ผู้เข้าชมรวม
485
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
3 ปี 9 เดือน
1,000 วัน
24,000 ชั่วโมง
1,440,000 นาที
86,400,000 วินาที
นานแค่ไหนแล้วนะที่ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้
นานแค่ไหนแล้วนะที่ช่องว่างระหว่างเรามันกว้างขนาดนี้
เหมือนกับคนแปลกหน้า
เหมือนกับคนไม่รู้จักกัน
เป็นผมเองที่ครั้งหนึ่งเคยพยายามทำทุกอย่างที่พี่ชอบ
แล้วก็เป็นผมเองที่พยายามจะเปลี่ยนทุกอย่างไปเพียงเพราะใครบางคนผิดสัญญา
ผมลบเพลงที่พี่เคยชอบ
ผมลบเพลงที่เราเคยฟังด้วยกัน
ผมเลิกไปที่ร้านประจำของพี่
ผมเลิกดูหนังแนวที่พี่ชอบ
ผมโยนหนังสือที่เคยให้พี่ยืมทิ้งไป
ผมพยายามเลี่ยงสถานที่ที่เราเคยไปด้วยกัน เพราะมันทำให้ผมคิดถึงพี่
ผมพยายามที่จะทิ้งทุกความทรงจำที่เราเคยมีร่วมกันมา
แต่ทุกครั้งที่ผมหลับตาลงผมก็รู้ตัวดี
ว่าต่อให้พยายามสักเท่าไหร่ผมก็คงทำไม่ได้
แม้จะปฏิเสธความจริงสักเท่าไหร่ พยายามหลอกตัวเองแค่ไหน ผมก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่
เพราะลึกๆแล้วผมไม่เคยลืมพี่ไปได้เลย..
คิมจินฮวาน ผมคิดถึงพี่.....
คิมฮันบินตื่นขึ้นในห้องนอนสีขาว
สีขาวที่ไม่เหมาะสำหรับเขาเอาเสียเลย แต่มันเคยเป็นสีโปรดของใครบางคนเขาจึงเลือกตกแต่งห้องนอนนี้ด้วยสีนั้นทั้งหมด แสงแดดที่สะท้อนเข้าตาทำให้ชายหนุ่มหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นใหม่เพื่อปรับแสงให้พอดีอย่างที่ใครบางคนเคยสอนไว้ มือหนาประคองตัวให้ลุกขึ้นนั่ง เขามองไปรอบห้องนอนกว้างแห่งนี้แล้วแค่นยิ้มออกมา อดไม่ได้ที่จะนึกถึงช่วงเวลาที่เขาเคยนอนคุยโทรศัพท์กับใครบางคนจนถึงรุ่งเช้าของวันถัดไป
บนเตียงแห่งนี้ที่เขาเคยนอนกลิ้งไปมา เรื่องราวต่างๆถูกเล่าออกไปให้อีกคนฟัง เสียงหวานนั้นเอ่ยตอบมาอย่างน่ารัก ทั้งสองแลกเปลี่ยนเรื่องราวกันได้อย่างไม่รู้เบื่อ ทุกๆอย่างดำเนินไปเช่นนั้นทุกๆคืนจนขอบตาของเขาคล้ำไปหมด แต่นั่นก็เป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุด
นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้คุยกันแบบนั้น
รอยยิ้มจางๆปรากฎขึ้น เมื่อเขามองไปยังโปสเตอร์หนังเรื่องโปรดที่แปะอยู่บนกำแพง เงาในกระจกที่สะท้อนเห็นภาพเขานอนอยู่บนเตียงเตียงเดิมทำให้รู้ว่าเขาเองไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อสามปีที่แล้วเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้เขาถอนหายใจออกมา แต่ก่อนที่จะคิดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงประตูที่เปิดขึ้นพร้อมกับร่างเล็กของเด็กน้อยที่เขาคุ้นเคยเดินเข้ามาในห้องแสนรกของผู้เป็นพี่เสียก่อน
“ตื่นได้แย้ว บินบินจอมขี้เกียจ!!!” เสียงหวานออกคำสั่งแล้วเบะปาก ท่าทางที่เหมือนกับคิดว่าตัวเองเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ปราบเหล่าร้ายทำเอาฮันบินต้องหัวเราะออกมา
“ตื่นแล้วครับเจ้าหญิง บอกคุณม๊าว่าเดี๋ยวพี่อาบน้ำแล้วจะลงไปแล้วกันนะ”
ฮันบินลงมากินข้าวตอนสิบโมงตรง สองชั่วโมงครึ่งหลังจากฮันบยอลมาตาม ไม่มีใครอยู่ในบ้านแล้ว พ่อแม่ของเขาคงไปทำงาน และเจ้าหญิงตัวน้อยของบ้านก็ต้องไปอยู่ที่เนิร์สเซอรี่ เหลือเพียงลูกชายคนโตที่หยุดโรงเรียนมาเพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบไว้เพียงคนเดียวเท่านั้น
เขามองคิมบับในจานด้วยสายตานิ่งๆ
ภาพความทรงจำในอดีตที่คนตัวเล็กคีบคิมบับจ่อปากเขาย้อนกลับขึ้นมาในหัว คิมบับที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อเป็นอาหารกลางวันในช่วงพักของวันกีฬาสีตอนเขาอยู่มอปลายปีสอง เสียงหัวเราะคิกคักของคนสองคนที่แอบขึ้นมานั่งอยู่บนดาดฟ้า ข้าวเม็ดเล็กที่ติดอยู่บนข้างแก้มของคนแก่กว่า
และเขาเองที่เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้... ใกล้เสียจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวอีกคน
รสชาติของข้าวจากปากของคิมจินฮวานในวันนั้นไม่ได้ต่างไปจากรสของคิมบับฝีมือแม่เขาในวันนี้เลย...
‘ Jinan ♡ sent you a sticker ’
‘ Jinan ♡ : เด็กขี้เกียจจจ ตื่นรึยัง ’
ฮันบินมองมือถือที่แจ้งเตือนข้อความเข้ามา รอยยิ้มจางๆที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวเมื่อครู่เลือนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนส่งมา คิมจินฮวานยังกะเวลาเขาตื่นได้ถูกเสมอ ไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะว่าการดำเนินชีวิตของคนทั้งสองไม่แตกต่างกันมากนักมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เลื่อนเพื่อจะปลดล็อค แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจกดปิดหน้าจอกลับไปอีกครั้ง ฮันบินรีบกินคิมบับในจานให้หมดแล้วลุกขึ้นจากโต๊ะ พร้อมกับคว้าเครื่องมือสื่อสารเดินกลับขึ้นห้องนอนไป
คิมจินฮวานคือชื่อของรุ่นพี่ที่เขาเคยรู้จัก
จินฮวานแก่กว่าเขาสองปี ตอนที่ฮันบินเข้ามอต้นปีหนึ่ง จินฮวานก็อยู่ปีสามเสียแล้ว ดีที่ว่าโรงเรียนที่เขาอยู่ให้นักเรียนมัธยมต้นและปลายอยู่ด้วยกันเหมือนกับเป็นโรงเรียนเดียว เพราะอย่างนั้นเขากับจินฮวานจึงมาสนิทกันได้ในปีถัดๆมา
ไม่รู้ว่าไปสนิทกันได้ไง ไปสนิทกันตอนไหน แต่รู้ตัวอีกที เขากับรุ่นพี่ตัวเล็กคนนั้นก็สนิทกันเสียจนคนรอบข้างเข้าใจว่าเป็นแฟนกันไปหมด
สนิทเสียจนเขาเผลอใจไปชอบจินฮวาน
ตอนเช้าที่เดินเข้าโรงเรียนพร้อมกัน ตอนกลางวันที่แอบไปกินข้าวด้วยกันสองคน หรือตอนเย็นที่เขาเดินไปรับอีกคนที่ห้องหลังเลิกเรียน แม้กระทั่งตอนกลางคืนที่เขากับอีกคนมักจะเผลอคุยกันเสียจนไม่ได้นอนทั้งคืน คิมจินฮวานได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาโดยไม่ทันตั้งตัว
คงเป็นเพราะแบบนั้น อีกคนจึงได้ออกจากชีวิตของเขาไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเช่นเดียวกัน
‘ นี่! คิมฮันบิน อย่านอนอ่านหนังสือแบบนั้นสิ เดี๋ยวก็สายตาสั้นพอดี ’ เสียงหวานตะหวาดแหว เมื่อร่างสูงตะแคงหัวอ่านหนังสือด้วยท่าทางอ่อนแรง ทั้งสองคนกำลังอยู่ในห้องสมุดของโรงเรียน นี่เป็นช่วงใกล้สอบปลายภาคแล้ว ฮันบินกับจินฮวานจึงนัดกันมาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดหลังเลิกเรียน
จินฮวานไม่ใช่คนเรียนเก่งอะไรนัก แต่คิมฮันบินจัดได้ว่าเป็นตัวท็อปคนนึงของสายชั้น
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เหอะ ฮันบินก็ยังชอบอ้อนให้อีกคนมาสอนหนังสือในเรื่องที่เขารู้อยู่แล้ว คนตัวเล็กไม่รู้หรอกว่าฮันบินน่ะไม่ได้ตั้งใจมาเรียนเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่อยากมองท่าทางตอนกำลังตั้งใจสอนของอีกคนก็เท่านั้นเอง แต่จะพูดก็พูดไปเถอะ แม้ว่าจะไม่ใช่คนเรียนเก่งอะไรนัก แต่อาวุธของจินฮวานคือความตั้งใจ เท่าที่ดูจากเทคนิคและข้อมูลเอกสารเหล่านั้นแล้ว หากไม่รู้จักกันมาก่อนเขาคงเข้าใจว่าอีกคนเป็นพวกติวเตอร์มืออาชีพแน่ๆ
‘ บินอ่า ตั้งใจเรียนหน่อย เอาแต่นอนแบบนั้นเดี๋ยวก็หลับหรอก ’
‘ ย๊า! นี่หลับจริงๆหรือไง ตื่นสิตื่น ’
‘คิม! ฮัน! บิน! ’
คำพูดมากมายของคิมจินฮวานยังดังก้องอยู่ในหัว ตอนนี้คิมฮันบินก็นอนอ่านหนังสือไม่ต่างไปจากตอนนั้น แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีอารมณ์อ่านต่อเสียแล้ว มือหนาเขี่ยดินสอเล่นไปมา ทิ้งให้โจทย์คณิตศาสตร์ที่นองกองอยู่เป็นหมันไปซะ รูปโพลารอยด์ของเขากับรุ่นพี่ตัวเล็กในวันงานโรงเรียนตอนเขาปีสองถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ แม้ปากจะบอกว่าพยายามลืม แต่ฮันบินก็ยังพกมันไปไหนมาไหนทุกที่ สุดท้ายเขาก็เก่งแต่ปากจริงๆ
เหมือนกับโน๊ตแผ่นเล็กที่เขาและจินฮวานมักจะเขียนถึงกัน รูปถ่ายมากมายที่เคยมี ฮันบินก็เก็บมันไว้ในซองสีน้ำตาลใบใหญ่ ตั้งใจที่จะทิ้งมันไปตั้งนานแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยตัดใจทิ้งมันลงถังขยะได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว...
มือใหญ่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เขากดปุ่มปลดล็อกและเริ่มลงมือพิมพ์
‘ ตื่นตั้งนานแล้ว พี่นั่นแหละ วันนี้มีเรียนไม่ใช่รึไง ’
เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกดลบข้อความทั้งหมดไป
‘ You sent a sticker.’
สุดท้ายแล้วที่เขาส่งไปก็มีเพียงแค่สติ๊กเกอร์โง่ๆตัวหนึ่งเท่านั้น
ตอนฮันบินขึ้นม.ต้นปีสาม จินฮวานได้แนะนำให้เขาได้รู้จักกับคนคนหนึ่ง
‘กูจุนฮเว’ เป็นรุ่นน้องของเขาหนึ่งปี และเป็นน้องในชมรมของจินฮวาน
แล้วหลังจากนั้นทุกๆอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป แม้รุ่นพี่ร่างเล็กจะยังอยู่กับเขาเหมือนเดิม แต่คนทั้งสองก็ไม่ได้คุยกันจนเช้าเช่นเดิม โน๊ตเล็กๆที่มักจะมาติดอยู่ตามกระเป๋าตามโต๊ะก็เริ่มหายไป บางวันจินฮวานก็ไม่ได้กลับบ้านกับเขาเพราะต้องไปทำงานที่สภานักเรียน มันคงจะไม่เป็นอะไรหรอก หากเขาไม่ได้แอบเห็นว่าร่างเล็กนั้นอยู่กับจุนฮเวที่คาเฟ่แถวบ้านตอนสองทุ่ม
จินฮวานเข้าเป็นกรรมการสภานักเรียนม.ปลายปี2 ส่วนจุนฮเวก็เป็นสภานักเรียนของม.ต้นปี2 การที่จะได้พบเจออยู่ด้วยกันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่นั่นมันกลับทำให้เขารู้สึกหวั่นใจแปลกๆ
เหมือนกับอีกคนค่อยๆออกห่างไกลจากเขาไปเรื่อยๆ จินฮวานเริ่มเปลี่ยนน้ำหอมที่ใช้ พอถามก็ได้คำตอบว่าจุนฮเวเป็นคนซื้อมาให้ พร้อมกับอวดนู่นอวดนี่ที่เด็กคนนั้นนำมาฝากร่างบางอยู่บ่อยๆ จากวันกลายเป็นเดือน ความสัมพันธ์ของเขากับรุ่นพี่ตัวเล็กก็ห่างเหินออกไปเสียจนน่ากลัว
จากที่เคยเจอกันทุกวัน กลายเป็นนานๆครั้ง
จากที่เคยมีอะไรก็พูดคุยอะไรกันทุกอย่าง กลายเป็นทักทายแค่ที่จำเป็น
จากที่ชื่อ ‘จีนาน’ มีแค่เขาคนเดียวที่เรียก ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าจุนฮเวเองก็ได้รับสิทธิ์นั้น
จากที่ที่ตรงนั้นเคยเป็นที่ของเขา ตอนนี้ มันได้กลายเป็นที่ของกูจุนฮเวไปเสียแล้ว
‘ จีนานฮยอง! ’ ร่างสูงตะโกนเรียกรุ่นพี่ตัวเล็กเมื่อเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยเดินผ่านไปแวบๆในขณะที่เขากำลังปรึกษางานกับรุ่นพี่ในห้องชมรม เขาวิ่งตามร่างนั้นออกมาอย่างเร่งรีบ ร่างบางหยุดเดินนิ่ง ก่อนจะหันกลับมาหาเจ้าของเสียงที่คุ้นเคย รอยยิ้มใจดีถูกส่งมาให้เขาเหมือนกับทุกครั้ง ฮันบินกำลังจะยิ้มตอบ ทว่าใครอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างเจ้าของชื่อดันหันหน้ามาเสียก่อน
กูจุนฮเว
‘ มีอะไรฮันบิน ’ เสียงหวานเอ่ยถาม เอียงคอน้อยๆ
‘ พี่.... ’ ฮันบินหยุดนิ่ง มองรุ่นพี่คนสนิทสลับกับรุ่นน้องร่างสูงที่ยืนมองเขานิ่งๆอยู่ไม่ห่าง เด็กหนุ่มเม้มปากเล็กน้อย เขารู้สึกคอแห้งผากไปหมด แต่ความรู้สึกหน่วงที่อยู่ในใจมันมีมากเกินกว่าที่เขาจะปล่อยให้อีกคนผ่านไปได้ในวันนี้
‘ พี่เป็นอะไรกับจุนฮเวกันแน่ ’ เขากลั้นใจถามไป แอบเห็นแววตาขุ่นเคืองจากเจ้าของชื่อที่ถูกพาดพิงเล็กน้อย แต่ด้วยความเป็นรุ่นน้อง จุนฮเวไม่ได้พูดอะไรออกมา ฮันบินจ้องตรงไปยังคนแก่กว่า แต่จินฮวานกลับหลบตาเขา
‘ ตอบผมมาสิ ’ เสียงทุ้มเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง เมื่อไม่ได้คำตอบจากอีกคน ฮันบินก้าวเท้าเข้าใกล้อีกคนขึ้น พยายามที่จะสบตากับร่างบางที่เขารักมากที่สุด หากแต่คนแก่กว่าก็ไม่ยอมหันมาทางเขาเลย
‘ พี่.... ’
‘ ทำอะไรกันอยู่น่ะ! ’ เสียงของบุคคลที่สี่ดังขึ้นจากด้านหลังเขา คิมจีวอน รุ่นพี่ที่กำลังคุยงานกับเขานั่นเอง ดูท่าว่าอีกคนจะวิ่งตามฮันบินที่จู่ๆก็ผุดลุกขึ้นมานั่นเอง จีวอนมองรุ่นพี่หน้าเด็กกับรุ่นน้องตัวสูงที่เขารู้จักดี ก็แหงล่ะ เขาเองก็เป็นสมาชิกสภานักเรียนเช่นเดียวกันนั่นเอง
‘ ผมขอเวลาแปปนึงจะพี่ จีนานฮยอง ตอบผมมาสิ ’ ฮันบินหันกลับไปพูดกับรุ่นพี่คนสนิทแล้วหันกลับไปมองร่างบางด้วยแววตาเว้าวอน จินฮวานก้มหน้าลง เม้มปากแน่นแล้วส่ายหัวเล็กน้อย
‘ แค่บอกผมได้ไหม..... ’
‘ ว่าพี่กับเขาเป็นอะไรกัน....... ’
จินฮวานเงยหน้าขึ้นหาฮันบินเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มบทสนทนานี้ ดวงตาใสที่มีน้ำตาคลอแทนคำตอบได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะไม่พูดอะไรออกมาแต่คนเด็กกว่าก็รับรู้ได้ ถึงสายตาขอโทษจากคนที่เขาคุ้นเคยที่สุดนั่น.....
‘ ผมเข้าใจแล้ว ’
‘ ขอโทษนะ ฮันบินอ่า ’
หลังจากนั้น เขากับจินฮวานก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย
ฮันบินไม่กล้าทักจินฮวานเวลาที่สวนกันตามทางเดิน แต่กลับมองหาอีกคนเสมอเวลาอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆ ไม่กล้าทักอีกคนในทวิตเตอร์ แต่กลับเข้าไปดูแอคเคาท์ที่คุ้นเคยทุกๆวัน มีเพียงเขาที่ได้แต่มองรอยยิ้มอ่อนโยนที่ตอนนี้กลายเป็นของกูจุนฮเว กับแววตาหมองเล็กน้อยที่มักเหลือบมองมาเวลาเจอเขาโดยบังเอิญ
จินฮวานไม่ได้ต้องการให้ทุกอย่างเป็นอย่างนี้
แต่เพราะรู้จักกันดีเกินไป อีกคนที่รับรู้ความรู้สึกของฮันบินมาโดยตลอดจึงเลือกที่จะเว้นระยะห่างระหว่างทั้งสอง เพื่อไม่เป็นการทำร้ายอีกคนไปมากกว่านี้
และทุกๆอย่างก็เป็นเช่นนั้นไปตลอดสองปีที่เหลือในโรงเรียนของคิมจินฮวาน
ไม่มีฮันบินที่เคยอยู่เคียงข้างจินฮวาน มีเพียงแค่สายตาคู่หนึ่งที่ได้แต่แอบมองจากที่ไกลๆ เพื่อนของเขาถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาและรุ่นพี่ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่รู้จะตอบคำถามเหล่านั้นอย่างไร
จะให้ตอบได้ยังไงล่ะ ก็ทุกอย่างมันไม่เคยเริ่มต้นขึ้น มันจะจบลงได้ยังไง
เขาไม่เคยคบกับจินฮวาน เขาจึงไม่เคยเลิกกับจินฮวาน
เพราะแบบนั้น ฮันบินจึงเลือกที่จะใช้ความเงียบตอบคำถามทุกคนมาตลอด
จินฮวานจบการศึกษา และเข้าเรียนต่อในมหาลัยที่ไกลออกไป
น่าตลกดีที่กูจุนฮเวที่จบชั้นม.ต้นตัดสินใจเข้าเรียนม.ปลายในโรงเรียนที่ใกล้กับมหาลัยแห่งนั้น...
เขามารู้ทีหลังว่าพ่อแม่ของทั้งสองเป็นเพื่อนกัน จุนฮเวกับจินฮวานได้อยู่ในหอพักเดียวกันที่ไม่ไกลจากสถานศึกษา มันตลกดีที่เหมือนกับว่าช่วงเวลาที่เขาเคยอยู่กับจินฮวานมันแทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย เขาไม่เคยได้เข้าใกล้เท่าจุนฮเว ไม่ได้อยู่เคียงข้างเหมือนกับจุนฮเว
ที่จริงแล้ว เขาไม่เคยได้ครอบครองหัวใจของจินฮวานเหมือนกับจุนฮเวด้วยซ้ำไป
เขารู้ตัวว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดถึงจินฮวานด้วยซ้ำ แต่ทุกครั้งที่เขาหลับตาลง รอยยิ้มหวานสดใสนั่นยังคงอยู่ในหัวเขาเสมอ ทุกๆครั้งที่เขาเดิน กิน นั่ง นอน ล้วนแล้วแต่มีบทสนทนาของอีกคนแวบเข้ามาเสมอ นั่นมันทำให้เขารู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน
ฮันบินเคยมีแฟน
บางคนคบได้หนึ่งอาทิตย์ บางคนคบได้สองสามเดือน แต่บางคนก็คบยาวนานถึงเจ็ดเดือนเลยด้วยซ้ำ
แต่ทุกๆครั้งที่เขาเดินเคียงข้างหญิงสาว ทุกๆครั้งที่เขายิ้ม ทุกๆครั้งที่เขาทำอะไรเพื่อใครสักคน ใจของเขาก็ยังคิดถึงจินฮวานเสมอ เขายังมองพวกเธอเป็นรุ่นพี่ตัวเล็กคนนั้นไม่เปลี่ยนแปลง สุดท้ายฮันบินจึงรู้สึกผิดจนต้องบอกเลิกพวกเธอไปคนแล้วคนเล่า เหมือนกับคนโง่ ที่มองเห็นใครๆเป็นจินฮวานไปเสียหมด
นั่นสินะ เขาจะรักใครได้ยังไง ในเมื่อหัวใจของเขายังมีเพียงแค่คิมจินฮวาน
แล้ววันหนึ่ง จุนฮเวก็เลิกกับจินฮวาน
เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่แล้ว จินฮวานทักคาคาโอเขาที่เงียบแสนจะเงียบ หัวใจของเขาเต้นแรงทันทีเมื่อเห็นว่าใครเป็นผู้ส่งข้อความมา
‘ Jinan ♡ : ฮันบิน ’
‘ Jinan ♡ : เราเลิกกับจุนฮเวแล้วนะ ’
‘ Jinan ♡ : ตอนนี้พี่ไม่ไหวเลย ’
‘ Jinan ♡ : โทรไปได้มั้ย.... ’
ข้อความถูกส่งมาขณะที่เขากำลังเรียนอยู่ โชคร้ายที่กว่าฮันบินจะเห็นมันก็ตอนที่กลับบ้าน หลังจากเวลาที่ข้อความถูกส่งมาหลายชั่วโมง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้คุยกันหลายปี แต่การได้เห็นข้อความจากคิมจินฮวานเพียงแค่ครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ความรู้สึกที่เขาอัดอั้นอยู่ในใจมันระเบิดออกมาเสียหมด
ฮันบินรีบตอบข้อความนั้นไปอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้อ่านข้อความของเขา เด็กหนุ่มรู้สึกร้อนใจเสียจนกดโทรออกเบอร์ที่เขาไม่ได้เห็นมานานแต่ก็ไม่กล้าที่จะลบทิ้งไปเสียที
‘ ยอโบเซโย ’ เสียงที่เขาไม่ได้มานานแสนนานดังขึ้นจากปลายสาย ฮันบินอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้แม้จะรู้ดีว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ควรรู้สึกแบบนี้ แต่เขาก็รู้สึกดีใจเหมือนลอยขึ้นฟ้าอย่างช่วยไม่ได้
‘ พี่จินฮวาน ’
‘ อ่าฮะ ฮันบิน ’ น้ำเสียงใสๆที่ไม่ได้ฟังดูโศกเศร้าอย่างที่ควรจะเป็นทำให้เขารู้สึกใจชื้น อย่างน้อยจินฮวานก็ไม่ได้กำลังร้องไห้อย่างที่เขากลัว
‘ พี่..... โอเคขึ้นแล้วเหรอ ’เขาคิดคำพูดที่จะใช้อยู่นาน สุดท้ายก็เอ่ยถามไปอย่างไม่มั่นใจ
‘ จีนานฮยอง / พี่เพิ่งเลิกเรียนน่ะ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วค่อยโทรกลับไปนะ ’ เสียงที่ดังมาตามสายทำให้เขารู้สึกวูบเหมือนหล่นลงจากที่สูง แม้จะได้ยินเพียงแค่สั้นๆแต่เขาก็จำเสียงที่แทรกเข้ามาเมื่อครู่ได้ดี
เสียงของกูจุนฮเว
แล้วเขาก็เดาไม่ผิด
อาทิตย์ต่อมาโรงเรียนของเขาจัดงานประจำปีขึ้น แน่นอนว่าศิษย์เก่าอย่างจินฮวานก็กลับมาเที่ยวงานครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ฮันบินเฝ้าบูธห้องเรียนอยู่ตอนที่รุ่นพี่ที่เขารอคอยมาถึง หลังจากวันนั้น ฮันบินกับจินฮวานก็กลับไปคุยกัน แม้จะเป็นการคุยกันผ่านทางตัวอักษรไม่ใช่คุยกันตัวเป็นๆแบบเมื่อก่อน แต่มันก็ดีขึ้นกว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา บทสนทนาของทั้งสองเป็นเพียงบทสนทนาเผินๆที่ไม่มีอะไรพิเศษไม่ใช่การพูดคุยเฉกเช่นคนสนิทแบบเมื่อก่อน แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็แอบหวังที่จะได้กลับมาคุยกับอีกคนเหมือนแต่ก่อน ฮันบินจึงตัดสินใจที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ด้วยการนัดอีกคนมาเจอจริงๆที่งานโรงเรียนนี่เอง
แต่อะไรๆมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด จินฮวานมาพร้อมจุนฮเว
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้เดินจับมือกันมาเหมือนที่ชอบทำสมัยอยู่ที่โรงเรียน แต่จุนฮเวก็ยังเดินมาส่งอีกคนพร้อมทั้งพูดลาไม่ต่างอะไรจากตอนที่คบกันอยู่ มันทำให้เขารู้ว่าที่เขาแอบเผลอคิดไปว่ามีโอกาสกลับไปเหมือนเดิมกับจินฮวาน มันไม่มีทางเป็นจริงเลย
ในเมื่อความทรงจำที่จินฮวานสร้างกับจุนฮเวมันมีอยู่มากมาย
มากเสียจนลบเลือนความทรงจำเพียงสั้นๆ ที่เขาไม่ได้หลงเหลือไว้มากพอ...
ฮันบินเผลอหลับไปบนกองหนังสือกองโตที่ยังไม่ได้เริ่มอ่านเพราะมัวแต่นั่งคิดถึงเรื่องราวในอดีต หัวใจของเขารู้สึกหน่วงแปลกๆเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของอีกคนในวันก่อน มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่เหมือนกับที่อีกคนมีให้เขาตอนม.ต้น
มันเป็นรอยยิ้มที่เขาคุ้นเคยดี
รอยยิ้ม ที่เหมือนกับที่จินฮวานมอบให้กับคนทั่วๆไป
มันบ่งบอกได้อย่างดีว่าสถานะระหว่างเขาและจินฮวานคงไม่มีวันที่จะพัฒนาไปมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง แววตาที่จินฮวานใช้มองจุนฮเวมันบีบสลายให้ใจของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะรู้ดีว่าในดวงนั้นคงไม่มีวันมีที่มากเพียงพอสำหรับเขา
ร่างสูงหยิบโทรศัพท์ขึ้นอีกครั้งเพื่อเช็คข้อความตอบรับ จินฮวานตอบกลับมาแล้ว และข้อความเหล่านั้นก็ทำให้เขาต้องแค่นยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
‘ Jinan ♡ : พี่กับจุนฮเวดีกันแล้วนะ ’
‘ Jinan ♡ sent you a sticker ’
ฮันบินยิ้มให้กับตัวเอง ทั้งๆที่รู้สึกชาไปทั้งหัวใจ เขาพิมพ์ข้อความตอบกลับไปพร้อมกับปาดหยดน้ำตาใสที่ลื่นไหลลงจากดวงตาคม
‘ ฮันบินอ่า เป็นผู้ชายอย่าร้องไห้นะ ’
‘ อย่าร้องไห้ต่อหน้าพี่น่า เพราะพี่ก็จะไม่ร้องไห้ต่อหน้านายเหมือนกัน ’
‘ ร้องไห้ต่อหน้าคนเด็กกว่านี่มันน่าขายหน้าชะมัด ’
‘ ร้องออกมาเถอะครับ ผมพร้อมจะฟังจีนานฮยองเสมอนั่นแหละ ’
‘ You : ครับ ยินดีด้วยนะ ’
‘ You : ผม ’
‘ You : คิดถึงพี่ ’
ผลงานอื่นๆ ของ themoestro ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ themoestro
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น