ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF.EXO | R U N ◇ chanbaek / kaido / hunhan

    ลำดับตอนที่ #5 : Rubble and Ruin: Chapter 4 | chanyeol x baekhyun

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.12K
      2
      31 ธ.ค. 55

    rubble and ruin

    chanyeol x baekhyun / pg-15 / angst, fluff, flashback included

     

     

    *

     

    Chapter 4

     

    เสียงเครื่องถ่ายเอกสารทำหน้าที่ของมันดังกลบเสียงรอบข้างจนหมด กองกระดาษเปล่านับร้อยถูกพิมพ์ออกมาจนแต่ละหน้าเต็มไปด้วยตัวอักษรยึกยือ ชานยอลยืดแขนยาวทั้งสองออกหวังจะช่วยบรรเทาอาการเมื่อยล้าได้บ้าง ร่างสูงยืนพิงเครื่องถ่ายเอกสารอย่างเบื่อหน่าย

     

     

     

    “ชานยอล! ชานยอล!” จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาดังมาแต่ไกล เขามองเห็นร่างของจงแด เพื่อนร่วมงานของเขากำลังสาวเท้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว

     

    “เห้ย ใจเย็น ๆ มีอะไรเนี่ยถึงต้องวิ่งมาขนาดนี้”

     

    “แบคฮยอนกับอึนมีมีเรื่องกันน่ะสิ! ตอนนี้โดนหัวหน้าแผนกเรียกเข้าห้องทั้งคู่แล้ว!

     

    คนฟังได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งออกจาที่ของตนในทันทีพ่วงด้วยชายหนุ่มอีกคน เป็นไปอย่างที่จงแดคาด ตอนนี้พนักงานทุกคนในแผนกต่างยืนมุงอยู่ที่ประตูหน้าห้อง การที่จะฝ่าเข้าไปในนั้นคงยากกว่าที่คิดแต่ชานยอลก็ไม่ท้อใจแต่อย่างใด ร่างสูงเดินผ่านฝูงชนนับสิบที่ต่างพุ่งความสนใจมาที่เขา ทันทีที่ชายหนุ่มทั้งสองฝ่าไปถึงประตูห้องนั้นได้สำเร็จ หญิงสาวคนหนึ่งก็เดิมเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึง

     

    “ปาร์คชานยอล! หัดสั่งสอนแฟนเก่านายซะมั่งนะว่าอย่ามาทำกิริยาหยาบโลนที่นี่! ฉันกับพี่อึนมีแค่พูดด้วยหน่อยเท่านั้น มันก็ปราดมาตบพี่อึนมีอย่างบ้าคลั่ง นี่มันโรคจิตชัด ๆ !

     

    ชานยอลพอจะรู้ว่าเธอคนนี้มีลูกสมุนผู้หญิงที่ชื่ออึนมีอะไรนั่น เขาได้เค้นหัวเราะในลำคอและเปรยตามองไปที่หล่อน นัยน์ตาของเขาตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความโมโหที่คนตรงหน้าพูดจาสบประมาทแบคฮยอน เขาเองก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลตัวร่างบางที่โดนพาดพิงนี่ซะหน่อย

     

    เขารู้ดีว่าแบคฮยอนไม่ใช่คนแบบนั้น

     

    “ผมไม่รู้ว่าคุณไปพูดอะไรใส่แบคฮยอน เขาถึงได้เข้ามาตบหน้าเพื่อนคุณอย่างงั้น แต่ผมมั่นใจว่าผมรู้จักเขาดีพอ อย่างน้อยก็มากกว่าคุณ เขาไม่ใช่คนที่ทำอะไรไร้สาระแบบนั้นอย่างไร้เหตุผลแน่นอนครับ ขอตัวนะครับ”

     

    ร่างสูงไม่รอฟังเสียงด่าทอที่ถูกส่งมาจากผู้หญิงคนนี้ต่อ เขามุ่งหน้าไปที่ประตูนั่นแต่แล้วมันก็ถูกชิงเปิดซะก่อนโดยมืออวบขาวของหญิงสาว ใบหน้าของหล่อนเปรอะเปื้อนไปด้วยเมคอัพและรอยฝ่ามือ หล่อนเดินฝ่าฝูงชนในขณะที่พวกเขาก็ต่างพากันหลบหลีก เมื่อร่างบางของแบคฮยอนปรากฏ ฝ่ามือของร่างสูงกอบกุมแขนเรียวนั่นแล้วเดินออกจากที่แห่งนี้ทันทีโดยไม่สนใจสายตาของทุกคนที่จับจ้องพวกเขาอยู่

     

     

     

     

     

    “มีอะไรจะพูดมั้ยบยอนแบคฮ...”

     

    ระหว่างทางที่พวกเขาเดินออกมาจากความวุ่นวายในแผนกนั้น ชานยอลไม่ได้สังเกตุเลยว่าใบหน้าของแบคฮยอนก็เต็มไปด้วยรอยฝ่ามือ หนำซ้ำยังมีรอยข่วนจากเล็บของหญิงสาวที่ตอนนี้มีหยดเลือดซึมออกมาเล็กน้อย เสื้อเชิ้ตของร่างบางหลุดลุ่ย แผลฟกช้ำเปรอะเปื้อนตามแขนขาวเนียน

     เขาพึ่งจะมาเห็นสภาพอิดโรยของร่างบางก็เวลานี้เอง

     

    แบคฮยอนสะบัดหน้าหนีสายตาที่แสดงถึงความห่วงใยนั่น แต่ไม่ทันที่เขาจะเดินออกจากร่างสูง ร่างบางทั้งร่างก็โดนฉุดด้วยแรงมหาศาล แบคฮยอนรู้ตัวว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะขัดขืนคนตรงหน้า เขาปล่อยให้ชานยอลลากเขาไปถึงรถสปอร์ตสีขาวสะอาดที่จอดเด่นเป็นสง่าอยู่ที่ลานจอดรถ

     

    ร่างบางจำใจปล่อยให้คนข้าง ๆ ขับรถออกไปอย่างไร้จุดหมาย ในรถดงีนบสงัดปราศจากเสียงใด ๆ จากปากคนทั้งสอง ลมเย็นของเครื่องปรับอากาศในรถลอยพัดมาโดนแผลที่มุมปากของแบคฮยอน ทำเอาใบหน้าหวานนั้นเหยเกไปกับความเจ็บปวด ชานยอลมองกิริยาของคนด้านข้างก็หันเกียร์ไปอีกทางก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ร้านขายยาเล็ก ๆ ตรงหัวมุมถนน

     

    เสียงเปิดประตูรถดังขึ้นและไม่นานเกินรอเสียงนั่นก็ดังอีกครั้ง มือใหญ่เอื้อมไปเชยคางร่างบางให้มองมาที่เขาก่อนจะบรรจงใช้มืออีกข้างทายาบริเวณแผลฟกช้ำ รวมถึงรอยขีดข่วนบนใบหน้าหวานอย่างเบามือ แก้มนวลขาวเมื่อสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากนิ้วเรียวใหญ่ก็ขึ้นสีแดงก่ำน่ามอง แบคฮยอนรู้สึกอึดอัดกับความอ่อนโยนที่ชานยอลมอบให้เขาอยู่ตอนนี้นิดหน่อย สายตาเรียวเล็กจึงพยายามหลีกเลี่ยงสายตาของคนตรงข้ามที่เอาแต่จ้องมองหน้าของเขา เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้มองมาที่เขาแล้วร่างบางก็หันหน้าขึ้นมามองตรง ๆ แต่เขากลับคิดผิดถนัด สายตาของชานยอลยังพุ่งตรงมาที่เขาไม่หันเหไปไหน มิหนำซ้ำริมฝีปากบางฉ่ำก็สัมผัสเบา ๆ ที่มือกร้านอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำเอาร่างสูงถึงกับกระอักกระอ่วนรีบชักมือกลับ แบคฮยอนเองก็รีบหันหน้ากลับไปที่บานหน้าต่างของประตูรถ

     

    “บ้านนายอยู่ไหน?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาทำงายความเงียบอันน่าอึดอัด

     

    “ฉันจะกลับเอง”

     

    “ด้วยสภาพแบบนี้เนี่ยนะ”

    แบคฮยอนได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะบอกที่อยู่ของเขาให้กับอีกคน จริงอย่างที่ร่างสูงว่าเขาเองก็เหน็ดเหนื่อยเกินกว่าจะมารอขึ้นแท็กซี่เองตามทางถนน

     

    รถสปอร์ตคันหรูจอดลงที่หน้าอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง แบคฮยอนเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลที่ติดอยู่ข้างบนเครื่องเล่นสเตอริโอก่อนจะเปิดประตูเดินออกจากรถโดยปราศจากคำขอบคุณแต่อย่างใด ชานยอลได้แต่มองร่างบางเดินออกไปด้วยความเงียบสงัด เขาตัดสินใจหักพวงมาลัยเตรียมจะออกจากอาคารแห่งนี้แต่แล้วก็ต้องหยุดมือลงเมื่อสายตาของเขาไปสะดุดกับเงาสะท้อนของร่างบางที่เดินมาที่เขาผ่านทางกระจกรถ ชานยอลตัดสินใจเปิดหน้าต่างรถเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนมีอะไรจะพูดกับเขา

     

    “ลืมของเหรอ?”

     

    “เปล่า…

     

    .

    .

    .

     

    “ถ้าไม่รังเกียจขึ้นไปกินข้าวเย็นที่ห้องฉันมั้ย?”

     

    ชานยอลนิ่งอึ้งกับคำชวนที่ไม่ได้คาดหมายว่ามันจะออกมาจากของคนตรงหน้า แต่เขาก็พยักหน้าตอบรับด้วยความยินดี

     

    ห้องของร่างบางนั้นไม่ได้หรูหราแต่อย่างใด หากการจัดวางเฟอร์นิเจอร์และการเลือกใช้สีของตกแต่งแต่ละอันนั้นช่วยทำให้ห้องนี้น่าอยู่ขึ้น กลิ่นหอมเย็น ๆ ของมิ้นต์ช่วยบรรเทาความตื่นเกร็งของผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี ชานยอลนั่งลงที่โซฟาสีครีมก่อนจะกวาดสายตาสำรวจที่พักอาศัยของร่างบาง บริเวณชั้นวางโทรทัศน์นั้นมีกองดีวีดีนับสิบวางซ้อนกันอย่างเรียบร้อย เช่นเดียวกันกับซีดีเพลงที่ถูกวางเรียงเป็นแนวเดียวกัน ร่างสูงใหญ่ใช้นิ้วเกลี่ยไปที่กล่องซีดีแต่ละกล่องและอ่านชื่อของอัลบั้มที่ปรากฏอยู่ด้านข้างกล่องในใจ

     

    ‘Volume One’

     

    ‘Soviet Kitsch’

     

    ‘Mr.A-Z’

     

    เขาจำได้ดีว่าอัลบั้ม Mr.A-Z ของ Jason Mraz นั้นเป็นของขวัญวันคริสต์มาสที่เขาเป็นคนออกเงินซื้อให้ร่างบางด้วยตนเองเพราะแบคฮยออนมักจะฮัมเพลง ๆ นึงจากอัลบั้มนี้อยู่เสมอ นิ้วเรียวยาวสะกิดกล่องซีดีนั่นออกมาจากแผงและเปิดกล่องออกดู

     

    ถึงแบคฮยอนที่น่ารักของชานยอล~

    สุขสันต์วันคริสต์มาสนะครับ โปโป

     

    ข้อความที่ถูกเขียนลงบนกระดาษโพสท์อิทยังคงแปะอยู่ที่เดิม ชานยอลอดที่จะขำความเป็นเด็กของเขาในตอนนั้นไม่ได้ เขานึกถึงตอนที่เขาพยายามจำทำนองของเพลงที่แบคฮยอนชอบและเอาไปฮัมให้ใครต่อใครฟังเพื่อจะหาชื่อเพลง แม้แต่เซฮุนเพื่อนสนิทของร่างบางก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำจนสุดท้ายเขาต้องรวบรวมความกล้าไปถามพนักงานร้านซีดีกับตัว โชคดีที่พนักงานคนนั้นรู้ว่ามันคือเพลงอะไร นึกถึงความลำบากของตนเองตอนนั้น ร่างสูงก็หุบยิ้มไม่ลง

     

    เขาเหลือบไปเห็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่นั่งเดียวดายอยู่บนเก้าอี้ไม้ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ โซฟา เสื้อโปโลสีชมพูอ่อนเข้ากันได้ดีกับขนสีน้ำตาลคาราเมลของตุ๊กตาหมี เขานึกชมตัวเองถึงรสนิยมในการเลือกซื้อเสื้อให้ตุ๊กตาของตัวเองเป็นอย่างมากเพราะตุ๊กตาตัวนี้ช่างเหมือนคนที่เขาต้องการจะซื้อให้ยิ่งนัก กลิ่นหอมอบอุ่นจากไม้โอล์คคุ้นจมูกนี่ ถ้าเขาเดาไม่ผิดแบคฮยอนคงจะฉีดน้ำหอมกลิ่นประจำของตัวเองให้เจ้าหมีตัวนี้แน่ ๆ

    เขากลับมานั่งที่โซฟาพร้อมกับตุ๊กตาหมีตัวน้อยในอ้อมกอด ชานยอลคิดแปลกใจเล็กน้อยที่ร่างบางยังเก็บของขวัญที่เขาให้อยู่ แต่ละชิ้นนั้นยังคงสภาพดีราวกับว่ามันถูกดูแลด้วยความใส่ใจ นึกหวนไปถึงวันเวลาเก่า ๆ ที่เขาได้ใช้ไปกับแบคฮยอน

     

    เขายอมรับเลยว่าไม่มีวินาทีไหนเลยที่เขาอยากจะลืม

     

     

     

    “ชานยอล อาหารเสร็จแล้ว”

     

    ร่างสูงเดินไปที่โต๊ะอาหารตามคำเรียกของอีกคน แบคฮยอนตอนนี้อยู่ในชุดสำหรับอยู่บ้าน เสื้อยืดคอกว้างสีขาวบางกับกางเกงผ้ายืดสีเขียวน้ำทะเลขับผิวขาวเนียนนั่นให้ชวนมองมากกว่าเดิม คนอะไรขนาดใส่ชุดอยู่บ้านยังน่ารักขนาดนี้ ร่างสูงรีบเบนความสนใจไปที่อาหารตรงหน้าก่อนที่ความคิดของตัวเองจะถลำลึกไปมากกว่านี้

     

    นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขาไม่ได้กินอาหารฝีมือของร่างบางนี่ ซุปปลาคอดแห้งของโปรดของเขากับกิมจิหัวไชเท้าถูกจัดวางบนโต๊ะอย่างเรียบร้อย ทุกเมนูที่แบคฮยอนทำนั้นล้วนแต่เป็นเมนูโปรดของชานยอลทั้งสิ้น

     

    “ซุปปลาคอดแห้งนี่ตอบแทนสำหรับค่ายาที่นายออกให้นะ ...ฉันก็ไม่แน่ใจว่านายยังชอบอยู่รึเปล่า”

     

    “ชอบสิ จริง ๆ นายไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ ค่ายาก็ไม่ได้แพงอะไร แต่ยังไงก็... ขอบคุณนะ”

     

    ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มออกอย่างจริงใจจนเห็นฟันขาวสว่างครบทุกซี่ ร่างสูงจัดการอาหารตรงหน้าอย่างไม่รีรอ ท่าทางเจริญอาหารของชานยอลทำเอาร่างบางถึงกับเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว

    อาหารตรงหน้าถูกจัดการอย่างรวดเร็ว จานแต่ละจานถูกนำมาล้างโดยชายหนุ่มทั้งสอง ชานยอลหันขึ้นไปมองนาฬิกา เข็มสั้นชี้เบี่ยงออกจากเลขเจ็ดขึ้นไปอยู่เล็กน้อยในขณะที่เข็มยาวชี้ไปที่เลขสี่

     

    “นายรีบกลับเหรอ?”

     

    “อ๋อ เอ่อ... ฉันว่าฉันไม่อยู่รบกวนนายดีกว่า นายไปนอนพักเถอะ แผลจะได้หายไว ๆ ”

     

    “ไม่เป็นไรหรอก อยู่ต่อเถอะ นี่ก็เพิ่งจะทุ่มเดียวเอง”

     

    ชานยอลแอบดีใจเล็ก ๆ ที่ร่างบางรั้งเขาไว้ ตัวเขาเองก็ไม่อยากจะไปนักหรอก บรรยากาศอบอุ่น สะอาดสะอ้าน น่าผ่อนคลายแบบนี้หาที่อื่นคงจะไม่มี ยิ่งได้เห็นร่างบางต้อนรับเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นตั้งแต่เจอกันครั้งแรกหลังจากไม่ได้เจอกันนานก็ยิ่งทำให้เขาไม่อยากจะออกไปจากที่นี่

     

     

     

    “นายเป็นยังไงมั่ง?”

     

    ร่างสูงหันไปมองคนถามที่นั่งอยู่อีกฟากนึงของโซฟา คำถามง่าย ๆ แบบนี้แต่เขาเองกลับไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เมื่อแบคฮยอนสังเกตุใบหน้าครุ่นคิดของอีกฝ่ายก็เอ่ยต่อ

     

    “ตั้งแต่ที่เราเลิกกัน นายเป็นยังไงมั่ง?”

     

    คำถามที่ถูกทำให้กระจ่างมากขึ้นแต่กลับยิ่งทำให้ชานยอลตอบไม่ถูก คำตอบแบบไหนที่เขาควรจะเอ่ยนะ?

     

    “พอเรียนจบฉันก็ไปทำงานที่ร้านของพ่อน่ะ แต่ซักพักฉันก็อยากหางานที่มั่นคงกว่านี้ทำ เพราะฉันรู้ตัวว่าในอนาคตฉันมีภาระหน้าที่ ๆ ต้องเลี้ยงดูคนอีกคนน่ะสิ”

    ชานยอลตัดสินใจตอบไปตรง ๆ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะพูดอ้อมค้อมและใช่ว่าแบคฮยอนจะไม่รู้ว่าเขากำลังจะแต่งงานซักหน่อย

     

    นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ชายหนุ่มทั้งสองปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุม รายการโทรทัศน์ที่เปิดอยู่นี่ก็คลายความอึดอัดไปได้บ้าง ชานยอลหัวเราะออกมาบางช่วง เขาพยายามฝืนตัวเองไม่ให้มองร่างบางข้าง ๆ แต่เมื่อรู้สึกว่าเขาอยู่คนเดียวบนโซฟานี่ ร่างสูงก็ชายตามองคนที่นั่งอยู่อีกฝั่ง แบคฮยอนไม่ได้หันหน้ามามองเขากลับแต่อย่างใด กลีบปากฉ่ำคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่ก็ทำให้ดวงตาทั้งสองหยีเข้าหากัน ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเบา ๆ น่าฟังยิ่งนัก ร่างสูงเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังดูรายการโทรทัศน์อย่างสนุกสนานก็พลอยสบายใจ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำให้คน ๆ นี้รู้สึกอึดอัด

     

     

    “ฉันบังเอิญไปได้ยินที่อึนมีนินทาเรื่องระหว่างเรา”

     

    จู่ ๆ ร่างบางก็เอ่ยขึ้นมาราวกับว่าเขาทราบว่าซักพักชานยอลต้องถามถึง

     

    “เธอบอกว่าสงสารแฟนของนายที่ต้องมีแฟนมาทำงานที่เดียวกับแฟนเก่า ยังบอกอีกว่าฉันน่ะอาจจะร่านเงียบ ตั้งใจจะแย่งของ ๆ ตัวเองกลับมาก็ได้” ชานยอลมองร่างบางข้าง ๆ ด้วยความเห็นใจบวกกับความแค้นต่อหญิงสาวที่กล้าพูดจาหยาบคายแบบนี้ใส่เขาและแฟนของเขา รวมถึงกับแบคฮยอนด้วย

     

    “แต่ก็จริงอย่างที่พวกนั้นว่า

     

    .

    .

    .

     

    “ฉันก็อยากจะแย่งนายกลับมาเหมือนกัน”





    100% update

    ชานยอลรู้สึกว่าคน ๆ นี้ไม่ใช่คนที่เขารู้จักอีกต่อไป ดวงตากลมนั่นยิ่งมองลึกลงไปเท่าไหร่ก็ยิ่งพบแต่ความมืดมิด

     

    เขาอ่านใจคนตรงหน้าไม่ได้อย่างที่เขาเคยทำ

    บางที่คน ๆ นี้อาจไม่มีจิตใจให้อ่านแล้วก็เป็นได้

     

    ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากโซฟาอย่างรวดเร็วจนขายาวปรับสมดุลไม่ทัน ร่างทั้งร่างล้มลงที่พื้นอย่างแรงจนเขารู้สึกเจ็บแปล๊บที่เอวหนา ยังไม่ทันที่เขาจะรวบรวมกำลังพยุงร่างลุกยืนอีกครั้ง คนอีกคนเดินมาดักเขาด้วยการนั่งคร่อมอีกฝ่าย ขายาวเล็กกดลงที่ต้นขาแกร่งของคนข้างล่างก่อนที่ร่างบางจะเริ่มไต่ตามความยาวของอีกฝ่ายจนใบหน้าของทั้งสองประชิดกันแทบจะแลกลมหายใจของซึ่งกันและกัน

     

    ภาพสุดท้ายที่ชานยอลเห็นคือใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของเขาในนัยน์ตาของอีกฝ่าย ก่อนเปลือกตาเล็กจะปิดลงพร้อมกับสัมผัสอันเร่าร้อนที่เขาคุ้นเคย ริมฝีปากหยักบางบดเบียดลงเรียวปากหนาของคนตรงหน้า ลิ้นหนาพลั้งเผลอไปกับความหวานล้ำที่ร่างบางตรงหน้าหยิบป้อนมาให้เขาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด รสฝาดของเลือดที่มุมปากของอีกฝ่ายกระตุ้นต่อมความต้องการให้กับเขาได้เป็นอย่างดี เรี่ยวแรงที่เคยมีมากมายถูกอีกฝ่ายดูดกลืนไปจนหมดสิ้น จิตใจที่เคยมั่ยคงตอนนี้แหลกเหลวไปกับตัณหาที่เข้ามากอบกุมจิตใจ

     

    มือกร้านไล้ไปตามเอวคอดเล็กอย่างควบคุมไม่อยู่ก่อนจะลูบไปมาตามแนวกระดูกสันหลังของร่างบาง จูบอันเร่าร้อนดำเนินต่อไปด้วยความรุนแรงของความต้องการที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ริมฝีปากของทั้งสองแดงฉ่ำจากแรงเสียดสี คนที่ผละออกก่อนก็คือแบคฮยอน ร่างบางกอบโกยอากาศเข้าสู่ปอดก่อนจะฉีกยิ้มอย่างผู้ชนะ

     

    ชานยอลไม่เชื่อการกระทำของคนตรงหน้าและจิตใจอันอ่อนแอน่าสมเพชของเขา มือเรียวใหญ่ยกขึ้นมาเช็ดปากอย่างรุนแรงจนริมฝีปากหนาเริ่มขึ้นสีช้ำ เมื่อตั้งหลักได้ก็รีบลุกขึ้นยืนและเดินหนีคน ๆ นี้แต่แรงฉุดเบา ๆ จากแบคฮยอนทำให้ความอดทนที่มีอยู่ขาดผึง ฝ่ามือใหญ่ตบอย่างแรงที่พวงแก้มใสจนร่างบางทรุดลงกับพื้น ความเจ็บปวดจากแผลเก่าผสมปนเปกับแผลใหม่ที่เพิ่งได้ยังไม่รุนแรงเท่าแผลที่ถูกกรีดลงบนหัวใจของเขา หยดน้ำอุ่นหลั่งพรูออกมาอย่างบ้าคลั่งจนร่างสูงที่มองอยู่สำนึกถึงสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไป แต่ชานยอลตัดสินใจหันหลังเดินออกไปจากห้องโดยพยายามไม่แยแสเสียงครวญคราญที่ดังกึกก้องไปทั่วห้อง

     

    ใบหน้าหวานที่เคยมอบยิ้มสดใสให้กับเขา

    บัดนี้กลับถูกกลบฝังด้วยรอยแผลบอบช้ำและหยดน้ำตา

     

    ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะเขา...

     

     

    ปาร์คชานยอลเป็นคนทำร้ายบยอนแบคฮยอน

     

     

     

    “โธ่เว้ย!!!

     

    ร่างสูงใหญ่ตะโกนออกมาอย่างสุดจะกลั้น ขายาวเรียวพาร่างกลับไปที่ห้องของแบคฮยอน  เขาไม่สนใจว่าสิ่งที่เขาทำตอนนี้จะถูกหรือไม่ แม้ว่าเสียงคัดค้านด้วยเหตุผลร้อยแปดพันเก้าจะดังกึกก้องในหัวสมองของเขา ชานยอลเลือกที่จะคุกเขาลงไปโอบกอดร่างบางตรงหน้าอย่างแนบแน่น ฝ่ามือใหญ่พยุงหัวทุยเล็กของอีกคนให้ซบลงที่อกแกร่ง ร่างสูงรู้สึกได้ถึงความชื้นบนบ่าของเขาที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ชานยอลคลายอ้อมกอดของเขาก่อนจะใช้นิ้วเรีนยวปาดหยดน้ำใสข้างแก้มทั้งสองอย่างเบามือ

     

    “ทำไมชานยอล? นายทำแบบนี้ทำไม?”

     

    “ฉ...ฉัน ฉันไม่รู้...” เสียงหัวเราะนั่นฟังดูน่าสมเพชและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน

     

    “นายมันโง่ที่สุดเลยชานยอล... นายควรจะเดินออกจากห้องนี้ ขับรถกลับบ้านไปหาคนรักของนาย วันรุ่งขึ้นลาออกจากที่ทำงานซะ ไปหางานที่ดีกว่านี้ทำ งานที่นายทำแล้วมีความสุข ทำงานอย่างตั้งใจ แล้วก็ไปลองชุดเจ้าบ่าว ไปหาสถานที่จัดงาน ทำการ์ดเชิญ เตรียมพร้อมสำหรับวันสำคัญที่จะมาถึง... เตรียมพร้อมสำหรับชีวิตที่ดีกว่านี้... ชีวิตที่ปราศจากไอ้สารเลวที่ไม่เคยสนใจอะไรนอกจากตัวเอง

     

    ....ชีวิตที่ปราศจากบยอนแบคฮยอน”

     

    แววตาของร่างบางเปลี่ยนไปจากที่เขาสังเกตุตอนแรก ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยประกายวิบวับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า น้ำตาใสที่ระรื้นอยู่ในเบ้าตาทั้งสองนั้นขับดวงตากลมมนสีนิลให้ชวนหลงใหลมากขึ้น สิ่งที่ชานยอลเห็นมากกว่านั้นคือความจริงใจต่อคำพูดของตน มันหนักแน่นในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความอ่อนแอ

     

    สมองของชานยอลไม่สามารถประมวลอะไรได้อีกแล้ว ริมฝีหนาประทับลงบนริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาราวกับสายลมอุ่นพัดผ่าน จูบอันอ่อนโยนค่อย ๆ ปลอบประโลมหัวใจที่แห้งระแหงของร่างบางให้ค่อย ๆ กลับมาชุ่มฉ่ำดังเดิม

     

    ชานยอลปลุกหัวใจดวงน้อยดวงนี้ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

     

     

    “นายมันเห็นแก่ตัว เอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง ขี้หึงขี้หวง พูดจาขวานผ่าซาก ชอบทำตัวงอแงเป็นที่หนึ่ง ใช่ นั่นคือความจริง นั่นคือทุกสิ่งทุกอย่างที่บยอนแบคฮยอนที่ฉันรู้จักเป็น

     

    “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แบคฮยอนคนนั้นจะส่งรอยยิ้มอันสดใสของเขาออกมาและหันมาพูดว่า ‘เรื่องโง่ ๆ แค่นี้เองน่ะเหรอ’

     

    “พวกเราอาจจะกลับมาเป็นเหมือนเก่าไม่ได้ ฉันใช้ชีวิตของฉัน นายใช้ชีวิตของนาย พวกเราต่างต้องแยกย้ายกันไปตามทางของเรา

     

    “แต่จำไว้อย่างนึงนะ บยอนแบคฮยอน ว่าฉันรักนาย

     

    “ตั้งแต่ที่พวกเราได้เจอกันอีกครั้ง ฉันรู้สึกทันทีว่าบางสิ่งบางอย่างมันยังติดค้างอยู่ในใจของฉัน… มันคือความรักที่ฉันมีให้นาย

     

     

     

    “ใช้ชีวิตของนายอย่างมีความสุข …อย่างน้อยก็เพื่อฉัน”

     

     

    กลีบปากบางที่คลี่ยิ้มออกเล็กน้อยทำเอาหัวใจของร่างสูงเต้นระส่ำระส่าย อุ้งมือเล็กประคบลงที่ข้างแก้มของอีกฝ่ายก่อนใบหน้าหวานจะชะโงกขึ้นจุมพิตเบา ๆ บนริมฝีปากนั่นแทนคำพูดใด ๆ ที่ดูเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์แล้วในขณะนี้

     

    จูบบางเบาที่แฝงไปด้วยคำอวยพรและคำขอบคุณ…

     

     

     

    โชคดีนะปาร์คชานยอล ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ

     

     

     

    *

     

    “แบคฮยอน! แบคฮยอนา! รอฉันหน่อยเซ่!!!

     

    ทุกคนที่เดินผ่านไปมาในลานคอนกรีตต่างหันไปมองเจ้าของเสียงทุ้มที่ตะโกนออกมาอย่างไร้ยางอายแต่เมื่อหญิงสาวที่นึกด่าในใจเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายนี่เห็นโฉมหน้าของต้นเสียงก็ต่างพากันยกโทษให้อย่างเต็มใจ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อหนาวหนาสีเขียวขี้ม้าที่ถูกรูดซิปจนมิดคอวิ่งตามชายหนุ่มอีกคนด้วยท่าทางเทอะทะ เส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ถูกจัดให้เสยขึ้นเปิดใบหน้าหล่อเหลา กรอบแว่นสีดำหรูช่วยเสริมให้โครงจมูกของร่างสูงดูสวยได้รูป ปาร์คชานยอลในตอนนี้กลายเป็นที่จับตามองของทุก ๆ คนที่เดินผ่านไปซะแล้ว

     

    “โธ่ แบคฮยอน ฉันเรียกตั้งหลายรอบไม่ยอมหันซักที”

     

    “ไอ้บ้าเอ้ย ใครเขาจะอยากเป็นคนรู้จักคนน่ารำคาญอย่างนายที่เอาแต่ส่งเสียงตะโกนหนวกหูนี่หล่ะ!

     

    “ข...ขอโทษ...”

     

    “ชิ ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะตาบื้อ! ไปช่วยฉันหาหนังสือที่ห้องสมุดด้วย!

     

    “ห๊า อีกแล้วเรอะ ครั้งก่อนยกสารานุกรมมาตั้งสิบเล่มยังไม่พออีกเหรอ?”

     

    “ฉันเอามาทำงานนะเว้ยไม่ได้เอามากินซะหน่อย! บ่นอยู่ได้... เดี๋ยวคืนนี้ไปนอนข้างนอกเลย!!!

     

    “โอ๊ยยย แบคฮยอนนาาา ฉันขอโทษ ไม่บ่นแล้ว ๆ ๆ ๆ”

     

    ริมฝีปากบางเชิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ก่อนร่างบางจะสาวเท้าฉับ ๆ เดินไปข้างหน้าอย่างไม่แยแสคนอีกคน ชานยอลได้แต่กลั้นหัวเราะให้กับท่าทางน่ารัก ๆ แบบเด็กประถมของแบคฮยอน จะมองกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ

     

     

    แฟนตัวเองน่ารักซะขนาดนี้ ใครจะเบื่อลงหล่ะ?

     

     

     

     

    เป็นเวลาหนึ่งปีเศษ ๆ แล้วที่บยอนแบคฮยอนและปาร์คชานยอลคบหากันเป็นแฟนกัน นับตั้งแต่คำสารภาพรักอย่างไม่มีใครคาดคิดของชานยอลในวันจบการศึกษาระดับมัธยมปลายครั้งนั้น ชานยอลตัดสินใจกวดเข็นตัวเองอย่างหนักเพื่อที่จะเข้ามหาลัยเดียวกับแบคฮยอนให้ได้ เพียงเพราะเหตุผลเดียวคืออยากจะเห็นหน้าคนรักของตัวเองทุกวัน และดูเหมือว่าความมานะบวกกับความดันทุรังของเขาจะผลักดันให้นักเรียนมัธยมผู้มีการเรียนระดับธรรมดาถึงห่วยกลายมาเป็นนิสิตหนุ่มของมหาลัยชื่อดังได้สำเร็จ

     

    แต่ความต้องการของชานยอลนั้นยังมีอีก เขาลงทุนทำงานพิเศษที่ร้านของผู้เป็นบิดาและออกหางานทำที่ปั๊มน้ำมันใกล้บ้านเพื่อจะเก็บเงินเช่าห้องพักอยู่กับแบคฮยอนด้วยลำแข้งของตนเอง ซึ่งอีกฝ่ายนั้นตอนแรกก็ไม่เห็นด้วย แต่เมื่อเห็นความตั้งใจของแฟนหนุ่มก็ใจอ่อน แถมยังรับปากอีกด้วยว่าเขาจะเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง ในที่สุดแบคฮยอนก็ย้ายสำมโนครัวทั้งหมดมาอยู่กันกับชานยอล และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปรียบจนเกินไป แบคฮยอนก็ทำงานพาร์ไทม์ที่บริษัทของพ่อของตนเช่นเดียวกัน

     

    โอกาสที่ทั้งคู่จะได้ใช้เวลาร่วมกันฟังดูเหมือนจะเยอะจนน่าอิจฉาแต่จริง ๆ แล้วกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น แบคฮยอนใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำรายงานของตนและเวลาที่เหลือใช้ไปกับงานพาร์ทไทม์ ทางด้านชานยอลเองก็ง่วนอยู่กับงานพาร์ทไทม์ต่าง ๆ นานารวมถึงงานถ่ายแบบเล็ก ๆ และการเล่นดนตรีตามผับที่เขาชื่นชอบจนบางครั้งก็ลืมเรื่องเรียนไปเลย แต่ถึงแม้ชีวิตแต่ละวันของทั้งสองจะเต็มไปด้วยภาระต่าง ๆ ทั้งหลายแหล่ พวกเขาก็มักจะใช้เวลาว่างที่มีอยู่น้อยนิดอย่างคุ้มค่าให้สมกับที่เป็นคนรักกัน อย่างเช่นนอนดูหนังเกรดบีด้วยกัน เล่นเกมคอมพิวเตอร์ด้วยกัน ไปกินเหล้าที่ร้านข้างทางด้วยกัน ...หรือแม้กระทั่งทำอย่างว่าแบบที่คู่รักคู่อื่น ๆ เขาทำกันเป็นต้น

     

    *

     

    “มานอนเถอะ แบคฮยอน”

     

    เมื่อเห็นว่าแฟนหนุ่มของตนเองยังคงนั่งทำรายงานอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ที่โต๊ะทำงานตรงปลายเตียงในยามดึกดื่น ชานยอลก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงร่างบางคนนี้ ตลอดสองสามอาทิตย์ที่มาชานยอลสามารถนับได้เลยว่าร่างบางคนนี้นอนไปกี่นาที แม้ใต้ตาของเขาจะไม่คล้ำลงจากเดิมเลยแต่อาการเหม่อลอยฟุ้งซ่านนั่นเห็นก็รู้ว่าไม่ได้หลับไม่ได้นอนอย่างเต็มที่มานาน

     

    ชายหนุ่มร่างเพรียวไม่สนใจเสียงทุ้ม มือเล็กยังคงกดแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบต่อไป ชานยอลเห็นดังนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ ขายาวพาร่างออกจากห้องไปซักพักก็กลับมาพร้อมกับแก้วกาแฟขนาดใหญ่ที่บรรจุช็อคโกแลตร้อนจนเต็ม ผ้านวมสีครีมอ่อนถูกพาดลงบนแขนอีกข้าง ชานยอลจัดแจงว่าแก้วช็อคโกแลตร้อนลงข้าง ๆ แล็ปท็อปเรียกความสนใจให้ร่างบางมองตามกิริยาของอีกคน บ่าเล็กบัดนี้ถูกคลุมด้วยผ้านวมสัมผัสนุ่ม ร่างสูงนั่งคุกเข่ามองคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มละมุน

    “เมื่อกี้ฉันเดินไปปรับฮีทเตอร์ให้อุ่นขึ้นแล้ว ส่วนช็อคโกแลตร้อนนั่นกินเสร็จก็วางแก้วไว้ที่โต๊ะนั่นแหล่ะ เดี๋ยวตอนเช้าฉันเอาไปล้างเอง รายงานน่ะ รีบทำให้เสร็จแล้วขึ้นมานอนซะ พรุ่งนี้เรียนมีเรียนเช้าเดี๋ยวตื่นไม่ไหว”

     

    ชานยอลเป็นผู้ชายประเภทที่คอยตามเทคแคร์คนรักทุก ๆ อย่างประหนึ่งผู้ปกครอง เขาไม่ใช่คนที่คอยเทคแคร์แฟนด้วยการพูดนู่นนี่จนเหมือนจะเป็นความเจ้ากี้เจ้าการแบบแบคฮยอน ตรงกันข้ามกับชานยอลที่เจ้าตัวชอบที่จะแสดงออกมาเงียบ ๆ มากกว่า ไม่ว่าร่างบางจะดื้อรั้นหรือทำผิดมากซักแค่ไหน คน ๆ นี้ก็มักจะไม่ปริปากพูดซ้ำเติมใด ๆ นอกจากจะพูดปรามเล็กน้อยและทำให้คนรักของตัวเองรู้สึกดียิ่งขึ้น

     

    แบคฮยอนรักที่ชานยอลเป็นคนแบบนี้ เขาตระหนักถึงความโชคดีของตัวเองในบางครั้งที่เขาได้เจอกับชายหนุ่มคนนี้

     

    ริมฝีปากหยักบางคลี่ยิ้มสวยจนดวงตาทั้งสองยิ้มตามไปด้วย ชานยอลเห็นความน่ารักน่าหยิกบนใบหน้าหวานก็อดไม่ได้ที่จะโฉบชิงความหอมจากพวกแก้มใส

     

    “อ๊ะ ไอ้คนฉวยโอกาส!

     

    “โอ๊ย! ก็ค่าช็อคโกแลตร้อนไง”

     

    “ค่าช็อคโกแลตร้อนบ้าอะไร ไอ้บ้า ๆ ๆ ๆ ๆ !

     

    “อะไรเนี่ย อุตส่าห์ตะลุยลมหนาวไปปรับฮีทเตอร์ให้แถมยังเดินไปชงช็อคโกแลตให้กินอีกนะ...”

     

    “แล้วไง ไม่ได้ขอให้ทำให้ซักหน่อย ไปนอนเลยไป๊! ชิ”

     

    “หึ่ย... ไอ้หมาดื้อเอ้ย!!!

     

    “เห้ย พูดงี้หาเรื่องนี่หว่า!

     

    แรงฟาดจากมือเล็กไม่ได้ทำให้ร่างสูงใหญ่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อยแต่ชานยอลกลับรู้สึกน้อยใจคนอีกคน ร่างสูงกระทืบเท้าปึงปังพร้อมกับทำหน้ามุ่ยเดินตรงไปยังที่นอนก่อนทุ่มร่างใหญ่ยักษ์ลงเตียงนุ่มจนเกิดเสียงดังโครม

     

    ซักพักช็อคโกแลตร้อนฝีมือแฟนหนุ่มขี้งอนก็ถูกจัดการซะเรียบ กระดาษเอกสารถูกจัดใส่แฟ้มอย่างเป็นระเบียบ แบคฮยอนจัดแจงเก็บข้าวของทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมกับปิดหน้าจอแลปท็อปลง แขนเรียวถูกยืดออกคายความเมื่อยล้าที่สะสมมาหลายชั่วโมงได้ในระดับนึงก่อนจะมุ่งหน้าไปที่เตียงคู่ของเขาที่ตอนนี้ถูกจัดวางให้กลายเป็นเตียงเดี่ยวไซส์คิงไปแล้ว ร่างบางค่อย ๆ ดึงผ้าห่มหนานุ่มมาคลุมตัวก่อนจะจัดการผ้าห่มให้คลุมตัวอีกคนที่ตอนนี้นอนหลับเป็นตาย

    แบคฮยอนเห็นท่านอนของคนข้าง ๆ ก็อดไม่ได้ที่หลุดขำ ร่างบางทั้งร่างสอดแซกเข้าไปในวงแขนแกร่งเพื่ออาศัยความอบอุ่นจากร่างสูง ใบหน้าหวานเงยขึ้นมามองอีกคนก่อนจะกระซิบเบา ๆ ที่ข้างใบหูใหญ่พร้อมกับประทับจูบแผ่วเบาที่แก้มกร้าน

     

    “เจ้ายีราฟหน้าโง่ ฝันดีนะ”

     

     

    *

     

    ชายหนุ่มสองคนตัดสินใจนั่งพักบนม้านั่งข้างทางเดินเข้าอาคารเรียน มือของทั้งสองถือแก้วกระดาษของร้านคาเฟ่ข้างมหาลัยเจ้าเดิมเฉกเช่นทุกวัน ใบหน้ามุ่ยยกแก้วขึ้นจิบกาแฟร้อน คิ้วสวยขมวดเข้าหากันจนแทบจะพันเป็นเส้นเดียว

     

    “ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมยัยนั่นมันถึงมันถึงได้คะแนนเต็มได้! ข้อมูลที่ยัยนั่นหาอ่ะนะลอกมาจากอินเตอร์เน็ตชัด ๆ ! แต่ของฉันนี่สิ พยายามหารวบรวมจากอินเตอร์เน็ตเอย หนังสือสารานุกรมอีกสิบกว่าเล่มเอย ไหนจะไปถามอาจารย์คนอื่นเพิ่มเติมอีก ทำไมฉันถึงได้แค่ 97 คะแนนเต็มร้อยได้ห๊ะ!!!

    “เอาน่า... แบคฮยอนแค่นั้นก็เยอะขนาดไหนแล้ว ไม่ต้องหงุหงิดหรอกน่า นะ ๆ ”

     

    “นายก็พูดได้ดิ! เคยทำรายงานเองซะทีไหน อย่างมากก็ไปลอกในเน็ตเหมือนที่ยัยนั่นทำอ่ะแหล่ะ หึ่ย!!

     

    แบคฮยอนเบนหน้าหนีแฟนหนุ่มด้วยใบหน้าฟึดฟัด ชานยอลกลอกตาไปมาอย่างเสียไม่ได้ พูดปลอบร่างบางคนนี้เรื่องเรียนทีไรต้องพาลมาดูถูกการเรียนของเขาทุกที แต่จะเก็บมาคิดทำไมให้เจ็บแค้นใจ มือใหญ่แตะลงบนไหล่อีกด้านของคนข้าง ๆ ก่อนจะกระชับร่างทั้งสองให้แนบชิดกันมากขึ้น

     

    “เขาอาจจะง่วงตอนตรวจของนายก็ได้เลยให้คะแนนนายน้อย ลองเอาไปให้เขาตรวจใหม่อีกรอบสิจะได้สบายใจ เผื่อเขาจะคิดคะแนนผิดก็ได้เนาะ จริงไหม?” ร่างบางหันหน้ามาพยักขึ้นลงแสดงความเห็นด้วย

     

    “รายงานของแบคฮยอนอ่ะนะ อย่างน้อยต้องได้คะแนนเต็ม ถ้าเป็นฉันนะ จะบวกคะแนนพิเศษสำหรับความมานะอดทนของนายด้วยเลย บวกอีกสิบคะแนนเลย!

     

    คำพูดงี่เง่าของชานยอลทำให้แบคฮยอนกลับมายิ้มอีกครั้ง ชานยอลเองก็ยิ้มอย่างมีความสุขเพราะใบหน้าหวานของคนตรงหน้านี้ไม่มีความหงุดหงิดหลงเหลือแล้ว

     

    “ปาร์คชานยอล~

     

    “หืม?”

     

    “ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตกัน จะได้ซื้อปลาคอดแห้งมาต้มซุปกินตอนเย็น เอาปะ ๆ ?”

     

    “โหยยยยย จะปฏิเสธได้เรอะ แฟนใครวะน่ารักขนาดนี้”

    “แฟนไอ้ซื่อบื้อตัวไหนไม่รู้”

     

    กว่าชานยอลจะรู้สึกตัวว่ากำลังโดนหลอกด่า ร่างบางก็รีบลุกออกจากที่นั่งโดยไม่ลืมที่จะหันมาแลบลิ้นหยอกล้ออีกคน ร่างสูงเห็นแบบนั้นก็เกิดอาการหมั่นเขี้ยว อุ้มแฟนหนุ่มตัวเล็กเหวี่ยงไปมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะปนเสียงด่าทอทำให้คนที่เดินผ่านไปมามองอย่างเอ็นดู สายตาเรียวของแบคฮยอนสะดุดเข้าไปหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังเดินผ่านพวกเขาไป

     

    “นี่ ชานยอล ๆ ดูนั่น ๆ”

     

    “ห๊า?”

     

    “ยัยนั่นไงที่ได้คะแนนรายงานเต็ม ที่ฉันเล่าให้ฟังเมื่อกี้อ่ะ โห่ ไรเนี่ยะ เดินคนเดียวเหรอวะ สงสัยจะไม่มีเพื่อน...”

     

    ชานยอลมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นตามคำพูดของแบคฮยอนแต่แล้วเปลือกตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ

     

     

    แม้รูปร่างของหล่อนจะเปลี่ยนไปซักเพียงใด แต่แค่มองแวบเดียวชานยอลก็รู้ว่าเธอคือยัยอ้วนใส่แว่นที่ทุกคนต่างพากันรุมแกล้ง

     

     

    เวลามันผ่านไปขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

     

     

    "ชเวจียอน...”


     

     -


     background music  : Life is Wonderful / Jason Mraz



    สวัสดีรีดเดอร์ทุกคนค่ะ
    ตอนนี้เรา็มาถึงกลางเรื่องของช็อตฟิคเรื่องนี้แล้ว;_;
    อดใจรอกันอีกนิดนะคะ บทลงเอยของคู่นี้กำลังใกล้เข้ามาแล้ว
    อีกเรื่องนึงคือไรท์เตอร์ลองปรับฟ้อนให้มันใหญ่ขึ้น
    ไรท์เตอร์ไปอ่านฟิคคนอื่นแล้วแบบ
    เห้ย ฟิคเราฟ้อนมันเล็กไปป่าววะ55555
    ก็เลยมาลองปรับดู หวังว่าจะดีขึ้นเน้อ
    ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจะนะคะ :-)
    ps.จียอนคือใคร จำไม่ได้ยังไงย้อนอ่านแชพ 2 เอาน้า
    edit 28/12: เข้ามาดิทนามสกุลของนาง;3; 
     


    © Shalunla

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×