เล่าเรื่อง "เขาชนไก่" ในอีกมุมมอง - เล่าเรื่อง "เขาชนไก่" ในอีกมุมมอง นิยาย เล่าเรื่อง "เขาชนไก่" ในอีกมุมมอง : Dek-D.com - Writer

    เล่าเรื่อง "เขาชนไก่" ในอีกมุมมอง

    ผู้เข้าชมรวม

    947

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    947

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 ม.ค. 56 / 21:37 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
     อยากจะเล่าการไปฝึกที่เขาชนไก่ในมุมมองของคนที่ไม่ได้ฝึกครบทุกสถานีบ้าง หรือที่เรียกว่า "ผู้ป่วย"
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เพิ่งกลับมาจากเขาชนไก่ ศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหาร

      ชั้นปีที่ 3 ผลัดที่ 16 กองพันที่ 34 ร้อย 2 หมวด 3 หมู่ 2

      อยากจะเล่าในมุมมองของคนที่ไม่ได้ฝึกครบทุกสถานีบ้าง หรือที่เรียกว่า "ผู้ป่วย"

      ลองอ่านดูนะ อาจยาวหน่อย ชอบไม่ชอบยังไงก็ comment ได้ แต่อยากบอกว่าสิ่งที่จะเล่าทั้งหมด คือเรื่องจริงของผมเอง

      ก่อนวันไปผมก็เตรียมของครบทุกอย่างตามที่ครูผู้กำกับแจกใบมาได้แก่

      ชุดฝึก 1 ชุด (+ใส่ไปอีก 1 รวมเป็น 2)

      เสื้อซับใน 5

      กกน. 5

      ยาสีฟันแปรงสีฟัน สบู่ บลาๆ

      ทิชชู่เปียก (สำคัญๆ)

      ผ้าเช็ดตัว

      ผ้าปูรองนอน ถุงนอน (เอาไปไม่ได้ใช้เลย เอาไปเป็นหมอน)

      อุปกรณ์สนาม (เข็มขัด กระติก ฯลฯ)

      รองเท้าแตะ

      และสุดท้าย เนื่องจากเรามีโรคประจำตัว เป็นหอบหืด แพ้ฝุ่น เลยมียาเตรียมไปด้วย และก็มีกล่องใส่ยาของเรา สะพายติดตัวอยู่ตลอด ตอนแรกก็กลัวว่าครูฝึกจะไม่ให้สะพาย แต่พอเอาไปครูฝึกก็บอกว่าดีแล้ว จะได้ช่วยได้ทันถ้าเกิดอะไรขึ้น เราก็โล่งใจขึ้น

       

      วันแรก

      ไปรวมพลที่สวนเจ้าเชตุ ~5.30น. บรรยากาศแบบ เศร้าๆไงไม่รู้ แบบน่ากลัวๆ ทุกคนหน้าตาแบบเพิ่งตื่น แล้วก็ขึ้นรถไปมุ่งหน้าเขาชนไก่ 6.00น. เราได้รถธรรมดา แล้วทหารประกาศห้ามเปิดหน้าต่างเกิน 1 ช่อง ตอนแรกทุกคนก็โอโหกัน บอกว่าร้อนตายพอดี แต่พอขึ้นไปแล้ว รถวิ่ง เรานั่งติดหน้าต่าง แบบพระเจ้า!! หนาวเวอร์!! เย็นขนาดวิ่งไปถึงแค่ปิ่นเกล้าก็ไม่ไหวแล้ว ต้องปิดหน้าต่างเลยอะ

      รถก็วิ่งไปเรื่อยๆ เราก็หลับๆตื่นๆ จนถึงกาญจนบุรีก็ตื่นมาดูทาง ดูวิว

      ~10.30 รถวิ่งผ่านค่ายฝึกนศท.ไป ไปลงที่อุทยานสงคราม 9 ทัพ ไปฟังบรรยาย ทหารก็เล่าประวัติศาสตร์สงคราม 9 ทัพ ฮามากๆ สนุกดี ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง

      จากนั้นรถก็ออกจาก อุทยานไปที่ค่ายเขาชนไก่ เราก็รู้สึกกับตัวเองว่า "เอาละ ของจริงมาแล้ว" รู้สึกกลัวนิดๆ จะโหดไหม จะอะไรไหม

      แล้วรถก็วิ่งไปจอดที่ข้างๆกองพัน เขาก็ให้เอากระเป๋าลง ไปกองไว้ก่อน แล้วก็ขึ้นรถไปสถานีแรกเลย สถานี 31 วันนี้ไป เรียนเล็งปืน ยิงปืน แต่ยังยิงแห้ง ไม่ใช้กระสุน

      รถก็วิ่งไปถึงสถานี 31 ครูปกครองก็ลงมาต้อนรับ ให้เข้าไปนั่งตามเลขที่ รด.25 (เลข 3 หลัก) เราก็นั่งไป แล้วก็แจกกระดาษให้เซ็น 9 แผ่น พอเซ็นเสร็จครูปกครองก็แนะนำตัว

      ของเรากองพัน 34 ครูแนบ ตอนแรกเจอก็ตกใจ ครูเขาฮามาก ใส่แว่นกันแดดของผู้หญิง สะพายกระเป๋าเป้สีชมพู ครูก็พูดแนะนำตัว เปิดเลย ว่าครูเขาใจดี ไม่ต้องกลัว แล้วก็แนะนำตัวครูปกครองอีก 2 คน แล้วครูเขาก็บอกว่าแว่นกันแดดเนี่ย ไม่ต้อง งง ครูซื้อให้เมีย แต่เมียไม่ชอบ เลยใส่เอง กระเป๋าเนี่ยซื้อให้ลูกสาว แต่ลูกสาวบอกมันแมนไป ครูก็เลยใช้เอง ฮากันทั้งกองพัน

      แล้วก็จัดหมวด หมู่ อยากอยู่หมู่เดียวกับใครให้นั่งแถวเดียวกัน ก็เรียงไป หมู่ละ 12 คน เราก็ลงพอดีอยู่กับเพื่อนๆด้วย

      จัดหมู่เสร็จ ครูก็ปล่อยไปกินข้าว แนะนำวิธีการล้างถาด อะไรงี้ แล้วเราก็นั่งกินกันไปเรื่อยๆ

      แล้วครูฝึกก็ตะโกนมา "โฮ้ย ลืม! เอาแขนเสื้อลงลูก! เดี๋ยวผิวเสีย!" เราก็ตกใจนึกว่าจะสั่งทำโทษอะไร 

      พอกินข้าวเสร็จก็ไปเรียนวิธีการเล็ง ขั้นตอนการปฎิบัติขณะอยู่แนวยิง ไม่มีอะไรมาก สบายๆ 

       

      17.00

      กำลังจะเดินกลับกองพัน ครูแนบก็สั่ง "หมู่ 1,2 เดินทางซ้ายของถนน หมู่ 4,5 ทางขวา ส่วนหมู่ 3 อยากจะเดินตรงไหนก็เชิญ!" เราก็คิดว่าจะต้องเดินเท้าพร้อม นับก้าว

      เดินกลับกองพันก็ค่อนข้างไกลเลย แต่ก็เดินสบายๆ เดินเล่นมือถือ คุยกันอะไรงี้ก็พอได้ ครูก็ไม่ว่าอะไร

      ถึงกองพัน ครูก็เรียกรวมตามหมวดหมู่ที่เพิ่งจัดแล้วก็แยกเต้นท์ให้ (หลายคนก็สลับกันเองทีหลัง) เอาของที่ออกมากองตอนแรกเก็บเข้าเต้นท์ ครูเขาให้เวลา 45 นาที เก็บของ กินข้าว แล้วจะเรียกรวมไปฟังบรรยาย กินข้าวก็เหมือนเดิม เป็นถาดหลุด แต่ข้าวอร่อยใช้ได้ ไม่แย่ แล้วเราก็ไปสำรวจห้องน้ำ ตอนแรกก็กลัวว่ามันจะแย่มากๆ แบบที่เคยเห็นในเว็บ ปรากฎ ผิดคาด มันดีใช้ได้เลย ห้องน้ำ ok เลย

       

      18.30

      ครูเรียกรวมแล้วก็เดินไปฟังบรรยายในลานข้างๆ เป็นแขกมาจาก กองทัพบก พูดเรื่องในหลวง

      ยอมรับเลย ท่านพูดดีมากๆ ได้ความรู้เยอะมาก ใครตอบคำถามได้แจกเงินด้วย แล้วท่านก็อึดมากๆ ยืนพูดคนเดียว ตั้งแต่ 18.45 - 21.30 ไม่มีพัก ไม่มีกินน้ำ ไม่มีนั่ง เราฟังยังเหนื่อยเลย ท่านพูดแบบ non-stop เก่งมากๆ

       

      21.45

      กลับถึงกองพัน ครูก็บอกมันเป็น accident จริงๆ ปกติคืนแรกจะได้อาบน้ำ แต่คราวนี้ไม่ได้อาบ แล้วก็พูดเรื่องธุรการต่างๆ แล้วก็ขายเสื้อ เสร็จ ~22.20 แล้วครูเขาก็ให้เวลาถึง 23.00น. ทำภารกิจ จะแปรงฟัน ไปซื้อของ จะทำอะไรก็เชิญ แล้วพอ 23.00 ครูเขาก็เป่านกหวีดเข้าเต้นท์ ครูก็บอกขอแค่อยู่ในเต้นท์ จะทำอะไรก็เชิญ แล้วอีกชั่วโมงถึงจะออกมาเข้าห้องน้ำ อะไรได้อีกครั้ง เนื่องจากเราเป็นภูมิแพ้และที่เขาชนไก่ฝุ่นเยอะมากกกก เราก็ต้องล้างจมูกก่อนนอน กินยา บลาๆ เล่นมือถือ แล้วก็ได้นอน ~23.30

       

      วันที่ 2

      ครูปลุก 5.00 แต่เราตื่นตั้งแต่ 4.30 มาล้างหน้า แปรงฟัน พอครูเป่านกหวีดครูปลุก 5.00 เราก็ต้องตะโกน "สวัสดีคร้าบบบ" แล้วครูก็ประกาศให้เวลา 20 นาที จัดการธุระส่วนตัว แล้วมารวม เราก็เรียบร้อยแล้ว เลยไปคุยเล่นกันเพื่อนจน ~5.30 ก็ไปรวม ปรากฎนับยอดแล้วคนหาย ครูก็เลยปล่อย กองร้อย 1 ออกไปก่อนเพราะครบ เรียบร้อย แล้วก็เคลียร์หาคนหาย จนเจอว่านั่งผิด แล้วเจือกไม่ลุก ทำเสียเวลาไปร่วม 10 นาที ครูก็เลยเรียกคนที่นั่งผิดมาแล้วบอก "เจอกัน สี่ทุ่มเก้านาที" ทุกคนก็ฮา ทำไมมันมีเศษ 9 นาทีด้วย แล้วครูก็พาออกเดินไป สนามยิงปืนเมื่อวาน ไปทำการยิงปืนด้วยกระสุนจริง เดินไปตอนเช้าอากาศเย็นๆ สบายๆ เดินไปถึงก็รวม ปล่อยไปกินข้าว แล้วก็เริ่มไปรับกระสุนเป็น สายการยิง (ตามเลขที่) เราได้ชุดยิง 6 ช่องยิง 23 แล้วก็ไปนั่งรวมที่หลังแนวยิง ฟังเสียงปืนไปพลางๆ ครูประจำสถานีก็คอย entertain จนถึงชุดที่ 6 ให้ขึ้นไปนั่งหลังแนวยิง เราก็ไปนั่ง แล้วรอ ชุด 4 ยิงจบ ชุด 5 เข้ายิง ชุด 6 ก็เป็นผู้ฝึก เก็บปลอกกระสุน ใส่กระสุนอะไรงี้ จนถึงชุด 6 เข้ายิง เราก็ทำการยิงปรับระยะ 7 นัด อยากจะบอกว่าเสียงปืน HK33 ดังมากกกก ต้องใส่ earplug ไม่งั้นหูวิ้งเลย ยิงไปจนครบ 32 นัด เข้าบ้างไม่เข้าบ้าง

      ยิงเสร็จก็ไปเก็บเป้า ตกใจมาก ยิงไป เข้าเป้านะ แต่ไปโดนตรงมุมที่เขียนชื่อไว้ หายหมดเลย ชื่อ เลขที่ โรงเรียน ขาดกระจุย เราก็เซงนิดๆ เอาเป้ากลับ ปลอกกระสุนกลับ เอาไปส่งให้ทหาร แล้วก็ไปนั่งรอ แล้วครูก็พากลับกองพัน ไปกินข้าว นั่งรอชุดที่เหลือ

       

      13.00น.

      ทุกคนกินข้าวเสร็จ มารวมกันจะไปสถานี 34 ทดสอบกำลังใจ 10 อย่าง เหมือนลูกเสือ พวก ข้ามกำแพง อะไรงี้ เราก็ไปนั่งรวม แล้วก็แยกคนป่วยออก แต่เราอยากเล่น เราก็นั่งอยู่ แล้วครูประจำสถานีเดินผ่าน ก็ถามว่ากล่องที่สะพายอะ อะไร เราบอกยา เราเป็นหอบ ครูก็ลากเราออกมาเลย T T พร้อม buddy ของเรา อดเล่นหมดเลย เซงนิดๆ แล้วไปนั่งอยู่กับเสนารักษ์ (หมอทหาร) แล้วครูเขาก็พาขึ้นรถไปที่ปลายสถานี รอ ทุกคนมา เราก็นั่งรอ คุยกับ buddy ไปเรื่อยๆ แล้วก็มีคนเดินมาหา สภาพ มือ เละ ไปรูดเชือกมา หนังที่นิ้วเปิดหมดเลย เสนารักษ์ก็หายไป ในกล่องยาประจำตัวพอดีมีชุดทำแผลอยู่ก็เลยทำให้เองเลย ก็ทำแผลไป buddy เราก็ไปตามเสนารักษ์มา ก็ทำแผลคนละมือ เราทำมือซ้าย เสนารักษ์ทำมือขวา จนครบ แล้วก็ไปรวม แล้วก็กลับกองพัน

       

      17.00น.

      ครูก็รวมที่ข้างหลังกองพันแล้วก็ตรวจผมแบบผ่านๆ เฉพาะยาวเวอร์ๆ ถึงโดนตัด แล้วครูกิ่ว (ครูจัดการความเป็นอยู่ของนศท.ในพัน 34) ก็มาพูดบอก เดี๋ยวกลับมาจากไปฟังบรรยายคืนนี้จะให้อาบน้ำแบบเต็มที่เลย อาบให้เหมือนอยู่ที่บ้าน แล้วครูก็ปล่อยไปกินข้าว จน ~18.00 ก็รวมพาเดินไปฟังบรรยายอีกแล้วคราวนี้บรรยายเรื่องอุดมการณ์รักชาติ ไม่ค่อยมีอะไร จบ ~20.30 ก็เลิก

       

      20.30น.

      กลับกองพัน ครูก็เรียกรวม บอกกำหนดการวันพรุ่งนี้ ของที่ต้องเตรียมไปเข้าป่า แล้วก็ปล่อยไปอาบน้ำ จัดการธุระ เราก็ไปนั่งเล่นในเต้นท์เสนารักษ์ ทหารเสนารักษ์ก็บอก พรุ่งนี้ตอนเข้าป่า เดี๋ยวเขาจะแยก ให้เราออกมากับพวกป่วย อะไรงี้ ในใจก็อยากเดินกับเพื่อน แต่ครูก็เอาชื่อเราไปแล้วอีก ก็หมดทางเลือก

       

      22.00น.

      ครูเป่านกหวีดนอน เราก็ทำธุระอะไรในเต้นท์ จัดของที่จะเอาไปด้วยจนเสร็จ ~22.40

       

      วันที่ 3

      4.00น. ครูเป่านกหวีดตื่น แล้วก็เหมือนเดินให้เวลาจัดการตัวเองถึง 4.30น. จะเรียกรวม พอถึงเวลา 4.30น. 

      ทุกคนก็นั่งรวมเรียบร้อย แจกปืน เราก็โดนแยกกองผู้ป่วย  ตอนนั้นมีประมาณ 16 คนทั้งหมดมีทั้ง ผ่าตัด, โรคหัวใจ, หอบ, มือเละจับปืนไม่ได้ (ที่รูดเชือก) แล้วครูแนบ ก็ให้เราเป็นหัวหน้ากองผู้ป่วยเรา เราก็แบบเซงๆ แทนที่จะอยู่กับเพื่อนดีๆ ดันต้องมาอยู่ตรงนี้

       

      5.00น. 

      ทุกคนออกเดินไปเข้าป่า กองผู้ป่วย (ต่อไปนี้จะขอเรียกเป็นกองไม่มีปืน) ก็เดินท้ายสุดอยู่กับเสนารักษ์ เดินไปในป่า มืดสนิท เราก็เปิดไฟฉายเดินไป ครูเสนารักษ์ก็เตือนให้ปิด เพราะเดี๋ยวงูสามเหลี่ยมมันจะมา เราก็รีบปิดเลย เดินไปมืดๆนี่แหละ จนถึงสถานี 32 ฝึกบุคคลทำการรบ รวม เอาของเข้าเต้นท์ เราก็เอาเข้าเต้นท์เบอร์เดิม B68 ตอนแรกเห็นละอึ้ง เต้นท์ ล่มแบบสมอบกหลุดออกมา เสาล้มไปเลย ก็ซ่อมจนพอนอนได้ แล้วก็ไปรวม ฟังเขาครูพูดเรื่องสถานี 32 แล้วก็ไปกินข้าว

       

      8.00น. 

      เคารพธงชาติ แล้วก็เข้าสถานี ตอนนั้นกองไม่มีปืนยังมีแค่ไม่กี่คน เลยกระจายกันไปกับเสนารักษ์ เราไปอยู่ที่สถานี เทคนิคการเข้าตี ไปนั่งฟัง แล้วก็พรางหน้า เอาซะจำเพื่อนกันแทบไม่ได้ แล้วก็ให้พวกที่นั่งฟังอยู่เข้าไปฝึก พวกไม่มีปืนนั่งรอ แล้วครูเสนารักษ์ก็เอาโบว์มาแจก พวกที่เจ็บเล็กๆน้อยๆเขาก็ให้โบว์เหลือง ส่วนเราเขาให้โบว์แดง คือพวกมีโรคประจำตัว แต่เราขอไม่ติด เราก็เก็บไว้ในกระเป๋า คือถ้าติดไปมันก็ไม่ได้ช่วยให้ดูดีขึ้น แค่ตอนนี้ในสายตาคนอื่นมองเราว่าพวกกินแรง พวกอู้แล้ว เก็บไว้แล้วทำตัวให้เหมือนคนอื่นดีกว่า แล้วพอออกมาจากสนามฝึกครบก็เดินออกกำลังจะไปอีกที่นึงไปเรียน การเฝ้าระวัง

      ระหว่างเดิน เพื่อนก็มาให้ทำแผล ขอยา 4-5คน เสนารักษ์ก็ให้เราเป็นแพทย์สนามไปเลย พวกไม่มีปืนก็ไปช่วยตั้งหม้อข้าว ที่ล้างจาน เตรียมอาหารกลางวัน

       

      11.30น.

      ทุกคนออกมาพักกินข้าว เราก็คุยกับเพื่อนที่ไปฝึกมา ก็บอกไม่มีอะไร เดินๆ นั่งๆ ดูๆ เราก็ได้แต่อื้อๆ กินข้าวไป แบบเซงๆ 

       

      12.30น.

      เข้าทำกิจกรรมต่อไป อันนี้ไปไหนไม่รู้ ครูแนบบอกให้พวกไม่มีปืนไปอยู่ลานข้างหล้งแถวๆห้องน้ำ ตอนนี้มีคนไม่มีปืน ~20 คนได้ มีทั้งป่วยจริง และ ป่วยการเมือง (FAKE) พวกที่ป่วยจริงก็ไปช่วยซ่อมเต้นท์ ล้างห้องน้ำ นั่งเงียบๆ นอน แต่ไอ้พวกป่วยการเมืองเราเห็นแล้วอยากจะเข้าไปกระทืบมาก 

      นั่ง นอน คุยกันดังลั่น สูบบุหรี่ ไม่ช่วยอะไรเลย เราก็บอกให้ไปช่วยกันหน่อยแต่มันก็ไม่ไป ทำยังได้

       

      15.00น.

      พาพวกไม่มีปืน ไปฟังครูเสาว์อินทรีย์ จับงู สอนอยู่ในป่า ทำอาหาร ครูเขาฮามาก โชว์งู พวกกลัวงูก็ขนลุกกันเป็นแถวๆ

      เสร็จแล้วก็พากันไปทำอาหารกินกันเอง ตามที่ครูเขาสอนมา มี 7 หม้อ 3 หม้อข้าว 2 หม้อแกง 2 หม้อสำรองเผื่อรั่ว

       

      17.00น.

      ครูฝึกให้เวลา 30นาที ทำอาหารกัน มีเนื้อ ผัก เครื่องปรุง ข้าวสาร ให้ โชคดี หมู่เรามีคนทำอาหารเป็น หุงข้าวสำเร็จ ออกมาข้าวกินได้ 2 หม้อ อีกหม้อสุกไม่ทัน แกงได้กินต้มยำไก่ กับ หมูน้ำปลา อร่อยใช้ได้เลย แล้วก็ไปล้างหม้อ ดับไฟ เตรียมรวมพล

       

      18.00น.

      รวมพล เช็คหม้อ แล้วก็เดินไปที่ลานแถวๆที่นอน ไปฟังเขาพูดเรื่องบุคคลทำการรบกลางคืนเปิดตัวอลังการ มีสอนดูดาวด้วย มีแสดงละครให้ดู จน ~21.00 มีคนปวดท้องมา เราก็ไม่ได้เตรียมยาเกี่ยวกับท้องไส้มาด้วย ก็เลยพยุงไปเต้นท์เสนารักษ์ จัดการหายา แล้วเสนารักษ์ก็ให้ยาเกี่ยวกับท้องไส้ เรามาชุดนึงไว้ในกล่องยาประจำตัวเรา ไว้เผื่อเพื่อนๆ ยังไม่ทันเดินออกมาจากเต้นท์ก็มีเพื่อนเดินมาให้ทำแผลอีก 2 คน เราก็ทำเสนารักษ์ก็คอยดู คอยสอน เสร็จ ~22.00

       

      22.00น.

      ไปล้างหน้า เข้าเต้นท์ นอน

       

      วันที่ 4

      4.30น.

      ตื่นนอน ทำธุระส่วนตัว

       

      5.00น.

      รวมพล แล้วก็พาเดินไปสถานี 33 (จ่านรก) 

      เหมือนเดิมเราเป็นหัวหน้ากองไม่มีปืน ตอนนี้ยอด 23 นาย เดินไปตามท้าย เดินกับเสนารักษ์ ทางมืดมากๆ เปิดไฟฉายได้เป็นระยะๆ เดี๋ยวงูสามเหลี่ยมมา พอถึงสถานี 33 ก็รวมพล แต่เขาให้คนที่ไม่มีปืนไปรวมแถวเต้นท์เสนารักษ์ก่อน เราก็นั่งรอ นั่งหลับ คุยกันก็ไม่ได้ยินอะไรเลย เพราะที่สถานี 33 ไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องปั่นไฟใช้เอง เครื่องปั่นไฟอยู่ข้างหูเลย เสียงดังกลบทุกอย่าง 

       

      7.00น.

      รวมพลที่สถานี 33 แล้วก็ปล่อยไปกินข้าว จนถึง 7.30 ทุกคนรวมพล มีปืน ไม่มีปืน เราก็แทรกแซงไปนั่งอยู่กับพวกเพื่อนๆ แต่แล้วเขาก็แยกพวกไม่มีปืนกับคนที่คิดว่าไม่ไหวออกมาเช่นเคย เราก็เป็นหัวหน้ากองอีกแล้ว ตอนนี้ยอดพวกผู้ป่วยเพิ่มเป็น 42 นาย เราก็งงเลย มันเพิ่มมาจากไหน แต่ก็ยังไม่ได้ถามใคร แล้วจ่านรกก็มาแล้วก็ตะโกนมาถามว่ากองผมเป็นอะไร เราก็ตอบไปว่า "ผู้ป่วยครับ!" แล้วจ่าเขาก็ด่าว่ามันเยอะจัง แล้วก็บอก(ขู่)ว่าให้ไปเขียนใบย้ายผลัด แล้วก็เดินไปนั่งในเต้นท์เสนารักษ์ เราก็ต้องจดชื่อคนป่วยทุกคน ไม่ว่าจะจริงหรือการเมือง จดไป อ่านอาการพวกเฟคแต่ละคนแล้วอยากจะเอาปากกาแทงตามากเลย เขียนอาการว่า "ป่วย" "ท้องเสีย" "เป็นแผล" เราขอดูแผลก็เห็นแผลขนาดเท่า ปลายปากกา แต่ก็ทำไงได้เรามีหน้าที่แค่รักษาจำนวนยอดคนกับปืนให้เท่ากัน ระหว่างนั้นจ่านรกก็เริ่มพิธี ลุก หมอบ กลิ้ง ฯลฯ เราก็เก็บปืนขึ้นท้ายรถเตรียมเอาไปเก็บที่กองพัน จัดการจำนวนคน ขณะนั้นก็มีคนเดินมาเพิ่ม ข้อมือซ้น หมอบแล้ว ลุกผิดท่า เสนารักษ์ก็จัดการทายานวดมือ แล้วก็พันมือ ต่อมาอีก 10 นาที ก็ มาอีกคน ขาล็อค เดินไม่ได้ ตอนแรกถามอาการเราก็งงนึกว่าโดนกวนตรีน "ขาร็อค" ทุกคนก็นั่งเงียบสงบอยู่ในเต้นท์ แล้วครูแนบก็มาให้ไปล้างห้องน้ำ เก็บขยะ เราก็ไปจัดการเรียบร้อย สะอาด เดินกลับมาที่เต้นท์เสนารักษ์ก็มีคนมาเพิ่ม เข่าเป็นแผลเปิด ก็ทำแผลไป แล้วยังไม่ทันได้นั่ง ก็มีวิทยุมาว่ามีคนหายใจไม่ออก เสนารักษ์ก็เอารถพยาบาลไปรับมา พอเปิดประตูรถพยาบาลปุ๊ป เราก็ตกใจ เพราะเจอหัวหน้ากองพันและเพื่อนสนิทที่สุดของเรา นอนหายใจรวยริน อยู่ ตอนม.2 ไปค่ายด้วยกัน คุยกันรู้ว่าเป็นโรคเดียวกัน แต่คงไม่กล้าเดินออกมาตอนแรกที่จ่านรกให้คนป่วยเดินออก เพราะเป็นหน.กองพัน เราก็รู้อาการ เพราะเป็นโรคเดียวกัน เสนารักษ์ก็ไม่รู้จะทำไง เราเลยจัดการเอง พ่นยาขยายหลอดลมให้ไป หายใจโล่งขึ้น แล้วเสนารักษ์ก็บอกให้เอาไปที่กองแพทย์กลางเลย ก็ส่งตัวต่อไป

      คนเจ็บก็มาเพื่มเรื่อยๆ ทั้งหน้ามืด ทั้งโดนหินบาด จนพักเที่ยง เตรียมสลับกลุ่มตั้งรับ เข้าตี

       

      12.00น.

      พักกินข้าว คุยกับเพื่อนๆ แล้วครูที่โรงเรียนก็มาเยี่ยม เอาขนมมาแจก น้ำมาแจก ถ่ายรูปกัน

       

      12.40น.

      รวมพลอีกรอบ รอสลับเข้าตี ตั้งรับ เขาให้พวกไม่มีปืนก็ไปรวมด้วย พวกป่วยจริงๆก็ไปรวมหมด แต่พวกเฟคนั่งอยู่ในเต้นท์เสนารักษ์ เราก็บอกให้ไปรวมก่อน มันเจือกบอก ขี้เกียจ กุป่วย เราก็ปี๊ดเวอร์ๆ แบบพูดไม่ออกเลย เราก็เดินไปรวมพล แล้วก็แยกผู้ป่วยมาเพิ่มอีก ตอนนี้เป็นเกือบๆ 60 นายแล้ว แล้วเราก็จัดการลงเขียนชื่อเพิ่มไป แต่สักพัก วุ่นวายเกิน เสนารักษ์เลยบอกไม่ต้องแล้ว ให้เอาใบรายชื่อไปให้เขาเลย นับเฉพาะปืนให้ครบ เราก็เช็คปืนขึ้นรถ แล้วก็ทำหน้าที่แพทย์สนาม ไม่ได้หยุดมือ ทั้งทำแผล ทั้งจ่ายยา ทุกอย่าง เราก็สงสารเสนารักษ์กลางคืนไม่ได้นอน เราก็เลยทำแทนมันทุกอย่างเลย ไม่ได้นั่ง ไม่ได้หยุด ไม่ได้พักตั้งแต่เที่ยง ยันบ่ายสี่ มีคนป่วยมาเพิ่มตลอดเวลา แล้วก็มีวิทยุมาอีกว่ามีคนเป็นลมแดด เสนารักษ์ก็ขับรถไปรับมา พอเปิดประตู เราก็ช่วยกันเข้าไปหอบเปลลงมา เราก็เจอเพื่อนเราอีกแล้ว หมดสติเลย เอาขึ้นเตียงอาบน้ำ แล้วก็พ่นน้ำเลยเพื่อลดอุณหภูมิร่ายกาย แล้วจ่านรกก็มาดูอาการด้วย เราก็คอยช่วย ดูอาการ จับชีพจรไปเรื่อยๆ พอคนที่เป็นลมได้สติตื่นมา จ่านรกก็ชวนคุย แล้วก็ถามคำถามนึงที่ฮาทั้งเตันท์ จ่านรกชี้ไปที่ตัวเอง แล้วถามว่าเห็นอะไร คนที่เป็นลมก็ตอบ "เห็นนรกครับ" จ่านรกตอบ "มึงยังไม่ตาย!!"

      พอได้สติเราก็เข้าไปเอายาดมไปให้ดู น้ำไปให้กิน จนถึง ~17.00 เรากำลังถือยาดมให้คนที่เป็นลมอยู่ ตอนนั้นเราแบบ เหนื่อยมาก ตั้งแต่เที่ยงยังไม่ได้หยุดเลย ยังไม่ได้นั่ง ไม่ได้พักเลย เราก็หอบกำเริบ หายใจไม่ออก ลงไปกองเลย เอายามาพ่น ตอนนั้นแบบอายมาก ทำไมเราไม่ได้ไปฝึกอะไร ทำงานแค่นี้ทำไมเป็นงี้

       

      17.30น.

      รวมพล เราก็ไม่ได้ไปรวม เพราะมึน เพิ่งล้มมา เลยอยู่กับเพื่อนที่เป็นลมแดด แล้วก็พากลับกองพันโดนคนป่วยขึ้นรถ GMC ไป เราก็เลยแก้แค้น เอาพวกเฟคจับไว้คันเดียวกันหมด ประจารมัน แล้วป่วยจริงไปอีกคันนึง

       

      17.40น.

      รถถึงที่กองพัน ครูแนบก็ให้คนป่วยอาบน้ำก่อน จะได้ไม่ไปแย่งเพื่อนที่กำลังเดินมา อาบ เราก็รีบๆอาบ เก็บของเข้าเต้นท์ แล้วก็ไปนั่งรอเพื่อนมา

       

      18.30น.

      เพื่อนที่เหลือมาถึงกองพัน แต่เสนารักษ์ยังมาไม่ถึง เราก็ไปเป็นแพทย์แทน ทำทุกอย่าง ทำแผลเล็ก ใหญ่ จ่ายยา บลาๆๆ ตั้งแต่ 18.30 ยันเกือบ 2 ทุ่ม ไม่ไหวแล้ว หิว เลยออกไปรีบๆกินข้าว แล้วก็มาทำหน้าที่ต่อในเต้นท์เสนารักษ์ จนเกือบ 21.30 ฝนตก กองกลางดับไฟ จำได้เลยกำลังกรีดเท้าเพื่อน เอาน้ำเหลืองในเท้าออก ต้องใช้ไฟฉายทำต่อ แล้วคนเจ็บก็มาเรื่อยๆจน 23.00 ฝนตก เสนารักษ์บอก ไปเอาของมานอนที่นี่เลยก็ได้นะ เราก็ครับๆไป 23.20 เราเดินกลับไปนอนที่เต้นท์

       

      23.50น.

      ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโวยวาย มีคนเจองู แล้วโดนงูกัด เราก็ไปดูคนที่โดนกัด โชคดีเป็นงูที่ฟันเลื่อย (เพิ่งเรียนมาจาก ครูเสาอินทรีย์เลย) ไม่น่ามีพิษ แล้วดูอาการแล้วไม่เป็นอะไรก็เลย ทำแผลแล้วก็ให้ไปนอน เที่ยงคืนนิดๆ เรากำลังเดินกลับเต้นท์ หัวหน้ากองพันมาถามว่ามีที่นอนไหม ไม่กล้านอนให้เต้นท์ตัวเอง ใกล้ที่เจองู เราก็เลยให้นอนในเต้นท์เรา แล้วเราไปนอนที่โต๊ะพยาบาลในเต้นท์เสนารักษ์ นอนได้ 10 นาที ก็มีคนโดนตะขาบกัดมา ครูเสนารักษ์มาช่วยดู แล้วก็ให้เราทำแผลให้ แล้วก็ให้กลับไปนอน แล้วให้เรานอนบนเตียงสนามที่เหลือ เราก็เดินไปที่เตียงยังไม่ทันถอดคอมแบตก็มาอีกราย พอคิดว่าจะได้นอน ก็มีคนมาเรื่อยๆ ทำแผล เยอะแยะ ปวดท้อง สรุป ทั้งคืนตั้งแต่เที่ยงคืน ยัน ตีสี่ ไม่ได้นอนเลย แต่เราก็ยินดีนะ ได้ทำให้เพื่อนได้หายป่วยอะไรงี้ รู้สึกดี ได้ช่วยคน

       

      วันที่ 5

      4.30น.

      เดินมารวมพล ในสภาพใกล้ตาย เพราะยังไม่ได้นอนเลย แล้วครูเสนารักษ์ก็บอกว่าเราไม่ต้องไปขึ้นเขา อยู่ดูคนป่วยที่นี่ นี่แหละ เราก็ค่อย ok หน่อย ได้นอนชั่วโมงครึ่ง

       

      6.00น.

      เพื่อนที่ไปขึ้นเขา กลับลงมา กินข้าวเช้า เก็บของ

      เอาของมาวางไว้ที่รวมพล

       

      7.00น

      เดินไปสถานี 34 อีกรอบ เตรียมไปโดดหอ กับข้ามลำน้ำ

       

      7.30น.

      เดินถึงสถานี 34 โดดหอ เคารพธงชาติ แล้วก็แยกคนไม่อยากโดด คนที่โดดไม่ได้ออก สรุปคนโดดเหลืออยู่แค่สัก 60-70 คนได้ แต่ถึงไม่โดดก็ต้องซื้อปีก

       

      9.00น.

      แบ่งกองร้อยเดินไปข้ามลำน้ำด้วยสะพานเชือก แยกพวกข้าม ไม่ข้าม เหลือข้ามอยู่ 30-40 คน

       

      10.00น.

      กลับกองพัน เราก็นึกว่าขึ้นรถกลับบ้านแล้ว ครูเสนารักษ์ก็ให้เราไปช่วยเขาจัดการผู้ป่วยอีก

       

      11.00น.

      ได้กินข้าวกลางวัน รวมพล แล้วครูปกครองทั้งหมดก็พูดลา อำลากันเรียบร้อย ก็ขึ้นรถไปทำพิธีปิด

       

      12.00น. ทำพิธีปิดที่ลานกลาง แดดร้อนมากกกกกก สักครึ่งชั่วโมงก็ขึ้นรถ กลับกรุงเทพ

       

      จบที่เขาชนไก่

      เรารู้สึกแบบก็เป็นประสบการณ์ที่ดีอะ รู้ว่าเพื่อนแท้คืออะไร ได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก รู้จักการจัดการต่างๆ

      แต่ก็เสียดายที่ไม่ได้ไปฝึกกับเพื่อนๆ แต่อย่างน้อยก็ได้ทำหน้าที่ ได้ช่วยเหลือ เท่าที่เราสามารถทำได้ พยายามมีส่วนร่วมให้มากที่สุด ถึงแม้เราจะโดนคัดเป็นคนป่วย แต่เราก็ภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือ ได้ทำหน้าที่ ไม่ได้เอาแต่นั่งกินแรง อู้ อะไร

      พออยู่บนรถก็พยายามถามเพื่อนๆ ว่าเห็นเราเป็นยังไง กินแรงไหม อู้ไหม พอได้ฟังคำตอบก็ค่อยสบายใจหน่อย เพราะ ว่าเรานั้นไม่ได้นั่งเล่นเหมือนคนอื่น "นายช่วยงานทุกอย่างเลย ดูแลคนอื่น ดูแลเพื่อนๆ และ เป็นคนป่วยที่ดูแลคนไม่ป่วย นายก็เหนื่อยไม่แพ้คนที่ไปฝึกหรอก"

      ทั้งหมดที่เล่ามาคือเรื่องจริงของผม ถ้ามีคำถามอะไรเกี่ยวกับเขาชนไก่ post ถามเลยฮะ เดี๋ยวมาตอบ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×