( ikon ) os | 보고싶다 - bjin - ( ikon ) os | 보고싶다 - bjin นิยาย ( ikon ) os | 보고싶다 - bjin : Dek-D.com - Writer

    ( ikon ) os | 보고싶다 - bjin

    โดย themoestro

    ผู้เข้าชมรวม

    485

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    485

    ความคิดเห็น


    13

    คนติดตาม


    18
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ธ.ค. 57 / 18:52 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

     
     
     



    title : 보고싶다 
    author : 
    themoestro
    pairing : bjin ft. junjin
    rated/genre : g / light drama
    length : 3746 words
    inspiration : girl's day - i miss you


     
    นี่คือวันช็อตชั่ววูบอย่างแท้จริง ถถถ
    คือไม่ได้เป็นไร ไม่ได้ดราม่า ไม่ได้อะไรทั้งสิ้น
    คือแค่อยากเขียนจริงจัง .__. 
    มันสั้นถึงสั้นที่สุด โปสก็ไม่มีอารมณ์ทำ
    อยากให้เรื่องนี้มีแค่สีขาว 
    ไว้พรุ่งนี้มาลงนะ เลิ้บ.


     
     
     

    (c) Chess theme

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ









      3 ปี 9 เดือน

      1,000 วัน

      24,000 ชั่วโมง

      1,440,000 นาที

      86,400,000 วินาที

       

       

       

       

      นานแค่ไหนแล้วนะที่ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้

      นานแค่ไหนแล้วนะที่ช่องว่างระหว่างเรามันกว้างขนาดนี้

       

      เหมือนกับคนแปลกหน้า

      เหมือนกับคนไม่รู้จักกัน

       

       

       

      เป็นผมเองที่ครั้งหนึ่งเคยพยายามทำทุกอย่างที่พี่ชอบ

      แล้วก็เป็นผมเองที่พยายามจะเปลี่ยนทุกอย่างไปเพียงเพราะใครบางคนผิดสัญญา

      ผมลบเพลงที่พี่เคยชอบ

      ผมลบเพลงที่เราเคยฟังด้วยกัน

      ผมเลิกไปที่ร้านประจำของพี่

      ผมเลิกดูหนังแนวที่พี่ชอบ

      ผมโยนหนังสือที่เคยให้พี่ยืมทิ้งไป

      ผมพยายามเลี่ยงสถานที่ที่เราเคยไปด้วยกัน เพราะมันทำให้ผมคิดถึงพี่

      ผมพยายามที่จะทิ้งทุกความทรงจำที่เราเคยมีร่วมกันมา

       

      แต่ทุกครั้งที่ผมหลับตาลงผมก็รู้ตัวดี

       

       

      ว่าต่อให้พยายามสักเท่าไหร่ผมก็คงทำไม่ได้

      แม้จะปฏิเสธความจริงสักเท่าไหร่ พยายามหลอกตัวเองแค่ไหน ผมก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่

      เพราะลึกๆแล้วผมไม่เคยลืมพี่ไปได้เลย..

       

       

       

       

       

      คิมจินฮวาน ผมคิดถึงพี่.....

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                      คิมฮันบินตื่นขึ้นในห้องนอนสีขาว

                      สีขาวที่ไม่เหมาะสำหรับเขาเอาเสียเลย แต่มันเคยเป็นสีโปรดของใครบางคนเขาจึงเลือกตกแต่งห้องนอนนี้ด้วยสีนั้นทั้งหมด แสงแดดที่สะท้อนเข้าตาทำให้ชายหนุ่มหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นใหม่เพื่อปรับแสงให้พอดีอย่างที่ใครบางคนเคยสอนไว้ มือหนาประคองตัวให้ลุกขึ้นนั่ง เขามองไปรอบห้องนอนกว้างแห่งนี้แล้วแค่นยิ้มออกมา อดไม่ได้ที่จะนึกถึงช่วงเวลาที่เขาเคยนอนคุยโทรศัพท์กับใครบางคนจนถึงรุ่งเช้าของวันถัดไป

                      บนเตียงแห่งนี้ที่เขาเคยนอนกลิ้งไปมา เรื่องราวต่างๆถูกเล่าออกไปให้อีกคนฟัง เสียงหวานนั้นเอ่ยตอบมาอย่างน่ารัก ทั้งสองแลกเปลี่ยนเรื่องราวกันได้อย่างไม่รู้เบื่อ ทุกๆอย่างดำเนินไปเช่นนั้นทุกๆคืนจนขอบตาของเขาคล้ำไปหมด แต่นั่นก็เป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุด

       

                      นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้คุยกันแบบนั้น

                      รอยยิ้มจางๆปรากฎขึ้น เมื่อเขามองไปยังโปสเตอร์หนังเรื่องโปรดที่แปะอยู่บนกำแพง เงาในกระจกที่สะท้อนเห็นภาพเขานอนอยู่บนเตียงเตียงเดิมทำให้รู้ว่าเขาเองไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อสามปีที่แล้วเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้เขาถอนหายใจออกมา แต่ก่อนที่จะคิดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงประตูที่เปิดขึ้นพร้อมกับร่างเล็กของเด็กน้อยที่เขาคุ้นเคยเดินเข้ามาในห้องแสนรกของผู้เป็นพี่เสียก่อน

                      ตื่นได้แย้ว บินบินจอมขี้เกียจ!!!” เสียงหวานออกคำสั่งแล้วเบะปาก ท่าทางที่เหมือนกับคิดว่าตัวเองเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ปราบเหล่าร้ายทำเอาฮันบินต้องหัวเราะออกมา

                      ตื่นแล้วครับเจ้าหญิง บอกคุณม๊าว่าเดี๋ยวพี่อาบน้ำแล้วจะลงไปแล้วกันนะ

       

       

       

       

       

       

                      ฮันบินลงมากินข้าวตอนสิบโมงตรง สองชั่วโมงครึ่งหลังจากฮันบยอลมาตาม ไม่มีใครอยู่ในบ้านแล้ว พ่อแม่ของเขาคงไปทำงาน และเจ้าหญิงตัวน้อยของบ้านก็ต้องไปอยู่ที่เนิร์สเซอรี่ เหลือเพียงลูกชายคนโตที่หยุดโรงเรียนมาเพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบไว้เพียงคนเดียวเท่านั้น

                      เขามองคิมบับในจานด้วยสายตานิ่งๆ

                      ภาพความทรงจำในอดีตที่คนตัวเล็กคีบคิมบับจ่อปากเขาย้อนกลับขึ้นมาในหัว คิมบับที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อเป็นอาหารกลางวันในช่วงพักของวันกีฬาสีตอนเขาอยู่มอปลายปีสอง เสียงหัวเราะคิกคักของคนสองคนที่แอบขึ้นมานั่งอยู่บนดาดฟ้า ข้าวเม็ดเล็กที่ติดอยู่บนข้างแก้มของคนแก่กว่า

                      และเขาเองที่เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้... ใกล้เสียจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวอีกคน

       

       

       

                      รสชาติของข้าวจากปากของคิมจินฮวานในวันนั้นไม่ได้ต่างไปจากรสของคิมบับฝีมือแม่เขาในวันนี้เลย...

       

       

       

                     

       

                      ‘ Jinan  sent you a sticker ’

                      ‘ Jinan : เด็กขี้เกียจจจ ตื่นรึยัง

       

                      ฮันบินมองมือถือที่แจ้งเตือนข้อความเข้ามา รอยยิ้มจางๆที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวเมื่อครู่เลือนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนส่งมา คิมจินฮวานยังกะเวลาเขาตื่นได้ถูกเสมอ ไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะว่าการดำเนินชีวิตของคนทั้งสองไม่แตกต่างกันมากนักมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว

                      มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เลื่อนเพื่อจะปลดล็อค แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจกดปิดหน้าจอกลับไปอีกครั้ง ฮันบินรีบกินคิมบับในจานให้หมดแล้วลุกขึ้นจากโต๊ะ พร้อมกับคว้าเครื่องมือสื่อสารเดินกลับขึ้นห้องนอนไป

       

                      คิมจินฮวานคือชื่อของรุ่นพี่ที่เขาเคยรู้จัก

                      จินฮวานแก่กว่าเขาสองปี ตอนที่ฮันบินเข้ามอต้นปีหนึ่ง จินฮวานก็อยู่ปีสามเสียแล้ว ดีที่ว่าโรงเรียนที่เขาอยู่ให้นักเรียนมัธยมต้นและปลายอยู่ด้วยกันเหมือนกับเป็นโรงเรียนเดียว เพราะอย่างนั้นเขากับจินฮวานจึงมาสนิทกันได้ในปีถัดๆมา

                      ไม่รู้ว่าไปสนิทกันได้ไง ไปสนิทกันตอนไหน แต่รู้ตัวอีกที เขากับรุ่นพี่ตัวเล็กคนนั้นก็สนิทกันเสียจนคนรอบข้างเข้าใจว่าเป็นแฟนกันไปหมด

       

                      สนิทเสียจนเขาเผลอใจไปชอบจินฮวาน

                      ตอนเช้าที่เดินเข้าโรงเรียนพร้อมกัน ตอนกลางวันที่แอบไปกินข้าวด้วยกันสองคน หรือตอนเย็นที่เขาเดินไปรับอีกคนที่ห้องหลังเลิกเรียน แม้กระทั่งตอนกลางคืนที่เขากับอีกคนมักจะเผลอคุยกันเสียจนไม่ได้นอนทั้งคืน คิมจินฮวานได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาโดยไม่ทันตั้งตัว

       

                      คงเป็นเพราะแบบนั้น อีกคนจึงได้ออกจากชีวิตของเขาไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเช่นเดียวกัน

       

       

       

       

       

       

       

                      นี่! คิมฮันบิน อย่านอนอ่านหนังสือแบบนั้นสิ เดี๋ยวก็สายตาสั้นพอดีเสียงหวานตะหวาดแหว เมื่อร่างสูงตะแคงหัวอ่านหนังสือด้วยท่าทางอ่อนแรง ทั้งสองคนกำลังอยู่ในห้องสมุดของโรงเรียน นี่เป็นช่วงใกล้สอบปลายภาคแล้ว ฮันบินกับจินฮวานจึงนัดกันมาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดหลังเลิกเรียน

                  จินฮวานไม่ใช่คนเรียนเก่งอะไรนัก แต่คิมฮันบินจัดได้ว่าเป็นตัวท็อปคนนึงของสายชั้น

                  แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เหอะ ฮันบินก็ยังชอบอ้อนให้อีกคนมาสอนหนังสือในเรื่องที่เขารู้อยู่แล้ว คนตัวเล็กไม่รู้หรอกว่าฮันบินน่ะไม่ได้ตั้งใจมาเรียนเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่อยากมองท่าทางตอนกำลังตั้งใจสอนของอีกคนก็เท่านั้นเอง แต่จะพูดก็พูดไปเถอะ แม้ว่าจะไม่ใช่คนเรียนเก่งอะไรนัก แต่อาวุธของจินฮวานคือความตั้งใจ เท่าที่ดูจากเทคนิคและข้อมูลเอกสารเหล่านั้นแล้ว หากไม่รู้จักกันมาก่อนเขาคงเข้าใจว่าอีกคนเป็นพวกติวเตอร์มืออาชีพแน่ๆ

                  บินอ่า ตั้งใจเรียนหน่อย เอาแต่นอนแบบนั้นเดี๋ยวก็หลับหรอก

                      ‘ ย๊า! นี่หลับจริงๆหรือไง ตื่นสิตื่น

                      ‘คิม! ฮัน! บิน! ’

       

       

                      คำพูดมากมายของคิมจินฮวานยังดังก้องอยู่ในหัว ตอนนี้คิมฮันบินก็นอนอ่านหนังสือไม่ต่างไปจากตอนนั้น แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีอารมณ์อ่านต่อเสียแล้ว มือหนาเขี่ยดินสอเล่นไปมา ทิ้งให้โจทย์คณิตศาสตร์ที่นองกองอยู่เป็นหมันไปซะ รูปโพลารอยด์ของเขากับรุ่นพี่ตัวเล็กในวันงานโรงเรียนตอนเขาปีสองถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ แม้ปากจะบอกว่าพยายามลืม แต่ฮันบินก็ยังพกมันไปไหนมาไหนทุกที่ สุดท้ายเขาก็เก่งแต่ปากจริงๆ

                      เหมือนกับโน๊ตแผ่นเล็กที่เขาและจินฮวานมักจะเขียนถึงกัน รูปถ่ายมากมายที่เคยมี ฮันบินก็เก็บมันไว้ในซองสีน้ำตาลใบใหญ่ ตั้งใจที่จะทิ้งมันไปตั้งนานแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยตัดใจทิ้งมันลงถังขยะได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว...

       

                      มือใหญ่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เขากดปุ่มปลดล็อกและเริ่มลงมือพิมพ์

                      ตื่นตั้งนานแล้ว พี่นั่นแหละ วันนี้มีเรียนไม่ใช่รึไง

                     

                      เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกดลบข้อความทั้งหมดไป

                      ‘ You sent a sticker.’

                      สุดท้ายแล้วที่เขาส่งไปก็มีเพียงแค่สติ๊กเกอร์โง่ๆตัวหนึ่งเท่านั้น

       

       

       

       

       

       

       

                      ตอนฮันบินขึ้นม.ต้นปีสาม จินฮวานได้แนะนำให้เขาได้รู้จักกับคนคนหนึ่ง

                      กูจุนฮเวเป็นรุ่นน้องของเขาหนึ่งปี และเป็นน้องในชมรมของจินฮวาน

                      แล้วหลังจากนั้นทุกๆอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป แม้รุ่นพี่ร่างเล็กจะยังอยู่กับเขาเหมือนเดิม แต่คนทั้งสองก็ไม่ได้คุยกันจนเช้าเช่นเดิม โน๊ตเล็กๆที่มักจะมาติดอยู่ตามกระเป๋าตามโต๊ะก็เริ่มหายไป บางวันจินฮวานก็ไม่ได้กลับบ้านกับเขาเพราะต้องไปทำงานที่สภานักเรียน มันคงจะไม่เป็นอะไรหรอก หากเขาไม่ได้แอบเห็นว่าร่างเล็กนั้นอยู่กับจุนฮเวที่คาเฟ่แถวบ้านตอนสองทุ่ม

                      จินฮวานเข้าเป็นกรรมการสภานักเรียนม.ปลายปี2 ส่วนจุนฮเวก็เป็นสภานักเรียนของม.ต้นปี2 การที่จะได้พบเจออยู่ด้วยกันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่นั่นมันกลับทำให้เขารู้สึกหวั่นใจแปลกๆ

                      เหมือนกับอีกคนค่อยๆออกห่างไกลจากเขาไปเรื่อยๆ จินฮวานเริ่มเปลี่ยนน้ำหอมที่ใช้ พอถามก็ได้คำตอบว่าจุนฮเวเป็นคนซื้อมาให้ พร้อมกับอวดนู่นอวดนี่ที่เด็กคนนั้นนำมาฝากร่างบางอยู่บ่อยๆ จากวันกลายเป็นเดือน ความสัมพันธ์ของเขากับรุ่นพี่ตัวเล็กก็ห่างเหินออกไปเสียจนน่ากลัว

                      จากที่เคยเจอกันทุกวัน กลายเป็นนานๆครั้ง     

                      จากที่เคยมีอะไรก็พูดคุยอะไรกันทุกอย่าง กลายเป็นทักทายแค่ที่จำเป็น

                      จากที่ชื่อ จีนาน มีแค่เขาคนเดียวที่เรียก ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าจุนฮเวเองก็ได้รับสิทธิ์นั้น

       

                      จากที่ที่ตรงนั้นเคยเป็นที่ของเขา ตอนนี้ มันได้กลายเป็นที่ของกูจุนฮเวไปเสียแล้ว

       

       

       

       

                  จีนานฮยอง! ’ ร่างสูงตะโกนเรียกรุ่นพี่ตัวเล็กเมื่อเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยเดินผ่านไปแวบๆในขณะที่เขากำลังปรึกษางานกับรุ่นพี่ในห้องชมรม เขาวิ่งตามร่างนั้นออกมาอย่างเร่งรีบ ร่างบางหยุดเดินนิ่ง ก่อนจะหันกลับมาหาเจ้าของเสียงที่คุ้นเคย รอยยิ้มใจดีถูกส่งมาให้เขาเหมือนกับทุกครั้ง ฮันบินกำลังจะยิ้มตอบ ทว่าใครอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างเจ้าของชื่อดันหันหน้ามาเสียก่อน

                  กูจุนฮเว

       

                      ‘ มีอะไรฮันบิน  ’ เสียงหวานเอ่ยถาม เอียงคอน้อยๆ

                  พี่.... ฮันบินหยุดนิ่ง มองรุ่นพี่คนสนิทสลับกับรุ่นน้องร่างสูงที่ยืนมองเขานิ่งๆอยู่ไม่ห่าง เด็กหนุ่มเม้มปากเล็กน้อย เขารู้สึกคอแห้งผากไปหมด แต่ความรู้สึกหน่วงที่อยู่ในใจมันมีมากเกินกว่าที่เขาจะปล่อยให้อีกคนผ่านไปได้ในวันนี้

       

                  พี่เป็นอะไรกับจุนฮเวกันแน่เขากลั้นใจถามไป แอบเห็นแววตาขุ่นเคืองจากเจ้าของชื่อที่ถูกพาดพิงเล็กน้อย แต่ด้วยความเป็นรุ่นน้อง จุนฮเวไม่ได้พูดอะไรออกมา ฮันบินจ้องตรงไปยังคนแก่กว่า แต่จินฮวานกลับหลบตาเขา

       

                  ตอบผมมาสิเสียงทุ้มเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง เมื่อไม่ได้คำตอบจากอีกคน ฮันบินก้าวเท้าเข้าใกล้อีกคนขึ้น พยายามที่จะสบตากับร่างบางที่เขารักมากที่สุด หากแต่คนแก่กว่าก็ไม่ยอมหันมาทางเขาเลย

                  พี่....

       

       

       

                      ‘ ทำอะไรกันอยู่น่ะ! ’ เสียงของบุคคลที่สี่ดังขึ้นจากด้านหลังเขา คิมจีวอน รุ่นพี่ที่กำลังคุยงานกับเขานั่นเอง ดูท่าว่าอีกคนจะวิ่งตามฮันบินที่จู่ๆก็ผุดลุกขึ้นมานั่นเอง จีวอนมองรุ่นพี่หน้าเด็กกับรุ่นน้องตัวสูงที่เขารู้จักดี ก็แหงล่ะ เขาเองก็เป็นสมาชิกสภานักเรียนเช่นเดียวกันนั่นเอง

                  ผมขอเวลาแปปนึงจะพี่ จีนานฮยอง ตอบผมมาสิ ฮันบินหันกลับไปพูดกับรุ่นพี่คนสนิทแล้วหันกลับไปมองร่างบางด้วยแววตาเว้าวอน จินฮวานก้มหน้าลง เม้มปากแน่นแล้วส่ายหัวเล็กน้อย

       

       

                  แค่บอกผมได้ไหม.....

       

       

                      ‘ ว่าพี่กับเขาเป็นอะไรกัน.......

       

       

                      จินฮวานเงยหน้าขึ้นหาฮันบินเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มบทสนทนานี้ ดวงตาใสที่มีน้ำตาคลอแทนคำตอบได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะไม่พูดอะไรออกมาแต่คนเด็กกว่าก็รับรู้ได้ ถึงสายตาขอโทษจากคนที่เขาคุ้นเคยที่สุดนั่น.....

       

       

       

       

                      ‘ ผมเข้าใจแล้ว

       

       

       

       

                      ‘ ขอโทษนะ ฮันบินอ่า

       

       

       

       

       

       

       

       

                      หลังจากนั้น เขากับจินฮวานก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย

                      ฮันบินไม่กล้าทักจินฮวานเวลาที่สวนกันตามทางเดิน แต่กลับมองหาอีกคนเสมอเวลาอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆ ไม่กล้าทักอีกคนในทวิตเตอร์ แต่กลับเข้าไปดูแอคเคาท์ที่คุ้นเคยทุกๆวัน มีเพียงเขาที่ได้แต่มองรอยยิ้มอ่อนโยนที่ตอนนี้กลายเป็นของกูจุนฮเว กับแววตาหมองเล็กน้อยที่มักเหลือบมองมาเวลาเจอเขาโดยบังเอิญ

                      จินฮวานไม่ได้ต้องการให้ทุกอย่างเป็นอย่างนี้

       

                      แต่เพราะรู้จักกันดีเกินไป อีกคนที่รับรู้ความรู้สึกของฮันบินมาโดยตลอดจึงเลือกที่จะเว้นระยะห่างระหว่างทั้งสอง เพื่อไม่เป็นการทำร้ายอีกคนไปมากกว่านี้

       

                      และทุกๆอย่างก็เป็นเช่นนั้นไปตลอดสองปีที่เหลือในโรงเรียนของคิมจินฮวาน

       

                      ไม่มีฮันบินที่เคยอยู่เคียงข้างจินฮวาน มีเพียงแค่สายตาคู่หนึ่งที่ได้แต่แอบมองจากที่ไกลๆ เพื่อนของเขาถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาและรุ่นพี่ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่รู้จะตอบคำถามเหล่านั้นอย่างไร

                      จะให้ตอบได้ยังไงล่ะ ก็ทุกอย่างมันไม่เคยเริ่มต้นขึ้น มันจะจบลงได้ยังไง

                      เขาไม่เคยคบกับจินฮวาน เขาจึงไม่เคยเลิกกับจินฮวาน

       

                      เพราะแบบนั้น ฮันบินจึงเลือกที่จะใช้ความเงียบตอบคำถามทุกคนมาตลอด

                     

       

       

                      จินฮวานจบการศึกษา และเข้าเรียนต่อในมหาลัยที่ไกลออกไป

                      น่าตลกดีที่กูจุนฮเวที่จบชั้นม.ต้นตัดสินใจเข้าเรียนม.ปลายในโรงเรียนที่ใกล้กับมหาลัยแห่งนั้น...

       

                      เขามารู้ทีหลังว่าพ่อแม่ของทั้งสองเป็นเพื่อนกัน จุนฮเวกับจินฮวานได้อยู่ในหอพักเดียวกันที่ไม่ไกลจากสถานศึกษา มันตลกดีที่เหมือนกับว่าช่วงเวลาที่เขาเคยอยู่กับจินฮวานมันแทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย เขาไม่เคยได้เข้าใกล้เท่าจุนฮเว ไม่ได้อยู่เคียงข้างเหมือนกับจุนฮเว

                      ที่จริงแล้ว เขาไม่เคยได้ครอบครองหัวใจของจินฮวานเหมือนกับจุนฮเวด้วยซ้ำไป

       

                      เขารู้ตัวว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดถึงจินฮวานด้วยซ้ำ แต่ทุกครั้งที่เขาหลับตาลง รอยยิ้มหวานสดใสนั่นยังคงอยู่ในหัวเขาเสมอ ทุกๆครั้งที่เขาเดิน กิน นั่ง นอน ล้วนแล้วแต่มีบทสนทนาของอีกคนแวบเข้ามาเสมอ นั่นมันทำให้เขารู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน

       

                      ฮันบินเคยมีแฟน

                      บางคนคบได้หนึ่งอาทิตย์ บางคนคบได้สองสามเดือน แต่บางคนก็คบยาวนานถึงเจ็ดเดือนเลยด้วยซ้ำ

                      แต่ทุกๆครั้งที่เขาเดินเคียงข้างหญิงสาว ทุกๆครั้งที่เขายิ้ม ทุกๆครั้งที่เขาทำอะไรเพื่อใครสักคน ใจของเขาก็ยังคิดถึงจินฮวานเสมอ เขายังมองพวกเธอเป็นรุ่นพี่ตัวเล็กคนนั้นไม่เปลี่ยนแปลง สุดท้ายฮันบินจึงรู้สึกผิดจนต้องบอกเลิกพวกเธอไปคนแล้วคนเล่า เหมือนกับคนโง่ ที่มองเห็นใครๆเป็นจินฮวานไปเสียหมด

                     

                      นั่นสินะ เขาจะรักใครได้ยังไง ในเมื่อหัวใจของเขายังมีเพียงแค่คิมจินฮวาน

       

       

       

       

                      แล้ววันหนึ่ง จุนฮเวก็เลิกกับจินฮวาน

                      เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่แล้ว จินฮวานทักคาคาโอเขาที่เงียบแสนจะเงียบ หัวใจของเขาเต้นแรงทันทีเมื่อเห็นว่าใครเป็นผู้ส่งข้อความมา

                      ‘ Jinan : ฮันบิน  ’

                      ‘ Jinan : เราเลิกกับจุนฮเวแล้วนะ

                      ‘ Jinan : ตอนนี้พี่ไม่ไหวเลย

                      ‘ Jinan : โทรไปได้มั้ย....

       

                      ข้อความถูกส่งมาขณะที่เขากำลังเรียนอยู่ โชคร้ายที่กว่าฮันบินจะเห็นมันก็ตอนที่กลับบ้าน หลังจากเวลาที่ข้อความถูกส่งมาหลายชั่วโมง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้คุยกันหลายปี แต่การได้เห็นข้อความจากคิมจินฮวานเพียงแค่ครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ความรู้สึกที่เขาอัดอั้นอยู่ในใจมันระเบิดออกมาเสียหมด

                      ฮันบินรีบตอบข้อความนั้นไปอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้อ่านข้อความของเขา เด็กหนุ่มรู้สึกร้อนใจเสียจนกดโทรออกเบอร์ที่เขาไม่ได้เห็นมานานแต่ก็ไม่กล้าที่จะลบทิ้งไปเสียที

                     

                      ‘ ยอโบเซโย เสียงที่เขาไม่ได้มานานแสนนานดังขึ้นจากปลายสาย ฮันบินอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้แม้จะรู้ดีว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ควรรู้สึกแบบนี้ แต่เขาก็รู้สึกดีใจเหมือนลอยขึ้นฟ้าอย่างช่วยไม่ได้

                      พี่จินฮวาน

                      อ่าฮะ ฮันบิน น้ำเสียงใสๆที่ไม่ได้ฟังดูโศกเศร้าอย่างที่ควรจะเป็นทำให้เขารู้สึกใจชื้น อย่างน้อยจินฮวานก็ไม่ได้กำลังร้องไห้อย่างที่เขากลัว

                      พี่..... โอเคขึ้นแล้วเหรอ เขาคิดคำพูดที่จะใช้อยู่นาน สุดท้ายก็เอ่ยถามไปอย่างไม่มั่นใจ

                      จีนานฮยอง / พี่เพิ่งเลิกเรียนน่ะ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วค่อยโทรกลับไปนะเสียงที่ดังมาตามสายทำให้เขารู้สึกวูบเหมือนหล่นลงจากที่สูง แม้จะได้ยินเพียงแค่สั้นๆแต่เขาก็จำเสียงที่แทรกเข้ามาเมื่อครู่ได้ดี

       

                      เสียงของกูจุนฮเว

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                      แล้วเขาก็เดาไม่ผิด

                      อาทิตย์ต่อมาโรงเรียนของเขาจัดงานประจำปีขึ้น แน่นอนว่าศิษย์เก่าอย่างจินฮวานก็กลับมาเที่ยวงานครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ฮันบินเฝ้าบูธห้องเรียนอยู่ตอนที่รุ่นพี่ที่เขารอคอยมาถึง หลังจากวันนั้น ฮันบินกับจินฮวานก็กลับไปคุยกัน แม้จะเป็นการคุยกันผ่านทางตัวอักษรไม่ใช่คุยกันตัวเป็นๆแบบเมื่อก่อน แต่มันก็ดีขึ้นกว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา บทสนทนาของทั้งสองเป็นเพียงบทสนทนาเผินๆที่ไม่มีอะไรพิเศษไม่ใช่การพูดคุยเฉกเช่นคนสนิทแบบเมื่อก่อน แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็แอบหวังที่จะได้กลับมาคุยกับอีกคนเหมือนแต่ก่อน ฮันบินจึงตัดสินใจที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ด้วยการนัดอีกคนมาเจอจริงๆที่งานโรงเรียนนี่เอง

                      แต่อะไรๆมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด จินฮวานมาพร้อมจุนฮเว

                      ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้เดินจับมือกันมาเหมือนที่ชอบทำสมัยอยู่ที่โรงเรียน แต่จุนฮเวก็ยังเดินมาส่งอีกคนพร้อมทั้งพูดลาไม่ต่างอะไรจากตอนที่คบกันอยู่ มันทำให้เขารู้ว่าที่เขาแอบเผลอคิดไปว่ามีโอกาสกลับไปเหมือนเดิมกับจินฮวาน มันไม่มีทางเป็นจริงเลย

                      ในเมื่อความทรงจำที่จินฮวานสร้างกับจุนฮเวมันมีอยู่มากมาย

                      มากเสียจนลบเลือนความทรงจำเพียงสั้นๆ ที่เขาไม่ได้หลงเหลือไว้มากพอ...

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                      ฮันบินเผลอหลับไปบนกองหนังสือกองโตที่ยังไม่ได้เริ่มอ่านเพราะมัวแต่นั่งคิดถึงเรื่องราวในอดีต หัวใจของเขารู้สึกหน่วงแปลกๆเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของอีกคนในวันก่อน มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่เหมือนกับที่อีกคนมีให้เขาตอนม.ต้น

                      มันเป็นรอยยิ้มที่เขาคุ้นเคยดี

                      รอยยิ้ม ที่เหมือนกับที่จินฮวานมอบให้กับคนทั่วๆไป

       

                      มันบ่งบอกได้อย่างดีว่าสถานะระหว่างเขาและจินฮวานคงไม่มีวันที่จะพัฒนาไปมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง แววตาที่จินฮวานใช้มองจุนฮเวมันบีบสลายให้ใจของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะรู้ดีว่าในดวงนั้นคงไม่มีวันมีที่มากเพียงพอสำหรับเขา

                      ร่างสูงหยิบโทรศัพท์ขึ้นอีกครั้งเพื่อเช็คข้อความตอบรับ จินฮวานตอบกลับมาแล้ว และข้อความเหล่านั้นก็ทำให้เขาต้องแค่นยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

       

                      ‘ Jinan : พี่กับจุนฮเวดีกันแล้วนะ  

                      ‘ Jinan sent you a sticker ’  

       

                      ฮันบินยิ้มให้กับตัวเอง ทั้งๆที่รู้สึกชาไปทั้งหัวใจ เขาพิมพ์ข้อความตอบกลับไปพร้อมกับปาดหยดน้ำตาใสที่ลื่นไหลลงจากดวงตาคม

       

                  ฮันบินอ่า เป็นผู้ชายอย่าร้องไห้นะ

                      ‘ อย่าร้องไห้ต่อหน้าพี่น่า เพราะพี่ก็จะไม่ร้องไห้ต่อหน้านายเหมือนกัน

                      ‘ ร้องไห้ต่อหน้าคนเด็กกว่านี่มันน่าขายหน้าชะมัด

       

                      ‘ ร้องออกมาเถอะครับ ผมพร้อมจะฟังจีนานฮยองเสมอนั่นแหละ

       

       

       

       

       

                      ‘ You : ครับ ยินดีด้วยนะ

       

                      ‘ You : ผม 

                        ‘ You : คิดถึงพี่ 





       

       





      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×