ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yuri] 3 เรื่อง 3 รส +1 <<< ???

    ลำดับตอนที่ #1 : เรื่องที่ 1: คือรักใช่ไหม...ที่ใจบอก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 356
      3
      7 ม.ค. 55

    คือรักใช่ไหม...ที่ใจบอก
     
    ความรัก ความรัก ความรัก มันคืออะไร
    เกวริน นักธุรกิจสาวพราวสเน่ห์ ที่เล่นบทรักกับทุกผู้ได้อย่างช่ำชอง แต่ไม่เคยมีความรู้สึกจากหัวใจให้กับผู้ใด กับอีกหนึ่งสาวที่ไร้ซึ่งการดึงดูดอย่าง กัณหทัย หญิงสาวผู้มีหน้าตาบ้านๆกับนิสัยติดจะส่วนตัว
    หากเมื่อทั้งสองสาวผู้ไม่เคยรู้จัก คำว่ารัก ได้พานมาพบกัน....
     

    ตอนที่ 1

    ช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ณ สถานบันเทิงแห่งหนึ่งใจกลางกรุง เสียงดนตรีที่ดังกลบสถานที่อีกทั้งเสียงจอแจทั้งหลายของผู้คนที่มารวมกันอยู่ ณ สถานแห่งนี้ ไม่ได้ละความสนใจของหญิงสาวสองคนที่กำลังดื่มด่ำและแลกจุมพิตกันอยู่ในมุมหนึ่งเลย ร่างขาวในชุดเดรสสั้นสีน้ำเงินเข้มที่เว้าไปจนถึงกลางหลังค่อยๆละริมฝีปากของตนออกเล็กน้อยจากคนตรงหน้าที่เธอกำลังโอบกระชับรอบลำคอไว้ พร้อมกับแววตาหยาดเยิ้มที่ส่งให้ร่างสูงไม่ขาดสาย นิ้วเรียวเกลี่ยใบหน้านวลขาวของคนตรงหน้าเล่นไปมา แล้วตามด้วยการขบเม้มริมฝีปากอิ่มนั้นเบาๆ ก่อนจะเอ่ยกระซิบด้วยเสียงเล็กๆที่ยั่วยวน
     
    “จูบเก่งจังนะคะ ริน คุณเมื่อยหรือเปล่าคะ” ร่างเล็กใช้นิ้วข้างหนึ่งแตะริมฝีปากของคนตรงหน้าเล่นส่วนแขนอีกข้างยังคงโอบกระชับรอบคอของร่างสูงอยู่ไม่คลาย แม้ปากจะเอ่ยถามถึงอาการของคนตรงหน้าที่เธอนั่งอยู่บนตักของเขามาเป็นเวลานาน หากแต่ก็ไม่คิดที่จะหลบหลีกหรือย้ายไปนั่งยังบริเวณอื่น ซึ่งร่างสูงเองก็ไม่ได้ถือสาอะไรกลับยิ้มหวานตอบมาเสียอีก พร้อมๆกับกุมฝ่ามือเล็กซนๆนั้นไว้แล้วจูบลงเบาๆ
     
    “มุกนั่งตักรินมาจวนชั่วโมงแล้วนะ มาถามอะไรป่านนี้คะเนี่ย” ร่างสูงในชุดสูทเทาที่เหมือนเพิ่งมาจากสถานที่ทำงานนั้นยกมือเรียวของตนขึ้นเชยคางของร่างเล็กตรงหน้าไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว ทั้งมืออีกข้างก็ยังซุกซนไม่คลาย ที่เปลี่ยนจากลูบแผ่นหลังนวลขาวมาเป็นขาอ่อนใต้กระโปรงของร่างบางเสียแล้ว พร้อมกับซุกใบหน้าของตนเพื่อสูดกลิ่นหอมตามซอกคอขาวนั่นไปด้วย
     
    “อ๊ะ อย่าสิคะริน มันจั๊กกะจี้...น...นะ” แม้ปากจะเอ่ยออกมาแบบนั้นเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ตั้งแต่มานั่งอยู่ ณ ที่นี้ แต่ร่างกายของมุกมณีก็ตอบสนองต่อสัมผัสที่คนตรงหน้ามอบให้เสียทุกครั้ง....
     
    อีกมุมหนึ่งของสถานที่เดียวกัน ร่างสูงในชุดพนักงานเสริฟ แม้มือจะทำหน้าที่เก็บกวาดโต๊ะ หากแต่สายตาภายใต้กรอบแว่นหนาสีดำก็ได้จับจ้องแต่ภาพของหญิงสาวสองคนที่แม้อยู่ในมุมมืดบวกกับแสงไฟสลัวของสถานที่ หากแต่จุดที่เธอยืนอยู่นี่ก็เห็นภาพได้ค่อนข้างชัดเลยทีเดียว หญิงสาวในชุดสูทนั้นเธอเห็นหน้าค่อนข้างบ่อยตั้งแต่ที่เธอเริ่มมาเป็นพนักงานของที่นี่ได้ร่วมสองอาทิต ก็จะเห็นเธอคนนี้อยู่ประมาณห้าหกครั้ง หากแต่ผู้ที่มากับเธอนั้นไม่มีซ้ำหน้ากันเลยสักคนเดียว
     
    “สุดยอดเลยว่ะ วานซืนนู้นควงทอม มาวันนี้เปลี่ยนเป็นดี้ เอ๊ะหรือเลสวะ แถมยังเด็กอยู่เลย แกว่าเด็กคนนั้นจะเสร็จไหมวะ กัณ” ร่างเล็กในชุดพนักงานแบบเดียวกันที่อยู่ๆก็เข้ามาเท้าไหล่ของกัณหทัยเอ่ยขึ้นพร้อมโบ้ยหน้าไปทางหญิงสาวสองคนที่เล่นบทเลิฟซีนกันอยู่แบบไม่อายใคร ถึงปากจะบอกว่าอีกคนเป็นเด็กแต่ถ้าให้เทียบอายุจริงๆก็คงรุ่นๆพวกเธอเนี่ยแหละ ร่างสูงส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนหันมามองเพื่อนร่างเล็กของเธอพร้อมส่งยิ้มบางๆให้และเดินไปอีกทางพร้อมกับถาดที่วางแก้วจานที่ลูกค้ารายก่อนทิ้งไว้
     
    “โหย ไรว้า พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย เป็นงี้ทุกทีเลย คนไรเนี่ย” จันทมาเกาหัวยิ๊กๆด้วยรู้สึกเหมือนตัวเองต้องพูดอยู่คนเดียวทุกครั้งเวลาที่เธอจะคุยอะไรกับเพื่อนสนิทของเธอคนนี้อย่าง กัณหทัย แต่ก็ช่างมันเถอะ เพราะตอนนี้เธอกำลังสนใจแม่เสือสาวที่กำลังจะขย้ำลูกแกะอยู่นั่นต่างหาก แต่พอเธอหันกลับไปอีกที
     
    “อ้าว เฮ้ย หายไปไหนแล้วเนี่ย โธ่พลาดเลยฉัน” ร่างเล็กกล่าวขึ้นอย่างเซ็งๆเมื่อหันกลับไปทางเดิมแล้วไม่พบทั้งแม่เสือและลูกแกะ แต่สายตาก็ยังเหลือบไปทางประตูหน้าก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเป้าหมายกำลังเดินควงกันออกไป จันทมาหันซ้ายขวาอยู่สองทีก่อนจะเดินเข้าไปยังโต๊ะตัวนั้นเพื่อเก็บกวาดสิ่งของด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า เพราะอีกเหตุผลที่เธอคอยเฝ้าลูกค้าโต๊ะนี้น่ะ คือ...
     
    “ราบปากอีกแล้ววุ้ย ฉันเนี่ย ว่าแต่แม่เสือตาคมนี่ก็กระเป๋าหนักจริงจริ๊ง” จันทมาก้มหยิบแบ้งค์พันหนึ่งใบที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาด้วยรอยยิ้มร่า เพราะอย่างน้อยเธอก็ได้ประมาณสองถึงสามร้อยล่ะจากเงินทอนที่เจ้าของไม่คิดจะเอา ก่อนจะก้มลงไปเก็บขวดวายหนึ่งขวดที่ยังมีของเหลวอยู่ประมาณครึ่งค่อนกับแก้วเปล่าอีกสองใบ และก่อนที่เธอจะเดินออกไปเมื่อเก็บกวาดเสร็จหูของเธอก็พลันได้ยินเสียงจากชายกลุ่มหนึ่งที่เดินลุกออกจากโต๊ะถัดไปนี่
     
    “ผู้หญิงทั้งคู่เสียดายจริงๆว่ะ แต่ช่างเถอะเพราะอีกเดี๋ยวก็คงอยากเปลี่ยนมาลองผู้ชายมั่ง พวกมึงจะเอาใครวะ” ชายคนหนึ่งในกลุ่มสามคนกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม หากแต่เพื่อนของเขาคนหนึ่งก็หันกลับมาตอบอย่างรู้ทัน
     
    “ทำมาเป็นพูด มึงกะควบหมดอยู่แล้วนี่ รีบเถอะเดี๋ยวตามไม่ทัน” พวกเขาพูดพร้อมกับวิ่งออกไปทางประตูหน้า ถ้าไม่โง่ก็ต้องรู้แน่ว่าพวกเขากำลังจะทำอะไร และใครจะเป็นเหยื่อ จันทมาตาโตทันทีเมื่อรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ว่าอยากจะเข้าไปยุ่งแต่ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ก็ผู้หญิงเหมือนกันนี่นะ เธอหันซ้ายหันขวาอย่างลุกลี้ลุกลนก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อสายตาไปเจอะเข้ากับร่างสูงของเพื่อนสาวที่กำลังบริการเครื่องดื่มให้กับลูกค้าโต๊ะหนึ่งอยู่
     
    “เฮ้ย กัณ มานี่เร็ว เอ่อขอโทษนะคะ” จันทมาวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไปคว้าข้อมือของเพื่อนสาวพร้อมกับลากไปด้วยกัน ก่อนจะหันมาขอโทษลูกค้าที่นั่งงงกันอยู่ไม่ต่างจากกัณหทัยที่คิ้วขมวดกันจะเป็นปมแล้ว
     
    “จะรีบไปไหนจัน” จันทมายิ้มออกมาเล็กๆ ก็นานๆทีเพื่อนของเธอคนนี้จะง้างปากพูดออกมาสักครั้ง อายุก็ปาเข้าไปสิบเก้าละ หน้าตาก็งั้นๆ ตัวก็สูงโย่งผอมแห้งเหมือนไม้เสียบหมูปิ้ง ดีนะที่ไว้ผมยาวไม่งั้นคงดูเหมือนทอมร่างแห้งพิลึก แต่จะว่าไปเพื่อนของเธอเป็นประเภทไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะดูจะไม่เคยสนใจใคร ไม่ว่าหญิงหรือชาย แต่จะว่าไปก็สะท้อนตัวเองเหมือนกันก็เธอน่ะไม่ได้ต่างอะไรกับกัณหทัยเลยน่ะสิ แถมยังเตี้ยซะด้วย ผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่เห็นเคยมีมาสนใจเธอสักคน คิดแล้วก็อยากร้องไห้ แต่ก็ช่างมันก่อนเถอะ เอาเรื่องตรงหน้าก่อนดีกว่า  
     
    “แม่เสือกับลูกแกะกำลังมีภัย” จันทมาเอ่ยบอกพร้อมกับพาร่างสูงออกมานอกประตูร้าน ณ ลานจอดรถ ก่อนที่เธอจะถูกร่างเล็กฉุดให้นั่งลงหลบอยู่หลังรถเก๋งคันหนึ่ง แล้วความสงสัยก็ถูกคลายลงกับภาพตรงหน้าที่เห็น บริเวณรถยุโรปคันงามที่จอดถัดไปสองบล็อกลูกค้าสาวสองคนในร้านเมื่อครู่กำลังถูกล้อมด้วยชายฉกรรจ์สามคนอยู่ อันที่จริงมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลย ทำไมเธอจะต้องเอาตัวเข้าไปยุ่งกับความเดือดร้อนนั่นด้วยล่ะ
     
    “มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรานี่” กัณหทัยเอ่ยบอกกับเพื่อนสาว และเตรียมลุกขึ้นเพื่อจะเดินกลับเข้าร้าน หากแต่ก็ต้องถูกมือเล็กฉุดเอาไว้
     
    “แกเห็นคนเดือดร้อนอยู่ตรงหน้าแบบนั้นไม่คิดจะช่วยเลยหรอวะ ไอ้กัณ”
     
    “ผู้หญิงดีๆน่ะ ไม่พาตัวเองเข้ามาอยู่ในสถานแบบนี้หรอก แถมยังทำตัวยั่วพวกไอเข้ขนาดนั้น มันก็สมควรแล้วนี่” กัณหทัยเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆ พร้อมกับชายตาไปทางหญิงสาวสองคน ช่วงเวลากลางคืนก็รู้กันอยู่ว่าส่วนใหญ่เป็นช่วงเวลาของพวกประเภทต่ำๆ หากพาตัวเองเข้ามามันก็เหมือนกับอยากลองของนั่นล่ะ แม้มันไม่โดนวันนี้ก็ใช่ว่าวันต่อๆไปจะไม่โดน ถึงจะเป็นผู้ชายเองก็ใช่ว่าจะปลอดภัย ไม่ว่าการฉกชิง ปล้นทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์แทบจะทุกวันส่วนใหญ่ก็ช่วงกลางคืนเนี่ยแหละ
     
    “แกพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ ดูอย่างเราสองคนดิ กลับบ้านเที่ยงคืนตีหนึ่งประจำ แล้วถ้าเกิดมันโดนกับพวกเราบ้างล่ะ” คำกล่าวของจันทมาทำให้ร่างสูงต้องชะงักไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วหยิบโทรศัพท์เครื่องจิ๋วในกระเป๋าของเธอออกมาก่อนจะโยนให้เพื่อนสาว
     
    “งั้นจันก็โทรแจ้งตำรวจแล้วกัน กัณจะไปตามคนในร้านมาช่วย” กัณหทัยกล่าวพร้อมลุกขึ้นเตรียมเข้าไปตามคนในร้านมา เพราะเธอเองก็เป็นผู้หญิงจะให้ไปสู้รบกับผู้ชายสามคนเป็นไปไม่ได้แน่
     
    “เอ่อ... เฮ้ยไม่ทันแล้วแก” จันทมาร้องโวยขึ้นมาเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งไซ้หน้าอยู่กับลำคอขาวของหญิงสาวในชุดสูททำงานกับชายอีกคนที่ล็อกแขนเธอไว้จากทางด้านหลัง โดยที่เธอพยายามดิ้นขัดขืนไปมา ส่วนอีกหนึ่งสาวร่างเล็กก็โดนชายคนสุดท้ายใช้มือใหญ่ๆหยอกเย้าใบหน้าของเธออยู่ แล้วค่อยๆซุกหน้าของเขาไปกับแก้มขาวนวลของเธอ กัณหทัยตกใจเล็กๆกับภาพตรงหน้า สายตาเหลือบไปมองขวดเหล้าในมือที่ถือติดมือมาด้วยก่อนที่เขาจะโดนเพื่อนสาวลากออกมาที่นี่
     
    “จัน เธอไปช่วยคนตัวเล็กนะฝ่ายนั้นมีแค่หนึ่งคงพอไปไหว ส่วนกัณ...” กัณหทัยมองชายหนุ่มสองคนนั่นก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ ยังไงซะเธอสู้ไม่ได้แน่นอน แต่ถ้าให้เบี่ยงความสนใจคงพอไปไหว ร่างสูงค่อยๆคลานไปอีกทางเพื่ออ้อมไปด้านหลังของชายหนุ่มที่ล็อกแขนหญิงสาวอยู่ ส่วนจันทมานั้นก็กำลังเหวอกับสิ่งที่เพื่อนสาวกำลังจะทำแถมยังมอบหน้าที่ยุ่งยากให้กับเธออีก แต่...เอาก็เอา...
     
    “เพล้ง!!” ไม่นานนักเสียงแตกกระจายของแก้วก็ดังขึ้น พร้อมๆกับร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ทรุดตัวลง ไม่รอที่จะให้ใครได้ยืนงงต่อกัณหทัยก็คว้าข้อมือของหญิงสาวในชุดทำงานออกไปกับเธอทันที พลางหันมาทางร่างเล็กในชุดเดรสสั้นเล็กน้อยและก็ต้องยิ้มออกมา เมื่อเพื่อนสาวของเธอหาจังหวะที่ชายอีกสองกำลังมึนงงลากตัวร่างบางผู้เคราะห์ร้ายไปอีกทาง ก่อนที่กัณหทัยจะเหลือบไปทางชายหนุ่มที่เธอใช้ขวดเหล้าฝาดหัวเขาไป และหันกลับมามองตรงไปข้างหน้าในเส้นทางที่เธอกำลังวิ่งอยู่ พร้อมๆกับเสียงตะโกนไล่หลังของชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลัง วิ่งตามเธอมา
     
    “ขอบคุณนะคะที่มาช่วย มาทางนี้ดีกว่าค่ะ” หญิงสาวตาคมที่วิ่งมาพร้อมกับกัณหทัยเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับกุมมือของเธอแล้วพาไปอีกทาง กัณหทัยจ้องมองแผ่นหลังกว้างที่ดูมีน้ำมีนวล แม้จะสูงพอๆกันแต่คนตรงหน้าก็ดูดีกว่าเธอเยอะ ถ้าให้เทียบเธอเทียบไม่ติดเลยล่ะ ผมที่หยิกหยักโศกยาวจรดกลางหลัง อีกทั้งใบหน้าด้านข้างที่นวลขาวจนน่าสัมผัส แล้วกัณหทัยก็ต้องสะบัดหัวไปมาเพื่อละความคิดที่วอกแวกออกไป ก่อนจะยืนงงกับสถานที่ที่หญิงสาวตรงหน้าพาเธอมา
     
    “แถวนี้อาจจะพ้นสายตาพวกนั้นได้ แล้วค่อยฉวยโอกาสตีหัวเจ้าคนที่ตามมา ถ้าเขาตามมาถูกทางล่ะนะ คุณกล้ามากเลยนะคะเมื่อกี้” หญิงสาวในชุดสูทส่งยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่มาช่วยเธอไว้ ซึ่งกัณหทัยก็พยักหน้าน้อยๆให้ตอบกลับไป แม้สถานที่ที่หญิงสาวพามานี่จะค่อนข้างเปลี่ยว แต่ตามซอกตึกแบบนี้มันก็ใช้หลบสายตาได้ดี
     
    “โธ่ โว้ย หายไปไหนแล้ววะ” เสียงสบถของชายคนหนึ่งดังมาแต่ไกล สร้างความตกใจให้คนทั้งคู่อยู่พอควร ก่อนที่กัณหทัยจะลากหญิงสาวเข้าไปหลบยังซอกตึก กำแพงที่เบียดแทบจะชิดกันของตึกสองตึกส่งผลให้ร่างกายของพวกเธอแทบจะชิดติดกันไปด้วย ลมหายใจอุ่นๆที่เป่าลดกันสร้างความปั่นป่วนให้กัณหทัยได้ไม่น้อยกับสถานการณ์ที่เธอไม่เคยเจอจนต้องหลบหน้าอีกคนแล้วหันไปอีกทาง หญิงสาวตาคมยิ้มขำกับท่าทางนั้นของคนตรงหน้า จนกัณหทัยต้องหันกลับมาขมวดคิ้วเข้าใส่เป็นเชิงคำถาม
     
    “คุณไม่ถูกกับผู้หญิงสวยๆหรอคะ จะว่าไปเหมือนในหนังเลยเนอะว่าไหม ที่พระเอกกับนางเอกต้องมาหลบคนตามล่าอยู่ตามซอกตึกแบบเนี้ย อ่อ ฉันเกวรินนะ ยินดีที่รู้จักค่ะ” หญิงสาวในชุดสูทยังคงขำกับท่าทางของคนตรงหน้า ก่อนจะพูดจาหยอกคนที่มาช่วยเธอไว้เล่นพร้อมกับแนะนำตัวเอง หากมีแค่คำพูดอย่างเดียวที่เธอหยอกเล่นมันคงจะไม่ทำให้คนอย่างกัณหทัยทำอะไรไม่ถูก หากแต่เธอก็แทบจะขยับร่างกายไม่ได้ก็ในเมื่อแม่เสือสาวตรงหน้าที่จันทมาตั้งฉายาให้อยู่ๆก็เอาแขนทั้งสองข้างมาโอบรอบคอเธอไว้ พร้อมกับ...
     
    “ถือเป็นคำขอบคุณที่คุณช่วยฉันไว้นะคะ” เกวรินยิ้มจนตาหยี้เมื่อละริมฝีปากออกจากแก้มนวลของคนตรงหน้า ใช่ว่าเธอจะใครก็ได้หมดหรอกนะ สำหรับเกวรินแล้วถ้าหน้าตาบุคคลิกไม่ดีจริง หรือไม่ใช่เพราะผลประโยชน์หญิงสาวก็ไม่เคยคิดที่จะเล่นด้วย และทั้งที่คนตรงหน้าเธอนี่ก็ไม่มีสมบัติประการใดตามที่เธอตั้งไว้เลย หากแต่เขาก็มีสเน่ห์แบบแปลกๆที่ดึงดูตัวเธออยู่
     
    “คุณยังไม่เข็ดอีกหรือไง ถึงได้ยังทำตัวยั่วอยู่แบบนี้ แล้วไม่คิดจะห่วงแฟนคุณบางหรอ” กัณหทัยจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าขะเม้ง ทำตัวแบบนี้รู้งี้เธอไม่ช่วยไว้ซะก็ดีหรอก ส่วนเกวรินนั้นเธอเหวอไปเล็กน้อยกับคำพูดและท่าทีที่ดูเฉยเมยของคนตรงหน้า เพราะปกติแล้วแค่เธอหว่านเสน่ห์เล็กๆไปแบบนี้ก็เสร็จเธอทุกราย แต่เด็กตรงหน้านี่กลับไม่แถมยังพูดจากวนอารมณ์เธอได้อีก หญิงสาวกระตุกยิ้มเล็กๆก่อนจะหยิบกรอบแว่นหนาของคนตรงหน้าออกแล้วจับใบหน้าของเขาเข้ามาประกบริมฝีปากลงไปทันที
     
    กัณหทัยตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่ออยู่ๆเธอก็ถูกผู้หญิง ผู้หญิงที่เจอกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงลากไป จูบ และมันก็เป็น...ครั้งแรกของเธอ มันรู้สึก นุ่มปากพิลึก แต่เธอก็ไม่คิดจะโอนอ่อนตาม เธอเม้มริมฝีปากไว้แน่น เกวรินถอนริมฝีปากออกมาเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ จะว่าไปเธอก็เพิ่งเคยเจอคนแบบนี้คนที่พยายามขัดขืนเธอ
     
    “ฉันน่ะถ้าเป็นผู้หญิงก็ไม่มีเข็ดหรอกค่ะ ส่วนเด็กคนนั้นจะเรียกแฟน ก็ได้มั้ง เธอถูกเพื่อนของคุณช่วยเอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ” เกวรินเอ่ยเสียงหวานราวกระซิบ และสิ่งที่เธอกำลังจะทำต่อไปหากคนตรงหน้าไม่สะทกสะท้านใดๆก็คงตายด้านแล้วล่ะ เธอพ่นลมหายใจเบาๆไปที่ข้างหูของกัณหทัยก่อนจะค่อยๆไล้ริมฝีปากนวลไปตามแก้มเนียนนั้นมือทั้งสองข้างที่คล้องลำคอร่างตรงหน้าอยู่ถูกเปลี่ยนมาลูบคลำบริเวณหน้าอก
     
    กัณหทัยตอนนี้ทำได้แค่ยืนแข็งกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วมือของเธอก็ถูกเกวรินหยิบยกขึ้นไปทาบทับอยู่ที่บริเวณอกของเจ้าตัว ก่อนที่ริมฝีปากของกัณหทัยจะถูกเรียวปากของร่างตรงหน้าครอบครองอีกครั้ง มันดูอ่อนนุ่มกว่าครั้งเมื่อกี้ และเธอก็เผลอ ตอบสนอง กลับไป เกวรินรู้สึกกระหยิ่มใจที่อย่างน้อยเกมนี้เธอก็ ชนะ และค่อยๆถอนจูบของเธอออกมาใบหน้าอันแดงซ่านของคนตรงหน้าเรียกรอยยิ้มให้กับเกวรินได้ไม่น้อย
     
    “ขอบคุณนะคะ สำหรับจูบแรกของคุณ ไปเถอะค่ะ คิดว่าคนพวกนั้นคงไปกันหมดแล้ว” หญิงสาวที่ขโมยจูบของคนที่เธอยังไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำกล่าวขึ้นยิ้มๆ ก่อนจะจูงมือของคนที่ยังคงนิ่งอึ้งอยู่ไปกับเธอเพราะคิดว่านี่ก็นานพอควรแล้วที่ชายสามคนนั้นจะหาพวกเธอเจอ กัณหทัยเมื่อถูกลากออกจากตึกก็ให้ได้รู้สึกตัวขึ้นมา เธอหน้าแดงกับคำพูดของเกวรินที่ว่า จูบแรก ก็ไม่รู้หรอกว่าเกวรินรู้ได้อย่างไร แต่ที่รู้แน่คือมันทำให้เธอไม่ค่อยจะเป็นตัวของตัวเองเท่าใด
     
    “อ่อ นี่ค่ะ เธอรู้อะไรไหม เวลาที่เธอถอดแว่น เธอดูดีเชียวล่ะ ว่าแต่ฉันยังไม่รู้ชื่อเธอเลยนะ” เกวรินหันมาพร้อมกับใส่แว่นที่ตนจิ๊กมาคืนให้กับเจ้าของไป และเอ่ยบอกอย่างกวนๆกับถามชื่อของคนตรงหน้า และตอนนี้กัณหทัยเองก็ได้สติคืนมาหมดแล้วเช่นกัน เธอค่อยๆแกะมือที่ถูกกุมไว้ออก ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงที่เรียบนิ่งตามปกติของเธอและเดินนำอีกคนไป
     
    “คุณไม่ต้องรู้ชื่อฉันหรอก เพราะเราคงไม่ได้เจอกันอีก” .....  

    ###################################################

    จบตอนที่ 1
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×