ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บารามอส ภาคพิเศษ

    ลำดับตอนที่ #13 : ขอแต่งงาน 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 574
      1
      12 เม.ย. 50

    ตอนที่ 3

    กระดาษสีฟ้าอ่อนกับตัวหนังสือเป็นระเบียบสวยงาม แต่ข้อความที่ปรากฏทำให้ใบหน้าหวานที่อ่านจบต้องขมวดคิ้ว มันเอาสมองส่วนไหนคิดเนี่ย ไอ้บ้า

                            
                             "คืนนี้เราจะมาขโมยจุมพิตของท่าน 
                                                     จอมโจรหิมะ"


    เล่นกับใครไม่เล่น แน่นอนไม่รู้จักตระกูลเดอเบอโรว์เสียแล้วที่ดันส่งสารท้าทายมาแบบนี้ ไอ้โจรมือใหม่เอ๋ย

    ท่านเฟรินคนนี้จะต้อนรับให้สมเกียรติอย่างแน่นอน

    ร่างโปร่งบางจัดการกับงานเอกสารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะมีเรื่องสนุกรออยู่

                                          ***

    แสงไฟส่องสว่างเป็นระยะไปทั่วเมือง ร่างหนึ่งกระโดดมาที่กำแพงสูง

    จะว่าไปในเมืองยังดูสว่างกว่าในวังหลวง ไม่รู้มันจะขี้เหนียวขนาดประหยัดไฟตามทางเดินขนาดนี้ แถมทหารยามก็ยังบางตาเสียอีก

    ร่างสูงในชุดทะมัดทะแม่ง คิดก่อนกระโดดลงจากกำแพง มองหาที่หมายสักพัก

    หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ร่างสูงวิ่งไปตามทางเดินยาว ดูจากภายนอกมันไม่น่าวกวนแบบนี้นะ เขารู้สึกว่าเดินมาตั้งไกลแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงสักที

    พระราชวังแห่งบารามอสเขาก็เคยติดตามบิดามา แผนที่เขาก็ศึกษามาจนชำนาญแล้ว ห้องนอนของเฟรินเขาก็รู้ว่าอยู่ตรงไหน แต่ทำไมมันถึงได้ใช้เวลานานกว่าที่คิดก็ไม่รู้

    ร่างสูงเรียกคทาพิพากษาออกมาร่ายเวทย์ เพื่อหาทางออก คิ้วเรียวสวยขมวดมากกว่าเก่าเมื่อคทาไม่แสดงทางออกให้เขา

    คทาตรวจไม่พบการใช้เวทมนต์ทำให้หลงทาง แสดงว่าทางมันวกวนเองเหรอ เมืองอะไรกันเนี่ย

    ร่างสูงปาดเหงื่อสักพักก่อนหาทางออกต่อ หลังงมทางสักพักอีกหนึ่งชั่วโมงก็ไม่มีความคืบหน้า

    จะว่าไปเขาไม่เคยหลงทางมาก่อน

    เสียงฝีเท้าดังอยู่ด้านหน้า ทำให้ร่างสูงกระโดดหลบข้างทางอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีฟ้ามองดูร่างที่กำลังเดินเข้ามาใกล้

    ชายในชุดเครื่องแบบพ่อบ้านเดินถึงตะเกียงมาตามทางเดินยาว เสียงฝีเท้าสะท้องกำแพงเป็นจังหวะ

    คาโลตัดสินใจถามทางดีกว่า เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว เดี๋ยวเขาต้องกลับไปทำงานต่ออีก ร่างสูงตัดสินใจเดินออกมาจากที่ซ่อน

    "ท่านลุง ไม่ทราบช่วยบอกทางออกหน่อยได้มั้ย" เสียงสุภาพถาม

    ดวงตาสีเทาของพ่อบ้านมองดูแขกยามวิกาลสักพักก่อนชี้มือไปทางซ้าย

    "เดินตรงไป เลี้ยวซ้าย ก่อนเดินตรงไป จะเจอประตูออกสวน" เสียงใจดีบอก

    "โชดคีนะพ่อหนุ่ม"

    คาโลพึมพำขอบคุณก่อนเดินหายไปตามทางที่บอก เมื่อเดินออกมาจากสวนที่เต็มไปด้วยต้นไม้ก็เห็นน้ำพุสวย ที่มีละอองน้ำเป็นฝอย สะท้อนกับแสงจันทร์เป็นประกายสีเงินยวง

    ร่างสูงถอนหายใจเฮือก เขาไม่เข้าใจว่าตนเองหลงทางได้อย่างไร

    บางทีพรุ่งนี้ เขาเตรียมตัวมาใหม่คงไม่หลงทางแบบคืนนี้ ร่างสูงผิวปากเรียกมังกรคู่ใจ บินกลับคาโนวาล เพราะพรุ่งนี้เช้าความจริงก็วันนี้ เพราะมันเลยเที่ยงคืนมาแล้ว เขายังต้องทำงานต่อ

                                                ***

    ในห้องพระอักษรของพระราชวังแห่งคาโนวาล ดวงตาสีม่วงมองดูเพื่อนสนิทที่นั่งทำงานไปหาวง่วงไป

    "ตกลง เมื่อคืนสำเร็จไหมว่ะ" นักฆ่าแห่งซาเรสถามอย่างคาดหวัง

    "ฉันหาห้องของเฟรินไม่เจอ" คาโลสารภาพกับเพื่อนสนิท

    "มันเป็นไปได้ยังไง นายไม่ได้ดูแผนที่ก่อนไปหรือ" คิลถามอย่างสงสัย

    "ฉันดูแล้ว นี่ก็ว่าทำงานนี้เสร็จจะดูใหม่อีกรอบ" คิงแห่งคาโนวาลเซ็นต์เอกสารก่อนบอกให้เพื่อนหยิบแผนที่มาให้

    ทั้งสองกางแผนที่ดูกันไปมา

    "ฉันเดินไปตามแผนที่ตลอด แต่มันไม่ถึงห้องเฟรินสักที" คาโลเล่า

    "นายติดกับดักหรือเปล่า" คิลวิเคราะห์ต่อ

    "ฉันตรวจดูแล้ว ไม่พบกับดักอะไร ดีที่เจอพ่อบ้านให้ถามทางเลยออกมาได้" คาโลบอกสีหน้าเหนื่อย

    "มันเป็นไปได้อย่างไร งั้นคืนนี้ฉันไปกับนายด้วยก็แล้วกัน" คิลบอกอย่างเป็นห่วง เพราะเวลาก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ไอ้เพื่อนตัวดียังไม่ได้ขอสาวแต่งงานเลย

    "ขอบใจ"

    คาโลบอกอย่างจนใจ เพราะถ้าเป็นตอนปกติเขาคงไม่ยืมมือเพื่อน แต่ตอนนี้รู้สึกร้อนใจเล็กน้อย เฟรินคงโกรธเขาแน่ ไม่อย่างนั้นคงยอมให้พบง่ายๆ

                                               ***

    ที่พระราชวังแห่งซาเรส คิงอาเทอร์กำลังต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง รุ่นน้องร่วมป้อม

    "รุ่นพี่สบายดีไหมเพคะ หม่อมฉันไม่ได้เจอรุ่นพี่มาตั้งแต่เรียนจบ" เสียงหวานทักทายอย่างยินดีเมื่อได้เห็นหน้ารุ่นพี่อดีตหัวหน้าป้อม

    "สบายดี แล้วเธอล่ะ จะแต่งงานพร้อมกันไหม" คิงแห่งซาเรสถาม ใบหน้าหล่อเหลาประดับรอยยิ้ม

    "แหม หม่อมฉันคงไม่เร็วเท่ารุ่นพี่หรอกเพคะ" เสียงหวานบอก ใบหน้าสีจัดเล็กน้อย

    "อ้าว นี่นิกซ์ไม่ได้บอกเรื่องงานแต่งงานของรุ่นที่ไฮคิงเป็นเจ้าภาพหรือ" เสียงเข้มถามกลับทันที

    "เรื่องอะไรเพคะ รุ่นพี่อาเทอร์" เจ้าหญิงแห่งเอเธอนส์ถามเสียงเริ่มจริงจังขึ้น

    "ก็ไฮคิงรับเป็นเจ้าภาพแต่งงานให้พวกรุ่นเธอป้อมอัศวินทั้งรุ่นพร้อมกันในสองเดือนข้างหน้านี้ ที่บารามอสนะสิ ทุกคนที่มีคนรักแล้วแค่พาไปแต่งงานพร้อมกันทั้งรุ่น ทำให้ฉันต้องรอคู่หมั้นฉันให้แต่งพร้อมเพื่อนจนต้องยอมให้เจ้าโรเวนมันแซงหน้าไปก่อน" คิงอาเทอร์เล่าปนเจ็บใจเล็กน้อย

    "ราชินีของรุ่นพี่เป็นพวกป้อมอัศวิน?  นี่ถ้าปราสาทขุนนางทราบเข้าคงเสียใจแย่" เจ้าหญิงเอฟีน่าตรัสแซวรุ่นพี่

    "ใช่ แต่เขาเป็นคนพิเศษนะ" เสียงทุ้มบอกใบหน้าอมยิ้มเล็กน้อย ทำให้รุ่นน้องคนงามเข้าใจได้ว่ารุ่นพี่หลงคู่หมั้นมากแค่ไหน

    "หม่อมฉันคงต้องรีบกลับไปถามนิกซ์แล้วล่ะเพคะ" เจ้าหญิงแห่งเอเธนส์บอกก่อนขอลากลับ

    "แล้วค่อยเจอกันในงานก็แล้วกันเอฟีน่า" คิงอาเทอร์บอก

    "แน่นอนเพคะ ด้วยเกียรติของปราสาทขุนนาง" รอยยิ้มอย่างมั่นใจของเจ้าหญิงคนงาม

                                                  ***

    ในสวนของพระราชวังแห่งบารามอส ร่างสองร่างยืนปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียด ใกล้กับน้ำพุ

    "ฉันว่ามันแปลกๆนะคาโล ไม่รู้สึกถึงไอเวทมนต์ก็จริง แต่มันก็กดดันอยู่ดี" คิลวิจารณ์

    "ฉันรู้ แต่ก็เข้าไปลุยกันเถอะ" คาโลชวนอย่างใจร้อน เพราะเขามีเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องกลับไปทำงานที่คาโนวาลต่อ

    ทั้งสองเดินหาทางไปห้องบรรทมองค์ราชินีกันต่อ ผ่านไปสักพักทั้งคู่ก็รู้ถึงความผิดปกติ แน่นอนเมื่อเดินยังไงก็ไม่ถึงจุดหมายสักที

    "มันเหมือนเมื่อคืนเลยคิล" คาโลบอกสีหน้าหงอย เพราะอย่างนี้ก็หมายความว่าเฟรินไม่ต้องการเจอหน้าเขา เขาอุตส่าห์ส่งจดหมายมาให้ก่อน อีกฝ่ายแทนที่จะรอกลับสร้างทางวกวนแบบนี้แกล้งเขา

    "เป็นไรไป "คิลหันมาถามเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนสนิท

    "ฉันคิดว่าหมอนั่นคงโกรธจนไม่อยากเจอหน้าฉันแล้ว" เสียงท้อแท้ของคิงแห่งเมืองนักรบบอกแววตาเศร้า

    "นายคิดมากไปหรือเปล่า ไปเหอะ เดินหากันต่อ" คิลจูงมือเพื่อนหาทางกันต่อ

    แสงไฟลอดออกมาจากห้องทำให้สองผู้บุกรุกดีใจเป็นอย่างมาก

    ทั้งคู่เดินไปเปิดประตูอย่างแผ่วเบาเดินเข้าไปในห้องเห็นหญิงชรานั่งถักนิตติ้งอยู่หน้าเตาผิง

    คิลพยายามมองดูอย่างจับผิดก็ไม่เห็นพิรุธอะไร คาโลมองอย่างผิดหวังเมื่อไม่ใช่คนที่เขาปรารถนาจะเจอ

    "ท่านยาย ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ" เสียงคิลถามต่อ เรียกให้หญิงชราเงยหน้ามองดูผู้มาเยือนยามวิกาล

    "มีอะไรหรือพ่อหนุ่ม มาจากไหนล่ะ ยายไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน" เสียงหญิงชราถามช้าๆ

    "พวกเราหลงทาง เลยอยากถามทางไปห้องราชินีเฟลิโอน่าหน่อยนะฮะ" คิลว่า

    "อ้อห้องราชินีหรือ ห้องเดิมขององค์หญิงอลิเซียไง" เสียงหญิงชราบอกอย่างใจดี

    "เอ่อ แล้วมันอยู่ตรงไหนหรือท่านยาย" คาโลเริ่มถามต่ออย่างสงสัย

    "เดินออกจากห้องนี้ไป เลี้ยวขวาไปสองล็อก ก่อนเลี้ยวซ้าย เดินตรงไปห้องที่สิบทางซ้ายมือ" หญิงชราบอกเสียงมีเมตตา

    "ขอบคุณมากครับ" คาโลบอกบอกก่อนเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว เพื่อตามหาเป้าหมายต่อ

    พวกเขาเดินจนมาถึงห้องบรรทมของราชินีแห่งบารามอส ทั้งสองเปิดประตูเข้าไป

    ดวงตาสองคู่กวาดตามองหาเป้าหมาย พบแต่ห้องว่างเปล่า

    ทั้งคู่เดินค้นหาสักพักก็ไม่พบแม้แต่เงาของเฟริน

    คาโลได้แต่ยืนนิ่งที่ข้างหน้าต่างอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร

    คิลมองดูกระดาษสีฟ้าอ่อนบนโต๊ะ ก่อนเบิกตากว้างมองดูข้อความในกระดาษ หันกลับไปมองร่างสูงของเพื่อนสนิท

    "นายส่งไอ้นี่ให้เฟรินใช่มั้ย" นักฆ่าแห่งซาเรส ที่เริ่มเห็นสัจธรรมของเรื่องทั้งหมดร่ำไรถามอย่างข้องใจ

    "ใช่ ฉันคิดตั้งนานว่าจะเขียนแบบไหนดี" คาโลรับสีหน้าซื่อ แน่นอนเขาไม่ถนัดเขียนจดหมายรัก ยิ่งจดหมายง้อสาวยิ่งยากเข้าไปใหญ่ คิดตั้งนานกว่าจะส่งจดหมายนี่มาที่บารามอส

    "นาย" คิลจนคำพูดไปชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าดูจะไม่ได้รับรู้ว่าคนรับคิดอย่างไร

    "เฟรินมันลูกใคร" คิลเริ่มเกมยี่สิบคำถามหวังว่าคงทำให้อีกฝ่ายถึงบางอ้อจนได้

    "จ้าวเอวิเดสกับราชินีอลิเซียไง" คาโลตอบทันที ขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าเพื่อนรักเล่นอะไร

    "ไม่ใช่  เฮ้อ ใครที่เลี้ยงหมอนั่นมาล่ะ" คิลเปลี่ยนคำถามใหม่

    "อ้อ มาดัส เดอเบอโรว์" คาโลตอบเมื่อเข้าใจคำถามเพื่อน

    "แล้วฉายาล่ะ" คิลถามเหมือนเริ่มสอนเด็กอนุบาล ตั้งแต่เขาคบกับเรนอนเขารู้สึกว่าตัวเองเซ้นส์ซิทีฟขึ้นเยอะ เมื่อเทียบกับไอ้น้ำแข็งเดินได้ตรงหน้า

    "เดอะทีฟออฟบารามอสไง" คาโลตอบไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะให้เขาทวนประวัติเฟรินไปทำไม

    "นายนี่น้า นี่ยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าไอ้จดหมายรักแสนน่าภาคภูมิใจของนายน่ะ มันสารท้ารบชัดๆ" คิลโพล่งออกมาอย่างสุดกลั้น

    คาโลอ้าปากค้างเป็นครั้งแรก เขาคิดว่าการขอจุมพิต ก็เหมือนกับการขอสัญญารักชั่วนิรันดร์ มันก็ฟังดูโรแมนติกดี

    "ไอ้เฟรินมันถึงได้ทำพิธีรับน้องใหม่ จอมโจรหิมะไง" คิลเฉลย เพราะคิดว่าถ้าไม่บอกตรงๆคาโลคงไม่เข้าใจ

    เสียงเคาะประตูเรียกให้สองหนุ่มหันไปมองเห็นเป็นสาวใช้เดินถือถาดน้ำชาและขนมนำเข้ามาเสริฟ

    "องค์ราชินีให้มาทูลว่า ติดต้อนรับแขกอยู่ อีกเดี๋ยวคงกลับเพคะ" สาวใช้รายงานถอนสายบัวก่อนออกจากห้องไปทันที

    คิลนั่งรอที่เก้าอี้ชุดรับแขกจัดการกับน้ำชาและขนมทันที เพราะใช้แรงงานในการติดเขาวงกตอยู่เกือบชั่วโมงแล้วกำลังหิวพอดี

    คาโลมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อยที่อีกฝ่ายยอมพบเขาเสียที ชายหนุ่มจิบน้ำชาร้อนรอ

    ประตูเปิดขึ้นอีกครั้ง ร่างโปร่งบอบบาง ผมสีน้ำตาล ดวงตาสีน้ำตาลรับกับใบหน้าหวานรูปไข่เดินเข้ามาส่งยิ้มให้แขกทั้งสอง

    เฟรินวางถาดแอปเปิ้ลไว้กลางโต๊ะ เอ่ยทักทาย

    "สวัสดีคิล คาโล รอนานไหม บังเอิญแขกคืนนี้น่ะเกินจะปฏิเสธได้" เสียงหวานส่อเลศนัยเล็กน้อยทำให้ร่างสูงที่นั่งรอต้องขมวดคิ้ว

    ยิ่งเห็นอีกฝ่ายหยิบแอปเปิ้ลมากัดอย่างเอร็ดอร่อย ยิ่งทำให้อารมณ์เขาขึ้นอย่างรวดเร็ว

    "คนที่เอาแอปเปิ้ลมาฝากเป็นใคร?" เสียงเข้มถามอย่างสงสัย?
    (แค่สงสัยนะ ไม่ได้หึงเลยแม้แต่น้อย)

    คิลมองดูอย่างเฉยๆ ชินเสียแล้ว เพราะเป็นเรื่องปกติที่พวกนี้จะคุยกันไปทะเลาะกันไป ยิ่งเฟรินอยู่ด้วยน้ำแข็งยิ่งหลอมละลายง่ายอยู่แล้ว

    ดวงตาสีน้ำตาลปรือมองดูอีกฝ่ายก่อนล้มคว่ำเกือบตกเก้าอี้ ถ้าร่างสูงไม่ไวพอ คว้าร่างบางไว้ทัน

    คาโลเขย่าเรียกร่างบางสักพักก็ไม่เห็นอีกฝ่ายจะรู้สึกตัว เขาช้อนร่างขึ้นพาไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว

    เรียกหมอเทวดาออกมาจากคทา หมอเฒ่าตรวจคนไข้ที่นิทราไม่ตื่นสักพักก่อนหันมารายงานผล

    "นายท่านต้องหาเจ้าของยาเพื่อถามวิธีแก้ เพราะมันจะเป็นวิธีเฉพาะที่คนวางยากำหนดไว้ถึงจะแก้พิษได้"

    เมื่อได้ฟังคำตอบ คาโลหันไปออกคำสั่งคิลทันที เพราะเขาไม่อยากปล่อยเฟรินไว้คนเดียว

    "นายไปถามดูว่าใครเป็นแขกคืนนี้"

    คิลพยักหน้ารับ วิ่งออกไปจากห้อง ก่อนชนเข้าอย่างจังกับร่างหนึ่ง

    ดวงตาสีม่วงสองคู่สบกัน

    "รุ่นพี่" เสียงเรียกอย่างคิดไม่ถึง

    "เอานี่ให้คาโล ส่วนวิธีแก้พิษก็คือ จุมพิตของเจ้าหญิงแห่งคาโนวาล" ลอเรนซ์บอกยัดสิ่งหนึ่งใส่มือคิลแล้วเดินหันหลับกลับไปทันที

    คิลมองดูของในมือ นิ่งคิดสักพักก่อนยิ้มอย่างเข้าใจ เดินผิวปากกลับเข้าไปในห้อง

    "เอานี่ไป ส่วนวิธีแก้พิษนะ ใช้จุมพิตของเจ้าหญิงแห่งคาโนวาล" คิลว่าก่อนเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็วพอกัน

    คาโลนิ่งงงสักพัก นี่เขาต้องกลับไปคาโนวาลพาเรนอนมาหรือ ดวงตาสีฟ้ามองดูของที่เพื่อนสนิทให้ก่อนหายหัวไป

    นี่มันจะมาล้อเล่นยามหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้เหรอ หลังนิ่งคิดสักพักว่าเขาไม่มีทางเลือก ร่างสูงตัดสินใจสวมสร้อย เปลี่ยนร่างเป็นผู้หญิง

    ใบหน้าคมหวาน ผมสีเงินยาว ก้มหน้าไปหาเจ้าหญิงที่นิทราบนเตียงนุ่ม

    ริมฝีปากสัมผัสกันเนิ่นนาน

    ดวงตาสีน้ำตาลลืมตาขึ้นสบดวงตาสีฟ้า อย่างอ่อนหวาน

    "ฉันรักนาย"

    "ฉันก็รักนายเหมือนกัน"

    "เราแต่งงานกันนะ" เสียงเจ้าหญิงผมเงินถาม

    "มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ฉันเป็นเจ้าภาพนี่ กะว่าถ้าวันงานยังไม่มีเจ้าบ่าวล่ะก็ ฉันจะฉุดแขกที่มาจากคาโนวาลสักคนแต่งด้วยเหมือนกัน" เสียงหวานตอบกวนตามสไตล์เดิม

    ทั้งสองผลัดกันแลกเปลี่ยนจุมพิตกันไปมาอย่างเพลิดเพลิน จนไม่ได้สังเกตุว่าใครบางคนยังไม่ได้เปลี่ยนร่างกลับ

                                                       ***

    ที่ห้องรับรองแขกกิตติมาศักดิ์นั่งจิบชากันอย่างสนุกสนาน มองดูภาพสวยงาม?ของเจ้าหญิงผมเงินจุมพิตสัญญาแต่งงานกับเจ้าหญิงผมสีน้ำตาล ผ่านลูกแก้วของอดีตซาตานแห่งป้อมอัศวิน

    "แหมคาลี่จังนี่ก็น่ารักดีนะ เหมาะกับเฟรี่เลย" ราชินีผมดำบอกเสียงเป็นปลื้มกับผลงานตรงหน้าปรายตามองดูสามีเล็กน้อย ส่งยิ้มหวานปนเลศนัยที่ทราบความหมายกันแค่สองคน

    "พวกรุ่นพี่มาได้ยังไงฮะ" คิลหันไปถามรุ่นพี่หน้าบูดแทน เพราะไม่อยากเข้าหน้าซาตานสาวที่กำลังอารมณ์ดีเกินเหตุตรงหน้า รู้สึกสยองพิกล

    "ก็ท่านพ่อนะสิ ขอร้องให้ลูคัสมาช่วยคาโลหน่อย ด้วยเหตุผลว่าถ้าไม่ช่วย ท่าเรื่องจะยาว" ลอเรนซ์บอกเหตุผลที่มา และเขาก็ไม่ไว้ใจที่จะให้ลูคัสมาคนเดียว กลัวว่าคาโลจะแย่กว่าเก่าจากฝีมือของซาตานตัวดีทำให้เขาต้องตามมาคุมมันด้วย

    คิลพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ นี่ขนาดผู้คุมมาด้วย ยังไม่ยอมช่วยแบบปกติเลย เฮ้อแต่ก็ดีที่เรื่องจบสักที

                                                  ***

    ที่บ้านของนักดนตรีผู้เนื้อหอม วันนี้แขกประจำที่พึ่งกลับจากซาเรสมาเยือน

    "นิกซ์ ฉันให้ช่างเสื้อมาวัดตัว" เสียงหวานออกคำสั่ง

    นักดนตรีหนุ่มแห่งป้อมอัศวินมองดูเจ้าหญิงคนงามอย่างสงสัย ยิ่งขมวดคิ้วมากขึ้นเมื่อเห็นชาวคณะที่มาด้วย บรรดาช่างตัดเสื้อ

    "ตัดไปทำไม เจ้าหญิงเอฟีน่า" เสียงเรียบถามอย่างสงสัย

    "ก็ไปร่วมพิธีในอีกสองเดือนข้างหน้าไง เราขอออกคำสั่งให้ท่านแต่งงานกับเราซะ"  เสียงหวานออกคำสั่ง

    "เอ้อ.... "นักดนตรีหนุ่มอึ้งเป็นครั้งแรก เขาไม่รู้จะเริ่มถามว่าอะไรดี

    "ทรงทราบจากไหนเจ้าหญิง" หลังตั้งตัวได้ คำถามที่สงสัยก็นำออกมาก่อน

    "รุ่นพี่อาเทอร์บอกนะสิ ไม่อย่างนั้นฉันก็คงไม่ทราบ" แววตาวาวคาดคั้นจ้องมาทำให้ชายหนุ่มต้องหลบสายตา

    "หม่อมฉันก็คิดว่าเราไม่คู่ควรกันก็เท่านั้น" เสียงเรียบตอบ

    "เรื่องพวกนั้นเราตัดสินเอง ไม่มีใครดีกว่านิกซ์หรอกในสายตาของเรา " เสียงหวานกึ่งอ้อนบอก

    "จะทรงแต่งงานกับหม่อมฉันไหม" ร่างสูงที่คุกเข่าข้างหนึ่งถามเสียงทุ้มนุ่ม รอยยิ้มบางประดับที่ใบหน้าหล่อเหล่า ปนแผลเป็นแสนเท่ ในความรู้สึกของใครบางคน

    มือเรียวยื่นมาให้คนตรงหน้าจุมพิตแทนคำสัญญากับรอยยิ้มหวานทั้งน้ำตา

    *********************************


    มาต่อเสียที นานไหมจ๊ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×