ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักต้องตรวจ คุณตำรวจต้องรัก

    ลำดับตอนที่ #9 : ...9... คำสารภาพ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.94K
      30
      8 เม.ย. 55

    9
    คำสารภาพ
     
     
     
                    สิ่งที่เขาทำ คือทรมานกรรมที่ CIA ใช้รีดความลับจากผู้ก่อการร้าย ซึ่งขอยืมมาจากวิธีโบราณกว่า 300 ปีของจีน ที่เรียกว่า Water Boarding มันมีขั้นตอนง่ายๆ แต่เปี่ยมประสิทธิภาพ ตามสถิติที่ผ่านมา ภายในระยะเวลาเพียง 14 วินาที นักโทษที่สำลักน้ำอย่างสุดแสนทรมานจะพรั่งพรูคำตอบทันที ไม่ว่าคำถามนั้นจะยากแค่ไหน ต่อให้เป็นปัญหาโลกแตกที่ตอบไม่ได้ก็ตาม จะต้องพยายามเค้นสมองตอบจนได้!
                    1 วินาที… 2 วินาที… 3 วินาที…
                    หากสำหรับงานนี้ เพียง 3 วินาทีก็เพียงพอแล้ว เพราะเขาแค่ต้องการขู่เธอ ไม่ได้อยากเห็นเธอสำลักน้ำดิ้นพล่านด้วยความทรมานต่อหน้าต่อตาเลยแม้แต่น้อย สารวัตรหนุ่มหยุดมือ รีบดึงผ้าออกแล้วปรับเก้าอี้กลับขึ้นมาเป็นท่านั่งทันที
                    “แค่กๆๆๆ... บะ... บ้า... คนบ้า! ใจร้ายที่สุด ฮือๆ...” พญาตกใจจนน้ำหูน้ำตาไหล แต่ไม่วายหันไปด่าเขา
                    ความผิดหวังอย่างบอกไม่ถูกรุมเร้าหัวใจดวงน้อย เธอคิดว่าเขาจะทรมานเธอด้วยวิธีอื่นที่... อ่า... หวานกว่านี้ ที่ไหนได้ เขากลับเอาจริง ทรมานเธออย่างไร้ความปราณี แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีใจอะไรกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
                    “ยอมสารภาพมาเถอะ... พญา ฉันจะได้ไม่ต้องทำอะไรแบบนี้…” เห็นน้ำตาผู้ต้องหา น้ำเสียงของท่านสารวัตรก็อ่อนลงจนเกือบเป็นปลอบประโลม
                    “สารภาพบ้าอะไร... ฟังไม่รู้เรื่องหรือไงว่าฉันเปล่า ไม่มีระเบิดอะไรทั้งนั้น แน่จริงปล่อยมือฉันซี่ แล้วมาสู้กันตัวต่อตัว เล่นมัดมือรังแกอย่างนี้ขี้ขลาดนี่ ตำรวจขี้โกง รังแกประชาชนไม่มีทางสู้!!!
                    มีแต่คนชมว่าเขาเป็นตำรวจใจซื่อมือสะอาด มีแต่เธอเท่านั้นกล้าว่าเขาเป็นตำรวจขี้โกง
                    ด้วยอารมณ์โกรธแกมน้อยใจ พาให้ปากเล็กๆ พร่างพรูคำด่าเขาออกมา
                    “ไอ้ท่านสารวัตรองคชาติชูไชไร้สมอง!”
                    เท่านั้นแหละ! …นัยน์ตาคมที่เจือแววสงสารก็กลับมีไฟลุกโชนขึ้นอีกครั้ง
                    สงสัย 4 วินาทียังน้อยเกินไปสำหรับพญามารร้าย เขาไม่ควรใจอ่อนกับเธอคนนี้เลย สำหรับเด็กบ้าที่กล้าเล่นวัตถุอันตรายแบบนี้ แถมหลบหนีด้วยรถพยาบาลเก๊ไม่พอ ยังบังอาจราดยาสลบตำรวจ ปาขวดใส่หัวเขา อีกด้วย ทำแต่ละเรื่อง มันสมควรแล้วที่จะต้องสั่งสอนเสียให้หลาบจำ จะได้ไม่กล้าทำอะไรบ้าๆ อีก!
                    “เธออยากให้ฉันแสดงบทพระเอกตำรวจไม่ใช่หรือ ฉากทรมานคนร้ายนี่ฉันยอมเล่นให้ก็ได้ แต่เธอต้องร่วมแสดงด้วยนะ เป็นคนร้ายไง” ขาดคำ เขาก็ลงมือ!
                    อีกครั้งที่เก้าอี้ถูกปรับเอนนอนยกด้านปลายเท้าสูงกว่าศีรษะ แล้วหน้าเธอก็ถูกคลุมด้วยผ้าผืนเดิม ตามด้วยน้ำ… น้ำ... และ น้ำ...
                    1… 2… 3… 4… ทุกๆ วินาทีที่ผ่านไป... ความหวาดกลัวในหัวใจดวงน้อยค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นทุกที เธอรู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำ พยายามจะเบือนหน้าหนีอย่างไร ก็ไม่สามารถพ้นจากสายน้ำที่หลั่งรินลงมาได้ แม้พยายามกลั้นหายใจ แต่ก็ไม่อาจปิดกั้นอณูของน้ำที่ไหลเข้ามาในโพรงจมูก ครั้นพอจะเปิดปากอ้อนวอนขอความเมตตา น้ำก็ทะลักลงสู่ลำคอ
                    5… 6… วินาที... น้ำท่วมใบหน้า หากที่ท่วมท้นยิ่งกว่าคือ ความหวาดผวาสุดขีด
                    7 วินาที... เธอกำลังจมน้ำตายทั้งเป็น!
                    แต่แล้ว ถึงวินาทีที่ 8 ทุกอย่างก็จบลง... เขาเป็นฝ่ายใจอ่อนหยุดมือก่อนเวลา ไม่กล้าจัดเต็ม 14 วินาที
                    “ยังจะปากแข็งอีกไหม?” ท่านสารวัตรถามเสียงเหี้ยม แต่มือใหญ่อบอุ่นกลับลูบหน้าลูบหลังปลอบโยน ในขณะที่เธอสำลักน้ำออกมาจากปากและจมูก ก่อนจะก้มหน้าก้มตาไอจนหน้าแดง ตัวงองุ้มดูน่าเวทนายิ่งนัก
                    “บอกได้หรือยัง เธอเป็นคนวางระเบิดใช่ไหม แค่ถ่ายหนังหรือทำไปเพื่ออะไร?” ประโยคนี้ แม้น้ำเสียงก็ยังอ่อนโยนลงจนฟังดูไม่รู้เลยว่าเป็นตำรวจกำลังขู่ผู้ต้องหา ทว่า...
                    “...”
                    เงียบ... ไร้เสียงตอบใดๆ จากเธอ หรือแม้แต่เสียงร้องห่มร้องไห้ก่นด่าเขาเหมือนอย่างตอนแรกก็ไม่มี เงียบจนน่ากลัว
                    “พญา...” สารวัตรหนุ่มเขย่าร่างบางบนเก้าอี้เบาๆ หากเธอยังคงก้มหน้าคอพับคออ่อนไร้การตอบสนอง นอกจากเอนไปมาจากแรงเขย่าของเขา เมื่อเชยคางเธอเงยหน้าขึ้นมาจึงรู้ว่าเธอหมดสติเสียแล้ว เขารีบใช้นิ้วอังที่จมูก... ไม่มีลมหายใจ!
                    อาการของเธอทำหัวใจสารวัตรหนุ่มแทบหยุดเต้น รีบปรับเก้าอี้เป็นท่านอนหงาย แล้วรีบบีบจมูกน้อยๆ ประกบริมฝีปากของเขาเป่าลมหายใจเข้าไปในกลีบปากที่เผยอขึ้น สลับกับทาบมือใหญ่บนหน้าอกแล้วกดเป็นจังหวะ...
                    นี่เขาทำอะไรลงไป... ทำอะไรลงไป?!
                    ความจริงองค์อาตม์เองก็ไม่เคยทำเรื่องผิดกฎหมายอย่างทรมานผู้ต้องหามาก่อนเลย แต่เป็นเพราะเขาต้องการเค้นเอาความจริง ก่อนจะส่งคดีนี้เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย เผื่อคิดหาช่องทางแทรกแซงช่วยเหลืออะไรเธอได้ ในระยะเวลาสั้นๆ ที่มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง จึงแอบข่มขู่เธอด้วยวิธีที่คิดว่าไม่ทำให้เจ็บหรือตายแน่ๆ แต่...
                    ไอ้บ้า!... ถึงเธอจะแสบซ่าก๋ากั่น แต่ก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ เท่านั้น จะรับโทษทัณฑ์อันโหดเหี้ยมเหมือนผู้ก่อการร้ายตัวจริงได้อย่างไร
                    ไม่นะ เธอต้องไม่เป็นอะไร ฟื้นสิพญา... พญา... อย่าตายนะ
                    เขากอดร่างบางแน่น... ประกบริมฝีปากอีกครั้ง และอีกครั้ง จวบจนกระทั่งสิ่งมหัศจรรย์พลันบังเกิดขึ้น... กลีบปากนุ่มละมุนสนองตอบริมฝีปากของเขาด้วยแรงดูดดึงเบาๆ ราวกับหญิงสาวรับจูบจากชายหนุ่ม
                    จูบ?
                    ความจริงเธอไม่ได้หมดลมหรอก แค่สำลักเท่านั้น อาการไอจนตัวงอนั่นของจริง แต่พอรู้สึกดีขึ้นแล้ว สิ่งมีชีวิตหายากอย่างพญามารสาวจอมเจ้าเล่ห์ย่อมรู้รักษาตัวรอด ประสบการณ์จากทัณฑ์ทรมานครั้ง 1 และ 2 สั่งให้สมองอันว่องไวรีบหาทางหนีก่อนจะมีครั้งที่ 3
                    พูดความจริงไป เขาก็ไม่เชื่อ จะให้เป็นแพะรับผิดที่ไม่ได้ก่อก็รู้สึกไม่ยินยอม มิสู้แกล้งตายเสียก็สิ้นเรื่อง ถ้าเขาปลดกุญแจมือ เธอก็จะรีบฟื้นคืนชีพวิ่งหนีทีเผลอ
                    คิดไม่ถึงว่า หรี่ตาขึ้นมามองก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มที่ทำดุใส่เธอตลอดเหมือนจะร้องไห้ นัยน์ตาคมราวใบมีดกรีดเฉือนก็เปลี่ยนไป กลับกลายเป็นหวาดกลัวและเสียใจ คล้ายอาลัยคนรักที่กำลังตายลงต่อหน้าต่อตา
                    แต่ที่เธอคาดคิดไม่ถึงจริงๆ ...สารวัตรหนุ่มไม่เพียงไม่ให้อิสรภาพ ยังกกกอดเธอไว้ในวงแขนเสียแน่น หนำซ้ำยังจับหน้าอกแบบกดเป็นจังหวะและประกบริมฝีปากปากจูบเธอด้วย!
                    แค่นี้ ก็ทำให้เธอมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ความโกรธที่ถูกเขาทรมานแบบไม่หวานดั่งใจก็พลันมลายหาย เลยแกล้งตายต่อไม่ยอมฟื้น ...รับจูบจากเขาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความรู้สึกตื้นตันในหัวใจ
                    ในที่สุด เธอก็มีจูบแรกกับเขา!
                    พญาไม่เคยรู้มาก่อนว่าตนถูกเขาขโมยจุมพิตตอนสลบอยู่ ก็เข้าใจว่าที่เขา ‘ผอยปอด’ ให้เป็นจูบแรกในชีวิต แอบหงุดหงิดนิดหน่อยที่เขาไม่ใช้ลิ้นตามทฤษฎีที่เคยรู้มา กลับเป่าลมเข้าปากราวกับเธอเป็นลูกโป่งน้อย ครั้นพอจูบไป... จูบไป... ก็เผลอจูบตอบเขาอย่างลืมตัว...
                    สารวัตรหนุ่มชะงักงันไปชั่วขณะหนึ่ง พอเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไร มือใหญ่ก็รีบคลำดูตรงตำแหน่งหัวใจ ปรากฎว่าสัมผัสได้ถึงสัญญาณชีพชัดเจน ชัดเกินปกติด้วยซ้ำเพราะหัวใจเธอกำลังเต้นระบำอย่างเริงร่า เขาจึงรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น... ยัยตัวแสบหลอกเขา!
                    เธอหลอกจูบเขา!!!
                    แม้ดีใจแทบบ้าที่เธอไม่ได้เป็นอะไรหนักหนาอย่างที่เขานึกกลัว แต่ก็โมโหจนแทบคลั่งที่ถูกพญามารสาวจอมเจ้าเล่ห์ลูบคมซ้ำแล้วซ้ำเล่า… ในเมื่อเธออยากจูบเขา เขาก็จะสนองให้อย่างสาสม!
                    สารวัตรหนุ่มจับโกหกเธอได้แต่ไม่เปิดโปง นอกจากไม่ถอดถอนริมฝีปากที่ประกบอยู่บนกลีบปากของเธอแล้ว ยังบดขยี้ความนุ่มละมุนนั้นอย่างดุดัน อีกทั้งเปลี่ยนจากเป่าลมเป็นสอดลิ้นร้อนบุกเข้าไปรุกรานโพรงปากเล็กๆ อย่างถือสิทธิ์!
                    แล้วพญามารสาวก็ได้เรียนรู้ว่า จูบที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ช่างห่างไกลจากการผายปอดลิบลับ หัวใจที่ถูกเขาปั๊มจนเต้นแรงก็กลับกลายเป็นแทบจะหยุดเต้น
                    หากมือใหญ่ที่แต่เดิมปั๊มหัวใจไม่ถอยห่างไปไหน ยังตั้งมั่นอยู่ที่หน้าอก เพียงไม่ตรงตำแหน่งเดิม กลับกดกระชับลงบนความอ่อนนุ่มของปทุมถันคู่น้อย คอยฟอนเฟ้นเคล้นคลึงจุดอ่อนไหวที่ปลายยอดอย่างไม่เกรงใจ
                    อา... คนแกล้งตายใกล้จะกลายเป็นตายจริงๆ แล้ว
                    องค์อาตม์ไม่รู้เลยว่า ตัวเขาเองคิดอย่างไรกับจูบนี้ ทั้งสัมผัสอันดิบเถื่อนที่เขาแสดงออกอย่างสมบทบาทนี่ ความจริงแล้วคืออารมณ์ที่กลั่นออกมาจากความปรารถนาเร้นลึกของมนุษย์เพศชาย หรือความรักร้อนแรงที่เขาแอบซ่อนไว้? รู้เพียงว่า มันจุดประกายบางอย่างขึ้นภายในหัวใจ ให้เขาได้ตระหนักถึงความรู้สึกลึกซึ้งซึ่งพยายามปฏิเสธมาตลอด
                    หากไม่นาน... จากจูบลงทัณฑ์อย่างโหดเหี้ยมทำร้ายผู้ต้องหาสาวเจ็บช้ำระบมไปทั้งกายและใจ ก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป กลายเป็นจูบอ่อนหวาน... ทำเอาเธอหอบสะอื้นสะท้านสะเทือนเหมือนจะขาดใจ ดุจดั่งดวงวิญญาณเธอถูกเขาสูบเอาไปหมดสิ้น
                    มือใหญ่ที่ปทุมถันก็พลันกลับกลายเป็นลูบไล้แผ่วเบาแสนจะทะนุถนอม สัมผัสหยอกเย้าแกมเว้าวอนอ่อนหวานซ่านลึกเข้าไปในหัวใจ รสเผ็ดร้อนจางหายกลายเป็นรสหวานพาให้พญามารสาวรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อกระพือปีกน้อยๆ นับร้อยนับพันกำลังสั่นโลกทั้งโลก เป็นความประทับใจที่พญามารสาวคงไม่มีวันลืมได้ชั่วชีวิต
                    จวบจนเนิ่นนานผ่านไป...
                    คล้ายสารวัตรหนุ่มจะตั้งสติได้ก่อน เป็นฝ่ายผละจากเธออย่างเก้อเขิน หากมีหรือที่เขาจะยอมเสียเชิงชายให้ผู้ต้องหาสาวจับความรู้สึกอันใดได้ รีบปั้นหน้าเครียดแล้วพูดเสียดสี...
                    “คนร้ายมักตายยาก แค่ ‘เป่าปาก’ สองสามทีก็ฟื้นแล้ว!”
                    พญามารสาวซึ่งยังหอบหายใจ ปรับอารมณ์ตามเขาแทบไม่ทัน ได้ยินที่เขาว่าแล้วก็รู้สึกทั้งโมโห ทั้งขบขัน... คนอะไรไม่โรแมนติกเอาเสียเลย จูบสาวเสร็จ ไม่บอกรักสักคำไม่ว่า ยังจะมีหน้ามาพูดจาเฮงซวยใส่ผู้หญิงอีก
                แล้วขอโทษนะ ทีตอนจูบเขาล่ะ จูบเสียดูดดื่มอยู่เป็นชาติ พอทำปากเขาระบมสมใจแล้วก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมบอกว่า แค่ ‘เป่าปากสองสามที’ หรือ อีตาบ้า!
                    สารวัตรหนุ่มเห็นนัยน์ตากลมโตที่กระพริบมองมา คล้ายกำลังบริภาษเขาอย่างไม่ปิดบังก็รู้สึกละอายจนต้องรีบตัดบทด้วยการเบี่ยงเบนประเด็น วกกลับสู่กระบวนการสอบสวนด้วยท่าทางของตำรวจข่มขู่ผู้ต้องหาอีกครั้ง...
                    “ตกลงเธอจะยอมรับสารภาพได้หรือยัง?”
                    “ได้ค่ะ! คุณตำรวจอยากให้ฉันสารภาพ ฉันสารภาพก็ได้” พญามารสาวก้มหน้านิ่งราวกับยอมรับผิดแล้ว หากความจริง เธอกำลังซ่อนยิ้ม!
                    “สารภาพมาสิ”
                    “ฉัน...”
                    เสียงที่เปล่งจากริมฝีปากเธอหอบกระเส่าเบาแสนเบาราวกับเสียงลมพัดผ่านแพรไหม ท่านสารวัตรจึงต้องก้มลงไปชิดใกล้และตั้งใจฟัง...
                    “เธอว่าอะไรนะ? พูดดังๆ ”
                    แล้วเขาก็ได้ยินคำสารภาพนั้น...
                    “ฉัน... รัก... คุณ…”
                    ไม่ใช่สารภาพผิด แต่เป็น ‘สารภาพรัก’!
                    ทันทีที่โสตประสาทของเขารับเอาคำสารภาพรักจากเธอเข้าไป หัวใจในอกก็แทบจะลืมเต้น นัยน์ตาเห็นห้องทรมานสีทะมึนรอบกายกลับกลายเป็นห้องหอสีชมพูหวานดั่งวิมานสวรรค์ไปในทันที
                    ไม่เคยเลยที่ครั้งไหนเขาเค้นคำสารภาพจากผู้ต้องหาออกมาได้ แล้วเกิดความรู้สึกดังเช่นที่เขากำลังรู้สึกอยู่ในขณะนี้ มันช่างเป็นคำสารภาพที่น่ารักเหลือเกิน
                    “อะไรนะ?... พูดใหม่ซิ” สารวัตรหนุ่มได้ยินชัดเจน แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงอยากฟังอีก อยากฟังคำว่ารักที่เปล่งจากปากเล็กๆ อีกครั้งให้มั่นใจ
                    หากปากเล็กๆ ของเด็กดื้อไม่ยอมพูดซ้ำ กลับประทับจูบแก้มเขาเบาๆ คล้ายจะส่งคำว่ารักซึมซาบผ่านผิวหนังเข้าไปทางกระแสเลือดถ่ายทอดความรู้สึกจากส่วนลึกของหัวใจเธอสู่หัวใจเขา
                    อา... เธอรักเขาจริงๆ หรือนี่?
                    เธอรักเขาจริงๆ น่ะสิ!
                    ...แอบรัก ตั้งแต่ครั้งที่เขาถือดอกไม้เจ้าสาวก้าวเท้ายาวๆ ตรงมายื่นให้เธอ ทั้งๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร ยิ่งได้เห็นเขาในเครื่องแบบมาดคมเข้ม เป็นตำรวจพระเอกในฝันผู้เคร่งครัดซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ได้ฟังเรื่องราววีรกรรมของเขาจากปากพี่ชายก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาน่ายกย่องก็ยิ่งหลงใหล
                    หากพญามารร้ายไม่อาจยอมรับ เธอจะรักผู้ชายง่ายๆ ได้อย่างไร หนำซ้ำยังเป็นผู้ชายที่ไม่สนใจเหลียวแลเธอเลยด้วย
                    ถึงกระนั้นเธอก็รู้สึกสนุกที่ได้แกล้งแหย่เสือโหดอย่างเขา ขอแค่ได้เห็นหน้าเขาเวลาโมโห ได้ยินเสียงโหดดุเธอ ก็มีความสุขแล้ว!
                    ครั้นพอได้รับจูบจากเขา สัมผัสเร่าร้อนอ่อนหวานนั้นบอกความนัยบางอย่างชัดแจ้ง... แม้เธอจะมีสัญชาติญาณของลูกผู้หญิงน้อยนิด ก็ยังรับรู้ถึงมันได้... แต่แล้ว เขากลับปฏิเสธหน้าด้านๆ!
                    มีหรือที่พญามารร้ายอย่างเธอจะยอมโดนเอาเปรียบง่ายๆ!
                    พอสารภาพรักเขาแล้วก็ทำตามหัวใจปรารถนา... จูบย้ำคำรักนั้นอีกครั้ง!
                    แม้ว่าแก้มเขาจะสากไปด้วยไรเครา กลิ่นหอมของออฟเตอร์เชฟก็เริ่มจางหายกลายเป็นเจือด้วยกลิ่นเหงื่อที่เกิดจากการวิ่งไล่จับเธอ หากมันกลับสร้างรสสัมผัสอันน่าพึงใจยิ่งนัก... โดยเฉพาะเมื่อจูบเสร็จ ก็ถึงเวลาเอาคืน!
                    “ล้อเล่นน่า! ฉันจะรักคุณได้ไง ในเมื่อฉันเป็นคนร้าย ก็แค่อยาก ‘เป่าหัว’ ตำรวจเท่านั้น!”
                    ในเมื่อเขาจูบปากเธอแล้วกลับบอกว่า แค่ ‘เป่าปาก’ ...เธอจูบแก้มเขา ก็แค่ ‘เป่าหัว’ เหมือนกันนี่นา
                    ฮ่าๆๆ... ดูหน้าเขาสิ เปลี่ยนสีได้ด้วย เดี๋ยวแดง เดี๋ยวเขียว เดี๋ยวดำ ตุ๊กแกชิดซ้ายไปเลย!
                    สารวัตรหนุ่มพูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าเขารู้สึกอย่างไร ยิ่งกว่าโดนใครเอาน้ำแข็งเราดรดใส่!
                    วินาทีที่ได้ยินเธอบอกรัก เหมือนมีดอกไม้ผุดขึ้นในหัวใจ ยามเธอจูบแก้มเขา ดอกไม้ก็เพิ่งจำนวนขึ้นพากันบานสะพรั่งไปทั้งทุ่ง แต่แล้ว... เจอเธอบอกว่า ‘ล้อเล่น’ เข้าไป ทุ่งดอกไม้ในหัวใจเขาก็โดนธรณีสูบหายไปในพริบตา!
                    บ้าที่สุด! ทำไมเขาต้องเจ็บลึกในอกเมื่อรู้ว่าถูกเธอหลอกให้หลงดีใจเก้อด้วย... แล้วมันน่าดีใจตรงไหนงั้นหรือ ก็แค่ผู้หญิงอะไรไม่รู้ ไม่มีความน่ารักเลยสักนิด ชอบทำอะไรพิศดาร สร้างปัญหามาให้ปวดหัวก็เท่านั้น!
                    น่าโมโหจริงๆ แค่ในช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากที่ตากลมโตคู่นี้ลืมขึ้นมาก็ปั่นหัวเขาจนสมองหมุนตาลาย เกิดความรู้สึกที่หลากหลาย เปลี่ยนไปมาไม่รู้กี่อารมณ์ราวกับคนบ้า ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธซึ่งได้ชื่อว่าเป็นยอดฝีมืออย่างเขาต้องมาโดนผู้ก่อการร้ายคดีกระจอกอย่างพญามารสาวกลั่นแกล้งหลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ... ซ้ำแล้วซ้ำเล่า... พอกันที เขาไม่ขอทนกับคนอย่างเธออีกต่อไปแล้ว!
                    “จะทำอะไรฉันคะ?!!” พญามารสาวร้องขึ้นอย่างขวัญเสีย เมื่อสารวัตรหนุ่มปรับเก้าอี้ลงนอนหงายปลายเท้ายกสูงอีกครั้ง หากก่อนที่ผ้าผืนเก่าจะถูกคลุมลงบนใบหน้า พญามารสาวก็รีบท้วง
                    “เดี๋ยวๆๆ... เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณตำรวจ ฉัน อ่า... ฉัน... ปวดฉี่”
                    มือใหญ่ชะงักไปนิด แต่... ไม่ เขาจะไม่หลงกลเธออีกต่อไปแล้ว
                    ทว่า แม้ผ้าจะคลุมลงบนใบหน้าแล้ว แต่ก็ยังมีเสียงโวยวายลอดออกมาไม่หยุด
                    “ฉันปวดฉี่จริงๆ นะคะ โอ๊ยๆ ปวดมากด้วย เมื่อกี้กินน้ำเข้าไปอย่างเยอะ ตอนนี้ปวดฉี่จนจะราดแล้ว... ถ้าท่านสารวัตรเทน้ำลงมาอีก ล่ะก็ มีหวัง ฉี่ราดคาเก้าอี้แน่ๆ ”
                    เขาไม่ได้กลัวเธอฉี่ราด แต่ที่เขากลัว...
                    “ถ้าฉันฉี่ราด ทั้งๆ ที่สวมกุญแจมืออย่างนี้ ใครจะทำความสะอาดเช็ดตรงนั้นให้ฉันล่ะคะ ท่านสารวัตรต้องรับผิดชอบด้วย”
                    แค่คิดว่าต้องเช็ดอะไรของเธอเท่านั้น สารวัตรหนุ่มก็ยอมสงบศึกชั่วคราว
                    “ก็ได้! อนุญาตแค่ให้เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวที่จำเป็นเท่านั้นนะ”
                    องค์อาตม์ไขกุญแจมือซ้ายให้เธอก่อน แต่ตอนจะปลดล๊อคมือขวา... หางตาของเขากลับเห็นรอยยิ้มแปลกๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าผู้ต้องหาแว๊บหนึ่ง เพียงแว๊บเดียวเท่านั้น ที่ทำให้เขาไม่ไว้ใจ
                    ขนาดเธอโดนเขาล๊อคไว้ติดกับเก้าอี้ ยังร้ายกาจขนาดไหน ปั่นหัวเขาได้สารพัด อย่ากระนั้นเลย เขาควรป้องกันไว้ก่อนดีกว่า อย่าประมาท
                    “อ๊า... ทำไมทำแบบนี้ล่ะคะ?” หญิงสาวโวยวาย เมื่อมือของเธอไม่ได้รับอิสรภาพอย่างที่คิด แม้ได้รับการปลดปล่อยออกจากเก้าอี้ทำฟัน หากพันธนาการสีเงินวาววับอันเดิมยังคงสวมคาอยู่ที่มือขวา
                    และที่ทำให้เธอหน้าถอดสี คือห่วงเงินอีกอันที่เชื่อมต่อกัน ถูกสับเปลี่ยนจากคล้องเก้าอี้ แทนที่ด้วยข้อมือใหญ่แข็งแรงของท่านสารวัตรองค์อาตม์ ชาติชูชัย!
                    ด้วยความจำเป็นหรือความตั้งใจก็สุดแล้วแต่ เขาจะต้องผูกพันเธอไว้ ไม่ปล่อยให้ห่างแม้แต่ก้าวเดียว!
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×