ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love mission ภารกิจรักพิชิตหัวใจเธอ

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 : ฉันเป็นแฟนเขาเมื่อไรกันเนี่ย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 742
      2
      29 พ.ย. 53



    ตอนที่ 2
    ฉันเป็นแฟนเขาเมื่อไรกันเนี่ย!
     
                แสงแดดอ่อนๆยามบ่ายสาดส่องผ่านบานหน้าต่าง มายังร่างเล็กๆของเด็กสาวที่นอนคดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา บนเตียงใหญ่อันแสนนุ่มสบายซะจนไม่อยากให้มีสิ่งใดมารบกวนเธอในตอนนี้ แต่ทว่า...
     
              ปังๆๆๆๆ...!!!!!
     
                เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างไร้มารยาท ทำให้ฉันที่กำลังนอนหลับสบายและยังไม่สร่างจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อคืนนี้ดีต้องปรือตาขึ้นมา ไอ้หยา!...วันนี้วันเสาร์นี่น่า
                “ปะ...ไปเปิดเดี๋ยวนี้แหล่ะค่า!”
     ฉันสปริงตัวลุกจากเตียงนอน แล้วรีบวิ่งไปที่ประตูทันที แต่ก่อนที่จะเปิดประตูต้อนรับแขกผู้ไม่ประสงค์ดี ฉันก็เขย่งปลายเท้าส่องดูที่ตาแมว ทำให้ได้เห็นใบหน้าโหดๆของผู้ชายสองคนที่ยืนขนาบข้างกับเจ๊ที่แต่งหน้าเข้มๆ แถมหน้าตายังบ่งบอกอีกว่ากำลังโกรดจัด ฮือๆ ยัยเจ๊ปากแดงมาทวงค่าเช่าห้องอีกแล้ว TOT
     
    แอด...
     
                ทันทีที่ฉันเปิดประตูและโผล่หน้าออกไป ยัยเจ๊ปากแดงนี่ก็แบมือมาตรงหน้าฉันทันที
                “ค่าเช่า!”
                ฉันควรจะบอกไปดีมั้ยว่าตอนนี้ฉันมีแค่สามร้อย T^T
                “ค่ะ...คือว่าหนู...”
                “ถ้าไม่มีก็ Get up!” ยัยเจ๊ปากแดงชี้นิ้วไปอีกทาง เอ...ถ้าจะไล่กันมันต้องพูดว่า Get out ไม่ใช่เหรอ -_-;
                “ขะ...ขอเวลาหนูอีกหน่อยนะคะ เอ่อ...คือเฮียจะจ่ายเงินให้หนูตอนเย็น ขอเวลาหนูถึงตอนเย็นนะคะ” 
                “Are you ok?”
                “-[]-“
                “ฉันถามว่าเธอแน่ใจรึเปล่า!”
                นั่นมันก็ต้องพูดว่า Are you sure?  ไม่ใช่เหรอ -_-;
                “แน่ใจค่ะ ถ้าตอนเย็นหนูยังไม่เอาเงินมาจ่าย หนูจะย้ายออกไปทันที”
                “ได้!เพราะฉันเป็นคน Find หรอกนะ”
                เอาอีกแล้ว -_-; ว่าตัวเองเป็นควายซะงั้น ถ้าจะพูดว่าเป็นคนใจดีก็ต้องพูดว่า Kind ไม่ใช่เหรอ โอ๊ย~...อายไอ้ยักษ์ปักหลั่นสองตัวด้านข้างบ้างมั้ยเนี่ย
                “แต่ถ้าตอนเย็นแล้วฉันยังไม่ได้ ก็เชิญออกไปซะ!”
                เออ!พูดภาษาไทยอย่างเดียวน่ะดีแล้ว
                ฉันปิดประตูหลังจากที่ยัยเจ๊ปากแดงกับสมุนยักษ์ทั้งสองกลับไปแล้ว เฮ้อ~ทำไมชีวิตของฉันถึงโชคร้ายบัดซบได้ขนาดนี้นะ มันแย่ยังไงน่ะเหรอคะ เอาล่ะ!งั้นตั้งใจฟังให้ดี และรับรู้ด้วยว่าคุณกำลังเข้าสู่ช่วงดราม่า
    มันเริ่มจากตรงที่คุณพ่อและคุณแม่ของฉันประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่โมรอคโคตอนไปดูที่ดินเพื่อนฃสร้างรีสอร์ทที่นั่นเมื่อปีที่แล้ว ตั้งแต่นั้นมายัยเมมโมรี่คนนี้ก็ต้องเผชิญโลกกว้างคนเดียว(อันที่จริงก็แค่ในประเทศไทยเท่านั้นแหล่ะ -_-;) แถมมรดกทุกอย่างยังตกเป็นของคุณป้าซึ่งเป็นพี่สาวๆแท้ของคุณแม่ เพราะด้วยเหตุผลที่ว่าฉันยังไม่บรรลุนิติภาวะ พวกท่านก็เลยเขียนไว้ในพินัยกรรมว่าให้คุณป้าเป็นผู้จัดการมรดกทุกอย่างจนกว่าฉันจะมีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ แต่ทว่าคุณป้าที่พวกท่านคิดว่าแสนดีกลับเอามรดกที่เป็นของฉันไปเข้าบ่อนคาสิโน(ป้าแกติดการพนันสุดๆ) และท้ายที่สุดยังทิ้งฉันไว้เพียงคนเดียวอีกต่างหาก คฤหาสน์หลังงามที่เคยอยู่อย่างสุขสบายก็ต้องถูกยึดทรัพย์เพราะบริษัทล้มละลายไม่เป็นท่า(ก็เพราะคุณป้าไม่มีเงินที่จะบริหารน่ะสิ T^T)
                เอาวะ!ยังดีที่คุณป้ายังพอมีจิตใจงดงามอยู่บ้าง ที่จ่ายค่าเทอมให้ฉันจนครบ และทิ้งเงินให้ฉันตั้งหนึ่งหมื่นบาทเอาไว้ตั้งตัว แถมยังฝากงานฉันไว้กับเพื่อนของป้าแกอีก แล้วอะไรอีกนะ...อ้อ!กระปุกออมสินหมูน้อยที่เขียนป้ายติดเอาไว้ด้วยว่ามีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท -_-;
                อันนี้ควรจะบอกกับตัวเองก่อนดีกว่ามั้ยยัยป้าบ้า!
     
    เหอะๆ เป็นไงล่ะ ดราม่าสุดๆไปเลยใช่มั้ยชีวิตฉัน T^T
    ชีวิตตอนนี้เป็นยังไงน่ะเหรอคะ ฉันก็ต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเอง และจ่ายค่าเช่าห้องโทรมๆแถมเจ้าของยังบริการไม่ค่อยดีนี่ยังไงล่ะ เอาล่ะ!นี่ก็ใกล้เวลาที่ฉันต้องออกไปทำงานแล้ว และเป็นวันที่ฉันจะต้องได้รับค่าจ้างสักที นี่ฉันติดยัยเจ๊นั่นอยู่เท่าไรนะ เอ...ผ่านมาสามเดือนแล้วสินะ ถ้าคิดจำนวนเงินค่าเช่าห้องรวมค่าน้ำค่าไฟก็ต้องเป็น...
    เจ็ดพันห้าร้อยห้าสิบห้าบาทกับอีกห้าสิบสตางค์สินะ -_-;
    ง่า~เงินเดือนของฉันจะถึงมั้ยเนี่ย T^T
    เอาเถอะ!สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดฟะ
     
    หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในห้องน้ำแล้ว ฉันจึงสวมยูนิฟอร์มของไนต์คลับที่ฉันทำงานพาร์ทไทม์  ไม่ใช่ชุดหนังดำรัดติ้วสวมถุงน่องลายตาข่ายและที่คาดผมหูกระต่ายอะไรแบบนั้นนะ ก็แค่เสื้อเชิ้ตแขนยาวธรรมดา ผูกหูกระต่ายสีดำและกระโปรงดำยาวถึงหัวเข่า
    ฉันกรีดอายไลน์เนอร์ทำให้ดวงตาดูเฉียบคม และแต่งแต้มลิปกรอสสีชมพูสดใสที่ริมฝีปาก แต่งหน้าแค่นี้ฉันก็ดูดีใช้ได้แล้วล่ะ ก็เกิดมามีโครงหน้าสวยเลิศอยู่แล้วนี่นะ โฮะๆๆ (หลังตัวเองพอๆกับยัยโรมเลยนะเนี่ย : ตุ๊กตาต้วมเตี้ยม) ส่วนผมตรงที่ถูกโกรกสีน้ำตาลทองยาวเลยหัวไหล่มานิดนึงก็ถูกรวบมัดขึ้นสูง เอาล่ะ!แค่นี้ก็ใช่ได้แล้ว
    ฉันพร้อมที่จะไปทำงานแล้วล่ะ ^_^
     
     
    ABK CLUB
    08 : 23 P.M.
     
    ABK CLUB คือ ไนต์คลับที่มีมาตรฐานระดับอินเตอร์สไตล์เอเชีย แถมยังหรูหราระดับห้าดาว ดังนั้นลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นพวกไฮโซ เหล่าคนในวงการบันเทิง หรือไม่ก็พวกเซเลบ ที่สำคัญที่สุดคือเพื่อนของคุณป้าเป็นเจ้าของไนต์คลับแห่งนี้ อย่างที่บอกแหล่ะค่ะว่าป้าแกฝากงานฉันไว้กับเพื่อน ด้วยเหตุนี้ฉันเลยต้องมาทำงานที่ไนต์คลับแห่งนี้ยังไงล่ะ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ค่อยชอบสถานที่แบบนี้ แต่ทำยังไงได้ล่ะ นักเรียนที่ยังไม่จบมัธยมปลายอย่างฉันจะไปหางานที่ไหนทำได้ง่ายๆ แถมยังต้องเลี้ยงตัวเองให้รอดอีก แต่เงินที่นี่ก็โอเคนะทิปก็ดี ส่วนเพื่อนของป้าน่ะเหรอคะ ใจดีกับฉันที่สุดเลยล่ะ ^_^
    “นี่!ยัยเด็กฝาก มัวแต่ยืนบื้ออยู่ได้ ทำไมไม่เอาแบล็คเลเบอร์ไปเสริฟให้ลูกค้าสักทีห๊ะ!”
    ยกเว้นพี่วอดก้า ลูกชายของลุงเคนเพื่อนคุณป้าของฉันนั่นแหล่ะ คนๆนี้ชอบดุฉันเป็นที่สุดเลยอะ T^T ไม่รู้ว่าโกรธเกลียดอะไรฉันนักหนา
    “ปะ...ไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ”
     ฉันรีบทำตามที่พี่วอดก้าบอกทันที แบล็คเลเบอร์ที่ถืออยู่ในมือทำให้ฉันนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ให้ตายฉันก็จะไม่มีวันกินเหล้าอีกเด็ดขาด เพราะฤทธิ์ของมันทำให้ฉันเปลืองตัวชะมัด ทั้งกล้าออกไปแดนซ์ต่อหน้าคนจำนวนมหาศาล โชว์ลีลาบ้าบออะไรไม่รู้ที่คิดว่าเซ็กซี่ ที่สำคัญที่สุดคือเสียเฟริสคิสให้กับผู้ชายที่ไม่ได้รัก >///<
    อ๊ายยยย~~!!!! นึกถึงเรื่องนี้แล้วอยากจะผูกคอตายใต้ต้นกฐินจริงๆ (แล้วมันจะตายมั้ยน่ะ : ตุ๊กตาต้วมเตี้ยม -_-;)
    “ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ” ฉันพูดกับตาลุงที่นั่งอยู่บนโซฟาหนังสีดำขลับอย่างดี มือทั้งข้างซ้ายและข้างขวาต่างยุ่งอยู่กับการโอบเอวสาวสวยสุดอึ๋มทั้งสองคนที่นั่งขนาบข้าง ท่าทางแบบนี้ดูก็รู้ว่าเป็นเสี่ยแก่ๆที่ชอบเคี้ยวหญ้าอ่อน
    ฉันวางแบล็คเลเบอร์ไว้บนโต๊ะ พลันสายตาก็เจอะกับสายตาโลมเลียที่กำลังจ้องมองฉันอยู่ กรี๊ดดดด~~!!ตาเสี่ยแก่มีสาวสวยอยู่แล้วตั้งสองคน ยังคิดจะลวนลามฉันทางสายตาอีกเรอะ หัวงูชะมัด ไปดีกว่า >_<
    ตอนแรกที่รู้ว่าจะต้องมาทำงานที่ไนต์คลับ ทำให้ฉันใจหายวาบทันทีเพราะคิดว่าจะต้องมาทำงานเปลืองเนื้อเปลืองตัวและนุ่งน้อยห่มน้อยน่ะสิ แต่ไม่ใช่อย่างที่คิดเลยสักนิด แต่ถึงแม้จะเป็นพนักงานเสริฟถ้าหน้าตาสวยๆอย่างฉันก็อาจมีถูกลวนลามบ้างเป็นธรรมดา
    คนสวยเข้าใจดีค่ะ -_-
    “มาแล้วเหรอ!” 
    ฉันสะดุ้งโหยงพลางมองเจ้าของเสียงดุๆนั่น นึกว่าพี่วอดก้าซะอีก ที่แท้พี่ยินนั่นเอง เอาเถอะ!จะยินหรือวอดก้า พี่น้องคู่นี้ก็ดุพอกันนั่นแหล่ะ T^T
    “เอาวิสกี้ไปเสริฟชั้นบนด้วย”
    “ข้างบนเหรอคะ” 
    แต่ลุงเคนบอกว่าห้ามฉันขึ้นไปเสริฟข้างบนโดยเด็ดขาดนี่หน่า
    “ ใช่ ห้อง 2012 นะ”
    “ตะ...แต่ลุงเคนบอกว่า...”
    “อย่าเอาพ่อมาอ้างหน่อยเลย ตอนนี้ฉันกับไอ้วอดก้าคุม ถึงเธอจะเป็นเด็กฝาก ถ้าฉันอยู่อย่าหวังว่าจะพิเศษไปกว่าคนอื่นๆหน่อยเลย เป็นแค่เด็กเสริฟก็ทำหน้าที่ของตัวเองซะ” 
    ใจร้าย ทำไมต้องพูดจาดูถูกฉันขนาดนั้นด้วย
    “เข้าใจแล้วค่ะ” ฉันตอบเสียงอ่อย ฉันก็แค่เด็กเสริฟจะต่อกรอะไรกับลูกชายเจ้าของไนต์คลับได้ล่ะ เฮ้อ~รู้สึกต่ำต้อยชะมัด
    ฉันเดินยกถาดที่มีวิสกี้และแก้ววิสกี้สี่แก้วขึ้นมาบนชั้นสองซึ่งเป็นโซน VIP ที่จัดเป็นห้องส่วนตัว และในที่สุดฉันก็เดินมาถึงหน้าห้องหมายเลข 2012 เสียงครึกครื้นของผู้ชายดังเล็ดรอดออกมาจากด้านใน ไม่อยากจะเข้าไปเลยแหะ แต่เอาเถอะฉันก็แค่มาเสริฟวิสกี้ให้พวกเขาเท่านั้น คงไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นหรอกหน่า
    ก๊อก...ก๊อก...
    หลังจากที่ฉันเคาะประตูเพียงไม่กี่วินาที ประตูก็ถูกเปิดพรวดเล่นเอาฉันตกใจหมด -_-
    “อ้าว มาแล้วเหรอ เข้ามาๆ” 
    ผู้ชายหน้าตาจัดได้ว่าหล่อเหลาสไตล์ตะวันตกที่เปิดประตูให้ฉันพูดด้วยใบหน้าที่แดงกร่ำ ดูๆแล้วคงจะเป็นกลุ่มนักศึกษาล่ะมั๊ง 
    “จะรับอะไรเพิ่มมั้ยคะ” ฉันถามหลังจากจัดแจงวิสกี้และแก้ววิสกี้ทั้งสี่แก้วไว้บนโต๊ะ
    “เฮ้!น้องเค้าถามว่าจะรับอะไรเพิ่มมั้ย” ผู้ชายผมสีชาหันไปถามเพื่อนอีกสองคน เอ...แก้วที่เอามามีทั้งหมดสี่แก้วนี่หน่า แต่ในห้องตอนนี้มีแค่สามคน อีกคนหายไปไหนกันล่ะ
    “รับอะไรดีน้า...” คราวนี้เป็นเสียงของผู้ชายผมสีน้ำตาล รอยยิ้มกรุ่มกริ่มและสายตาที่พวกเขาส่งให้แก่กันนั่นหมายความว่าไง “...ให้น้องนั่งคุยเล่นกับพวกพี่ๆก่อนได้มั้ยจ๊ะ”
    “ถ้างั้นจะเรียกพี่ๆข้างล่างขึ้นมาละกันนะคะ” ฉันรีบบอกก่อนที่จะเดินออกไป แต่ผู้ชายคนที่เปิดประตูให้ฉันกลับรีบเดินมายืนขวางทางเอาไว้ 
    “จะรีบไปไหนล่ะน้อง อยู่คุยเล่นกับพี่ก่อนสิครับ”   
    “ขะ...ขอตัวกลับไปทำงานนะคะ”
    “ตัวสั่นเชียว ไม่เป็นไรหรอกน่า มานั่งข้างๆพี่มามะ” จู่ๆไอ้ผู้ชายผมสีน้ำตาลก็คว้าข้อมือของฉันเอาไว้ น่ะ...นี่มันอะไรกันเนี่ย แบบนี้ไม่เอานะฉันกลัว T^T
    “ปล่อยนะ!” ฉันพยายามดึงข้อมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมแต่ก็ไม่เป็นผล แงๆ~ใครก็ได้ช่วยฉันที “ว้ายยยย~!!” ฉันร้องขึ้นมาเมื่อถูกผลักลงไปนั่งข้างๆไอ้ผู้ชายผมสีน้ำตาลนี่ 
    “ได้ทิปงามด้วยนะ ไม่ดีใจเหรอ”
    ทิปงามเงิมอะไรล่ะ แบบนี้ไม่อ๊าวววว...~~
    “พวกนายทำอะไรกันน่ะ” 
    เสียงๆหนึ่งดังขึ้นจากทางประตูห้อง ทำให้ไอ้พวกบ้านี่รวมทั้งฉันหันไปมองเจ้าของเสียงนั้น ผะ...ผู้ชายคนนั้นคือมิสยูนี่หน่า!
    “มาแล้วเหรอมิสยูน้องรัก พวกฉันขอให้ยัยนี่คุยด้วยแต่ไม่ยอมซะนี่สิ นายว่าจะจัดการยัยนี่ยังไงดีวะ” ไอ้หน้าหล่อตะวันตกนั่นพูด
    มะ...เมื่อกี้ไอ้หมอนี่บอกว่าจะจัดการฉันงั้นเหรอ!
    ฉันนั่งตัวสั่นระริกอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่าหน้าหล่อพวกนี้อย่างไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง มิสยูมองมาที่ฉันด้วยแววตาเฉยชา สีหน้าของเขาในตอนนี้ยากที่จะเข้าใจนัก 
    “ขอโทษนะครับพี่เทเลอร์ กรุณาปล่อยผู้หญิงคนนั้นด้วยครับ” มิสยูหันไปบอกนายผมน้ำตาลนี่จับข้อมือของฉันเอาไว้แน่น
    “ห๊ะ!จะให้ฉันปล่อยยัยนี่เนี่ยนะ”
    “ผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนผม”
    “ว่าไงนะ!!!” <<< ไอ้หมาป่าสามตัวนั้น
    O_O” <<< ฉัน
    “กรุณาปล่อยมือเธอด้วย อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำสอง เห็นผมแบบนี้แต่ผมหึงแรงนะ” มิสยูบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ 
    นายเทเลอร์หรือไอ้ผมสีน้ำตาลปล่อยข้อมือฉัน วินาทีนั้นเองที่ฉันรีบลุกออกไปจากห้อง แต่มิสยูกลับดึงแขนของฉันเอาไว้
    “ไปรอฉันข้างล่าง” เขาบอก
    “อะ...อืม” ฉันพยักหน้า เมื่อมิสยูปล่อยแขนฉัน ฉันจึงรีบเดินออกไปจากที่ตรงนี้ทันทีพลางความคิดของฉันก็คิดคำถามที่ทำให้จิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้วตอนนี้
     
    ฉันไปเป็นแฟนเขาตั้งแต่เมื่อไรกันเนี่ย!?! -_-


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×