คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #55 : ข้อมูลทางโภชนาการ
ที่ร่างกายคุณต้องการหรือเปล่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงรู้ได้ยาก แต่ถ้าวันนี้มีวิธีง่าย ๆ เพียงแค่พลิกฉลาก
คุณก็จะเห็นกรอบ ?ข้อมูลโภชนาการ? ซึ่งอาจจะเป็น ที่คุณคุ้นตาบ้าง แต่ยังไม่ทราบถึงประโยชน์อันมหาศาล
เรามารู้จักข้อมูลทางโภชนาการกันดีกว่า
ข้อมูลโภชนาการคืออะไร
คือ ข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในกรอบจากอาหารซึ่งแสดงคุณค่า ชนิด และปริมาณของสารอาหารที่มี
ในอาหารนั้นๆ ข้อมูลเหล่านี้ได้จากการตรวจวิเคราะห์อาหาร แล้วนำมาคำนวณและแสดงไว้ในกรอบตามรูปแบบที่กำหนดเพื่อความสะดวกต่อผู้บริโภค ทั้งนี้ รวมถึงการกล่าวอ้าง เช่น แคลเซียมสูง ด้วย
กรอบข้อมูลโภชนาการ มีหลายรูปแบบ ทั้งแบบเต็ม และแบบย่อ ขึ้นอยู่กับจำนวนชนิดสารอาหารที่มีอยู่ในอาหารนั้น และ ขนาดพื้นที่ของฉลาก
ข้อมูลโภชนาการดูแล้วได้อะไร
1. ทำให้เรารู้ว่าอาหารที่เรากำลังจะซื้อนั้นมีสารอาหารอะไรบ้าง เช่น มีโปรตีนเท่าไร มีคาร์โบไฮเดรตเท่าไร เป็นต้น และยังรู้อีกด้วยว่าปริมาณที่มีนี้คิดเป็นสัดส่วนร้อยละเท่าไรของที่เราควรกินแต่ละวัน
2. สามารถเปรียบเทียบและเลือกซื้ออาหารที่ให้ประโยชน์มากที่สุด เพราะถึงแม้จะเป็นอาหารประเภทเดียวกัน แต่ก็อาจให้สารอาหารไม่เท่ากันก็ได้
3. สามารถเปรียบเทียบความคุ้มค่าได้ เช่น นมเปรี้ยวยี่ห้อ A มีสารอาหารมากกว่ายี่ห้อ B แต่ราคาเท่ากันหรือถูกกว่า ก็ควรซื้อยี่ห้อ A
4. ทำให้หลีกเลี่ยงสารอาหารที่ไม่ต้องการได้ เช่น ไขมัน โคเลสเตอรอล น้ำตาล โซเดียม เป็นต้น
อาหารใดบ้างที่ต้องแสดงกรอบข้อมูลทางโภชนาการ
อาหารที่ต้องแสดงกรอบข้อมูลโภชนาการนี้ ได้แก่ ?อาหารที่มีการกล่าวอ้าง? เท่านั้น ทั้งนี้อาหารที่ไม่เข้าข่ายนี้ก็อาจจะแสดงข้อมูลทางโภชนาการได้โดยสมัครใจ
?อาหารที่มีการกล่าวอ้าง? ได้แก่
1. อาหารที่มีการกล่าวอ้างทางโภชนาการ เช่น มีแคลเซียมสูง ไขมันต่ำ เป็นต้น
2. อาหารที่มีการกล่าวอ้างคุณค่าในการส่งเสริมการขาย เช่น บำรุงร่างกาย ทำให้สดใสแข็งแรง เพื่อสุขภาพ เป็นต้น (คุณค่าในทางยา เช่น ป้องกัน รักษา จะใช้กับอาหารไม่ได้)
3. อาหารที่ระบุกลุ่มผู้บริโภคในการส่งเสริมการขาย เช่น
สำหรับนักบริหาร สำหรับเด็ก เป็นต้นอาหารเหล่านี้
เราต้องดูข้อมูลในกรอบข้อมูลโภชนาการให้ละเอียดว่าเหมาะสม
กับความต้องการของเราหรือไม่ เพื่อการบริโภคอย่างถูกต้องเพื่อ
สุขภาพที่ดีของเรา
ข้อมูลโภชนาการ หนึ่งหน่วยบริโภค : 4 ลูก ( จำนวนหน่วยต่อผู้บริโภค กระป๋อง : 3 |
คุณค่าทางโภชนาการต่อหนึ่งหน่วยผู้บริโภค พลังงานทั้งหมด 100 กิโลแคลอรี (พลังงานจากไขมัน 0 กิโลแคลอรี) |
ร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวัน* ไขมันทั้งหมด 0 ก. 0 % ไขมันอิ่มตัว 0 ก. 0 % โคเลสเตอรอล 0 มก. 0 % โปรตีน น้อยกว่า 1 ก. คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด 25 ก. 8 % ใยอาหาร น้อยกว่า 1 ก. 3 % น้ำตาล 25 ก. โซเดียม 15 ก. 1 % |
ร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวัน* วิตามินเอ 0 % วิตามินบี 1 2 % วิตามินบี 2 0 % แคลเซียม 0 % เหล็ก 0 % |
* ร้อยละของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป (Thai RDI) โดยคิดจากความต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี |
ความต้องการพลังงานของแต่ละบุคคลแตกต่างกัน ผู้ที่ต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี ควรได้รับสารอาหารต่างๆ ดังนี้ ไขมันทั้งหมด น้อยกว่า 65 ก. ไขมันอิ่มตัว น้อยกว่า 20 ก. โคเลสเตอรอล . น้อยกว่า 300 มก. คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด 300 ก. ใยอาหาร 25 ก. โซเดียม น้อยกว่า 2400 มก. |
พลังงาน (กิโลแคลอรี) ต่อกรัม : ไขมัน = 9 ; โปรตีน = 4 ; คาร์โบไฮเดรต = 4 |
ข้อมูลโภชนาการ....ดูง่ายๆ
หนึ่งหน่วยบริโภค หมายถึง ?กินครั้งละ? นั่นเอง ในตัวอย่างนี้คือ แนะนำให้กินครั้งละ 4 ลูก หรือ 140 กรัมรวมทั้งน้ำเชื่อม
จำนวนหน่วยบริโภคต่อกระป๋อง หมายถึง กระป๋องนี้กินได้กี่ครั้ง ในตัวอย่างนี้ คือ กินครั้งละ 4 ลูก รวมน้ำเชื่อมได้ 3 ครั้ง
คุณค่าทางโภชนาการต่อหนึ่งหน่วยบริโภค หมายถึง เมื่อคุณกินอาหารนี้แต่ละครั้ง จะได้พลังงานหรือสารอาหารตามที่ระบุ จากตัวอย่าง กินลิ้นจี่หนึ่งหน่วยบริโภค (4 ลูกรวมน้ำเชื่อม) จะได้พลังงาน 100 กิโลแคลอรี
ร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวัน หมายถึง สารอาหารที่ได้รับจากการกินอาหารนี้ คิดเป็นสัดส่วนเท่าใดของที่เราควรจะได้รับต่อวัน เช่น ปริมาณคาร์โบไฮเดรต 25 กรัม จึงคิดเป็น 8 % ของปริมาณที่แนะนำ ดังนั้น เราต้องกินอีก 92 % จากอาหารอื่น
Thai RDI หมายถึง ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับคนไทยอายุ 6 ปีขึ้นไป
เราสามารถคำนวณหาปริมาณพลังงานได้เอง จากค่าเหล่านี้ จะเห็นว่าเมื่อเทียบน้ำหนัก 1 กรัมเท่ากัน ไขมัน
ให้พลังงานมากกว่าโปรตีนหรือคาร์โบไฮเดรต ถึง 2 เท่า
ความคิดเห็น