ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังเก็บของ【 Diabolik Lovers】แปลไทย ★

    ลำดับตอนที่ #137 : # Diabolik Lovers : [ แปล ] เพลง ED ของภาค Vandead Carnival '

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.78K
      2
      12 ก.พ. 58

    # Diabolik Lovers : [ แปล ] เพลง ED ของภาค Vandead Carnival '



    Credit : http://diabolikloversmaniaz.blogspot.com/2015/02/song-diabolik-lovers-vandead-carnival-ed.html

    __________________________________________________________________

    DIABOLIK LOVERS 
    - Vandead Carnival -
     
    Ending Theme
     
     
    - 誓いのカンパネラ -
    - Chikai no Campanella -
    [คำสาบานแห่งระฆังใบเล็ก]

    **คำเตือน** 
     
    เพลงของทาง Diabolik Lovers นั้นจะชอบใช้คำเปรียบเปรยค่ะ
    เพราะงั้นในเนื้อเพลงจะเป็น คันจิ(คำอ่าน) 
    ทั้งคันจิและคำอ่านในบางประโยคคือความหมายเดียวกัน
    และในบางประโยคคือคำเปรียบเปรยหรือความหมายสองแบบ
    เราจะแปลแบบรวมความหมายทั้งสองแบบนะคะ เพื่อให้ได้คำแปลที่สมบรูณ์ที่สุด
     
     
    >>> เอาจริง ๆ เพลงมันเหมือนกลอนเปรียบเปรยอะคะ แปลยังไงก็ไม่รู้ว่าตรงมั้ย 
    เพราะงั้นเราแปลไปตามประโยคของญี่ปุ่นแบบตรง ๆ เลยค่ะ ไม่ได้ตีความหรืออะไรเลย
    มันจะหมายความว่ายังไง ใช้ความรู้สึกของตัวเองได้เลยจ้า <<<
     
    ❤❤❤ บ่นบลาๆๆๆ : Campanella แปลว่า ระฆังใบเล็ก 
    โอ้โห เพลงมันเป็นกลอนมาเลยอะ ไม่ถนัดใช้คำแบบกลอนซะด้วยสิ
    ชอบเสียงสุบารุตอนหอนที่สุดแล้ว =w=b
     
    ถ้าฟัง intro ขึ้นเพลงจะมีเสียงระฆังดังอยู่ 
    ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเสียงระฆังงานแต่งงานหรือระฆังงานศพ 
    ถ้าคิดเอาจากตัวเกม น่าจะงานศพ + งานแต่ง พร้อมเลย
    แบบว่ารักจนอยากจะฆ่าให้ตายเลยพ่อหนุ่มแวมไพร์โดะเอสเนี่ย
     
    ท่อน "ikenai" แปลว่า "ไม่ได้" หรือ "ไม่ได้การ" ปฏิเสธแบบชัดเจน
    ท่อน "tobanai" ที่จริงแล้วแปลว่า "ไม่บิน" แต่เราแปลงเป็น "ไม่อาจปลดปล่อยได้" 
    ท่อน "tobenai" แปลว่า "ไม่อาจบินได้" แปลงเป็น "พอใจไม่ได้" 
    สองคำนี้เราคิดว่าคำว่า บิน น่าจะออกแนวสื่อความหมายในทางอื่น ไม่ได้สื่อว่า บิน โดยตรง
     
    ***เนื้อเพลงอาจมีการเปลี่ยนแปลงและเสริมเติมแต่งไปบ้าง
    เนื่องจากต้องการความไพเราะและเพื่อให้ได้เข้าใจในเนื้อเพลงยิ่งขึ้น***
     
     
    เนื้อเพลง
     
     
    陽に灼(や)けた砂漠の果て、蜃気楼は淡く、遠い、
    Hi ni ya (ya)keta sabaku no hate, shinkirou wa awaku, tooi,
      สุดขอบทะเลทราย แสงแดดแผดเผา มีภาพลวงตาอันเลือนราง อยู่ห่างไกล
     
    もう、終わりの声をおくれ―――………
    Mou, owari no koe o okure ―――………
    ช่วยส่งเสียงที่จะหยุดมันมาที ....
     
    泣けるギターは置いてきた
    Nakeru Guitar wa oite kita
    วางกีตาร์ที่ส่งเสียงร่ำไห้ลง
     
    in your left eye,to my right eye 交錯したものは?
    in your left eye,to my right eye Kousaku shita mono wa ?
    สิ่งที่ผสมปนเปกันในตาซ้ายของเธอจนมาถึงตาขวาของฉันคือ ?
     
    すべてそこで理解(わか)りあえるもの、You're Imagin
    Subete soko de rikai (Waka)ri aeru mono, You' re Imagin
    ในจินตนาการของเธอ ทุกสิ่งที่อยู่ตรงนั้นจึงเป็นสิ่งที่สามารถทำความเข้าใจซึ่งกันและกันได้
     
    飛び立つ鷹が冷ややかに見下して
    Tobitatsu taka ga hiyayaka ni mikudashite
    นกเหยี่ยวที่โผบินส่งสายตาเย็นยะเยือกมองลงมาจากเบื้องบน
     
    愛の相乗効果すら、見通せるなら
    Ai no soujoukouka sura, mitooseru nara
    ถ้าหากมองเห็นแม้กระทั่งการผสมผสานของความรักในอนาคตได้ล่ะก็
     
    甘い煙を吸って もぅ無念無想、どうしよう?
    Amai kemuri o sutte Mou munenmusou,doushiyou ?
    สูดเอาควันอันหวานหอมเข้าไป จนเลิกที่จะคิดไป แล้วจะทำยังไง ?
     
     
    「なあ、それでも……」
    [Naa, soredemo……]
    "นี่ ถึงจะเป็นอย่างนั้น"
     
    「オマエの血が」
    [Omae no chi ga]
    "ก็ยังต้องการ"
     
    「……欲しいから」
    […… Hoshiikara]
    "...เลือดของเธอยังไงล่ะ"
     
     
    イ・キ・テ・ル(イ・キ・テ・タ)
    I ki te ru (i ki te ta)
    ใช้ ชี วิต อยู่ (มี ชี วิต มา)
     
    イ・キ・テ・ル(イ・キ・テ・タ)
    I ki te ru (i ki te ta)
    ใช้ ชี วิต อยู่ (มี ชี วิต มา)
     
    イ・キ・テ・ル(イ・キ・テ・タ)
    I ki te ru (i ki te ta)
    ใช้ ชี วิต อยู่ (มี ชี วิต มา)
     
    その身体に、流れてる『血(もの)』じゃなければ、イけない
    Sono karada ni, nagareteru “chi (mono) ” janakereba, Ikenai
    ถ้าไม่ใช่ "เลือด" ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างนั่นแล้วล่ะก็  ไม่ได้หรอก
     
    この吐息で、感じ合った『血(もの)』じゃないければ、イらない
    Kono toiki de, kanji atta “chi (mono) ” janaikereba, Iranai
    ถ้าหากไม่ได้รู้สึกถึง "เลือด" นั่นด้วยการถอนหายใจนี้แล้วล่ะก็  ไม่ต้องการ
     
    世界に響き渡ればいいよ、計れない不可思議(フカシギ)
    Sekai ni hibiki watareba ii yo, Hakarenai fukashigi (fukashigi)
    จะให้มันดังสะก้อนก้องไปทั่วโลกก็ได้ ให้เร้นลับจนวัดไม่ได้
     
    ふたりの血塗られた、誓いのカンパネラ
    Futari no chinurareta, chikai no Campanella
     ให้คำสาบานแห่งระฆังใบเล็ก ที่ละเลงเลือดให้เราทั้งสองคน
     
    ずっと響いて―――――………
    Zutto hibiite ―――――………
    ดังก้องไปตลอด ....
     
     
    (*music)
     
     
    眼に刻む、虚空の先 真紅(あか)い月が甘く、寂びて
    Me ni kizamu, kokuu no saki shinku (aka)i tsuki ga amaku, sabite
    อนาคตที่ว่างเปล่า ถูกสลักลงไปในนัตย์ตา สนิมเกาะ จันทราสีแดงเข้มซีดจางลง 
     
    そう、祈りの声が消えた―――……
    Sou, inori no koe ga kieta―――……
    จนเสียงคำอธิษฐานเลือนหายไป ....
     
    響くJitterは、幽かだね?
    Hibiku jitter wa, kasuka da ne?
    ความกระวนกระวายใจที่สะท้อนมา ก็แค่เสียงเบา ๆ สินะ ?
     
    in you left ear,to my right ear 失聴した日々は?
    in you left ear,to my right ear Shitchou shita hibi wa ?
    วันคืนที่สูญเสียการได้ยินในหูซ้ายของเธอมาถึงหูขวาของฉันคือ ?
     
    もはやなにも理解(わか)りあえないよ、チューリングマシン
    Mohaya nanimo rikai (Waka)ri aenai yo, Turing machine
    เครื่องจักรทัวริง ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถทำความเข้าใจต่อกันได้อีกต่อไป
     
    さざめく波は軽やかに上振れて
    Sazameku nami wa karoyaka ni uwa furete
    ระลอกคลื่นกระเพื่อมที่ด้านบนอย่างรวดเร็ว
     
    精の問答(といかけ)すら、受け入れられず 苦い煙を吸って
    Sei no mondou (toikake) sura, ukeirerarezu nigai kemuri o sutte
    แม้แต่คำตอบของจิตวิญญาณ ก็ไม่อาจทนรับ สูดควันขม ๆ เข้าไปได้
     
    そぅ 嗜好錯誤、どうだろう?
    Sou shikou sakugo, doudarou?
    ใช่แล้ว ถ้าพลาดไปชอบเข้า จะทำยังไงล่ะ ?
     
     
    「なにが、欲しい?」
    [Nani ga, hoshii?]
    "ต้องการอะไร ?"
     
    「自分でも」
    [Jibun demo]
    "แม้แต่ตัวเอง"
     
    「……判らない」
    […… Wakaranai]
    "...ก็ไม่เข้าใจ"
     
     
    ア・イ・タ・イ(ア・エ・ナ・イ)
    A i ta i (a e na i)
    อยาก จะ พบ เจอ (ไม่ ได้ พบ เจอ)
     
    ア・イ・タ・イ(ア・エ・ナ・イ)
    A i ta i (a e na i)
    อยาก จะ พบ เจอ (ไม่ ได้ พบ เจอ)
     
    ア・イ・タ・イ(ア・エ・ナ・イ)
    A i ta i (a e na i)
    อยาก จะ พบ เจอ (ไม่ ได้ พบ เจอ)
     
    あの苦痛(なやみ)は、終わらない『血(もの)』じゃなければ、トばない
    Ano kutsuu (nayami) wa, owaranai “chi (mono)” janakereba, tobanai
    ถ้าความทุกข์ความเจ็บปวดนั้นไม่จบลงด้วย "เลือด" นี่แล้วล่ะก็ ไม่อาจปลดปล่อยได้
     
    死の予感と、責めぎ合う『血(もの)』じゃなければ、トべない
    Shi no yokan to, semegiau “chi (mono)” janakereba, tobenai
    ถ้าหากไม่ได้ต่อว่า "เลือด" นั่นว่าเป็นลางแห่งความตายแล้วล่ะก็ พอใจไม่ได้หรอก
     
    僅かに見えた希望の鼓動 咎色の雲へと
    Wazuka ni mieta kibou no kodou togairo no kumo e to
    มองเห็นการเต้นของความหวังอย่างแผ่วเบา มุ่งไปสู่เมฆที่แปดเปื้อดสีของความผิด
     
    ふたりの血塗られた、誓いのカンパネラ
    Futari no chinurareta, chikai no Campanella
    เป็นคำสาบานแห่งระฆังใบเล็ก ที่ละเลงเลือดให้เราสองคน
     
    愛は「ここ」に―――………
    Ai wa [koko] ni―――………
    ความรักอยู่ ณ "ตรงนี้" แล้ว ...
     
     
    (*music)
     
     
    ねぇ、我慢せずに、吸い尽し
    Nee, gamansezuni, sui tsukushi
    นี่ จะดูดให้หมดโดยที่ไม่อดทนแล้ว
     
     
    「すべて」
    [Subete]
    "ต่อให้ทุกอย่าง"
     
    「終わっても」
    [Owatte mo]
    "ต้องจบลงไป"
     
    「……―――構わない」
    [……――― Kamawanai]
    ".... ก็ไม่สน"
     
     
    イ・キ・テ・ル(イ・キ・テ・タ)
    I ki te ru (i ki te ta)
    ใช้ ชี วิต อยู่ (มี ชี วิต มา)
     
    イ・キ・テ・ル(イ・キ・テ・タ)
    I ki te ru (i ki te ta)
    ใช้ ชี วิต อยู่ (มี ชี วิต มา)
     
    イ・キ・テ・ル(イ・キ・テ・タ)
    I ki te ru (i ki te ta)
    ใช้ ชี วิต อยู่ (มี ชี วิต มา)
     
     
    その身体に、流れてる『血(もの)』じゃなければ、イけない
    Sono karada ni, nagareteru “chi (mono) ” janakereba, ikenai
    ถ้าไม่ใช่ "เลือด" ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างนั่นแล้วล่ะก็  ไม่ได้หรอก
     
    この吐息で、感じ合った『血(もの)』じゃなけれな イらない
    Kono toiki de, kanji atta “chi (mono) ” janaikereba, iranai
    ถ้าหากไม่ได้รู้สึกถึง "เลือด" นั่นด้วยการถอนหายใจนี้แล้วล่ะก็  ไม่ต้องการ
     
    世界に響き渡ればいいよ、計れない不可思議(フカシギ)
    Sekai ni hibiki watareba ii yo, hakarenai fukashigi (fukashigi)
    จะให้มันดังสะก้อนก้องไปทั่วโลกก็ได้ ให้เร้นลับจนวัดไม่ได้
     
    ふたりの血塗られた、誓いのカンパネラ
    Futari no chinurareta, chikai no Campanella
     ให้คำสาบานแห่งระฆังใบเล็ก ที่ละเลงเลือดให้เราทั้งสองคน
     
    ずっと響いて―――――………
    Zutto hibiite―――――………
    ดังก้องไปตลอด ....
     
     
    僅かに見えた希望の鼓動 咎色の雲へと
    Wazuka ni mieta kibou no kodou togairo no kumo e to
    มองเห็นการเต้นของความหวังอย่างแผ่วเบา มุ่งไปสู่เมฆที่แปดเปื้อดสีของความผิด
     
    ふたりの血塗られた 誓いのカンパネラ
    Futari no chinurareta, chikai no Campanella
    คำสาบานแห่งระฆังใบเล็ก ละเลงเลือดให้เราสองคน
     
    愛は「ここ」に―――………
    Ai wa [koko] ni ...
    ความรักอยู่ ณ "ตรงนี้" แล้ว ...
     
     
     
    愛は「ここ」に―――………
    Ai wa [koko] ni ...
    ความรักอยู่ที่ตรงนี้  ...
     
    愛は「ここ」に―――………
    Ai wa [koko] ni ...
    ความรักอยู่ที่ตรงนี้  ...
     
    愛は「ここ」に―――………
    Ai wa [koko] ni ...
    ความรักอยู่ที่ตรงนี้  ...
     
     
    ******************************************
     
    **Campanella เป็นชื่อที่ใช้เรียกงานประพันธ์สำหรับบรรเลงเดี่ยวเปียโน 
    ผลงานของฟรานซ์ ลิซท์ในปี ค.ศ. 1838 โดยนำทำนองมาจากมูฟเมนต์ที่สาม
     มูฟเมนต์สุดท้ายของไวโอลินคอนแชร์โตหมายเลข 2 
    ในบันไดเสียง บี ไมเนอร์ ผลงานในปี ค.ศ. 1826 ของนิกโคโล ปากานินี 
    เพิ่มเสียงจากระฆังจิ๋วที่ใช้มือเขย่า**
     
    **Turing machine คือ คือเครื่องจักรนามธรรมที่แอลัน ทัวริงได้คิดค้นขึ้นใน ค.ศ. 1936 (พ.ศ. 2479) เพื่อการนิยามขั้นตอนวิธีหรือ 'กระบวนการเชิงกล' อย่างชัดเจนแบบคณิตศาสตร์ เครื่องจักรทัวริงได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในการศึกษาวิทยาการคอมพิวเตอร์เชิงทฤษฎี โดยเฉพาะในทฤษฎีความซับซ้อนในการคำนวณและทฤษฎีการคำนวณ ข้อปัญหา (thesis) ที่ว่าโมเดลของเครื่องจักรทัวริงนั้นครอบคลุมกระบวนการเชิงกลทั้งหมด ในการคำนวณทางตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ เป็นที่รู้จักกันในชื่อข้อปัญหาของเชิร์ช-ทัวริง
     
    ข้อมูลจาก wikipedia
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×