ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { qls } • remedial and pharmacial • classroom

    ลำดับตอนที่ #19 : 01

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ย. 54




     


    บทเรียนวิชาปรุงยาครั้งที่ 1

    บรรยายโดย

      

    Professor Dawn Iqwirious : ศาสตราจารย์ ดอว์น อิควิเรียส

    หมายเหตุ. ในวงเล็บใหญ่สีแดง คือ จุดที่จำเป็นต้องโรลนะครับ
    ส่วนจุดอื่นๆ สามารถโรลเมื่อไหร่ อย่างไรก้ได้ครับ




    ชายหนุ่มร่างสูงเหลือบมองนักเรียนที่เริ่มเข้ามาในห้องเรียนมากขึ้นเรื่อยๆจนเต็มทั้งห้อง

    เขาจึงถอดแว่นที่ใส่เฉพาะเวลาอ่านหนังสือออก

    และลุกขึ้นจากเก้าอี้ในห้องทำงานของเขา

    นัยน์ตาสีแดงราวกับถูกย้อมด้วยโลหิต กวาดสายตาไปรอบห้อง

    หลังจากเห็นว่านักเรียนทุกคนนั่งประจำที่กันเรียบร้อย

    เขาจึงเริ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

     

    “สวัสดีครับ

    ยินดีต้อนรับเข้าสู่คลาสแรกของวิชาปรุงยา

    ก่อนอื่นผมจะแนะนำตัวก่อนนะครับ หลายๆคนคงจะรู้จักผมแล้ว

    ผม ดอว์น อิควิเรียส เป็นผู้รับผิดชอบในการเรียนการสอนวิชาปรุงยาและศาสตร์แห่งการรักษาครับ

    เอาล่ะ งั้นต่อไป ผมจะเริ่มขานเช็คชื่อเลยนะครับ”

     

    ชายหนุ่มหันไปหยิบสมุดเช็คชื่อจากโต๊ะหน้าห้องเรียน

    ก่อนจะเริ่มร่ายยาวรายชื่อนักเรียนทั้ง 20 คน

     

    [ ขานรับการเช็คชื่อ พร้อมแปะบัตรนักเรียน ]

     

    หลังจากเช็ดชื่อเรียบร้อยแล้ว

    นัยน์ตาสีแดงก็กวาดมองไปรอบๆห้องอีกครั้ง

     

    “ถ้าอย่างนั้น เรามาเริ่มบทเรียนแรกกันเลยดีกว่านะครับ”

     

    พูดจบเขาก็สูดลมหายใจเข้าเล็กๆก่อนเริ่มบรรเลงบทเรียนยาวเหยียดเกือบสองชั่วโมง

     

    “หัวข้อของเราในวันนี้คือ ที่มาของวิชาปรุงยา นะครับ
    แต่ผมจะพูดเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นนะครับ เพราะคงจะได้ศึกษากันอย่างเต็มอิ่มในวิชาประวัติศาสตร์”

     

    นัยน์ตาสีโลหิตหรี่ลงและมองมาที่นักเรียนของเขาอย่างเจ้าเล่ห์กับคำว่า วิชาประวัติศาสตร์
    เพราะเชื่อว่านักเรียนหลายๆคนคงเป็นคู่ปรับกับวิชานี้ ชนิดที่เรียกว่า กินกันไม่ลง
    เข้าห้องเรียนประวัติศาสตร์เมื่อไหร่ ได้หลับกันเป็นแถว

     

    มือแข็งแกร่งพาชอล์คไปขีดๆเขียนๆบนกระดานดำว่า ที่มาของวิชาปรุงยา (อย่างย่อ)

    และเริ่มร่ายมหากาพย์ต่อ

     

    “การปรุงยา เป็นศาสตร์ที่ในช่วงแรกๆของยุคนั้น
    ผู้คนต่างคิดว่ามันเป็นเพียงวิชาความรู้แขนงหนึ่งของวิชาชีพแพทย์เท่านั้น
    แต่หลังจากที่เริ่มมีสูตรยามากขึ้น จากหนึ่ง เป็นสิบ จากสิบ เป็นร้อย จากร้อย เป็นพันๆสูตร
    ดังนั้น
    Adoph T. Dwell (อดอฟ ที ดเวล) แพทย์ชั้นนำของอาณาจักร
    ได้ทำการศึกษาการปรุงยาอย่างจริงจัง
    และพยายามผลักดันให้การปรุงยาแยกเป็นอีกหนึ่งแขนงวิชาที่ไม่ติดอยู่กับวิชาแพทย์
    แต่ไม่ว่าจะเสนอต่อสภาฝ่ายวิชาการสักกี่ครั้ง ผลที่ออกมาก็ยังเป็นเหมือนเดิมก็คือ ไม่

     

    ดอว์นเว้นระยะหายใจเล็กน้อย

    ก่อนจะเล่าประวัติศาสตร์ต่ออย่างชำนาญ ทั้งๆที่เขายังไม่ได้เปิดหนังสือสักเล่ม

     

    “แต่ถึงจะโดนปฏิเสธสักเท่าไหร่ อดอฟก็ยังไม่ยอมแพ้
    เขายังพยายามศึกษาค้นคว้าต่อไปอย่างไม่ลดละ จนในที่สุด พระเจ้าก็เข้าข้างเขา
    วันหนึ่ง เจ้าชายรัชทายาทลำดับที่หนึ่ง ของกษัตริย์ ทรงประชวร
    เป็นโรคที่ไม่มีหมอคนใดสามารถรักษาให้หายได้
    แต่แล้ว เมื่ออดอฟขออนุญาตตรวจอาการของพระองค์
    อดอฟเพียงหันไปสั่งกับนางกำนัลที่ดูแลเจ้าชายว่า

    ...จงนำเกสรของดอกบานเช้า ไปผสมกับ กิ่งไม้บดจากต้นวิสเทอร์
    และนำสิ่งนี้ใส่ลงไปในหม้อ แล้วต้มรวมกัน นำมาให้เจ้าชายเสวยสามเวลา
    ภายในสองราตรี อาการของพระองค์ก็จะทรงทุเลา
    ภายในห้าราตรี พระองค์จะสามารถรับประทานอาหารได้เอง
    และ ภายในเจ็ดราตรี พระองค์ก็จะทรงมีพระวรกายที่แข็งแรงดุจเดิม
    อ้อ แล้วก็เวลาต้ม อย่าให้ไอน้ำสัมผัสโดนพระโอสถเด็ดขาด เข้าใจนะ ...


    แล้วผลก็เป็นดังที่อดอฟได้ทำนายไว้ อาการของเจ้าชายดีขึ้นเรื่อยๆ
    จนหมอหลวงยังต้องฉงน และแล้ว เมื่อเจ็ดคืนผ่านไป ในอรุณรุ่งของวันที่แปด
    อาการของเจ้าชายก็หายเป็นปลิดทิ้ง ชื่อของอดอฟดังไปทั่วอาณาจักร
    และแล้ว เมื่อเขาเสนอให้แยกวิชาปรุงยาเป็นศาสตร์อีกแขนงหนึ่งอีกครั้ง
    ก็ไม่มีนักวิชาการคนใด ปฏิเสธเขาอีก”

     

    ศาสตราจารย์หนุ่มเว้นระยะในการหายใจพร้อมกับมองนักเรียนทุกคนในชั้น

    นักเรียนส่วนใหญ่ยังคงตั้งใจฟังดี

    แต่ก็ยังมีคนที่ถ้านอนได้คงจะลงไปนอนเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มจึงเดินจากด้านหน้าห้อง

    เปลี่ยนมาเดินบรรยายไปรอบๆห้อง เพื่อกระตุ้นนักเรียนขี้เซาแทน

     

    “และแล้ว อดอฟ ที ดเวล ก็ได้ให้กำเนิดวิชาการปรุงยาขึ้น
    นับตั้งแต่นั้น วิชาปรุงยาก็เจริญเรื่อยมา นอกจากนี้
    อดอฟ ยังได้ทำการคิดค้นสูตรปรุงยามาตรฐานเอาไว้ทั้งหมด หนึ่งหมื่นสูตร
    นับว่าเขาเป็น บิดาของการปรุงยาเลยก็ว่าได้ แต่น่าเสียดาย ที่ในยุคล่าอาณานิคม
    สูตรเหล่านั้นได้ถูกทำลายไป จนหลงเหลือมาถึงปัจจุบันเพียงแค่ ห้าพัน สูตร ให้พวกเราได้เรียนกันเท่านั้น”

     

    ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงราบเรียบเป็นปกติ เหมือนคำว่าห้าพันสูตรของเขามันเปรียบได้กับคำว่า น้ำมะนาว
    ซึ่งตรงข้ามกับนักเรียนโดยสิ้นเชิง ที่หลายๆคนคงจะเริ่มมีความคิดว่า อดอฟ ที ดเวลไม่น่าเกิดมาเลย

    พวกเขาจะได้ไม่ต้องมานั่งเรียนอะไรแบบนี้

     

    “พวกเราเหล่านักปรุงยาชั้นแนวหน้า ต่างพยายามกันจนสุดความสามารถเพื่อค้นหาสูตรมาตรฐานที่เหลืออีกห้าพันสูตร
    แต่นั่นกลับเป็นความพยายามที่ไร้ค่า เสียเปล่า เพราะว่า วัตถุดิบ ที่ใช้ในการปรุงยาในอดีตนั้น
    ปัจจุบัน แทบจะไม่มีเหลือ ทั้งเขาของตัว
    Fingmer (ฟิงค์เมอร์)
    สัตว์ชั้นสูงที่สูญพันธุ์ไปพร้อมๆกับการตายของ อดอฟ
    เขานั้นถือได้ว่าเป็นเพชรน้ำเอกของการปรุงยาเลยทีเดียว
    นับเป็นอีกครั้งของการสูญเสียของวงการปรุงยาเลยก็ว่าได้
    ดังนั้น ในปัจจุบัน จึงเหลือสูตรที่เป็นมาตรฐานของการปรุงยาเพียง ห้าพันสูตรเท่านั้น”

     

    ...กุก กัก...

     

    นัยน์ตาสีโลหิตตวัดหางตาไปมองทางต้นเสียงทันที

    มันคือหีบสมบัติขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านหลังสุดของห้อง

    ทันทีที่นัยน์ตานั้นจ้องมองไปที่มัน เสียงนั้นก็เงียบหายไป

    โดยไม่มีนักเรียนคนใด หรือ น้อยคนที่จะสังเกตเห็นความผิดปกตินี้

     

    “เอาล่ะ และนี่คือที่มาของวิชาการปรุงยาอย่างย่อทั้งหมด
    วันนี้เอาไว้เท่านี้ก็แล้วกัน ส่วนการบ้านของพวกเธอในวันนี้
    ก็คือ ให้ไปหาอะไรก็ได้ ที่คิดว่าจะนำมาเป็นวัตถุดิบของการปรุงยา
    สักคนละสามอย่าง พร้อมเหตุผลว่าทำไมถึงเลือกสิ่งนี้ ก็แล้วกัน
    [ ตอบรับการบ้าน ]
    คะแนนสำหรับการบ้านครั้งนี้ 5 คะแนน ให้คะแนนตามเหตุผลที่เลือกครับ”

     

    “วันนี้จบคลาสเพียงเท่านี้ สวัสดีครับ”

     

    พูดจบเขาก็นั่งลงกับเก้าอี้ทำงาน

    รอจนกระทั่งนักเรียนในห้องออกไปกันหมด

    เหลือทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า

    และสายลม...

     







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×