ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักต้องตรวจ คุณตำรวจต้องรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : ...1... ระเบิดกำเนิดรัก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.28K
      39
      8 เม.ย. 55






    1
    ระเบิดกำเนิดรัก
     
     
     
                บึ้ม!!!
                แสงสีแดงสว่างวาบขึ้นพร้อมเสียงระเบิดกึกก้องดังสนั่นหวั่นไหว สร้างความแตกตื่นตกใจแก่ประชาชนบนลานกว้างหน้าห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางมหานคร เมื่อทุกผู้คนต่างหนีตายกระจัดกระจายทุกทิศทุกทางจึงบังเกิดความโกลาหลครั้งมโหฬารเป็นบริเวณกว้างอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะทางเชื่อมระหว่างอาคารและสถานีรถไฟฟ้า
                     ทว่า... ความวุ่นวายยังมิทันจางหาย...
                    “กรี๊ดดด!!!”
                    เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้นราวกับซ้ำเติมเหตุการณ์ร้ายให้ยิ่งย่ำแย่ โดยเฉพาะเมื่อทุกสายตามองตามนิ้วชี้ของเธอ ที่พุ่งตรงไปยังกล่องใบหนึ่งซึ่งตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าประตูทางออกพอดี
                    เป็นกล่องรูปหัวใจสีแดงสด...!
                    มีตัวอักษรโรมันที่หน้ากล่อง  ‘L O V E   U’ ดูไปไม่น่ากลัวแม้แต่น้อย คล้ายดั่งของขวัญวันวาเลนไทน์ ถ้าไม่เพียงแต่มันมีสายไฟระโยงระยาง และนาฬิกาดิจิตอลที่ตัวเลขสีแดงกำลังนับถอยหลังทุกๆ วินาที!
                “ระ... ระเบิด!!!”
     
                3 ชั่วโมงต่อมา... ณ สถานีตำรวจ...
                    สารวัตรหนุ่มมองผู้ต้องหาสาวร่างบางอย่างหัวเสีย ตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยพบเจอเหตุการณ์ ‘ก่อการร้าย’ อะไรแบบนี้มาก่อนเลย ตากลมโตคู่สวยจ้องเขาราวกับไม่รู้สึกสำนึกผิดใดๆ แม้แต่น้อย รอยยิ้มบนริมฝีปากเล็กๆ หากเอิบอิ่มดูจิ้มลิ้มนั่นอีกเล่า มันทำให้เขาแทบจะสะกดข่มอารมณ์ไม่อยู่ ทั้งๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน!
                    ที่แน่ๆ คือโมโห แต่มีอะไรมากกว่านั้น เขาอธิบายไม่ได้... รู้แต่ว่า คันไม้คันมือ อยากลงโทษผู้ต้องหารายนี้เสียเองเหลือเกิน!
                    “กรุณาอ่านก่อนพิมพ์ลายนิ้วมือ” เขาพยายามปั้นน้ำเสียงเย็นชาบอกเธอ ขณะยื่นเอกสารส่งให้ รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันใด เมื่อนัยน์ตากลมแป๋วแหววคู่นั้นละจากใบหน้าเขาก้มลงมองตัวหนังสือ ทว่า... ไม่นาน หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมาประท้วง
                    “อะไรกันคะ …ตั้ง 7 ข้อหา!” ว่าแล้วเธอก็ก้มลงอ่านเอกสารในมือเสียงดังฟังชัด...
                    “หนึ่ง...สร้างความแตกตื่นแก่ประชาชน ทำลายความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ สอง...ติดสินบนเจ้าหน้าที่ สาม...มีของเถื่อนไว้ในครอบครอง สี่...ผลิตสื่อลามก ห้า...แอบอ้างเป็นตำรวจ หก…หมิ่นประมาท และสุดท้าย เจ็ด...ทำร้ายร่างกาย!”
                    บัดนี้รอยยิ้มจากหายไปจากปากน้อยๆ ที่ยื่นยาวออกมากจากใบหน้าใสแบบเด็กขี้งอน กลับเป็นริมฝีปากหนาได้รูปยิ้มแทน... เป็นยิ้มที่มุมปากข้างหนึ่งสูงกว่าอีกข้าง
                    “หรือเธอรู้สึกว่า เจ็ดข้อหายังไม่เพียงพอ อ้อ... โทษที ฉันลืมไป ยังมีอีกข้อ ข้อแปด...อนาจาร!!!” สารวัตรหนุ่มเพิ่มข้อหาให้หญิงสาวด้วยความคับแค้น แต่แทนที่เธอจะโวยวาย กลับตอบเขาด้วยเสียงหัวเราะ... คิกคิก!
                    “อนาจาร? ...แบบนี้ คนอื่นเขาก็รู้หมดคะสิว่า คุณตำรวจโดน ‘จับ’ ‘กุม’ เสียแล้ว ...ไม่อายแย่หรือคะ? เสียชื่อหมด!”
                    ปากเล็กๆ ยื่นๆ คลี่ออกกลายเป็นยิ้มกว้างเห็นฟันเขี้ยวเกน้อยๆ ในขณะที่ยิ้มบนใบหน้าคร้ามคมปลิวหายไปไหนไม่รู้
                    แล้วสายตาพราวระยับของผู้ต้องหาสาวก็เลื่อนต่ำ ละจากใบหน้าเขาเลื่อนลงมองแผงอกกว้างดูแข็งแกร่งในเครื่องแบบสีกากี มาหยุดสายตาตรงที่ป้ายชื่อ...
                องค์อาตม์ ชาติชูชัย
                    คนนี้แหละ ใช่เลย!... ‘พระเอกตำรวจไทยในฝัน’ แบบที่เธอต้องการ!              
                   
                    เธอชื่อ ‘พญา เวชวิวัฒน์วงศ์’ ลูกสาวคนเล็กของนายแพทย์ผู้ถือหุ้นใหญ่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่สุดแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง
                    พญาเกิดในตระกูลหมอแท้ๆ ทั้งพ่อแม่และบรรดาญาติๆ ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ลงมา ต่างก็เป็นหมอกันเกือบหมดทั้งบ้าน รวมทั้งพี่ชายคนเดียวซึ่งอายุมากกว่าเธอร่วมสิบปีก็เป็นศัลยแพทย์โรคหัวใจ ทั้งๆ ที่พ่อแม่ไม่อยากให้ลูกๆ เป็นหมอเลย เพราะเป็นอาชีพที่ต้องทำงานหนักเกือบทั้งชีวิต ถึงกับเอาอักษรย่อ ‘น.พ.’ และ ‘พ.ญ.’ มาตั้งชื่อลูกชายและลูกสาวเพื่อเป็นการแก้เคล็ด หวังว่าลูกๆ มีอักษรทั้งสองตัวนี้เป็นชื่อแล้ว จะไม่ต้องไขว่คว้าหาเอาตัวอักษรสองตัวนี้มาเป็นคำขึ้นต้นอีก
                    ชื่อ ‘พญา’ ของเธอมาจาก พ.ญ. ซึ่งย่อมาจากคำว่าแพทย์หญิง แต่ตามกฎหมาย ชื่อของคนไทยต้องมีความหมาย แม่จึงเติมสระอาให้ กลายเป็น ‘พญา’ แต่ทุกๆ คนในครอบครัวร่วมหัวกันเติมอีกคำให้เธอ กลายเป็น ‘พญามาร’ ...ฟังดูแสนจะโหดร้าย ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเธอ (คิดว่าตัวเอง) เป็นหญิงสาวน่ารักสดใสคนหนึ่งเท่านั้นเอง
                    พญาไม่ได้เรียนหมอ เพราะสาวสวยสุดแสนบอบบางอย่างเธอขี้กลัว... กลัวทั้งผี กลัวทั้งเลือด แถมยังกลัวเข็มเป็นที่สุด เธอจึงไม่มีโอกาสเป็น พ.ญ. พญา ได้เป็นแค่ ‘นางสาวพญา’ ซึ่ง ‘น.พ.นพ’ พี่ชายใจร้ายชอบแซวเธอเสมอว่า ถ้าแต่งงานเมื่อไรล่ะก็ จะได้เลื่อนขั้นเป็น ‘นางพญา’ แถมยังบอกอีกว่า ผู้ชายคนไหนเด็ดดึงความ ‘สาว’ ของเธอออกไป เขาคนนั้นคือผู้ชายโชคร้ายที่สุดในจักรวาล!
                    ด้วยความที่มีพี่ชายเป็นนายแพทย์ผู้สืบทอดตำแหน่งทายาทโรงพยาบาล คนเป็นน้องสาวก็สามารถเลือกเรียนได้ตามใจปรารถนา เด็กหญิงหัวศิลปินอย่างเธอใฝ่ฝันอยากเป็นผู้กำกับหนังมาตั้งแต่เด็ก จึงเรียนจบด้านภาพยนตร์ และดั้นด้นไปฝึกงานไกลถึงฮอลีวูด
                    หลังจากโดนผู้กำกับระดับโลกไล่ออกมาจากกองถ่ายเพราะ ทำฉากมูลค่ากว่าสิบล้านเหรียญสหรัฐฯ ในสตูดิโอพังจากแรงระเบิดที่สมจริงสมจังมากไปหน่อย เธอจึงต้องเก็บข้าวของระเห็จกลับเมืองไทย
                    และเนื่องจากชื่อเสียงอันโด่งดังระเบิดเถิดเทิงของนางสาวพญามารร้าย ไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ทำไมเธอสมัครงานที่ไหน จึงไม่มีใครรับสักคน
                    แม้ว่าบิดาของเธอจะสนิทสนมกับท่านนุ้ย...ผู้กำกับอาวุโสชื่อดังแห่งสยามประเทศเพียงใดก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถฝากฝังระเบิดลูกนี้ไว้ในมือสหายได้ ใครเล่าจะยอมให้กองถ่ายตัวเองวินาศสันตะโร หลังจากซับเหงื่อจนผ้าเช็ดหน้าชุ่มไปหมดแล้ว ท่านก็อ้อมแอ้มปฏิเสธ...
                    “ไม่ไหวกระมังครับ เกรงว่าเดี๋ยวประวัติศาสตร์ชาติไทยถึงคราวต้องเปลี่ยนแปลงย้อนหลัง แทนที่ทัพพม่าเผากรุงศรีฯ จะกลายเป็นพม่าส่งผู้ก่อการร้ายมาวางระเบิดแทน”
                    เมื่อเห็นเพื่อนเก่าแก่ทำหน้าจ๋อยที่ไม่มีใครรับลูกสาวเข้าทำงาน ท่านก็รู้สึกสงสาร อีกทั้งยังเกรงใจนายแพทย์อยู่หลายส่วนเพราะฝากสุขภาพไว้กับโรงพยาบาลของเพื่อนรัก ท่านจึงยิ้มแห้งๆ บอกว่า...
                    “รอไว้โอกาสหน้า อีกสัก 5-6 ปี ผมมีโปรเจ็คทำหนังประวัติศาสตร์น้ำท่วมกรุงศรีฯ ก่อน ค่อยชวนพญามาร เอ้ย... หนูพญามาร่วมกันสร้างก็แล้วกันนะครับ”
     
                    คนอย่างนางสาวพญาหรือจะยอมตกงาน ในเมื่อไม่มีใครจ้าง เธอก็ทุบกระปุกทุ่มทุนเปิดบริษัทสร้างหนังเอง!
                    เนื่องจากงบประมาณมีจำกัด นอกจากอุปโลกตัวเองเป็นโปรดิวเซอร์แล้ว เธอยังควบตำแหน่งทั้งผู้กำกับ เขียนบท และเป็นตากล้องเอง แถมยังเกณฑ์เพื่อนฝูงมาใช้งาน ทั้งจัดฉาก... แสง... เสียง... สารพัด
                    แม้แต่นางเอก... ก็ยังเป็นเพื่อนซี้สมัยมัธยมของเธอ... ‘ท๊อฟฟี่’ กับ ‘แคนดี้’ แฝดสาวดาวโรงเรียนซึ่งทำงานประจำอยู่ในบริษัท สลับผลัดเปลี่ยนเวรกันมารับบทนางเอกหารายได้พิเศษ แม้ว่าจะไม่เคยมีประสบการณ์ผ่านกล้องมาก่อน แต่ก็นับว่ามีแวว อีกทั้งยังสั่งได้ ที่สำคัญ... ค่าตัวถูกสุดๆ เพราะสองสาวอยากเข้าวงการเป็นทุนอยู่แล้ว เมื่อพญาหยิบยื่นโอกาสให้ ก็หวังว่าเธอจะดันให้พวกหล่อนได้เป็นดาราสมใจ
                    เคยได้ยินมาว่า นักแสดงสาวบางคนต้องยอมลงทุนเอาตัวเข้าแลกกับงาน มีการคัดเลือกดารากันบนเตียง แต่มาเป็นนางเอกในสังกัดนางพญามารร้าย ไม่ต้องเปลืองตัวขนาดนั้น มีก็แค่... นิดๆ หน่อยๆ เวลามีปัญหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
                    เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย กองถ่ายของเธอจำเป็นต้องเร่ร่อนไปเรื่อย เพราะไม่มีทุนสร้างฉากอลังการในสตูดิโอ จึงใช้สถานที่สาธารณะถ่ายทำหนัง ราวกับจะเอาให้สุดคุ้มกับค่าภาษีที่พ่อแม่พี่น้องเธอจ่ายเข้าหลวง แต่ที่ร้ายคือ หนังที่เธอสร้างเป็นแนวแอ๊คชั่นบู้ล้างผลาญ!
                    ความจริงปณิธานดี เห็นฝรั่งทำหนังพระเอกตำรวจฮีโร่ปราบผู้ร้าย เธอจึงอยากทำบ้าง สร้างพระเอกตำรวจไทยใจซื่อมือสะอาดที่ฉลาดและเก่งกาจมาดเท่ห์ แต่กลับกลายเป็นว่า นาง(สาว)พญาออกอาละวาดทีไร เป็นต้องร้อนถึงตำรวจท้องที่ทุกคราไป
                    หากเธอรู้จักใช้ธนบัตรเป็น ‘ใบเบิกทาง’ อีกทั้งยังช่างเจรจา จากที่เคยมีปัญหา ก็กลับกลายมาเป็นมิตรภาพอันดี เรียกได้ว่า เธอเป็นเพื่อนกับคุณจ่าหลายท้องที่ กองถ่ายหนังจึงมีกองกำลังเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้ ไปถึงไหนก็ได้รับการต้อนรับ
                    ตอนแรกๆ พญามือใหม่ใจป้ำ แจกเป็นหมื่น ต่อมาลดเหลือแค่พัน แต่หลังๆ ให้หลักร้อย แล้วสร้างมูลค่าเพิ่มเสริมความพึงพอใจแก่คุณจ่า ด้วยการเรียกดาราสาวในสังกัดมาให้ ‘กำลังใจ’ ด้วยการหอมแก้มสักฟอดสองฟอด พี่แกก็ยิ้มหน้าชื่นระรื่นไปทั้งวัน กุลีกุจอช่วยกั้นถนน โบกรถโบกรา ทั้งที่หน้ามีรอยลิปติกประทับติดไว้ ขยันขันแข็งยิ่งกว่ารับเงินเสียอีก ทำให้พญามารร้ายได้ใจ เชื่อว่าตำรวจไทยซื้อได้ง่ายๆ หมดทุกคน จนรู้สึกเสียศรัทธา อยากแก้บทภาพยนตร์ที่เธอเขียนเสียใหม่ ไล่พระเอกตำรวจออกจากตำแหน่งไปเป็นตัวประกอบดีกว่า ยิ่งเธอหาใครมาแสดงนำเป็นพระเอกไม่ได้เสียด้วย ทุกวันนี้ ถ่ายเฉพาะฉากที่ไม่มีพระเอกออกโรงไปพลางๆ ก่อน แล้วค่อยมาตัดต่อทีหลัง ยังไม่รู้เลยว่าจะไปหาเขาคนนั้นได้ที่ไหน
                    แต่แล้ววันหนึ่ง เธอก็ได้พบเจอ... พระเอกตำรวจไทยในฝันคนนั้น!
                    และเขา... ก็ทำให้พญามารร้ายอย่างเธอรู้ว่า ตำรวจไม่ได้ ‘ง่าย’ อย่างที่คิด
                    นอกจากไม่ง่ายแล้ว มือปราบอย่างเขายังสามารถกำราบพญามารร้ายอย่างเธอได้อีกด้วย!!!
     
                อยากถ่ายทำ ‘ฉากโกลาหล’ ประชาชนแตกตื่นตกใจเมื่อเห็นระเบิด แต่ไม่มีงบจ่ายค่าตัวประกอบมากมายขนาดนั้น ควรทำอย่างไรดีหนอ?
                    พญาคิดไปคิดมา ก็คิดได้วิธีหนึ่ง...
                    เธอสั่งทีมงานจัดฉากแอบซ่อนอุปกรณ์เครื่องเสียงและประทัดไว้มุมหนึ่งใกล้ลานหน้าห้างดังกลางเมืองที่มีผู้คนมากที่สุด และเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม ก็...               
                    บึ้ม!!!
                    แสงเสียง ‘ระเบิดเก๊’ ทำให้พญามารร้ายได้ภาพความโกลาหลอย่างที่ใจเธอต้องการ เท่านั้นยังไม่พอ...
                    เธอยังเป็นต้นเสียงกรีดร้อง ชี้นิ้วไปที่กล่องรูปหัวใจสีแดงสดใบนั้น!
                    ‘ระเบิด!’ …อุปาทานหมู่ของผู้คนที่ได้ยินเสียงระเบิดกึกก้องมาก่อนหน้าก็ย่อมพากันเชื่อตามที่เธอตะโกนว่า ‘มัน’ คือ ‘ระเบิด’ จริงๆ!
                    หากสิ่งที่เธอคาดคิดไม่ถึงคือ มีพลเมืองดีโทรแจ้งตำรวจ ทว่า... แทนที่จะเป็นทีมคุณจ่าคนเดิมๆ ที่เธอรู้จักมักจี่เป็นอย่างดีมา กลับกลายเป็นสารวัตรหนุ่มร่างสูงใหญ่มาดเข้ม ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธและวัตถุระเบิด พร้อมทีมงานซึ่งเธอไม่เคยเห็นหน้าอีก 4 นาย
                    “กันประชาชนออกไปให้หมด ...เคลียร์พื้นที่อย่างน้อย 100 เมตรโดยรัศมี ห้ามมีสิ่งมีชีวิตใดๆ โดยเด็ดขาด!” เขาสั่งลูกน้องคนสนิทเสียงห้าว แล้วก้าวยาวๆ ตรงไปยังกล่องเจ้าปัญหาอย่างกล้าตาย
                    พญามารร้ายเกือบจะเผลอตัวผิวปากออกมา... ‘ว้าว... คนอะไรเท่ห์จังเลย’
                    แต่เมื่อนึกอะไรขึ้น... ตายแน่ๆ! ระเบิดเก๊กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว ทีนี้จะทำอย่างไรดี?
                    มองซ้ายขวาหาทางหนี ก็ปรากฎว่า ...โล่ง... ประชาชนคนอื่นถูกกันออกไปจนหมด แม้แต่ทีมงานของเธอก็ไม่เหลือแม้แต่ครึ่งคน มีแต่เธอเท่านั้น ที่มัวตั้งกล้องแอบถ่ายอยู่ในพุ่มไม้ใกล้ๆ กับกล่องหัวใจ
                    ลานกว้างแห่งนี้ แม้จะมีพุ่มไม้ประดับบ้าง แต่ก็จัดเรียงแบบกระจายห่างๆ กัน ถ้าเธอย่องจากพุ่มนี้ไปนั้น ต้องโดนจับได้แน่นอน
                    มิสู้ซ่อนตัวอยู่นิ่งๆ รอดูเหตุการณ์ก่อนดีกว่า... พญาคิดแล้วแอบยิ้มอยู่คนเดียว จะได้เห็นอะไรสนุกๆ ...แถมเก็บภาพ ‘พระเอกตำรวจกู้ระเบิดหัวใจ’ ด้วย ...อิอิ
                    มองผ่านเลนซ์กล้องจากมุมที่เธอซ่อนตัวอยู่นี้ สามารถซูมเข้าไปมองเห็นใบหน้าเขาดูเรียบเฉยไร้อารมณ์ นัยน์ตาคมคู่สวยจ้องมองกล่องนิ่งอย่างใจเย็น คิ้วเข้มพาดเฉียงขมวดนิดๆ จมูกโด่งเป็นสันสูดหายใจลึกยาว ริมฝีปากหนาได้รูปนิ่งสนิท ดูมีสติพร้อมรับสถานการณ์เลวร้ายได้ตลอดเวลา
                    อา... เขาคนนี้ ใช่เลย พระเอกที่เธอตามหามานาน แต่เอ... ดูๆ ไป ชักรู้สึกว่าเขาดูคุ้นหน้าอย่างไรพิกล หรือจะเคยออกสื่อมาก่อน? หากตอนหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าเคยเห็นเขาจากที่ไหน
                    แม้จะติดใจ แต่พญาไม่ยอมเสียเวลาเค้นสมองหาคำตอบในขณะนี้ เธอมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ
                    จากโฟกัสที่ใบหน้า เธอเคลื่อนมุมกล้องมองต่ำลงมา... เครื่องแบบที่ค่อนข้างกระชับ ทำให้สามารถเห็นส่วนสัดของเขาได้อย่างชัดเจน... ไหล่กว้าง... อกแกร่ง... ท้องเรียบ... ชวนให้จินตนาการถึงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อภายในเสื้อสีกากีเรียบตึงตัวนั้น หากพอเลยใต้เข็มขัดลงมา พญามารสาวถึงกับต้องกลั้นหายใจเพื่อมิให้เลือดกำเดาไหล เอ้ย... มิให้มือไม้สั่น
                    น่าเสียดายนัก ยังไม่ทันได้จับภาพช่วงล่างให้ชัดๆ ดั่งใจ...เอ่อ เธอหมายถึงขาเรียวยาวแข็งแรงคู่นั้น เขาก็ดันนั่งลงเสียก่อน หากท่านั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่ง อีกข้างชันขึ้นรับข้อศอกในขณะที่ร่างสูงก้มตัวลงจ้องมองกล่องหัวใจใกล้ๆ อย่างพินิจพิเคราะห์นั้นช่างดูมีเสน่ห์ตามธรรมชาติ ราวกับผู้ชายคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นพระเอกผู้พิทักษ์สันติราษฏร์!
                    ไม่ใช่แต่เพียง ‘หน้าตาท่าทางให้’ เท่านั้น ความสามารถของเขามิใช่เบา ดูเหมือนว่าสายตาแหลมคมมองเพียงปราดเดียว ก็จับได้แล้วว่า ‘ของเก๊’ ! มือใหญ่คว้ากล่องปริศนาขึ้นมาอย่างมั่นใจ ดึงสายไฟออกด้วยความรวดเร็ว แล้วเปิดฝาออก
                    ทันใดนั้นเอง...
                    ดึ๋ง!
                    ตุ๊กตาผ้ารูปริมฝีปากสีแดงสดอันโตที่ติดสปริงไว้ดีดตัวเด้งดึ๋งพุ่งขึ้นมาจากกล่อง แต่ด้วยความว่องไวที่เหนือชั้นกว่า สารวัตรหนุ่มสามารถหลบหลีก ‘จูบยักษ์’ นั้นได้อย่างสวยงาม หากที่เขานึกไม่ถึง ยังมีตุ๊กตาผ้าอีกอันเด้งดึ๋งตามมาด้วยองศาเดียวกับทิศทางที่เขาเอียงหลบอยู่พอดี คราวนี้เป็นรูป ‘คุณตีน’ แม้ว่าถ้าเขาจะสามารถหลบเลี่ยงการถูกโจมตีครั้งที่สองนี้ได้โดยการโยนกล่องในมือทิ้งไป แต่ด้วยความที่เขาไม่ต้องการให้หลักฐานชิ้นสำคัญเสียหาย อีกทั้งสายตาที่ไวยิ่งกว่าก็เห็นแล้วว่า สิ่งที่เด้งออกมาเป็นเพียงตุ๊กตาผ้า จึงปล่อยให้มันประทับใส่ใบหน้าเขาเต็มๆ!
                    ภาพสารวัตรหนุ่มมาดเข้ม ‘หลบจูบ รับถีบ’ ทำให้เธอเผลอปล่อยก๊ากออกมาอย่างลืมตัว!
                    แล้วความซวยก็มาเยือน พร้อมๆ กับสายตาคมเหล่มองมาทางพุ่มไม้ทันทีที่ได้ยินเสียงหัวเราะสดใส...
                    ไวกว่าความคิดหาทางหนีเอาตัวรอดของพญามารสาว เขาก้าวพรวดเดียว แหวกพุ่มไม้ แล้วคว้าร่างบางที่ซ่อนตัวอยู่ออกมาอย่างรวดเร็ว โดยที่เธอยังมองไม่ทันด้วยซ้ำว่าเขาทำได้อย่างไร
                    “ผลงานของเธอสินะ?!”  
                    ไม่ไม่ไม่!!!
                    นัยน์ตาคมดุดันคู่นั้นสะท้อนภาพผู้ต้องหาสาวที่ถูกเขาจับกุมกำลังส่ายหน้าดิกๆ ปฏิเสธข้อกล่าวหา เมื่อนัยน์ตาคู่เดิมหรี่ลง ภาพสะท้อนก็เหมือนเธอกำลังถูกเขาบีบจนแทบบี้แบนคาตา!
                    แล้ววินาทีนั้น ภาพความทรงจำก็ผุดขึ้นมา...
                    อา... พญาจำได้แล้วว่า เขาคือใคร!
                    ที่เลวร้ายกว่านั้น... ดูเหมือนเขาจะจำเธอได้เช่นกัน
                    เพราะเขาไม่มีวันลืมเลือนผู้หญิงคนแรกที่มอบดอกไม้ให้เขา... ด้วยการ ‘ปาใส่หัว’ แน่!
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×