ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวจำเป็น

    ลำดับตอนที่ #8 : ทำความรู้จักกับว่าที่เจ้าสาว

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.2K
      4
      16 ม.ค. 56

                   หลังจากมื้อาหารที่แสนยาวนานสำหรับเปรมมิกาผ่านพ้นไป ด้านผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายจึงออกปากให้ทั้งคู่ออกไปเดินเล่นตรงสวนหย่อมที่อยู่ติดฝั่งแม่น้ำเพื่อเป็นการทำความรู้จักกันก่อนจะถึงวันแต่งงานในอีก 3 วันนี้ หญิงสาวมีทีท่าว่าไม่อยากจะออกไปไหนเลยซักนิดแต่ติดตรงที่ว่าเกรงใจผู้ใหญ่ของฝั่งนู้นมากกว่าเลยปลีกตัวออกมาอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเดินนำหน้าชายหนุ่มไปเงียบ ๆ จนไปถึงสวนริมน้ำที่ตอนนี้มีแสงไฟสลัวและต้นไม้ใบหญ้าที่สวยงามสบายตา
                   เปรมมิกาที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับแสงไฟกับต้นกล้วยไม้อยู่ จนลืมสิ่งรอบข้างแม้แต่ชายหนุ่มที่ตามหลังมาตอนแรก และตอนนี้เขาก็ได้มายืนอยู่ข้างหลังเธอเงียบ ๆ โดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัว

                   "เธอชอบต้นไม้พวกนี้เหรอ"  เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้หญิงสาวที่กำลังเพลิดเพลินกับความงามของกล้วยไม้ต้องชะงักและหันไปตามเสียงที่ดังขึ้นแต่ทว่าระยะที่ใกล้เกินไปของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวที่หันมานั้นชนเข้ากับหน้าอกแกร่งของเขาจนเกือบจะหงายหลังแต่โชคดีที่ภควัตรมือไวคว้าเอวบางของเธอไว้ก่อนที่จะล้ม
                   ทั้งสองคู่สบตากันนิ่งอยู่พักใหญ่ ตาสบตากันเปรมมิกาบอกตัวเองไม่ได้เลยว่านี่มันคือความรู้สึกอะไรกันแน่ที่ใจเธอกำลังเต้นโครมครามอยู่ข้างในจนแทบจะระเบิดออกมา เมื่อเธอได้สติจึงขยับตัวดันร่างหนาของเขาออกเพื่อพยุงตัวเองให้ทรงตัวได้เหมือนเดิมและยังไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณ
                  "ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยไว้" เสียงหวานเอ่ยขอบคุณ       ภควัตรเองยอมรับว่าเธอเป็นคนที่สวยหวานน่าทะนุถนอมมากคนนึงเลยทีเดียวแต่มันติดตรงที่ว่าทำไมเธอถึงยอมให้พ่อแม่เอามาใส่พานมาให้เขาหรือเพราะเธอเองก็คงไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วไปที่เอาตัวเข้าแลกเพื่อความสุขสบายของตัวเองเมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเปลี่ยนสีหน้าทันทีก่อนที่จะถามย้ำในสิ่งที่ยังไม่ได้คำตอบเมื่อครู่

                   "ฉันถามว่าเธอชอบต้นไม้พวกนั้นเหรอ" ชายหนุ่มถามย้ำเพราะที่เขาถามไปยังไม่ได้คำตอบจากเธอเลย
                   "ใช่ค่ะ แป้งชอบต้นไม้โดยเฉพาะกล้วยไม้พวกนี้น่ะค่ะดูแล้วทำให้รู้สึกสบายตาหายเครียด" หญิงสาวตอบ
                   "เธอใช่ไหมคือคนที่คุณแม่ฉันจะให้แต่งงานด้วย" ชายหนุ่มยังถามต่อไปถึงคำตอบที่เค้าอยากรู้ เปรมมิกายังคงตอบคำถามเขาเหมือน เดิม  "คงงั้นมั้งคะ" เสียงเรียบตอบอย่างไว้ตัว
                   "เธอคงเห็นว่าตระกูลเราเป็นผู้ดีเก่ามั่งคั่งล่ะสิท่า ถึงต้องเอาตัวเข้ามาประเคนแบบนี้ คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ" น้ำเสียงเหยียดหยามเอ่ยออกมาจากปากภควัตรลูกชายคนเดียวของตระกูลทำให้หญิงสาวตรงหน้ารู้สึกผิดหวังในสิ่งที่ภควัตรพูด ก่อนที่เธอจะตอบกลับไปอย่างเรียบเฉย
                   "คุณคงเข้าใจอะไรผิดแล้วมั้งคะ ฉันไม่เคยอยากจะได้นามสกุลของคุณมาใช้ ไม่เคยอยากได้ทรัพย์สมบัติของคุณเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะ ..."  เสียงเธอขาดช่วงไป 
    เปรมมิกาที่นึกขึ้นได้ถ้าหากเธอเอ่ยปากบอกไปไม่เพียงเขาจะดูถูกเธอแล้วคงลุกลามไปถึงครอบครัวของเธอด้วยเป็นแน่จึงเลือกที่จะไม่พูดต่อความยาวกับเขาแล้วเดินเลี่ยงไปทางอื่นเสีย เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ตอบและกำลังจะเดินหนีด้วยนิสัยของนักธุรกิจจึงเป็นการยอมไม่ได้หากเขายังไม่ได้คำตอบที่น่าพึงพอใจ หญิงสาวที่กำลังจะเดินเลี่ยงไปแต่ก็ยังช้ากว่ามือหนาที่เข้าไปรวบแขนทั้งสองข้างของเธอให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา
                    "เธอจะเดินหนีฉันแบบนี้ไม่ได้นะเปรมมิกา คุยกับฉันให้รู้เรื่องไม่งั้นฉันจะบีบแขนเธอให้ขาดเป็นสองท่อนเลย ไม่เชื่อก็ลองดูสิ" เสียงข่มขู่จากภควัตรดังขึ้นเปรมมิกาถึงแม้จะไม่ยอมแต่ตอนนี้แขนของเธอเจ็บร้าวไปหมดเพราะการออกแรงบีบของเขา
                   "ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะคุณภควัตร ฉันเจ็บได้ยินมั้ย" เสียงเปรมมิกาโอดครวญและนิ่วหน้าแสดงความเจ็บปวด
                   "ถ้างั้นเธอก็ตอบมาสิว่าเธอต้องการอะไรกันแน่ ถ้าไม่ใช่แค่เงินทองทรัพย์สมบัติแล้วเธอต้องการอะไร ฮ๊ะ เปรมมิกาเธอต้องการอะไร ตอบมาสิตอบมา" ภควัตรออกแรงเขย่าร่างบางของเธอจนหัวสั่นคลอนไปหมด แต่ถึงกระนั้นภควัตรก็ยังไม่ปล่อยเธอเป็นอิสระ

                   "คุณภควัตร คุณไม่ได้ยินหรือยังไงกัน ฉันบอกว่าฉันเจ็บ ปล่อย" เปรมมิกาเริ่มเสียงดังขึ้นเพราะความโมโหที่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยเสียทีจนตอนนี้เธอเริ่มจะเวียนหัวแล้ว
                   "หูตึงหรือยังไงฉันบอกว่าฉันจะไม่ปล่อย จนกว่าเธอจะพูดความจริง" ชายหนุ่มยังดึงดัน
                   "ฉันบอกแล้วไงว่านั่นเมื่อเรื่องส่วนตัวของฉันคุณอยากจะเข้าใจอะไรยังไงก็เรื่องของคุณ" เปรมมิกายืนยันคำเดิม ซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มตรงหน้าเธอเริ่มจะไม่พอใจอย่างมากที่ไม่ได้คำตอบที่ต้องการและหญิงสาวตรงหน้าก็ออกแรงดิ้นไม่ยอมหยุด แขนข้างหนึ่งของเธอสะบัดหลุดออกมาได้แล้วเตรียมจะวิ่งหนีเข้าไปข้างในบ้าน แต่มือที่แข็งแรงกว่าก็ดึงเข้าหาร่างสูงอีกครั้ง เปรมมิกาตอนนี้เริ่มจะสู้แรงไม่ไหว เวียนหัวและหน้ามืดเซถลาเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้นแต่โชคยังดีที่ภควัตรตวัดเอวบางเอาไว้ไม่ให้ล้มก่อนจะพลิกหน้ามาแล้วพบว่าหญิงสาวได้เป็นลมไปแล้ว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×