ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลุ้นสลับคู่ รักสลับขั้ว (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #4 : คาบเรียนที่ 4

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 417
      0
      16 พ.ย. 54




    คาบเรียนที่ 4

    ณ บริเวณหนึ่งของโรงพยาบาล ที่ซึ่งไม่ค่อยมีใครจะมาอยู่นักที่บริเวณนี้ หญิงสาวทั้งสามคนที่บังเอิญมาอยู่ ณ ที่นี้กันกำลังยืนอึ้งและงงอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    ทั้งที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่ร่างสูงของฐิตินันท์เด็กสาวอีกผู้หนึ่งจะ เข้าไปสวมกอดใครและร้องไห้ฟูมฟายอยู่แบบนี้ ยิ่งคู่กรณีเป็นครูสาวคนสวยอย่างมัณฑณีด้วยยิ่งแล้วใหญ่ ส่วนมณฑณีที่เป็นผู้พักพิงนั้น เอ่อ ไม่ต้องพูดถึงแล้วล่ะ เพราะดูเหมือนคุณเธอจะแข็งทื่อไม่รับรู้อะไรแล้ว ทั้งๆที่แขนตัวเองยังกอดตอบเด็กสาวอยู่

    หากแต่คนที่ได้สติก่อนใครกับเป็นฐิตินันท์ที่อยู่ในร่างของพิมลดา ไม่รอช้า เธอเข้าไปคว้าข้อมืออาจารย์พิมของเธอที่ไปยืนกอดคนอื่นแล้วร้องไห้อยู่ จากนั้นพาวิ่งออกไปอีกทางทันที ไม่ได้สนใจเสียงเรียกที่ปนตกใจอยู่ไม่น้อยของเพื่อนเธอที่ตามหลังมา

    “จะไปไหนหรอคะ อาจารย์พิม!?” ญาณินตะโกนเรียกคนทั้งคู่ที่จู่ๆก็พากันวิ่งออกไปแต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล ที่จะรั้งพวกเขาไว้ ครั้นจะตามไปก็ เฮ่อ เธอถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเข้าไปสะกิดอาจารย์สาวคนสวยที่ยังยืนแข็ง ค้างอยู่เช่นเดิม

    “อาจารย์ อาจารย์คะ”

    “ว๊าย อะไรของเธอเรียกซะเสียงดัง ตกใจหมด อ้าว แล้วนันท์กับพิมล่ะ” เฮ่อ ญาณินถอนหายใจออกมาอีกครั้งอย่างเซ็งๆ ตัวเองกอดเขาอยู่แท้ๆ แต่เขาหายไปนี่ยังไม่รู้เรื่องอีก และท่าทางของเธอก็ทำให้ถูกอาจารย์สาวสวยตรงหน้าแว๊ดเข้าให้

    “นี่ อย่ามาทำท่าเซ็งสุดขีดแบบนั้นใส่ครูนะ” มัณฑณีแกล้งแหย่เด็กสาวตรงหน้าเข้าให้ พลางผินหน้าหลบไปอมยิ้มเล็กๆอย่างรู้สึกสนุก จริงๆก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอเห็นคนตรงหน้าเกิดอาการเซ็งเธอมันก็อดแกล้งไม่ได้ เรื่องอะไรมาทำหน้าแบบนั้นใส่เธอล่ะ และก็เป็นดังคาดเพราะเจ้าเด็กน้อยคนนี้ก็หน้าเจือนไปเลย

    “อ่า ขอโทษค่ะ ว่าแต่อาจารย์จะตามพวกเขาสองคนไหมคะ เอ่อ อาจาย์พิมแกพาไอนันท์ไปทางนั้นน่ะค่ะ” ญาณินก้มหน้าเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิดนิดๆ พลางโบ่ยหน้าไปทางที่คนสองคนนั้นวิ่งไป เธอเองติดใจอยู่อย่างมากว่าทำไมเพื่อนของเธอถึงได้ไปสนิทกับอาจารย์พิมลดา ได้มากขนาดนั้น แล้วเจ๊ณีจะไม่ติดใจบ้างเลยหรือไงนะ อีกทั้งท่าทางแปลกๆของเพื่อนเธอด้วย เด็กสาวเหลือบตาขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองดูว่าอาจารย์มัณฑณีจะเอาไงต่อ แต่

    “เฮ่ย!!” ร่างสูงถึงกับผงะ เมื่อจู่ๆอาจารย์สาวก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ก็นะ ถึงมันจะไม่ได้ใกล้มากมายอะไร แต่ก็ทำเอาเธอหัวใจเกือบวายเหมือนกัน

    “เป็นอะไรของเธอ หน้าครูเหมือนผีนักหรือไง” มัณฑณียิ้มเล็กๆอย่างเจ้าเล่ห์ จะว่าไปเธอก็ไม่เคยคิดว่าเสน่ห์ของเธอจะสะกดใครไม่ได้เหมือนกัน แต่ทำไมถึงมีแต่ฐิตินันท์นะที่ไม่เคยสนใจเธอ หรือเธอจะลุกมากไป แต่ช่างเถอะ ก็อ้อมกอดเมื่อกี้นี้มัน...

    “กะ...ก็อาจารย์ เอ่อ... อยู่ๆก็เข้ามา ใกล้ขนาดนี้” เสียงพูดติดๆขัดๆของเด็กสาว ทำเอาอารมณ์เพ้อเจ้อของมัณฑณีขาดไป ถึงเธอจะรู้สึกเซ็งๆอยู่บ้าง แต่พอเห็นอาการหน้าแดงของเด็กตรงหน้ารอยยิ้มเล็กๆก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

    “หน้าแดงเชียว น่ารักดีเหมือนกันนี่เราน่ะ... ไปเถอะเล้ง ครูเองก็สงสัยอยู่เหมือนเธอนั่นแหละ” มัณฑณีกล่าวอย่างยิ้มแย้ม ไม่เพียงแค่นั้นคุณเธอยังเอานิ้วมาจิ้มๆอยู่ที่แก้มของเด็กสาวอีก และก่อนที่ญาณินจะหน้าแดงซ่านไปมากกว่าเดิม เจ๊ณีของเธอก็เปลี่ยนอารมณ์ฉับพลับชวนเธอไปหาคนสองคน เล่นเอาเด็กสาวปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน

    .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... ..........

    อีกด้านหนึ่งของโรงพยาบาล หญิงสาวร่างเล็กกำลังหันซ้ายหันขวาอย่างระแวดระวัง มือข้างหนึ่งก็เกาะกุมมือใหญ่ของร่างสูงไว้ไม่ยอมปล่อย เมื่อรู้สึกว่าปลอดคนแล้วก็ได้แต่ถอนใจออกมา ผิดกับเด็กสาวที่ถูกเธอลากมาด้วยดูจะไม่ได้โล่งใจไปด้วยเลย ถึงน้ำตาจะเหือดแห้งไปแล้วก็ตามแต่ใบหน้าก็ยังดูซึมอยู่ดี อีกทั้งบวกกับความสงสัยที่ว่าทำไมอยู่ๆเธอก็ถูกคนตรงหน้าลากมาแบบนี้ด้วย

    “นี่นันท์ เธอจะพาครูไปไหนกันเนี่ย แล้วทำไม ต้องหนีมาจากพวกพี่แป้งด้วย”

    “โธ่อาจารย์ หนูพอจะรู้นะว่าอาจารย์คิดอะไรอยู่....ถ้าอาจารย์คิดจะบอกอาจารย์แป้งว่ามัน เกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา มีแต่เขาจะหาว่าเราบ้ากันน่ะสิ ดีไม่ดีจะถูกจับไปเข้าเครื่องล้างสมองกันพอดี”

    “แล้วจะให้ครูทำยังไงล่ะ ครูไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนี้นะ ถ้าบอกพี่แป้งไป เธอก็อาจช่วยอะไรเราได้บ้างก็ได้”

    “สมมตินะคะอาจารย์ ถ้าเราบอกไป แล้วเกิดอาจารย์แป้งเขายอมเชื่อจริง แล้วอาจารย์คิดว่าเขาจะช่วยให้เรากลับมาแบบเดิมได้หรือเปล่าล่ะคะ อย่างมากก็แค่ช่วยปิดไม่ให้คนอื่นรู้ อีกอย่างเปอร์เซ็นต์ที่เขาจะยอมเชื่อเราอาจจะมีไม่ถึง 5 % ด้วยซ้ำ”

    “แล้วเธอกับครูจะต้องอยู่ในสภาพนี้ต่อไปน่ะเหรอ”

    “ก็คงต้องแบบนั้นล่ะค่ะ อาจารย์ก็ทำตัวเป็นนันท์ นันท์ก็จะเป็นอาจารย์ จนกว่าเราจะหาทางกลับไปแบบเดิมได้” ฐิตินันท์กล่าวด้วยรอยยิ้ม รู้สึกสนุกไปอีกแบบกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่อาจารย์สาวของเธอไม่ได้สนุกไปด้วยเลย

    “พูดง่ายดีนะเรา มันต้องเปลี่ยนชีวิตความเป็นอยู่เลยนะนันท์ ให้ครูกลับไปเรียนหนังสือใหม่มันก็ได้อยู่หรอก แต่เธอเนี่ยสิ เธอคิดว่าเธอจะเป็นอาจารย์ได้หรือเปล่าล่ะ” ฐิตินันท์นั่งเหวอเมื่อได้ฟังอาจารย์สาวกล่าว เธอเองก็ลืมคิดเรื่องนี้ไป ให้สอนหนังสือหรอ เอิ่ม ฟิสิกส์ด้วยเนี่ยนะ แค่เรียนเฉยๆยังจะลงหลุมเลย ให้สอนเนี่ยคงถูกฝังอยู่ใต้ซากดินแล้วแหละ ถ้าเป็นไอเล้งก็คงไม่มีปัญหาอะไร เปลี่ยนไปสอนวิชาพละยังง่ายกว่าอีก

    “ว่าไงล่ะ” พิมลดาเลิกคิ้วถาม เมื่อเห็นตัวเองตรงหน้าใบ้กินไป เอ่อน่ะ พอสติเริ่มกลับมาก็มารู้สึกทะแม่งๆเมื่อตัวเองกำลังนั่งคุยอยู่กับตัวเอง แปลกดี

    “เอ่อ อาจารย์ งั้นพวกเราลองไปให้สิบล้อเหยียบอีกทีดีป่ะ เผื่อจะกลับไปเป็นแบบเดิม” ฐิตินันท์กล่าวหน้าทะเล้น แต่ก็โดนพิมลดาหน้ามู่ใส่มาให้ อ่า ดูตัวเองทำท่างอนๆใส่แบบนี้ก็เล่นเอาฐิตินันท์ขนลุกได้ไม่น้อยเลยเหมือนกัน นี่ถ้าอาจารย์พิมเป็นอาจารย์พิมเองเธอคงจะหลงรักอาจารย์พิมลดาจนถอนตัวไม่ ขึ้นแหงๆ แต่ เฮ่อ ช่างมันเถอะ

    “เธอจะบ้ารึไง เอาเป็นว่าใช้ชีวิตไปแบบนี้ก่อนแล้วกันตามที่เธอเสนอมานั่นล่ะ” พิมลดากล่าวเสร็จก็ลุกขึ้นเดินออกไปทันที

    “อ้าว ไหงงั้นล่ะอาจารย์รอเดี๋ยวสิคะ” ...

    .....
    ..........

    “อ๊ะ แม่คะ” พิมลดาที่เดินมาได้สักพักหนึ่ง เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นคุณหญิงโสพิณที่เดินหันซ้ายหันขวาเข้า ด้วยความดีใจที่ได้พบแม่ตัวเอง เลยลืมไปว่าตัวเองเป็นใครอยู่ในตอนนี้ เธอจึงถลาวิ่งเข้าไปกอดคุณหญิงไว้เสียแน่นอย่างคิดถึง สร้างความงุนงงให้กับคุณหญิงได้ไม่น้อย

    ส่วนฐิตินันท์ที่เรียกรั้งอาจารย์สาวไว้ไม่ทันก็ได้แต่ตบหน้าผากตัวเองอย่าง มึนหัว จะให้เธอเดินตามทันได้ไงล่ะก็ตัวมันสั้นออกหยั่งงี้นี่ อีกอย่างแค่วิ่งตามนี่ก็เล่นเอาเหนื่อยไปเลยเหมือนกันแหะ แต่เอาเป็นว่าหลบฉากไปก่อนจะเกิดเรื่องยุ่งดีกว่า เพราะดูจากสภาพแล้วคุณป้าเสียงสูงนี่คงจะออกมาตามหาเธอที่อยู่ๆก็วิ่งพรวด ออกจากห้องพักเป็นแน่ แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ก้าวไปไหน เสียงโทรโข่งก็ดังทะลุโสตทันที

    “อ่า หนูพิม หนูพิมของแม่จริงๆด้วย ทำไมถึงได้วิ่งพรวดพราดออกจากห้องแบบนั้นล่ะคะลูกขา แม่ออกตามหาเราแทบแย่แน่ะ มานี่มามากับแม่ เห็นคุณหมอบอกว่าลูกไม่เป็นอะไรแล้วให้กลับบ้านได้เลย แต่แม่ไม่ค่อยไว้ใจ ลูกต้องกลับไปให้คุณหมอตรวจอีกทีนะคะลูกขา” อ่า นั่นไงว่าแล้ว นี่คุณป้าแกไม่ดูรอบข้างเลยหรือไงนะ เขาหันมามองแทบจะทั้งโรงบาลอยู่แล้วนะคะเนี่ย จ้อไม่หยุดเลย แล้วนั้นอาจารย์พิมของเธอก็หน้าจ๋อยกลับมาอีก ถ้าดูไม่ผิดน้ำตาคลอเลยนะนั่นแม้จะยืนก้มหน้าอยู่ตรงหน้าเธอกับคุณป้าก็เถอะ

    “อ้าวแล้วนี่เธอยังไม่ไปอีกหรือไง ฉันบอกไปแล้วนี่ว่าฉันไม่ใช่แม่ของเธอน่ะ” น่าน พูดแบบนั้นมันก็ไปจุดต่อมน้ำตาเข้าไปใหญ่สิค่ะคุณป้าขา ว่าแล้วยังไม่ทันไรอาจารย์พิมก็วิ่งเช็ดน้ำตาจากไป

    “อ้าวแล้วลูกพิมจะไปไหนล่ะเนี่ย มานี่เลย แม่ไม่ให้เราหนีไปไหนแล้วนะ” คุณหญิงโสพิณไม่พูดเปล่ายังคว้ามือฐิตินันท์ที่กำลังจะวิ่งตามพิมลดาไป จากนั้นก็ลากไปด้วยกันกับเธอ ซึ่งหญิงสาวก็ทำได้แค่มองตามอาจารย์ของเธอไป แต่จะปล่อยให้พิมลดาเป็นแบบนั้นเธอก็เป็นห่วงอยู่ไม่น้อย

    “เอ่อ ค...คุณแม่ข...ขา คือ...พิมขอตัวแป๊ปนะคะ เดี๋ยวมาค่ะ” ฐิตินันท์ค่อยๆแงะมือของคุณหญิงโสพิณออก แล้วกล่าวด้วยความเคอะเขินก่อนที่จะวิ่งตามอาจารย์พิมลดาออกไป ให้ตายสิ เธอไม่เคยพูดจาแบบนี้เลยนะเนี่ย พูดแล้วก็รู้สึกทะแม่งๆหูตัวเองชอบกล

    .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... ..........

    ณ ห้องรวมผู้ป่วยนอก ร่างสูงของฐิตินันท์นอนซึมหันหลังให้กับกำแพงมาได้สักพักแล้ว ก่อนที่จะต้องหันมาและลุกขึ้นนั่งเมื่อถูกมือเรียวของใครมาทาบทับที่หัวไหล่ ของเธอ คราบน้ำตาที่ปรากฎอยู่บนใบหน้าของเด็กสาวทำให้มัณฑณีที่มาทักรู้สึกโหวงๆชอบ กล เด็กสาวที่เคยเข้มแข็งและยิ้มง่ายอยู่เสมอตอนนี้กำลังเป็นอะไรไป

    “ออกไปเดินเล่นกับครูหน่อยไหมคะนันท์” มัณฑณียิ้มให้เล็กๆอย่างปลอบโยน ก่อนจะเอื้อมมือไปทาบทับมือใหญ่ของเด็กตรงหน้าและเอ่ยชวน ซึ่งพิมลดาก็พยักหน้าตอบกลับเล็กน้อยเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อ ถ้าได้พูดคุยกับคนตรงหน้าบ้างอาจทำให้อารมณ์ของเธอตอนนี้ดีขึ้นบ้างก็ ได้....

    .....
    ..........

    “อากาศสดชื่นดีนะว่าไหม ดูเราก็แข็งแรงดีแล้วนี่ กลับไปอยู่บ้านพักผ่อนสักวันสองวันก็กลับไปเรียนตามปกติได้แล้ว” มัณฑณีเอ่ยชวนเด็กสาวคุย หลังจากที่พากันออกจากห้องมาได้สักพักแล้วแต่ก็นิ่งเงียบกันมาตลอด จนเธอชักเริ่มอึดอัดทำให้ต้องพูดอะไรออกมาบ้างเพื่อทำลายบรรยกาศบ้าๆลง จะเอ่ยถามเรื่องความสัมพันธ์ของพิมลดากับคนตรงหน้าก็ดันพูดไม่ออก ก็เด็กน้อยของเธอดันนั่งหน้าหงอยอยู่แบบเนี้ย ที่จริงไปถามเอากับพิมน่าจะง่ายกว่ามาถามกับฐิตินันท์แบบนี้นะ เฮ่อ ไม่น่าบอกให้เล้งไปหาพิมเลยแหะ...

    “เล้งเราแยกกันตรงนี้นะ เธอไปหาพิมแล้วกัน” มัณฑณีเอ่ยกับเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อพวกเธอได้เจอกับพิมลดาแล้วแต่ดูเหมือนหญิงสาวร่างเล็กจะมองไม่เห็นพวก เธอ เพราะดูกำลังวิ่งวุ่นหาอะไรสักอย่างอยู่ แต่ก็แปลกใจอยู่นิดๆล่ะ ก็เมื่อกี้วิ่งหนีพวกเธอออกมาด้วยกันทั้งคู่ แต่ไหงเหลืออยู่แค่คนเดียวได้

    “แล้วอาจารย์ล่ะ”

    “ครูก็ไปตามหานันท์สิจ๊ะ ถามได้” มัณฑณีกล่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแป้น ทำเอาเด็กน้อยตรงหน้าต้องขมวดคิ้วมุ้นทันทีอย่างไม่ไว้ใจ ยิ่งเพื่อนเธอตอนนี้ยิ่งดูเอ๋อๆอยู่ด้วย เดี๋ยวก็ได้เสร็จแม่เสือสาวที่น้ำลายสอตรงนี้กันพอดี

    “นี่ ไม่ต้องมาทำหน้าไม่ไว้ใจครูแบบนั้นเลยนะ อุตส่าเปิดทางให้ทั้งทีก็รีบตามเขาไปสิ” อาจารย์สาวกล่าวพร้อมดันหลังให้นักเรียนของเธอเข้าไปหาพิมลดา ซึ่งญาณินเองก็ยอมเดินไปแต่โดยดีแม้จะมีอิดออดอยู่บ้างนิดๆก็ตาม


    ความคิดของมันฑณีหยุดลงพร้อมๆกับหัวใจที่เต้มตูมตามไม่หยุด ก็อยู่ๆมือของเธอก็ถูกเกาะกุมด้วยมือใหญ่ของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แถมยังจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ดูจะ เอิ่ม เหมือนลูกแมวกำลังออดอ้อนก็ไม่ปาน อ่า อยากกอดจัง จุ๊บแก้มหนึ่งทีจะได้ไหมนะ ไม่ๆ เธอเป็นครูนะต้องสำรวมหน่อย แต่ปกติเธอก็ลุกอยู่แล้วนี่ สักนิดคงไม่เป็นไร เมื่อคิดได้มือเรียวของเธอก็ค่อยๆกระดึบอ้อมไปด้านหลังของคนตรงหน้าแต่ก็ ต้องสะดุ้งตกใจเล็กๆเมื่อฐิตินันท์เอ่ยพูดอะไรออกมา

    “พี่ปะ...เอ่อ...อาจารย์คะ หนู...ขอบคุณนะคะที่มาอยู่เป็นเพื่อน หือ...เป็นอะไรไปคะพี่ เอ่ย อาจารย์ หน้าแดงเชียว” พิมลดาที่พอจะปรับอารมณ์และยอมรับกับชะตาของตัวเองได้บ้างแล้วก็เอ่ยขึ้นกับ มัณฑณี แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อสังเกตุเห็นว่าใบหน้าของพี่สาวตรงหน้าออกจะแดงมากเลยที เดียว ไม่เพียงแต่ถามเปล่ายังยกฝ่ามืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ไปแตะหน้าผากคนตรงหน้า อีกด้วย ถ้าแค่นั้นก็คงไม่ถึงกับทำให้ครูสาวผู้เจนโลกมาก่อนถึงกับตัวแข็งทื่อหรอก แต่เหตุผลที่ทำให้มัณฑณีขยับไม่ได้คือใบหน้าที่อยู่ห่างกันแค่ครึ่งคืบนี่ แหละ

    “ท่าจะไม่ดีแล้ว ตัวอาจารย์ก็ร้อนด้วย พิม...เอ่ย นันท์ว่าอาจารย์ไปให้หมอตรวจดีกว่าค่ะ” พิมลดากล่าวพลางฉุดมือคนนั่งไปด้วย แต่ก็เหมือนจะโดนฝืนเอาไว้เพราะคนนั่งไม่คิดจะลุกไปไหน ทำให้พิมลดาต้องขมวดคิ้วมุ้นแล้วหันกลับมา

    “นันท์ เธอ เรียกฉันว่าพี่ก็ได้ นะ คือ ฉัน... (‘อยากกอดเธอจัง’) เอ่อ...” มัณฑณีกล่าวออกมาอย่างเขินๆ อีกทั้งยังกลืนประโยคบางประโยคกลับเข้าไปอีก คิดแล้วก็ได้แต่นั่งก้มหน้ายิ้มหน้าแดงให้กับความคิดของตัวเอง ส่วนพิมลดาที่ยืนหน้างงอยู่สักพักก็ได้เข้าใจในสิ่งที่คนตรงหน้าจะพูด แม้จะเข้าใจไปคนล่ะทางกับที่มัณฑณีสื่อก็ตาม

    “ได้สิคะ พี่แป้ง” พิมลดากล่าวด้วยรอยยิ้ม เธอเองไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่เพียงว่าเรียกคนตรงหน้าแบบนี้มันก็สะดวกเธอดีเหมือนกัน เพราะปกติเธอก็เรียกมัณฑณีว่าพี่แป้งอยู่แล้ว แต่กับคนที่ถูกเรียกเนี่ยสิพวงแก้มเป็นสีชาดไปเสียแล้ว แถวยังคิดเลยเถิดไปไหนต่อไหนเสียอีก

    “แต่พิ...นันท์ว่าพี่แป้งไปให้หมอตรวจก่อนดีกว่านะคะ หน้าพี่แป้งดูจะแดงหนักกว่าเดิมอีกนะ” พิมลดาไม่ว่าเปล่ายังยกมือขึ้นลูบใบหน้าอาจารย์มัณฑณีที่ดูจะมีอาการหน้า เป็นห่วงในสายตาเธอไปมาอีกด้วย พลางดึงมือร่างเล็กตรงหน้าให้ลุกขึ้นอีกครั้ง หากแต่มัณฑณีก็ยังฝืนไม่ยอมตามไปอีกเช่นเคย ก่อนที่เธอจะสูดหายใจเข้าเต็มปอดอย่างช้าๆแล้วพูดบางอย่างอกมา

    “ไม่ต้องหรอกนันท์ เธอก็รู้ไม่ใช่หรอ ที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะ...”

    “แค่กๆๆ พี่แป้งคะ เมื่อกี้นี้คุณหมอจะเข้ามาเช็คอาการของฐิตินันท์ เห็นว่าฐิตินันท์ไม่ได้อยู่ห้องพิมเลยออกมาตามหาน่ะค่ะ” อยู่ๆหญิงสาวร่างเล็กอย่างพิมลดาก็ปรากฏตัวออกมาขัดจังหวะขึ้น เล่นเอามัณฑณีรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดๆ แต่ก็โล่งอกอยู่ในที มือที่เกาะเกี่ยวกันอยู่กับเด็กสาวข้างๆก็คายออกแล้วอย่างแสนเสียดาย พิมนะพิม ไหงถึงได้มาโผล่เอาตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้นะ แล้วก็เรื่องที่น้องสาวของเธอที่ยืนอยู่ตรงหน้านี่ไปสนิทสนมกับแฟนของเธอได้ ไงนี่ก็ยังไม่ได้คิดบัญชีเสียด้วย แฟนหรอ ยังไม่ได้ตกลง แต่คิดไปก่อนคงไม่เป็นไร คิดได้ก็ยิ้มเขินบิดไปบิดมาอีกหนึ่งรอบ ก่อนจะรู้สึกตัวว่ามีคนสองคนกำลังจ้องอยู่

    “งั้นหรอ นี่พี่ก็ว่าจะพานันท์เขาไปหาหมออยู่พอดี ว่าแต่พิมล่ะหายดีแล้วหรอ แล้วเล้งไปไหนแล้วล่ะ” น่าแปลกที่เธอยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่หาย น้ำเสียงที่พูดกับหญิงสาวตรงหน้ามันเลยออกมาดูประชดหน่อยๆ แต่ช่างมันเถอะ คิดเสร็จมัณฑณีก็หันไปคว้ามือเด็กสาวที่ดูจะยืนเป๋อเหรออยู่ พร้อมยิงฟันขาวเอ่ยเสียงหวานฉ่ำ โดยที่ไม่คิดจะฟังสิ่งที่ตัวเองถามไปกับพิมลดาที่ยืนมองพวกเธออยู่ตาปริบๆ

    “ไปเถอะค่ะ นันท์ เธอคงต้องไปให้หมอตรวจดูอีกทีก่อนกลับบ้านนะ” .....

    .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... ..........

    จบคาบเรียนที่ 4



    ขอบคุณที่เมนต์ให้นะคะ ^ ^


     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×