ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF.EXO | R U N ◇ chanbaek / kaido / hunhan

    ลำดับตอนที่ #10 : Underneath the Skin: Chapter 1 | jongin x kyungsoo

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.15K
      1
      25 ก.ย. 56

    underneath the skin

    jongin x kyungsoo / r (for soft erotic scenes) / angst , romance

     

     

    *

     
     

    Chapter 1

     
     

    กลางพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบนั้นปรากฏร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งนอนราบตามแรงโน้มถ่วงโลก กลิ่นอับชื้นชวนเวียนหัวลอยมาแตะปลายจมูกรั้น มีแต่ไอน้ำเย็นจากห่าฝนที่เดินทางผ่านประตูระเบียงเข้าสู่ห้องแคบนี้เท่านั้นที่ห่อหุ้มผิวกายสีนวลอ่อน มันเย็นพอที่ไรขนเส้นบางตามผิวขาวเนียนจะลุกชัน ชั่ววูบหนึ่งที่บางอย่างกระตุกจิตใต้สำนึกของเขาให้สิ้นสุดห้วงนิทราอันยาวนานนี้เสียที มีอะไรบางอย่างทำให้เขาฉุกคิดตั้งคำถามถึงสถานที่ปริศนาแห่งนี้ รวมไปถึงการเดินทางภายใต้ความมืดมิดและเสียงเงียบราวกับว่าร่างกายของเขาถูกวาร์ปมาจากที่หนึ่งสู่อีกที่

     

    ในช่วงเวลาเพียงพริบตานั้นเขาพลาดอะไรไปบ้าง นั่นคือสิ่งที่ชายหนุ่มผู้นอนเปลือยกลางห้องแคบเหม็นอับคนนี้นึกสงสัย

     

    เปลือกตาสีนวลผ่องถูกยกขึ้นช้า ๆ เผยให้เห็นดวงตากลมใสสีนิลขลับ กะพริบตาซักสองสามครั้งน้ำตาก็ระเรื้อนเต็มเบ้า ชำระล้างสิ่งสกปรกจนม่านตาสามารถรับรู้สิ่งที่เห็นได้ อยากแรกที่เขาเห็นคือกองหนังสือมากมายถูกวางไว้ที่ปลายเท้าของเขา สุดทางนั้นเป็นประตูไม้สีแดงเลือดนกเก่าคร่ำครึ กวาดสายตาไปตามผนังซีเมนต์ที่แตกร้าวเป็นริ้วบ่งบอกถึงอายุของอาคาร เขามองโต๊ะรูปจตุรัสขาเตี้ย ประตูเข้าสู่อีกห้องหนึ่งที่เขาคาดเดาว่าน่าจะเป็นห้องน้ำ พัดลมตั้งพื้นทรงสูงโบราณและเตียงขนาดเล็กสำหรับนอนเพียงหนึ่งคน

     

    เขาหันกลับมามองร่างที่ร่างเปลือยเปล่า ไร้ซึ่งอาภรณ์ใด ๆ ปกปิด มีริ้วรอยฟกช้ำเป็นจ้ำตามผิวขาวไปทั่ว สิ่งที่น่าสงสัยไปกว่าการนอนเปลือยเปล่าในห้องพิศวงนี้คือกุญแจมือสีเงินขึ้นเงาที่รัดกุมข้อมือทั้งสองของเขานี่ต่างหาก เขาหันหลังกลับไปมองบริเวณหน้าประตูระเบียง เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปรอะเปื้อนด้วยรอยดำเล็กน้อยและกางเกงสีดำขายาวพร้อมด้วยกางเกงชั้นในถูกวางไว้อยู่ มันเปียดหมาด ๆ ด้วยสาเหตุบางประการที่ชายหนุ่มไม่อาจหยั่งรู้ ทันทีที่เขาพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น ความเจ็บแปล๊บจากสะโพกด้านหลังก็พุ่งใส่เขาอย่างจังจนร่างเกือบจะทรุดลงนอนกับพื้นอีกรอบ เขาพยายามไม่คาดเดาสาเหตุของอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นบริเวณนั้นเพียงเพราะมันไม่ใช่อะไรที่น่านึกถึงเท่าไหร่นัก คิดไปก็มีแต่จะทุเรศตัวเองไป เขาได้แต่เก็บข้อสงสัยนี้รวมไปกับข้อสงสัยอื่น ๆ ที่ยังคงรอคำตอบอยู่

     

    เมื่อเสื้อผ้าทุกชิ้นถูกสวมใส่จนครบ เขาเดินผ่านประตูสู่ระเบียงของห้อง ตึกราบ้านช่องที่เขาไม่คุ้นเคยปรากฏให้เห็นเต็มสายตา มลพิษสีเทาน่าขนลุกจากยานพาหนะนับสิบลอยฟุ้งไปทั่วพื้นที่ ผู้คนข้างล่างรูปร่างหน้าตาแปลกไปจากที่เขาเคยเห็น ที่นี่ไม่ใช่เกาหลีแน่ ๆ นั่นคืออย่างแรกที่เขามั่นใจ สายตากวาดไปรอบพื้นที่เพื่อจะหาข้อมูลอื่น ๆ ดวงตากลมโตสะดุดเข้ากับป้ายขนาดใหญ่ตรงสี่แยกไฟแดงนั่น

     

    Bangkok Airways: Asia Boutique Airlines

     

    อย่างที่สองที่เขารู้คือที่นี่ไม่ใช่กรุงโซล ไม่ใช่ประเทศเกาหลี แต่เป็นกรุงเทพ ดินแดนที่เขายืนอยู่ ณ ขณะนี้คือประเทศไทย คำถามที่ถูกตั้งขึ้นมากำลังรอคำตอบอยู่ ชายหนุ่มร่างบางตัดสินใจเดินไปที่ประตูบานหนึ่งสุดมุมห้องอีกด้านหนึ่ง เป็นไปตามคาด เขาถูกปิดตายในห้องนี้จริง ๆ ร่างบางทรุดลงกับพื้นอีกครั้ง ความกลัวจากสิ่งที่ตนไม่รู้ทำเอาน้ำตาลูกผู้ชายหลั่งไหลออกมา

     


     

    ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เขากำลังเผชิญอยู่นี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น


    * - 01/02/13


    “ตื่นแล้วเหรอ”

     

     

    คือประโยคแรกที่บุรุษปริศนาคนนี้พูด เขากำลังยืนอยู่หน้าประตูสีแดงหม่นพร้อมกับถุงพลาสติกขนาดปานกลางหิ้วอยู่รอบข้อมือ ‘ โดคยองซู ‘ ที่นั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนจนสีครามของผืนฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีกรมท่าหันใบหน้าซีดเซียวของเขาขึ้นมามองหาต้นเสียง คงจะใช้คำว่าเด็กหนุ่มกับคนตรงหน้าได้เพราะดูจากใบหน้าคงจะเด็กกว่าเขาไม่กี่ปี น่าจะรุ่น ๆ เดียวกันกับเด็กมัธยมปลาย ร่างสูงแกร่งผิวสีแทนเข้มในชุดเสื้อกล้ามสีขาวและกางเกงสามส่วนซอมซ่อ ปลายน่องขาแกร่งทั้งสองนั้นถูกรองรับด้วยรองเท้าแตะแบบคนบ้านนอกคอกนาที่เขานาน ๆ ทีจะเคยเห็นกำลังบรรจงแกะห่อกระดาษบรรจุข้าวลงบนจานอย่างบรรจงก่อนจะยื่นจานนั้นให้กับเขา

     

    “กินนี่ซะ แล้วผมจะแก้กุญแจมือให้คุณไปอาบน้ำ”

     

    คยองซูทำตามที่เด็กหนุ่มนี่พูดโดยไม่ปริปากขัดขืนใด ๆ อาหารจานพิสดารที่เขาไม่เคยทานมาก่อนบัดนี้ย้ายสถานที่ไปอยู่ในท้องของร่างบางเรียบร้อย เด็กหนุ่มคนนั้นเดินมาหาเขา ร่างใหญ่ย่อลงติดพื้นก่อนจะจับข้อมือเข้าขึ้นมา กุญแจตัวจิ๋วถูกเสียบเข้าที่รูเล็กของวัตถุสีเงิน เสียงคลิกดังขึ้นหนึ่งครั้งและดังขึ้นอีกจนในที่สุดเขาหลุดออกจากพันธนาการด่านแรก

     

    “ผ้าเช็ดตัวกับชุดใหม่อยู่ในห้องน้ำ …เสร็จแล้วผมจะมาชี้แจงข้อสงสัยทั้งหมดให้คุณฟัง”

     

    คนตัวเล็กคนนี้ใช้เวลาไม่นานนักที่จะทำความสะอาดร่างกายให้หมดจดผิดกับที่เด็กหนุ่มคาดการณ์เอาไว้ คงจะเป็นเพราะความอยากรู้ในปริศนาต่าง ๆ รอบกายของเขาตอนนี้ ชายหนุ่มร่างบางเดินมานั่งตรงหน้าเขาพร้อมกับผ้าขนหนูรอบคอเอาไว้รองรับหยดน้ำที่ไหลลงมาจากปลายผมดำขลับ ตอนนี้คยองซูพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความจริงทั้งหมดที่กำลังจะออกมาจากปากเด็กคนนี้แล้ว

     

    “จะเริ่มจากตรงไหนดี?”

     

    “บอกอะไรก็ได้ที่ฉันควรรู้” ชายหนุ่มอีกคนถอนหายใจ

     

    “ฟังผมให้ดี คุณโดคยองซู” น้ำลายอึกใหญ่ถูกกลืนเข้าลำคอไปอย่างหวาดพะวง หัวใจของเขาเต้นแรงจนคับอก ความกังวลหลั่งไหลออกมาในรูปเม็ดเหงื่อไล้ตามโครงหน้าเรียว

     

    “คุณถูกมอมยาและถูกส่งมาอยู่กับผมที่นี่ ที่ประเทศไทย ผมบอกคุณไม่ได้ว่าใครจ้างวานผมมา ส่วนสาเหตุนั้นเกี่ยวกับธุรกิจแน่นอน บอสต้องการฮุบธุรกิจพันล้านบ้าบอของครอบครัวคุณ คุณผู้กำลังจะขึ้นเป็นประธานบริษัท ทายาทคนเดียวของตระกูลโดอันสูงส่ง เลยถูกจับและส่งมาอยู่ที่นี่ ด้วยคติประจำใจของบอสผมที่จะไม่ฆ่าใครที่ไม่ได้ทำผิด คุณจะอยู่กับผมที่นี่ ในห้องแห่งนี้ ไม่สามารถออกไปไหนได้จนกว่าผมจะได้รับคำสั่งต่อไป คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากฝ่าฝืน ความเมตตาของบอสผมก็จะสิ้นสุด…

     

    “จำไว้ซะ ชีวิตของคุณตอนนี้ขึ้นอยู่กับผมและชีวิตของผมก็ขึ้นอยู่กับคุณ คุณไร้ตัวตนแล้วในที่ ๆ คุณจากมา ทุกคนที่นั่นคิดว่าคุณตายไปแล้ว คุณจะมีตัวตนอยู่แค่ในห้อง ๆ นี้ ผมจะเป็นคนรู้จักคนเดียวในชีวิตของคุณนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เข้าใจมั้ย”

     

    ไม่เข้าใจ โดคยองซูคิด มือทั้งสองไร้เรี่ยวแรงจะทำใด ๆ ทั้งสิ้น เขาคิดถึงทุกคนที่เกาหลี เมื่อต้องเสียเสาหลักของบ้านไปซักคน บ้านทั้งหลังคงล้มกราวเหลือเพียงแต่เศษอิฐเศษปูน หยาดน้ำใสไหลอาบแก้มนิ่มอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้มันไหลลงมาหนักกว่าเดิมราวกับธารน้ำตก กลีบปากอิ่มขึ้นสีแดงจัดพร้อมกับเสียงเล็ดลอดออกมาเหมือนกับเด็กน้อยถูกทำโทษ เขาไม่สนใจกุญแจมือที่ถูกใส่กลับที่เดิมนี่อีกแล้ว มือทั้งคู่ทุบลงกับพื้นอย่างเพื่อระบายความเจ็บแค้น สัมผัสอุ่นจากคนแปลกหน้าที่กำลังปาดน้ำตาออกจากแก้มของเขาตอนนี้นั้นช่างน่าขยะแขยงพิกล ใบหน้าหวานหลีกหนีไปทางอื่นแต่ก็ถูกจับกลับมาทิศเดิมด้วยฝ่ามือแกร่งของคนตรงหน้า ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองแทบจะไม่มีเหลือ

     

    คยองซูเพิ่งจะสังเกตใบหน้าหล่อคมของเด็กหนุ่มคนนี้ชัด ๆ ดวงตาเรียวนั่นบอกอะไรบางอย่างกับเขาซึ่งเขาไม่สามารถตีความออกมาได้ในตอนนี้ ริมฝีปากอิ่มได้รูปเลื่อนเข้ามาเกือบจะกลบระยะทางระหว่างพวกเขาทั้งสอง เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ริมฝีปากสั่นระริกสีแดงฉ่ำตรงหน้า

     

     

    “ทำตัวดี ๆ แล้วผมจะไม่ทำรุนแรงกับคุณแบบเมื่อคืนนี้อีก”

     

     

    ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าเขาควรจะดีใจกับคำพูดของคน ๆ นี้หรือไม่ สิ่งที่เขารับรู้ได้ถัดจากนั้นคือสัมผัสอุ่นจากริมฝีปากชุ่มฉ่ำนั่นบนริมฝีปากของเขา ความรู้สึกแปลก ๆ ก่อขึ้นในใจของคยองซู ราวกับว่าหัวใจของเขาถูกบีบรัดอย่างรุนแรง มันเจ็บปวดในขณะเดียวกันนั้นมันก็อ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ

     

    ปลายลิ้นของคนตัวใหญ่กว่าจู่โจมเข้าหาอีกฝ่าย เพรียกหาความหวานที่อบอวลในโพรงปากนั่น คนตัวเล็กยอมให้ชายปริศนาตักตวงสิ่งที่เขาต้องการอย่างไม่ขัดขืนจนร่างกายของเขาต้องการออกซิเจนเข้าปอด มือทั้งสองถูกยกขึ้นมาทุบที่อกคนตรงข้ามเบา ๆ พอเป็นสัญญาณ

     

    “เรียกผมว่าไค”

     

    “ห...หืม?”

     

    “คนที่นี่รู้จักผมว่า ’ไคชื่อจริงของผมตายไปกับตัวผมคนเก่ามาหลายปีแล้ว

     

    คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันกับคำพูดของเด็กหนุ่มร่างสูง เขาไม่เข้าใจอะไรที่คน ๆ นี้ทำเลยเสียด้วยซ้ำ คยองซูไม่รู้ว่าชายตรงหน้าทำกับเขาแบบนี้ไปเพื่ออะไรแต่บางอย่างกำลังบอกเขาว่าซักวันคำตอบของคำถามทุกข้อจะปรากฏในไม่ช้า

     

     

     *

     

     

    “หลับหรือยัง?”

     

    ท่ามกลางความมืดมิดเสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นมาทำลายความเงียบ ชายหนุ่มร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงที่เจ้าของห้องเสียสละไปนอนบนพื้นแทนเป็นคนปริปากพูด แม้เปลือกตาทั้งสองจะรู้สึกเหมือนถูกหน่วงขนาดไหน คยองซูก็ไม่สามารถกลั้นใจหลับตาลงได้

     

    “ว่าไง”

     

    “เมื่อวานน่ะ นายทำ... กับฉันแล้วใช่มั้ย?” ร่างบางได้ยินเสียงถอนหายใจเบา ๆ จากคนข้างล่าง เขาเลือกที่จะถามตรง ๆ เพราะไม่เหตุผลอะไรที่จะอ้อมค้อม

     

    “...ขอโทษ คุณเจ็บเหรอ?”

     

    “นิดหน่อย แต่ช่างมันเถอะ” คยองซูพลิกตัวหันเข้าหาผนัง พยายามอีกครั้งที่จะข่มตาหลับ

     

    “ผมจะบอกอะไรให้ฟังนะคุณโด”

     

    “...”

     

    “คุณอาจคิดว่าคุณเสียไปแล้วทุกสิ่ง คุณยังโชคดีที่คุณมีให้เสีย อย่างน้อยก็ต้องมีวันที่คุณจะได้กลับมา ผมมันคนไม่มีอะไรตั้งแต่แรก ไม่มีอะไรต้องเสีย อย่างงี้แย่กว่าเยอะ”

     

    “...นี่นายพูดแบบนี้กับเหยื่อทุกคนเลยหรือเปล่า?”

    "พูดแบบไหน?"

    "แบบที่ว่า... พูดดี ๆ กับเหยื่อน่ะ"

     

    “แค่เฉพาะกับคนที่ผมคิดว่าไม่ใช่เหยื่อก็เท่านั้น”

     

    ถ้าเจตนาของเด็กหนุ่มคนนี้คือทำให้เขาสบายใจ บอกตามตรงเลยว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยคยองซูก็ได้เรียนรู้ว่าร่างสูงไม่ใช่คนที่เลวร้ายเท่าไหร่นัก นอกจากเรื่องที่ฉกชิงความบริสุทธิ์ของเขา ใช่ มันน่าอาย แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเสียหายเท่าไหร่นัก จะบอกว่าที่ทำใจได้นั้นคงเพราะตอนนั้นเขาหมดสติ ความเจ็บปวดเวลานี้บรรเทาไปแล้วเกือบจะหมดเหลือเพียงความเหนื่อยล้า มีเรื่องแย่ ๆ รอเขาอยู่ในอนาคตจะมาเครียดกับเรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ดูจะไม่ได้เป็นความคิดที่ดีซักเท่าไหร่ หัวทุยเล็กซุกเข้าหาความอุ่น หวังว่ามันจะสามารถปกป้องเขาจากลมเย็นชื้นที่พัดจากหน้าต่างเข้ามาอย่างแผ่วเบา

     

    ช่วงเวลาหนึ่งของกลางดึก สัมผัสที่หนักหน่วงกว่าสายลมเฉียดปัดที่พวงแก้มสีขาวซีด  ผ้าห่มผืนบางหยาบถูกกระชับให้แนบชิดกับร่างเล็กมากขึ้น และแล้วคยองซูก็กลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกรอบหนึ่ง

     

     

     

     

    * 100%

     

     

    หนังสือกองพะเนินใกล้ปประตูเข้าออกยังอยู่ที่เดิมของมัน รอให้มีใครซักคนมาเปิดอ่าน คยองซูเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าเปียกปอนจากการชำระล้างและเดินตรงไปนั่งที่ข้าง ๆ กองหนังสือนั่น เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแต่ดูจากแสงพระอาทิตย์สาดเข้ามาอย่างอ่อนโยนพอกระทบกับฝุ่นในห้องก็พอจะรู้ว่าเวลานี้เป็นเวลาเช้าตรู่ เด็กหนุ่มยังคงนอนอยู่บนพื้นผิวเรียบ สายตาจากตัวอักษรบนหน้ากระดาษหันขึ้นมามองร่างสูงใหญ่ที่กำลังหลับใหลไม่มีทีท่าว่าจะตื่น คยองซูมองไคเพียงแวบเดียวเท่านั้นก่อนจะเบนความสนใจไปที่ตัวอักษรมากมายร้อยเรียงกันบนหน้ากระดาษ

     

    หนังสือประวัติศาสตร์ของชาวยิวสมัยสงครามโลกที่สองและหนังสือชีวประวัติของพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่ไม่ควรจะมีเจ้าของเป็นเด็กอายุสิบปลาย ๆ ที่มีบ้านเป็นหอพักโกโรโกโสแบบนี้ น่าแปลกใจไม่ใช่น้อยที่เด็กคนนี้ใฝ่รู้เรื่องราวทางโลกมากกว่าเด็กรวยคนอื่น ๆ ที่เขารู้จักเสียอีก

     

    ใบหน้าอ่อนเยาว์เงยขึ้นมาตามเสียงการเคลื่อนไหวของอีกร่าง แขนแกร่งสีแทนเข้มทั้งสองถูกยืดออกพร้อมกับเอวหนาที่บิดเร้าไปมาเพื่อคลายความเมื่อยล้า คยองซูไม่ได้สนใจเด็กหนุ่มตรงหน้ามากนัก นิ้วเรียวพลิกกระดาษไปอีกหน้าจดจ่ออยู่กับความรู้ใหม่ที่เขากำลังจะได้รับ เขาเงยหน้าอีกทีเมื่อเสียงแง้มประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของครีมอาบน้ำที่ลอยมาแตะปลายจมูก

     

    “อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย? อาหารเกาหลี?”

     

    “อะไรก็ได้ ฉันไม่เรื่องมาก”

     

    คยองซูมองหน้าคู่สนทนาตามมารยาท เด็กหนุ่มคนนี้ดูดีอย่างน่าประหลาดในชุดเสื้อกล้ามสีดำและกางเกงยีนที่เขามองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ของมีราคา ร่างบางยังคงนึกสงสัยว่าอะไรซ่อนเร้นอยู่ในแววตาสีดำขลับคู่นั้น

     

    “ผมจะกลับมาตอนเย็น ๆ คงไม่จำเป็นต้องย้ำหรอกนะว่าอย่าคิดที่จะหนี”

     

    ดวงตากลมโตหันกลับมามองที่หน้ากระดาษในมือของตน เลือกที่จะไม่ตอบรับคำขู่ของคนอายุน้อยกว่า

     

    เสียงแง้มประตูดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง คยองซูลุกขึ้นมาจากที่ของตนทันที เขาเดินสำรวจรอบห้องเพื่อต้องการอุปรณ์ซักชิ้นที่จะสามารถแงะกุญแจมือคู่นี้ ในใจหวังเพียงว่าพระเจ้าจะทรงปราณีกับเขา อีกด้านนั้นร้อนรนดั่งเปลวเพลิงเผาไหม้เพราะความเป็นห่วงคนทางบ้านและความโหยหาในอิสระ วัตถุบางอย่างสะท้อนเงาเรียกร้องความสนใจซ่อนอยู่ใต้เตียงของเขา คลิปหนีบกระดาษสีเงินแวววับอันเป็นความหวังทั้งหมดที่คยองซูมีอยู่ในมือของเขาแล้ว ชายหนุ่มรีบดัดและบิดมันออกจนกลายเป็นเส้นตรง บรรจงเอาปลายของมันแทงเข้าไปที่รูพร้อมขยับไปมาให้ลงล็อค

     

    รอยยิ้มแรกคลี่ออกมาอย่างภาคภูมิใจเมื่อเสียง ‘คลิก’ ของกุญแจมือดังขึ้น เขาไม่รีรออะไรทั้งสิ้น มือทั้งสองสะบัดวัตถุสีเงินที่ขุมขังข้อมือของเขาออกทันที เสื้อยืดตัวหนึ่งถูกหยิบออกมาจากตู้เสื้อผ้าและถูกสวมใส่อย่างรวดเร็ว ภารกิจถัดมาคือการหาทางออกไปจากคุกนี่ให้ได้ ประตูทางออกถูกล็อคไว้อย่างดี ดูจากรูกุญแจใต้ลูกบิดประตูก็พอคาดเดาได้ว่ามันไม่สามารถแงะออกได้เหมือนกับที่เขาทำกับกุญแจข้อมือ นั่นก็หมายความว่าทางเดียวที่คยองซูจะหลบหนีออกไปได้นั้นก็คือประตูระเบียง ร่างเพรียวเล็กมุ่งหน้าไปที่จุดหมายอย่างไม่รอช้า ความสูงระหว่างที่ ๆ เขายืนและฟุตบาทริมถนนนั้นค่อนข้างสูงพอสมควร ไม่มีทางที่จะกระโดดลงไปได้ จะเรียกหาความช่วยเหลือจากผู้คนก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักเพราะมีเปอเซ็นต์สูงที่ลูกน้องคนอื่น ๆ ของ ‘บอส’ จะกระจัดกระจายกันอยู่แถวนี้

     

    ชายหนุ่มหันไปรอบ ๆ จนสายตาสะดุดเข้ากับบันไดเหล็กข้างอาคารที่อยู่ถัดจากห้องของเขาไปเพียงสองห้อง คยองซูรวบรวมความกล้าที่สั่งสมมาก่อนจะค่อย ๆ ใช้ขาข้างนึงพาดไปรั้ว พาร่างบางของตนออกไปอีกด้านหนึ่งและใช้ขาอีกข้างพาดไปที่รั้วของอีกห้อง แม้คยองซูจะไม่ใช่คนที่คล่องแคล่วประหนึ่งนักกีฬาดีเด่นแต่เขาก็สามารถบุกบั่นข้ามรั้วจากห้องหนึ่งสู่อีกห้องได้สำเร็จจนในที่สุดเขาก็มาถึงเส้นชัยได้อย่างปลอดภัย ชายหนุ่มรีบวิ่งลงตามทางและยืนหยุดนิ่งที่บันไดขั้นสุดท้ายเมื่อเขาตระหนักได้ว่าเขาไร้จุดหมายและแผนการใด ๆ

     

    ผู้คนแปลกหน้ามากมายเดินผ่านสายตาของคยองซูผู้ซึ่งยืนแน่นิ่งอยู่ที่เดิมมาเกือบสิบนาทีแล้ว น้ำลายอึกใหญ่ถูกกลืนลงไปที่ลำคอ ร่างบางเริ่มขยับไปข้างหน้าและปล่อยตัวเองให้ไหลไปตามกระแสคลื่นของผู้คนก่อนจะปลีกตัวเข้าไปในตรอก ๆ หนึ่ง ชายแก่เด็กสาวที่เดินผ่านต่างจ้องมาที่เขาตาเป็นมัน ดูจากลักษณะผู้คนและอาคารเก่าคร่ำครึที่เมื่อมองไปทางไหนก็เห็นแต่หญิงสาวอายุต่ำกว่าเขาเกือบเท่าตัวเดินเพ่นพ่านก็พอจะรู้ว่าที่ ๆ เขาสาวเท้าเดินอยู่นั้นคือซ่องโสเภณี

     

    บางอย่างฉุดร่างของเขาทั้งร่างให้หยุดเคลื่อนไหว ดวงตากลมประสบเข้าอย่างจังกับดวงตาคมอีกคู่ โฉมหน้าของคนไม่แปลกหน้าคนเดียวที่เขารู้จักในที่แห่งนี้ มือแกร่งสีแทนเข้มบีบรัดแขนของอีกคนแรงเสียจนร่างบางรู้สึกว่ากระดูกใต้เนื้อหนังนี้แทบจะหักเป็นผุยผง เขารู้สึกเหมือนหนูที่ถูกแมวตะปบ สายตาคมเฉี่ยวแฝงด้วยอารมณ์โทสะแทบจะแทงเขาที่หัวใจ

     

    “หึ เตือนแล้วไม่ฟัง... อยากจะลองดีกับผมมากใช่มั้ย?”

     

    ยิ่งขัดขืนแรงบีบก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น กลีบปากอวบฉ่ำที่พยายามอัดกลั้นความเจ็บปวดบัดนี้ไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดที่ตนเองได้รับ เสียงทุ้มร้องออกมาอย่างโอดครวญ

     

    “โอ้ย! ฉ...ฉันเจ็บ ปล่อยนะ!

     

    “หึ เจ็บงั้นเหรอ? ผมเจอกับความเจ็บปวดมาทั้งชีวิต ผมรู้ดีว่าอันไหนเจ็บ อันไหนไม่ใช่!

     

    เสียงของเด็กหนุ่มดังลั่นแต่ท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กชุลมุนในตรอกนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ได้เรียกร้องความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้มากนัก มือเรียวขาวพยายามแกะมือของร่างสูงแต่แรงของเด็กหนุ่มคนนี้มีมากเสียเหลือเกิน คยองซูรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่นั้นช่างไร้ค่าสิ้นดี เขายอมลอยไปตามแรงของอีกฝ่ายแต่โดยดี

     

    “นี่! ปล่อยนะ! ป...ปล่อยสิ!

     

     

     

    “ดูซิว่าใครมา”

     

    ไคหันมาเผชิญกับบุรุษร่างสูงเพรียวตรงหน้าที่กำลังยิ้มแสยะให้กับเขาพร้อมกับชายฉกรรจ์อีกนับสิบที่เดินตามมาเป็นขบวน ความกลัวที่มีอยู่ในใจของร่างบางเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแต่มือแกร่งของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่เพิ่งจะละออกจากเขาค่อย ๆ แปรเปลี่ยนมาดันตัวของเขาให้หลบอยู่ใต้แผ่นหลังแกร่ง

     

    “เหยื่อของมึงมาเดินเพ่นพ่านอะไรแถวนี้วะ?”

     

    “ไม่ใช่เรื่องของมึงจื่อเทา คนของกู กูจัดการเองได้”

     

    “จัดการเองได้? สมุนกูเห็นไอ้ลูกเจี๊ยบในกำมือของมึงปีนระเบียงหนีออกมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว นี่ยังเรียกว่าจัดการได้อยู่อีกเหรอ?” ทั้งสองแชร์สายตาอาฆาตให้แก่กันและกัน ริมฝีปากอิ่มสั่นเล็กน้อยเมื่อกรามแกร่งทั้งบนล่างกระทบเข้าหากันด้วยความเจ็บใจ ชายอีกคนเห็นท่าทีนั้นก็ฉีกยิ้มกว้างขึ้น ใบหน้าที่หล่อคมไม่แพ้กันเลื่อนเข้ามากระซิบที่ข้างหู

     

    “ดูท่าว่ากูคงต้องทำตามกฎของบอสซะแล้วว่ะ”

     

    กำปั้นหลุน ๆ พุ่งเข้าใส่แก้มกร้านของคนตรงข้ามอย่างหมดความอดทนทันทีเมื่อสิ้นประโยค ฝูงชายหนุ่มมากมายที่ยืนอยู่ข้างหลังพรูกันเข้ามาลากลูกพี่ของตนออกจากบริเวณนั้นก่อนจะจัดการกับร่างสูงใหญ่โดยไม่สนใจที่จะโดนด่าว่าเป็นพวก ‘หมาหมู่’ เลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มร่างเล็กที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ นั้นพยายามจะเข้าไปช่วยแต่ลูกน้องจำนวนหนึ่งเดินมาล็อคตัวของเขาเอาไว้เสียก่อน คยองซูได้แต่มองคนตรงหน้าถูกกระทืบต่อยตีอย่างทารุณด้วยความรู้สึกที่แปลกไป

     

    “กูบอกบอสแน่ว่ามึงทำเหี้ยอะไรไว้ มึงไม่รอดแน่!

     

    ร่างสูงชะรูดเดินข้ามอีกร่างหนึ่งซึ่งจมอยู่กับรอยแผลนับสิบชุ่มของเหลวสีแดงอำพันพร้อมกับสบถน้ำลายออกมาถล่มศักดิ์ศรีที่เด็กหนุ่มมีอยู่ให้พังทลาย ขบวนชายฉกรรจ์เดินตามลูกพี่ของตนด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ รอยยิ้มน่าขยะแขยงปรากฏขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้สำหรับชายหนุ่มอีกคนที่สบตาเขาอย่างหวาดกลัว

     

    “อยากรู้จริง ๆ ว่าทำไมคนอย่างมันถึงได้หลงคนอย่างคุณหัวปักหัวปำขนาดนี้”

     

    คำพูดสุดท้ายก่อนที่ฝูงนักเลงนับสิบจะเดินเขาไปทิ้งความสงสัยให้กับผู้ฟังไม่ใช่น้อย คยองซูมุ่งสนใจไปที่ร่างใหญ่ที่นอนแนบอยู่กับพื้นไม่ได้สติ ชายหนุ่มตัดสินใจใช้พลังกายที่มีอยู่ทั้งหมดพยุงคนตรงหน้าขึ้นมา เดินทางออกจากตรอกซ่องสุมน่าสะพรึงนี้สู่ห้องคุมขังของเขา

     

     

     

    *

     

     

    คยองซูและร่างของเด็กหนุ่มนามว่าไคในอ้อมแขนเดินทุลักทุเลมาจนถึงจุดหมายในที่สุด ชายฉกรรจ์สองคนซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นลูกสมุนของคนที่ชื่อจื่อเทามายืนรอเฝ้าเขาอยู่ที่หน้าประตูห้อง มือขาวนวลหยิบกุญแจห้องออกจากกระเป๋ากางเกงของอีกคนและรีบสอดปลดล็อคพาเด็กหนุ่มที่ดูท่าจะทนพิษบาดแผลไม่ไหวสลบไสลอยู่นั้นเข้าไปในห้อง

     

    ปริศนาจากประโยคสุดท้ายที่จื่อเทาให้ไว้กับเขายังคงค้างคาที่ใจ รวมไปถึงเบื้องหลังของบุคคลเหล่านี้ บอส จื่อเทาและไค ‘กฏ’ ที่จื่อเทาพูดถึงอันเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เด็กคนนี้กล้าบันดาลโทสะใส่ลูกพี่ของกลุ่มนักเลงขาใหญ่ สิ่งเดียวที่เขารู้ตอนนี้คือคนขององค์กรลับนี้กระจัดกระจายอยู่เต็มบริเวณ ป้องกันไม่ให้ ‘เหยื่อ’ อย่างเขาเล็ดรอดออกไปได้ แสงนำทางตอนนี้ริบหรี่เต็มทน คยองซูถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าก่อนจะฟุบนอนลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

     

     

     

    เปลือกตาสีอ่อนเลื่อนขึ้นเผยลูกตากลมใสทีละน้อย ภาพแรกที่คยองซูเห็นเมื่อเขาตื่นขึ้นมาคือแผ่นหลังกว้างเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยรอยแผลช้ำเขียวเต็มไปหมด ไคกำลังทำความสะอาดแผลด้วยผ้าเช็ดตัวชุบน้ำหมาด ๆ ไร้ซึ่งร่องรอยของยาแดงหรือแอลกฮอล์เช็ดแผลอย่างที่ควรเป็น คนที่ได้แต่มองอยู่ห่าง ๆ ตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหาอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างออกไปนัก

     

    สัมผัสที่ไม่ได้คาดคิดทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งตกใจ รีบหันขวับมามองเจ้าของสัมผัสนี้ทันที สายตาของคนทั้งสองสบเข้าอย่างจัง มือเรียวพยายามหยิบผ้าเช็ดตัวออกจากมือของอีกคนแต่กลับถูกสะดัดออกอย่างไม่ใยดี

     

    “อย่ามายุ่ง”

     

    คยองซูนึกหมั่นไส้และโมโหไม่ใช่น้อยที่โดนปฏิเสธความเมตตาของเขา จริงอยู่ที่คนตรงหน้านี้อุตส่าห์ปกป้องเขา จะใช่อย่างที่เขาคิดหรือเปล่าก็ไม่ค่อยแน่ใจ ที่แน่ ๆ คือคน ๆ นี้ช่วยเขาไม่ให้ถูกซ้อมเมื่อตอนบ่าย แถมยังโดนเองซะอ่วมเสียนี่ ถึงกระนั้นเขาก็ยังพูดได้ไม่เต็มปากว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนดี แต่อย่างน้อยเขาก็ยังรู้สึกผิดในใจลึก ๆ อย่างน้อยให้เขาชดเชยความผิดนี้หน่อยไม่ได้เลยหรือยังไง?

     

    ความพยายามที่จะแย่งผ้าขนหนูเนื้อหยาบนั่นไม่ได้ลดลงไปเลย ในที่สุดมันก็อยู่ในกำมือของร่างบางจนได้ ยังไม่ทันที่คนอายุน้อยกว่าจะอ้าปากพูด คยองซูรีบชิงตัดหน้าเสียก่อนพลางไล้เช็ดไปตามแผลต่าง ๆ ตามผิวสีเข้ม

     

    “ไม่ต้องพูด อยู่นิ่ง ๆ อยากให้แผลฉีกกว่าเดิมเหรอ?...แล้วนี่ไม่มียาเลยหรือไง?” คนตัวโตส่ายหัว สุดท้ายก็ยอมนั่งนิ่งให้คนตัวเล็กกว่าทำความสะอาด

     

    “ไม่มีตังค์ซื้อ ลำพังแค่ข้าวเช้าข้าวเย็นก็หมดกระเป๋าแล้ว ยาเยออะไรไม่มีหรอก”

     

    รอยแผลเหวอะดูท่าจะไม่หายง่าย ๆ ยิ่งไม่ได้ทายาอาจจะลามไปมากกว่านี้ แต่ฟังจากเหตุผลของเด็กหนุ่มแล้วคงได้แต่ทำใจรอให้เวลารักษาบาดแผลพวกนี้เอง คยองซูเพิ่งสังเกตุไหล่กว้างใหญ่แบบชายชาตรีก็ตอนนี้ น่าแปลกที่มันดูห่อเหี่ยวราวกับแบกรับเรื่องราวต่าง ๆ มากมายเอาไว้ รอยสีคล้ำจากแผลเก่าปรากฏให้เห็นอยู่เนือง ๆ ความรู้สึกสงสารเริ่มก่อเกิดขึ้นมาอย่างน่าพิศวง

     

    “เจ็บมากมั้ย?” น้ำเสียงอ่อนนุ่มสะกิดหัวใจของคนฟังให้เต้นด้วยจังหวะที่หนักหน่วงขึ้น ถ้าคยองซูเห็นใบหน้าของเขาตอนนี้คงจะรู้สึกสมเพชเขาน่าดู

     

    “ไม่เท่าไหร่ หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว ว่าแต่... คุณไม่โดนพวกมันทำอะไรใช่มั้ย?”

     

    “ฉันไม่เป็นไร ห่วงตัวเองก่อนเถอะ แผลเหวอะขนาดนี้ พรุ่งนี้ซื้อข้าวให้ตัวเองกินมื้อเดียวก็พอ ส่วนของฉันไม่ต้อง เก็บเงินไปซื้อยามาทาเหอะก่อนที่มันจะเน่า ถ้าเน่านี่หายยากเลยนะ” คนฟังได้ยินดังนั้นก็รีบหันมาโต้ทันที

     

    “จะบ้าเหรอ? คุณจะไม่กินอะไรเลยได้ไง เดี๋ยวเป็นลมหมดสติผมจะทำยังไง ผมบอกแล้วว่าหนักกว่านี้ก็เจอมาไม่รู้กี่หน ช่างมันเถอะ เดี๋ยวก็หาย”

     

    “ฉันไม่ตายหรอกแต่นายน่ะจะตายก่อนฉันเสียอีก เชื่อฉันไปซื้อยามาทา ขาดข้าววันเดียวฉันก็อยู่ได้”

     

    ไคมองอีกคนด้วยพลางนึกสงสัยในความใจดีที่มอบให้คนที่ไม่สมควรจะได้รับอย่างเขา ลมหายใจเฮือกใหญ่ที่ปล่อยออกมาก่อนที่ร่างใหญ่ทั้งร่างจะลุกขึ้นเดินไปหยิบเสื้อนอนในตู้ออกมาสวมใส่

     

    “พูดง่ายนะคุณคยองซู ถ้าคุณตายขึ้นมาจริง ๆ แล้วผมจะอยู่ยังไง”

     

    ถ้าเขาตายขึ้นมา บอสของเด็กนี่คงจะไม่เอาไว้แน่ ดูจากท่าทางเกรงกลัวของเขาและลูกน้องคนอื่นอย่างจื่อเทาแล้ว บอสคนนี้ไม่ใช่เล่น ๆ อยู่แล้ว ร่างบางไม่ได้คิดถึงความหมายอื่นของประโยคนี้เพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

     

    คยองซูนึกเอะใจขึ้นมาเมื่อก้มลงมองไปที่ข้อมือเปลือยเปล่าของตน ไคไม่ได้ใส่กุญแจมือเอาไว้อย่างที่เคยทำ จะเพราะลืมหรือไงเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

     

    “นี่ ลืมอะไรรึเปล่า?” ใบหน้าหล่อเข้มเงยขึ้นมาจากคอเสื้อยืดพร้อมกับเควสชั่นมาร์กขนาดใหญ่บนหน้า

     

    “กุญแจมือน่ะ”

     

    “เออว่ะ.... คงไม่ต้องแล้วก็ได้”

     

    “หืม?”

     

    “ตอบแทนที่อุตส่าห์อดกินข้าวทั้งวันเพื่อผม แถมยังเช็ดแผลให้อีก กุญแจมือนั่นคงไม่จำเป็นแล้ว”

     

    ยังมีอะไรอีกมากมายที่คยองซูจะได้เรียนรู้จากเด็กหนุ่มคนนี้ ถึงจะเป็นลูกน้องมาเฟียที่เลวสุดขั้วขนาดไหน ความเป็นเด็กของคนร่างสูงใหญ่คนนี้ก็ไม่ได้ลดลงไปเลย คยองซูนึกเอ็นดูอยู่ในใจเล็ก ๆ ถ้าภารกิจลักพาตัวทายาทพันล้านอย่างเขาตกอยู่ในมือลูกน้องคนอื่น ๆ เฉกเช่นจื่อเทา เขาอาจจะไม่ได้อยู่มองดวงตะวันของวันพรุ่งแล้วก็เป็นได้ จะนึกขอบคุณหรือโมโหคนบนฟ้าดีนะที่ทำให้เขาต้องมาเจอเด็กหนุ่มนามว่า ‘ไค

     คยองซูหวังเล็ก ๆ ว่าปลายทางของถนนที่มืดมิดเส้นนี้จะปรากฏแสงไฟสลัว ๆ นำทางเขาออกจากขุมนรกแห่งนี้ ให้เขาได้กลับไปสู่ชีวิตสามัญของเขาเสียที




    -



    สวัสดีค่ะทุกคนนนนไรท์เตอร์ตูนกลับมากับเรื่องใหม่
    ต้องขอโทษจริงๆนะคะ ช่วงนี้ไรท์เตอร์มีงานที่โรงเรียนเยอะมากๆๆๆ
    แถมอาทิตย์มีสอบอีก3วิชา;_; ยังไงก็ต้องขอโทษจริงๆน้า ที่มาอัพช้า
    แล้วก็ขอบคุณที่ยังติดตามกันอยู่นะคะ ไรท์เตอร์จะพยายามเข้ามาอัพบ่อยๆน้า
    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นด้วยค่ะ แล้วเจอกันเน้อ ดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ บ๊ายบาย♡♡♡

    02/02 - แวบเข้ามาขัดเกลาเนื้อเรื่องบางส่วนคะ เมือ่คืนตอนอัพยังมึนๆเบลอๆ ขอโทษนะคะ;_;
    09/02 - มาอัพแชพเต็มแล้วเน้อ อย่าลืมติดตามตอนต่อไปของคู่นี้นะคะ♡

     

    ©
    © Tenpoints!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×