ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอส ภาคคู่อลวน

    ลำดับตอนที่ #2 : ท่องทั่วเอเดน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.83K
      4
      12 ส.ค. 49

    บารามอส

    บทที่ 2 ท่องทั่วแดนเอเดน

    ในเมืองหลวงของเจมิไน คับคั่งไปด้วยผู้คน เฟรินมองดูอย่างสนุกสนาน พ่อมาดัสเมื่อมาถึงก็บอกว่ามีธุระ ไว้ค่อยมารับให้เขาอยู่เที่ยวให้สนุกก่อนคอยส่งข่าวบอกให้มารับกลับ

    อย่างนี้มันดูแปลกยังไงชอบกล และกว่าที่เฟรินจะรู้เหตุผล ก็ต้องเหนื่อยทั้งวัน

    "ไอ้หนูพึ่งมาเมืองนี้เหรอ" เสียงชายร่างยักษ์ถาม

    "ครับพึ่งมาถึง แล้วหลงกับพ่อ" เฟรินบอกส่งสายตาดูน่าสงสารไปให้

    "พอดีเลยมาที่ร้านลุงสิเป็นร้านขนมปัง แต่ช่วยงานลุงก่อนก็แล้วกัน" ลุงใจดีบอก

    หลังทานขนมปังกับนมเสร็จ เฟรินก็ต้องปีนไปติดริ้วสีสันสวยแปลกตาตามเสารอบตลาด เสร็จร้านนี้ก็ออกไปช่วยร้านนู่น คุณลุงในเหตุผลว่างานสนุกทุกคนต้องช่วยกัน มันเป็นธรรมเนียมของที่นี่นะ

    อ้อ มิน่าไอ้พ่อบ้านถึงได้รีบหายหัวไปเลย จำไว้เขาจะไม่มาเจมิไนหน้าเทศกาลเป็นอันขาด เหนื่อยแทบแย่ แต่ก็สนุกดี สุดท้ายเด็กหนุ่มก็เป็นขวัญใจของชาวตลาด เพราะคล่องแคล้วว่องไว ใช้งานง่าย

    ทำให้มีแต่คนเอ็นดูให้ขนม กับอาหารกินฟรีตลอด ทำให้ไม่ต้องใช้วิชาชีพสักเท่าไร
    ในวันงานมีขบวนพาเหรด มีขบวนเสด็จของเหล่ากษัตริย์ประเทศต่างๆที่มาร่วมงาน ทำให้เฟรินมองดูพวกพระราชา พระราชินีกับเจ้าชายและเจ้าหญิงอย่างสนุกสนานอยู่บนหลังคาร้านขนมปัง ไม่ต้องไปเบียดกับผู้คนชั้นล่าง

    ในมือเด็กหนุ่มมีแอปเปิ้ลที่กำลังส่งเข้าปากอย่างสบายอารมณ์
    พวกเจ้าชายนี่จะต้องเก็กเหมือนกันหมดหรือไงนะ เฟรินบ่นในใจเมื่อมองเห็นเจ้าชายจากซาเรส ผมสีดำ ดวงตาดูเหยียดหยามผู้คน ส่อความทะนงอย่างชัดเจน ไม่ชอบขี้หน้ามันเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ แต่ทีสะดุดตาคงเป็นเจ้าชายผมสีเงิน ดวงตาสีฟ้าคู่สวย ที่ทำให้เฟรินถอนสายตาไม่ได้มองจนขบวนของคาโนวาลลับสายตาไป

    เฟรินเที่ยวเจมิไนอีกสองวัน ก็ได้เห็นพ่อมาดัสโผล่มารับสักที

    "นี่ใจคอจะลืมว่ามีลูกชายอยู่เชียวหรือพ่อ" เฟรินค่อน

    ก่อนโบกมือบ้ายบ้ายในลุงยักษ์ใจดี ที่แถมขนมปังให้เขามากินระหว่างทางอีกอือ

    "ก็ให้แกเที่ยวให้ฉ่ำปอดก่อนค่อยมารับไง"

    มาดัสบอกอย่างไม่สนใจเสียงบ่นของลูกตัวดี คิดในใจว่าถ้าให้มันทำตัวเงียบเก็กขรึมเหมือนพวกเจ้าชายสงสัยเฟรินคงขาดใจตายก่อนแน่

    "ไปเที่ยวคาโนวาลต่อกันดีกว่า" เฟรินบอก ชักติดใจเจ้าชายหน้าสวยหวาน แต่ท่าทีเหมือนรูปสลักเดินได้

    "เฮ้ยใจร้อนไปได้ พวกเราต้องแวะผ่านเวนอลก่อนเฟ้ย " มาดัสขัด

    "งั้นเวนอลก่อนก็ได้ ที่นั่นมีอะไรเด็ดบ้างล่ะฮะพ่อ" เฟรินถาม

    ไม่อยากโง่รอบสอง สู้ชิงถามพ่อก่อนดีกว่าว่ามีข้อระวังอะไรบ้าง จะได้ไม่ต้องเหนื่อย

    "ของลือชื่อเหรอ ผู้หญิงที่นั่นสวยๆทั้งนั้น แต่ที่เริ่ดสุดต้องบาร์แถวเมืองท่าก่อนข้ามไปเดมอส อย่างบาร์ฟรอนเทียร์ ที่นั่นเป็นแหล่งทำเงิน คัดมาแต่ของเกรดเอทั้งนั้นอไว้วันหลังจะพาแกไป" มาดัสสาธยาย

    "งั้นพ่อก็สอนวิชาจีบสาวให้ผมสิ จะได้เรียนรู้ไม่ขายหน้าพ่อตอนโต" เฟรินรีบประจบทันที

    เกวียนของสองพ่อลูกก็มาถึงเมืองหลวงของเวนอล

    เป็นเมืองที่คึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน ดูสวยไปคนละแบบ

    "ขโมย " เสียงแม่ค้าสาวคนขายแอปเปิ้ลร้องเมื่อเห็นแอปเปิ้ลลูกงามหายไปสามลูก

    "ความรู้สึกช้าจริง กินเข้าไปหมดแล้วค่อยร้อง คงจับได้หรอก ทำลายหลักฐานลงท้องหมดแล้วนี่" เฟรินบ่นกับตัวเองเบา

    ก่อนยื่นขนมที่หยิบติดมือมาจากร้านข้างๆ ให้เด็กหนุ่มผมสีชาอ่อน ดวงตาสีเขียว

    "ฉันเฟริน เดอะทีฟ นายล่ะ" เฟรินแนะนำตัวเองก่อน

    "ฉันโร เซวาเรส เดอะแบกการ์" เด็กชายผมสีชาบอกปนหัวเราะอย่างถูกใจกับฝีมือของเพื่อนใหม่

    "นายอยู่เมืองนี้นานแล้วเหรอ" เฟรินถาม

    "เคยอยู่ตอนเด็กๆ ตอนหลังย้ายไป แล้วออกเร่รอนไปเรื่อยๆ ผ่านมาคิดถึงเลยแวะ นายล่ะ"

    โรบอก นึกแปลกใจตัวเองที่รู้สึกพูดมากกว่าปกติ แถมเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนพึ่งรู้จักฟังอีก

    "ฉันเป็นหัวขโมยเร่รอน เดินทางตั้งแต่จำความได้ก็ติดตามพ่อไปตลอดนะ "เฟรินบอกประวัติอันไม่น่าสนใจของเขาให้เพื่อนใหม่ฟัง

    "งั้นฉันพานายเที่ยวแล้วกัน"โรบอกก่อนเดินนำ เด็กหนุ่มช่างพูดไป

    "เอ้ ทำไมเวนอลมีแต่เจ้าหญิงล่ะ ไม่เคยเห็นเจ้าชายชาเบียนออกโชว์ตัวเลย"

    เฟรินถามอย่างสงสัย ก็อาไร้เจ้าชายจะขี้อายขนาดไม่ออกสมาคมขนาดนี้

    "ไม่ใช่เจ้าชายเก็บตัวหรอก แต่เป็นกฎที่เจ้าชายรัชทายาทต้องเลี้ยงนอกวังเพื่อความปลอดภัย และหาประสบการณ์ชีวิต พระจักรพรรดิสมัยก่อนก็เป็นคนพเนจรเหมือนกัน" โรบอก

    "อ้อฉันรู้จัก นักปราชญ์ในสามสิงห์แห่งเอเดนใช่มั้ย พ่อฉันเป็นแฟนตัวยงเลย เล่าเป็นนิทานก่อนนอนมาตั้งแต่เด็ก" เฟรินบอก

    "เป็นธรรมเนียมของบางประเทศเท่านั้น เพราะแต่ละประเทศก็กำหนดเลือกรัชทายาทไม่เหมือนกัน ที่ส่งออกเร่ร่อนก็มีเวนอล แอเรียส กิลดิเรก และทริสทอร์ ส่วนประลองเอาก็ซาเรส ใครจะประลองก็ได้ขอแค่จบจากโรงเรียนพระราชาก็ใช้ได้ " โรบอกอย่างละเอียด

    "แล้วคาโนวาลล่ะ" เฟรินถามอย่างติดใจต่อ

    "อันนั้นให้เฉพาะพวกเจ้าชายเข้ามาประลองกัน คนชนะจะได้เป็นรัชทายาท ส่วนคนแพ้ก็จะต้องถูกถอดยศ และสาบานว่าจะภักดี ถึงมีชีวิตต่อไปได้ เป็นธรรมเนียมของเมืองนักรบนะ" ขอทานผู้รอบรู้ยังอธิบายต่อ

    "แล้วประเทศที่เหลือละ"เฟรินถามต่ออย่างเอาไว้ประดับความรู้

    "ที่เอเธนส์ให้นักบวชเลือก ที่อเมซอนราชินีคนเก่าเลือกก่อนตาย ที่เจมิไนให้ประชาชนเลือก ส่วนที่เหลือก็เจ้าชายองค์โตนะ" โรอธิบาย ก่อนชวนอีกฝ่ายไปหาอะไรกินกันดีกว่าเพราะชักคอแห้ง

    "นายชอบชาเหรอ" เฟรินถามรู้สึกว่าไม่เข้ากับสภาพขอทานเลย

    "นายไม่กินเนื้อเหรอ" โรถามกลับ เมื่อเห็นอีกฝ่ายกินแต่ผัก

    "ฉันแพ้เนื้อนะ กินแล้วผื่นมันขึ้น" เฟรินบอกก่อนกัดแอปเปิ้ลสุดโปรด

    "นายถ้าจะชอบแอปเปิ้ล" โรชวนคุยต่อ

    "ฉันกำลังวิจัยอยู่ว่าแอปเปิ้ลที่ไหนอร่อยที่สุดในเอเดนนะ" เฟรินบอกอย่างสนุกสนาน

    "ถ้าที่ไหนอร่อยที่สุดแล้วจะได้อะไรเหรอ"โรถามอย่างสงสัย

    "ก็ฉันอาจหาแฟนเป็นคนที่อยู่ประเทศนั้นไงล่ะ" เฟรินบอกติดตลก

    ทั้งคู่หัวเราะให้กันก่อนแยกย้ายไป

    ในที่สุดเฟรินก็ได้มาคาโนวาลที่ฝันเสียที

    ก่อนจ๋อยเล็กน้อยเมื่อเจ้าชายน้ำแข็งสลักนั่นไม่อยู่ เห็นว่าไปอยู่กับแม่ที่สโนวแลนด์
    แต่เฟรินก็เที่ยวซะทั่ว ก่อนเลยต่อไปบารามอส

    แน่นอนเฟรินและมาดัสได้รับเชิญไปทานน้ำชาร่วมกับไฮคิง ในฐานะที่พ่อเป็นเพื่อนสนิท

    "โตขึ้นเยอะเลยนี่เฟริน"

    ไฮคิงลูบหัวหลานรักอย่างเอ็นดู ดวงตาสีน้ำตาล ผมสีน้ำตาลเหมือนอลิเซีย  แต่ความกะล่อนเหมือนมาดัสคนเลี้ยงทำให้ต้องส่ายเศียรอย่างปลงๆ ก็ฝากมันเลี้ยงแล้วก็ต้องทำใจ

    "ใครมาหรือพะยะค่ะท่านพี่" เจ้าชายชามัลถามเมื่อมาเยี่ยมพี่ชายในช่วงปิดเทอมของโรงเรียนพระราชา ทำให้ไม่ต้องสอน

    "มาดัสกับลูกชายนะ" ไฮคิงตรัสบอกน้องชายกระแสเสียงปนเอ็นดู ทำให้ชามัลต้องมองดูผู้มาเยือนอย่างสนใจ

    มาดัสใช้ขาสะกิดเฟริน ทำให้เด็กหนุ่มต้องลุกขึ้นทำความเคารพอย่างเรียบร้อย เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากเจ้าชายจอมเจ้าระเบียบได้พอควร

    "จริงสิ ช่วงที่พักอยู่นี้ ให้น้องช่วยสอนประวัติศาสคร์บารามอสให้เฟรินหน่อยสิ ระหว่างที่พี่เล่นหมากรุกกับมาดัส " ไฮคิงตรัสสั่ง

    "ได้พะยะค่ะ" เจ้าชายผู้น้องรับคำอย่างไม่ได้คิดอะไร และนึกเอ็นดูเด็กตรงหน้าอย่างประหลาด

    ทำให้บารามอสเป็นอีกเมืองที่เฟรินต้องจดจำ เขาต้องขลุกอยู่ในห้องสมุดในวัง ค้นหาหนังสือทำรายงานและฟังบรรยายจากเจ้าชายพระอาจารย์แห่งโรงเรียนพระราชาโดยตรง คิดอยากแลกเปลี่ยนไปเล่นหมากรุกแทนพ่อจริงๆ

    ถัดจากบารามอสก็แวะผ่านกิลดิเรก

    "โหเมืองนี้มีแต่ร้านขายดาบ" เฟรินบอก

    "ก็เมืองนี้เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการตีดาบ และมีนักดาบเก่งๆหลายคน" มาดัสบอก(มั่วเองนะ)

    "ว้าวขนาดเด็กเล็กก็ยังเล่นฟันดาบ" เฟรินมองอย่างทึ่ง ก่อนไปสะดุดสายตากับผมสีเงินของใครบางคน ที่คล้ายกับใครอีกคนที่เขายังไม่ลืมซักที

    "มองอะไร "เด็กหนุ่มผมสีเงิน ดวงตาสีฟ้าถามเสียงขรึม

    "ผมนายสวยดีนะฉันชอบ" เฟรินบอกตามตรง

    "ขอบใจ"เด็กหนุ่มรับคำอย่างเก้อเขินนิดหน่อย ที่อยู่ดีๆก็มีคนมาชมสีผม

    "ฉันเฟริน นายล่ะ" ผู้มีมนุษย์สัมพันธ์เริ่มงานประจำทันที

    "ฉันกัส กัส โทนียา" เด็กหนุ่มบอกชื่อพร้อมนามสกุลอย่างเรียบร้อย

    "นายก็ชอบฟันดาบด้วยหรือ" เฟรินถามอย่างชวนคุยทำความสนิทสนม

    เด็กชายผมสีเงินเมื่อได้คุยเรื่องที่ชอบก็พูดคุยอย่างสนิมสนม ทำให้ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันอย่างรวดเร็ว

    "ไว้ตอนนายโตเราค่อยพบกันที่โรงเรียนพระราชานะ สอบเข้าให้ได้นะ เฟริน เดอะทีฟ" กัสบอกก่อนจากลาเพื่อนที่ถูกใจ

    "เช่นกัน ฉันจะมองหานาย ไว้ผมยาวสิจะได้สังเกตุเห็นง่ายๆ ฉันจะได้เห็นนายแต่ไกล" เฟรินบอกแบบไม่คิดอะไร

    "อืม ฉันสัญญา" กัสบอก

    สองพ่อลูกเดินทางต่อ ไปเจอกองคาราวานของพวกยิบซี ที่มีคนรู้จักกับมาดัส ทำให้สองพ่อลูกตามติดไปในขบวนเกวียนด้วย

    "พวกนายไปไหนต่อ" มาดัสถามเพื่อนเก่า

    "ว่าจะขึ้นเหนือ แวะงานแสดงดนตรีที่เอเธนส์ ก่อนไปสุดที่ฟรานส์"หัวหน้ากองเกวียนบอก เพราะพวกยิปซีเร่รอน ขายของและแสดงดนตรีเป็นหลัก มักเดินทางไปในที่มีงานรื่นเริงเสมอ

    "ดีเลย ฉันว่าจะไปเกาะทางใต้ งั้นฝากเกวียนไปกับพวกนายแล้วกัน ถ้าตามทันอาจไปเจอกันที่ทริสทอร์ หรือไม่ก็ฟรานส์ แล้วแต่ว่าสาวๆทางใต้ร้อนแรงแค่ไหน" มาดัสบอก พร้อมวานฝากเกวียน เพราะจะไปขึ้นเรือต่อ

    "ได้สิ" หัวหน้าบอกอย่างไม่รังเกียจ

    สองพ่อลูกจึงไปขึ้นเรือที่ท่าเรืออย่างสนุกสนาน

    "ผมพึ่งเคยขึ้นเรือ วิเศษไปเลยนะพ่อ" เฟรินตะโกนแข่งกับเสียงลมอย่างอารมณ์ดี

    "เอ้อ อย่าตื่นเต้นจนตกทะเลไปล่ะ ข้าขี้เกียจไปงมขึ้นมา" มาดัสขัดคอคนรื่นเริงเกินเหตุอย่างหมั่นไส้

    พวกเขาขึ้นเรือมา ในเรือมาดัสทำอาชีพเสริมเช่นแสดงมายากล เรียกค่าทิปจากแขกได้มากทีเดียว เฟรินเองก็ไปช่วยที่บาร์ตอนกลางคืนในเรือ ทำให้สนิทกับเหล่าเด็กเสริฟและพี่สาวสวยมากมาย

    แน่นอนสองพ่อลูกเก็บตังค์ได้พอเป็นค่าเดินทางต่อ เรือจอดที่เกาะทางใต้ มาดัสก็เริ่มสอดส่ายสายตาหาคนถูกใจ เฟรินดูเทคนิคการจีบหญิงของบิดาอย่างทึ่งๆ นึกไว้ว่าสักวันต้องวาดลวดลายให้เหนือกว่าพ่อแน่นอน

    หลังศึกษาวิทยายุทธการจีบสาวจนพอ ทั้งคู่ก็ออกเดินทางต่อไปขึ้นฝั่งที่โรมัน

    "โห นี่เขาประลองอะไรกันนะฮะ"เฟรินบอกอย่างงงๆ  เมื่อเห็นการประลองจอมพลัง

    "แข่งประลองจอมพลังนะ ดูว่าใครมีแรงมากกว่ากัน แต่ที่ฮิตก็ต้องกีฬาแข่งม้า"มาดัสบอก

    "เปิดให้พนันด้วยไหมพ่อ" เฟรินถามอย่างรู้นิสัยบิดาดี

    ผู้ชนะในการประลองเป็นเด็กหนุ่มร่างสูง ที่เฟรินตกใจเมื่อรู้ชื่อ เจ้าชายโรม โอดิซซี่ โหเป็นเจ้าชายไหงแรงยังกับกรรมกรล่ะเนี่ย อย่างนี้ต้องเหมาะกับแผ่นดินประชาแน่นอน เฟรินคิดอย่างสนุกสนาน

    แต่ที่เขาชอบที่สุดในเมืองเห็นจะเป็นห้องอาบน้ำรวมของเมือง แน่ละเด็กก็ได้อภิสิทธิ์ ได้เข้าฝั่งผู้หญิงไงล่ะ พ่อคงอิจฉาเขาน่าดู

    เฟรินคิดไปยิ้มไปเลยเดินชนกันร่างสูง

    "เป็นอะไรไหมเจ้าหนู" ชายร่างสูงถามพลางจับตัวเขาไว้กันล้ม เพราะพื้นห้องน้ำมักเปียกทำให้ลื่นง่าย

    "ไม่เป็นไร ขอบคุณฮะ" เฟรินบอกก่อนเงยหน้ามองคนช่วยเหลือ เด็กชายเบิกตากว้างเมื่อได้กระทบไหล่คนดัง เจ้าชายผู้ชนะการประลองนั่นเอง

    "เธอพึ่งมาเที่ยวที่นี่สินะ"เจ้าชายหนุ่มถาม เพราะรู้สึกไม่คุ้นหน้าเด็กชาย เนื่องจากพระองค์มาห้องอาบน้ำรวมเป็นขาประจำ ทำให้รู้จักคนมากมาย

    "ครับผมกับพ่อพึ่งผ่านมา แต่เจ้าชายเก่งจัง ผมดูการประลองเมื่อกี้นี้ด้วย" เฟรินหยอดลูกยอทันที

    " ขอบใจที่ชมนะ" เจ้าชายคุยอย่างเป็นกันเองกับเด็กชายอย่างถูกชะตา

    "ท่านไม่ค่อยเก็กเลยนะฮะ" เฟรินบอกอย่างชื่นชม

    "ที่นี่ก็แบบนี้แหละ " เจ้าชายหัวเราะอย่างถูกใจ หลังออกจากห้องอาบน้ำรวม ที่เฟรินอดไปฝั่งผู้หญิงเพราะถูกลากมาฝั่งผู้ชายโดยฝีมือของเจ้าชายจอมพลัง

    ทั้งคู่ก็ออกเดินเที่ยวเมือง โดยมีไกด์กิตติมาศักดิ์ นำทัวร์ร้านอาหารและเครื่องดื่ม

    "เธอรู้จักเครื่องดื่มเยอะเหมือนกันนี่" เจ้าชายชมอย่างทึ่งเมื่อเห็นเฟรินรู้จักสารพัดเครื่องดื่ม

    "ผมไปช่วยงานที่บาร์เหล้าบ่อยๆ เลยได้วิชาติดมาบ้างนะฮะ" เด็กหนุ่มบอกอาชีพเสริม

    หลังแยกกับเจ้าชายโรม เด็กหนุ่มก็ไปตะเวณเที่ยวเมืองจนเย็นก่อนกลับไปที่นัดพบกับพ่อมาดัส

    ทั้งคู่ก็ออกเดินทางต่อ

    "เราแวะผ่านชายแดนอเมซอน เข้าทริสทอร์ก่อน ค่อยไปสมทบกับกองคาราวานที่ฟรานส์แล้วกัน" มาดัสบอกกำหนดการให้บุตรชายตัวดีรับทราบก่อนโบกเกวียนที่ผ่านมาเดินทางต่อ

    เฟรินนั่งคิดในใจ เขาไม่มีวันโบกเกวียนพวกสาวๆอเมซอนอีกแน่ ตั้งแต่ขึ้นมาพวกคุณเธอคุยกันไม่หยุด เพราะเขาเป็นเด็กเลยได้นั่งรวมกับพวกคุณผู้หญิง ส่วนพ่อเขาได้ไปนั่งรวมกับพวกสามีของคุณเธอ ดูจะสบายหูกว่าเขาเยอะ ถึงแม้จะมีขนมอร่อยให้กินก็เถอะ

    เฟรินผลอยหลับไป ก่อนตื่นเมื่อถูกปลุก ให้ลงเมื่อถึงจุดหมาย แถมพวกพี่สาวที่เอ็นดูก็ฝากรอยรักเต็มสองแก้มของเด็กหนุ่มก่อนจากเสียอีก

    "อย่างนี้ผมถึงได้ไม่ชอบพวกผู้หญิงอเมซอน" เฟรินบ่นกระปอดกระแปด

    "เอาน่าอย่างน้อยก็ไม่ต้องเดิน แถมเร็วอีกต่างหาก" มาดัสบอกอย่างไม่เดือนร้อน
    เพราะฝั่งเขาก็แค่ช่วยส่งสายตาแสดงความเห็นใจในเหล่าสามี ที่เล่าเรื่องในบ้านให้ฟังเสียงเบาๆ แค่ครางรับกับพยักหน้าเป็นระยะ ความจริงคือสัปหงกเป็นจังหวะอย่างมีเทคนิคต่างหาก

    สองพ่อลูกหาที่พักในโรงแรมที่ทริสทอร์

    "แย่แล้วพรุ่งนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวงนี่นา" มาดัสอุทานอย่างนึกได้

    "แล้วมันเป็นยังไงล่ะฮะ แค่ใส่สร้อยของท่านพ่อ เหมือนทุกทีก็ได้นี่ฮะ"เฟรินบอก

    ตั้งแต่วันเกิดอายุสิบขวบมา เขามีปัญหาเรื่องไอมารออกมากในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งพ่อมาดัสบอกว่าเป็นเพราะเขาควบคุมพลังเวทย์ได้ไม่ดีพอ อาศัยใส่สร้อยเปลี่ยนเพศของพ่อปีศาจทำให้กลบไอมารไปได้ นี่ก็ผ่านมาสองปีแล้ว

    เด็กชายเริ่มชินกับการปะทุเพิ่มของพลังในคืนวันเพ็ญแล้ว แถมทุกคืนพ่อปีศาจก็จะมาสอนการควบคุมพลังเพิ่ม

    "ที่แย่นะก็เพราะว่าที่นี่มันทริสทอร์ พวกคนที่นี่จะไวกับเลือดของปีศาจในร่างแกโว้ย เพราะฉะนั้นห้ามออกนอกห้องในคืนพรุ่งนี้เลยนะ"มาดัสบอก

    เดี๋ยวความแตกจะแย่เอา อุตส่าห์ซ่อนตัวมันมาได้ตั้งนาน ถ้ามาพลาดด้วยเรื่องงี่เง่าแค่นี้เสียชื่อมาดัส เดอเบอโรว์แย่เลย

    "ก็ได้ครับ ผมจะทำตัวเรียบร้อยที่สุดในรอบปีเลย" เฟรินรับคำอย่างสนุกสนาน

    "ถ้าแกก่อเรื่องฉันจะจับแกมัดไว้ในเขตอาคม ให้ยืนท่ากระต่ายขาเดียวตลอดคืน" มาดัสขู่สำทับอย่างไม่ไว้ใจเจ้าตัวดี

    แน่นอนเฟรินก็วางแผนซ้อนแผนเพื่อออกหนีเที่ยว ก็ในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงมันดูสวยเย้ายวนใจ น่าออกเที่ยวราตรีจะตาย แถมเมืองนี้ก็ดูสวยเป็นพิเศษตอนกลางคืนเสียด้วย

    หลังทานอาหารเย็นเสร็จ มาดัสยอดหัวขโมยก็หลับสนิทด้วยฤทธิ์ของยานอนหลับ เฟรินยิ้มมองดูผลงานที่กรนครอก ก้มกระซิบริมหู

    "ตำรวจมา พ่ออ้วนฉุ พ่อหนีเร็ว "

    เฟรินหายใจเข้าลึก ร่ายเวทเก็บเสียงก่อนตะโกนเสียงดัง

    "ไฟไหม้"

    มองดูผลงานที่ทำอย่างไรพ่อก็ไม่ตื่น

    หวานออกท่องราตรีดีกว่า

    เฟรินทดสอบจนแน่ใจว่าพ่อจะไม่ตื่นขึ้นมากลางคัน หยิบสร้อยมาสวมเปลี่ยนร่างเป็นเด็กผู้หญิงอรชร ดูบอบบาง  ดวงหน้าหวานดูมีเสน่ห์ตรึงสายตาทุกคู่ที่ได้พบเห็น เฟรินหยิบเสื้อคลุมมาใส่ปกปิดหน้าตา ก่อนออกจากห้องไปเที่ยว

    "พวกแกจะเข้ามาพร้อมกันก็ได้" เสียงปนหัวเราะของชายหนุ่มคนหนึ่งเรียกความสนใจของเฟรินได้เป็นอย่างดี

    เฟรินหยุดมองดูการต่อสู้เบื้องหน้าอย่างสนใจ

    ชายฉกรรจ์สามคน รุมเด็กหนุ่มคนหนึ่งอยู่

    เด็กหนุ่มถอดแว่นตาสีทองออก ไอมารคละคลุ้งออกมาทันที ให้ความรู้สึกหดหู่คละเคล้าไอความตาย สลับกับเสียงกรีดร้องของเหยี่ยวที่บินอยู่เคียงข้าง

    ชายสามคนก็เขามารุมเด็กหนุ่มทันที แต่ก็ต้องร้องโอดโอยเมื่อถูกไอมารสีดำครอบคลุมก่อนแปลงร่างเป็นตะขาบสีดำ กัดที่คอของสามอันธพาล

    หลังเสร็จศึก เด็กหนุ่มยิ้มกริ่ม ก่อนสวมแว่นตาใส่กลับตามเดิม ร่างซาตานนั้นก็หายไป ดูเป็นคนอารมณ์ดีอีกครั้ง

    "การแสดงจบแล้วล่ะสาวน้อย" เด็กหนุ่มหันมาโค้งให้ผู้ชมเพียงคนเดียว

    "ฝีมือสุดยอดเลยฮะ" เฟรินบอกพร้อมตบมือ

    "งั้นสนใจไปดื่มชากันไหม" เด็กหนุ่มชวนอย่างรู้สึกสนใจคนตรงหน้า

    "ขอบคุณฮะ"เฟรินบอกก่อนเดินตามไปอย่างว่าง่าย ก็ได้ของกินล่อ ปฎิเสธไปเสียดายแย่ อุตส่าห์มีคนเลี้ยงทั้งที

    ทั้งคู่คุยกันอย่างออกอารมณ์

    "พี่ลูคัสเรียนโรงเรียนพระราชาเหรอฮะ อยู่ป้อมไหนล่ะครับ" เฟรินชวนคุยอย่างสนใจ

    "ป้อมอัศวินนะ"ลูคัสบอก

    "สนุกไหมฮะ" เฟรินซักต่อ

    "ก็สนุกดี พี่มีเพื่อนสนิทที่ชอบทำหน้าย่นทั้งวันเห็นแล้วเมื่อยแทน พี่ต้องคอยยั่วให้มันเปลี่ยนสีหน้าอย่างหน้าบูดเป็นหน้าโมโหแทนไง"ลูคัสบอกอย่างอารมณ์ดี

    "ว้าวน่าสนุกจังเลยนะฮะ"เฟรินนึกสนุก ชักอย่างเห็นหน้ารุ่นพี่ที่ทำหน้าบูดได้ทั้งวัน พรสวรรค์จริงๆ ทำได้ยังไงไม่เมื่อยบ้างหรือไงนะ

    "ไว้อายุสิบห้าก็ไปสมัครสิ พี่จะรอดูเรามาก่อเรื่องสนุก"ลูคัสบอก

    เฟรินได้กินชารสอร่อย เพราะพี่ลูคัสชอบน้ำชามาก แถมยังได้ทานขนมอร่อยลือชื่อของทริสทอร์เสียอีก

    เมื่อกลับถึงโรงแรม เฟรินเข้าไปดูพ่อมาดัสที่ยังหลับสบายอยู่ ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนเข้านอนเช่นกัน

    "ฮ้าวหลับสบายจัง"มาดัสบอกอย่างสดชื่น ก่อนเตรียมเก็บของออกเดินทางต่อไป
    ฟรานส์

    มาดัสเดินหากองคาราวานที่ฝากเกวียนก่อน นำเกวียนกลับ ทั้งคู่จอดเกวียนไว้ชายป่า ก่อนเข้าไปเที่ยวดูเมืองและหางานทำไปในตัว

    เฟรินเคยชินกับคำสอนของพ่อมาดัส ที่บอกอยู่เสมอว่าต้องทำงานถึงจะมีกิน พวกเขาเคยเร่รอนทีทั้งวันก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องก็เคยผ่านมาแล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามีก็ต้องกินให้อิ่มไว้ก่อน กับต้องหางานทำจะได้มีเงินไว้ใช้จ่าย

    เฟรินทำงานทุกอย่างที่มีคนจ้าง พ่อมาดัสบอกว่าฝึกเอาไว้เป็นประสบการณ์ชีวิต

    "รับสมัครนักแสดง" แปะป้ายไว้หน้าโรงละครแห่งหนึ่ง

    "น่าสนใจแฮะ" เฟรินบอกก่อนเดินเข้าไปสมัครทันที

    "อืมน่าสนใจ ลองให้ทดสอบบทดูก่อนก็ได้" หัวหน้าคณะละครบอกเมื่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าหวาน ดูมีหน่วยก้านดี

    "บทผู้หญิงนี่ฮะ" เฟรินบอกเมื่อมองดูบทสักพัก

    "ไอ้หนูตัวเล็ก ความสูงก็ไม่ถึง หวังจะแสดงบทพระเอกเหรอไง" หัวหน้าบอกติดตลก

    "งั้นก็ได้ฮะ" เฟรินบอกก่อนแสดงตามบทที่ได้รับ

    "เสียงหวานสูง การแสดงอารมณ์ใช้ได้ มีแววรุ่งนะนี่"หัวหน้าบอกอย่างพอใจ

    "ตกลงพรุ่งนี้มาซ้อมได้เลย" หัวหน้าคณะบอกตกลงรับเฟรินเข้าคณะ

    มาดัสหัวเราะเมื่อรู้งานใหม่ของเจ้าลูกชายตัวดี

    "เออดี แกจะได้ฝึกมารยาทสุภาพสตรีซะบ้าง" มาดัสบอก

    "ไม่เลวผมจะได้ฝึกมารยาหญิงไว้บ้าง เผื่อไว้หลอกพวกตาแก่ตอนไปขโมยของก็ไม่เลว"เฟรินบอกเมื่อนึกถึงประโยชน์ที่อาจได้รับ

    ดูเหมือนพรสวรรค์ของเฟรินจะดึงดูดผู้คนได้อย่างดี ทำให้เฟรินได้เป็นดาราดังของโรงละครทันทีที่ออกแสดงแค่เรื่องแรก ทำให้หัวหน้าคณะตกลงต่อสัญญาให้เฟรินแสดงต่อทันที

    "เธอนี่มีพรสวรรค์มากจริงๆ ฉันสายตาแหลมไม่เลวเลย" หัวหน้าบอกอย่างอารมณ์ดี

    "ผมว่าคงแสดงได้จนกว่าเสียงจะแตกมากกว่านะครับ" เฟรินบอก

    "นั่นสิ แต่ตอนนี้เสียงยังเหมือนผู้หญิงไม่เป็นไรหรอก ถ้าเธอเบื่ออยากออกเดินทางก็บอกฉันล่วงหน้าแล้วกัน"

    หัวหน้ากล่างอย่างใจดี รู้ดีว่าเด็กหนุ่มคงไม่หยุดที่ฟรานส์เป็นแน่ และที่สำคัญสักวันเด็กก็ต้องกลายเป็นผู้ใหญ่ เสียงก็คงต้องทุ้มขึ้น แต่ตอนนี้อยู่เป็นดาราเรียกแขกไปก่อนแล้วกัน น้ำขึ้นต้องรีบตัก

    เฟรินออกแสดงอยู่หนึ่งปี โดยใช้ชื่อในการแสดงว่า โรส เด็กหนุ่มคิดว่าควรได้เวลาออกเที่ยวต่อเสียที เงินก็เก็บได้มากพอสมควรแล้ว

    แฟนคลับของเฟรินมีตั้งแต่พ่อค้า นักการเมือง เชื้อพระวงศ์ แม้แต่องค์ราชามักมาดูการแสดงรอบแรกของเขาอยู่เสมอ

    "วิเศษไปเลยโรส"
     
    เสียงของผู้ชมยืนขึ้นปรบมือให้กับการแสดงรอบสุดท้ายของนักแสดงเอก ที่จะขอลาเวทีในวันนี้ แต่ชื่อเสียงของนางเอกยังคงอยู่ในหัวใจของชาวฟรานส์ไปอีกนาน

    เกวียนของสองพ่อลูกออกจากเมืองแห่งการแสดงและดนตรี ออกเดินทางไปอีกครั้ง

    "ตัดผมทำไมน่าเสียดายออก"มาดัสถามเมื่อเห็นเฟรินไว้ตั้งแต่ออกแสดงใหม่ ผ่านมาหนึ่งปีก็ยาวเทียมหลังดูคล้ายเด็กผู้หญิง เห็นแล้วยิ่งทำให้คิดถึงอลิเซีย มาดัสคิดในใจ แต่ก็ดีจะได้เฟรินหัวขโมยกลับมาเสียที

    "แวะไหนต่อล่ะฮะ" เฟรินถามรู้สึกกระตือรืนร้นพอสมควร

    "ไปชิมเหล้าอร่อยที่ไนล์แล้วตรงไปเรื่อยๆออกซาเรส เฉียดเดมอส ก่อนตรงเข้าสโนวแลนด์ดีไหม ว่าจะหาไข่มุกแสงจันทร์ให้แกสักอัน เห็นว่าเก็บเงินได้เยอะช่วงออกแสดงนี่" มาดัสบอก

    "ไข่มุกแสงจันทร์เอาไว้ทำอะไรนะฮะ" เฟรินถามอย่างสงสัย

    "ก็เป็นธรรมเนียมของพวกเชื้อพระวงศ์ในเอเดนนะ ที่จะมอบไข่มุกแสงจันทร์ให้พระคู่หมั้นเป็นของหมั้นหมาย เลยเป็นของที่พวกเจ้าชายต้องมีติดตัวไปก่อนเข้าโรงเรียนพระราชา" มาดัสอธิบาย

    ก่อนนึกอย่างขมขื่นที่ดันไปเห็นภาพบาดใจ สาวที่ต้องตารับไข่มุกแสงจันทร์ของเพื่อนสนิทและเป็นราชินีของบารามอสในที่สุด

    แต่มิตรภาพของพวกเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับเขาขอแค่ความสุขของคนที่รักทั้งสองเขาก็ยินดีด้วย ถึงแม้จะน้อยใจสักเล็กน้อย ที่หัวขโมยก็ไม่อาจเทียบเจ้าชายได้

    "เอ้ แล้วทำไมเราต้องเอาไปก่อนเข้าโรงเรียนด้วยล่ะฮะ" เฟรินยังถามอย่างไม่หายสงสัย

    "ไอ้โง่นี่ ไม่ได้เชื้อความฉลาดของฉันไปบ้างเล้ย" มาดัสบ่นก่อนเฉลย

    "แกก็ไปหาแฟนในโรงเรียนไงล่ะไอ้ลูกโง่" มาดัสบอกพร้อมเขกมะเหงกใส่หัวไอ้ตัวดีดังโป๊ก

    "ก็ใครจะไปคิดถึงขนาดนั้นเล่าพ่อ ผมพึ่งสิบสามเองนี่น้า"

    เฟรินแก้ตัวไปเรื่อยๆ ก่อนคิดสนุกถ้าเอาไข่มุกแสงจันทร์ไปหมั้นผู้ชายพ่อมาดัสจะทำหน้าอย่างไรน่ะ จะเป็นลมทั้งยืนไปเลยหรือเปล่า

    พวกสองพ่อลูกแวะเที่ยวและทำงานจิปาถะหาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ทั้งนักดนตรี นักเต้นรำ นักทำนายรวมไปถึงนักร้อง โดยเดินทางรวมไปกับกองคาราวานยิบซี ซึ่งเด็กหนุ่มก็ทำตัวได้กลมกลืนเป็นอย่างดี แถมเป็นขวัญใจสาวๆ เพราะฝีปากของเด็กหนุ่ม

    เสียงที่แตกของเด็กหนุ่มไม่ค่อยมีผลกับเฟรินเท่าไร แค่เสียงทุ้มขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังฟังหวานกว่าเด็กผู้ชายทั่วไปอยู่ดี แถมความสูงก็ยังตัวเล็กกว่าเด็กผู้ชายปกติ

    ในฝันเฟรินก็ยังคงเรียนส่วนตัวกับท่านพ่อปีศาจที่มาหาให้ฝันเสมอ

    "ผมคิดว่าพอโตขึ้นจะตัวสูงเหมือนท่านพ่อซะอีก"หนุ่มน้อยบ่นตามนิสัยช่างพูด

    "พ่อกว่าจะโตก็ใช้เวลาเกือบร้อยปีเหมือนกัน เป็นเด็กอยู่หลายสิบปีเหมือนกัน แต่ลูกมีเลือดมนุษย์คงประหยัดเวลากว่าพ่อ ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวก็โตเอง" เอวิเดสบอกลูกชายอย่างรักใคร่

    "เดี๋ยวผมก็จะแวะผ่านเดมอสก่อนไปสโนวแลนด์ พ่อมาดัสบอกว่าให้ผมไปซื้อไข่มุกแสงจันทร์ก่อนเข้าโรงเรียน" เฟรินบอก

    "อ๋อไข่มุกแสงจันทร์ ธรรมเนียนของเจ้าชายแห่งเอเดน พูดแล้วก็นึกได้เรื่องกรณีเก่า "
    เอวิเดสนึกถึงเจ้าชายบาโรในอดีตก่อนเล่าเรื่องในอดีตในลูกชายตัวดีฟัง

    "พ่อจะให้ผมแข่งจีบผู้หญิงกับเจ้าชายแห่งคาโนวาลเหรอฮะ"
     
    เฟรินถามเมื่อได้ฟังเรื่องน่าหัวเราะในอดีต กับแผนเปลี่ยนเพศตบตากษัตริย์แห่งคาโนวาล

    "ใครว่า พ่อว่าจะให้ลูกจีบลูกไอ้บาโรต่างหากล่ะ น่าสนุกดีออก"

    เอวิเดสบอกก่อนหัวเราะก้องอย่างนึกสนุกสุดๆ ถ้าจีบติด อยากรู้ว่าบาโรจะแก้เกมว่าอย่างไร จะให้แย่งคนรักที่เป็นตัวเองได้อย่างไร

    หลังการเดินทางอันยาวนาน พวกเฟรินก็มาถึงสโนวแลนด์

    "ทำไมราคาแพงจัง ลดหน่อยได้มั้ยฮะ" เฟรินต่อราคาทันที

    "แหมก็เป็นราคาที่สมค่าของมันนะจ๊ะ" จอมภูติแห่งสโนวแลนด์บอก

    "แหมผมไม่ใช่คนรวยที่ไหนนี่ฮะ ต้องทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำกว่าจะเก็บเงินซื้อได้ เพียงแต่คนที่ผมชอบนะเขาฐานะสูงส่ง ผมอยากได้เพื่อเป็นของขวัญพิเศษให้เขานี่ครับ ถึงแม้ขโมยไม่อาจเทียบเจ้าชายได้ก็เถอะ" เฟรินชักเหตุผลกระตุ้นความน่าสงสารเข้าไว้

    "งั้นลดให้เป็นพิเศษเห็นแก่ความรักของพ่อหนูน้อยก็แล้วกัน" จอมภูติบอกอย่างใจดี

    "ขอบคุณมากเลยนะฮะ" เฟรินบอก ก่อนเผลอตัวไปหอมแก้มจอมภูติคนสวย

    "เด็กนี่" จอมภูติอุทานอย่างเอ็นดู

    "แก้มท่านเย็นจังฮะ" เฟรินบ่นเล็กน้อย

    ก่อนยิ้มกว้างเมื่อจอมภูติสอนวิธีเก็บและวิธีเรียกเอาไข่มุกออกมา ก่อนโบกมือลาอย่างร่าเริง

    "ไว้ผมจีบติดแล้วจะพามาแนะนำนะฮะ" เฟรินตะโกน

    ก่อนขึ้นมังกรที่ท่านพ่อปีศาจจัดให้กลับ แวะพักที่เดมอสเล็กน้อยอย่างเป็นความลับ ได้เจอท่านอายักษ์และท่านอาแม่มดคนสวย

    รวมถึงคนพิเศษของท่านพ่อที่อยู่ในห้องลับ คนที่ใครๆต่างเข้าใจว่าตายไปแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงคำทำนายของท่านอาลูน่า ที่ว่าจะเกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมในวันฉลองครบเดือนของเขา ทำให้ท่านพ่อและท่านตาซ้อนแผน และให้เขาออกเร่รอนเพื่อความปลอดภัย

    "จะตรงกลับเอเดนเลยหรือลูก"

    ราชินีอลิเซียถามขณะกอดลูกชายไว้อย่างคิดถึง

    "ก็ใกล้วันเปิดรับสมัครเข้าโรงเรียนแล้วนี่ครับ"

    เฟรินบอกอย่างอาลัยมารดาเหมือนกัน เด็กหนุ่มเองก็ไม่อยากจากมารดาคนสวยไปเหมือนกัน

    หลังจากอ้อนมารดาให้หน่ำใจ เจ้าชายสองแผ่นดินก็ไปหาท่านจ้าวปีศาจต่อ

    "ไปเรียนสักปีก็ค่อยกลับมาตอนช่วงปิดเทอมก็แล้วกัน พ่อกับท่านตาเราเตรียมแผนเปลี่ยนเพศลูกกลับเป็นผู้ชายถาวรไว้แล้ว"
     
    เอวิเดสบอกถึงผลสรุปของแผนการที่ต่อเนื่องมาจากสิบห้าปีก่อน

    "จริงสิท่านพ่อสอนวิธีร่ายเวทย์เปลี่ยนเพศแบบที่ทำกับสร้อยของผมให้หน่อยสิฮะ เอาแบบเปลี่ยนเพศแล้วท้องได้ด้วยก็ดีนะฮะ" เฟรินว่า

    คิดว่าถ้าทำได้น่าจะเป็นสินค้าขายดีกว่าไข่มุกแสงจันทร์ของสโนวแลนด์ซะอีก เด็กหนุ่มคิดคำนวณหารายได้ในใจอย่างคร่าวๆ ตามประสาต้องหาตังค์ใช้เองมาตั้งแต่เด็ก

    "จะเอาไปเล่นพิเรนท์อะไรอีกล่ะ"

    เอวิเดสถามดักคอก่อนยอมสอนแต่โดยดี นึกสนุกถึงผลที่ตามมาจากฝีมือของลูกตัวดี

    ในที่สุดก็ได้เวลาออกเดินทางกลับเอเดน เกวียนคันเก่งก็ปุเลงไปเอดินเบิร์ก


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×