ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวจำเป็น

    ลำดับตอนที่ #22 : ปรับตัวเข้าหาพูดจาดีดี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.6K
      4
      10 ก.พ. 56

                     หลังจากพาเธอไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายแล้วจึงพาหญิงสาวกลับบ้านอีกหลังก่อนจะโทรบอกคุณพอฤดีและคุณภัทรเรื่องของเธอที่ถูกทำร้ายและบอกว่าตอนนี้หญิงสาวปลอดภัยดี
                    "ครับคุณแม่" เมื่อวางสายเสร็จเขาก็เดินตรงมายังหญิงสาวทันที
                    "ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดใครคุณพ่อคุณแม่ฟังหมดแล้วนะแล้วพวกท่านบอกว่าจะมาเยี่ยมเธอวันพรุ่งนี้" พูดจบก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเธอก่อนจะถามอีกครั้ง
                    "ฉันว่าเธอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่านะเพราะชุดนี้มันดูไม่ได้เลย"
                    "ใช่สิ ฉันมันดูไม่ได้ในสายตาคุณอยู่แล้ว จะทำอะไรหรือใส่ชุดไหนมันก็ไม่ดีไปหมดนั่นแหละ"
                     เปรมมิกาเริ่มพาลพาโลอีกครั้งเพราะสิ่งที่เขาพูดเมื่อสักครู่เหมือนเป็นการตอกย้ำเธอเรื่องที่เกิดขึ้น
                    "ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เฮ้อ เธอนี่ยังไงนะพูดดีก็หาว่าประชด พูดไม่ดีก็หาว่าดูถูก ตกลงเธอจะเอายังไงกันแน่หาเปรมมิกาฉันตามเธอไม่ทันหรอกนะ อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เนี่ย"
                    ชายหนุ่มพูดให้เหตุผลก่อนจะทำหูทวนลมเดินเข้าไปอุ้มเธอไปชั้นสองของบ้านเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีโดยไม่สนใจเสียงประชดประชันของเธออีกจนกระทั่งมาถึงห้องนอนเขาวางเธอลงบนขอบอ่างอาบน้ำและจับเธอหันหลัง
                     "นี่คุณจะทำอะไรน่ะ" เปรมมิกาตกใจที่เขาเอื้อมมือมาปลดซิปด้านหลังชุดของเธอ
                     "อยู่เฉย ๆ เถอะน่าฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก" เขายังคงรูดซิปด้านหลังให้เธออย่าเบามือ
                    
                      ความเงียบเข้าครอบงำทั้งคู่ให้ตกอยู่ในภวังค์ของความคิดของตัวเองเวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่เขาปลดซิปเธอเสร็จเผยให้เห็นแผ่นหลังนวลเนียนที่เป็นรอยขีดข่วนจากเศษใบหญ้าที่พื้นสกปรกนั่น ทำให้เขานึกโทษตัวเองที่ไม่รีบตามเธอออกไปจนเกือบจะเป็นเหยื่อของเศษมนุษย์พวกนั้นเสียแล้ว ถ้าเขาไปไม่ทันป่านนี้เธอจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
                     "ฉันจะออกไปรอเธอข้างนอกอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเรียกฉันก็แล้วกันฉันจะเข้ามาอุ้มเธอไปที่เตียง" ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ นอกจากเสียงแผ่ว ๆ ที่เกือบจะไม่ได้ยิน
                     "ขอบคุณค่ะ" 
     
                     เพียงไม่นานนักเขาก็อุ้มเธอมาวางไว้ที่เตียงก่อนจะเดินไปที่โซฟาซึ่งอยู่อีกด้านของห้อง
                     "นี่คุณ จะทำอะไรน่ะ" เปรมมิการ้องทัก
                     "อ้าวก็นอนเป็นเพื่อนคุณไง หมอบอกว่าคืนนี้คุณอาจจะมีไข้เพราะระบมที่ข้อเท้า" ภควัตรบอกกลับ
                     "ไม่ต้อง ฉันอยู่คนเดียวได้" หญิงสาวยังคงดื้อแพ่ง
                     "ไม่ได้ เธอจะให้ฉันนอนตรงนี้หรือว่าขึ้นไปนอนกับเธอบนเตียงดีล่ะ แต่ว่าบนเตียงก็ไม่เลวนะเพราะตั้งแต่แต่งงานกันมาเรายังไม่เคยนอนเตียงเดียวกันเลยนี่" ชายหนุ่มยิ้มกริ่มด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ทำให้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นทันทีจึงรีบพูดแก้เขิน
                     "ทำไมไม่ให้เด็กมานอนเป็นเพื่อนฉันล่ะ ทำไมต้องเป็นคุณด้วย" เธอยังคงเถียง
                     "คนเป็นสามีภรรยากันต้องนอนห้องเดียวกันสิถึงจะถูกจะให้คนอื่นเข้ามาทำไมฉันเป็นสามีก็ต้องดูแลภรรยาอย่างเธอสิถูกแล้ว" ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ เปรมมิกาหันหน้าหนีเพราะไม่อยากจะเถียงกับเขาแล้วเธอจึงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุ่มร่างก่อนจะเผลอหลับไป
                
                     "หนาว หนาวเหลือเกิน คุณพ่อขาช่วยแป้งด้วย แป้งไม่อยากอยู่ที่นี่ พาแป้งไปอยู่ด้วยนะคะ" เสียงร้องละเมอดังขึ้นทำให้ ภควัตร สะดุ้งตื่นและลุกเดินเข้าไปหาหญิงสาว
                     "เปรมมิกา เธอเป็นยังไงบ้าง" หลังจากเอามืออังที่แก้มก็พบว่าเธอตัวร้อน
                     "ว่าแล้วเชียวไข้ขึ้นสินะถึงได้ละเมอแบบนั้น" ชายหนุ่มลุกไปหยิบอกะละมังใบเล็กและผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นมาวางไว้ข้างเตียงก่อนจะเช็ดตัวให้เธออย่างเบามือ
                     "คุณพ่อขา อย่าทิ้งแป้งไป เขาใจร้าย แป้งไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ไม่อยากอยู่กับคนใจร้ายแบบนี้ ฮือ ฮือ" ชายหนุ่มชะงักมือที่เช็ดหน้าให้เธอ คนที่เธอลพเมอพูดถึงนั้นคือเขาใช่มั้ย
                     "คุณวัตรใจร้าย คุณพ่ออย่าทิ้งแป้งนะคะ" สองมือไขว่ขว้าหาใครสักคน ชายหนุ่มจับสองมือเธอไว้ก่อนจะปลอบเธออย่างอ่อนโยน
                     "เปรมมิกา ฉันขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้ ถ้าฉันไปเร็วกว่านี้เธอคงจะไม่ต้องเจ็บ" ชายหนุ่มลูบเรือนผมของเธออย่างเบามือ เสียงละเมอหยุดลงพร้อมกับเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเธอ
                     
                     เปรมมิกาขยับตัวเล็กน้อยเพราะเพิ่งตื่นจากการฟื้นไข้แต่รู้สึกเหมือนจะขยับไม่ได้ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นแขนของใครบางคนวางพาดตัวเธออยู่เมื่อแหงนหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าเจ้าของแขนแกร่งนั้นยังคงหลับใหลไม่รู้เรื่องเธอพยายามแกะมือออกแต่ก็ไม่สำเร็จจนเจ้าของมันตื่นแล้วมองมาที่เธอพอดี
                    "ตื่นแล้วเหรอ รู้สึกเป็นยังไงบ้างดีขึ้นรึยัง" เขาถามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่แขนของเขาวางอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับไปไหน
                    "ค่ะ เออ ช่วยเอาแขนของคุณออกไปก่อนได้มั้ยคะ ฉันจะเข้าห้องน้ำ" หญิงสาวบอกก่อนจะก้มหน้างุดเพราะความอาย
                    "จะเข้าห้องน้ำเหรอ เดี๋ยวฉันพาเธอไปเอง" ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นอย่างคล่องแคล่วและอุ้มเธอไปยังห้องน้ำรอจนเธอทำธุระเสร็จ
                    "เดี๋ยวเธอรอฉันตรงนี้ก่อนนะ ฉันขออาบน้ำก่อน" 

                    เมื่อทั้งคู่ทานอาหารและเอายาให้เธอทานแล้วจึงพาเธอมานั่งรับลมที่สวนหลังบ้าน
                    "ฉันว่าเรามาทำข้อตกลงกันใหม่ดีกว่านะ จะได้ไม่ต้องอึดอัดกันทั้งสองฝ่าย" ชายหนุ่มพูดขึ้นหลังจากที่เงียบไปพักใหญ่
                    "คุณจะตกลงอะไรก็ว่ามาสิ" เปรมมิกาตอบเสียงเรียบ
                    "ผมคิดว่าเราควรจะสงบศึกกันสักพักแล้วตกลงกันดี ๆ เราแต่งงานกันเพราะอะไรคุณรู้เหตุผลข้อนั้นอยู่แล้ว ข้อตกลงของผมก็คือเราแต่งงานกันเฉพาะในนาม จะไม่มีการล่วงเกินใด ๆ เกินขึ้นเว้นแต่ว่าอีกฝ่ายเต็มใจอันนี้ก็ยกเว้น" ถึงตรงนี้ชายหนุ่มยักคิ้วให้อย่างเป็นต่อเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะอ้าปากเถียงจึงรีบพูดขึ้นทันที
                    "ผมยังพูดไม่จบ" หญิงสาวจึงต้องหุบปากลงฉับพลัน
                    "คุณจะต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะครบหนึ่งปี แล้วเราจะมาพูดเรื่องหย่า ในระหว่างที่เรายังอยู่ในฐานะสามีภรรยาเราจะต้องให้เกียรติซึ่งกันและกันแต่ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทำผิดข้อตกลงอันนี้อีกฝ่ายสามารถขอหย่าได้ทันทีโดยไม่มีข้อโต้แย้ง" เมื่อพูดจบเขามองหน้าเธอเพื่อขอความเห็น
                    "ถึงแม้มันจะเป็นข้อตกลงที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่มันก็คงไม่เลวร้ายเท่ากับสิ่งที่ฉันต้องเจอในตอนนี้หรอก" เปรมมิกา กล่าวเรียบ ๆ ไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ
                    "แสดงว่าเธอตกลง งั้นก็เซ็นสัญญาระหว่างเราซะ อ่ะนี่ปากกา" เขายื่นเอกสารสัญญาที่เขาร่างขึ้นมาให้เธอดูและเซ็นยินยอม
                    "ทำไมต้องเซ็นด้วยล่ะหรือว่าสายเลือดนักธุรกิจอย่างคุณทำอะไรก็ตามจะต้องเกี่ยวกับผลประโยชน์ทั้งนั้น" หญิงสาวประชดแต่ก็ลงมือจรดปากกาลงบนกระดาษแต่โดยดี
                    "เมื่อไหร่คุณจะเลิกค่อนแคะผมซะทีนะ อ่ะนี่ส่วนของคุณเซ็นแล้วก็เก็บสัญญาพวกนี้ไว้ให้ดีล่ะ" หญิงสาวเบ้ปากอย่างไม่สบอารมณ์ที่ถูกเขาบังคับ
                    "รู้แล้วน่า คุณก็อย่าลืมทำตามสัญญาที่ให้ไว้ก็แล้วกันเพราะฉันจะทวงทันทีที่คุณทำผิด อย่าว่าแต่ผิดเลยแค่คุณคิดฉันจะหย่าทันทีและจะยกเลิกข้อตกลงทั้งหมดเราจะได้ขาดกัน"

                     
                     
                                                                                                                                                                                          
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×