หมอดูฝึกหัด - หมอดูฝึกหัด นิยาย หมอดูฝึกหัด : Dek-D.com - Writer

    หมอดูฝึกหัด

    ไม่ได้มีเจตนาโจมตีผู้ทำอาชีพนี้แต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการนำเสนอมุมมองของตัวเองที่เคยศึกษามาเท่านั้นครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    323

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    323

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 พ.ค. 57 / 19:53 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    อ้างอิงจากประสบการณ์ของผมเอง
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      หมอดูฝึกหัด


      ผมชื่อนิวครับ

      นิวเป็นนักศึกษา และระหว่างเรียนเองผมก็ทำหลายๆอย่างคล้ายๆกับนักศึกษาทั่วไป
      คือการหางานทำเป็นงานพาสไทม์ หรือพูดง่ายๆคือทำงานเป็นอาชีพพิเศษเพื่อหารายได้เสริมในการจับจ่ายสิ่งจำเป็นและเพื่อสิ่งที่ต้องการในสังคมมหาวิทยาลัย 

      จึงเป็นที่มาของการศึกษาค้นคว้าตามเว็บไซด์ จนได้พบกับการทำอาชีพนักพยากรณ์ หรือเรียกง่ายๆว่าหมอดูนั่นเอง 
      คงจะเกริ่นความแต่เพียงเท่านี้
      *** จากนี้จะเป็นเรื่องราวที่ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ


      คงต้องเริ่มทำความเข้าใจในเบื้อต้นกันเสียก่อน ตามความเข้าใจของคนส่วนใหญ่แล้ว
      หมอดู คือผู้ที่ทำนายโดยการใช้ศาสตร์ต่างๆ หรือที่นักทำนายบางส่วนเรียกว่าอาวุธ เช่น ไพ่ยิปซีหรือไพ่ต่างๆ ลูกเต๋า ใบไม้ กระดาษ แว่นขยายส่องลายมือหรือลายเท้า ฯลฯ
      แต่ก็มีในบางทีที่คนหลายคนซึ่งอ้างตัวว่าเป็นหมอดูสามารถทำนายโดยไม่ใช้สื่อหรืออาวุธเหล่านี้
      จนถูกสงสัยว่ารู้ได้อย่างไร ทำได้อย่างไร ประกอบกับที่เมื่อบางทีผลคำทำนายออกมาเลวร้ายหรือ ไม่แม่นไม่เป็นไปตามคำทำนาย
      เหตุนี้ในโบราณจนถึงปัจจุบันจึงยังมีสำนวนคำพูดนึงที่มักติดปากอยู่ก็คือสำนวนคำพูดว่า "หมอดูคู่กับหมอเดา"

      ผมมีปัญหาทางบ้านในช่วงนั้นครับ ผมศึกษาจากหมอดูแถวๆมหาวิทยาลัยและพบว่า 
      อาชีพหมอดูถ้าสามารถทำให้ลูกค้าติดใจได้ จนมีฐานลูกค้าหลักซึ่งลูกค้าเหล่านั้นจะนำพาให้ไปพบกับลูกค้าใหม่ๆได้ด้วยแล้ว
      ไม่ว่าจะโดยลุ๊ค หรือคาแลคเตอร์ การทำนายที่แม่น หรือ โปรโมชั่นที่น่าสนใจ
      รายได้ของหมอดูนั้นอาจจะสูงกว่า 40,000 - 50.000 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว 

      งานของหมอดูไม่ต้องตากแดดตากฝนครับ ไม่ต้องรับคำสั่งจากใคร ไม่ต้องวิ่งออกไปขายของหาลูกค้า
      ถ้ามีการโฆษณาที่ดีอยู่กับบ้านก็มีคนมาหาถึงที่ คนไม่มีหรือยามว่างก็นั่งเล่นเกมส์หรือดูทีวีดูภาพยนต์ได้ตามสบาย
      ในหมอดูบางรายที่รับดูทางโทรศัพท์ด้วยถึงกับไม่ต้องลำบากนั่งรอลูกค้า เที่ยวไปด้วยทำนายไปด้วยระหว่างเที่ยวยังได้แบบสบายๆ
      เป็นไงครับหลังจากที่ได้อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณเริ่มอยากที่จะเป็นนักทำนายกับเขาบ้างหรือยัง ?

      สำหรับผมแล้วโดยปกติเป็นคนชอบทำอะไรแหวกแนวอยู่แล้วพูดอีกอย่างคือไม่เหมือนชาวบ้าน
      ผมจึงเริ่มศึกษาอย่างจริงจังโดยเริ่มจากไพ่ยิปซี แทนที่จะหางานตามห้างสรรพสินค้าเป็นลูกจ้างเขา หรือทำงานตามร้านเหล้า แบบที่คนอื่นในรุ่นเดียวกันทำ

      ผมศึกษาตั้งแต่วิธีการตั้งไพ่ตามหนังสือที่หาซื้อได้ทั่วๆไปเลยครับตามร้านหนังสือ
      จากนั้นคงเป็นปัญหาสำหรับทุกคนคือ ทำนายไม่ได้
      ต่อให้กางหนังสือไปด้วยแต่ก็ทายไม่ได้ ปวดหัว ไพ่ใบนี้ขึ้นพร้อมไพ่ใบนั้นหมายถึงอะไร ไม่เข้าใจ
      ที่ทายแม่นส่วนใหญ่คือทายเอาบางส่วนจากหนังสือ มาปนกับความรู้จักตัวเอง หรือรู้จักกับเพื่อนที่มาเป็นหนูทดลองให้ผมทำนาย จึงตรงบ้างไม่ตรงบ้าง

      ปัญหาข้างต้นจึงนำผมไปสู่การหาอาจารย์เพื่อเป็นติวเตอร์ในการเป็นหมอดูอย่างจริงจัง 
      ผมเริ่มจากกการไปตามร้านหมอดูทุกร้านแถวมหาวิทยาลัย ใครแม่นใครดีไปดูหมดทุกเจ้าก็ว่าได้ 
      แต่ก็ระวังเรื่องดวงช้ำ ซึ่งจะมีผลเสียทำให้เจอเรื่องไม่คาดฝัน หรือใครทักอะไรมาก็เป็นไปตามปากเขาเสียหมดด้วย
      ดังที่มีคนเคยพูดไว้ในเว็บไซด์ต่างๆที่เกี่ยวกับหมอดู ทุกอย่างจึงต้องค่อยเป็นค่อยไป

      ในที่สุดผมก็ได้อาจารย์ครับ คนนี้ดูแม่นมาก อายุเองก็เยอะทำให้ดูน่าเชื่อถือน่าสนใจ
      จึงได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์และนำพานครูมาไหว้เป็นที่เรียบร้อยตามแบบของสำนัก
      เสียค่าพานครูไปทั้งสิ้น 5999 บาท
      วิชาแรกที่ได้ศึกษาคือ วิชาทำนายด้วยไพ่ยิปซีครับ

      การทำนายโดยใช้ไพ่ยิปซีนี้คือการทำนายโดยมีไพ่ 78 ใบ วางตามรูปแบบบนโต๊ะ
      พื้นที่ที่จะวางไพ่จะต้องมีผ้ารองไพ่กันลื่นโดยมากมักจะเป็นผ้ากำมะหยี่สีแดง สีน้ำเงิน หรือสีเขียว ตามแต่ที่ใครจะถูกโฉลกกับสีไหน  
      จากนั้นเริ่มจากอ่านตามหนังสือ ไพ่หนึ่งใบคำทำนายยาวประมาณสองหน้ากระดาษ A4 เลยทีเดียว
      ต้องอ่านโดยฝึกอ่านไปเป็นจำนวน 4 ระดับ ระดับละ 20 คนรวมเป็นต้องดูทั้งสิ้น 80 คน จึงจะจบหลักสูตรในการเรียนไพ่ยิปซี

      เมื่อเรียนจบ จากนั้นก็ถึงเวลาที่จะต้องใช้จริงกันบ้างเสียที
      ผมเริ่มดูดวงโดยเก็บที่คนละ 100 บาท
      ผมนั่งดูโดยนั่งที่ร้านกาแฟของเพื่อน โดยขอเช่าพื้นที่ซึ่งเป็นโต๊ะ 1 ตัว และเก้าอี้ 1 ตัว เดือนละ 500 - 1000 บาท
      ดูได้เฉลี่ยวันละ 2 คน เป็นเงินวันละ 200 บาท
      หรือรวมทั้งเดือนคือ 6000 บาทนั่นเอง
      นั่งตากแอร์สบายๆ ไม่ร้อนไม่ลำบาก เป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะครับ  

      แต่หลังจากนั้นมาสิ่งที่ผมหาไม่ได้จากหนังสือคือ บททดสอบครับ
      เป็นบททดสอบจากสิ่งที่มองไม่เห็น *** ตรงนี้ต้องใช้วิตารณญาณในการอ่านนะครับ

      - ประสบการณ์เมื่อต้องเจอกับคนทรงเจ้าและคนมีองค์
      ขณะกำลังว่างจากการนั่งดูดวงตามปกติ ก็มีคนมาชวนคุย เป็นผู้ชายร่างใหญ่ผิวดำ
      ให้ผมไปที่ฝั่งตรงข้ามกับร้านกาแฟของเพื่อน ซึ่งเป็นตำหนักทรง มาขอให้ดูดวงให้
      ขณะนั้นก็สงสัยว่าก็เป็นร่างทรงอยู่แล้วทำไมต้องมาให้คนตามไปให้ทำนายดวงให้
      คิดได้อย่างเดียวในตอนนั้นเลยคือ
      กำลังจะโดนลองของเสียแล้ว

      จึงได้โทรไปปรึกษาอาจารย์ที่ได้ฝากฝังตัวเป็นลูกศิษย์เอาไว้นั่นเอง
      อาจารย์บอกผ่านทางโทรศัพท์มาสั้นๆว่า
      "จิตที่นิ่งคือจิตที่เป็นพลัง อย่ากลัว ลุยเลย ทำตามที่เรียนมาก็พอ" 
      ผมจึงเข้าไปในตำหนักครับ

      ปรากฏว่าผมไม่ได้ไปทำนายให้เขาแต่เขากลับมาทำนายให้ผมแทน โดยที่ไม่ใช้อาวุธหรือสื่อใดๆเลย
      และยังแม่นมากอีกด้วย ราวกับมีคนมากระซิบข้างหูเขาว่าผมเป็นคนยังไง เคยเจออะไรมา และมีนิสัยใจคออย่างไร เขาทำได้อย่างไร ?
      สุดท้ายเขาก็เข้าทรง และพยายามพูดหว่านล้อมให้ผมไปเป็นร่างทรงด้วยซะแบบนั้น
      ในตอนนั้นแฟนผมบุกเข้ามาด้านในตำหนักทรง กับรุ่นน้องอีกหนึ่งคนอย่างกะทันหัน
      พร้อมกับลากผมออกไปข้างนอกและให้ผมกำท้าวเวสสุวรรรณไว้ (ท้าวเวสสุวรรณ อธิบายอย่างเข้าใจง่ายๆคือ ท่านเป็นยักษ์ที่ยืนอยู่หน้าวัดหรือหน้าโบสถ์ เป็นผู้เป็นใหญ่แห่งสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา มีอำนาจในการควบคุมภูติผีปีศาจให้ยอมจำนน และเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภอีกด้วย)

      ... อีกนิดเดียวจริงๆ ผมยอมรับว่าใจมันไขว้เขวจากการเป็นหมอดู เหมือนมีอะไรมาดลใจให้เห็นว่าร่างทรงนี่ดีมีอิทธิฤทธิ์
      ทำให้เห็นว่ามีความรู้สึกเสมือนเทพไม่ใช่มนุษย์

      ภายหลังจึงมาสืบทราบและศึกษาอย่างจริงจังให้ลึกลงไป พบว่า พวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่ร่างทรงจริง
      แต่เป็นอสูรกาย ปลอมตัวแล้วอ้างชื่อของบรรดาเหล่าทวยเทพที่เป็นที่เคารพบูชา กรณีนี้มีอยู่ในสังคมไทยเยอะมาก

      มาถึงตรงนี้ผมไม่คาใจ แต่ผมคาใจกับวิธีการสอนของอาจารย์ผม ซึ่งแนะนำให้ผมลุยเข้าไปในวันนั้น
      ผมตัดสินใจเริ่มศึกษาใหม่ และมีอาจารย์คนใหม่
      ท่านได้บอกข้อดีข้อเสียของการเป็นนักพยากรณ์ และวิธีการทำบุญตามแบบของนักพยากรณ์

      *** วิธีการทำบุญในแบบของนักพยากรณ์คือดังนี้ครับ
      หมั่นสวดมนต์ นั่งสมาธิ และเงินรายได้ที่ได้มาจากการทำนายพยากรณ์ต้องแบ่งเป็นสามส่วน คือ
      1. ส่วนหนึ่งเก็บไว้ใช้
      2. ส่วนหนึ่งนำไปใช้เพื่อพระพุทธศาสนา
      3. ส่วนหนึ่งนำไปทำบุญอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรตัวเราและเจ้ากรรมนายเวรของลูกดวงที่เคยมาดูดวงกับเรา
      นี่คือวิธีที่ถูกต้อง ซึ่งจะไม่นำพาเราไปสู่ผลร้ายของการเป็นหมอดู
      ไม่ว่าจะจากเจ้ากรรมนายเวร จากบททดสอบจากสิ่งที่มองไม่เห็น หรือจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจมาในรูปแบบต่างๆ 
      ถ้าไม่ทำตามวิธีเช่นนั้นแล้ว ผลคือ เงินที่ได้มาจะต้องมีเหตุให้หมดไปอย่างรวดเร็ว หรือเจอกับอุบัติเหตุ และการทดสอบแปลกๆจากร่างทรงหรืออสูร เป็นต้น

      สรุปแล้วผมคงจะบอกได้แค่ว่าถ้าท่านใดที่อ่านเรื่องนี้แล้วยังอยากที่จะเป็นนักทำนาย หรือหมอดูอยู่อีก 
      ต้องบอกว่าคุณเป็นคนที่ใจแข็งพอดูเลยทีเดียว หรืออาจจะเป็นเพราะไม่เชื่ออยากจะลองดีก็ตามแต่กรรมท่านจะพาไป
      ผมหวังว่าเรื่องสั้นซึ่งมาจากเรื่องราวจริงของผมนี้ จะทำให้ท่านทั้งหลายที่คิดจะเดินในเส้นทางนี้
      จะได้มีหลักเกณฑ์การรับมือที่ถูกต้องต่อบททดสอบ และ อันตรายจากสิ่งที่ไม่ควรลบหลู่
      การเล่นกับเจ้ากรรมนายเวรหรือกรรมของผู้อื่นไม่ใช่เรื่องสนุกเอาเสียเลย

      ยิ่งเมื่อตัวเองถ้ามีปัญหาหรือกรรมกำลังส่งผลอยู่แล้ว ทางนี้เป็นทางที่ไม่ควรอย่างยิ่งครับ ขอเตือนและเป็นห่วงด้วยใจจริง

      และสำหรับท่านที่ชอบดูดวง ชอบให้หมอดูทำนายดวงของท่านนั้น
      จะได้มีหลักเกณฑ์ ในการระวัง ไม่ว่าจะจากร่างทรงซึ่งยากที่จะพิสูจน์ว่าเป็นเทพจริงหรืออสูรมาประทับทรง เนื่องจากเราไม่อาจจะมองเห็น หรือสัมผัสได้ (เอาง่ายๆแค่พิสูจน์ว่ากำลังทรงจริงหรือเล่นละครยังยากเลยใช่ไหมครับ)  
      อีกทั้งการระวังดวงช้ำซึ่งเกิดจากการดูดวงบ่อยเกินไป
      และที่สำคัญโปรดระวังมิจฉาชีพ ที่มาในคราบของนักทำนายด้วย



      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×