ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลุ้นสลับคู่ รักสลับขั้ว (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #1 : คาบเรียนที่ 1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 674
      0
      2 ส.ค. 54

    คาบเรียนที่ 1

    บริเวณป้ายรถเมล์แห่งหนึ่ง เวลาประมาณ
    7.50 น. เด็กสาวร่างสูงผิวเข้ม ผมซอยสั้น ในชุดนักเรียนมัธยมปลาย กำลังนั่งหันซ้ายหันขวา และดูนาฬิกาไปพลางอย่างกระวนกระวาย เมื่อรถเมล์คันหนึ่งมาจอดเทียบป้ายอยู่ตรงหน้าเธอ รอยยิ้มของเธอก็พลันผุดขึ้นเมื่อสายตาอันคมเข้มได้เบนไปสบเข้ากับเด็กสาวผิวขาวคนหนึ่งที่อยู่ในชุดนักเรียนมัธยมปลายเช่นเดียวกันกำลังก้าวขาลงมาจากรถพร้อมส่งรอยยิ้มบางๆมาให้
     
    “โหย ไอบ้าเล้ง กว่าแกจะมาได้ ฉันไม่อยากสายตั้งแต่เปิดเทอมวันแรกนะ ว่าแต่แกจะไว้ผมยาวหรอไง” ฐิตินันท์เอ่ยกับเพื่อนของเธอเมื่อพบหน้า และทักขึ้นเมื่อสังเกตเห็นว่าญาณินไว้ผมยาวพร้อมกับรวบผมมาเป็นอย่างดี ซึ่งต่างจากเมื่อปีที่แล้วหรือตอน ม.4 ที่ไว้แต่ผมซอยสั้นมาตลอด ญาณินเองก็เป็นที่ถูกใจของเด็กสาวหลายคนด้วยเช่นกันไม่แพ้ฐิตินันท์เพื่อนของเธอ แต่เพราะเป็นคนเงียบและไม่ยุ่งกับใครทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นัก
     
    “อื่ม อยากเปลี่ยนมั่งน่ะ แล้วทำไมแกไม่เข้าไปก่อนล่ะ ประตูโรงเรียนก็อยู่ตรงหน้าเนี่ย” ญาณินเอ่ยตอบพร้อมกับโบ้ยหน้าไปทางประตูโรงเรียนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องป้ายรถเมล์ที่พวกเธอยืนอยู่ไปเล็กน้อย และรอยยิ้มเล็กๆของเธอก็ผุดขึ้นที่มุมปาก เมื่อสังเกตเห็นท่าทางของเพื่อนผิวเข้มของเธอที่ดูจะทำหน้าแหยงๆเมื่อมองไปทางรั้วโรงเรียน
     
    “แกก็รู้นี่หว่า วันแรกแบบนี้ เจ๊ณี ต้องยืมคุมอยู่หน้าประตู ฉันนั่งรอแกอยู่ตรงนี้ยังเสียวๆเลยว่าพี่แกจะออกมาเจอรึเปล่าน่ะ มีแกไปเป็นเพื่อนด้วยก็ดีกว่าที่ฉันเดินเข้าไปหาเจ๊แกคนเดียวนี่ ไปเถอะจะ 8 โมงแล้ว ขืนสายมีหวัง...” ฐิตินันท์กล่าวด้วยเสียงอ่อยๆ และเอ่ยชวนเพื่อนของเธอก่อนที่พวกเธอจะสายจริงๆ ซึ่งท้ายประโยคเธอก็หยุดคำพูดของตัวเองไว้เมื่อนึกถึงเมื่อปีที่แล้วที่เธอมาสาย แล้วต้องถูกอาจารย์มัณฑณีลากเข้าห้องไปอบรม    
     
    “กลัวอาจารย์แกหรือไง ปกติเจอสาวสวยเห็นกระโดดใส่ทุกรายนี่ อาจารย์แกก็สวยคมดีออก” ญาณินเอ่ยยั่วเพื่อนผิวเข้มของเธอที่กำลังเดินแกมวิ่งนำหน้าเธอไป
     
    “เออ เจ๊แกสวยน่ะไม่เถียง แต่นิสัยเจ๊แกน่ะฉันสยิว แกไม่มาโดนแบบฉันนี่หว่า” ฐิตินันท์หันกลับมาโวยใส่เพื่อนของเธอ ก่อนที่พวกเธอทั้งคู่จะต้องวิ่งเข้าโรงเรียนเมื่อได้ยินเสียงออดดัง
     
    เมื่อเข้ามาถึงประตูรั้วโรงเรียนทั้งคู่ก็ต้องแปลกใจ เพราะไม่มีอาจารย์คนใดมายืนคุมหน้าประตูเลย แต่พวกเธอก็ไม่มีเวลาพอจะสนใจเรื่องนี้นัก เพราะต้องวิ่งไปเขาแถวของ ม.5 ในห้องของตนแทน
     
    “นันท์ ฝากจองโต๊ะที จะไปซื้อสมุดแป๊ปที่สหกรณ์น่ะ” ญาณินยื่นกระเป๋านักเรียนของเธอให้ฐิตินันท์หลังเลิกแถว และบอกเหตุผลให้ฟังเมื่อเพื่อนผิวเข้มของเธอทำหน้างงใส่ แต่ก็ยอมรับกระเป๋าของเธอไปแต่โดยดี
     
    “เอาของฉันไปก็ได้นี่ กลางวันค่อยซื้อคืน” ฐิตินันท์ร้องบอกญาณินที่วิ่งตรงไปยังตึกอีกตึกหนึ่งแล้ว ซึ่งเธอก็ได้รับการโบกมือไปมาของเพื่อนผิวขาวของเธอกลับมาแทน  

    .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... ..........

    ภายในห้องพักครูหมวดวิทยาศาสตร์
     
    “อื่ม ถ้ามีอะไรก็บอกพี่ได้นะ เด็กม.ปลายคุมยากสักหน่อย นี่ถ้าพี่ไม่มีสอนคาบแรกก็ว่าจะไปช่วยเราแนะนำตัวเหมือนกัน” มัณฑณีหญิงสาวผิวขาว ใบหน้าสวยคม ร่างสันทัด ผมยาวตรงถูกมัดรวบไว้อย่างดี ในชุดกระโปรงข้าราชการสีกากียืนเอ่ยกับหญิงสาวร่างเล็กผิวขาว แววตากลมดำชั้นเดียวรับกับใบหน้าขาวอมชมพู ผมเป็นรอนยาว ในชุดกระโปรงข้าราชการแบบเดียวกัน
     
    “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะพี่แป้ง คาบแรกของพิมก็เป็นคาบโฮมรูม คงไม่มีอะไรยุ่งยากหรอกค่ะ ยังไงพิมขอตัวก่อนแล้วกันค่ะ ถ้ามีปัญหาแล้วพิมจะบอกนะคะ” หญิงสาวร่างเล็กเอ่ยกับมัณฑณีที่อยู่ในฐานะรุ่นพี่ของเธอ และเป็นผู้รับหน้าที่ดูแลอาจารย์ใหม่อย่างเธอด้วย ซึ่ง
    มัณฑณีก็ยิ้มตอบรับให้ก่อนที่พิมลดาจะขอตัวไป
     
    “ว๊าย/เฮ่ย” เมื่อพิมลดาก้าวพ้นจากประตูห้องพักครู เธอก็ต้องถูกนักเรียนที่วิ่งมาบนระเบียงชนเข้าอย่างจังจนเสียหลักล้มลงไปกับพื้นด้วยกันทั้งคู่ มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรนักที่คนเป็นครูจะลื่นล้มลงบนระเบียง แต่เพราะเสียงซุบซิบกันของเด็กนักเรียนที่เดินผ่าน กับสภาพของเธอในตอนนี้ที่กำลังถูกค่อมด้วยร่างของนักเรียนที่วิ่งเข้ามาชนเธอเนี่ยสิ อีกทั้งใบหน้าขาวเนียนที่ดูเหมือนจะมีสีเลือดมากกว่าปกติของเด็กคนนี้ก็อยู่แทบจะชิดติดกับเธอด้วย หรือพูดให้ถูกคือแทบจะจูบกันอยู่แล้วก็ว่าได้ ทั้งดวงตากลมชั้นเดียวออกไปทางน้ำตาลของเด็กคนนี้ยังจ้องมองเธอแบบไม่วางตาอีกเนี่ยสิ เล่นเอาครูสาวอย่างพิมลดาหน้าแดงซ่านเลยทีเดียว
     
    “อ...เอ่อ...” พิมลดาเอ่ยขึ้นเล็กน้อยเพื่อเรียกสติของเด็กสาวตรงหน้า ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะเด็กนักเรียนตรงหน้าเธอทำท่าลุกลี้ลุกลนลุกออกไปจากตัวเธอทันที
     
    “อ๊ะ ข...ขอโทษค่ะ คุณ...เอ่อ...อ...อาจารย์เจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ” ญาณินกล่าวขอโทษหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้าอย่างตะกุกตะกัก ซึ่งเธอเองก็ไม่เคยเห็นหน้า หรือรู้จักว่าหญิงสาวผู้นี้เป็นใคร และเสียงของเธอก็ต้องอ่อนลงทันทีเมื่อสังเกตเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าเธอใส่เครื่องแบบข้าราชการ ซึ่งก็หมายความว่าเธอผู้นี้เป็นอาจารย์ของที่นี่
     
    “ไม่เป็นไรค่ะ ครูไม่ได้เจ็บอะไร แล้วเธอล่ะ” พิมลดาส่ายศีรษะไปมาเล็กน้อยพร้อมส่งยิ้มหวานให้เด็กสาวตรงหน้า พลางหันไปหยิบสมุดโน๊ตสองสามเล่มที่กระจายอยู่บนพื้นเพื่อส่งให้กับนักเรียนผู้นี้ กับสมุดของเธอเองอีกเล่ม แต่ขณะที่หันไปเก็บนั้นเธอไม่รู้เลยว่านักเรียนตรงหน้าเธอนั้นนิ่งค้างไปตั้งแต่ที่เธอส่งยิ้มหวานๆให้แล้ว
     
    “เอ่อ...เธอ...เธอ...” เมื่อพิมลดาเก็บสมุดที่กระจายอยู่ขึ้นมาแล้วก็ยื่นส่งให้กับเด็กสาวตรงหน้าเธอ แต่ก็ดูเหมือนจะไร้การตอบสนองใดๆจนเธอต้องยื่นมือเข้าไปแตะที่ไหล่ของเด็กสาวเล็กน้อย ซึ่งก็ได้รับการตอบกลับมาเป็นการสะดุ้งเล็กน้อยจากเด็กสาว และนั่นก็ทำให้พิมลดาต้องหัวเราะคิกออกมากับท่าทีของคนตรงหน้า แล้วยื่นสมุดคืนให้อีกครั้งซึ่งเด็กตรงหน้าเธอก็รับคืนไปแต่โดยดี
     
    “ครูยังไม่ทันทำอะไรเธอเลยนะ ไม่ต้องแข็งแบบนั้นก็ได้ ไปเข้าเรียนได้แล้ว หืม ม.5 นี่ เรียนสายวิทย์ สายศิลป์ล่ะเรา” อาจารย์สาวหัวเราะเล็กน้อยกับท่าทางของเด็กสาว และเอ่ยถามออกมาเมื่อสังเกตเห็นดาวสองดวงที่ปักบนหน้าอก
     
    “ส...สายวิทย์ค่ะ” ญาณินเอ่ยตอบเสียงแผ่วพลางก้มหน้ามุดลงมองพื้น ด้วยความรู้สึกอายคนตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก
     
    “อื่ม ดีเลย ครูเองก็สอนสายวิทย์ เดินไปด้วยกันเลยแล้วกัน เราอยู่ห้องไหนล่ะ ครูได้ประจำชั้นอยู่ 5/3 น่ะ...” พิมลดาเอ่ยชวนเด็กสาวคุยเรื่อยไปพร้อมกับเดินไปด้วยกัน แต่เมื่อเธอกล่าวจบประโยคก็ต้องเอะใจกับพฤติกรรมของเด็กสาวที่อยู่ๆก็หยุดเดินขึ้นมากลางคัน
     
    “หืม...เป็นอะไรไปคะ” ครูสาวหันกลับมาทักนักเรียนของเธอที่กำลังก้มหน้างุดซ้อนใบหน้าที่แดงซ่านไว้ แต่เพราะความที่ครูสาวตัวเล็กกว่าบวกกับการเดินเข้าไปหาในระยะประชิดเธอจึงมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้ชัด รอยยิ้มน้อยๆจึงเกิดขึ้นบนใบหน้า เธอเองก็ไม่รู้หรอกว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร แต่ที่เธอรู้แน่ชัดคือเด็กคนนี้กำลังเขินเธออยู่ ไม่ว่าจะเขินด้วยสาเหตุใดก็ตามแต่ในความคิดของพิมลดานั้นเด็กคนนี้คงเป็นเด็กที่ขี้อายน่าดูเลย
     
    “ส...สาม...” อยู่ๆญาณินก็เอ่ยออกมา แต่เพราะเสียงที่แผ่วเบา และติดขัดทำให้ครูสาวอย่างพิมลดาฟังไม่ถนัด ด้วยความที่ไม่ได้คิดอะไรร่างเล็กจึงยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้เพื่อที่จะฟังสิ่งที่นักเรียนของเธอพูดให้ชัด แต่สำหรับญาณินนั้นมันคงจะชิดจนเกินไปทั้งๆที่มันก็ไม่ได้ชิดเท่ากับตอนที่ล้มลงเมื่อครู่แต่นั้นก็ทำให้เด็กสาวทำอะไรไม่ถูก
     
    “คะ อะไรค...อ...อ้าว...” เสียงเล็กๆเอ่ยออกมาอีกครั้ง แต่คนฟังเนี่ยสิ วิ่งโกยแน่บไปเรียบร้อยแล้ว โดยปล่อยให้คนพูดยืนเหวออยู่ที่เดิม เมื่อไม่มีใครแล้วพิมลดาจึงเดินไปยังห้องเรียนที่อยู่อีกฝั่งของระเบียง ซึ่งทั้งเธอและญาณินไม่รู้เลยว่าได้มีคนๆหนึ่งลอบมองพฤติกรรมของพวก
    เธออยู่ด้วยรอยยิ้มที่มีนัยบางอย่างแฝงไว้

    .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... ..........

    ภายในห้องเรียน
    5/3 ด้วยความที่ยังไม่มีอาจารย์เข้ามาคุม บวกกับเป็นวันแรกของการเปิดเทอมซึ่งต่างคนต่างก็คิดถึงกันและมีเรื่องต่างๆมากมายที่อยากจะเล่าสู่กัน ทำให้เสียงพูดคุยดังอื้ออึงไปทั่วห้อง โดยเฉพาะบริเวณโต๊ะของฐิตินันท์ที่ถูกล้อมกรอบไปด้วยเพื่อนๆหลายคน จนคนถูกล้อมเองก็รู้สึกชักจะรำคาญอยู่ตะหงิดๆ แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่สดใสร่าเริงก็จริงแต่ก็ใช่ว่าจะชอบความวุ่นวาย แล้วสวรรค์ก็มาโปรด ฐิตินันท์ยิ้มออกมาทั้งใบหน้าเมื่อเห็นเพื่อนรักของตนมาอยู่ที่หน้าประตู แถมยังเดินจ้ำอ้าวมานั่งฉับอยู่ข้างเธอทันทีโดยไม่พูดจาพร้อมกับสายตาดุๆที่กวาดไปรอบตัวทำให้นักเรียนมุงทั้งหลายจรลีจากไปแต่โดยดี
     
    ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เพื่อนคนอื่นๆมักจะไม่กล้าเข้าใกล้ญาณิน เพราะโดยปกติแล้วเธอจะเป็นคนนิ่งๆ กับสายตาที่ดูจะเฉยเมย ซึ่งกับผู้อื่นแล้วก็คงเป็นสายตาที่ดูจะดุดันเล็กน้อย แต่นั้นก็เป็นเสน่ห์อีกแบบของเธอฐิตินันท์นั่งท้าวคางมองเพื่อนของเธอที่กำลังหยิบของออกจากกระเป๋า ใบหน้าขาวอมชมพูมีสีเลือดฝาด ดวงตากลมชั้นเดียวสีน้ำตาล คิ้วเรียวบาง จมูกเป็นสันรับกับใบหน้า ผมที่ยาวขึ้นผูกมัดไว้อย่างดี ลมหายใจเข้าออกที่เร็วกว่าปกติเล็กน้อย กับเม็ดเหงื่อเล็กๆที่ผุดขึ้นบนใบหน้าหลังจากการวิ่งมาเมื่อครู่ จะว่าไปเพื่อนเธอคนนี้ก็เป็นคนที่ดูน่ารักเลยทีเดียว แต่แล้วความคิดของฐิตินันท์ก็ต้องหยุดลงเมื่อเธอถูกคนที่เธอมองอยู่จ้องกลับมา
     
    “มองอะไรของแกวะ นันท์ ห้ามคิดอะไรแผลงๆนะโว้ย” ญาณินเอ่ยขึ้นเมื่อจ้องมองเพื่อนของเธอ ก็นะแค่ดูก็พอจะรู้ว่าฐิตินันท์กำลังคิดอะไร ไอแววตาใสวิ้งแบบนี้เธอเจอออกจะบ่อยเมื่อเพื่อนสาวของเธอถูกชะตากับผู้หญิงคนไหนสักคน แต่เธอก็ไม่คิดว่าเธอจะโดนหรอกนะ ก็แค่เผื่อไว้ แต่คนโดกล่าวหาเนี่ยสิ ดันหลบสายตาซะงั้น
     
    “คิดอะไร บ้าเหรอจะไปคิดอะไรวะ” คนหลบสายตาแกล้งทำเฉไฉแล้วหันหน้าไปทางอื่นแทน ส่วนญาณินเองก็นึกขำกับท่าทีของเพื่อนพร้อมส่ายหัวไปมา แล้วเธอก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อเสียงอื้ออึงในห้องที่อยู่ๆก็เงียบลงพร้อมกับการปรากฏตัวของหญิงสาวร่างเล็กในชุดข้าราชการสีกากีที่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่หน้าห้องด้วยรอยยิ้มที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้า แล้วสมองก็ยังไม่ทันได้ประมวลอะไรก็สั่งการให้เธอก้มหน้างุดลงกับโต๊ะทันที ใบหน้าที่เคยขาวอมชมพูก็มีสีเลือดฝาดขึ้นมาทันใด ฐิตินันท์สังเกตเห็นอาการของเพื่อนก็นึกเอะใจ แต่ความคิดดันกลับเข้าข้างตัวเองซะอย่างนั้นว่าญาณิณเขินเธอ
     
    ในขณะที่สาวน้อยร่างบางกำลังยืนแนะนำตัวและเอ่ยทักนักเรียนอยู่หน้าห้อง ซึ่งก็แน่นอนแหละว่าเธอยังไม่ได้สังเกตอะไรภายในห้องอยู่แล้วรวมถึงพวกนักเรียนของเธอด้วย เพราะกำลังรู้สึกเกร็งที่ได้มายืนอยู่หน้าชั้นในฐานะอาจารย์เป็นครั้งแรกแบบนี้ แล้วพิมลดาก็ต้องสะดุ้งกับเสียงแปลกๆเข้าพร้อมกับเสียงโวยวายของเด็กสาวผู้หนึ่งขึ้นจากโต๊ะบริเวณหลังห้องสุดริมหน้าต่าง
     
    “เพี้ยะ !?” “ทำบ้าอะไรของแกวะนันท์” ญาณิณกำลังโกรธและงงกับพฤติกรรมแปลกๆของเพื่อนที่อยู่ๆก็เข้ามาจับพร้อมลูบไล้มือของเธอไปมา ไอแค่จับมือเธอก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่สายตาที่เพื่อนเธอส่งมาเนี่ยสิ ไม่ต่างอะไรกับเวลาที่ฐิตินันท์กำลังสนใจผู้หญิงคนไหนสักคนอยู่เลย และด้วยสถานการณ์ที่เจอเข้าแบบนี้ทำให้ญาณิณเผลอลืมตัวไปว่าเธอกำลังอยู่ที่ไหน และฝ่ามือของเธอก็ไวกว่าความคิดตัวเองจึงฟาดลงตรงกลางกระหม่อมเพื่อนตัวดีเข้าอย่างจัง ฐิตินันท์เองก็กุมศีรษะของตนด้วยความเจ็บ อยากจะเอ่ยแก้ตัวอยู่เหมือนกันว่าแค่หยอกเล่นแต่ดูเหมือนบรรยากาศจะไม่ให้ เพราะกำลังถูกคนทั้งห้องจับจ้องมาที่พวกเธอซะแล้วพร้อมกับเสียงอื้ออึงของเพื่อนๆในห้อง รวมถึงอาจารย์หน้าใหม่ที่เธอเองก็เพิ่งจะเหลือบไปเห็นซึ่งอาจารย์ผู้นี้ก็น่ารักมากซะด้วยในความคิดของฐิตินันท์
     
    “เอ่อ...มีอะไรกันรึเปล่าคะ” เสียงใสๆของพิมลดาที่เคลื่อนที่ผ่านอากาศมาจนปะทะเข้าที่โสตของญาณิณ ก็ทำให้เธอต้องหยุดชะงักลงทันที และนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกตัวว่าเธอกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหน แต่ก่อนจะหันไปตามเสียงของหญิงสาวหน้าห้องเธอก็ยังคงจ้องมองเพื่อนของเธอด้วยความเคืองอยู่ที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ส่วนเจ้าตัวดีน่ะเหรอยิ้มแหยๆส่งมาให้เธอนิดนึงเท่านั้นแหละก่อนจะหันไปหาอาจารย์ทางหน้าห้อง ไม่สิกำลังเดินเข้ามาทางนี้แล้วต่างหาก
     
    “ตกลงว่ามีอะไรกันรึเปล่าคะ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นชั่วโมงโฮมรูมไม่ได้มีสอนเนื้อหาอะไร และครูเองก็เป็นครูคนใหม่ของที่นี่ แต่ก็อยากให้พวกเธอให้เกรียติครูบ้าง ว่าไงคะ เกิดอะไรขึ้น” ประโยคคำพูดของครูสาวที่ดูจะเก้กังเมื่อครู่กลับนิ่งเรียบราวกับเป็นคนละคน และนั่นก็ทำให้เสียงอื้ออึงภายในห้องที่เกิดจากการโวยวายของญาณินเมื่อครู่เงียบกริบลงทันที ส่วนสองสาวที่กำลังถูกดุอยู่นั้นก็ก้มหน้ามุดลงกับพื้นไม่กล้าที่จะสบสายตากับครูสาวคนใหม่ผู้นี้ด้วยรู้สึกว่าอาจารย์ผู้นี้คงจะเฮียบน่าดู
     
    ‘โอ๊ย ยัยนี่ หน้าตาก็น่ารักดีหรอก แต่ไหงดุเป็นบ้าเลยฟระ’ ฐิตินันท์นึกถึงใบหน้าหวานๆของหญิงสาวตรงหน้าที่เพิ่งเหลือบไปเห็นแค่แว๊บเดียวเมื่อครู่ ซึ่งบวกกับรูปร่างเล็กๆซึ่งดูแล้วน่ากอดชะมัด ก็ไม่น่าที่จะดุแบบนี้ได้นี่ ร่างสูงจึงเหลือบไปขอความเห็นเพื่อนเธอที่ยืนก้มหน้ามุดอยู่ด้านข้าง แต่นั้นก็ยิ่งทำให้ฐิตินันท์งงเข้าไปใหญ่เพราะใบหน้าที่เคยขาวอมชมพูของญาณิณกลับมีสีฝาดอย่างเห็นได้ชัดเจน
     
    แม้ว่าฐิตินันท์จะคิดว่าอาจารย์สาวตรงหน้าเธอเฮียบไม่สมกับรูปร่างหน้าตาก็ตาม แต่คนถูกกล่าวหาอย่างพิมลดาเนี่ยสิตอนนี้กำลังสั่นไปหมดแล้ว เพราะอยู่ๆคาบแรกวันแรกก็ต้องมาเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเลยแบบนี้ และเนื่องจากเงียบกันทั้งครูทั้งนักเรียนฐิตินันท์ที่ทนไม่ไหวจึงเหลือบสายตาขึ้นเล็กน้อยเพราะต้องการรู้ว่าคุณครูคนใหม่ตรงหน้าเธอจะเอายังไงกับพวกเธอต่อ แต่แล้วก็ทำให้ร่างสูงถึงกับอึ้ง ก็ในเมื่อครูสาวสุดน่ารักคนนี้กำลังน้ำตาซึมคลออยู่ที่ขอบตาเนี่ยสิ และยังไม่ทันที่ฐิตินันท์จะได้ทำอะไรแค่จ้องมองใบหน้าขาวเนียนที่คลอไปด้วยน้ำตานั่นเท่านั้นแหละ น้ำใสๆของร่างเล็กก็ไหลพรากลงอาบแก้มทันที สร้างความงุนงงให้ร่างสูงขึ้นไปอีก
     
    “เอ่อ อ...อาจารย...” “เพี๊ยะ!?” “อย่าเข้ามานะ บ้าที่สุดเลย” “....??....” ฐิตินันท์ที่กำลังจะยื่นมือเข้าไปหาอาจารย์สาวตรงหน้าด้วยไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไรเธอจึงร้องไห้ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไรก็ถูกฝ่ามือเล็กๆฝากรอยไว้บนใบหน้าซะอย่างงั้น แล้วคุณเธอผู้ฝากรอยช้ำไว้ก็วิ่งหนีออกจากห้องไปในทันทีที่ตบเสร็จ ยังไม่ทันที่จะงงกับพฤติกรรมของครูสาวด้วยซ้ำเธอก็ถูกอาฟเตอร์ช็อกอีกลูกจากเพื่อนสาวที่เข้ามาคว้าเอาปกเสื้อของเธอ
     
    “ไอนันท์ แกไปทำอะไรอาจารย์วะ” กล่าวเสร็จญาณิณก็ผลักฐิตินันท์ออกแล้ววิ่งตามอาจารย์สาวไป
     
    “เออนั่นดิ ตรูไปทำอะไรวะ ?” ฐิตินันท์เอ่ยออกมาเบาๆกับตัวเอง ก่อนจะวิ่งตามคนทั้งคู่ออกไปด้วยความที่ยังงงไม่หาย และคงไม่ใช่แค่เธอหรอกแต่รวมไปถึงเพื่อนๆของเธอทั้งหมดในห้องด้วยนั่นแหละที่อยู่ๆก็เกิดว่างเรียนซะอย่างนั้นในคาบแรก

    .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... ..........

    ภายในห้องเรียนอีกห้องหนึ่งที่อยู่ในชั้นเรียนเดียวกันซึ่งอาจารย์สาวสุดเก๋าของโรงเรียนอย่างมัณฑณีกำลังยืนเขียนกระดานอยู่นั้น อยู่ๆเสียงนักเรียนในห้องก็อื้ออึงขึ้นมา ทำให้ช็อกที่อาจารย์สาวถืออยู่หักคากระดานทันที แล้วเมื่อนั้นเสียงก็เงียบกริบลง มัณฑณีหันหน้ามาทางนักเรียนทั้งหลายด้วยรอยเปื้อนยิ้มที่ดูจะเหี้ยมเกรียมเล็กน้อย แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อสายตาผ่านไปทางประตูด้านหลังห้องแล้วเห็นหลังไวๆของหญิงสาวร่างเล็กผู้หนึ่งในชุดสีกากีวิ่งผ่านไป
     
    “หืม พิมนี่” มัณฑณีเอ่ยกับตัวเองเบาๆ แล้วขยับตัวออกไปทางประตูเพื่อดูให้แน่ใจ แต่เธอก็พบกับญาณิณที่วิ่งตัดหน้าเธอไป แล้วต่อมความจี๊ดก็ปี๊ดขึ้นทันทีที่เห็นนักเรียนวิ่งอยู่บนระเบียง เมื่อกี้ก็ทีแล้วที่เห็นญาณินวิ่งบนระเบียงแต่เพราะเห็นว่าอยู่กับพิมลดาเธอจึงปล่อยไป และแม้ว่าจะเป็นเพื่อนของฐิตินันท์ก็ตามแต่คงต้องจับมานั่งอบรมกันหน่อย เมื่อกำลังจะก้าวขาออกจากห้องเพื่อตามสองคนนั้นไปก็พบกับฐิตินันท์ที่วิ่งตามมา แล้วเธอก็ยิ้มออกมาทั้งใบหน้าเมื่อพบกับฐิตินันท์ แต่ไม่รู้ว่าเป็นความโชคดีของเธอหรือไม่ ก็ในเมื่อนักเรียนสาวที่เธอโปรยยิ้มไปให้นั้นเมื่อเจอหน้าเธอปุ๊บก็กลับลำปั๊บแล้ววิ่งกลับไปทางเดิมในทันที ทำให้อาจารย์สุดจี๊ดยิ่งปี๊ดสุดๆล่ะงานนี้ แล้วทีนี้เธอจะตามใครไปดีล่ะนั่น “คนรัก” ที่คิดเอาเองฝ่ายเดียว หรือว่าเพื่อนของคนรักกับรุ่นน้องดี
     
    “หืม พิมกับเล้ง แล้วยัง...นันท์...” มัณฑณีพึมพำกับตัวเองเบาๆ แล้วความคิดพิสดารก็เกิดขึ้น ที่จริงเธอเองก็คิดไว้ตั้งแต่ที่แอบดูญาณินกับพิมลดาที่ระเบียงก่อนเข้าห้องแล้วแหละนะ แต่ยังไม่คิดจะทำอะไร ในเมื่อเจอแบบนี้ก็มีเรื่องที่จะเข้าหาได้แล้ว คิดได้ดังนั้นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ แล้วเธอก็วิ่งตามทางฝั่งญาณิณกับพิมลดาไป จนแล้วจนรอดห้องม.4/1 ที่อาจารย์มัณฑณีกำลังสอนอยู่นั้นก็ว่างเรียนไปอีกหนึ่งห้องโดยปริยาย...

    .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... .......... ..........

    จบคาบเรียนที่
    1

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×