ตายห่า.. 

    เค้กช็อคโกแลตด้วย โคตรจะไม่ถูกปาก ผมไม่ชอบกินของหวานเลย

     

    แต่เพราะรอยยิ้มหวานๆผมเลยต้องพยายามทำตัวให้เป็นปกติ ไม่แสดงออกว่าขยาดขนมเค้กตรงหน้าเกินไป ให้ตายผมก็ไม่กินอะ

     

    “มาร์คฮยองลองกินดูๆ ผมตั้งใจทำมากเลยนะๆ”

    ยองแจเดินอ้อมไปนั่งลงข้างๆมาร์คพลางจัดการตักเค้กให้เสร็จสรรพ เค้กชิ้นเล็กจ่ออยู่ตรงหน้าราวกับราชชาที่มีสนมค่อยป้อน 

     

    นี่ผมมานั่งเป็นกอขอคอชัดๆ..

     

    “อ้ามม~”

    และก็เป็นอย่างที่ผมคิด ไอ่มาร์คงับเค้กเข้าปากไปก่อนจะเอาแต่พูดว่าอร่อยแบบนู้นแบบนี้ไม่หยุด เห็นแบบนั้นผมเลยหยิบสมุดสเก็ตขึ้นมาขีดๆเขียนๆงานฆ่าเวลา อย่างน้อยก็ให้งานได้เดินหน้าบ้าง

     

    “ไอ่บี ลองชิมดูดิ อร่อยนะ”

    ได้ข่าวว่าเคยบอกมันไปแล้วนะว่าไม่ชอบกินของหวานยังจะชวน ผมส่ายหน้าเบาๆปฏิเสธโดยที่ไม่ลืมลอบมองสีหน้าของยองแจ ดวงตาเรียวมองผมเหมือนลุ้นว่าผมจะยอมกินไหม ไม่อยากเสียน้ำใจหรอกนะ แต่ผมไม่ชอบของหวานจริงๆนี่น่า 

     

    “เอ่ออ..มีกินเลี้ยงต่ออะ เดี๋ยวจุก เอาเลย”

    เลือกที่จะตอบเลี่ยงๆไป แต่คืนนี้มีนัดกับเพื่อนไว้จริงๆเลยหยิบขึ้นมาพูดเป็นข้ออ้างมันซะเลย 

     

    “แค่ชิมก็ได้นี่ครับ”

    ยองแจพูดพร้อมกับดันถาดเค้กเข้ามาใกล้ แค่มโนถึงรสชาติมันก็เลี่ยนแล้ว ให้ตายยังไงก็ไม่กินเด็ดขาด 

     

    “ให้ไอ่มาร์คมันกินเถอะครับ พอดีไม่ถูกกับของหวานเท่าไร”

    ผมยิ้มให้เล็กน้อยแล้วก้มลงมาสนใจสมุดสเก็ตต่อ ถ้าตาไม่ฝาดแอบเห็นว่าปากแดงๆนั้นยู่ออกเล็กน้อยเพราะผมปฎิเสธ 

     

    ไม่น่าเชื่อว่าไอ่มาร์คจะชอบเด็กขนานนี้ หน้าตาหวานๆแก้มยุ้ยๆ ปากแดง ตาตี๋ คิดว่ามันจะชอบแบบผู้ใหญ่กว่านี้ซะอีก น่ารักดีนะ แต่ดูท่าทางจะเข้ากับผมยาก ในเมื่อผมเป็นคนนิ่งๆและไม่ได้ชอบคนที่ง้องแง้งๆพูดแจ้วจ้าว คอยตามใจอยู่ตลอด

     

    ปกติแฟนเพื่อนก็สนิทด้วยทุกคนนะ แต่ถ้าบังเอิญว่าสองคนนี้ได้เป็นแฟนกันจริงๆ ผมคงขอลา ผมไม่ชอบเด็ก 

     

    “วันนี้เหนื่อยไหมยองแจ จะกลับกี่โมง”

    “ไม่เหนื่อยหรอกครับ ทำงานสนุกจะตาย~ มาร์คฮยองจะกลับกี่โมงละครับ”

    “กี่โมงก็ได้ครับแล้วแต่ยองแจเลย”

    “คิกคิก งั้นเดี๋ยวเรากลับแล้วก็ได้ครับ ผมไม่อยากให้มาร์คฮยองนั่งเฉยๆคงเบื่อแย่”

     

    ครับ.. กลับเลยครับพวกคุณๆทั้งสอง

    นำเสียงเล็กๆพูดคุยกันอย่างสนิทสนม มันทำให้ผมอึดอัด ผมละเกลียดการนั่งป็นหมาหัวเน่ากับคู่รักมากที่สุดเลย ทำตัวไม่ถูก 

     

    ได้แต่เหล่ตามมองทั้งสองคนเป็นพักๆพลางก้มหน้าก้มตาทำงานไป

    แล้วนี่สรุปกูมาทำอะไรที่นี่วะเนี่ย..

     

    .

    .

    .

     

     

    ปวดเมื่อยตัวไปหมด อยากกลับบ้านไปนอนพักผ่อนจริงๆสิให้ตาย ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาก็พบว่ามันล่วงเลยไปเกือบจะเที่ยงคืนกว่า ผมพึ่งคุยงานกับลูกค้าเสร็จ ยังไม่ได้เริ่มทำงานที่ค้างไว้จากเมื่อคืนเลยด้วยซ้ำ แม่งไม่รู้จะเรื่องมากแก้แบบอะไรนักหนา กว่าจะลงตัวก็เลยเวลานอนไปมากโข 

     

    สะพายเป้ไว้หลวมๆข้างเดียวพลางสอดส่งหาร้านอาหารข้างทาง ต้องหาอะไรรองท้องซะก่อน คืนนี้ผมยังต้องนั่งปั่นงานอีกนาน พลันสายตาเหลือบไปเห็นร้านลูกชิ้นที่จอดอยู่หน้าผับเยื้องๆกับบริษัทลูกค้าพอดี 

     

    แหม่.. พระเจ้าคงเห็นใจหนุ่มโสดทำงานหนักอย่างผม ไม่รอช้ารีบเดินไปหาลุงเจ้าของร้านจะได้รีบกินรีบกลับ

     

    “ลุงครับ ลูกชิ้นสี่ไม้ครับผม”

    “คร้าบบ รอซักครู่นะคร้าบบ..”

     

    ชายวัยกลางคนส่งยิ้มให้พร้อมๆกับหยิบนู้นจับนี่ด้วยความไว มือหนาล้วงเข้าลวงออกอย่างชำนาญ ตัวผมก็ได้แต่ยืนมองนกมองไม้รอให้ถึงคิวตัวเอง

     

    มองเข้าไปในผับก็เห็นแต่เด็กวัยรุ่นคาดว่าคงอายุ 18-19 ต้นๆกันทั้งนั้น ดึกดื่นขนาดนี้บ้านช่องมีทำไมไม่รีบกลับกันนะ ความจริงเห็นแล้วมันอิจฉาน่ะครับ นักศึกษาจบใหม่อย่างผมทำงานอดหลับอดนอน ในขณะที่ไอ่เด็กพวกนี้มีเวลานอนเยอะแยะกลับไม่ยอมนอน 

     

    เอ้ะ.. นั้นมัน..

    คนบางคนที่กำลังเดินออกมาคุยโทรศัพท์ทำเอาผมชะงัก หน้าตาแบบนั้นมันคุ้นๆ..

     

    ยองแจไม่ใช่หรอวะ เที่ยวที่แบบนี้ด้วยรึไง..

     

    ผิวขาว ปากแดง หน้าตาน่ารัก.. แต่งตัวสบายๆ เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์สีซีดถูกพับขึ้นมาโชว์ข้อเท้าเล็กๆ หมวกไหมพรมสีแดงสด ดูแตกต่างเมื่อตอนบ่ายมากทีเดียว..

     

    เจ้าตัวยืนคุยโทรศัพท์อยู่ก่อนจะหันมามองที่ผมเพราะเหมือนจะรู้ตัวว่าโดนมอง ผมเลยรีบก้มหน้าหลบแกล้งมองหาเศษดินเศษไม้บนพื้น ไม่ใช่ว่าไม่กล้าสู้หน้าเจ้าเด็กนั่นหรอกนะครับ แต่ผมแค่สงสัยว่าหน้าตาแบ้วๆแบบยองแจเที่ยวผับด้วยรึไง

     

    “ลูกชิ้นสี่ไม้ได้แล้วคร้าบบ”

    เสียงเรียกทำให้ผมต้องละสายตาออกจากพื้นขึ้นมา ยองแจกำลังจะเดินกลับไปข้างในผมเลยรีบจ่ายเงินและปฏิบัติภารกิจไขข้องสงสัยทันที.. 

     

    กระชับถุงลูกชิ้นในมือแน่น จัดทรงผมเซอร์ๆให้เข้าที่เข้าทางเล็กน้อย ยังดีที่ผมค่อนข้างจะแฟชั่นอยู่บ้าง การแต่งตัวของผมเลยสามารถเดินเข้าผับได้สบายๆโดยที่ไม่มีใครมองด้วยสายตาแปลกๆ

     

    ก้าวผ่านพ้นประตูเข้าไปก็มองหาหลังไวๆเมื่อกี้ หายไปไหนแล้ววะ..

     

    ตัวขาวยังกะหลอดไฟไม่น่าหายาก เดินไปเดินมาก็รู้สึกเกรงๆ พอไม่มีโต้ะนั่งเป็นของตัวเองก็ทำตัวไม่ถูก ตัดสินใจตรงดิ่งไปที่บาร์แล้วนั่งดื่มอยู่ซักพักพร้อมๆกับมองหาว่าที่แฟนของเพื่อนผมด้วย 

     

    ความจริงผมไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ ยองแจอาจจะมาเที่ยวเล่นกับเพื่อนเฉยๆ แต่อะไรบางอย่างในตัวผมมันตะหงิดๆ

     

    เห้ย..เจอแล้ว!!

    นั้นมัน! ไอ่เด็กตี๋กำลัง.. ทำอะไรอยู่กับผู้ชายคนนั้น.. 

     

    บทจะเจอก็เจอเอาง่ายๆ แถมยังเจอในสภาพแจ็คพอตอีกต่างหาก.. แก้มเนียนเข้าไปออเซาะเกาะแกะอยู่กับไหล่หนาของใครซักคน ยองแจยิ้มหัวเราะคิกคักจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่านั้นคือเพื่อนของคนตัวเล็กหรือคู่ขาประจำวันกันแน่

     

    ถ้าคิดในแง่ดีมันก็คงจะเป็นแบบนั้น อาจจะเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ แต่ถ้าคิดในแง่ร้ายแบบที่ผมกำลังคิดอยู่ตอนนี้ก็คงไม่ดี และผมก็คิดว่าผมเดาถูก ว่าไม่ใช่เพื่อน..

     

    ในเมื่อปากอิ่มกำลังโน้มเข้าไปใกล้คนตรงหน้าเรื่อยๆ 

     

    ไม่รอช้าผมลุกขึ้นออกจากที่นั่งตรงดิ่งไปหาคนตัวเล็กทันที ทำไมถึงทำตัวแบบนี้ทั้งๆที่ยังมีไอ่มาร์คอยู่

     

    หมับบ..!

     

    “อ้ะ! แจบอมฮยอง!?”

    พอคว้าหมับเข้าที่ต้นแขน เจ้าเด็กนั้นหันมามองผมตาโต ทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจว่าผมมายื่นอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แน่ละ ใครจะไปคิดว่าจะบังเอิญเจอเพื่อนว่าที่แฟนละจริงไหม 

     

    “สวัสดียองแจ..ไม่คิดว่าจะเจอนายอยู่ในที่แบบนี้..และทำตัวแบบนี้นะ..”

    “…ปล่อยผมนะ”

    น้ำเสียงเรียบเอ่ยออกมา ไม่ใช่เสียงหวานเมื่อตอนที่อยู่กับมาร์คดูเหมือนว่ากำลังพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้โวยวายใส่ผมซะมากกว่า

     

    “ถ้ามาร์คมาเห็นแบบนี้ หมอนั่นจะว่าไงน้า..”

    เพราะหน้าตาเหวี่ยงทำให้ผมต้องออกปากขู่ไว้ก่อน ยองแจคงงงแหละครับ จู่ๆผมก็เดินมาพูดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่เพราะผมไม่ยอมให้เพื่อนผมโดนสวมเขาแน่

     

    “ฮยองไม่เกี่ยว ปล่อยนะ!”

    คนตัวเล็กเริ่มขึ้นเสียงใส่พร้อมกับพยายามบิดตัวเองออกจากพันทนาการของผม 

     

    “ไม่คิดว่าหน้าตาแบบนายจะทำเรื่องแบบนี้นะ”

    “อะไรของฮยอง เราไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เพราะงั้นปล่อยผมเดี๋ยวนี้”

    หน้าตาหวานบูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัด คงจะอารมณ์เสียที่โดนผมขัดจังหวะที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม 

     

    “ใช่เราไม่รู้จักกัน แต่บังเอิญว่าฉันเป็นเพื่อนไอ่มาร์ค คนที่นายพึ่งทำนิสัยอีกแบบเพื่อปกปิดตัวตนของนายตอนนี้ไง”

    “ไม่รู้เรื่องอย่ามาพูดดีกว่า ผมจะบอกให้การ์ดมาไล่ฮยองออกไปถ้ายังถือวิสาสะมายุ่งเรื่องของผมไม่เลิก!”

     

    “เอาสิ..”

    ต่อให้เป็นลูกของเจ้านายฝ่ายไหนก็เถอะ ผมจะไม่ยอมไว้หน้าใครทั้งนั้น ไม่น่าเชื่อนอกจากยองแจจะมีนิสัยสองหน้าแล้วยังจะชอบใช้อำนาจอีกต่างหาก ยองแจคนนี้ดูต่างจากเมื่อนตอนบ่ายมากจริงๆ 

     

    “ฮึ้ยย! ปล่อยผมนนะ! ไม่มีงานต้องทำไรไง!”

    คนตัวเล็กเริ่มดิ้นก่อนจะทำท่าจะฟาดกำปั้นเล็กใส่ผมเอาดื้อๆ 

     

    “มี แต่ฉันต้องจัดการเด็กอย่างนายก่อน ไปหามาร์คกับฉันเดี๋ยวนี้!”

    “อะ..อะไรอะ! ไม่ไป! ปล่อยนะ!”

     

    “หึ..”

    ผมลากคนตัวเล็กให้ออกมา ตลอดทางยองแจเอาแต่ดิ้นแล้วก็ทุบหลังผมไม่เลิก

     

    “ช่วยด้วยครับ! มีคนพยายามจะข่มขืนผ..อื้ออ!!!”

     

    ข่มขืนบ้าอะไรว่ะ!! 

    ผมรีบตะกรุบปากยองแจแทบไม่ทันเพราะประโยคที่เจ้าตัวแสบตะโกน รั้งร่างเล็กเข้ามาชิดทั้งตัวพร้อมกับปิดปากสีหวานแน่น เดี๋ยวจะพูดอะไรที่ทำให้ผมเสียหายออกมาอีก 

     

    “โอ้ยยย!! ไอ่เด็กบ้าเอ้ย กัดทำไมวะ!”

    สถบกับตัวเองพลางรีบลากคนในอ้อมกอดให้ออกจากร้านด้วยความทุลักทุเลจนกระทั่งโผล่พ้นออกมาหยุดยืนที่รถได้ ผมเปิดปากบางให้เป็นอิสระเพราะเลื่อนมาจับต้นแขนของอีกคนเอาไว้แทน พยายามดันให้เข้าไปในรถแต่มันก็เป็นเรื่องยากซะเหลือเกิน

     

    "ปล่อยผมนะไอ่ลุงแก่หัวหงอก!!!" 

    เสียงโวยวายของเจ้าเด็กแสบดังลั่นไปทั่ว แต่มันก็ไม่ได้สร้างความรำคาญอะไรให้กับคนรอบข้างได้เลย ในเมื่อสถานที่อโคจรที่เรายืนอยู่มีเสียงรบกวนดังกระหึ่มกลบเสียงพูดคุยไปจนหมด 

     

    "ฉันยังไม่แก่นะเว่ย แรงเยอะพอที่จะจับเด็กอ้วนแบบนายไปส่งไอ่มาร์คได้แล้วกัน!" 

    ผมกระชับต้นแขนเล็กในมือแน่น เจ้าตัวพยายามดิ้นเร้าๆจะหนีออกจากตรงนี้ให้ได้ 

     

    "ผมไม่อ้วนนะ! แค่มีแก้มแค่นั้นเอง ปล่อยยย~!!!" 

    จริงอยู่ที่ไอ่เด็กตัวขาวยังกับสำลีดิ้นได้มันไม่ได้อ้วน เพราะว่าแก้มอูมๆใสๆนั่นมันทำให้คนตัวเล็กดูมีน้ำมีนวล แต่ถึงจะน่ารักแค่ไหนผมก็ไม่ยอมเบามือให้แน่

     

    ไอ่คนน่ารักตรงหน้ามันแสบซะยิ่งกว่าแอลกอฮอลซะอีก.. 

     

    "ไม่มีทาง นายต้องไปหามาร์คกับฉัน"

    "ไม่ไป! ผมไม่ได้ทำอะไรผิด!" 

     

    "หรอ.. การที่ว่าทีแฟนเพื่อนฉันมายืนออเซาะกับชายแปลกหน้าในเวลากลางคืนมันไม่ผิดงั้นหรอ ต่อหน้าไอ่มาร์คทำเป็นใสซื่อ ลับหลังเละไม่มีชิ้นดี.." 

     

    "แล้วมายุ่งอะไรด้วยเล่า!"

    "ฉันจะฉีกหน้ากากใสซื่อของนายออกไงละ" 

    สายตาดุๆของผมจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่อง ซึ่งเจ้าตัวก็จ้องกลับโดยไร้ความกลัวเกรงใดใดทั้งสิ้น ไม่น่าเชื่อว่าหน้าตานิ่งๆซื่อๆจะร้ายซ้อนเล็บได้ขนาดนี้ มีอย่างที่ไหนกำลังจะเป็นแฟนเพื่อนผมแท้ๆ ยังมีหน้ามาเที่ยวเล่นควงคนนู้นทีคนนี้ทีในผับได้หน้าตาเฉย 

     

    "ลุงแก่อย่างฮยองทำอะไรผมไม่ได้หรอก!!"

    "งั้นมาลองกันซักต้ัง ชเวยองแจ.."

     

    ผมออกแรงดันยองแจให้เข้าไปในรถก่อนจะใช้เข็มขัดตัวเองมัดข้อมือบางติดกับกระปุกเกียร์ แล้วรีบสาวเท้าขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับ ความจริงมันก็ไม่ได้มัดแน่นอะไรหรอกครับ แค่ถ่วงเวลาไม่ให้ยองแจวิ่งลงจากรถก่อนที่ผมจะได้เหยีบคันเร่งเท่านั้นเอง

     

    “ไอ่ฮยองบ้าาาา!!!! ปล่อยยยยย!!!!”

    “จะตะโกนให้ได้อะไรห้ะ! หนวกหูว้อย!”

    ทันทีที่มือบางเป็นอิสระและเห็นว่าตัวเองหมดสิทธิ์วิ่งลงจากรถแล้ว ยองแจก็หันมารัวกำปั้นใส่ผมไม่ยั้งอีกรอบหลังจากรถเคลื่อนตัว ผมไม่สนใจสปีทตัวมุ่งหน้าไปคอนโดเพื่ออนสนิททันที 

     

    “ทำไมต้องมาจุ้นจ้านเรื่องคนอื่น! จอดรถเดี๋ยวนี้!! นี่แหนะๆๆ!”

    “อยากตายรึไงห้ะ! หยุดตีฉันได้แล้ว! โอ้ยย! ยองแจ!!”

     

    “จอดรถสิแล้วผมจะหยุด!!”

     

    เรื่องงอะไร.. ผมซิ่งติดสปีทพร้อมๆกับกดมือถือหาไอ่มาร์คไปด้วยหลบหมัดหลุนๆของไอ่แสบไปด้วยจนกลัวว่ารถจะชนตายขึ้นมาจริงๆ 

     

    รับโทรศัพท์สิวะ อย่าบอกนะว่าคืนนี้ไม่นอนคอนโดน่ะ 

     

    “แจบอม!!! บอกว่าให้จอดไงเล่า!!!!”

    ได้ จอดรถใช่ไหม.. ชักโมโหแล้วนะ จะเสียงดังอะไรนักหนา 

     

    เอี๊ยดด...!

    ผมเบรกรถกระทันหันจนคนข้างตัวปลิวไปติดกับกระจก และในจังหวะที่ยองแจกำลังพยุงตัวเองให้เป็นปกติผมก็อาศัยตอนนี้เข้าประชิดคนตัวเล็ก

     

    ไหล่บางถูกกดติดกับเบาะ ผมโน้มตัวเข้าไปใกล้ส่งสายตาดุๆจ้องมองอย่างเอาเรื่อง ยองแจย่นตัวหนีเบือนหน้าหลบจมูกของผมที่ตอนนี้มันแทบจะฝั่งลงไปในแก้มใสๆนั่นเข้าให้

     

    “ทะ..ทำอะไรน่ะ..! ขยับออกไปเดี๋ยวนี้นะ..”

    “ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงหูไอ่มาร์คก็นั่งเงียบๆ แล้วทำตามคนสั่งฉัน..”

     

    “ฮยองไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้อยู่แล้ว เรื่องอะไรผมจะต้องทำตามข้อต่อรองนี้ด้วยเล่า! คิดว่ามาร์คฮยองจะเชื่อคนแบบฮยองรึไง!”

    ถ้าให้ผมเดา ยองแจคงเป็นเด็กที่ถูกตามใจจนเคยตัวแน่ๆถึงไม่ยอมให้ใครขัดได้ง่ายๆ คิดว่าจะเอาชนะผมได้งั้นสิ 

     

    “หึ คิดว่าไอ่มาร์คจะเชื่อนายมากกว่าฉันสินะ..”

    “มันจะแน่อยู่แล้ว ต่อให้ฮยองพูดอะไรไปก็ไม่มีความหมายหรอกนะ เพราะงั้น ปล่อยผมลงได้แล้ว!”

     

    “ปล่อยก็หมดสนุกสิยองแจ.. อย่าคิดว่านายจะเล่นละครตบตาไอ่มาร์คได้คนเดียวนะ ถ้ามันจะไม่เชื่อที่ฉันพูด ฉันก็จะสร้างเรื่องให้มันเชื่อฉันเอง..”

    “จะทำอะไร.. อื้ออ!!”

     

    ไม่ต้องให้เสียงใสได้โวยวายอะไรมากมาย ผมจัดการแนบริมฝีปากตัวเองเข้ากับซอกคอขาวๆพลางรั้งข้อมือบางขึ้นเหนือหัวกดติดไว้กับกระจก ผมเริ่มฝากรอยแดงไว้เบาๆพร้อมๆกับกลิ่นหอมที่โชยเข้ามาแตะปลายจมูก

     

    “..อื้ออ..ปล่อย.. ไอ่..อ้ะ”

    ยองแจร้องออกมาฟังไม่ได้ศัพท์เพราะลิ้นร้อนของผมที่คลอเคลียไปทั่วก่อนจะดูดเม้มแรงๆจนร่างเล็กครางอือในลำคอ และเพราะกลิ่นหอมอ่อนๆเหมือนนมทำให้ผมอดใจไม่ได้ที่จะไล้ขึ้นไปจูบกลีบปากหวานเบาๆ 

     

    “อืมม..”

    ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าผมจะสิ้นลายลงไปเยอะเมื่อผมส่งลิ้นเข้าไปคลอเคลีย ยองแจหยุดดิ้นไม่รู้ว่าเพราะเคลิ้มหรือกำลังจะหมดแรงกันแน่ วงแขนเล็กร่วงลงมาวางแหมะอยู่บนไหล่ผม หยอกล้อนัวเนีบกับลิ้นเล็กที่พยายามขยับหนีอยู่ซักพักก็ถอนจูบออก

     

    เสียงหอบหนักดังออกมา ยองแจตะหวัดสายตาจ้องผมเขม็ง ริมฝีปากแดงก่ำเม้มเข้าหากันแน่น คงจะโมโหมากๆอยู่แน่ๆ

     

    “..คิดว่ารอยที่คอนายจะทำให้ไอ่มาร์คเชื่อใครมากกว่ากัน”

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

    ————————

    จบไปหนึ่งตอนกับตอนแรก 55 เป็นยังไงกันบ้างค่ะ 

    ดูเวิ่นๆไร้สาระเนอะว่าไหม 555 อีกอย่างลองเปลี่ยนสำนวนด้วย มันดีขึ้นไหมอะ TTTT  

    แค่อยากลองเปลี่ยนแล้วเปรียบเทียบกับแบบเดิมดู ถ้ามันกากก็ขอโทษด้วยนะคะ 55

     

    ปล.ถ้าใครอ่าน os เรื่องแรกจะสังเกตุว่ายองแจนางแต่งตัวแบบเดียวกันเป้ะเลย 555

    แท็ก #GOT2JAE นะค้าา ^^ 

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×