[WFcontest]อัลโฟร์ อากาฟี่ กับเหรียญทองแห่งเอรามอส - [WFcontest]อัลโฟร์ อากาฟี่ กับเหรียญทองแห่งเอรามอส นิยาย [WFcontest]อัลโฟร์ อากาฟี่ กับเหรียญทองแห่งเอรามอส : Dek-D.com - Writer

[WFcontest]อัลโฟร์ อากาฟี่ กับเหรียญทองแห่งเอรามอส

โดย Venatici

การผจญภัยตามล่าวัตถุดิบอาหาร ที่จะทำให้ทุกคนได้ตื่นเต้นไปพร้อม ๆ กัน กับปริศนาในการแย่งชิงความเป็นหนึ่งเดียวนั่นคือผู้ชนะที่จะได้ครอบครองเหรียญแห่งเกียรติยศ......เหรียญทองแห่งเอรามอส

ผู้เข้าชมรวม

109

ผู้เข้าชมเดือนนี้

0

ผู้เข้าชมรวม


109

ความคิดเห็น


0

คนติดตาม


0
เรื่องสั้น
อัปเดตล่าสุด :  11 ม.ค. 58 / 17:27 น.


ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้




(ขอบคุณภาพประกอบจาก google)



อัลโฟร์ อากาฟี่
กับเหรียญท
องแห่งเอรามอส


การผจญภัยตามล่าวัตถุดิบอาหาร
ที่จะทำให้ทุกคนไ
ด้ตื่นเต้นไปพร้อม ๆ กัน
กับปริศนาในการแย่งชิงความเป็นหนึ่งเดียวนั่นคือผู้ชนะ
ที่จะได้ครอบครองเหรียญแห่งเกียรติยศ

เหรียญทองแ
ห่งเอรามอส



 
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ

    อัลโฟร์ อากาฟี่ กับเหรียญทองแห่งเอรามอส                                                                                                      



    บทนำ

     

     

    คุณจะไม่เชื่อเรื่องที่ผมเล่าหรอก  หากไม่ได้มาเห็นกับตาตัวเองว่าตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่บนก้อนเมฆ!! ใช่แล้วคุณคิดไม่ผิดหรอกที่นี่คือนครลอยฟ้า ที่ซึ่งคนอย่างคุณจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามีอยู่จริง จนได้อ่านเรื่องราวของผมกับการผจญภัยที่สุดตื่นเต้นพิศดาร

    "ไม่มีใครเขาอยากฟังเรื่องของพี่หรอกน่า"  เสียงแหลมเล็กแทรกขึ้นมาเหมือนกับว่าหงุดหงิดเสียเต็มประดา

    ยัยนี่เป็นน้องสาวผมเองฮะ ชื่อคีเรีย อากาฟี่ เธอก็พูดไปอย่างนั้นแหละ เพราะอะไรคุณอยากรู้กันรึเปล่า? ถึงไม่อยากรู้ผมก็จะบอก อะแฮ่ม..นั่นเพราะเธอเป็นเด็กขี้อิจฉายังไงล่ะ!!

    หุบปากเน่า ๆ ของพี่ไปซะ!!” คีเรียตะคอกใส่ผมด้วยความฉุนเฉียว ก่อนจะเดินสะบัดตูดไปจากตรงนี้

    ผมว่าเราอย่าไปสนใจเธอเลยฮะ ก็แค่เด็กที่อยากเรียกร้องความสนใจ มาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่าอย่างที่ผมบอกไปว่าผมเป็นพลเมืองของนครลอยฟ้า ซึ่งข้างบนนี้ก็มีการแบ่งเขตแดนในการปกครองเหมือนกับบนโลกนี่แหละ แต่ผมจะอธิบายเฉพาะดินแดนละแวกใกล้เคียงละกัน เพราะเดี๋ยวคุณจะสับสนมากเกินไป

    ดินแดนที่ผมอาศัยอยู่คือ เอรามอส มีท่านอิซีรอสเป็นกษัตริย์ปกครองดินแดนมาอย่างยาวนาน ดินแดนของพวกเราอยู่ติดกับอุเรนอส ซึ่งเขาว่ากันว่ามีแต่นักรบที่แข็งแกร่งและเก่งกาจมากอาศัยอยู่ ทว่าหากมีศึกสงครามชาวเอรามอสคงจะแพ้ราบคาบอย่างหมดท่าทีเดียวเชียว แต่โชคดีตรงที่เราทั้งสองดินแดนเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันมาตลอด

    เอรามอส อุดมไปด้วยวัตถุดิบด้านโภชนาการที่อุเรนอสไม่มีดังนั้นอุสาหกรรมหลักของพวกเราคือการแปรรูปและส่งออกอาหาร แน่นอนว่าประชากรส่วนใหญ่ของเอรามอสล้วนแล้วแต่เป็นพ่อครัวหรือไม่ก็ทำเกษตรกรรมบนปุยเมฆกันแทบทั้งสิ้น

    อย่างเช่นครอบครัวผมเป็นต้น อากาฟี่เป็นตระกูลเก่าแก่ที่ผลิตอาหารรสเลิศมาอย่างยาวนานและผมก็เป็นทายาทรุ่นที่ 108 ดังนั้นผมจะต้องเป็นผู้สืบทอดที่ดีอย่างที่ทุกรุ่นเคยทำกันมา กิจวัตรประจำวันของผมก็คือการศึกษาวัตถุดิบต่าง ๆ เพื่อนำมาสร้างสรรค์อาหารใหม่ ๆ ที่มีรสชาติสุดพิเศษ ฉะนั้นตั้งแต่ผมจำความได้ ผมก็เข้าครัวมาตลอดเลยฮะ แต่ก็มีอาหารบางชนิดเหมือนกันที่ผมไม่เคยได้ทำเลย เพราะต้องใช้ส่วนผสมหายากขั้นเทพ อย่างเช่นพวกขนปีกของแฟรี่สวรรค์ ฟันของภูติใต้น้ำเป็นต้น  พวกนี้ถือว่าเป็นสัตว์วิเศษหายากและดุร้ายเอาการ จึงเป็นของต้องห้ามสำหรับเด็กอายุ 18 อย่างผม

    ถ้าว่ากันตามจริงแล้วอายุ 18 ปีไม่ถือว่าเป็นเด็กแล้วล่ะฮะ กำลังเป็นวัยสะรุ่นอยากรู้อยากลองเพื่อน ๆ ผมบางคนนั้นเริ่มออกล่าสัตว์ในแถบชายป่ากันแล้ว แต่แม่คิดว่าผมโดนสต๊าฟอายุไว้ที่ 5 ขวบ หากผมมีความคิดที่อยากจะนอกลู่นอกทางบ้างแม่จะห้ามทันที ทั้งที่แบบว่าผมก็โตแล้วนะฮะแม่

     

     

    ไอ้เรื่องนอกลู่นอกทางที่ผมว่าเนี่ย ก็คือการออกไปผจญภัยล่าวัตถุดิบแถว ๆ ชายป่าใกล้ๆ อย่างเช่นการไปล่าเนื้อแรบบิทฟาย อ่อเจ้าตัวนี้มีลักษณะเหมือนกระต่ายเลยฮะแตกต่างกันตรงที่มันบินได้เท่านั้นเอง เนื้อของแรบบิทฟายสามารถนำมาทำเป็นสตูร้อน ๆ เพื่อเพิ่มพลังความแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นอาหารส่งออกหลักไปที่อุเรนอสเลยล่ะ

    แรบบิฟายเป็นสัตว์ที่อ่อนแอมากฆ่าง่ายเสียยิ่งกว่าอะไร แต่สำหรับแม่ผมแล้วเห็นเจ้านี่เป็นมังกรเลยฮะ มันดูน่ากลัวและอันตรายสำหรับผมมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมผมถึงโดนล้อว่าเป็นไอ้ลูกแหง่แม่โอ๋

    พี่จะนอกเรื่องไปถึงไหนน่ะ คนอ่านเริ่มเบื่อแล้วนะคีเรียเดินกลับมาอีกครั้งแล้วนั่งลงข้าง ๆ ผม เสียงของเธอบ่งบอกว่ารำคาญมากนะ ที่ผมเอาแต่พูดพร่ำทำเพลงไม่เข้าเรื่องสักที

    ก็ได้ ๆ เธอก็อย่างรู้เหมือนกันละสิ ใข่มั้ย?” ผมหันไปถามน้องสาวตัวดีที่กำลังทำหน้าอยากรู้อยากเห็นเต็มที่มะไม่ใช่สักหน่อยคีเรียรีบแก้ต่างให้ตัวเอง

    โอเค…..ผมก็กำลังจะเข้าเรื่องอยู่นี่แหละ อย่างที่บอกไปว่าเพื่อน ๆ ต่างก็เห็นว่าผมคนไร้ความสามารถเว้นเสียแต่เรื่องทำอาหาร ผมเลยอยากจะพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นว่าผมเจ๋งกว่าที่ทุกคนคิด

    อย่างเช่นเรื่องที่ผมจะเล่าจริง ๆ ต่อจากนี้ก็เป็นสิ่งที่แม่ผมค้านหัวชนฝา นั่นคือการเข้าแข่งขันล่าวัตถุดิบอาหารวิเศษแห่งเอรามอส ที่ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย

    คุณพร้อมหรือยังที่จะเริ่มผจญภัยไปกับผมอีกครั้ง…………..

     

    เริ่มเปิดบันทึกการผจญภัย              

    เรียน คุณแม่ที่เคารพ

    ผม อัลโฟร์ อากาฟี่ทายาทรุ่นที่ 108 ของตระกูล มีความประสงค์ที่จะขออนุญาติเข้าแข่งขันล่าวัตถุดิบอาหารวิเศษแห่งเอรามอส ที่จะจัดขึ้นในอีก 3 วันข้างหน้า ใคร่ขอความกรุณาจากคุณแม่ กรุณาเซ็นต์อนุญาตให้กระผมได้เข้าร่วมการแข่งขันด้วยความสมัครใจ

     

         …………………………                                                                                            ………………………           

                          (มิสตี้ อากาฟี่)                                                                                (อัลโฟร์ อากาฟี่)

                            ผู้ปกครอง                                                                                                    ผู้สมัคร

     

     ไม่อนุญาต!”

    นางมิสตี้แม่ของผมปฏิเสธแทบจะทันทีที่เห็นผมยื่นใบร้องขอ แน่ละสำหรับแม่แล้วเรื่องการแข่งขันเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป แม้ว่าจะไม่เคยมีใครในประวัติศาสตร์ชาติเอรามอสเคยตายในการแข่งขันมาก่อน แต่แม่ก็ยังเห็นว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอยู่ดี

    โถ่แม่ฮะ ผมเป็นทายาทรุ่นที่ 108 ของตระกูลนะ จะไม่ให้ผมเข้าแข่งได้ยังไงผมพยายามเกลี่ยกล่อมแม่อีกครั้ง อีกอย่างผมก็อายุ 18 แล้วนะฮะแม่

    ผมพยายามที่จะอธิบายให้แม่เข้าใจถึงสถานการณ์ตอนนี้ การแข่งขันตามล่าวัตถุดิบอาหารวิเศษแห่งเอรามอสมันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก และจะจัดขึ้นทุก ๆ 3 ปี โดยมีเกณฑ์ว่า ผู้เข้าร่วมจะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปแต่ไม่เกิน 21 ปี ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ผมมีอายุตามเกณฑ์พอดิบพอดี ฉะนั้นผมจะไม่ยอมให้โอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเองหลุดลอยไปอย่างเด็ดขาด

    แม่รู้จ้ะลูกรัก แต่ว่ามันอันตรายเกินไปสำหรับลูกแม่ตอบขณะที่กำลังนั่งถักนิตติ้งเตรียมทำเสื้อเอาไว้ใส่ในฤดูหนาวที่ใกล้จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือน

    มันจะอันตรายยังไงฮะแม่ ผมอ่านกติกามาเป็นร้อยรอบแล้ว การแข่งขันระบุว่าเป็นการแก้ไขปริศนาตามเส้นทางที่กำหนด จะพบเจอแค่สัตว์ข้างทางระดับ 1 ซึ่งแม้แต่เด็ก 5 ขวบก็สามารถผ่านไปได้

    เหมือนผมกำลังเปิดเครื่องบันทึกเสียงให้แม่ฟัง เพราะระหว่าง 2-3 วันนี้ผมพูดถึงเรื่องการเข้าแข่งขันซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่แม่ก็ไม่ยอมใจอ่อนเสียที

    นี่ถ้าพ่อของผมยังอยู่คงไม่ต้องพยายามพร่ำบอกกับแม่แบบนี้หรอกฮะ แต่เพราะพ่อเสียไปตั้งแต่ผมยังเด็ก แม่เลยรับหน้าที่ดูแลพวกเรามาโดยตลอด จะว่าไปแม่ผมเป็นหญิงที่แกร่งมากคนนึงเลยล่ะ เพราะเธอทั้งเปิดร้านอาหารไปด้วยเลี้ยงลูกไปด้วย แต่ทำไมแม่ผมถึงไม่อยากให้ผมเป็นคนแข็งแกร่งบ้างนะ แม่จะรู้บ้างรึเปล่าว่ากำลังทำให้ผมกลายเป็นคนอ่อนแอที่ทำอะไรไม่เป็นเลยนอกจากทำอาหาร!!

    แม่ผู้ไม่เคยเห็นดีเห็นงามในเรื่องที่เห็นว่าเสี่ยงต่อความปลอดภัย ยังไงซะวันนี้แม่ก็ไม่เห็นด้วยแน่ ๆ ตื้อไปก็เสียเวลาเปล่า สู้เอาเวลาที่เหลือไปคิดแผนการอะไรก็ได้ที่จะทำให้แม่ตกลงปลงใจยอมเซนต์หนังสือยินยอมให้กับผมจะดีกว่า

    ในเวลาที่ผมทุกข์ในแบบนี้ ผมจะชอบไปนั่งเล่นนอกบ้านฮะ เวลาเดินเท้าเปล่าของผมเหยียบปุยเมฆนุ่ม ๆ ทำให้รู้สึกดีพิลึก ดังนั้นผมจึงไม่ชอบสวมลองเท้าออกจากบ้าน ลองจินตนาการดูนะฮะ คล้าย ๆ กับว่าคุณได้เดินบน…..ที่โลกมนุษย์เรียกอะไรนะ สายไหมใช่มั้ย ที่นุ่ม ๆ ฟูๆ นั่นแหละ ๆ ลองคิดว่าคุณกำลังเดินบนขนมสายไหมสิ คุณจะรู้สึกว่าตัวเบา ๆ เหมือนจะลอยได้เลยล่ะ

    ใช่แม้ว่าผมจะอาศัยอยู่บนอาณาจักรเมฆก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะเหาะได้สักหน่อย ดังนั้นความใฝ่ฝันอีกอย่างหนึ่งของผมคือ อยากจะล่ากระจอกเทศบินสักตัวเอาไว้เป็นสัตว์เลี้ยง แต่ก็นั่นแหละเจ้าสัตว์ตัวนี้ค่อนข้างอันตรายมีไม่กี่คนในหมู่บ้านเท่านั้นที่มีเจ้านี่ขี่ และที่สำคัญแม่ผมคงไม่ยอมให้ผมไปล่าแน่ ๆ คิดแล้วก็ขมขื่นจริง ๆ ชิวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้ออกไปผจญภัยแบบหนุ่มวัยรุ่นคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน

    เสียงเจื้อยแจ้วของเพื่อนรุ่นเดียวกันในหมู่บ้านกำลังพูดถึงเรื่องการเข้าแข่งขันอย่างตื่นเต้น หลาย ๆ คนได้ลงสมัครกันไปบ้างแล้ว ไม่สิจริง ๆ แล้วเกือบจะทุกคนเลยด้วยซ้ำที่อายุถึงเกณฑ์สามารถเข้าร่วมได้ เพราะว่าการแข่งขันนื้ถือเป็นเกียรติยศของวงศ์ตระกูลเลย ที่แน่ ๆ คือตระกูลอากาฟี่ เป็นหนึ่งเดียวที่ได้เหรียญตราเอรามอสเยอะที่สุด ตั้งแต่รุ่นทวดของทวดของทวด เชื่อเลยว่าไม่มีบ้านไหนในระแวกนี้ที่จะมีเหรียญตราแห่งชื่อเสียง ห้อยติดไว้เต็มฝาผนังอย่างบ้านผมแน่นอน

    แม่ไม่อนุญาตตามเคยใช่มั้ยล่ะ?”

    ผมหันไปมองทางต้นเสียง ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร คีเรีย น้องสาวผมเอง เธอเกิดหลังผม 2 ปีแต่ชอบทำตัวแหกกฏเสมอแบบที่ผมไม่เคยทำได้เลยสักครั้ง คีเรียหย่อนก้นลงนั่งข้าง ๆ รั้วไม้ที่ผมนั่งอยู่

    ก็แหงแหละผมพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับจ้องรูปปั้นเทพธิดามาเรียแอนน่า ผู้สรรสร้างอาหารวิเศษแห่งอาณาจักรเมฆที่โพสท่วงท่าสวยงามอยู่กลางน้ำพุสายรุ้ง

    ฉันมีวิธีที่จะทำให้แม่ยอมเซ็นต์ให้ แต่ต้องมีเงือนไขนะ

    ผมหรี่ตามองคีเรียที่กำลังแลกเปลี่ยนข้อเสนอสุดพิเศษให้กับผม แต่ยัยนี่ต้องอยากได้อะไรที่ไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะไม่มีทางที่น้องสาวตัวดีของผมจะยอมช่วยง่าย ๆ หรอก

    เงื่อนไขอะไร?”

    ฉันอยากได้เมล็ด ฮอร์นบีทพันธุ์แคระ จากคาพาโน่ ถ้าพี่….”

    โอ้วว ไม่นะ นั่นมันสุดยอดของหายากที่ฉันแอบไปซื้อพ่อค้าในร้าน กินอร่อยดื่มสนุกเชียวนะ!!”

    ฮอร์นบีทพันธุ์แคระ เป็นพืชที่สามารถนำใบมาตำทำเป็นส่วนผสมในอาหารให้ได้รสชาติที่นุ่มนวล ละมุนลิ้นจัดเป็นของหายากมาก ๆ อย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ฮะ ปกติแล้วเมล็ดฮอร์นบีทจะมีขายเฉพาะที่เมืองคาพาโน่เท่านั้น ซึ่งเป็นเมืองแห่งสมุนไพรและพันธุ์พืชวิเศษ ในแต่ละวันนั้นมีพ่อค้าจากคาพาโน่แวะมาส่งสินค้าและมาดื่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับชาวเมือง ทำให้บางครั้งผมก็แอบแม่ไปที่นั่นเป็นครั้งคราวเผื่อจะได้ของดีติดมือกลับมาบ้าง

    ถ้าไม่ ก็อย่าหวังว่าพี่จะได้เข้าแข่งขัน!!”

    คีเรียยกมือขึ้นกอดอกหันหน้าหนีเหมือนกับว่ายังไงผมก็ต้องง้อเธอ ใช่ฮะก็ผมไม่มีทางเลือกนี่นา แม้ว่าเมล็ดฮร์นบีทพันธุ์แคระจะมีความสำคัญกับผม แต่คงไม่เท่ากับการเข้าแข่งขันครั้งนี้แน่ยังไงก็คุ้มค่าที่จะแลก

    ก็ได้ผมตอบตกลง เธอหันมายิ้มกว้างก็แน่ละน้องสาวตัวดีพอใจกับคำตอบที่ได้รับแล้วนี่นา ไหนว่าแผนมาสิ?” ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะเข้าท่าหรือเปล่า

    คีเรียได้อธิบายแผนการที่ดูเหมือนจะทำง่าย ๆ คือเธอจะใช้กระดาษซ้อนทับกันไว้ ขั้นด้วยแผ่นกระดาษหมึกอัญชันเพื่อที่ว่าเวลาเซ็นต์แล้วหมึกจะซึมไปถึงอีกแผ่นที่อยู่ข้างล่างด้วย คีเรียจะทำเป็นว่าให้แม่เซ็นต์ใบขออนุญาตยืมหนังสือระดับ 8 เป็นระดับที่คนอายุ 16 อย่าเธอจะต้องมีลายเซนต์จากผู้ปกครองก่อนถึงจะสามารถยืมได้ ฟังดูแล้วแผนการเธอก็เข้าทีอยู่เหมือนกัน หวังว่าแม่คงไม่สงสัยมากนะ

    หลังจากเธออธิบายให้ผมฟังแล้วก็เริ่มแผนการโดยจัดฉากหากระดาษและเขียนใบร้องขอเพื่อนำไปให้แม่สุดที่รักเซนต์ แม่ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่กำลังนั่งถักนิตติ้งอย่างสบายใจ ไม่ได้ล่วงรู้เลยว่ากำลังทำสิ่งที่ผมเฝ้ารอมาตลอด

    แม่คะ หนูจะไปยืมหนังสือที่ห้องสมุด แต่หนังสือที่อยากอ่านระดับเกินกว่าที่หนูจะยืมได้ด้วยตัวเองแม่หันมายิ้มให้เธอเล็กน้อยเหมือนจะพอใจที่อยู่ ๆ ยัยตัวการวางแผนหันใจมาอ่านหนังสือกับเขาบ้าง หนูเลยอยากให้แม่เซ็นต์ให้หน่อยค่ะ ตรงนี้….” เธอชี้ให้แม่ดูเพื่อย้ำให้รู้ว่า แม่ต้องเซ็นต์ตรงนี้เป๊ะ ๆ เลยนะ

    ได้สิจ๊ะลูกรักแม่ตอบพร้อมกับหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นต์อย่างง่ายดาย เรียบร้อยจ้ะ แม่ดีใจนะที่ลูกหันมาสนใจอ่านหนังสือ

    ค่ะแม่ เอ่อหนูชอบหนังสือมาก ขอบคุณนะคะแม่

    หากไม่ติดว่ากลัวแผนจะแตกละก็  ผมจะรีบวิ่งถลาออกไปจากมุมที่ยืนหลบอยู่เพื่อคว้าใบอนุญาตในทันทีทันใด ในที่สุดก็ทำสำเร็จ ต้องยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับน้องสาวสุดที่รัก ที่ช่วยพี่ชายคนนี้ให้เข้าแข่งขันได้อย่างใจปราถนา

    ตามสัญญาคีเรียแบมือขอของแลกเปลี่ยนในขณะที่อีกมือก็ยังถือใบอนุญาตอยู่

    ยื่นหมูยืนแมว

    ผมกำถุงเมล็ดฮอร์นบีทพันธุ์แคระวางใส่มือน้องสาว ในขณะที่หล่อนก็ยื่นใบอนุญาตที่แสนมีค่าให้กับผมเช่นกัน ในที่สุดก็ได้ครอบครองเสียที ผมอดที่จะยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้ ความตื่นเต้นพุ่งพล่านอยู่ในจิตใจ เมื่อคิดถึงเรื่องของวันพรุ่งนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้น ผมจะได้เป็นหนึ่งในการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอรามอส

    เสียงจอกแจกจอแจดังขึ้นทั่วทิศทางแทบฟังไม่ได้ศัพท์ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของตลาดในตอนเช้าแบบนี้ฮะ ผู้คนในเมืองมาหาวัตถุดิบในการทำอาหารกันแต่ไก่โห่ แน่แหละผมจะต้องรีบออกในขณะที่แม่กำลังวุ่นกับการเตรียมร้าน เพราะแม่จะไม่ทันสังเกตว่าผมไม่อยู่บ้าน กว่าจะรู้อีกทีก็นู้นเลยฮะเกือบเที่ยงวัน ซึ่งตอนนั้นผมก็คงเตรียมตัวอยู่ในปราสาทแล้ว

    ผมเดินเลาะขึ้นไปเรื่อย ๆ ผ่านตลาด สวนสาธารณะ สถานที่ราชการสำคัญ ๆ หลายแห่ง แม้ว่าเส้นทางพวกนี้ผมเคยเดินผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกต่างออกไป นั่นเพราะผมคงกำลังเดินตามรอยบรรพบุรุษเพื่อเข้าแข่งขันแย่งชิงเหรียญทองแห่งเอรามอสกระมัง ฉะนั้นทุกก้าวที่ย่ำลงบนปุยเมฆนุ่น ๆ อัดแน่นไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยม

    ไม่นานนักผมก็เดินทางมาถึงปราสาทของพระราชา ซึ่งคลาคล่ำไปด้วยวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มาสมัครลงแข่งขันในปีนี้ เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายในการเปิดรับ ทุกคนจึงต้องมารวมตัวกันเพื่อเก็บตัว ผมไม่รอช้ารีบเดินไปที่ฝ่ายลงทะเบียนทันที ซึ่งตอนนี้ตั้งโต๊ะรอรับผู้สมัครอยู่ตรงส่วนด้านหน้าประตูทางเข้าปราสาท ในมือผมกำใบอนุญาตไว้แน่นประหนึ่งชีวิตผมเลยทีเดียวแหละ

    ขอใบลงทะเบียนด้วยฮะผมบอกกับเจ้าหน้าที่พร้อมยิ้มอวดฟันขาวเต็มที่

    ขอใบอนุญาตจ้ะเจ้าหน้าที่รับใบไปดูพร้อมกับขยับแว่นตาเล็กน้อยนี่จ้ะใบสมัคร กรอกให้ครบถ้วนและต้องเป็นความจริงเท่านั้นเจ้าหน้าที่สาวถลึงตาใส่ เข้าใจมั้ยจ้ะเธอถามย้ำอีกครั้ง

    เข้าใจฮะผมรับคำเธอพร้อมกับหาที่นั่งกรอกเอกสารให้ครบถ้วน ระหว่างนี้ผมได้ยินคนอื่น ๆ ที่มาสมัครพูดคุยกันเกี่ยวกับตัวผม นั่นไอ้เด็กลูกแหงหนิ มาได้ไงเนี่ยหรือไม่ก็ เขามาได้ยังไงน่ะ ที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่นนะและอีกสารพัดความฉงนสงสัยเกี่ยวกับการที่ผมมาปรากฏตัวที่นี่

    ไง พ่อเด็กแม่โอ๋

    ผมถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายก่อนจะหันไปมองทางต้นเสียง เขาคือ แมนโนสคู่ปรับแค้นอาฆาตของผมเองฮะ หมอนี่เป็นตัวตั้งตัวตีให้เพื่อน ๆ พากันล้อผมแล้วฉายาแปลก ๆ ทั้งหลายก็ไม่ได้มาจากที่ไหนหรอกนะ ถ้าไม่ใช่แมนโนสพยายามสรรหามาตั้งให้ผมเพื่อที่จะได้ดูแตกต่าง บางครั้งผมจะตั้งฉายาให้เขาบ้างเพื่อที่จะได้มีเกียรติเท่าเทียมกัน แต่ก็เท่านั้นละฮะ เพราะผมไม่มีพวกพ้อง ในสายตาเพื่อน ๆ ผมเป็นแค่คนผอมบางที่อ่อนแอเกินกว่าวัยรุ่นอายุ 18 เขาเป็นกัน

    นายมาทำอะไรที่นี่ล่ะ สมัครเป็นแม่บ้านหรออัลโฟร์

    แมนโนสคิดมุขตลกได้เข้าทีมาก เพราะสมุนของเขาและคนรอบข้างพากันหัวเราะชอบใจกันใหญ่ ก็ไม่แปลกหรอกที่ใครๆ จะพากันชอบเขาเพราะตระกูลของแมนโนสนั้นสืบทอดมาจากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่มีคนนับหน้าถือตาเยอะ พวกเขามีกิจการร้านอาหารใหญ่โตที่สุดในเมืองนี้เลยก็ว่าได้ หากนับรวมคุณสมบัติด้านรูปร่างหน้าตาแล้วละก็…. ตาสีฟ้าอ่อนนัยตาคมคริบกับผมสีทองอ่อนยามต้องแสงก็ชวนทำให้สาว ๆ อดที่จะกรี๊ดแตกไม่ได้

    เมื่อเทียบกับผมแล้วคนละเรื่องเลย ผมสีน้ำผึ้งไหม้กับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทำให้ผมดูหน้าหวานเหมือนเด็กผู้หญิง แถมร่างกายผอมบางแบบนี้ยิ่งชวนทำให้คิดว่าแท้จริงแล้วผมเป็นเพศไหนกันแน่

    ถ้านายว่างมากละก็ ไปเตรียมตัวเพื่อการแข่งขันดีมั้ย แมนโนส

    ผมกำลังจะอ้าปากตอบแต่แชลรีนก็เข้ามาสอดแทรกบทสนทนากลางคัน แชลรีนก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนเดียวกับผมฮะ เธอมักจะเข้ามาช่วยผมเสมอเวลาที่ผมโดนเพื่อน ๆ ล้ออย่างเช่นเหตุการณ์แบบนี้ ต้องขอบคุณเธอมากเลยเพราะนั่นทำให้ผมดูเป็นคนอ่อนแอมากขึ้นไปอีก ถือว่าเธอเข้ามาช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้ผมอย่างสมบูรณ์แบบจริง ๆ

    แชลรีนเป็นผู้หญิงที่ถือได้ว่าหน้าตาดีมากคนนึงเลยล่ะ ผมสีแดงเหยียดยาวเกือบถึงสะโพก ใบหน้ากลมรับกับผมม้าของเธอ ดวงตาสีน้ำตาลทองดูมีเสน่ห์คู่นั้นทำให้ผู้ชายหลาย ๆ คนแทบจะหลอมละลายลงต่อหน้าเธอ แต่คงต้องเว้นผมไว้สักคนแหละ เพราะเธอทำให้ผมรู้สึกแย่เกินกว่าจะมองในแง่ดี

    อัลโฟร์เอ๋ย แกก็ดีแต่หลบอยู่หลังหญิง แบบนี้เขาเรียกอะไรนะ…..” แมนโนสยังเยาะเย้ยผมไม่จบสิ้น

    แล้วแต่พวกนายจะคิดเถอะ

    ผมไม่อยากเสียเวลาต่อล้อต่อเถียง ยิ่งพูดยิ่งมากความสู้เดินจากไปเงียบๆ อย่างที่เคยทำมาตลอดน่ะดีที่สุดแล้ว ใช่ผมบอกกับตัวเองอย่างนั้น เพราะตอนนี้มีเรื่องอื่นที่ต้องคิดมากกว่า อย่างเช่น ทำยังไงถึงจะชนะการแข่งขันครั้งนี้

    ผมเลี่ยงเดินกลับไปยื่นใบสมัครคืนให้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเธอบอกกับผมว่าให้รออยู่แถว ๆ นี้ก่อนอีกสักพักจะมีการประกาศกติกา ข้อกำหนดต่าง ๆ ที่ผู้เข้าแข่งขันจะต้องรับรู้

    ระหว่างรอผมเลือกที่จะไปเดินเล่นสำรวจรอบ ๆ ปราสาท เพราะดีกว่ากลับไปนั่งที่เดิมให้พวกนั้นถากถาง ผมเห็นปราสาทมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้แต่ทุกครั้งที่เห็น ปราสาทตรงหน้าก็ยังคงสวยงามอยู่เสมอ ปุยเมฆขนาดมหึมาถูกปั้นแต่งให้กลายเป็นส่วนต่าง ๆ ประกอบรูปร่างเป็นพระราชวังใหญ่โต ที่มียอดแหลมมากกว่า 10 ยอด แม้ว่าตัวปราสาทจะสร้างจากปุยเมฆ แต่ดูแล้วมีความหนาแน่นมากกว่าบ้านเรือนทั่วไป

    พวกมันถูกปั้นแต่งให้เป็นบล็อคสีขาวสะอาดตาขนาดกลาง วางเรียงซ้อนกันจนสูงใหญ่ด้านบนยอดแหลมถูกปักด้วยสะเก็ดดาวฤกษ์ที่ส่องแสงได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นปราสาทใกล้ ๆ แบบนี้ช่างให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ

    ไม่นานนักเจ้าหน้าที่ก็ประกาศให้ผู้สมัครทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องโถงด้านในปราสาทเพื่อฟังกฏ กติกาการแข่งขันแบบละเอียดยิบ ผมกำลังเดินเข้าไปในห้องโถงเหมือนกับคนอื่นซึ่งค่อย ๆ ทยอยกันเข้ามา ภายในปราสาทนั้นหรูหราเกินกว่าที่ผมจะจินตนาการได้เลยฮะ ผนังถูกฉาบด้วยทองสีเหลืองอร่าม มีเสาแกะสลักรูปเทพธิดามาเรียแอนน่าคอยค้ำน้ำหนักเป็นระยะ ๆ จนสุดทางเดินของห้อง เป็นที่น่าสังเกตว่า เทพธิดามาเรียรูปสลักที่นี่ถือช้อนกับส้อมในมือลักษณะไขว้กันไว้ ซึ่งแตกต่างจากสวนน้ำพุสายรุ้ง

    ผมอดที่จะเหลือบมองขึ้นไปเพดานไม่ได้ เพราะมีพวงโคมดาวห้อยระย้อยลงมาอย่างไล่ระดับกัน เหมือนกับตอนนี้ผมอยู่บนดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน

    ปริศนาการคัดเลือกที่ชวนหัว

    อะแฮ่ม สวัสดีผู้เข้าแข่งขันทุกท่าน กระผมบลาสโต้ แอลบิโน่ รัฐมนตรีความมั่งคงแห่งอาเรมอส มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับท่านผู้กล้าในปีนี้ ผมอยากจะกล่าวอะไรสั้น ๆ สักสองสามอย่างเกี่ยวกับกฏ กติกาในการแข่นขัน เฉกเช่นทุกปีที่ผ่านมา กฏยังคงความศักดิ์สิทธิ์และผู้เข้าแข่งขันจะต้องทำตามอย่างเคร่งครัดท่วงท่าและวาทะศิลป์ของท่านรัฐมนตรี สะกดให้คนทั้งห้องอยู่ในความเงียบพร้อมที่จะฟังเรื่องราวที่ท่านจะกล่าวต่อ

    อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้ว และคงไม่ผิดอะไรที่ผมจะขอย้ำกันอีกสักรอบ การแข่งขันล่าวัตถุดิบอาหารวิเศษแห่งเอรามอสนี้ ผู้แข่งขันจะต้องใช้สติปัญหาในการแก้ไขปริศนาเพื่อไปสู่สถานที่เก็บวัตถุดิบวิเศษ แน่นอนว่าใครก็ตามเป็นผู้ที่ได้ครอบครองก่อนเป็นคนแรก จะเป็นผู้ชนะทันทีท่านรัฐมนตรีขยิบตาเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ และอีกข้อสำคัญเพื่อความปลอดภัยของผู้แข่งขันทุกคน สัตว์อันตรายระดับ 5 ขึ้นไปจะไม่อยู่ในเส้นทางของการล่าวัตถุดิบ พวกเราใช้ปัญญามากกว่ากำลัง ฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะเจอกับอันตรายเพราะเจ้าหน้าที่ได้เก็บกวาดไปไว้ยังสถานที่อื่นเรียบร้อยแล้ว

    เมื่อรัฐมนตรีพูดจบก็เริ่มมีเสียงงึ่งหั่งเกิดขึ้น รอบตัวผมบางคนบ่นเสียดายที่จะไม่ได้ใช้กำลังในการแข่งขัน แต่ผมเองนั้นแอบโล่งใจมากทีเดียว เพราะหากต้องต่อสู้ล่ะก็ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าผมจะสู้ยังไง?!! มีหวังต้องตกรอบก่อนใครเพื่อนแหงแก๋

    สุดท้ายนี้ ผมก็ไม่หลงลืมที่จะบอกกับผู้เข้าแข่งขันว่า เราจะมีการคัดเลือกรอบแรกกันตั้งแต่ตอนเก็บตัวอยู่ที่ปราสาท ระหว่าง 3 วันนี้พวกคุณจะได้ทำภารกิจกันเป็นกลุ่มซึ่งเดี๋ยวผมจะแจ้งให้ทราบหลังจากแบ่งกลุ่มเรียบร้อยแล้ว เผื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลามากเกินไป จะขอเริ่มเลยละกันท่านรัฐมนตรีคลี่แผ่นกระดาษออกมาเพื่อเรียกรายชื่อ สำหรับกลุ่มแรกใครถูกเรียกชื่อแล้ว ให้ออกมายืนรวมกันทางด้านซ้ายมือ เข้าใจตรงกันนะ?” เมื่อท่านเห็นว่าทุกคนมีสีหน้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ก็เริ่มเรียกรายชื่อทีละคน มอลฟี่ บิโลน, คาร์เนีย ฟลาว์ตัส, เอโดโฟส เปต้า…..”

    ในขณะที่บลาสโต้ไล่รายชื่อจัดกลุ่มไปเรื่อย ๆ ในใจผมก็ภาวนาขอให้ได้ใครสักคนที่ไม่ใช่พวกแมนโนสหรือแชลรีน ผมไม่ค่อยชอบการจับกลุ่มเท่าไหร่ เพราะทุกคนชอบทำเหมือนผมเป็นไองั่งทำอะไรไม่เป็น ส่วนใหญ่แล้วเวลาทำงานกลุ่มอะไร ผมมักจะได้เป็นตัวแถมเสมอ แค่รอบคัดเลือกก็ทำให้ผมไม่มั่นใจซะแล้วสิ

    กลุ่ม G อัลโฟร์ อากาฟี่…..”

    เสียงทุ่มต่ำของบลาสโต้ที่กำลังขานชื่อผม ทำเอาใจหายตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ผมค่อย ๆ ก้าวออกมาข้างหน้าอย่างหวาดหวั่นเพราะไม่รู้ว่าสมาชิกร่วมกลุ่มคนต่อไปจะเป็นใครบ้าง

    ฟารัส บีนัว, ฮอนนอส โจเวีย , แชลรีน ลิเบโล่

     โอ้วไม่นะ

    ผมโอดครวญประท้วงอยู่ในใจ ทำไมต้องแชลรีนด้วย ยัยจอมจุ้นนั้นคงทำให้ผมหมดสิทธิ์การออกเสียงอย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่เริ่มเกมแหง ๆ

    ฉันดีใจนะที่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับนาย แต่หากว่า….” แชลรีนยื่นมือมาเชคแฮนด์กับผมอย่างรวดเร็ว ถ้านายจะไม่ว่าอะไร ฉันอยากให้นาย อยู่เฉย ๆ แล้วจะดีเอง ตกลงนะพูดเสร็จเธอก็หันไปทักทายคนอื่นประหนึ่งว่ารู้จักกันมาเป็นแรมปีโดยไม่สนคำตอบจากผมเลยว่า โอเครึเปล่า!!

    เชื่อเขาเลยนี่มันการแข่งขันแห่งเกียรติยศเชียวนะ จะให้ผมนั่งบ้าใบ้ได้ยังไงกัน ผมมาที่นี่เพื่อจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าผม ไม่ได้อ่อนแอ อย่างที่เข้าใจกันฉะนั้นครั้งนี้ผมจะไม่ยอมอยู่เฉย ๆ แล้วจะดีเองเด็ดขาด

    บลาส์โต้ใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆ กว่าจะแบ่งกลุ่มเสร็จ เพราะปีนี้มีผู้สมัครเยอะเหลือเกิน หากมองจากสายตาแล้วน่าจะมีประมาณสองร้อยกว่าคนได้ แต่ละกลุ่มนั้นจะมีจำนวนสมาชิกทั้งสิ้น 6 คนกลุ่มของผมนั้นมียัยแชลรีนจอมเจ๋อ ฟารัสเพื่อนร่วมชั้นเรียนผมอีกคนที่ผมไม่ค่อยสนิทด้วย ฮอนนอสผมรู้จักเขาดีแม้ว่าจะอยู่คนละห้องกันเพราะเขาโดดเด่นเรื่องการเล่นกีฬา ส่วนอีกสองคนนั้นเป็นผู้หญิงหนึ่งคนผู้ชายหนึ่งคนซึ่งผมไม่รู้จักเพราะเรียนกันคนละที่

    ตอนนี้ทุกคนมีกลุ่มกันหมดแล้วใช่มั้ย เอาละผมอยากจะบอกว่า ปราสาทด้านซ้ายมือถูกจัดเตรียมไว้สำหรับเป็นที่พักสำหรับผู้เข้าแข่งขัน ไม่ต้องสงสัยในเส้นทางเดินเพราะเดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่พาไปส่ง วันนี้ขอให้พักผ่อนกันให้เต็มที่ แล้ววันพรุ่งนี้พระราชาจะมากล่าวต้อนรับเล็ก ๆ น้อย ๆ และจะมอบปริศนาแรกให้กับทุกกลุ่ม ขอให้โชคดีกับการแข่งขันบลาสโต้โค้งเล็กน้อย ทุกคนในห้องโถงต่างปรมมือให้กับท่านอย่างพร้อมเพียงกัน

    หลังจากที่ท่านรัฐมนตรีพูดจบ เจ้าหน้าที่ก็พาพวกเราไปยังส่วนของที่พัก ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นชายหญิง แต่ละห้องถูกจัดไว้สำหรับ 4 คนเข้าพัก โดย ผม ฮอนนอส ฟารัสและอีกคนนึงที่อยู่ในกลุ่มได้พักห้องเดียวกัน

    สวัสดีฉันชื่อ คาเวลเขาเอ่ยแนะนำตัวพร้อมกับมองไปทางคนดัง นายคือฮอนนอสใช่มั้ยล่ะ ชื่อเสียงนายน่ะโด่งดังมากเลย เอ่อแล้วนายสองคน…. คาเวลหนุ่มต่างโรงเรียนดูจะตื่นเต้นกับการที่ได้เห็นฮอนนอสตัวเป็น ๆ

    ฟารัส บีนัว ยินดีที่ได้รู้จักเขาเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร

    เอ่อฉัน อัลโฟร์ อากาฟี่ผมเอ่ยแนะนำตัวอย่างเคอะเขินเพราะมีไม่กี่ครั้งที่จะมีโอกาสได้เจอเพื่อนใหม่แบบนี้

    หวังว่าพวกเราจะร่วมมือกันทำภารกิจให้สำเร็จไปได้ด้วยดีนะคาเวลบอกพร้อมกับจัดแจงของใช้ส่วนตัวให้เข้าที่เข้าทาง

    ซึ่งคนอื่น ๆ รวมทั้งผมด้วยต่างก็กำลังจัดสัมภาระและสิ่งของต่าง ๆ ที่คิดว่าจะจำเป็นต่อการทำภารกิจ แม้ยังไม่มีใครรู้เลยว่าโจทย์ปริศนาคืออะไรก็ตาม ผมไม่ได้เอาอะไรติดมาเยอะนักมีเพียงแค่หนังสือและอุปกรณ์อีกสองสามอย่างที่ไม่ผิดกติกา

    สำเร็จแน่ ถ้าไม่มีตัวถ่วง

    ฟารัสพูดขึ้นพร้อมกับจงใจหันมามองทางผม คล้ายกับบอกเป็นกลาย ๆ ว่าผมมันเป็นจุดอ่อนของทีม คาเวลผู้ไม่รู้เรื่องราวอะไรด้วยทำสีหน้างุงงง แต่ผมจะให้ผมคลายความสงสัยว่า อ๊อ ฟารัสหมายถึงฉันเอง ฉันมันงี่เง่าไม่ได้เรื่องผมว่าความคิดนี้ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย

    เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มโรยราลง กลายเป็นความมืดเข้ามาแทนที่ มีเพียงแสงสลัวจากเปลวเทียนในคบเพลิงทำให้ยังพอมองเห็นอะไรบ้าง ตอนนี้เพื่อนคนอื่น ๆ หลับกันแล้ว มีแค่เพียงผมกับเพื่อนต่างโรงเรียนเท่านั้นที่ยังไม่นอน คาเวลกำลังขะมักเขม้นกับการดูหนังสือ เขาบอกว่าอาจจะเป็นประโยชน์กับภารกิจวันพรุ่งนี้

    ส่วนผมรู้สึกตื่นเต้นเกินกว่าจะข่มตาหลับลงได้ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์สุดวิเศษที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน ยิ่งทำให้ไม่กล้านอนเพราะกลัวว่าหากตื่นมาเรื่องทุกอย่างจะเป็นเพียงแค่ฝันไป ผมอาจจะตื่นเต้นมากไปหน่อยเลยทำให้มวนท้องอย่างรุนแรงจนผมต้องลุกขึ้นออกไปนอนห้องเพื่อไปเข้าห้องน้ำ

    จริง ๆ แล้วเมื่อตอนเย็นเจ้าหน้าที่แนะนำทางไปห้องน้ำและห้องครัว แต่กลางคืนแบบนี้มันมืดเกินไปกว่าที่ผมจะมองเห็นทางทั้งหมด เพราะในปราสาทนั้นกว้างใหญ่มากจนผมไม่รู้ว่าแยกไหนเป็นแยกไหนแล้ว เท่าที่จำได้ลาง ๆ เจ้าหน้าที่บอกว่าห้องน้ำไปทางซ้ายมือ ผมจึงตัดสินใจเดินไปทางซ้ายมือ โชคไม่ดีที่ผมไม่ได้ติดคบเพลิงมาด้วยเลยทำให้มองทางไม่ค่อยเห็น ผมพยายามเดินเลาะ ๆ เกาะกำแพงไปเรื่อย ๆ ยังดีที่สองข้างทางพอมีแสงไฟอยู่บ้างเป็นระยะ ๆ

    ผมเดินมาถึงทางที่เต็มไปด้วยหุ่นอัศวินในชุดเกราะ แม้ว่าเมืองเอรามอสจะเป็นเมืองอุตสาหกรรมอาหารแต่เราก็ต้องมีนักรบเอาไว้บ้างเพื่อป้องกันศัตรูจากเมืองอื่น ๆ ยามเกิดเหตุฉุกเฉิน ดังนั้นจึงมีพลเมืองจำนวนหนึ่งที่เลือกจะเป็นองครักษ์พิทักษ์เมือง

    ไม่นานนักผมก็มาถึงทางแยกอีกจนได้ ผมรู้สึกว่าตัวเองเดินมาไกลเกินกว่าทางไปห้องน้ำเสียแล้ว เป็นเพราะความมืดทำให้ผมรู้สึกโหวงเหวงและเหมือนมีใครจับตามองอยู่ตลอดเวลา จริง ๆ แล้วผมอาจจะเดินผ่านมาได้แค่ไม่กี่เมตรเองก็ได้ ผมตัดสินใจเลือกไปทางขวาและหวังว่าผมจะเจอห้องน้ำในเร็ว ๆ นี้

    หลังจากที่เลี้ยวมาได้สักพักผมก็เห็นแสงไฟสลัว ๆ ที่ลอดมาจากประตูไม้ห้องห้องหนึ่ง ผมรีบเดินเข้าไปใกล้เพราะคิดว่าเป็นห้องน้ำแน่นอน แต่เปล่าเลยเมื่อผมเดินเกือบไปถึงประตู ผมได้ยินเสียงคนคุยกันเบา ๆ ออกมาจากในห้องนั้น

    ทุกอย่างเรียบร้อยมั้ยเสียงชายคนหนึ่งพูดขึ้น

    เรียบร้อยดีครับ ท่านไม่ต้องกังวลมีเสียง ๆ หนึ่งตอบขึ้น ซึ่งเสียงเขาดูจะแหลมเล็กกว่าชายคนแรก

                    ดีมาก พวกเด็ก ๆ คงได้ไขปริศนากันอย่างเต็มที่แน่ ๆเสียงชายคนแรกเอ่ยขึ้นอย่างพอใจ

                    มันจะไม่ยากเกินไปหรือครับท่านเสียงชายคนที่สองกล่าวทักอย่างเป็นกังวล

                    พวกเขาอาจจะหาส่วนผสมอื่นได้ แต่ยากที่ใครจะเดาปริศนาบรรทัดสุดท้ายออกว่าส่วนผสมคือ….” ชายคนแรกหยุดพูดเล็กน้อย ผมคิดว่าเขาคงกำลังมองซ้ายมองขวาว่ามีใครแถวนี้หรือเปล่า ไข่พิกซี่ป่าฝน

                    ชายสองคนนี้กำลังพูดถึงเรื่องปริศนาในการแข่งขัน เมื่อได้ฟังบทสนทนาของทั้งสองคนนี้ทำให้ใจผมเต้นรัวราวกับกลอง ผมตื่นเต้นจนไม่กล้าจะหายใจเพราะกลัวว่าคนในห้องจะได้ยินและถ้าถูกจับได้ว่าผมแอบฟัง บางทีผมอาจจะถูกตัดสิทธิ์ก็ได้

                    ไข่พิกซี่ป่าฝนหรอ? ผมพยายามจะคิดว่าอาหารอะไรบ้างที่ใช้วัตถุดิบหายากอย่างนี้ แต่ผมไม่มีเวลาคิดนานเท่าไหร่ เพราะต้องหาทางออกไปจากตรงนี้ให้ได้เสียก่อน ผมเลือกที่จะเดินกลับไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว

                    เอี๊ยดด….!!

                    ซวยละสิ ระหว่างที่ผมกำลังจะวิ่งดันไปเหยียบแผ่นไม้ที่มีเสียงเข้า ผมไม่รอให้ใครเอ่ยทักจึงวิ่งต่ออย่างไม่คิดชีวิต แม้ผมจะมองไม่เห็นแต่เชื่อได้เลยว่า ชายสองคนที่อยู่ในห้องจะต้องรีบวิ่งตามออกมาแน่นอน

                    แฮ่กๆ

                    ผมวิ่งมาหยุดอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้แต่ที่แน่ ๆ ข้างหน้าผมคือห้องน้ำ!! สถานที่ที่ผมตามหามานาน ตอนนี้ผมลืมเรื่องปวดท้องไปจนหมดสิ้น ได้แต่ยืนหอบหายใจอยู่ในห้องน้ำเพื่อหลบซ่อนตัว ผมยืนฟังจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีเสียงเท้าคนเดินจึงรีบเดินออกมาเพื่อกลับห้องพักทันที

                    เช้าวันใหม่ของผมไม่ค่อยสดใสนัก เพราะเมื่อคืนมีเหตุการณ์ตื่นเต้นทำให้ผมไม่กล้านอน เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ผจญภัยอะไรแบบนี้ รู้สึกแปลกดีพิลึกมันสับสันไปหมด จิตใจเต็มไปด้วยความกลัว ใช่ผมกลัวมากหากถูกจับได้จะเป็นอย่างไร แต่เมื่อรอดพ้นมาได้ความรู้สึกผมก็เปลี่ยนไป แปรเลี่ยนเป็นความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

                    หลังจากทำกิจวัตรประจำวันเสร็จแล้วพวกเราก็ไปรวมตัวกันที่ห้องโถงเพื่อที่จะรับภารกิจแรกรอบคัดเลือก และวันนี้พระราชาจะเป็นคนมอบปริศนา

                    ไงทุกคน เมื่อคืนหลับสบายดีมั้ย?” แชลรีนเอ่ยทักทุกคนในทีม

                    อืม ก็หลับเต็มอิ่มนะ ว่าแต่เธอชื่ออะไรละ ฉัน คาเวลเขาเอ่ยแนะนำตัวกับแชลรีนเพราะเมื่อวานยังไม่ได้คุยกันมากเท่าไหร่

                    ฉันชื่อ แชลรีน เมื่อคืนฉันคุยกับมาเทียเกือบทั้งคืนเรื่องภารกิจ

     มาเทียผู้หญิงอีกคนนึงของกลุ่ม เธอคงจะเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนกับคาเวลเพราะดูแล้วมีท่าทางสนิทกันพอสมควร มาเทียเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ผมบลอนด์หยักโศกเป็นคลื่นดูแล้วเหมือนตุ๊กตายังไงยังงั้น

                    อะแฮ่ม ทุกคนโปรดฟัง ขณะนี้พระราชาได้เสด็จมาถึงแล้วท่านรัฐมนตรีประกาศทำให้ทั่วทั้งห้องหันมามองเป็นตาเดียวกันเพื่อรอคอยฟังภารกิจ

                    สวัสดีผู้เข้าแข่งขันทุกคน ปีนี้เป็นปีที่เท่าไหร่แล้วนะ สำหรับการแข่งขันล่าวัตถุดิบอาหารแห่งเอรามอสพระราชายิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพูดต่อ แม้ว่าการแข่งขันจะดำเนินมาหลายทศวรรษแล้ว แต่ทุกครั้งก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาประกาศภารกิจปริศนา

                    พระราชาหันไปรับสาสน์ภารกิจจากรัฐมนตรี นำมาคลี่ออกเพื่ออ่านมัน

                    ณ บัดนี้ควรแก่เวลาที่จะประกาศภารกิจแล้ว สำหรับรอบคัดเลือกจะเป็นการหาวัตถุดิบอาหาร ซึ่งทุกคนสามารถมองหาพวกมันได้รอบๆ ปราสาท โจทย์คือให้หาวัตถุดิบตามคำใบ้แล้วนำมาประกอบอาหารให้ถูกต้อง

                    หลังจากที่พระราชาพูดจบก็มีเสียงอื้ออึงของผู้แข่งขันที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ทุกคนต่างพูดถึงภารกิจไปต่าง ๆ นานา แน่ละผมรู้หนึ่งอย่างแล้วว่ามีไข่พิกซี่ป่าฝน!

                    เอาละขอให้ทุกคนเงียบแล้วจงตั้งใจฟังปริศนาต่อไปนี้ให้ดี

    ใครหนอคือตัวฉัน ตั้งชูชันจากแดนไกล รสชาติละมุนละไม ใครต่างใคร่ใส่ฉันลง

    สายน้ำหลากหลายสี ไหลทุกที่เพิ่มสีสัน บรรจงเทลงพลัน ใส่หม้อนั้นให้ลิ้มลอง

    สีแดงอยู่ในขวด เทพุ่งพรวดสร้างความหวาน กำเนิดมาอยู่นานทำจากพืชเม็ดแดงกลม

    วงรีอยู่ในป่า เสียงซ่า ๆ ทุกแห่งหน ข้าเกิดจากตัวตนซ่อนหลบเร้นพบยากเอย

                    ไม่ต้องกลัวหากว่าจะจำไม่ได้ คำปริศนาจะถูกส่งให้ทุกคนในตอนนี้

    หลังจากที่พระราชากล่าวจบ ก็มีเจ้าหน้าที่ยื่นกระดาษส่งต่อ ๆ กันอย่างทั่วถึง ผมหยิบแผ่นกระดาษมาแล้วพิจารณาดูอีกทีว่าอาหารที่ให้ทำคืออะไร

                    หวังว่าไม่ยากเกินกว่าที่ทุกคนจะเดาได้นะ ภารกิจสิ้นสุดในหัวค่ำวันนี้ แสดงว่าพวกเธอมีเวลาในการตีโจทย์และหาวัตถุดิบต่าง ๆ แค่เย็นนี้เท่านั้นพระราชาขยิบตาให้กับพวกเราที่ต่างบ่นถึงระยะเวลาที่น้อยเหลือเกิน เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ขอประกาศว่าเริ่มภารกิจได้ตั้งแต่บัดนี้ ขอให้ทุกคนโชคดี

                    ตอนนี้พระราชากำลังเสด็จกลับพร้อม ๆ กับขบวนองครักษ์และท่านรัฐมนตรี ทั่วทั้งห้องโถงตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงดังอึกทึกของผู้เข้าแข่งขันที่กำลังถกเถียงกันในการเดาโจทย์ปริศนา รวมถึงกลุ่มของผมด้วย

    ใครหนอคือตัวฉัน ตั้งชูชันจากแดนไกล รสชาติละมุนละไม ใครต่างใคร่ใส่ฉันลง พวกนายว่าคืออะไร แชลรีนเริ่มการสนทนาด้วยการทวนโจทย์อีกครั้งนึง

    ต้นขนเม่น!!” ฟารัสเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น

    นายอย่างบ้าหน่า ต้นขนเม่นมันรสชาติละมุนซะที่ไหนฮอนนอสเอ่ยท้วงขึ้น

    ต้นอะไรบ้างที่ตั้งชูชัน?” แชลรีนเอ่ยถามความคิดเห็นอีกครั้ง ซึ่งแต่ละคนก็กำลังครุ่นคิดกันอย่างหนักรวมถึงผมด้วย

    ฉันว่า….”

    แล้วอะไรบ้างที่มีรสชาติละมุน?” แชลรีนไล่ถามอีกครั้งโดยไม่ฟังผมพูดเลยสักนิด

    รสชาติละมุน…..จากที่ฉันอ่านเจอเมื่อคืนคลับคล้ายคลับคลาว่ามี ผงชะเอม เอ่อ…” คาเวลทำท่านึกก่อนจะพูดต่อ ผง..เอ่อผงจันทร์ฉาย แล้วก็…. อะไรนะ?” คาเวลเอามือเขกหัวตัวเองเมื่อนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

    ฉันว่า….”

    มีความเป็นไปได้ว่าเป็นผงจันทร์ฉาย หรือทุกคนว่ายังไงแชลรีนด่วนสรุปโดยที่ไม่ฟังความคิดเห็นผมตามเคย

    ฉัน…”

    ฉันว่านายอยู่เฉย ๆ น่ะดีที่สุดแล้วอัลโฟร์

    ผมพยายามจะแสดงความคิดเห็นบ้างแต่ยัยจอมสั่งการก็กีดกันผม สุดท้ายผมเลยเลือกที่จะเดินสำรวจรอบ ๆ ปราสาทแทนซึ่งก็ไม่ลืมที่จะหยิบแผ่นกระดาษมาด้วย ซึ่งปริศนาข้อแรกต้องเกี่ยวกับอะไรบางอย่างที่ใส่ลงไปแล้วจะเพิ่มรสชาติให้ละมุนละไมขึ้น คำว่า ตั้งชูชันมีความเป็นไปได้สูงที่น่าจะเป็นต้นไม้หรืออะไรที่ปลูกลงดิน

    ผมจึงเลือกเดินสำรวจในสวนก่อนเพราะมีพันธุ์ไม้เยอะ ซึ่งตอนนี้คนส่วนใหญ่จะถกเถียงกันอยู่ในปราสาทมากกว่ามาเดินสำรวจ แต่ก็พอมีบ้างหลอมแหลมที่ออกมาเดินดูรอบ ๆ แบบผม จะว่าไปสวนแห่งนี้ก็กว้างเอาการ พืชส่วนใหญ่ที่นำมาใส่ในอาหารจะเป็นพวกต้นเล็ก ๆ ประเภทพุ่มใม้ใบหญ้าซะมากกว่า

    ต้นชะเอมตามที่คาเวลบอกก็น่าจะเป็นไปได้ ซึ่งที่นี่ก็มีปลูกอยู่ด้วยแต่ผมยังไม่ด่วนสรุปหรอกฮะ ผมเดินหาไปเรื่อย ๆ เผื่อจะเจออย่างอื่นที่ดีกว่า พลางนึกไปด้วยว่าเมนูอะไรบ้างที่ใช้ไข่พิกซี่…..

    ไม่นานนักผมก็เดินมาถึงด้านหลังของสวน ในส่วนนี้ไม่ค่อยมีใครเดินมามากนักเพราะหากใช้สายตามองแล้วไม่มีอะไรน่าสนใจเลยมีแต่เศษกระถางกับพุ่งไม้เล็ก ๆ เรียงกันเป็นแนวยาว….!!

     

     

    เดี๋ยวนะ!! นั่นมันต้นฮอร์นบีทพันธุ์แคระหนิ!! ผมจำได้แม่นยำเพราะผมเคยปลูกพืชชนิดนี้มาแล้วไม่ผิดแน่ โจทย์ปริศนาข้อแรกคือ ผงฮอร์นบีทแน่นอนเพราะไม่มีผงอะไรจะให้รสชาติละมุนเท่านี้อีกแล้ว

                    ผมรีบวิ่งกระหืดกระหอบกลับมาที่วงสนทนาอีกครั้ง ซึ่งแต่ละคนกำลังถกเถียงกันอย่างออกรสออกชาติโดยเฉพาะยังแชลรีน

                    นี่ทุกคน แฮ่กๆ…” ผมพยายามสะกัดความหอบเอาไว้เพื่อจะพูดต่อ ฟังฉันเดี๋ยวนะ…”

                    นายรู้ได้ยังไง บางทีมันอาจจะเป็นซอสสตอเบอรี่ก็ได้แชลรีนแทรกขึ้นมาเรื่องอื่น ทั้ง ๆ ที่ผมยังพูดไม่จบ

                    นี่เธอรู้ปริศนาข้อแรกแล้วหรอ?” ผมถามขึ้นเมื่อเห็นเธอกำลังพูดถึงโจทย์อื่น

                    ยัง!!” เธอตอบผมด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเสียเต็มประดา

                    เอาล่ะ ทุกคนโปรดฟังฉันหน่อยนะ แค่แป็บเดียวเท่านั้น กรุณาฟัง…” ผมพยายามร้องขอให้พวกเขาฟังผมบ้างซึ่งก็ได้ผลเพราะทุกคนหันมามองที่ผมกันหมด ปริศนาข้อแรก มันคือผงฮอร์นบีทผมมองซ้ายมองขวาก่อนจะบอก และพยายามพูดให้เบาที่สุด

                    นายรู้ได้ยังไง?” คราวนี้เป็นฟารัสที่ถามขึ้นมาบ้าง

                    ผมเห็นว่าตรงที่พวกเรายืนอยู่นั่นเสี่ยงเกินไปเพราะคนเยอะเหลือเกิน บางทีอาจจะมีคนได้ยินสิ่งที่ผมวิเคราะห์ ดังนั้นผมเลยพาพวกเพื่อน ๆ ออกไปหาที่สุมหัวกันใหม่ด้านนอกปราสาท

                    ต้นฮอร์นบีทพันธุ์แคระ สามารถนำมาสกัดเป็นผงได้ ซึ่งเป็นผงที่ให้รสชาติดีที่สุด อีกอย่างหนึ่งต้นฮอร์นบีทมาจากเมืองคาพาโน่ซึ่งก็ตรงตามโจทย์เป๊ะผมพยายามอธิบายให้เพื่อน ๆ เห็นพ้องต้องกัน

                    ฉันไม่เห็นจะเคยได้ยิน นายไปเอามาจากไหนแชลรีนยังมีท่าทีเคลือบแคลงใจในสิ่งที่ผมบอก

                    ใช่ ๆ ใช่แล้ว!! ฉันนึกออกแล้ว ไอ้ผงฮอร์น ๆ อะไรนี่แหละ ในหนังสือบอกว่า เป็นผงที่ให้รสชาติละมุนที่สุดคาเวลบอกออกมาอย่างตื่นเต้นเมื่อเขาจำสิ่งที่อ่านได้เมื่อคืน

                    ฉันว่ายังไงก็ไม่ใช่หรอก ต้องเป็นผงชะเอมแน่นอนฟารัสยืนยันในความคิดตัวเอง

                    โถ่ เชื่อฉันเถอะ ฉันเห็นว่าที่นี่มีต้นฮอร์นบีทพันธุ์แคระอยู่จริง ๆ ผมพยายามโน้มน้าวให้ทุกคนเชื่อผม

                    นายพาพวกเราไปดูหน่อยสิฮอนนอสเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน

                    ผมไม่รอช้ารีบพาเพื่อน ๆ เดินไปที่หลังสวนเพื่อดูต้นไม้พุ่งแคระที่เรียงรายอยู่เป็นแถวตรง ดูเหมือนพวกเขาจะไม่รู้จักเจ้าต้นนี้กันมากนัก โดยเฉพาะฮอนนอสเขาดูไม่ค่อยถูกกับต้นไม้เท่าไหร่

                   

                    งั้นเราสมมติว่าเป็นเจ้าต้นนี้ก่อนละกันแชลรีนสรุปแต่ดูเหมือนฟารัสจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักเพราะเขาทำท่าฟึดฟัดอย่างออกนอกหน้า

                    แทนที่พวกเราจะมาเดาสุ่มสี่สุ่มห้า สู้เดินไปหาวัตถุดิบที่น่าจะเป็นตามโจทย์ดีมั้ย น่าจะได้ประโยชน์กว่าการมาถกเถียงกันโดยที่ไม่มีมูลมาเทียเสนอความคิดเห็นขึ้นบ้าง

                    ซึ่งผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งและเหมือนทุกคนก็คิดแบบเดียวกัน ดังนั้นแต่ละคนจึงแยกย้ายกันไปตามที่ต่าง ๆ เพื่อดูว่าอะไรที่เป็นวัตถุดิบบ้าง แล้วเราค่อยมารวมตัวกันอีกทีตอนเย็นเพื่อสรุปว่าเมนูอาหารคืออะไร

                    โจทย์ข้อที่สองผมว่าง่ายมากเพราะน้ำหลากสีจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก น้ำสายรุ้งเพราะสามารถพบเห็นได้ทั่วปราสาท ส่วนโจทย์ข้อต่อไปบอกว่า สีแดงอยู่ในขวดผมจึงเลือกเดินไปที่ครัวเพื่อสำรวจว่ามีอะไรบ้างแต่โชคร้ายที่ผมมาช้าเกินไป ตอนนี้คนแทบจะทะลักครัวอยู่แล้วจึงไม่มีที่ว่างให้ผมแทรกเข้าไปได้เลย แต่ว่าปราสาทใหญ่ขนาดนี้น่าจะมีมากกว่าหนึ่งครัว

                    ดังนั้นผมจึงเลือกเดินไปหาครัวที่อื่น เรื่องเมื่อคืนทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ห้องนั้นอาจจะมีอะไรเกี่ยวกับปริศนาซ่อนอยู่ จะรอช้าอยู่ใยผมพยายามเดินตามทางที่เดิมเริ่มจากห้องพัก เนื่องจากตอนนี้เป็นตอนกลางวันจึงสามารถมองทางได้อย่างชัดเจนทำให้ผมไปถึงที่นั่นเร็วขึ้น

                    ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องนั้นประตูไม้บานใหญ่ไม่ได้ถูกล็อค ผมจึงสามารถเข้าไปได้โดยสะดวก ภายในห้องเป็นครัวที่อยู่ในสภาพร้างจากการใช้งานมานาน ตามตู้หรือโต๊ะไม้มีหยากไย่เกาะเป็นจุด ๆ ผมเดินสำรวจไปทั่ว ๆ เผื่อว่ามีอะไรที่ใช้การได้ แต่ดูเหมือนว่าทั่วทั้งห้องมีแค่กล่องเก่า ๆ กระทะสนิมขึ้น

    ตุบ!

    ผมมัวแต่มองด้านบนชั้นที่วางจานจนเดินไปเตะหีบใบเก่า ๆ ใบนึงเข้า หีบใบนี้ค่อนข้างแปลกแม้จะอยู่ในห้องนี้แต่ไม่ได้มีสภาพเก่าเลยเหมือนเพิ่งมีใครจงใจเอามาวางไว้ ผมรีบเปิดหีบออกดู ปรากฏว่าภายในนั้นเต็มไปด้วยไข่พิกซี่!!

    แน่นอนว่าสิ่งที่ผมได้ยินไม่ใช่เรื่องตลกโปกฮา มันคือเรื่องจริงเมนูนี้มีไข่พิกซี่เป็นส่วนผสม ผมบรรจงหยิบไข่พิกซี่ขึ้นมาใส่กระเป๋าแล้วเก็บซ่อนหีบให้เข้าที่เข้าทางแบบมิดชิดกว่าเดิม….

    มีอะไรบ้างที่มีไข่พิกซี่เป็นส่วนผสมหลัก

                    ผมเลิกมองหาวัตถุดิบแล้วมานั่งคิดทบทวนอีกครั้ง ไข่พิกซี่…..น้ำสายรุ้ง…..ผงฮอร์นบีท เมนูอะไรที่ใช่ไข่กับน้ำสายรุ้งบ้างนะ? ผมอ่านโจทย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อตีโจทย์สุดท้ายที่ผมยังนึกไม่ออก เม็ดแดงกลม อยู่ในขวดถ้าอยู่ในขวดก็ต้องเป็นซอสแน่นอน แต่ซอสอะไร สตอเบอรี่แบบที่ยัยแชลรีนบอกหรอ? ผมพยายามนึกว่ามีเมนูไข่พิกซี่กับซอสสตอเบอรี่มั้ยนะ?

     

                    แต่โจทย์ใช้คำว่าเม็ดก็ไม่น่าจะใช้สตอเบอรี่ เม็ดสีแดงมีรสหวาน……ใช่แล้ว!! ต้องใช่ซอสที่ผมคิดแน่ ๆ ผมเดินกลับไปที่ห้องครัวแรกอีกครั้งซึ่งตอนนี้คนเริ่มบางตาลง ผมเดินหาขวดซอสที่ว่าจนเจอในซอกเล็กๆ ข้าง ๆ กับที่วางจาน ซอสขวดนี้คือ….ซอสถั่วแดง!! หากผมคิดไม่ผิดละก็เมนูนี้คือ ไข่พิกซี่ป่าฝนราดซอสถั่วแดง!!

                    ผมเดินมาเพื่อนคนอื่น ๆ หลังจากได้วัตถุดิบครบแล้ว ซึ่งก็เป็นเวลาเย็นพอดี คนอื่น ๆ เริ่มทยอยกับมาพร้อมกับของตุงกระเป๋า ฮอนนอสเสนอให้พวกเราเข้าไปคุยกันในห้องพัก เพื่อความเป็นส่วนตัวไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะได้ยิน ซึ่งทุกคนก็เห็นพ้องต้องกัน พวกเราจึงเดินกลับที่พักและเริ่มถามถึงความเป็นไปได้ในเมนูอาหาร แน่นอนว่ายัยแชลรีนจอมเจ๋อเปิดฉากสนทนาก่อนเพื่อน

                    ฉันเริ่มก่อนแล้วกันนะ ฉันเลือกผงฮอร์นบีทเธอหันมามองผมเล็กน้อยขณะที่กำลังวางวัตถุดิบ น้ำสายรุ้ง ซอสสตอเบอรีและไข่กระจอกเทศบินเธอวางทั้งหมดลงบนโต๊ะจนครบ

                    ของฉัน ผงฮอร์นบีท น้ำสายรุ้ง ซอสเลือดนก เอ่อ..เนื้อบิวทูทุกคนหันมามองหน้าฮอนนอสอย่างงุงงกับสิ่งที่เขาหยิบมา ไม่รู้สิ ฉันไม่ค่อยสันทัดเรื่องอาหาร แบบว่าแม่อยากให้ฉันมาเขายักไหล่เล็กน้อย

                    เนื้อบิวทูมันอยู่ในน้ำและก็ไม่เป็นวงรีนะฮอนนอสฟารัสเอ่ยท้วงขึ้นพร้อมกับหยิบของตัวเองขึ้นมาบนโต๊ะผมชะเอม น้ำสายรุ้ง ซอสเลือดนก ไข่แรบบิทฟายน้ำเสียงเขามั่นใจสุด ๆ ว่าเขาคิดถูกต้อง

                    ส่วนของคาเวลกับมาเทียนั้นเหมือนกับแชลรีนไม่มีผิดเพียง ทีนี้ก็ถึงตาผมแล้ว

                    ผงฮอร์นบีท น้ำสายรุ้ง ซอสถั่วแดง และ….” ผมมองหน้าทุกคนก่อนจะหยิบของสำคัญออกมา มีเพียงคาเวลกับมาเทียเท่านั้นที่ดูจะสนอกสนใจเป็นพิเศษ แชลรีนแสร้งหันหน้าไปทางอื่น ส่วนฟารัสนั้นทำท่าไม่สนใจเลยแต่ผมเห็นว่าเขาแอบชำเลืองมองนิด ๆ แต่เมื่อผมหยิบมันออกมาก็ทำให้ทุกคนหันมาสนใจได้ในที่สุด ไข่พิกซี่ป่าฝน

                    .นายได้มันมายังไงฟารัสถลึงตาจ้องไข่จนแทบจะทะลุ

                    นายแน่ใจหรอว่าเป็นมันน่ะแชลรีนเริ่มตั้งข้อสงสัยบ้าง

                    ฉันแน่ใจมาก เพราะเมื่อคืนตอนลุกไปเข้าห้องน้ำ บังเอิญได้ยินคนคุยกันว่า มีไข่พิกซี่ป่าฝนอยู่ในโจทย์ผมบอกทุกคนแบบรวบรัดเพราะถ้าให้เล่าทั้งหมดเดี๋ยวจะยาวจนเกินไป

                    ทำไมนายไม่บอก!!” แชลรีนตะเบงเสียงใส่ผมจนขี้หูแทบจะเต้นระบำ        

                    ฉันพยายามจะบอก แต่เธอไม่ฟัง

                    นายแน่ใจได้ยังไง บางทีอาจจะมีคนเล่นตลกก็ได้ฟารัสยังคงค้านความคิดของผมเสมอ ลึก ๆ ผมเชื่อว่าฟารัสก็รู้สึกว่าสิ่งที่ผมหยิบมามันถูกต้อง แต่ด้วยความที่เป็นผม อัลโฟร์ผู้อ่อนแอเขาเลยต่อต้าน

                    งั้นโหวตดีมั้ย ใครได้โหวตเยอะเราก็ทำเมนูตามนั้นมาเทียเสนอทางออกให้ทุกคนซึ่งผมก็เห็นด้วย

                    ก็ดีนะ ยุติธรรมดี ฉันโหวตอัลโฟร์ละกันฮอนนอสเอ่ยขึ้นโหวตคนแรก

                    ฉันโหวตอัลโฟร์คาเวลออกเสียงโหวต พร้อมกับมาเทียที่โหวตตาม ฉันด้วย

                    ก็ได้ นายถูกโหวตเยอะสุด แต่ถ้านายพลาดแล้วทำพวกเราตกรอบ นายจะทำยังไงฟารัสตั้งคำถามที่น่าสะพรึง

                    ฉันไม่ทำยังไง เพราะเราจะไม่พลาด

                    ผมตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจสุด ๆ ไม่มีอะไรจะมั่นใจเท่านี้อีกแล้ว ผมก็เป็นคนนึงที่อยากเข้ารอบไม่แพ้คนอื่น ๆ ฉะนั้นผมไตร่ตรองมาอย่างเต็มที่ว่าพวกเราต้องเข้ารอบ

                    สุดท้ายพวกเราตกลงจะทำเมนู ไข่พิกซี่ป่าฝนราดซอสถั่วแดงแม้ว่าฟารัสจะไม่เต็มใจ และแชลรีนที่ดูเหมือนไม่มั่นใจหวาดหวั่นในความคิดผม ไม่ว่าตอนนี้พวกเขาจะคิดยังไงก็ตาม แต่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าได้รู้กันว่าผมก็เป็นคนนึงที่พึ่งพาได้ เธอจะต้องมองผมใหม่อย่างแน่นอน

                    ตอนนี้พวกเราทุกคนมารวมกันในห้องโถงใหญ่ที่จัดเรียงโต๊ะสำหรับแข่งขันไว้พร้อมสรรพ เพื่อรอผู้เข้าแข่งขันลงมือทำเมนูอาหารตามโจทย์ที่ได้รับ

                    หวังว่าตอนนี้ทุกคนจะพร้อมกันแล้วใช่มั้ย ผมจะขอประกาศ ณ ที่นี้ว่า เริ่มลงมือทำอาหารได้

                    สิ้นคำประกาศของท่านรัฐมนตรี พวกเราทั้ง 6 คนต่างมุ่งมั่นใจการทำอาหาร โดยแบ่งหน้าที่กันมาเทียนำน้ำสายรุ้งตั้งเตาต้มให้เดือดเพื่อที่จะใส่ไข่พิกซี่ลงไป แชลรีนกับคาเวลกำลังตำใบฮอร์นบีทพันธุ์แคระสลับกันเพื่อให้ละเอียดเป็นผง ส่วนฟารัสกำลังกวนซอสถั่วแดงให้เหนียวข้นเพื่อนำมาราดไข่ ฮอนนอสไม่ค่อยถนัดทำอาหารจึงคอยคนไข่เพื่อให้สุขทั่วกัน ส่วนผมจัดเตรียมจากและตวงส่วนผสมให้ได้อัตราส่วนที่พอดี

                    ไม่นานนักไข่ก็สุขได้ที่ ผมนำไข่มาปลอกเปลือกพร้อมใส่ลงไปในหม้อต้มอีกครั้งเพื่อให้ไข่เปลี่ยนเป็นสีสายรุ้งก่อนจะนำมาผ่าแล้วจัดวางในจาน ราดด้วยซอสถั่วแดงที่ผสมผงฮอร์นบีทจนเข้าที่

                    ทีมของพวกเราทำได้ไวกว่าที่คิดจึงพอมีเวลาสอดส่องดูทีมอื่นบ้าง หากมองจากสายตาแล้วมีไม่กี่กลุ่มที่ใช้ไข่พิกซี่ป่าฝน ไม่นานนักเสียงระฆังดังขึ้น ซึ่งบ่งบอกว่าเวลาทำอาหารได้สิ้นสุดลงแล้ว มีเจ้าหน้าที่เดินตรวจในแต่ละกลุ่มเพื่อดูว่าทำอาหารได้ถูกต้องตามโจทย์หรือไม่ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตรวจเมนูของพวกผมเสร็จก็ได้วางป้ายเอาไว้ให้ด้วยซึ่งเป็นอักษรตัว ‘P’ เอาไว้ด้วย

                    เอาล่ะ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ตรวจครบทุกทีมแล้ว ผมมีความยินดีที่จะประกาศ เมนูโจทย์รอบคัดเลือก เมนูที่ถูกต้องคือ……ไข่พิกซี่ป่าฝนราดซอสถั่วแดง สำหรับทีมที่ผ่านพวกเธอจะได้รับป้ายตัว P ส่วนทีมใครที่ได้ป้าย F ไม่ต้องเสียใจไปเอาไว้โอกาสหน้าเราคงได้เจอกันอีก ขอแสดงความยินดีกับผู้ผ่านเข้ารอบทุกท่าน

                    หลังจากท่านรัฐมนตรีประกาศเสร็จก็มีเสียงเฮดังกึกก้องไปทั่วห้อง โดยเฉพาะทีมของพวกเราต่างโห่ร้องแสดงความดีใจที่ได้เข้ารอบกันไม่เว้นแม้แต่ฟารัสที่หันมายิ้มกว้างให้ผมอย่างเป็นมิตร

                    พวกเราผ่านแล้ว ๆ นายทำได้คาเวลร้องแสดงความยินดีด้วยความตื่นเต้น

                    เพราะพวกเราช่วยกันต่างหาก ถ้าเราไม่สามัคคีคงไม่รอดมาได้ผมบอกทุกคนด้วยความรู้สึกแบบนี้จริง ๆ ถ้าคนอื่น ๆ ค้านในความคิดผมพวกเราคงตกรอบกันหมดแน่

                    อะแฮ่ม ต้องขออภัยที่ขัดจังหวะการแสดงความดีใจของทุกคน แต่มีเรื่องที่จะแจ้งให้ทราบเล็กน้อยในการแข่งขันรอบต่อไป ต่อจากนี้จะเป็นภารกิจเดี่ยวที่ทุกคนต้องทำด้วยตัวเองทั่วทั้งห้องโถงเริ่มเงียบอีกครั้ง วันพรุ่งนี้เช้าทุกคนจะได้รับโจทย์ที่หน้าห้องพัก ขอให้โชคดีท่านรัฐมนตรียิ้มกว้างให้กับพวกเราก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในปราสาท

                    ไม่มีใครล่วงรู้ภารกิจล่วงหน้าว่าคืออะไร ความกังวลครอบงำจิตใจผมอีกครั้ง ภารกิจเดี่ยวหรอ? ผมจะผ่านไปได้หรือเปล่าต้องทำอะไรบ้างก็ไม่รู้ ผมมองไปที่เพื่อน ๆ ซึ่งก็มีสีหน้ากังวลไม่ต่างกัน สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือพักผ่อนและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้…..

                    เริ่มออกเดินทางล่าวัตถุดิบ

                แสงสีขาวส่องลอดมาทางหน้าต่างซึ่งบ่งบอกว่าณ บัดนี้เป็นเวลาเช้าแล้ว พวกเพื่อน ๆ รวมทั้งผมต่างใจจดใจจ่อรอรับภารกิจรอบต่อไป ไม่นานนักเสียงระฆังได้ดังขึ้นเป็นสัญญาณให้พวกเราออกมาจากห้องพักเพื่อทำภารกิจ ผมหยิบแผ่นกระดาษและอาหารกลางวันใส่กระเป๋า จากนั้นรีบเดินออกมาข้างนอกโดยเร็ว โดยที่ยังไม่ได้ดูว่าแผ่นกระดาษนี้เขียนอะไรไว้บ้าง

                    แฮ่กๆ

                    ผมรีบวิ่งออกมาที่ชายป่าโดยผ่านผู้คนมากมายที่ตลาด ได้ยินเสียงสบถจากหลายคนที่ผมวิ่งชนมาเมื่อสักครู่ ผมมาหยุดอยู่แถว ๆ แรบบิทฟาย เพื่อกางแผ่นกระดาษที่ยัดไว้เมื่อตอนวิ่งออกมาดูว่าภารกิจคืออะไร

    ข้ามีตัวตนทั้งบนบกและในน้ำ

    ข้ามีความสง่างามหาใดเปรียบ

    ข้ามีหางแหลมคมคอยปกป้อง

    โจทย์บอกให้ผมไปหาตัวที่ว่านี้ ซึ่งตอนนี้ผมยังนึกไม่ออกเลย มีสัตว์หลายชนิดที่อยู่บนบกและในน้ำ ผมจึงเลือกเดินไปเรื่อย ๆ และกำลังตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะนี่คือครั้งแรกที่ได้ออกมาในป่า ต้นไม้สูงใหญ่ต่างจากในเมืองที่ปลูกไว้ข้างทางลิบลับ ผมเดินเลาะมาเรื่อย ๆ จนเจอเห็ดหลากสีที่ชวนกิน แต่อย่าเชียวนะเพราะพิษของพวกนี้รายแรงนัก

    ระหว่างที่เดินอยู่นั้น รู้สึกได้ว่าเหมือนมีคนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา แต่ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้เพราะตอนนี้คนอื่น ๆ ก็เริ่มเข้ามาในป่ากันแล้ว

    พลัก!!

    แรงกระแทกจากด้านหลังทำให้ผมเซไปข้างหนึ่ง เพราะไม่ได้ระวังตัวว่าจะมีใครมาชนเลยไม่ทันได้ตั้งหลัก ผมหันไปมองคนที่หันมาชนอย่างคลาบแคลงใจ

    ไง อัลโฟร์อ่อนปวกเปียกแบบนี้ กลับบ้านกินนมแม่ดีกว่ามั้ย?”

    แมนโนสเริ่มถากถางผมพร้อมกับหัวเราะดังลั่น พวกสมุนของเขาก็รีบหัวเราะตามในทันที ทำให้คนอื่น ๆ  ที่อยู่ในบริเวณนี้หันมามอง

    ฉันว่านายรับกลับบ้านไปดีกว่า อย่าทำให้ตระกูลนายต้องขายขี้หน้าเลยแมนโนสทำหน้าเยาะเย้ยพร้อมกับผลักอกผมให้ออกพ้นทางของเขา จนผมล้มคะมัมลงพื้น

    สายตาคนเริ่มข้างมองผมแล้วส่ายหน้า เหมือนกับสนับสนุนความคิดของแมนโนสที่ว่า ผมอ่อนแอเกินกว่าจะมาแข่งขัน ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นและปัดเศษดินเศษไม้ออกไปให้พ้นจากตัว แล้วเริ่มเดินหน้าต่อไป

    ผมพยายามปัดความคิดเลวร้ายในการสาปแช่งแมนโนสออกไปแล้วคิดถึงภารกิจอีกครั้ง ผมเดินมาหยุดอยูที่ริมบึงเล้ก ๆ เพื่อทบทวนอีกครั้งว่าผมต้องไปที่ไหนตามที่โจทย์บอก

    หางแหลมคอยปกป้อง

    จะใช่ปลาหรือเปล่า  ผมพยายามเค้นสมองออกมานึกถึงหนังสือเรื่องสัตว์วิเศษในน้ำว่ามีปลาตัวไหนอยู่บนบกได้หรือไม่ ซึ่งปรากฏว่าไม่มี ผมชะโงกหน้าลงไปในน้ำเงานั้นสะท้อนทำให้เห็นว่า ผมก็ไม่ได้ต่างจากคนอื่นเลยผมสามารถทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ได้แม้ผมจะไม่ได้เก่งเหมือนกับอัศวินผู้พิทักษ์ แต่เรื่องอาหารผมไม่เป็นรองใครแม้ว่าเพื่อนร่วมชั้นจะมองไม่เห็นก็ตาม คงเหมือนกับเปซอลตัสที่ปกป้องหนองน้ำโดยที่น้อยคนนักจะรู้

    เปซอลตัส!!

    ใช่….ใช่แล้ว เปซอลตัสเป็นม้าที่มีหางและอาศัยอยู่ในน้ำ ลักษณะส่วนหน้าเหมือนม้าทุกประกาศแต่จะมีเขาแหลมยื่นออกมาคล้าย ๆ เปกาซัส ลำตัวครึ่งบนเป็นม้าบนบกที่มีสองข้างหน้า แต่ลำตัวครึ่งหลังมีลักษณะเหมือนปลาไม่มีเกล็ด หางแหลม ๆ เอาไว้ปกป้องสัตว์ร้ายที่จะมาทำอัตรายกับสัตวน้ำในบึง ซึ่งสัตววิเศษชนิดนี้เป็นผู้พิทักษ์หนองน้ำ

    ผมรีบลุกขึ้นยืนและหันหลังกลับมาเพื่อเปิดแผนที่ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อผมเห็นคาเวลกับมาเทียยืนรอผมอยู่ ไม่รู้ว่าพวกเขามายืนนานเท่าไหร่แล้ว ทั้งสองคนยืนนิ่งจ้องผมเขม็ง

                    เอ่อ พวกนายมีอะไรรึเปล่า?” ผมถามขึ้นเหมือนเห็นพวกเขาไม่พูดอะไรออกมา

                    คือว่า ถ้านายจะไม่ว่าอะไร….เราสองคนอยากจะขอตามนายไปด้วยได้มั้ย?”

                    คาเวลเอ่ยถามผมในขณะที่ทำท่าทางลังเลใจ ผมไม่รู้ว่าเพื่อนต่างโรงเรียนทั้งสองคนนั้นคิดอะไรอยู่ และแม้ว่าผมไม่ได้รู้สึกยินดีกับการมีเพื่อนร่วมทีม แต่ในที่สุดผมก็ตอบตกลง

                    นายแก้ปริศนาได้รึยัง?”

    คาเวลถามขึ้นขณะที่พวกเรากำลังเดินไปยังหนองน้ำ หากดูจากแผนที่แล้วได้มาเมื่อเช้า หนองน้ำแห่งนี้อยู่ทางตะวันออกของเมือง ซึ่งหากเวลาปกติแล้ว พื้นที่บริเวณนี้จะมีสัตว์ดุร้ายระดับ 7 อาศัยอยู่ ระหว่างที่เดินผมก็มองซ้ายมองขวาไปด้วย ในใจพลางหวาดระแวงว่าจะมีสัตว์อย่างเม่นขนเหล็กโผล่ออกมา

    นายว่ามีคนเจอเนื้อไวมานูรึยังคาเวลยังยิงคำถามอย่างต่อเนื่อง

    ยังหรอก ถ้ามีคนเจอเสียงระฆังจะดังขึ้น มันบอกไว้ในนี้

    ผมชี้ไปที่แผ่นกระดาษที่เต็มไปด้วยปริศนาคำถามเพื่อไปให้ถึง เนื้อไวมานูซึ่งไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน จะต้องผ่านปริศนาไปเรื่อย ๆ ในนี้ระบุไว้อีกว่า เมื่อเสียงระฆังดังขึ้นถือเป็นเวลาสิ้นสุดการแข่งขัน เพราะมีผู้ชนะในปีนี้แล้ว

    แล้วเราจะเดินไปไหนกัน?” คาเวลยังซักถามไม่จบสิ้นประหนึ่งว่ากำลังเล่นเกมถามตอบอยู่

    ที่นี่แหละผมพาทุกคนมาหยุดอยู่ที่หนองน้ำที่คาดว่าเปซอลตัสอาศัยอยู่ แต่เราจะเรียกผู้พิทักษ์ขึ้นมายังไง?” ผมตั้งคำถามคิดและเดินไปรอบ ๆ เพื่อหาวิธีการ แต่หนองน้ำก็ใหญ่เกินไปกว่าผมจะสำรวจได้หมด

    นายคิดว่าเป็นเปซอลตัสหรอ หลักแหลมมาก!” มาเทียกล่าวชม ใช่ มีหางแหลม พบได้บนบกคือม้า อยู่ในน้ำก็เป็นม้าครึ่งตัว และเป็นผู้พิทักษ์!!” เธอวิเคราะห์อย่างตื่นเต้น

    ผมเคยอ่านเรื่องของเปซอลตัสมาก่อน แต่ไม่รู้เลยว่ามีวิธีไหนที่จะเรียกผู้พิทักษ์ขึ้นมาได้บ้าง

    ต๋อม!

    ระหว่างที่ผมกำลังคิดคาเวลก็ได้โยนก้อนหินลงไปในน้ำ แรงสั้นสะเทือนทำให้ผิวน้ำกระเพื่อมเป็นคลื่นไปทั่วบริเวณ แต่ก็ไม่การปรากฏตัวของผู้พิทักษ์ให้เห็น

    เอ่อฉันคิดว่า บางทีวิธีนี้อาจใช้การได้นะคาเวลยักไหล่เล็กน้อย แต่คงไม่ได้ผลคาเวลนั่งลงแล้วชะโงกหน้าไปในน้ำที่เริ่มนิ่งสงบ

    ผู้พิทักษ์หน้าที่คือจะต้องปกป้อง ผมกำลังครุ่นคิดบางอย่าง หากมีแขกไม่ได้รับเชิญมาพังบ้านคุณ คุณจะทำยังไง ก็ต้องปกป้องใช่มั้ยล่ะ?

    คิดได้ดังนั้นผมจึงเดินลงไปในน้ำ ก้าวแรกที่เท้าผมสัมผัสกับน้ำมันรู้สึกเย็นยะเยือกอย่างบอกไม่ถูก กำลังลงเดินลงไปเรื่อย ๆ ด้วยใจที่เต้นระรัวราวกับกลอง

    อัลโฟร์ นายทำอะไรน่ะ?!”

    เสียงของแชลรีนดังขึ้นห่าง ๆ ทำให้ผมหันไปมอง ตอนนี้เธอกำลังเดินมาสมทบพร้อมกับฟารัสซึ่งมองผมด้วยสายตาที่คาดไม่ถิง ระหว่างนั้นผมรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนใต้น้ำจึงรีบหันกลับมาดูใต้น้ำทันที!

    ข้างใต้ที่ผมยืนกำลังเกิดกระแสน้ำวนอยู่รอบ ๆ ผมพยายามเพ่งมองลงไปเห็นแต่เห็นไม่ชัดว่าตัวอะไรทำให้เกิดเหตุการณ์นี้เห็นแต่หางไว ๆ สายชลเริ่มวนเชี่ยวขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างเอนเอียงไปตามแรงหมุน ดีที่ว่าระดับน้ำอยู่แค่เอวไม่เช่นนั้นคงโดนกระแสน้ำวนกลืนกินไปแล้วแน่ ๆ

    ซ่า!......

    ระหว่างที่ผมกำลังตื่นตะหนกกับเหตุการณ์ตรงหน้าสิ่งมีชีวิตใต้น้ำตัวหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาจากนั้น ผมเพิ่งจะเคยเห็นผู้พิทักษ์ตัวเป็น ๆ ก็วันนี้แหละ ในที่สุดเปตอลซัสก็ปรากฏตัวขึ้นมา!!

    สวัสดีผู้เข้าแข่งขัน ยินดีที่ได้พบเปตอลซัสกล่าว

    ตอนนี้คนที่เหลือรีบวิ่งลงมาในน้ำใกล้ ๆ กับที่ผมยืนอยู่เพื่อรอฟังคำปริศนา

    ก่อนที่ข้าจะบอกคำใบ้ปริศนา เจ้าจะต้องตอบคำถามข้าให้ถูกเสียก่อนเปตอลซัสยื่นข้อเสนอ มีในทุกคน แต่จะใช้เฉพาะยามคับคัน….ในเมื่อพวกเจ้ามากันหลายคน ข้าจะให้ช่วยกันคิดได้เปตอลซัลทายคำถามพร้อมกับมองหน้าทุกคนเหมือนจะประเมินความสามารถ

    อะไรน่ะ คำถามอะไรของเขา!” ฟารัสผู้ไม่พอใจในใบ้ปริศนาท้วงติงออกมา แต่ก็เหลือบมองเปตอลซัสอย่างหวาด ๆ

    เอ่อ เขาหมายถึงอวัยวะในร่างกายรึเปล่า?” คาเวลกำลังวิเคราะห์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    เจ้าสามารถตอบได้แค่คำถามเดียวเท่านั้น ถ้าตอบผิดเท่ากับ….ตกรอบเปตอลซัสแทรกขึ้นมาในสิ่งที่หลงลืมพูดไปเมื่อสักครู่

    ให้ตายสิ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าอะไรถูก!” แชลรีนพูดขึ้นมาอย่างหัวเสีย แน่ละเธอมักจะอารมณ์ร้อนและเอ่อ ค่อนข้างที่จะมั่นใจในตัวเองเอามาก ๆ เลย

    คำตอบน่าจะเป็นอะไรที่มองไม่เห็นด้วยตานะมาเทียเอ่ยเสนอความคิดเห็นขึ้นมาบ้าง

    เธอหมายถึง ความรู้สึกข้างในหรอ?” แชลรีนทำสีหน้าเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

     ความกล้าหาญ

    ผมพูดขึ้นหลังจากที่กลั่นกรองความคิดมาอย่างดีแล้ว หากเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา แต่เป็นความรู้สึกละก็ คำตอบต้องเป็นความกล้าหาญแน่นอน เพราะเมื่อสักครู่มันเป็นความรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ  ที่ผมกล้าเดินลงไปในน้ำนั่นทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่บ้าง แต่เพราะต้องการที่จะไปต่อสถานการณ์ไม่ทางให้เลือกมากนัก….

    เอ่อ ทุกคนว่าไง

    ผมถามขึ้นเมื่อเห็นว่าทุกคนไม่ได้ตอบอะไร แต่มองมาทางผมเป็นตาเดียวกัน ยัยแชลรีนนั่นเม้นปากเข้าหากันเหมือนกำลังชั่งใจอยู่ว่าควรเชื่อผมดีมั้ย

    แต่ถ้าไม่ใช่ละ พวกเราจะตกรอบนะคำพูดของฟารัสทำให้ทุกคนลังเลใจ

    งั้นเอาอย่างนี้มั้ย ถ้าใครคิดว่าไม่ใช่ ของให้เดินขึ้นไปข้างบน แล้วไปให้ห่างจากตรงนี้ เพื่อที่จะได้ไม่โดนคัดออก ผมกำลังเสนอทางออกให้ทุกคนและเห็นสมควรว่ายุติธรรมดีแล้ว ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย

    ฉันอยู่ต่อแชลรีนพูดด้วยการแสร้งหันหน้าไปมองทางอื่น

    มาเทีย คาเวล และฟารัสไม่ได้ตอบอะไรแต่พยักหน้าเป็นการยืนยันคำตอบแทนแม้ฟารัสจะดูไม่ค่อยเต็มใจนักก็ตาม แต่ใจเมื่อเขาเลือกเองก็ตกลงตามนี้

    หลังจากได้ข้อสรุปผมก็กลับไปยืนตรงหน้าเปซอลตัสเพื่อให้คำตอบ ผมก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าคำตอบถูกหรือผิด แต่ผมก็ต้องตอบมันออกไป

    คำตอบคือ….ความกล้าหาญผมตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก

    ถูกต้อง!! พวกเจ้าเก่งมากที่สามารถตอบคำถามได้คำตอบของเปตอลซัสทำให้ทุกคนต่างโล่งใจเป็นที่สุด ข้าจะบอกปริศนาที่ซ่อนเนื้อไวมานูให้กับเจ้าเปตอลซัสสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะเปล่งเสียงออกมาสูงเทียมฟ้า มุ่งหน้าไปทางเหนือ ขอให้ทุกคนโชคดีพูดจบเปตอลซัสก็ดำดิ่งลงไปยังเบื้องลึกของหนองน้ำทันที

    ผมเปิดแผนที่ดูอีกครั้งโดยมีเพื่อนๆ สุมหัวแย่งกันดูด้วย ด้านเหนือของเมืองนั้นเป็นภูเขากั้นระหว่างเอรามอสกับอุเรนอส ถ้าเช่นนั้นแล้วเจ้าเนื้อนกไวมานูจะต้องอยู่บนภูเขาแน่ ๆ

    ที่ซ่อนคือภูเขา ไปกันเถอะผมชี้จุดที่ต้องไปในแผนที่ให้ทุกคนดู ก่อนจะพับเก็บลงเพื่อเดินทางต่อไปจากตะวันออกไปเหนือนั้นค่อนข้างไกลกันพอสมควร พวกเราจึงแวะพักกันก่อนเมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง เพราะตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงแล้ว สเบียงที่ติดตัวมาพร้อมแผ่นกระดาษเป็นแซนวิชเนื้อหมูทองราดครีมแข็งย่าง

    นายว่าตอนนี้จะมีคนไปถึงรึยัง?” คาเวลเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล อันที่จริงเขาดูจะวิตกมากตั้งแต่ออกเดินทาง

    ไม่รู้สิอาจจะยัง หรือบางทีอาจจะมีแล้วก็ได้ผมตอบขณะที่กำลังเคี้ยวอาหารอยู่เต็มปาก

     งั้นพวกเรารีบกินเหอะ เดี๋ยวจะไม่ทันการณ์ฟารัสเอ่ยปากอย่างเร่งร้อน

                    ระหว่างทางเดินอีกครึ่งทางนั้น พวกเราไม่พบสัตว์ใด ๆ อีกเลยเพราะแถบนี้เป็นสัตว์ดุร้ายระดับ 8 ที่หากเจอเข้าละก็จะต้องซี้แหงแก๋ ผมเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เมื่อไปถึงถ้ำแล้วจะเจออะไรบ้าง โดยเฉพาะพวกเราที่มาเป็นกลุ่ม….ใครละจะเป็นคนที่ได้เนื้อนกไวมานู??!!

                    เหตุการณ์ระทึกขวัญ

                    ไม่นานนักพวกเราก็มาถึงถ้ำในภูเขาทางเหนือ ผมรู้สึกแปลก ๆ บรรยากาศมันชวนขนลุกชอบกล ในถ้ำนั้นมีคบเพลิงให้ความสว่างตามไหล่ทาง แต่ก็ไม่สว่างมากพอที่จะเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ทั้งหมด ระหว่างที่กำลังเดินอยู่แชลรีนก็เดินมาเกาะแขนผมด้วยมือที่สั่นเทา

                    ฉันไม่ชอบความมืดน่ะเธอบอกพร้อมกับจับแน่นกว่าเดิม มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่สำหรับผมมาก รู้สึกดีพิลึกที่เธอพึงพาผมแบบนี้ มันเหนือความคาดหมายจริง ๆ

                    พวกเราเดินเกาะกลุ่มกันอย่างใกล้ชิด ไม่รู้เราเดินมาไกลแค่ไหน แต่ผมคิดว่าไกลมากพอที่จะมองไม่เห็นทางออกแล้ว มันไกลผิดปกติระหว่างที่กำลังเอ๊ะใจ ก็ได้ยินเสียงประหลาดเหมือนเสียงพ่นลมหายใจของตัวอะไรสักอย่าง ที่แรงและหนักมาก!!

                    พรืดด…..

                    เสียงนั่นทำให้ทุกคนตกใจ และกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะเดินต่อไปข้างหน้า แต่เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วผมจึงก้าวต่อไปด้วยความระแวดระวัง  แสงคบเพลิงสาดส่องเงาอะไรบางอย่างที่ใหญ่กว่าตัวผมหลายเท่านัก ซึ่งดูจากรูปร่างแล้วไม่น่าจะใช่คน เพราะมันมีลำตัวที่ยาวใหญ่แม้มุมนี้จะมองเห็นได้ไม่ชัดนักแต่ที่แน่ ๆ เลยเจ้าตัวนี้มันมีปีก!!

                    มะ….มังกร!!!” แชลรีนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าตกใจเป็นอย่างมาก

                    ไม่รู้เพราะเสียงที่ดังเกินไปชองแชลรีนรึเปล่า ทำให้มังกรที่นอนอยู่เริ่มขยับตัว เป็นสัญญาณว่ารับรู้ถึงการมาเยือนจากคนแปลกหน้า เมื่อเห็นท่าไม่ดีฟารัสรีบวิ่งหนีออกไปจากถ้ำเป็นคนแรก ความกลัวทำให้เขาลืมชัยชนะไปอย่างหมดสิ้น คงเหลือเพียงเราสี่คนที่ยังเดินหน้าต่อไป

                    มะ มันจะกินเรามั้ย?” มาเทียพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

                    อาจจะผมคงตอบอะไรได้ไม่มากเพราะผมก็กลัวเช่นกัน การแข่งขันไม่ควรจะมีเจ้านี่ เพราะมันอันตรายระดับ 10…..ผิดกติกานี่นาผมกำลังหาเหตุจูงใจว่าทำไมเจ้ามังกรถึงมาอยู่ที่นี่ได้

                    พวกผมเดินเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ ทั้งที่ความกลัวครอบงำจิตใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนตอนนี้พวกเราสามารถเห็นมังกรบินได้อย่างเต็ม ๆ ตา ซึ่งมันถูกโซ่พันธนาการไว้อย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้หลุดออกมาได้

                    สวัสดีท่านผู้เข้าแข่งขัน

                    เสียง ๆ หนึ่งเอ่ยขึ้นมาจากด้านหลังของมังกร ชายร่างเตี้ยป้อม สวมเสื้อผ้าเต็มยศพร้อมสวมหมวกทรงปานามาบนศีรษะ ผมจำเขาได้ดีเลยแหละเพราะเขาคือ ท่านรัฐมนตรี!!

                    กำลังแปลกใจใช่มั้ย ว่าทำไมผมถึงได้มาอยู่ที่นี่บลาสโต้พูดขณะเดินวนไปวนมาซ้ำ ๆเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะบอกว่า ชีวิตของพวกเธอจบสิ้นลงแล้วเขาพลางส่งยิ้มที่แสนจะเย็นมาให้ก่อนจะพูดต่อจุ๊ ๆ ไม่ต้องกลัวไปเพราะเธอจะได้เป็นผู้กล้าสมใจ โถ่ๆ ผู้เข้าแข่งขันโดนมังกรบินฆ่าตาย ช่างเป็นเกียรติประวัติแด่วงศ์ตระกูลเสียจริง ๆบลาสโต้กล่าวเหมือนเรื่องที่บอกออกมาน่าภูมิใจเสียยิ่งกว่าอะไร

                    ท่านทำอย่างนี้ทำไมคะแชลรีนเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เรียกสติกลับมาได้

                    อย่าถามว่าทำไม จงถามว่าพวกมันทำอะไรกับฉันบ้าง!!” บลาสโต้เริ่มพูดเสียงดังขึ้นเหมือนคำถามนี้ไปยั่วโทสะเขาอย่างหนักหน่วง พระราชาที่โง่เง่า ควรค่าอะไรกับการเป็นกษัตริย์ บังลังก์ควรจะเป็นของฉัน ถ้าเหตุการณ์นี้ทำให้มีคนตาย ประชาชนจะวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่ว นั่นเป็นช่องทางให้ฉันโน้มน้าวคนอื่น ๆ ให้เห็นด้วยกับความคิดในการ แต่งตั้งพระราชาคนใหม่สมควร สมควรเป็นอย่างยิ่งพูดจบบลาสโต้ก็หัวเราะดั่งลั่นคล้ายคนบ้า

                    คุณต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆแชลรีนเอ่ยขึ้นอย่างหมดศรัทธา

                    ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ฉันจะปล่อยมังกรบินออกมา พวกเธอจะต้องอยู่ที่นี่ และพรุ่งนี้เช้าจะมีคนมารับศพพวกเธออย่างสมเกียรติไม่ต้องห่วงบลาสโต้โค้งให้เล็กน้อยก่อนจะเดินไปปล่อยมังกรออกมาให้เป็นอิสระจากโซ่ที่ตรวนไว้

    ทุกวิกฤตนั้นมีโอกาสอยู่เสมอ  แชลรีนหันไปมองบริเวณริมหน้าผาที่มีกระจอกเทศบินถูกล่ามอยู่ เธอจึงรีบวิ่งตรงไปที่มันทันที เพราะบลาสโต้มัวแต่ยุ่งอยู่กับมังกรจึงไม่ได้หันไปมอง กว่าจะรู้ตัวแชลรีนก็บินขึ้นฟ้าหนีไปเสียแล้ว

    หึ่ย!!

    ใบหน้าของบลาสโต้นั้นเป็นสีแดงจัดบริเวณลำคอมีเส้นเลือดปูดออกมาบ่งบอกว่าตอนนี้เขาโกรธมาก ไม่นานนักเขาก็เอาโซ่ออกจากมังกรได้สำเร็จ มันมีท่าทีฟึดฟัดและพร้อมจะเล่นงานทุกคนที่เข้าใกล้

    และโชคร้ายไปหน่อยที่เผอิญผมยืนอยู่ใกล้สุดเพราะเพื่อนอีกสองคนตอนนี้ถอยกรูไปยืนในมุมโค้งเพื่อเตรียมตัวหนี เจ้ามังกรหันมามองผมด้วยสายตาดุร้าย เห็นอย่างนั้นผมรู้สึกกลัวจนไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหนทั้งสิ้น สองเท้าใหญ่ ๆ ด้านหน้าเคลื่อนที่ตรงมาที่ผม……

    อัลโฟร์ รับ!!” ผมหันไปมองทางต้นเสียงเห็นคาเวลโยนคบเพลิงมาให้ จึงรีบรับไว้ในมือแล้วหันมาเผชิญหน้ากับเจ้ามังกรบิน  ผมอาศัยความว่องไวหลบหลีกให้พ้นจากอันตราย ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าผมมีทักษะความไวพอตัวเลยทีเดียว ทุกครั้งที่ยื่นไฟเข้าไปไกล มังกรจะถอยห่างผมจึงพยายามใช้ไฟล่อเอาไว้

    แต่มีบางจังหวะที่ผมเสียท่าให้เจ้ามังกรหางของมันตวัดมาโดนตัวเต็ม ๆ จนร่างไปกระแทกกับผนังหินอย่างแรงทำเอาปวดร้าวไปหมด ผมเริ่มหาทางออกอื่นเพื่อจำกัดมันก่อนที่เจ้ามังกรจะเล่นงานพวกเราทั้งหมด ตรงบริเวณที่บลาสโตยืนอยู่ด้านหลังเป็นหุบเหวที่ยื่นออกไปนอกตัวถ้ำ

    หากผมกะไม่ผิดระยะทางที่ไกลพอสมควรน่าจะทำให้ล่อมังกรบินตกลงไปได้ แต่ก่อนอื่นนั้นจะต้องทำอะไรบางอย่างกับปีกของมันเสียก่อน ดังนั้นผมจึงกลิ้งตัวไปเพื่อลากโซ่เส้นยาวออกมา ระหว่างนี้ผมจะต้องระมัดระวังไม่ให้โดนมังกรเอาเท้าหน้ามาตะปบ กรงเล็กแหลม ๆ นั้นพร้อมจะปลิดชีพได้ทุกเมื่อ

    ผมกระโดดขึ้นไปบนหางของมันเพื่อจะปีนขึ้นไปบนส่วนตัว แน่อนนว่าความพยศของเจ้านี่ทำให้ผมเกือบหงายหลังตกลงมาหลายครั้ง เมื่อผมพยายามที่จะลากโซ่ตรวนปีกทั้งสองข้างของมันเข้าไว้ด้วยกัน  ซึ่งเป็นความพยายามที่ไม่เสียแรงเปล่าในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ

    เจ้ามังกรเสียหลักในการทรงตัวเล็กน้อย ไม่นานนักมันก็สามารถยืนได้อย่างปกติและเพิ่มทวีความโกรธมากยิ่งขึ้น ได้โอกาสที่จะวิ่งล่อมันลงไปให้ตกเหว ผมก็ไม่แน่ใจว่าตัวผมจะรอดด้วยหรือเปล่าแต่ยังไงก็ต้องเสี่ยงดูเพราะไม่มีทางอื่นที่ผมคิดได้ในตอนนี้

    ผมมองหน้าเพื่อนสองคนที่ทำหน้าตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก อย่างน้อยถ้าผมไม่รอดพวกเขาก็อาจจะรอดหรือมีวิธีในการกำจัดเจ้านี่ได้ ดังนั้นผมจึงวิ่งมาทางหน้าเจ้ามังกรและออกวิ่งอย่างเร็ว ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะมันวิ่งตามผมมาอย่างติด ๆ เมื่อใกล้จะถึงปากเหวแล้วผมก็ยังวิ่งอยู่ ผมวิ่งเลยไปจนตกเหวไปพร้อมกับมัน…..

    เป็นไปตามคาด มันตกลงไปยังป่าที่อยู่ห่างเป็นหลายร้อยฟุต ซึ่งผมเกาะขอบไว้ได้ทันระหว่างที่ผมมังกรตกลงไปเมื่อกี้ บนหัวผมก็มีกลุ่มกระจอกเทศบินหลายตัว บินเข้ามาในถ้ำซึ่งมีคนสองสามคนมาช่วยดึงผมขึ้นไปจากขอบเหวนี้ ขึ้นมาได้ปุ๊บผมก็โล่งใจทันทีเพราะหากพวกเขามาช้าอีกนิดผมก็ไม่รู้ว่าจะเกาะไปได้ถึงเมื่อไหร่

    ผมตัวสั่นเกินกว่าจะลุกขึ้นยืนได้จึงนั่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าแทน แชลรีนรีบวิ่งเข้ามาหาผมอย่างห่วงใย เธอเล่าว่าใช้กระจอกเทศบินไปในเมืองเพื่อแจ้งข่าวให้กับพระราชาทราบ

    พระราชาผมผม!” บลาสโต้พูดตะกุกตะกักอย่างตื่นกลัว

                    ไม่ต้องพูด จับตัวไปได้พระราชาสั่งให้ทหารจับกุมบลาสโต้ฐานกบฏ

                    เธอกล้าหาญมากนะ เป็นอะไรมากมั้ย?”

                    พระราชาเดินเข้ามาหาผมเพื่อสอบถามอาการ ท่านมีสีหน้าเป็นกังวลแต่ก็ยังยิ้มให้ผมรู้สึกคลายกังวลใจ

                    ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วฮะผมตอบกลับไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่หายสั่น

     เธอเก่งมากเลยทีเดียว สมควรแก่เป็นผู้ครอบครองเนื้อนกในตำนานพระราชายืนขึ้นเพื่อกล่าวต่อ ฉันขอประกาศอย่างไม่เป็นทางการว่า อัลโฟร์ อากาฟี่ เป็นผู้ชนะการแข่งขันในปีนี้พระราชาส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่น

    มันสมควรเป็นของนายคาเวลเดินมาแสดงความยินดี ใช่ นายคู่ควรมาเทียกล่าวสมทบอีกที พวกเขายิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตรไม่เว้นแม้แต่แชลรีน

    ดีใจนะที่นายยังไม่ตายแชลรีนพูดพร้อมกับสวมกอดผมอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ก็รู้สึกดีพิลึก

    บทส่งท้าย

    ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีแดงเพราะใกล้จะเข้าสู่กาลราตรี พวกเราสี่คนกลับถึงปราสาทอย่างปลอดภัยด้วยกระจอกเทศบินที่มาส่งถึงที่ เพราะเสียงระฆังดังขึ้นหลังจากพระราชาประกาศอย่างไม่เป็นทางการกับผม ทำให้ตอนนี้หลายคนที่ยังอยู่ในป่าเริ่มทยอยเดินทางกลับมาแล้ว

    พวกเราทั้งหมดพร้อมเพียงกันอยู่ที่ห้องอาหารขนาดใหญ่ บนโต๊ะยาวเรียงต่อกันนั้นเต็มไปด้วยอาหารนานาชนิดที่จะทำให้ทุกคนอิ่มท้องหลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวัน

    ก่อนที่จะเริ่มรับประทาน เรามีเรื่องที่น่ายินดีที่จะต้องประกาศให้ทราบก่อน นั่นคือ….ผู้ที่ชนะการแข่งขันในปีนี้หลังจากที่พระราชาพูดจบก็มีเสียงแซ่เซงเกี่ยวกับข่าวที่ได้ยิน เพราะตั้งแต่พวกเรากลับมาถึงปราสาท ข่าวเรื่องตื่นเต้นภายในถ้ำก็แพร่สะพัดออกไปทั่ว

    ปีนี้มีเหตุการณ์พิเศษหลายอย่างที่ไม่คาดฝัน แต่ด้วยความกล้าหาญที่จะเอาชนะ อัลโฟร์ อากาฟี่ ได้สยบมังกรลงได้ หากจะให้เล่าแล้วคงยาวว่ามังกรไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร เพระมันผิดที่ผิดทางไปหน่อย เอาเป็นว่าเราเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ปล่อยให้มีเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ก็ดีใจที่ท่านรอดมาได้ และต่อไปจะระมัดระวังมากขึ้น ไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้อีกเกิดเสียงดังระงมของผู้เข้าแข่งขันเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาอีกต่อไปบัดนี้เราจะประกาศผู้ชนะการแข่งขันนั่นคือ อัลโฟร์ อากาฟี่

    หลังจากที่พระราชาพูดจบก็เกิดเสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือดังกึกก้อง ผมเดินออกไปข้างหน้าด้วยความเคอะเขินไม่เคยมีสักครั้งที่ผมจะได้รับการยอมรับแบบนี้ พระราชาคล้องเหรียญทองแห่งเอรามอสไว้ที่คอของผม

    เหรียญแห่งเกียรติยศและความภูมิใจ แต่สำหรับผมแล้วประสบการณ์ที่ได้รับมันมีค่ากว่าเหรียญมากนัก ผมได้การยอมรับจากทุกคนและได้มิตรภาพอย่างจริงใจ  

    หลังจากการแข่งขันจบลงแล้ว ผม คาเวลและมาเทียนั้นมีโอกาสเจอกันบ้างตามวันหยุด ส่วนแชลรีนเธอปฏิบัติตัวกับผมดีขึ้นมากเลยฮะ และผมก็คิดว่าการที่เป็นแบบนี้เธอก็ดูน่ารักดีเราเริ่มสนิทกันมากขึ้น ในชั้นเรียนก็ไม่มีใครดูถูกผมแล้วทุกคนต่างเรียกผมว่า ฮีโร่ผู้สยบมังกรเป็นฉายาที่ฟังดูเข้าท่ามากเลยทีเดียว แต่กระนั้นผมก็ยังใช้ชีวิตตามปกติ ตอนนี้แม่ก็เลิกห้ามผมแล้วฮะ กลายเป็นว่าแม่คุยอวดลูกค้าทุกคนจนเขาเอียนเรื่องของผมไปแล้วแหละ

    อ๊อพระราชาเสนอให้ผมมาสอบเป็นอัศวินองครักษ์ แต่ผมยังรักที่จะทำอาหารและอยากจะสืบทอดกิจการร้านต่อไป แม้จะมีบางครั้งที่ผมคิดอยากจะผจญภัยหรือทำอะไรที่ตื่นเต้น ๆ อีกสักครั้ง……

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น

    ×