แฟนฟิคเกมตามหาหมาป่า ตอน ไดอารี่ของไฮซิลด์ Part 1 - แฟนฟิคเกมตามหาหมาป่า ตอน ไดอารี่ของไฮซิลด์ Part 1 นิยาย แฟนฟิคเกมตามหาหมาป่า ตอน ไดอารี่ของไฮซิลด์ Part 1 : Dek-D.com - Writer

    แฟนฟิคเกมตามหาหมาป่า ตอน ไดอารี่ของไฮซิลด์ Part 1

    โดย IfootballZ

    ผู้เข้าชมรวม

    149

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    149

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 ก.ค. 56 / 21:38 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    BlackForest เม้าส์ Blue Snowflake
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       
       
       
       
       
      แฟนฟิคเกมตามหาหมาป่า ตอน ดอารี่ของไฮซิลด์


       
      “ยัยป้า ทำอะไรอยู่หรอน่ะ” เสียงเล็กแหลมดังขึ้นข้างหลังไฮซิลด์ เรวาดอฟ นักแสดงสาวสวยที่กำลังเป็นที่นิยมของโรมาเนียและยุโรปอยู่ในขณะนี้ ไฮซิลด์สะดุ้งเล็กน้อยรีบซ่อนสิ่งที่กำลังทำไว้ทันที แต่ก็ไม่อาจพ้นสายตาของโอวีน่า รอสซินี่ ไม้เบื่อไม้เมาของไฮซิลไปได้ ร่างเล็กของวิน่าปรีเข้ามาแย่งของสิ่งนั้นไปทันที
      “ไดอารี่ของไฮซิลด์” วิน่าก้มลงอ่านตัวหนังสือภาษาอังกฤษบนปกของสมุดเล่มเล็กๆลายลูกไม้หวานแหววในมือของเธอ โดยที่ไฮซิลด์ยังไม่ทันได้ตั้งตัว
      “ฮ๊าฮ่าๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ” เสียงวิน่าแผดเสียงหัวเราะลั่น ทำให้ไฮซิลด์หน้าแดงขึ้นมาอย่างอายจัด รีบเข้าไปแย่งไดอารี่ของเธอคืนแต่วิน่าไวกว่าเธอซ่อนไดอารี่ของไฮซิลด์ไว้ข้างหลังแล้ววิ่งไปรอบๆห้อง
      “นี่เอาคืนมานะยะ ยัยเด็กไร้มารยาท”ไฮซิลด์แหวเสียงลั่นในขณะที่วิน่ายังคงวิ่งไปวิ่งมาพร้อมกับหัวเราะไปด้วยจนน้ำตาไหล
      “ฉันไม่คิดเลยนะว่ายัยป้าอย่างเธอจะมีไดอารี่หวานแหววแบบนี้ด้วยน่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”วิน่าพูดออกด้วยเสียงล้อๆ
      “แก!! เอาของๆชั้นมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นแกได้ตายแน่ !!”ไฮซิลด์พูดขึ้นอย่างเริ่มจะโกธรจัดพลางชี้หน้า วิน่าเห็นดังนั้นจึงหยุดวิ่งแล้ววางไดอารี่ของไฮซิลด์ลงบนเตียงอย่างง่ายๆ
      “เค้าแค่ล้อเล่นเอง ไม่เห็นต้องโกธรขนาดนั้นเลยนี่”วิน่าพูดเสียงอ่อยแต่ไฮซิลด์ไม่สนใจเธอรีบตรงเข้าไปหยิบไดอารี่แล้วเอาไปใส่ในลิ้นชักที่โต๊ะหัวเตียงจากนั้นก็ล็อกกุญแจทันที
      “อย่ามายุ่งกับเรื่องของชั้นอีก” พูดไว้แค่นั้นไฮซิลด์ก็เดินออกจากห้องไปทันที
       
      ในครัว.....
      “นี่ๆ ยัยป้าไฮซิลด์แอบเขียนไดอารี่ด้วยแหละ” วิน่าพูดขึ้นขณะช่วยวันหั่นผักเพื่อเตรียมอาหารสำหรับมื้อค่ำ
      “ก็ไม่เห็นแปลกนี่วิน่า”วันตอบกลับเสียงเรียบๆ
      “แต่ยัยป้านั่นหวงไดอารี่มากเลยนะ แสดงว่าต้องมีความลับอะไรสำคัญแน่ๆ” วิน่ายังคงพูดขึ้นอีกอย่างให้ความสนใจเต็มที่
      “แล้วเธอรู้ได้ไงว่าเค้าหวง”ธารผู้ซึ่งถือบังเอิญเดินผ่านมาได้ยินพอดีถามขึ้น
      “ก็หนูเห็นอ่ะค่ะ คอยดูนะจะต้องรู้ให้ได้ว่าอะไรมันอยู่ในนั้น” วิน่าพูดอย่างหมายมั่นปั้นมือพลางทำหน้ามุ่งมั่น ทำให้วันและธารที่เห็นภาพนั้นแอบยิ้มแล้วส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
      ห้องสมุด......
      “เอ๊ะ!! นี่สมุดอะไรของใครน่ะ” ยูกิเอ่ยขึ้นกับเบลขณะที่พบสมุดเล่มเล็กลายลูกไม้ตกอยู่ใต้โต๊ะในห้องสมุด
      “แบบนี้เหมือนไดอารี่นะครับ”เบลพูดพลางก้มลงไปหยิบสสมุดเล่มนั้นขึ้นมา
      “ไดอารี่ของไฮซิลด์”เบลอ่านตัวหนังสือภาษาอังกฤษบนหน้าปกออกมาดังๆ ยูกิจึงหยิบสมุดเล่มนั้นไปดูอย่างสนใจ
      “ไม่รู้ว่าคุณซิลด์เขียนไดอารี่ด้วย” ยูกิพึมพำกับตัวเองเบาๆ
      “เดี๋ยวฉันเก็บไว้เองนะคะ ไว้เจอคุณซิลด์ตอนทานมื้อค่ำแล้วเดี๋ยวฉันจะคืนให้คุณซิลด์เองค่ะ”ยูกิหันไปพูดกับเบล
      “งั้นเดี๋ยวยูกิหาข้อมูลที่พอจะเป็นประโยชน์ต่อการหาหมาป่าไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะไปเอาชากับคุกกี้มาให้” เบลพูดก่อนก่อนจะเดินออกจากห้องไป ยูกิมองตามเบลเงียบๆก่อนจะวางไดอารี่ของไฮซิลด์ไว้บนโต๊ะแล้วเริ่มต้นรื้อหนังสือต่างๆเพื่อค้นหาข้อมูลของหมาป่า
      “อุ๊ย!!”ยูกิอุทานเมื่อมือของเธอเผลอไปปัดสมุดเล่มเล็กที่เธอวางไว้ไกล้มือตกลงไปบนพื้นทำให้มีรูปถ่ายบางส่วนที่สอดไว้ในนั้นกระเด็นออกมา ยูกิก้มลงไปมองแล้วเก็บไดอารี่เล่มนั้นขึ้นมาจากนั้นเธอก็ก้มไปหยิบรูปใบหนึ่งขึ้นมาดูมันเป็นรูปของเด็กชายและเด็กหญิงคู่หนึ่งอายุประมาณ5ขวบ เด็กหญิงคนนั้นคือไฮซิลด์แน่นอนเพราะดูจากลักษณะหน้าตาและท่าทางมันบ่งชัดแต่เด็กผู้ชายคนนี้ ยูกิรู้สึกคุ้นๆอย่างบอกไม่กูก ผมสีบรอนเงินหน้าตาดูไม่ยอมใครแบบนี้  ยูกิพลิกไปดูที่หลังรูปใบนั้นมีข้อความเขียนเอาไว้ว่า
      “ไฮซิลด์และริสเปอร์ วันคริสมาส ปี 2001” ยูกิอ่านข้อความข้างหลังนั้นเบาๆ เธอพอรู้มาบ้างว่าไฮซิลด์และริสเปอร์เป็นเพื่อนกันแต่ไม่คิดว่าจะรู้จักกันมานานขนาดนี้ เธอสอดรูปใบนั้นเข้าไปในไดอารี่อย่างลวกๆ จากนั้นเธอจึงก้มไปมองที่ใต้โต๊ะอีกครั้งแล้วเก็บรูปที่ตกอยู่อีกสองสามใบนั้นขึ้นมา ยูกิค่อยๆไล่ดูรูปทีละใบ ใบแรกเป็นรูปริสเปอร์ในวัยน่าจะประมาณม.ต้นกำลังถือถ้วยรางวัลที่ได้จากการแข่งขันอะไรสักอย่างอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ข้างๆคือไฮซิลด์ในชุดกระโปรงเอี๊ยมเอวสูงสีน้ำเงินเข้มยาวแค่เข่า เสื้อแขนยาวสีขาวและเนคไทสีเดียวกับกระโปรงที่ประทับตราโรงเรียนไว้ตรงกลาง ไฮซิลด์ในรูปกำลังยิ้มให้กับให้กล้องอย่างร่าเริงพลางชูสองนิ้วทำให้ยูกิต้องยิ้มตามรูปนี้ไปด้วย เธอพลิกดูด้านหลังของรูปในนี้มันมีข้อความเขียนไว้ว่า
      “ยินดีด้วยกับไอ้บ้าริส ปีนี้แข่งฟุตบอลชนะเป็นปีที่สองแล้ว (17 August 2009) ” ยูกิหัวเราะออกมาน้อยๆจากข้อความด้านหลังของรูปทำให้เธอรู้ว่าทั้งสองคงมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันมากทีเดียว ไฮซิลด์ก็ยังคงเป็นไฮซิลด์ทั้งหน้าตาที่อยู่ในรูปและข้อความที่เขียนหลังรูป ยูกิพลิกดูรูปถัดไปรูปนี้เป็นรูปริสเปอร์ในวัยประถมปลายนอนใส่เฝือกหลับอยู่บนตียง โดยมีไฮซิลด์นั่งหลับอยู่ข้างเตียง ด้านหลังรูปเขียนว่า
      “ขอบใจนะริสเปอร์ที่ช่วยเค้าไว้จนตัวเองขาหัก (22 May 2006)” และรูปสุดท้ายเป็นรูปริสเปอร์ในวัยไกล้เคียงกับในปัจจุบันกำลังถือเค้กด้วยใบหน้ายิ้มแปลกๆบนหัวมีผ้าก็อตสีขาวแปะอยู่ข้างๆมีไฮซิลด์กำลังหัวเราะทั้งน้ำตา ดูไม่ออกเลยว่ากำลังเสียใจหรือดีใจอยู่กันแน่ ด้านหลังรูปเขียนเอาไว้ว่า
      “ไอ้บ้าริสเปอร์ แก... ทำไมชั้นถึงดีใจขนาดนี้ล่ะ..?” ยูกิรู้สึกงงๆกับข้อความที่อยู่ด้านหลังรูปในนี้มาก มันให้ความรู้สึกทั้งรักทั้งแค้นยังไงบอกไม่ถูก เธอชักจะสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้ขึ้นมาจริงๆซะแล้ว คิดได้ดังนั้นยูกิจึงเปิดไดอารี่เล่มขึ้นอย่างระมัดระวัง หยิบรูปถ่ายทั้งหมดในนั้นขึ้นมาดูและทุกรูปไม่ว่ารูปไหนก็จะต้องมีริสเปอร์อยู่ในรูปใบเดียวกับเธอด้วยทุกรูปไป บางรูปเป็นรูปที่ทั้งสองถ่ายกับครอบครัวตั้งแต่สมัยเด็กๆ บางรูปเป็นรูปที่ทั้งสองไปเที่ยวด้วยกัน และหลายๆรูปในนั้นเป็นรูปการอวยพรวันเกิดในที่ต่างๆทั้งของไฮซิลด์และริสเปอร์ตั้งแต่เด็กจนโต ข้อความที่เขียนไว้หลังรูปทุกใบให้ความรู้สึกถึงความรักและความผูกพันธ์กันมาตั้งแต่สมัยเด็กของทั้งสอง
      “หรือคุณซิลด์จะแอบชอบคุณริสเปอร์”ยูกิพึมพำเบาๆกับตัวเอง ยูกิสอดรูปทั้งหมดกับเข้าที่เดิมในสมุดไดอารี่ เธอหยิบสมุดนั้นมาถืออยู่ในมือลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าสมควรจะแอบอ่านไดอารี่ของคนอื่นดีหรือเปล่า แต่แล้วด้วยความอยากรู้มันมีอิทธิพลมากกว่าสิ่งอื่นใด ยูกิค่อยๆบรรจงเปิดไดอารี่นั้นออกช้าๆแล้วเริ่มอ่านตั้งแต่หน้าแรก
      “ไดอารี่เล่มนี้เป็นห้าของฉัน (ไฮซิลด์)” เล่มที่ห้าแสดงว่าเขียนตั้งแต่อายุสิบสองปีสินะ ยูกิพึมพำเบาๆเมื่ออ่านตัวหนังสือบรรทัดแรกจบ ยูกิก็เริ่มอ่านหน้าต่อไปทันที
      3 September 2012 วันนี้เป็นวัน Fall Semester (วันเปิดเรียนวันแรกของช่วงฤดูหนาว) ไอ้บ้าริสเปอร์ก็มารับฉันที่บ้านเหมือนที่เคยทำมาตลอดถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้อยู่ที่บ้านของตัวเองเหมือนเดิมแล้ว แต่เขาก็ยังทำเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ริสเปอร์เขายังเป็นคนที่กวนประสาทฉันเสมอ วันนี้เราคุยกันถึงเรื่องตอนสมัยเด็ก วันที่พ่อแม่ของเราพาเรามาเจอกันครั้งแรกเราสองคนก็เขม่นหน้ากันตั้งแต่แรกเจอ ไอ้บ้าริสเปอร์ตอนนั้นเป็นเด็กซนที่ไม่เคยฟังใคร แต่กับฉันเขากลับทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดี ทุกครั้งที่ฉันถูกดุเรื่องแคสติ้งไม่ผ่านริสเปอร์จะเป็นคนมาปลอบใจฉันเสมอ จนถึงวันนี้ฉันได้เป็นดาราแล้ว ทุกทีเวลาฉันท้อแท้ก็จะได้เจ้าคนกวนประสาทคนนี้แหละที่คอยปลอบใจฉันมาตลอด วันนี้ก่อนจะถึงโรงเรียนไอ้บ้าริสเปอร์ก็เขกหัวฉันไปตั้งหลายที แต่เราก็ยังได้หัวเราะกันอย่างมีความสุข
      12 September 2012 เปิดเรียนมาได้ไม่กี่วันไอ้บ้าริสก็ไปจีบผู้หญิงใหม่อีกแล้ว ทำไมผู้ชายชอบเป็นแบบนี้ทุกที วันนี้ฉันอุตส่าไปเข้าแถวซื้อของโปรดมาให้กลับกลายเป็นว่าไอ้บ้านั่นเอาไปเป็นเครื่องมือจีบหญิงซะนี่ บ้าทะมัด ” หึงริสเปอร์สินะคะคุณไฮซิลด์ ยูกิหัวเราะออกมน้อยๆขณะที่อ่านไดอารี่ของไฮซิลด์ไปเรื่อยๆ หลายๆเรื่องของเธอทำให้ยูกิได้เข้าใจตัวตนของไฮซิลด์มากขึ้น ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงานการแสดงของเธอ รวมทั้งเรื่องความสัมพันธ์ส่วนใหญ่ของเธอกับริสเปอร์ด้วย
      6 October 2012 ไอ้บ้าริสเปอร์ ไอ้บ้าเอ้ย บังอาจมาว่าฉันเป็นผู้หญิงหน้าไม่อาย เที่ยวร่านไปจีบผู้ชายซะทั่ว ไอ้.... ไอ้คนเฮงซวยเอ้ยย!!ทีตัวเองล่ะไปจีบผู้หญิงซะทั่วฉันยังไม่เคยด่าแกแบบนี้เลยนะ ทีฉันทำบ้างจะเป็นอะไรไป ยังไงแกก็ไม่เคยจะสนใจฉันอยู่แล้วนี่ ไอ้บ้าริสเปอร์ วันนี้ฉันตะโกนใส่หน้าไอ้บ้าริสไปอร์ไปอย่างนี้แหละ ยกเว้นประโยคหลังที่ฉันพูดเองคนเดียวในใจ แถมยังประเคนฝ่ามือลงบนหน้าเขาด้วย ตั้งแต่รู้จักกันมาจนโตนี่เขาเจ็บตัวเพราะฉันกี่รอบแล้วล่ะเนี่ย น่าเบื่อจัง....” 
      “หาข้อมูลถึงไหนแล้วครับยูกิ” เสียงของเบลเอ่ยถามมาเบาๆขณะวางชากับจานคุกกี้ลงบนโต๊ะ
      “ก็....ยังไม่เจออะไรเลยค่ะ”ยูกิตอบ พลางปิดไดอารี่ของไฮซิลด์แล้วเลื่อนไปวางไว้ข้างตัว
      “คุณยูกิแอบอ่านไดอารี่ของคุณไฮซิลด์หรอครับ ”เบลถามเสียงเรียบ พลางรินชาให้
      “ใช่ค่ะ เพราะฉันสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคุณไฮซิลด์กับคุณริสเปอร์น่ะค่ะ”ยูกิตอบพลางหัวเราะน้อยๆแก้เก้อ
      “ทำไมหรือครับ”
      “เบลดูรูปพวกนี้สิ ”ยูกิพูดพลางหยิบรูปในไดอารี่ของไฮซิลด์ให้เบลดู รูปต่างๆของไฮซิลด์และริสเปอร์ เบลรับรูปไปดูเงียบๆแล้วมองหน้ายูกิอย่างตั้งคำถาม
      “พอดีฉันบังเอิญทำไดอารี่ตกน่ะแล้วรูปพวกนี้ก็เลยหล่นลงมา” ยูกิชิงพูดขึ้นก่อนที่เบลจะถามอะไร
      “ฉันอ่านเพราะอยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของสองคนนั้นน่ะ ความเป็นมาของสองคนนั้นด้วยไม่เชื่อดูนี่สิ” ยูกิพูดแล้วเปิดไดอารี่หน้าหนึ่งให้เบลดู
       
      17 August 2012 วันนี้ริสเปอร์แอบมาหาฉันที่บ้านหลังจากหนีออกจากบ้านไปได้เกือบปีแล้ว.....” ยูกิใช้นิ้วชี้ข้อความบรรทัดหนึ่งให้เบลดู 
      “เห็นไหมคะว่าสองคนนี้มีอะไรที่น่าสนใจเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าริสเปอร์จะหนีออกจากบ้านไปแล้วแต่ทำไมยังมาหาไฮซิลด์อีก แล้วทำไมไฮซิลด์ไม่บอกที่บ้านของริสเปอร์ว่าเจอเขา ”ยูกิพูดขึ้นอย่างตั้งข้อสังเกต
      “เขาเป็นเพื่อนกัน จะมาหากันมันไม่เห็นแปลกเลยนี่ครับ” เบลตั้งข้อสังเกตขึ้นมาบ้าง
      “แต่มีบางส่วนของเนื้อหาในนี้นะคะที่บอกว่าริสเปอร์ย้ายโรงเรียนมาเรียนที่เดียวกับไฮซิลด์หลังจากหนีออกจากบ้านไปแล้ว คุณเบลคิดว่าไม่แปลกหรือคะ การที่คนหนีออกจากบ้านคงต้องหนีไปไกลๆไม่ให้คนที่บ้านตามเจอไม่ใช่หรือคะ แต่ริสเปอร์กลับมาเรียนโรงเรียนเดียวกับไฮซิลด์แล้วคิดว่าคนที่บ้านจะตามไม่เจอเชียวหรือคะ” ยูกิอธิบายในข้อสงสัยของเธอให้เบลฟัง
      “ผมว่าคุณริสเปอร์อาจจะแค่ย้ายออกไปอยู่คนเดียวก็ได้มั้งครับ ผมเห็นวัยรุ่นโซนนั้นเข้าก็ทำกันแบบนั้นบ่อยนะครับ” เบลตอบกลับมาอย่างไม่ติดใจสงสัยอะไร
      “ฉันว่าคุณไฮซิลด์ต้องแอบชอบคุณริสเปอร์แน่เลยค่ะ ”ยูกิเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ
      “แต่ยังไม่แน่ใจว่าคุณริสเปอร์จะรู้สึกยังไงกับคุณไฮซิลด์กันแน่” เธอกล่าวเสริมขึ้นมาอีกก่อนจะก้มลงอ่านไดอารี่ในมือต่อ
      11 December 2012 วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน แต่ไอ้บ้านริสเปอร์บอกว่ามาไม่ได้เพราะติดนัดเดทกับแฟน ไอ้บ้าเอ้ย.!! คนเค้าอุตส่าคิดว่าจะได้มาฉลองด้วยกันอีกแท้ๆ วันนี้ฉันฉลองกับคนในครอบครัวอย่างเบื่อๆคงเพราะปีนี้ไม่มีคนกวนประสาทอย่างริสเปอร์แน่ๆ ก่อนที่ฉันจะมาเขียนไดอารี่วันนี้เมมื่อชั่วโมงที่แล้ว จู่ๆก็มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ปีนเข้ามาในห้อนอนฉันตอนฉันกำลังอาบน้ำ ไอ้บ้านั่นขึ้นมาที่ห้องนอนฉันยังไม่พอ ยังมาแอบปิดไฟแล้วนั่งเงียบๆบนเตียงฉันอีก พอฉันอาบน้ำเสร็จออกมาเจอเงาตะคุ่มๆนั่งอยู่ที่เตียงฉันก็เลยจัดการฟาดด้วยโคมไฟหัวเตียงอย่างแรง แต่ไอ้บ้านั่นมันหลบได้ มันกระโดดมาตะครุบตัวฉันทำให้ผ้าเช็ดตัวฉันหลุด เชื่อมั้ยฉันกรี๊ดลั่นบ้านแล้วคว้านาฬิกาบนหัวเตียงฟาดหัวมันอย่างแรง พอลุกไปเปิดไฟก็เจอ ไอ้บ้าริสเปอร์นอนหัวแตกอยู่ข้างเตียงของฉัน ในขณะที่ฉันยืนเปลือยกายอยู่ในห้อง ฉันเพิ่งสังเกตว่าบนโต๊ะเขียนหนังสือของฉันมีเค้กก้อนหนึ่งวางอยู่ ใครจะไปคิดว่าไอ้บ้าริสเปอร์จะแอบมาเซอร์ไพรวันเกิดฉันด้วยการปีนบ้านฉัน บ้าชะมัด... หลังจากทำแผลเสร็จฉันก็ได้เป่าเค้กอีกรอบกับไอ้บ้าริสเปอร์ วันนั้นฉันได้ของขวัญวันเกิดเป็นแหวนที่ฉันเคยบอกว่าอยากได้ริสเปอร์สวมให้ฉันที่นิ้วนางข้างขวาแล้วเขาก็ให้ฉันสัญญาด้วยว่าจะใส่มันไปตลอด เหตุการณ์วันนี้มีรูปมายืนยันด้วยนะ ” ยูกิอ่านจบแล้วหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งขึ้นมา รูปริสเปอร์ที่ถือเค้กโดยมีผ้าก็อตแปะอยู่บนหัวและมีไฮซิลด์ยืนหัวเราะทั้งน้ำตาอยู่ข้างๆ เบลเดินเข้ามาก้มดูไกล้ๆแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
       “คู่นี้เค้าน่ารักดีนะคะ”ยูกิพูด
      “ยูกิอยากให้ผมเซอร์ไพรวันเกิดแบบนี้บ้างหรือเปล่าล่ะครับ”ยูกิหน้าแดง แล้วรีบเลี่ยนเรื่อง
      “อ่านหน้านี้ดีกว่าค่ะ”ยูกิพูดแล้วเริ่มลงมืออ่าน
      13 December 2012 วันนี้ฉันมีงานถ่ายโฆษณาหลังจากเสร็จฉันเลยไปนั่งทานอาหารฆ่าเวลาที่ร้าน Caru’cu bere ซึ่งเป็นร้านอาหารในย่านเมืองเก่าของบูคาเรสต์ ระหว่างฉันกำลังเปิดเมนูอาหารที่ดีไซด์เป็นรูปหนังสือพิมอยู่นั้น ฉันก็เหลือบไปเห็น ไอ้คนบ้าริสเปอร์กำลังจูบอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งคู่ดูมีความสุขกันจริงๆเลยนะ หึ!! แล้วฉันมานั่งทำอะไรที่นี่เนี่ย ตอนนั้นฉันตัดสินใจว่าจะไม่กินอาหารที่นี่แล้ว ฉันวางเมนูแล้วรีบลุกขึ้นโดยไม่ทันได้ดูก็เลยชนกับผู้ชายคนหนึ่ง ฉันเสียหลักจะล้มลงทำให้มือของฉันเหนี่ยวคอเขาเอาไว้ในขณะที่เขาก็โอบเอวฉันไว้เช่นกัน แต่ฉันยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรต่อทั้งสิ้น แขนฉันก็ถูกกระชากจากคอผู้ชายคนนั้นด้วยมือของไอ้บ้าริส แล้วไอ้บ้าริสเปอร์ก็ชกที่ใบหน้าผู้ชายคนนั้นเต็มแรง เขาล้มลงไปกองกับพื้นทันทีจากนั้นไอ้บ้าริสก็หันมาตวาดใส่ฉันว่าทำไมฉันถึงทำตัวเป็นผู้หญิงไร้ยางอาย มากอดจูบกันในร้านอาหารแบบนี้ได้ยังไง ตอนนั้นฉันตกใจมากที่ริสเปอร์กล้าว่าฉันกลางร้านอาหารแบบนี้ แต่ก็ไม่นานนักหรอก จากนั้นฉันสวนออกไปว่า ฉันก็คงเป็นคนที่ไร้ยางอายอย่างผู้หญิงคนนั้นสินะ ฉันพูดแล้วก็ชี้มือไปที่ผู้หญิงคนนั้น คนที่จูบกับริสเปอร์เมื่อกี้นี้ ยัยผู้หญิงคนนั้นโกรธ แล้วตรงเข้ามาจะตบฉันทันทีแต่มีคนที่ไวกว่า อีตาบ้าริสเปอร์สะบัดมือตบหน้าฉันเต็มแรง หน้าฉันหันไปตามแรงตบมันชาไปซีกหนึ่งเลยทีเดียว ฉันหันหน้ากลับมามองเขา น้ำตาของฉันมันค่อยๆไหลออกมาช้าๆ มันเจ็บ ฉันรู้สึกเจ็บใจมากที่ไอ้บ้าริสเปอร์กล้าตบฉันต่อหน้าผู้หญิงคนนั้น เขากล้าตบฉันต่อหน้าทุกคนในร้านอาหารนี้ ฉันกัดฟันกลั้นสะอื้นแล้วถอดแหวนที่ไอ้บ้าริสเปอร์ให้มาปาใส่หน้าเขา จากนั้นฉันก็ถอดส้นสูงแล้วเดินเข้าไปซัดใส่หน้าขาอีกหลายครั้งโดยที่เขาไม่ปัดป้องใดใดทั้งสิน คงตกใจกับการกระทำของตัวเองสินะ ฉันยังเห็นเขายืนอึ้งถึงแม้ว่าหัวเขาจะแตกและมีเลือดไหลลงมา ฉันโยนรองเท้าข้างนั้นลงกับพื้นแล้วพูดออกมาเสียงดังๆว่า จำไว้ครั้งนี้ฉันจะไม่ยกโทษให้ แล้วฉันก็เดินออกมาจากร้านนั้นทันที”
      “น่าสงสารคุณไฮซิลด์จังเลยนะคะ”ยูกิพูดขึ้นมาเบาๆ
      “ผมว่าเราเลิกอ่านเรื่องของคนอื่นดีมั้ยครับ”เบลบอกยูกิเบาๆ
      “เรื่องกำลังน่าติดตามนะคะ”ยูกิหันไปพูดกับเบลก่อนจะลงมืออ่านต่ออย่างจริงจังโดยไม่สนใจสีหน้าเหวอๆของเบลเลยแม้แต่น้อย
      20 December 2012 วันนี้ให้ทายว่าฉันอยู่ที่ไหน? ทายไม่ถูกล่ะสิ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ญี่ปุ่นล่ะ อย่างที่ฉันเขียนไปทุกวันนั่นแหละหลังจากที่โดนไอ้บ้านั่นตบหน้าฉันก็บวมไปหลายวันฉันตัดสินใจบินมาญี่ปุ่นทันทีที่หน้าของฉันหายบวม ต่อจากนี้ฉันจะได้เขียนอะไรที่มากกว่าการนอนรักษาหน้าของฉันอยู่ที่บ้านซะที ที่ฉันบินมาที่ญี่ปุ่นเพราะฉันเหนื่อยกับเรื่องต่างๆฉันเล่าให้ฟังแล้วใช่มั้ยล่ะว่าไอบ้าริสเปอร์ตามมาตอแยฉันที่บ้านตลอด ถึงฉันจะหนีไปอาศัยอยู่ที่บ้านเก่าในเมืองบราซอฟแล้วก็ตามที คราวนี้ฉันเลยหนีมาญี่ปุ่นซะเลย ความจริงฉันเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้วล่ะสมัยเด็กๆ แต่ตอนนี้อะไรที่นี่ก็เปลี่ยนไปหมด วันนี้ฉันขอนอนพักผ่อนก่อนที่จะเริ่มโปรแกรมอีกทีวันพรุ่งนี้ ราตรีสวัสดิ์
      21 December 2012 วันนี้ฉันตั้งใจจะออกไปแช่น้ำร้อนสักหน่อยขณะที่ฉันกำลังรอรถไฟอยู่นั่นเองแล้วฉันก็เจอผู้ชายคนหนึ่ง แวบแรกฉันคิดว่าไอบ้านั่นมันตามฉันมาอีกแล้วแต่ไม่ใช่ ผู้ชายคนนี้ถึงจะดูคล้ายมากแต่ก็เตี้ยกว่า ผมสีบรอนเงินนั่นก็เหมือน หน้าตากวนประสาทแบบนั้นก็ดูคล้ายๆถึงจะไม่คล้ายมากก็เถอะ แต่ที่ไม่เหมือนกันก็คงเป็นสีที่ตาสินะ ตาของไอบ้าริสเปอร์น่ะสีดำ แต่ของคนๆนี้น่ะเป็นสีแดงสด ฉันจับตามองผู้ชายคนนั้นอยู่นานเลยทีเดียวลังเลใจอยู่ว่าจะเข้าไปทักดีหรือเปล่า สิ่งที่ฉันทำประชดไอบ้านั่นไปวันๆสงสัยฉันจะติดซะแล้วสิ นิสัยชอบจีบผู้ชายเนี่ย นึกถึงตรงนี้ฉันก็พาลไปคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นขึ้นมาอีก ฉันเอามือลูบแก้มข้างซ้ายของตัวเองเบาๆ รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกแล้ว ฉันสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไปพร้อมกับสูดหายใจเข้าแรงๆ แล้วแกล้งทำเป็นตีหน้าซื่อเข้าไปทักผู้ชายคนนั้นทันที ฉันเข้าไปทักเขาเป็นภาษาอังกฤษให้เขารู้ว่าฉันเป็นนักท่องเที่ยว ครั้งแรกเขามีท่าทีงงเล็กน้อยแต่แล้วเขาก็ยิ้มให้ฉันแล้วตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษว่า มีอะไรหรือครับ? ฉันอึ้งเล้กน้อยเพราะไม่คิดว่าคนที่นี่จะพูดภาษาอังกฤษได้ชัดขนาดนี้ รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กๆ ถึงหน้าตาเขาจะคล้ายกับไอบ้านั่นแต่รอยยิ้มของเขามันดูอบอุ่นและเป็นมิตรมากกว่าคนๆนั้นมากนัก ฉันไม่รู้จะตอบคำถามเขาว่าอะไรดีเลยถามชื่อเขาซะดื้อๆซะเลย เขาหัวเราะออกมาน้อยๆแล้วบอกชื่อของตัวเอง ซากายะ เรย์ครับ เขาพูดยิ้มๆแล้วเรียกชื่อฉันพลางส่งมือมาให้ฉันจับ ฉันตกใจมากที่มีคนที่นี่รู้จักฉันด้วย ฉันจับมือเขาพลางส่งยิ้มให้ คุณมาทำอะไรที่กุมะหรือครับ เรย์ถามฉัน ฉันเลยตอบกลับไปว่าอยากจะไปออนแซนแล้วถามเขาว่ามีที่ๆพอจะแนะนำไหม และก็เป็นอย่างที่ฉันคิด เขาบอกว่ามีอยู่ที่หนึ่งสวยมากคือ ทาการางาว่า ออนเซน เขาเล่าให้ฟังถึงบรรยากาศแล้วเอ่ยชวนฉัน แน่นอนใครจะไปปฏิเสธ ฉันตกลงจะไปกับเขาทันที เขาพาฉันเดินออกจาสถานีรถไฟตรงมาที่ช็อปเปอร์คันหนึ่ง อย่าบอกนะว่านี่รถนายน่ะ ฉันถามเขา เกิดมาฉันยังไม่เคยนั่งมอเตอร์ไซด์มาก่อนเลยนะ เรย์พยักหน้ายิ้มๆจูงฉันขึ้นไปนั่งบนนั้นแล้วหยิบหมวกกันน็อคส่งฉันจากนั้นเขาก็ถอดเสื้อคลุมของเขาแล้วคลุมให้ฉัน อากาศที่ญี่ปุ่นเย็นมากทีเดียวถึงแม้หิมะจะยังโปรยปรายลงมาไม่เยอะนัก ฉันบอกขอบคุณเขาเบาๆ  เขายิ้มรับแล้วขึ้นคล่อมมอเตอร์ไซด์อย่างชำนาญ จากนั้นก็บิดออกไปอย่างรวดเร็ว ฉันร้องออกมาเบาสองมือรีบกอดเอวเขาแน่นแล้วหลับตาปี๋ไปตลอดทาง
      ผ่านไปไม่นานเขาก็พาฉันมาจอดในที่ๆหนึ่ง  ลักษณะเป็นบ้านหลังใหญ่กินบริเวณกว้างขวางมีรั้วเตี้ยๆล้อมรอบบริเวณด้านหน้า ด้านหลังอยู่ติดกับภูเขา บ้านหลังนี้น่าจะอยู่ในมืองเล็กๆที่ห่างไกลจากตัวเมืองพอสมควรเพราะจากบ้านที่มีอยู่แค่ไม่กี่หลังห่างๆกันมันทำให้ฉันคิดได้แค่นี้เท่านั้น อากาศที่นี่เย็นมากกว่าในตัวเมืองค่อนข้างมากทีเดียว หิมะจับตามกิ่งไม้และต้นไม้เป็นสีขาวโพลนไปหมด เรย์คงเห็นฉันเหม่อมองดูทิวทัศน์จึงเอามือเย็นๆที่สวมถุงมือของเขามาปิดตาฉัน  บ้า!! ฉันว่าเขาเบาๆทำให้เขาหัวเราะออกมาจากนั้นเขาก็พูดว่า ยินดีต้อนรับสู้บ้าน ซากายะครับ ฉันตกมากในสิ่งที่เขาพูด ไหนว่าจะพาฉันไปที่ออนเซนไง ฉันถามพร้อมกับจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง เขายิ้มน้อยๆแล้วตอบว่า ที่นี่เป็นโฮมเสตสำหรับนักท่องเที่ยวน่ะครับ แล้วที่นี่ก็ไม่ไกลจาก ทาการางาว่า ออนเซน เท่าไหร่ด้วยครับ ที่ผมพาคุณมาก็เผื่อคุณจะสนใจมาพักที่นี่น่ะครับ ดูสิบรรยากาศดีว่าในตัวเมืองตั้งเยอะ แล้วอีกอย่างที่นี่ก็มีออนเซนเหมือนกันนะครับ เขาพูดพร้อมกับพาฉันลงจากรถช็อปเปอร์แวพาเดินเข้าไปในบ้าน บรรยากาศภายในบ้านนั้นเป็นแบบญี่ปุ่นแท้ๆให้ความรู้สึกเหมือนย้อนไปอยู่ในสมัยเอโดะตอนปลาย (ศตวรรษที่19) ลักษณะบ้านเป็นรูปตัวยูเชื่อมต่อกันทั้งหมดและมีสวยแบบญี่ปุ่นสวยๆอยู่ตรงกลางด้วย แล้วที่นี่ก็มีบ่อออนเซนอย่างที่เรย์ว่าจริงๆด้วย เป็นบ่ออออนเซนกลางแจ้งที่อยู่ด้านหลังของตัวบ้าน ว้าว ฉันอุทานออกมาเสียงดังๆขณะเรย์พาฉันมาดูรอบๆตัวบ้าน ฉันตกลงจะย้ายมาพักที่นี่ค่ะ ฉันบอกเรย์อย่างรวดเร็วพร้อมกับยิ้มกว้างให้เขา เขาก็ยิ้มตอบฉันกลับมาเช่นกับจากนั้นเขาก็พาฉันกลับไปที่โรงแรมเพื่อย้ายของมาพักที่บ้านของเขา ห้องนอนของฉันอยู่ติดกับห้องนอนของเขาเลย หลังจากขนของเสร็จฉันก็ได้นอนแช่น้ำร้อนอย่างสบายตัว เรย์มาหาฉันอีกครั้งตอนมื้อค่ำ เขามาเรียกฉันให้ไปทานมื้อค่ำร่วมกับคุณพ่อคุณแม่และแขกของที่มาพักบ้านเขาอีกสองสามคน ทุกคนเป็นคนดีและใจดีกับฉันมาก ฉันไม่คิดเลยว่าวันนี้ฉันจะมีความสุขมากขนาดนี้ มันทำให้ฉันลืมไอบ้าบางคนไปเลยล่ะ ”
      23 December 2012 หลังจากที่ฉันอยู่ที่บ้านของเรย์มาหลายวันแล้วฉันก็ยังไม่คิดจะกลับไปที่โรมาเนียเลย ฉันมีความสุขมากๆที่ได้อยู่ที่นี่ อย่างที่ฉันเล่าให้ฟังเมื่อวันก่อนๆ เรย์พาฉันออกไปดูนู่นดูนี่ทุกวัน เขาพาฉันไปกินราเมงร้านอร่อย พาไปถ่ายรูปที่สวนสาธารณะ แล้วเมื่อวานที่เรย์พาฉันขึ้นไปที่จุดชมวิวบนภูเขา ถึงแม้ทางขึ้นมันจะค่อนข้างลำบากแต่เขาก็คอยพยุงฉันไว้ตลอด ทุกครั้งที่ฉันล้มเขาจะคอยฉุดฉันขึ้นมายืนอีกครั้งพร้อมกับจับมือฉันเดินไปด้วยกันจนถึงที่หมาย วันนั้นเราสองคนหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน หลายวันมานี้ไอบ้าคนนั้นฉันลืมเขาไปเลย ถึงแม้ภายนอกเรย์จะดูคล้ายเขาแต่ภายในใจนั้นมันช่างต่างกันราวกับคนละฝั่งฟ้า ใช่สินะก็เขาอยู่กันคนละฝั่งของฟากฟ้านี่นะ “
      24 December 2012 คืนนี้เป็นคืนของคริสมาสต์อีฟ ถ้าตอนนี้ฉันอยู่ที่โรมาเนียก็คงได้ฉลองกับที่บ้านและไอ้บ้าคนนั้นเหมือนทุกปีสินะ แต่สำหรับปีนี้และวันนี้ฉันไม่ต้องมีคนพวกนั้นอีกแล้วล่ะ ขอแค่มีเรย์อยู่ฉันคิดว่าฉันจะต้องออกเดินไปได้อย่างเดิมแน่ วันนี้เรย์พาฉันเข้าไปในตัวเมืองเขาพาฉันไปดูหนัง ความจริงฉันก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอกแต่ฉันก็ดีใจที่เขาชวนฉัน ฉันไม่ได้ทำอะไรนอกจากแอบมองหน้าเขาตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ หลังจากหนังจบเรย์บอกว่าวันคริสมาสต์อีฟเป็นวันที่คู่รักญี่ปุ่นนิยมออกมาเดทกัน แล้วทุกคนก็จะพาไปกันไปอธิฐานกับต้นคริสมาสต์ขอให้ได้มาอธิฐานด้วยกันทุกปี เขาพาฉันมาที่ต้นคริสมาสต้นใหญ่ที่เต็มไปด้วยคู่รักชาวญี่ปุ่นท่ามกลางหิมะที่โปรยลงมาบางๆ
      “ไฮซิลด์”  เขาเรียกชื่อฉันเบาๆทำให้ฉันหันไปมองหน้าเขาแบบงง เรย์ค่อยๆเอามือเย็นๆของเขามากุมมือของฉัน เขาสบตาของฉันนิ่ง ดวงตาสีแดงฉายแววจริงจังอย่างที่ฉันไม่ค่อยเป็นมาก่อน
      “ไฮซิลด์ครับผมชอบคุณครับ” เรย์เอ่ยอย่างแผ่วเบาแต่หนักแน่น สองตาของเขายังสบตาฉันนิ่งอยู่อย่างนั้น มันทำให้ฉันรู้ทันทีว่าเขาไม่ได้พูดเล่น ฉันว่าหน้าฉันมันต้องแดงแน่ๆเพราะมันร้อนไปหมด หิมะและความหนาวเย็นรอบกายไม่มีผลต่อความรู้สึกของฉันอีกแล้วมันเหมือนเวลาทุกอย่างหยุดลง ณ ที่ตรงนี้ ฉันยิ้มให้เขาน้ำตาของฉันค่อยๆซึมออกมา มันเป็นน้ำตาแห่งความสุข สุขที่สุดในชีวิต สุขมากกว่าที่เคยได้รับจากใครทั้งหมด เขายกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่แก้มฉันอย่างอ่อนโยน 
      “ฉ ฉันก็ชอบเรย์” ฉันบอกเขาออกไปอย่างตะกุกตะกัก เรย์ชะงักมือทันทีแล้วจากมือที่ค่อยๆปาดน้ำตาของฉันมือนั้นก็เปลี่ยนมาจับคางฉันเชยขึ้นเล็กน้อยแล้วริมฝีปากนุ่มนั้นก็ประกบลงมาบนริมฝีปากของฉัน ริมฝีปากร้อนของเขาทำให้ฉันต้องเผยอปากรับ มันรู้สึกอ่อนนุ่มและอบอุ่น สองมือของฉันโอบรอบคอของเขาแน่น  มือแข็งแกร่งของเขาก็รัดรอบเอวของฉันแน่น ราวกับจะไม่ปล่อยฉันไปไหนทั้งนั้น เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เขาจูบฉันเนิ่นนาน
      “ผมจะไม่ให้ไฮซิลด์ไปกับใครทั้งนั้น” เขากระซิบข้างหูของฉัน ฉันงงกับคำพูดของเขาแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ฉันกอดเขาแน่นและฉันก็สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่า ฉันจะรักเรย์คนนี้ และฉันจะต้องลืมไอบ้าคนนั้นให้ได้ ถ้ามีเรย์อยู่กับฉัน ฉันต้องทำได้แน่นอน ก่อนกลับเราสองคนไดด้อธิฐานต่อต้นคริสมาสต์ว่าฉันและเขาจะกลับมาอธิฐานด้วยกันที่นีทุกปี”
      25 December 2012  วันนี้เรย์กับฉันออกไปเที่ยวในฐานะแฟนกันเป็นครั้งแรก หลังจากที่เขาพาฉันเที่ยวจนเหนื่อยแล้วเราก็กลับมาที่บ้านของเรย์ในตอนเย็น ฉันแปลกใจมากที่เห็นรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน พอฉันเดินเข้าไปไกล้ก็เจอกับคนๆนึ่งยืนพิงรถคันนั้นอยู่ ร่าผอมสูงผมสีเงิน นั่นทำให้ฉันจำเขาได้ทันที ริสเปอร์ ฉันพึมพำชื่อเขาออกมาเบาๆในจังหวะเดียวกันริสเปอร์ก็หันมาเจอฉันพอดี เขารีบปรีเข้ามาหาฉันทันทีด้วยใบหน้าโกรธจัด
      “ยัยบ้า ทำไมถึงทำตัวแบบนี้”  ริสเปอร์พูดพร้อมกระชากข้อมือฉันโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว เรย์ดูตกใจกับเหตุการณี่เกิดขึ้น แต่ก่อนที่เขาจะเข้ามาทำอะไรเสียงฝ่ามือของฉันกระทบกับใบหน้าของริสเปอร์ก็ดังขึ้นซะก่อน ใบหน้าของริสเปอร์หันสะบัดไปอย่างแรงเมื่อโดนฉันตบ แต่เขาก็ไม่ปล่อยมือจากฉัน ฉันตบเขาไปอีกหลายครั้งแต่เขาก็ไม่ปัดป้อง ไม่หนีแล้วก็ไม่ปล่อยมือฉัน ฉันเงื้อมือขึ้นอีกครั้งแต่แล้วฉันก็ต้องยั้งมือเอาไว้เมื่อเห็นเลือดซึมออกมาจากมุมปากของเขา ฉันรีบแกะมือของเขาออกแล้วเรย์ก็รวบร่างของฉันไว้แนบอกของเขาทันที
      “ทำไมเธอไม่รับโทรศัพท์ฉัน อีเมล เมจเสจ จดหมาย ชั้นส่งมาหาเธอเป็นพันๆฉบับ ทำไมไม่ตอบกลับ”  ริสเปอร์พูดออกมาเสียงเรียบๆ ฉันได้แต่ทำหน้างง
      “นายพูดเรื่องอะไร” ฉันถามออกไปแบบงงๆ เพราะฉันไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ ริสเปอร์ไม่ตอบแต่มองเลยฉันไปที่เรย์ ทำให้ฉันเงยหน้ามองเรย์บ้างสีหน้าของเขามีแต่ความหนักใจ
      “จดหมายฉบับล่าสุดของชั้นจะมาถึงในเช้าวันนี้ ในนั้นเขียนว่า ชั้นจะมาถึงที่นี่ในตอนเย็น นายคงยังไม่ได้เปิดอ่านสินะเรย์” ริสเปอร์พูดเสียงเรียบๆพร้อมกับมองหน้าเรย์ตรงๆ เรย์มองฉันแล้วมีสีหน้าลำบากใจก่อนจะหยิบซองกระดาษสีขาวซองหนึ่งออกจากกระเป๋าเสื้อ ฉันรีบผละออกจากร่างเขาแล้วคว้าซองนั้นมาฉีกอ่านทันที เป็นไปอย่างที่ริสเปอร์พูด ในนั้นเขียนไว้เหมือนที่ริสเปอร์พูดทุกอย่าง ฉันมองหน้าเรย์อย่างไม่เข้าใจ
      “จดหมายที่เหลืออยู่ไหน” ฉันถามออกไปเรียบๆ เรย์ไม่ตอบได้แต่จ้องหน้าฉันนิ่ง
      “เรย์ ฉันถามว่าจดหมายที่เหลืออยู่ที่ไหน” ฉันถามเสียงเข้มขึ้น นัยตาของเรย์ไหววูบเหมือนคนที่กำลังรู้สึกสะเทือนใจเรย์สบตาฉันนิ่งแล้วหันไปจ้องที่ริสเปอร์จากนั้นก็กระซิบแผ่วเบา
      “ให้เขากลับไปก่อนได้ไหมครับไฮซิลด์แล้วผมจะบอกคุณทุกอย่าง” แต่จังหวะนั้นเองยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรมือแข็งของริสเปอร์ก็ตรงเข้ามาจับที่ข้อมือของฉันแล้วกระชากตัวฉันห่างออกมาจากเรย์
      “ไปกับฉันเดี๋ยวนี้  เธอจำไม่ได้แล้วใช่ไหมว่าเธอพลาดอะไรไปบ้างในระหว่างที่เธอมาเที่ยวเหลวไหลอยู่ที่นี่”  ริสปอร์พูดเสียงลั่น ฉันสะบัดข้อมือสุดแรงขณะที่เรย์ก็ตรงเข้ามาจับข้อมือของฉันไว้
      “เธอเป็นบ้าอะไรห๊ะฮิลด์ หนีมาอยู่กับไอ้บ้านี่ทำไม” ริสเปอร์ยังตะโกนเสียงลั่นอยู่อย่างนั้น
      “นายนั่นแหละเป็นบ้าอะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” ฉันตะโกนกลับไปบ้างพร้อมกับพยายามสะบัดข้อมือตัวเองออจากมือเขา
      “ลืมไปแล้วใช่ไหม การเดินแบบคอลเลคชั่นฤดูหนาวที่ปารีสน่ะ ลืมไปแล้วใช่ไหม งานที่เธอไฝ่ฝันจะไปมากที่สุด งานที่ทำให้ฉันต้องลงทุนไปยุ่งกับยัยบ้าลูกสาวผู้จัดหานางแบบน่ะ ลืมแล้วใช่ไหมว่าแม่ของเธอหวังไว้กับงานนี้ของเธอมากแค่ไหน ” ริสเปอร์ตะโกนเสียงลั่นแต่คราวนี้เขาตะโกนออกมาด้วยสีหน้าเจ็บปวดพร้อมกับสะบัดมือฉันทิ้ง
      “แล้วตอนนี้แม่เธอก็อยู่ที่โรงพยาบาล” เขากล่าวออกมาเสียงแผ่วเบาแต่มันทำให้ฉันชาไปหมดทั้งร่างกาย
      “แม่” ฉันพึมพำออกมาเบาๆ นัยตาเริ่มพล่าเลือนไปด้วยน้ำตาที่คลอเต็ม ฉันมองหน้าริสเปอร์อีกครั้งเพื่อความแน่ใจแต่ใบหน้าของเขาไม่มีแววล้อเล่น ใช่สิเรื่องแบบนี้ใครจะมาล้อเล่นกันล่ะ
      “ความจริงทุกอย่างอยู่ในจดหมายและเมจเสจที่ฉันส่งมาให้เธอหมดแล้ว แล้วที่ฉันมาวันนี้ก็เพื่อจะบอกเธอแค่นี้แหละ” ริสเปอร์พูดจบเขาก็สะบัดมือฉันทิ้งจากนั้นเขาก็หันหลังให้ฉันแล้วก้าวขายาวๆเดินออกไปทันที
      “เดี๋ยว” ฉันร้องได้แค่นั้นน้ำตาฉันก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่ไหวอีกต่อไป สองขาของฉันขยับจะวิ่งตามเขาไปแต่สองแขนแข็งแรงของเรย์กลับโอบกอดฉันไว้จากด้านหลัง สองแขนแข็งแรงเหนี่ยวรั้งฉันไว้ไม่ให้ฉันตามริสเปอร์ไปมันทำให้ฉันปล่อยโฮออกมาทันทีอย่างสุดจะกลั้น
      “ฉันขอเวลาสามวัน แค่สามวันแล้วฉันจะปล่อยไฮซิลด์ไป”เรย์ตะโกนบอกริสเปอร์ที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินไปที่รถ ริสเปอร์ไม่หยุดฟังเสียง ไม่แม้แต่จะหันมามอง เขาเปิดประตูรถแล้วขับออกไปทันทีที่ไปถึงโดยไม่สนใจฉันอีกเลยแม้แต่น้อย ร่างกายของฉันค่อยๆทรุดลงอย่างอ่อนแรงขณะมองรถของริสเปอร์ที่แล่นออกไป
      26 December 2012  วันนี้ฉันตื่นขึ้นมาด้วยอาการตาบวมหนัก ฉันไม่อยากออกไปไหนและไม่อยากเจอใครทั้งสิ้น  หลังจากที่ริสเปอร์จากฉันไปแล้วเมื่อวานนี้ฉันก็ได้แต่นั่งร้องไห้ในอ้อมกอดของเรย์นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ฉันร้องไห้ในอ้อมกอดของเขาแต่พอฉันรู้สึกตัวอีกทีทุกอย่างรอบกายก็ตกอยู่ในความมืดหมดเสียแล้ว แล้วหลังจากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย เย็นนี้ฉันตั้งใจจะบินกลับโรมาเนียแต่เรย์เขาเข้ามาขอร้องฉันไว้โดยอ้างเหตุผลว่าเขายังไม่ได้มอบจดหมายทั้งหมดให้ฉัน ซึ่งฉันคิดว่ามันไม่จำเป็นอีกแล้ว เรย์เข้ามาหาฉันอีกครั้งตอนหลังจากทานอาหารกลางวัน สีหน้าของเขาดูไม่ดีนัก ความจริงมันไม่ดีมาตั้งแต่ที่ฉันรู้ว่าเขาปิดกั้นฉันจากการติดต่อของที่บ้านทำให้ฉันไม่รู้อะไรเลย เรย์นำจดหมายทั้งหมดมาให้แล้วเข้ามาขอโทษฉัน เขาบอกว่าที่เขาทำไปทั้งหมดเพียงเพราะว่าอยากให้ฉันอยู่ที่นี่ให้นานกว่านี้ เขารู้ว่าฉันต้องกลับไปนาทันทีที่ได้รับการติดต่อจากริสเปอร์แน่นอน เขาเป็นคนทำให้ฉันต้องทิ้งความฝันแต่ยังไงฉันก็เกลียดเขาไม่ลงหรอกเพราะเขารักฉันนี่นา แล้วฉันล่ะ ตอนนี้ฉันรักใครอยู่นะฉันสะบัดหัวแรงๆหลายครั้งเพื่อไล่ความคิดพวกนี้ออกไปจากสมองแล้วเริ่มวิเคาระห์เรื่องราวต่างๆ หลังจากที่ฉันคิดวิเคราะห์ดูแล้ว ผู้หญิงคนที่ริสเปอร์จูบที่ร้านอาหารคนนั้นน่าจะเป็นลูกสาวของผู้จัดหานางแบบไปเดินที่แคทวอล์คปารีสสินะ ทั้งหมดนั้นเขาทำเพื่อฉันหรอ เพื่อให้ฉันได้มีโอกาสไปเดินเฉิดฉายอยู่บนแคทวอล์คที่ฉันและแม่ไฝ่ฝันมากที่สุด แต่ฉันก็ทำมันพังหมดแล้ว งานเดินแบบจะมีขึ้นในวันคริสมาสต์ซึ่งก็คือเมื่อวานนี้ คิดถึงตรงนี้น้ำตาของฉันก็พาลจะไหลออกมาอีก ระหว่างที่ฉันนั่งคิดอะไรอยู่เงียบๆคนเดียวในห้องเรย์ก็เข้ามาหาฉันอีกครั้ง
      “ไฮซิลด์ ออกไปไหนกันไหม” เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจ ต่างจากแต่ก่อนไปมากทีเดียว สีหน้าของเขายังคงไม่ดีอยู่อย่างนั้น มันอาจเป็นเพราะว่าเขารู้แล้วว่าฉันจะต้องไป
      “ฉันไม่อยากออกไปไหนน่ะเรย์” ฉันบอกออกไปเสียงเรียบๆ แต่เมื่อเรย์ได้ยินดังนั้นเขาก็เข้ามากอดฉัน ฉันรู้สึกว่าตัวของเขาสั่นไปหมดแล้วเขาก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงเคลือว่า
      “ช่วยทำตัวเป็นแฟนผมให้เต็มที่ก่อนที่คุณจะไปหน่อยสิ ไฮซิลด์” พูดจบเขาก็กอดฉันแน่นขึ้นไปอีกราวกับว่าจะไม่ปล่อยให้ฉันไปไหนอีกแล้ว ฉันกอดตอบเขาแน่นเช่นกันทุกอย่างมันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่เลย
      “เดี๋ยวฉันขอแต่งตัวสักครู่นะเรย์” ฉันตอบเขากลับไปเสียงแผ่วเบา เรย์ผละออกจากตัวฉันเขายิ้มให้ฉันน้อยๆแต่แล้วก่อนนที่ฉันจะทำอะไรสาวใช้ของเรย์ก็เข้ามาในห้องซะก่อน
      “คุณไฮซิลด์คะ มีโทรศัพท์จากเพื่อนค่ะ” หญิงวัยกลางคนในชุดกิโมโมเอ่ยแช่มช้าพลางยื่นโทรศัพท์ไร้สายมาให้ก่อนจะเดินออกไป เรย์มองหน้าฉันพลางยิ้มให้ฉันบางๆก่อนจะผละออกไปเช่นกัน
      “สวัสดีค่ะ ไฮซิลด์พูดค่ะ”ฉันกรอกเสียงเข้าไปในโทรศัพท์  
      “ยัยบ้าซิลด์ ”เสียงห้าวตอบกลับมาทำให้ฉันขมวดคิ้ว ริสเปอร์
      “มีอะไร” ฉันถามออกไปเสียงเรียบๆ
      “ฉันมีอะไรน่าสนใจอยากจะบอกเธอ ”ริสเปอร์ตอบกลับมาเสียงเรียบๆเช่นกัน
      “อะไร”
      “พอดีฉันบังเอิญเจอในอินเตอร์เน็ตน่ะ มันบอกว่ามีเกมที่จะทำให้คำขอของผู้ชนะเป็นจริงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ฉันคิดว่าจะลองไปเล่นดูน่ะ เธอสนใจไหม มันมีชื่อว่า เกมตามหาหมาป่าน่ะ”
      “ไม่ล่ะ ฉันไม่รู้จะขออะไร”ฉันบอกปฏิเสธอย่างง่ายๆ
      “ก็เรื่องในวงการบันเทิงไงล่ะ เธอไม่อยากอยู่กับมันไปชั่วชีวิตหรือไง ถ้าเธอชนะเธอก็ขอให้ตัวเธอเองเป็นที่หนึ่งในวงการบันเทิงตลอดกาลไง” ริสเปอร์พูด คำพูดของริสเปอร์ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกสนใจ
      “แล้วมันเล่นยังไงล่ะ เกมที่ว่านี่น่ะ” ฉันถามออกไปทันที
      “ในนี้มันระบุว่าให้ตามหาคนที่คิดว่าจะเป็นหมาป่าแล้วฆ่าทิ้งน่ะ ” ริสเปอร์บอก
      “ฆ่า ฆ่าหรอ?”ฉันถามออกไปเสียงหวาดๆ
      “ก็น่าจะประมาณว่า ทำให้คนที่คิดว่าจะเป็นหมาป่า ออกจากเกมไปล่ะมั้ง” ริสเปอร์ตอบกลับมาอย่างง่ายๆ แต่มันนกลับทำให้ฉันคิดหนัก มันมีด้วยหรือเกมส์ที่ว่าแบบนี้น่ะ เกมที่ผู้ชนะจะขอได้ทุกสิ่งที่ต้องการ แล้วถ้าไม่ชนะมันจะต้องแลกกับอะไรล่ะ หลังจากนั้นฉันก็คุยกับริสเปอร์อีกสองสามประโยค ฉันฝากเขาดูแลแม่ซึ่งริสเปอร์บอกว่าตอนนี้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว และฉันก็บอกให้เขาไปหาข้อมูลเกียวกับเรื่องนี้มาให้ละเอียดก่อนที่ฉันจะเดินทางกลับถึงโรมาเนียในอีกสองวันข้างหน้า
      “เรย์ นายรู้จักเกมที่ผู้ชนะจะได้ทุกอย่างที่ต้องการหรือเปล่า” ฉันถามเรย์ขณะที่เราทั้งสองคนนั่งอยู่ที่สวนสาธารณะท่ามกลางแสดแดดสีส้มของเวลาเย็น เรย์มองหน้าฉันพลางเอียงคอน้อยๆ
      “เกมตามหาหมาป่าน่ะหรอ รู้จักสิ มีอะไรหรอ” เรย์ถามฉันเสียงเรียบๆพลางจ้องหน้าฉัน
      “พอดีริสเปอร์เขาชวนฉันไปเล่นเกมนี้น่ะ ฉันยังไม่แน่ใจว่าจะตกลงไปเล่นกับเขาหรือเปล่าน่ะ เพราะฉันไม่รู้ว่าถ้าไม่ชนะเราจะต้องแลกกับอะไรบ้าง” ฉันตอบพลางทำสีหน้าครุ่นคิด
      “ชิวิตของผู้เล่นไงล่ะ คนที่ไม่ชนะก็คือคนที่ต้องตาย” เรย์ตอบเสียงเรียบแล้วมองหน้าฉันจากนั้นเขาก็จับมือของฉันไปกุมไว้แน่น
      “ไฮซิลด์มีอะไรที่ต้องการงั้นหรอ ของที่ออยากได้มากจนคิดจะเอาชีวิตไปเสี่ยงแบบนั้นน่ะ” เรย์ถามฉันด้วยน้ำเสียงจริงจัง
      “ชื่อเสียงไงล่ะ ฉันต้องการเป็นที่หนึ่งในวงการบันเทิงคนเดียวเท่านั้น ถ้าฉันได้เป็นที่หนึ่งแม่ต้องภูมิใจในตัวฉันมากแน่ๆ” ฉันบอกเรย์ออกไปตามที่ฉันคิด สำหรับคนอื่นฉันไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังไง แต่สำหรับฉันวงการบันเทิงคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน ฉันเกิดมากับมัน เติบโตมากับมัน และฉันก็พร้อมที่จะยอมเสี่ยงเพื่อแลกกับมัน เรย์มองฉันด้วยแววตาจริงจัง
      ซิลด์ ผมไม่อยากให้คุณเอาชีวิตไปเสี่ยงเพราะเรื่องแบบนั้นเลย เรย์พูดจริงจัง
      ทำไมล่ะฉันบอกนายแล้วว่ามันเป็นทุกอย่างของฉัน ฉันบอกเขาเสียงดังจนเกือบจะกลายเป็นตวาด และสะบัดมือตัวเองออกจากมือของเขาทำให้เรย์นิ่งไปครู่หนึ่งอย่างใช้ความคิด
      งั้นผมจะไปแทนคุณเอง ซิลด์ เรย์พูดขึ้นหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉันจ้องหน้าเขาแล้วคว้ามือของเขามาจับไว้
      เรย์เรื่องนี้มันเป็นภาระที่ฉันจะต้องจัดการด้วยตัวเอง ฉันจะให้นายเอาชีวิตไปเสี่ยงแทนฉันไม่ได้ เพราะฉะนั้นได้โปรดอย่าห้ามฉัน ฉันพูดพลางจ้องตาเรย์อย่างลึกซึ้ง เรย์ก็จ้องตาฉันตอบกลับมาเช่นกัน ใบหน้านั้นค่อยๆเลื่อนเข้ามาไกล้จนฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นสม่ำเสมอที่รดลงบนใบหน้าของฉัน ฉันหลับตาลงเมื่อริมฝีปากของเขาสัมผัสเข้ากับเปลือกตาของฉัน มันแผ่วเบาแต่ให้ความอบอุ่นเขาไล้ริมฝีปากลมาตามสันจมูกของฉัน ค่อยๆละเลียดและเล็มลงมาจนถึงริมฝีปากบางของฉัน เขาประกบมันลงแผ่วเบาแล้วค่อยๆดูดดื่มความหวานละมุนจากฉัน จากนั้นมันก็เริ่มเร้าร้อนขึ้นจนหยุดไม่ได้ มือของฉันเหนี่ยวรั้งคอเขาไว้แน่น  .....เซ็นเซอร์..... ถ้าเป็นริสเปอร์เขาจะทำแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่านะ จิตสำนึกของฉันพาฉันให้ไปคิดถึงผู้ชายอีกคนที่อยู่ไกลคนละฝั่งฟ้าแล้วอะไรบางอย่างก็แว๊บขึ้นมาทำให้ฉันคิดได้และสติสัมปชัญญะทุกอย่างก็กลับมาอีกครั้ง ฉันขยับตัวออกห่างและผลักเรย์ออกไปอย่างแรง เรย์หงายหลังลงจากม้านั่งทันที ฉันรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยขณะที่เรย์มองฉันอย่างงงๆ กลับกันเถอะเรย์ ฉันพูดแล้วรีบลุกขึ้นทันที
      ไฮซิลด์ เดี๋ยวก่อน ผม ผมขอโทษ เรย์พูดละล่ำละลักแล้วรีบลุกขึ้นวิ่งตามฉันมา ฉันไม่ตอบแต่ตั้งหน้าตั้งตาเดินจนเรย์ที่วิ่งตามมาทันคว้าแขนฉันไว้
      ซิลด์ ผมขอโทษ เรย์พูดอย่างสำนึกผิด
      นายไม่ได้ทำอะไรผิดเรย์ ฉันตอบกลับเรียบๆไม่กล้าสบตาเขา
      แล้วทำไม.... เรย์ถามได้แค่นั้นฉันก็เอามือปิดปากเขาไว้ซะก่อน
      เพราะฉันคิดถึงใครบางคนน่ะ ฉันบอกเขา เรย์มีสีหน้าสลดลงเขาก้าวห่างจากฉันไปหนึ่งก้าวแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาฉันอีกครั้ง
      ไฮซิลด์ชอบคุณริสเปอร์ใช่ไหมครับ เรย์ถามฉันเสียงเบาแต่หนักแน่น แววตาสีแดงที่เขาจ้องมาที่ฉันมันสื่อออกมาได้ถึงความเจ็บปวด มันเห็นได้ชัดเจนและฉันก็เพิ่งเห็นในตอนนี้เอง
      ใช่ ฉันตอบกลับเรียบๆ
      ฉันขอโทษนะที่ฉันลืมเขาไม่ได้ ทั้งๆที่ฉันคิดว่าจะเริ่มต้นใหม่กับนายแต่พอมารู้ว่าที่เขาทำทุกอย่างก็เพื่อฉัน มันทำให้ฉัน....ฉันพูดออกมาได้แค่นั้นก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก ก้อนสะอื้นมันจุกที่คอฉันหมดแล้ว ฉันพยายามอย่างเต็มที่ที่จะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา เรย์เห็นดังนั้นจึงเข้ามาหาฉัน เขายิ้มให้ฉันบางๆแล้วบอกว่า
      ผมเข้าใจครับไฮซิลด์ พูดจบเขาก็กอดฉันเอาไว้แน่น แล้วทำนบน้ำตาของฉันก็ทลายลงทันที
      ยูกิปาดน้ำตาที่ไหลอาบสองข้างแก้มพร้อมกับกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้เบลเห็นดังนั้นจึงเข้ามาตรงหน้ายูกิมือของเบลหยิบไดอารี่ของไฮซิลด์จากมือยูกิมาถือไว้ในมือ
      พอเถอะครับคุณยูกิ เบลบอกยูกิเบาๆ ยูกิไม่ตอบได้แต่กัดฟันกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ เบลเห็นดังนั้นจึงเข้าไปลูบหลังเพื่อให้ยูกิมีอาการสงบลง
      คุณเบลคะ อ่านต่อให้ฉันฟังอีกหน่อยเถอะค่ะ ยูกิพูดเชิงขอร้อง เบลมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยแต่ก็เปิดไดอารี่นั้นออกอ่านช้าๆ
      27 December 2012 วันนี้เป็นวันที่ฉันต้องเดินทางกลับโรมาเนีย ฉันเดินทางออกจากบ้านของเรย์ตั้งแต่เช้าโดยมีเรย์ตามมาส่งด้วย ความจริงฉันไม่อยากให้เขามาส่งฉันหรอกเพราะฉันกลัวเขาเจ็บไปมากกว่านี้ ทั้งที่ความจริงเขาเจ็บเพราะฉันมามากเกินกว่าที่ฉันจะให้อภัยตัวเองได้อีกแล้ว ก่อนที่ฉันจะขึ้นเครื่องเรย์เข้ามาหาฉันเข้าคว้ามือของฉันไปถือไว้แล้วบรรจงสวมแหวนสีเงินเรียบๆวงหนึ่งที่นิ้งกลางให้ฉัน แหวนที่มีสิ่งประดับเพียงสิ่งเดียวบนนั้นคือพลอยเม็ดเล็กๆสีน้ำเงิน ฉันมองหน้าเรย์อย่างไม่รู้จะพูดว่าอะไรดีแต่ในจังหวะนั้นเรย์ก็เข้ามากอดฉันแล้วกระซิบข้างหูว่า
      สัญญานะครับว่าคุณจะรอดจากเกมที่ว่านั่นน่ะ เรย์พูดแล้วก็หอมแก้มฉัน
      แน่นอน ถ้าฉันรอดฉันจะกลับมาจีบนาย ฉันพูดออกไปยิ้มๆทำให้เรย์หัวเราะขึ้นมาบ้าง
      อย่าล้อเล่นแบบนี้สิครับ ฮะฮะฮะ เรย์พูดแล้วหัวเราะเบาๆ
      คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้นี่นะ เรย์เอ่ยออกมาอีกทำให้ฉันหน้าสลดลง ทั้งๆที่ฉันตั้งใจว่าเราจะจากกันด้วยรอยยิ้มแท้ๆ แต่เมื่อเรย์เห็นดังนั้นเขาก็ยิ้มกว้างให้ฉัน
      ผมล้อเล่นน่ะ ผมจะรอวันที่คุณกลับมาจีบผมเหมือนที่เราเจอกันวันแรกนะครับ เรย์พูดด้วยเสียงร่าเริง ฉันวิ่งเข้าไปกอดเรย์อีกครั้งด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
      เรย์ ฉันขอโทษนะ ฉันกระซิบข้างหูเขาแผ่วเบา เรย์ผละออกจากอ้อมแขนของฉัน แล้วใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาออกจากแก้มฉันอย่างอ่อนโยน จากนั้นเขาก็จ้องตาฉันอย่างมั่นคง
      มันเป็นความทรงจำที่ดีมากเลยครับ เขาพูดแล้วยิ้มกว้างให้ฉันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาจะดุนหลังฉันให้ออกเดิน
      ไม่ต้องหันกลับมานะครับ คุณจงเดินไปข้างหน้าให้สง่างาม......ที่สุด เรย์ตะโกนไล่หลังฉันมาแต่คำสุดท้ายรู้สึกจะเว้นหายไปนานผิดปกติแต่ฉันก็ไม่หันไปหาเขาตามที่เขาบอกนั่นแหละ เพราะน้ำตาของฉันมันไหลออกมาอย่างกับเขื่อนแตกหมดแล้วล่ะสิ
      ขอบคุณมากนะเรย์ มันก็เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของฉันเช่นกัน ก่อนจากญี่ปุ่นมาวันนั้น ฉันก็ได้ทิ้งประโยคนี้ไว้ในสายลมเป็นประโยคสุดท้าย

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      รู้สึกว่าจะเป็นฟิคที่ยาวมากๆ แต่งนานเป็นชาติก็ยังไม่จบแหะๆ (ประเด็นคือข้าน้อยคิเกียจ) ยังไงก็ฝากทุกท่าน(ที่่หลงเข้ามา) อ่านแล้วก็ติเรื่องการเชียนของข้าน้อยด้วยนะขอรับ อะไรไม่ดีตรงไหนช่วยบอกหน่อยจะได้ปรับปรุงขอรับ 
      สุดท้ายฝากติดตามตอนต่อไปของฟิค ไดอารี่ของไฮซิลด์ด้วยนะขอรับ ต่อไปจะเฉลยว่่าทำไมไฮซิลด์ถึงต้องตายและเหตุผลที่ริสเปอร์ต้องฆ่าเธอ น่าสนใจใช่มั้ยล่ะ (ตรงไหน) แหะๆ ไปแยะ บ๊ายบาย
       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×