ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF.EXO | R U N ◇ chanbaek / kaido / hunhan

    ลำดับตอนที่ #8 : Rubble and Ruin: Chapter 7 | chanyeol x baekhyun - ENDING

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.46K
      4
      25 ก.ย. 56

    rubble and ruin

    chanyeol x baekhyun / pg-15 / angst, fluff, flashback included

     

     

    *

     

    Chapter 7 Ending

     

     

     

    11 ปีที่คนหนึ่งเดินเข้ามาในชีวิตของอีกคน

    7 เดือนที่มิตรภาพก่อตัวขึ้น

    3 ปีที่ความรักเบ่งบานและเหี่ยวเฉา

    5 ปีที่ต่างคนต่างไปตามทางของตน

    4 เดือนที่เส้นทางชีวิตของพวกเขาพาดตัดกัน

    และสวนทางกันอย่างไม่มีวันหวนกลับ

     
    7 ปีที่เส้นทางชีวิตของพวกเขากลายเป็นแค่เส้นขนาน

     

     

    กลิ่นกรุ่นของขนมอบลอยฟุ้งไปทั่วถนนเส้นหลักเข้าสู่ตัวเมือง คละคลุ้งไปกับควันสีเทาขุ่นของยานพาหนะนับสิบที่ร่ายเรียงแน่นิ่งอยู่เป็นแนวยาว ผู้คนนับร้อยเดินไปตามวิถีของตนอย่างพลุกพล่าน บ้างก็เข้าร้านเสื้อผ้ามือสองร้านดังประจำถนน บ้างก็เข้าไปร้านกิฟท์ช็อปที่สินค้าประมาณครึ่งหนึ่งนั้นนำเข้าจากญี่ปุ่น หรือไม่ก็แวะเข้าร้านเบเกอรี่เพื่อซื้อขนมอบจากเตาใหม่ ๆ หอมกรุ่นมาทานเล่นระหว่างเดินจับจ่ายผลาญเงิน

     

    วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มควงชายหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้มไม่แพ้กันเข้ามาอุดหนุนร้านเบเกอรี่เจ้าประจำ ทั้งสองเดินวนรอบร้านพร้อมกับคีบขนมปังชิ้นนู้นชิ้นนี้จนเต็มถาดพลาสติกสีขาวขุ่น พนักงานแคชเชียร์ยิ้มต้อนรับให้กับพวกเขาก่อนจะจัดแจงบรรจุขนมอบสีออกเหลืองเกรียมนิด ๆ ใส่ถุง

     

    “แกจะกลับบ้านเลยป่ะแบคฮยอน?” หญิงสาวหันไปถามชายหนุ่มร่างเล็กข้าง ๆ

     

    “คงงั้นมั้ง”

     

    “แล้วพรุ่งนี้แกจะไปปาร์ตี้หลังเลิกงานมั้ย? เจ้ามินอูมันเซ้าซี้ให้ฉันลากนายไปให้ได้ แล้วยังบอกอีกนะว่าถ้าลากแกไปได้ มันจะเลี้ยงข้าวฉันด้วย ฉันว่านะ มันคงเตรียมแผนจะขอคบกับแกแล้วมั้ง”

     

    “บอกมันไปเลยว่าฉันไม่ชอบ จะได้เลิกมาเซ้าซี้แกซักที”

     

    “เอ๊า แกจะไม่ให้โอกาสมันหน่อยเหรอวะ ตามจีบแกมาตั้งหลายเดือนแล้วนะเว้ย”

     

    “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ชอบ”

     

    “เห้อ แกนี่ใจแข็งจริง ๆ นะ คนมาสารภาพรักกับแกเป็นสิบตั้งแต่ที่นายเข้าทำงานมา ไม่คิดอยากจะลองคบหากันบ้างหรือไงห๊า”

     

    “ก็ไม่มีใครเข้าตาฉันซักคนนิ”

     

    “มีทั้งชาย ทั้งหญิง มันจะไม่ถูกใจซักคนเลยหรือไงเนี่ย?” คนถูกถามหันมาเค้นยิ้มใส่

     

    “ถ้าสนใจก็เอาไปซักคนสิ ฉันให้”

     

    “แบคฮยอน!

     

    เสียงแจ๋นดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย มือบางทั้งคู่ของหล่อนรุมตบแรง ๆ ที่ไหล่ของเพื่อนชายจนคนถูกตบเริ่มร้องโอดครวญ หญิงสาวเมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามยอมจำนนก็ปล่อยหัวเราะออกมาอย่างผู้ชนะ ทั้งสองเดินออกมาจากร้านเบเกอรี่พร้อมถุงพลาสติกใบใหญ่หอบหิ้วกันไปคนละถุง

     

    ชายหนุ่มหยิบห่อพลาสติกออกมาแกะก่อนที่จะใช้ฟันซี่เล็กฉีกเนื้อแป้งละเอียดนุ่มนั่นเคี้ยวแก้มตุ่ย ขายาวเรียวเดินสับ ๆ ไปเรื่อย ๆ พร้อมลิ้มรสขนมอบหอมหวานในมืออย่างเอร็ดอร่อย สายตาของคนที่มาด้วยกันจับจองไปที่ใบหน้าน่ารักแบบผู้ชายที่หายากเต็มทนนั่นก่อนจะถอนหายใจออกมาดังขนาดที่ชายหนุ่มร่างบางได้ยินก็ถึงกับชะงักคาขนมปังไส้ครีมคัสตาร์ด

     

    “อะไรเนี่ย อยู่ ๆ ก็ถอนหายใจซะดัง”

     

    “แกนี่ไม่รู้จักหาความสุขให้ตัวเองบ้างเลยจริง ๆ ...”

     

    “อะไรของแกวะ ฉันก็มีความสุขดี ไม่ได้เดือดร้อนอะไรซักหน่อย”

     

    “นี่ อายุขึ้นเลขสามกันแล้วนะ มัวแต่เลือกมากเดี๋ยวก็ได้นอนตายนเดียวตอนแก่หรอก”

     

    “ทุกคนต้องตายคนเดียวอยู่แล้ว อีกอย่างนึง ว่าแต่ฉันนี่ไม่ดูตัวเองเลยนะ” หญิงสาวถอนหายใจอีกรอบแต่ครั้งนี้กับปัญหาของตัวเอง

     

    “ฉันกลับไปคบกับแฟนเก่าแล้ว” คิ้วเรียวโก่งของคนฟังขมวดเข้าหากัน ขนมปังไส้ครีมคัสตาร์ดที่ยังไม่ถูกจัดการให้เสร็จสิ้นกลับถูกเก็บกลับใส่ห่อไปก่อน หล่อนหันหน้ามาเผชิญกับเพื่อนร่วมงานพร้อมกับแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องกังวลใจ

     

    “จู่ ๆ เมื่อหลายวันก่อนหมอนั่นก็โทรมาขอคืนดีน่ะสิ ฉันไม่รู้จะทำยังไง ก็เลย... บอกไปว่าขอคิดดูก่อน”

     

    “ลองคิดดูแล้วหรือไงถึงได้กลับมาคบกันน่ะ?”

     

    “เออสิยะ ตอนอยู่ที่ทำงานนะ ฉันมัวแต่คิดเรื่องของหมอนั่นจนเผลอพิมชื่อหมอนั่นลงในรายงานที่จะใช้ประชุมเลยนะ แถมเลิกงานกลับบ้านก็ยังคิดต่อ จนตอนจะนอนฉันก็คิดได้..”

    “คิดว่าไง?” หญิงสาวยักไหล่พร้อมกับเบ้ริมฝีปากฉ่ำลิปกลอสออก

     

    “ถ้าฉันคิดจะปฏิเสธเขาอ่ะนะ ฉันคงจะบอกเขาไปตรง ๆ ตั้งแต่อยู่ในสายแล้ว ที่ฉันตัดสินใจตอบไปว่าขอคิดดูก่อนแสดงว่าฉันยังมีเยื่อใยให้กับเขาอยู่ พอคิดกลับไปกลับมามันก็จริงนั่นแหล่ะ ชีวิตที่ขาดเขายังไงซะมันก็ไม่ดีเท่าชีวิตที่มีเขาอยู่เคียงข้าง”

     

    แบคฮยอนมองแววตาที่เปลี่ยนไปของหญิงสาวอีกคน รอยยิ้มระเรื่อบนใบหน้าของหล่อน แม้มันจะเจือจางแต่กลับรู้สึกถึงความสุขที่แต่งแต้มได้อย่างชัดเจน

     

    “แล้วไม่คิดเหรอว่ามันอาจจะลงเอยแบบเดิมก็ได้?” สิ้นเสียงของชายหนุ่ม เขาหันไปมองเพื่อนสาวที่ตามหลังอยู่ก้าวหนึ่ง ทั้งสองหยุดนิ่งตำแหน่งเดิม หล่อนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจสบดวงเนตรคู่นั้นอีกครั้ง

     

    “เออว่ะ” เสียงหัวเราะแจ๋แจ้นของหล่อนยิ่งเพิ่มความสงสัยให้กับอีกฝ่ายเข้าไปอีก

     

    “เอาจริงแกยังจะคิดอะไรแบบนี้อยู่อีกเหรอวะถ้าแกเป็นฉัน? จะเลิกก็เลิก ก็เสียใจ เรื่องธรรมดา แล้วไงต่อ? ก็ไปมีชีวิตใหม่ หาคนใหม่ มันอาจจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้นแต่ก็จริงปะหล่ะ? ฉันตัดสินใจไปแล้วแบคฮยอน ในเมื่อฉันยังรักเขาอยู่ มันจะมีอะไรสำคัญไปกว่านี้อีกเหรอวะ?”

     

    หล่อนทิ้งเพื่อนชายของตนให้จมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองที่ทางม้าลาย สายตาของเขาจับจ้องไปที่หญิงสาวร่างเล็กกำลังเดินต้อกแต้กข้ามถนนไปแต่เขากลับคิดย้อนไปถึงความทรงจำที่แฝงลึกอยู่ในซอกหลืบของสมอง อาจเป็นเพราะมันไม่ได้ถูกหยิบขึ้นมาเป็นเวลานาน เศษฝุ่นมากมายจึงเกาะกินภาพเก่า ๆ เหล่านั้น

     

    มันเลือนรางแต่ยังแจ่มชัด แบคฮยอนจำภาพเก่า ๆ เหล่านั้นได้อย่างดี สถานที่ เวลา เหตุการณ์และความรู้สึกยังถูกจารึกไว้ที่จิตใจของเขา

     

    จู่ ๆ ขายาวของร่างบางหยุดเคลื่อนไหวลงเมื่อรู้สึกถึงวัตถุบางอย่างที่กลิ้งมากระทบรองเท้าผ้าใบคู่โปรด แบคฮยอนก้มลงดูวัตถุนั่นก่อนจะก้มลงหยิบมันขึ้นมา พลิกซ้ายพลิกขวาดูสภาพของมัน ตุ๊กตาเซรามิกโบราณที่ไม่น่าจะมีกลิ้งไปมาตามถนนในศตวรรษที่ยี่สิบ ดวงตาพลาสติกของตุ๊กตาตัวนี้สะท้อนสีอำพันแวววับชวนมอง ชุดเดรสพองฟูราวกับเจ้าหญิงจากยุคเรเนซองส์ แม้มันจะดูเปรอะเปื้อนเพราะสิ่งสกปรกต่าง ๆ ตามถนนแต่ดูแค่แปปเดียวก็รู้ว่าตุ๊กตาตัวนี้มีราคาไม่ใช่เล่น

     

    ความสนใจของแบคฮยอนถูกดึงไปอีกครั้งแต่คราวนี้กลับเป็นเด็กหญิงตัวเล็กที่รีบวิ่งฝ่าผู้คนเดินตรงมาที่เขา

     

    “ลีอา! ลีอา!

     

    นั่นคงจะเป็นชื่อของตุ๊กตาและเด็กคนนี้คงจะเป็นเจ้าของ ๆ มันเป็นแน่ ชายหนุ่มคุกเข่าลงเพื่อให้ตัวเขาอยู่ระดับเดียวกับเด็กหญิงตัวน้อย

     

    “ตุ๊กตาตัวนี้ของหนูเหรอ?”

     

    “ค่ะ” เสียงเล็กเอ่ยอย่างขะเขิน

     

    “แล้วทำไมมันถึงกลิ้งมานี่ได้ล่ะหืม?”

     

    “มีคนเดินชนโซฮี โซฮีเลยเผลอทำลีอาหลุดมือค่ะ”

     

    “อ่ะ พี่คืนให้ คุณพ่อคุณแม่อยู่ไหนซะล่ะ?” แบคฮยอนยื่นตุ๊กตาเซรามิกในมือให้กับเด็กน้อย เมื่อเธอได้ยินคำว่าคุณพ่อใบหน้าน่ารักก็เริ่มเหยเกและลงเอยด้วยการร้องไห้ฟูมฟายตามประสาเด็กเล็ก

     

    “ฮืออออออ คุณพ่ออยู่ไหน โซฮีจะหาคุณพ่อออออ”

     

    ดูท่าว่าแบคฮยอนจะมีทางเลือกแค่พาเด็กคนนี้ไปหาคุณพ่อกับปล่อยทิ้งเอาไว้ให้เป็นเป้าสายตาประชากรนับร้อยที่เดินผ่านไปมาบนถนน แน่นอนว่าร่างบางเลือกข้อแรก เขาไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้นซักหน่อย

     

    “โซฮีใช่มั้ย? เดี๋ยวพี่พาโซฮีไปหาคุณพ่อเองแต่โซฮีต้องสัญญากับพี่ว่าจะหยุดร้องไห้ ตกลงมั้ย?”

     

    เด็กหญิงตัวน้อยเม้มปากและยอมขัดคำสอนที่ผู้ปกครองมักเปรยให้เด็กฟัง อย่าไปยุ่งกับคนแปลกหน้า’ ดวงตากลมโตดั่งไข่ห่านกลอกขึ้นมองคนใจดีตรงหน้า

     

    “พี่ชื่อแบคฮยอนนะ บยอนแบคฮยอน”

     

    “ปาร์คโซฮีค่ะ…”

     

    แบคฮยอนคลี่ยิ้มหวานให้กับนางฟ้าตัวน้อย ๆ ที่พลัดหลงอยู่กลางหมู่มวลมนุษย์องค์นี้ มือบางขยี้ไปที่กลุ่มผมนุ่มสลวยนั่นเบา ๆ ก่อนจะใช้มือนั้นช้อนอุ้งมือขาวนวลเล็ก ๆ นั่นไว้ข้างใน เด็กหญิงหยุดร้องไห้ทันทีเมื่อความอบอุ่นของชายหนุ่มส่งผ่านไปที่เธอ

     

    ทั้งสองเดินไปมาตามถนนอย่างไร้จุดมหายแต่ร่างบางก็ยังไม่ลดมานะที่จะตามหาบิดาของเด็กคนนี้ ชายหนุ่มตัดสินใจถามเด็กหญิงทุกครั้งที่มีผู้ชายอายุไม่มากไม่น้อยเกินไปกว่าเขาเดินสวนทางกัน คำตอบที่ได้นั้นมีแต่หัวเล็กส่ายไปมาอย่างสิ้นหวัง  ในที่สุดความตั้งใจของแบคฮยอนก็หมดลง เขาตัดสินใจกลับไปที่เดิมที่เขาได้เจอโซฮี สองเพื่อนใหม่ต่างวัยยืนอยู่หน้าร้านขายเฟอร์นิเจอร์มือสอง เก้าอี้ไม้ลายกระต่ายปีเตอร์ปะเปื้อนไปด้วยรอยถลอกสองตัวถูกยกออกมาวางไว้ที่หน้าร้าน อภินันทนาการจากเจ้าของร้านที่เดินออกมาทักทายชายหนุ่มและเมื่อเขารู้เรื่องราวทั้งหมดก็ตัดสินใจให้ทั้งสองนั่งพักที่หน้าร้านของเขาจนกว่าพ่อเด็กจะมาตาม

    เด็กหญิงตัวน้อยจ้องถุงขนมปังตาแป๋วและส่งสายตาออดอ้อนไร้เดียงสาไปให้อีกคน แบคฮยอนรู้ทันทีว่าเด็กน้อยคนนี้ต้องการอะไรและไม่เอ่ยปฏิเสธแต่อย่างใด มือทั้งสองหยิบถุงใบใหญ่นั่นมาวางไว้บนตักก่อนจะหยิบขนมปังออกมาทีละชิ้น ๆ ให้เด็กน้อยที่มองตามันวาวเลือก โซฮีเลือกขนมปังชิ้นพองฟู ฟันเล็กขบกัดเนื้อแป้งนุ่มจนสามารถลิ้มรสไส้ถั่วแดงหอมหวาน เธอคลี่ยิ้มพร้อมกับแก้มตุ้ยที่ขยับพร้อมกับกลีบปากคู่น้อย

     

    “พี่ชายใจดีจัง พี่ชายต้องมาจากที่ดี ๆ สวย ๆ อย่างสวรรค์แน่ ๆ เลย”

     

    “หึ โซฮีนี่เป็นคนแรกเลยนะที่ชมพี่ขนาดนี้ อย่างพี่มันก็แค่มนุษย์เดินดินตาดำ ๆ ที่โดนพระเจ้าลงโทษให้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ก็เท่านั้นแหล่ะ”

     

    ดวงหน้าเยาว์วัยยู่ลงเพราะไม่สามารถตามคำพูดของคนที่แก่กว่าได้ทัน แบคฮยอนไม่ได้หวังให้เด็กอายุไม่กี่ขวบมาเข้าใจอะไรเขาอยู่แล้ว

     

    “แต่โซฮีว่าพี่ชายเป็นนางฟ้า หนูอยากเจอคุณพ่อแล้ว จะได้ไปอวดคุณพ่อว่าหนูกับลีอาเจอนางฟ้าด้วย”

     

    “นางฟ้านี่... ฟังดูแปลก ๆ นะ เป็นอย่างอื่นไม่ได้เหรอไง?”

     

    “ทำไมล่ะคะ น่ารักดีออก เหมาะกับพี่ชายจะตาย จะได้เป็นเพื่อนกับนางฟ้ากาเบรียลกับนางฟ้ามิคาเอลอยู่บนสวรรค์ น่าสนุกออกเนาะ พี่นางฟ้าแบคฮยอน~

     

    เด็กหญิงยิ้มแฉ่งสดใสราวกับแสงอาทิตย์ยามอรุณ น่าแปลกที่มันทำให้เขานึกถึงใครบางคนอย่างน่าประหลาด ใบหน้าหล่อยิ้มรับตำแหน่งนางฟ้าเดินดินไปโดยปริยาย เงาของร่างสูงใหญ่ปรากฏลงที่พื้นซีเมนต์กว้างที่บัดนี้ไร้ร่องรอยของการเหยีบยบย่ำ รอยยิ้มที่ตกแต่งใบหน้าหวานฉีกกว้างกว่าเดิมเมื่อเธอสังเกตุเห็นบุคคที่เธอตามหา

     

    “คุณพ่อ!!!

     

    โซฮีตะโกนด้วยเสียงแหลมปรี๊ดแทบจะพังทลายแก้วหูของคนที่นั่งข้าง ๆ เธอกระโดดลงเก้าอี้นั่นพร้อมกับห่อขนมปังถั่วแดงและตุ๊กตาเซรามิกหรูหรา เสียงรองเท้าหนังปลอมสีชมพูอ่อนกระทบกับพื้นต้อกแต้ก ๆ ช่างฟังดูน่าเอ็นดูยิ่งนัก แบคฮยอนมองตามเด็กตัวเล็กคนนั้นไปจนเงาของร่างสูงใหญ่และของเด็กน้อยบรรจบกัน ชายหนุ่มผู้เป็นพ่ออุ้มลูกสาวที่รักของเขาขึ้นมาหอมพวงแก้มใสก่อนจะจับเหวี่ยงไปมาอย่างหยอกล้อ แบคฮยอนได้แต่นั่งอมยิ้มกับภาพตรงหน้า ความรู้สึกสบายใจแล่นเข้ามาที่อกของเขา

     

    ร่างบางลุกขึ้นจากที่นั่งโดยไม่ลืมที่จะแวะเข้าร้านไปขอบคุณสำหรับความกรุณาของเจ้าของร้านก่อนที่เขาจะเดินไปบอกลาสหายตัวเล็กของเขา ทันทีที่เด็กสาวถูกจับลงยืนกกับพื้นชายหนุ่มร่างสูงคนนั้นก็ยันหลังตรง เผยให้เห็นหุ่นกำยำสูงใหญ่กว่าขนาดผู้ชายทั่วไป เมื่อได้เห็นใบหน้านั้นอย่างชัดเจน แบคฮยอนแทบจะลืมหายใจ

     

    ไม่เคยเลือนรางหรือถูกลบออกไปซักเสี้ยวเดียว

    ยังคงอยู่ในที่ ๆ มันเคยอยู่

    ยังคงสีสดใส ชัดเจนและแจ่มแจ้ง

     

    ทุกปี ทุกเดือน ทุกสัปดาห์ ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที ทุกวินาที ทุกเสี้ยวนาที

     
     

    ผู้ชายคนนี้ยังอยู่ตรงนี้ ...ในหัวใจของเขาเสมอ


     

    .

    .

    .

    “...ชานยอล”




    * 100%





    ดีใจเหรอ? เสียใจ? หรือเจ็บใจ? แบคฮยอนไม่แน่ใจกับความรู้สึกของตัวเองที่ตอนนี้ไม่มั่นคงอยู่นัก แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม หัวใจดวงนี้พองโตราวกับลุกโป่งที่ถูกสูดลมจนพองพร้อมระเบิดทุกเมื่อ สายตาที่เขาไม่ได้สัมผัสมานานของคนตรงหน้าสะกดทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวให้หยุดนิ่ง เสียงบรรยากาศรอบกายแปลงเปลี่ยนเป็นเสียงเงียบ ทุกเฉดสีของภาพที่ประสาทสัมผัสตารับรู้คมชัดขึ้นเป็นเท่าตัว

     

    ทุกอย่างดูสมจริงเกินไปกว่าที่จะเป็นความฝัน

     

    ทั้ง ๆ ที่ริมฝีปากของเด็กสาวในอ้อมอกของชายหนุ่มอีกคนขยับไปมาไม่หยุด เขากลับเพิ่งจะได้ยินเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากปากนั้นเมื่อตะกี้ แบคฮยอนได้สติกลับมาแต่สายตาของเขาไม่สามารถละคนตรงหน้าที่ยืนแข็งทื่อไม่ต่างจากเขาไปได้ ในที่สุดอีกฝ่ายหนึ่งก็เริ่มขยับตัว ทั้งสองหนุ่มกลับสู่สภาวะปกติ

     

    “คุณพ่อคะ นี่พี่นางฟ้าแบคฮยอน เขาเป็นคนเก็บลีอาให้หนู ให้ขนมปังถั่วแดงกับหนู แล้วก็ช่วยตามหาคุณพ่อด้วยค่ะ”

     

    ชานยอลหันไปยิ้มให้ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขาก่อนจะจรดริมฝีปากอิ่มนั่นที่หน้าผากขาวเนียน เขาหันไปมองนางฟ้าคนใหม่ของลูกสาว รอยยิ้มยังคงแต่งแต้มบนใบหน้าหล่อคมนั่น

     

    “ไม่คิดเลยนะที่จะมาเจอนายในที่แบบนี้ แบคฮยอน” กลีบปากของเจ้าของชื่อแย้มออกอย่างจริงใจ ทำเอาร่างสูงที่จับจ้องอยู่ลืมหายใจไปชั่วครู่

     

    “นั่นสินะ นายเป็นยังไงบ้าง?”

     

    “...ฉันสบายดี แล้วนายหล่ะแบคฮยอน สบายดีนะ?” ร่างบางพยักหน้าตอบ

     

    เวลาที่ห่างหายกันไปอาจสร้างความอึดอัดให้แก่คนทั้งสองแต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่รู้สึกดีกับการพบปะโดยบังเอิญในครั้งนี้ ชานยอลอาสาพาแบคฮยอนไปเลี้ยงมื้อเย็นที่ร้านอาหารของครอบครัวที่บัดนี้กลายเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์

     

    การบอกปัดความตั้งใจที่อยากตอบแทนคุณของคนอื่นไม่ใช่นโยบายของบยอนแบคฮยอนคนนี้อยู่แล้ว อายุอานามก็ย่างกรายสู่เลขสามเข้าไปเลยวัยที่จะมานั่งเง้างอน คิดเคืองแค้นอะไรกับใครแล้ว มีแต่จะเหนื่อยหนักใจซะเปล่า ๆ สู้ไม่ทำอะไรให้ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องมานั่งลำบากใจไม่ดีกว่าหรือ

     เวลาอาจจะทำเรื่องเลวร้ายกับเขามากมายซักเพียงไหนแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้แบคฮยอนเติบโตขึ้น ทัศนะคติในเรื่องต่าง ๆ เริ่มเปลี่ยนไป นั่นคือสิ่งที่ร่างบางนึกขอบคุณในใจ

     

    เขาได้รู้จากชายหนุ่มว่าตัวเขานั้นเลิกกับภรรยาสาวมาปีกว่าแล้ว อันเนื่องมาจากปัญหาทางด้านต่าง ๆ สัพเพเหระแต่ชานยอลมั่นใจว่าสาเหตุหลักที่จียอนตัดสินใจขอหย่ากับเขาเพราะว่าเธอยังอยากใช้ชีวิตสาวโสดให้เต็มที่ ร่างสูงตัดสินใจไม่เจาะเข้ารายละเอียดมากนัก รวมไปถึงความรู้สึกเฉยชาที่เขามีให้ต่อการตัดสินใจของจียอน การหย่าร้างจึงดำเนินการอย่างราบรื่นไร้ซึ่งข้อโต้เถียงใด ๆ  ส่วนโซฮีนั้นชานยอลอาสารับหน้าที่อุปการะเด็กด้วยตนเอง เขาตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่เพื่อมาดูธุรกิจของครอบครัวและเพื่อใช้เวลาอยู่กับลูกสาวของเขามากขึ้น จุดนี้แม้แบคฮยอนจะไม่เคยเจอมากับตัวแต่ก็เข้าใจถึงความยากลำบากของการเป็นผู้ชายที่ต้องเลี้ยงรับหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ให้แก่ลูก

     

    บทสนทนาในรถยนต์ของพวกเขาไม่ได้แย่อย่างที่ทั้งสองคิด ยิ่งไปกว่านั้นมันยังลื่นไหลราวกับได้พูดคุยกับเพื่อนสนิท ส่วนเด็กน้อยโซฮีก็เข้าสู่ห้วงนิทราอยู่เบาะหลังด้วยความเหนื่อยหน่ายโดยมีลีอาอยู่ในอ้อมอกของเธอไม่ห่างไปไหน แบคฮยอนแอบชำเลืองมองที่กระจกหลังเพื่อตรวจดูว่าสหายตัวน้อยกำลังหลับสบายดีอยู่หรือไม่ก่อนจะกลอกลูกตาไปด้านที่นั่งคนขับ ชานยอลตอนนี้ยังคงความหนุ่มอยู่เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน แม้การแต่งตัวและลักษณะท่าทางภายนอกจะดูมีระเบียบและมีมาดมากขึ้น แต่ความเป็นชายหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มสดใสเหมือนพระอาทิตย์ส่องแสงก็ยังแดงออกมาอยู่ผ่านทางการโต้ตอบพูดคุย ร่างบางนึกอิจฉาเล็ก ๆ ส่วนเขาน่ะเหรอ ไม่มีด้านสดใสอะไรนั่นอยู่แล้วจึงไม่รู้สึกเสียหายใด ๆ

     

    “โซฮีนี่ถอดแบบพ่อมาเป๊ะเลยเนาะ ทั้งบุคลิก การพูดการจา แถมรอยยิ้มแบบเห็นฟันทุกซี่นั่นอีก”

     

    “งั้นเหรอ มีคนเคยบอกแบบนี้บ่อยเหมือนกัน ...แล้วนายว่าดีมั้ยล่ะ?”

     

    “ดี? อะไรดี?”

     

    “ที่ถอดแบบมาจากฉันเป๊ะน่ะ?”

     

    ยักไหล่ไม่ใช่คำตอบที่ชานยอลอยากได้ยินนักแต่เขาก็อดขำกับท่าทีของคนข้าง ๆ ไม่ได้ ไม่ช้ายานพาหนะสีดำขลับจอดที่ลานจตุรัสกว้างหน้าอาคารขนาดกลางที่ถูกสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมพื้นเมืองของชาวอิตาลี เป็นเวลานานเท่าไหร่แล้วแบคฮยอนเองก็ขี้เกียจนับที่เขาได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้ กลิ่นเครื่องเทศรัญจวนไปทั่วร้าน ลูกค้าแต่ละคนใส่ชุดเก๋ไก๋ดูดีต่างพากันอิ่มเอิบไปกับมื้อพิเศษและบรรยากาศผ่อนคลาย ร่างของเด็กน้อยถูกพะยุงพาดบ่าเพื่อจะส่งเข้านอนที่ห้องของตน ซักพักชานยอลก็เดินลงมาพร้อมกับชุดบริกรหนุ่มประจำร้าน ครั้งแรกที่แบคยอนเห็นกับครั้งล่าสุดนี้ ชานยอลดูไม่แตกต่างไปเลยแม้แต่นิด หุ่นสูงราวนายแบบตามแม็กกาซีนชื่อดังนั่นใส่อะไรก็ดูจะเข้าทีไปหมด

     

    “นายอยากจะนั่งกินตรงไหนล่ะ? ริมหน้าต่างดีมั้ย? หรือว่าจะเอาชั้นสองดี?”

     

    แบคฮยอนใช้เวลาครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจตอบกลับไป

     

    “ฉันอยากไปห้องนั้น... ห้องที่นายพาฉันไปตอนฉันมาร้านนี้ครั้งแรกน่ะ”

     

    โต๊ะกลมขนาดเล็กถูกนำมายกออกมาวางเพื่อให้ได้สถานที่ตามที่แขกคนสำคัญปราถนา เทียนไขเล่มยาวถูกจุดไฟที่ปลายด้ายขาว ช่อกุหลาบสดพุ่มเล็ก ๆ ถูกนำมาจัดแต่งบนโต๊ะอย่างสวยงาม ชานยอลหายไปจากห้องและกลับมาอีกครั้งด้วยพาสต้าซอสเพสโต้เรียบง่ายแต่หอมกรุ่นด้วยเครื่องนานาชนิดคลุกเคล้ากับเส้นพาสต้าเหนียวนุ่มและน้ำมันมะกอกชั้นดี ส้อมเงินแท้สลักลายไม้สวยงามถูกหยิบขึ้นมาเพื่อใช้จัดการกับอาหารตรงหน้า แบคฮยอนบรรจงม้วนเส้นพาสต้าแบนเรียบเคล้าสีเขียวก่อนจะเอาเข้าปาก ความสดใหม่ของเส้นและความหอมของใบโหระพาผสมสานกันอย่างลงตัว อีกฝ่ายเมื่อเห็นท่าทีเปรมปรีด์ของอีกคนก็ฉีกยิ้มกว้างออกมาก่อนจะจัดการจานของตน

     

    “ฉันไม่รู้ว่านายชอบใบโหระพารึเปล่าเลยใส่ไม่เยอะน่ะ”

     

    “จริง ๆ ใส่เยอะกว่านี้ก็ได้แต่แบบนี้ฉันก็ชอบนะ เดี๋ยว ๆ .....นายทำเองเหรอ?”

     

    “ก็ใช่น่ะสิ ตอนที่นายมาครั้งแรกฉันก็เป็นคนลงไปทำเองกับมือ นี่นายไม่รู้เลยเหรอ?”

     

    “ถ้ารู้แล้วจะถามมั้ยเล่า... ฝีมือขนาดนี้ น่าจะมาเป็นเชฟแบบเต็มตัวตั้งแต่แรก” ชานยอลหลุดขำที่เห็นร่างบางพูดไปพลางเคี้ยวแก้มตุ้ย

     

    “แต่ฉันคิดถูกที่ลองไปฝึกงานที่บริษัทน่ะ... อย่างน้อยก็มีโอกาสได้เจอนายอีกครั้ง”

     

    แบคฮยอนเกลียดอะไรก็ตามที่ทำให้ร่างสูงที่นั่งตรงข้ามตัดสินใจพูดกับอะไรแบบนี้กับเขา แต่ร่างบางก็ไม่แน่ใจถึงสาเหตุที่เกลียดเหมือนกัน เขารู้เพียงว่าคำพูดนั่นมันก้องกังวานข้างในอกซ้ายของเขาจนสั่นระริกไปทั่วร่างกาย ร่างบางยังรู้สึกขนลุกราวกับลมหนาวพัดเข้ามาด้วยซ้ำ

     

    ดูท่าว่าร่างสูงจะคิดไม่ต่างจากอีกคน ชานยอลลุกขึ้นเพื่อเก็บกวาดโต๊ะอย่างรวดเร็วก่อนจะสาวขายาวตรงไปที่ประตู ทิ้งไว้แต่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่เดิมของเขาอย่างโดดเดี่ยว บอกตามตรงว่าเขาเองก็ขี้เกียจที่จะคาดเดาอะไรทั้งสิ้นแล้ว ในเมื่อทุกอย่างมันจบลงไปนานนม จะมีประโยชน์อะไรที่จะรื้อฟื้นมันอีก ร่างบางลุกขึ้นเดินออกจากห้องนั่นไปตามทางของตน แบคฮยอนเดินลงตามบันไดวนสูงชะรูด บัดนี้ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแห่งนี้ได้ปิดให้บริการแล้ว ดวงไฟบนเพดานถูกปิดลงเหลือเพียงแต่แสงสลัวจากบริเวณห้องครัว ชายหนุ่มตัวเล็กเดินย่องตรงไปที่แสงนั่น หัวทุยเล็กชะโงกดูภายในห้องครัว ชานยอลกำลังล้างจานอย่างขะมักเขม้น เมื่อมองจะมุมนี้แผ่นหลังของชายตรงหน้าช่างกว้างใหญ่ไพศาลเสียเหลือเกิน เรือนผมสีน้ำตาลที่ถูกตัดให้สั้นลงสะบัดพริ้วตามกิริยา แบคฮยอนช่างใจอยู่นานว่าควรจะออกไปเงียบ ๆ หรือควรจะบอกลาอีกฝ่ายในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเคาะเบา ๆ ที่ประตูไม้จนร่างสูงหันมาตามเสียง

     

    “ฉันจะกลับแล้วล่ะ ขอบคุณสำหรับอาหารนะ อ้อ แล้วก็ฝากบอกลาโซฮีด้วยนะ เธอเป็นเด็กที่น่ารักมากจริง ๆ ” ชานยอลก้มหน้าลงด้วยรอยยิ้มละมุนระบายอยู่ที่ใบหน้า

     

    “อืม ฉันจะบอกเขาเอง กลับบ้านดี ๆ ละกัน” แบคฮยอนพยักหน้าตอบรับคำพูดของอีกคนก่อนจะหันร่างไปอีกทิศ

     

    นี่คงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาสามารถทำได้ในเวลานี้ แบคฮยอนคิด ความสุขเล็ก ๆ ที่ผ่านพ้นไปมันช่างมีค่ายิ่งนัก คงต้องใช้เวลาซักหน่อยที่จะลบมันออกจากหัวใจ ถนนเส้นเล็กปราศจากผู้คนทอดยาวไปสู่สนนสายหลักที่เห็นอยู่ไม่ไกลนักแต่อาจจะไกลซักหน่อยสำหรับคนที่ต้องเดินคนเดียวไร้เพื่อนร่วมทาง บางอย่างฉุดร่างของเขาเอาไว้ให้หันกลับไปมองข้างหลัง มีเพียงความมืดมิดประดับประดาด้วยแสงไฟสีเหลืองตามทาง แบคฮยอนคิดโทษตัวเองที่คาดหวังอะไรประหลาด ๆ แต่ทว่าพระเจ้ากลับคิดว่ามันสมเหตุสมผล

     

    “แบคฮยอน!

     

    เสียงทุ้มดังก้องทำลายความเงียบเหงาในขณะเดียวกันก็กระตุ้นความอดกลั้นที่มีอยู่ให้ไหลระรื้นเต็มเบ้าตา ความกลัวที่ทุกอย่างจะเป็นแค่มโนภาพก่อขึ้นแต่มันก็พังทลายลงอย่างรวดเร็วด้วยสัมผัสบางเบาที่ไหล่ของเขา

     

    แบคฮยอนหันไปสบดวงตากลมใสที่สะท้อนภาพของเขาอยู่ข้างใน แสงจันทร์ฉายลงบนดวงหน้าหล่อคมที่ตรึงอยู่ในใจของเขาทำให้ร่างบางเห็นอวัยวะส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทุกอย่างของชานยอลไม่เคยล้มเหลงที่จะทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นรัว

     

    “แบคฮยอน.. เอ่อ แบคฮยอน”

     

    “ห..หืม?”

     

    “คือ... ร...รับไปสิ” มือใหญ่ยื่นถุงกระดาษออกมา เมื่อแบคฮยอนรับมาและเปิดถุงออกกลิ่นใบโหระพาก็ลอยคลุ้งออกมา แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย

     

    “ฉันเห็นว่านายชอบก็เลย... ฉันใส่ใบโหระพาเพิ่มด้วย เอาไปอุ่นกินตอนเช้าก็ได้นะ” สีแดงระเรื่อบนแก้มทั้งสองของคนสูงกว่า แบคฮยอนคลี่ยิ้มอย่างเอ็นดู

     

    ชายหนุ่มตัวเล็กร่นระยะห่างระหว่างพวกเขาจนเหลือเพียงช่องแคบ ๆ ทั้งสองแบ่งปันไออุ่นและรอยยิ้มสดใสที่ส่งตรงมาจากใจให้กันและกัน สิ่งที่เขาทำอยู่อาจจะถูกหรืออาจจะผิด เขาอาจจะดีใจหรือเสียใจในภายหน้า

     

    แต่มันจะมีอะไรสำคัญไปกว่านี้อีกหล่ะ

     

    ปลายเท้าเขย่งขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้ไม่มีระยะห่างระหว่างชายหนุ่มสองคนอีกแล้ว กลีบปากบางจรดลงบนริมฝีปากอวบอิ่มอย่างแผ่วเบา อ่อนละมุนเหมือนลมอุ่นสัมผัสเข้าที่ริมฝีปากของพวกเขาและหนักแน่นมั่นคงในขณะเดียวกัน ถนนที่เงียบสงัดบัดนี้มีเพียงดวงจันทร์และดวงดาวที่สุกสกาวบนท้องฟ้าเป็นพยานให้แก่ความรักของชายหนุ่มทั้งสองที่ฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง

     

    หนทางข้างหน้านั้นยากที่มนุษย์จะหยั่งรู้ ความกลัวอาจก่อตัวขึ้นทำให้ความเข้มแข็งที่มีอยู่แปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนแอ ความเชื่อมั่นที่มีอยู่ลดลงจนเราอาจลืมเพื่อนร่วมทางคนสำคัญที่คอยอยู่เคียงข้าง ลืมแม้กระทั่งว่ามีเพียงความศรัทธาเท่าต่อกันและกันเท่านั้นที่จะประคับประคองให้คนสองคนเดินบนเส้นทางสายนี้ไปได้อย่างสวยงาม

     

    สุดทางของพวกเขาอาจเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรบางอย่าง แต่ไม่ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น แบคฮยอนและชานยอลพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไปด้วยกันโดยไม่เหลียวมองอดีตอันเจ็บปวดที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง คำถามทุกคำถามที่อยู่ในหัวของคนทั้งสองได้รับคำตอบแล้วทั้งสิ้น

     

    .

    .

    .

    “ไว้ฉันแวะไปกินที่ร้านนายด้วยตัวเองดีกว่า"



    ชานยอลส่งยิ้มให้แก่แบคฮยอนอีกครั้ง ทั้งสองประสานมือเข้าด้วยกันเตรียมพร้อมแล้วที่จะเดินทางไปบนเส้นทางสายชีวิตเส้นนี้ด้วยกันอีกครั้ง



     

     

    end.




    -
    background music  사랑의 길 (Love's Way) / SHINee

    14.01.13 สวัสดีค่ะรีดเดอร์ร์ร์ร์ร์ร์ร์
    ในที่สุดก็มาถึงบทสรุปของคู่ชานแบคกันแล้วนะ;____;
    ขอโทษจริง ๆ นะคะที่ปล่อยให้มันค้างคาorz
    แต่อีก50เปอจะตามมาเร็ว ๆ นี้แน่นอนค่ะ
    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นเลยนะคะ
    ถึงมันจะไม่สนุก จิ้มลิ้ม ใช้ภาษาสวยหรูเหมือนฟิคอื่น ๆ
    ไรท์เตอร์ก็อยากจะขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์แวะเวียนกันเข้ามาอ่าน
    คอมเม้นไม่คอมเม้นเป็นสิทธิ์ของรีดเดอร์
    เพราะแค่เห็นยอดวิวที่ติดตามกันมาก็ปริ่มแล้วหล่ะค่ะ;w; 
    แต่ทุกคอมเม้นมีค่าสำหรับมือใหม่หัดแต่ง
    หรือแม้กระทั่งไรท์เตอร์เก่ง ๆ คนอื่น ๆ ด้วยนะคะ
    ขอบคุณจริง ๆ ค่ะที่ได้ทำให้ไรท์เตอร์มีไฟที่แต่งต่อ
    อาจจะไม่ไพเราะ หรือชวนติดตามซักเท่าไหร่
    แต่ไรท์เตอร์จะทำให้ดีกว่าเดิมในเรื่องหน้านะคะ!

    15.01.13 
    จบแล้วนะคะสำหรับrubble and ruin
    สุดท้าพี่หยอยน้องหมาก็สมหวังแล้ว;______________;
    ไรท์เตอร์อ่านคอมเม้นทุกคนแล้วก็รู้สึกเจ็บแทนอ่ะ
    ได้แต่บอกหน้าคอมว่า 'แฮปปี้เอนดิ้งๆๆๆๆ'
    แต่ก็บอกกับรีดไม่ได้เพราะจะเป็นการสปอยไปซะเปล่าๆ
    ทีแรกไรท์กะจะให้จบแบบ10ตอนไรงี้
    แต่ดูไปแล้วมันก็มีแต่ดราม่าอะเลยตัดทิ้งไป
    ร่นไปเรื่อย ๆ จนเหลือแค่7แชพอย่างที่เห็นนี่แล่ะค่ะ
    รู้สึกกยังไงกับตอนจบก็เม้นบอกกันมั่งน้า ไรท์เตอร์ชอบอ่าน5555

    เรื่องหน้านี้ก็ดราม่าเหมือนกัน(ไรท์เตอร์ขอโทษษษษ)
    แต่ตีมของเรื่องก็จะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
    ลืมบอกเลยว่าจะเป็นคู่ของพี่ไคน้องโด้นะคะ
    เดี๋ยวจะมาเร็ว ๆ นี้หล่ะค่ะ อย่าลืมติดตามกันด้วยน้า~

    ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่มีให้นะคะ
    รักเอกโซกันเยอะ ๆ นะ บ๊ายบาย

    ps.ส่วนspecial chapterรีดเดอร์รีเควสกันมาได้นะคะ
    ว่าอยากอ่านขยายตอนไหนเป็นพิเศษหรือยังไง :-) 

     

    © Shalunla

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×