ลำดับตอนที่ #75
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #75 : การเมืองไทยกลับมาเป็นปกติ?ปกติไม่ได้แปลว่าเป็นประชาธิปไตย
โดย Kevin Hewison
ที่มา : Asia Sentinel
แปลโดยทีมข่าวไทยอีนิวส์
4 มิถุนายน 2552
การเมืองไทย: กลับมาเป็นปกติ?
ปกติไม่จำเป็นต้องหมายความว่าเป็นประชาธิปไตย
นายกฯ ไทยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้บินไปฮ่องกงและเกาหลีใต้เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อยืนยันกับนักลงทุนว่าการเมืองของประเทศไทยได้กลับสู่สภาวะปกติแล้ว แต่ในประเทศไทยของอภิสิทธิ์ สภาวะปกติหมายถึงการลื่นไถลอย่างน่าเศร้ากลับไปสู่โครงร่างที่เรียกว่าเป็น ประชาธิปไตยแบบไทยๆซึ่งเป็นระบบที่นักการเมือง พรรคการเมือง และรัฐสภา ถูกทำให้อ่อนแอ และอำนาจที่แท้จริงตกอยู่ในมือของสถาบันแบบดั้งเดิมที่กดขี่ และเป็นลำดับขั้น (hierarchical)
การให้ความเชื่อมั่นของ อภิสิทธิ์หลังจากหลายปีของความวุ่นวายซึ่งเริ่มต้นเมื่อปี 2548 จากการที่มีประท้วงขับไล่อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร และถูกสับขั้วโดยการรัฐประหารปี 2549 ที่ทำให้ทักษิณต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ ที่ทำให้มีความรุนแรงบนถนนมากขึ้น การบุกยึดครองสนามบินโดยพันธมิตรที่คลั่งเจ้าและการปราบปรามผู้ประท้วงต่อ ต้านรัฐบาลเมื่อกลางเดือนเมษายน
สถาบัน เหล่านี้ได้ให้ "เสถียรภาพทางการเมือง" กับประเทศไทยในอดีต นั่นก็คือสถาบันพระมหากษัตริย์ ทหาร และข้าราชการ แต่สถาบันดังกล่าวได้ตกอยู่ในสภาวะกดดันจากการพัฒนาของระบอบรัฐสภา
ใน ช่วงที่ทักษิณเป็นนายกฯ จุดศูนย์กลางของอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจซึ่งอยู่ในมือเขา และการดึงดูดชนชั้นที่ยากจนและอ่อนแอที่สุดของเขามันท้าทายความคิดของพวก อนุรักษ์นิยมซึ่งมีจุดศูนย์กลางของอำนาจอยู่ที่กลุ่มชนชั้นสูงที่เป็น อนุรักษ์นิยม
ขณะนี้มีหลักฐานอยู่มากมายที่แสดงให้เห็นว่ากลุ่ม อนุรักษ์นิยมซึ่งถือว่าตนเองมีความชอบธรรมมากที่สุดในการปกครองประเทศได้ กลับเข้ามามีอำนาจอีกครั้ง นายกฯอภิสิทธิ์และพรรคร่วมรัฐบาลของเขาที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่ เป็นแค่ผู้จัดการเวทีเพื่อการกลับมาของพวกอนุรักษ์นิยม
เหตุการณ์ล่า สุดที่ยืนยันเรื่องนี้คือการตัดสินเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ของการไม่เอาโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับกรณีตากใบเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 คำพิพากษาที่ว่าทหารและตำรวจกระทำการถูกต้องตามกฏหมายและโดยใช้วิจารณญานที่ ถูกต้องนั้น ทางศาลได้ยอมรับการปราบปรามผู้ประท้วงที่มีผู้เสียชีวิต 85 ราย และมี 78 คนในนั้นที่เสียชีวิตในระหว่างการคุมตัวหลังจากถูกยัดเข้าไปในรถบรรทุกของ ทหารและขับออกไป
โศกนาฎกรรมนี้เกิดขึ้นในช่วงที่พตท.ทักษิณเป็นนายก รัฐมนตรี และเขาก็โดนตำหนิอย่างกว้างขวางและอย่างสมควร แต่จากคำตัดสินของศาล สิ่งที่สำคัญไม่ใช่บทบาทของทักษิณแต่เป็นการปกป้องเจ้าหน้าที่ของรัฐและ บุคคลในกองทัพที่เกี่ยวข้อง
มีอีกหลายกรณีที่คล้ายๆกัน อย่างเช่นการสังหารหมู่ในมัสยิดกรือเซะที่ปัตตานีที่ไม่เคยมีการสอบสวนอย่าง เพียงพอ การทำทารุณกรรมต่อผู้อพยพชาวโรฮิงยาโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งถูกบันทึกภาพ ไว้เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาได้ถูกลืมไปแล้ว และนายกฯอภิสิทธิ์ได้อ้างว่าเป็นพฤติกรรมที่ผิดของเจ้าหน้าที่รักษาความสงบ ของรัฐ และการพบศพที่ลอยมาในแม่น้ำที่มีบ่งบอกถึงการตายแบบฆาตกรรมของชายสองคนก็ถูก เมินเฉย
การกลับไปสู่สภาวะปกติหมายถึงสถาบันอนุรักษ์นิยมกำลังปกป้อง ตัวเองอยู่ เจ้าหน้าที่รัฐยังปฏิบัติหน้าที่ที่นอกเหนือกฏหมาย โดยเฉพาะพวกที่เป็นส่วนหนึ่งหรือบางส่วนของกลไกที่กำลังปกป้องสถาบันดัง กล่าวและกำหนดกติกาของพวกเขา
การที่ปล่อยให้ทหารปฏิบัติการโดย ได้รับการยกเว้นจากการลงโทษนอกจากจะเป็นการให้รางวัลต่อพวกเขาที่ทำหน้าที่ ค้ำจุนอิทธิพลของสถาบันอนุรักษ์นิยมแล้วยังสะท้อนถึงอำนาจการเมืองที่ยัง รุ่งเรือง เมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์กำเนิดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2551 พวกเขามีหมอตำแยอยู่ 3 คนคือ: พันธมิตร นักอนุรักษ์นิยมที่มีราชสำนักเป็นแนวร่วม และทหาร
การประท้วงข้างถนน ของพันธมิตรได้ทำให้สองรัฐบาลที่เชื่อมโยงกับทักษิณสั่นคลอน พวกอนุรักษ์นิยมที่มีราชสำนักเป็นแนวร่วมสามารถทำให้มีการดำเนินคดีต่อ ทักษิณและพรรคเหล่านั้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และหนึ่งในคณะรัฐประหารปี 2549 ได้ปล่อยให้ผู้ประท้วงพันธมิตรเข้าเข้ามามีอำนาจครอบงำอย่างเบ็ดเสร็จ และบงการหรือรับรองรัฐบาลผสมของประชาธิปัตย์ซึ่งได้เห็นการเปลี่ยนขั้ว อย่างกระทันหันของนักการเมืองที่เคยสนับสนุนทักษิณ
ตอนนี้ทหารทำ หน้าที่เป็นเกราะป้องกันสำหรับสถาบันอนุรักษ์นิยมและรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ กองทัพได้เข้ามาแทรกแซงสองครั้งในช่วงหลายปีที่มีความวุ่นวายทางการเมือง ครั้งแรกคือการก่อรัฐประหาร ปี 2549 และครั้งที่สองเมื่อพล.อ.อนุพงษ์ได้สั่งให้ช่วยรัฐบาลโดยการปราบปรามการ ลุกฮือของคนเสื้อแดงที่สนับสนุนทักษิณหรือผู้ที่ต่อต้านรัฐบาลอื่นๆ
การ กลับมาสู่สภาวะปกติของประเทศไทยคือการมีกองทหารที่มีอิทธิพลและเล่นการเมือง มันหมายถึงด้วยว่ารัฐสภาเป็นสถานที่สำหรับเปลี่ยนขั้วทางการเมือง รัฐบาลผสมเป็นสิ่งปกติดังนั้นการมีการสนับสนุนจากพรรคไม่มีความหมายและค่อน ข้างจะแพง รัฐบาลนี้มีอายุน้อยกว่า 6 เดือนแต่พรรคเล็กๆได้ทำให้รัฐบาลสั่นคลอนแล้ว พรรคเล็กๆทำการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีและวิธีอื่นที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งและ เตรียมพร้อมกับการเลือกตั้งคราวหน้าที่จะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากและการ เจรจาต่อรองที่จะตามมา
ด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลายเกี่ยว กับการซื้อเสียงของทักษิณในการเลือกตั้งที่เขาได้รับชัยชนะ พวกอนุรักษ์นิยมและทหารอารักขาของพวกเขาต่างหากที่ทำให้ money politics ยิ่งใหญ่ มันไม่ได้ฟังดูถากถางเท่าไหร่หรอกเพราะ money politics ทำให้รัฐสภาอ่อนแอและไม่เป็นอิสระ ซึ่งก็หมายถึงว่าอำนาจที่แท้จริงยังอยู่ในมือของกลุ่มชนชั้นสูงที่เป็นพวก อนุรักษ์นิยม
ที่น่าสนใจคือ พันธมิตรกำลังเลือกแนวทางการมีพรรคการเมือง เนื่องจากพวกเขาดึงดูดประชาชนในเขตเลือกตั้งเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ พันธมิตรน่าจะดึงคะแนนจากพรรคนั้นในการเลือกตั้งคราวหน้า มันอาจจะเป็นผลลัพธ์ที่ประหลาด แต่สำหรับพวกอนุรักษ์นิยม การถ่วงดุลย์ความสามารถในการรวมพลผู้สนับสนุนของพันธมิตรถือเป็นชัยชนะที่ สำคัญ และการที่พวกเขาตั้งพรรคจะทำให้เป้าหมายนั้นสำเร็จ
เหมือน รัฐบาลอนุรักษ์นิยมและรัฐบาลทหารในอดีต รัฐบาลอภิสิทธิ์กำลังพึ่งพากลไกอำนาจกดขี่เพื่อทำให้ทุกอย่างอยู่ในที่ทาง ของมัน หน่วยงานที่จำเป็นเหล่านี้คือ ทหาร กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ISOC) กระทรวงมหาดไทย กระทรวง ICT แต่ละองค์กรได้รับงบประมาณที่ต้องใช้ในการปราบปรามสิ่งทีมองว่าเป็นการล้ม ล้างและเพิ่มความแข็งแกร่งของการโฆษณาชวนเชื่อให้คลั่งชาติและคลั่งเจ้า
รัฐบาล สามารถคุมสื่อหลักได้พอๆกับสื่อของรัฐได้อย่างง่ายดาย พวกเขากระทำอะไรอีกมากมายเพื่อที่จะข่มขู่สิ่งที่เรียกว่าสื่อใหม่ ในความพยายามที่จะทำให้มั่นใจว่าการเซ็นเซอร์ตัวเองนั้นเป็นบรรทัดฐาน
โดย เฉพาะกับกรณีที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการวางรากฐานความคิดส่วนรวมและการระบุความ "จงรักภักดี" คดีที่ดังๆที่ใช้กฎหมายหมิ่นฯที่เคร่งครัดและกฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ได้เล็งไปที่กิจกรรมทางอินเตอร์เน็ท คดีเหล่านี้เตือนประชาชนให้ระลึกว่าพวกเขากำลังถูกจับตามองอยู่และการฝ่าฝืน จะมีโทษอย่างหนัก
ป้ายโฆษณา โทรทัศน์ และสปอตโฆษณาทางวิทยุ และรวมถึงตัวนายกรัฐมนตรีเอง ชักชวนให้ให้ประชาชนรักและปกป้องสถาบันกษัตริย์ องค์กรความมั่นคงภายในกำลังใช้แคมเปญที่ดูเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้นที่จะส่ง เสริมการจงรักภักดีต่อสถาบันราชวงศ์
ที่มีเงื่อนงำคือโปรแกรมที่ ชักชวนและฝึกให้ประชาชนเป็นสายลับ ที่ขอให้พวกเขารายงานใครที่พวกเขาคิดว่าเป็นศัตรูของสถาบันกษัตริย์ นายกฯอภิสิทธิ์ลงนามเพื่อเป็นหนึ่งในสายลับอาสาสมัคร และนี่ก็นอกเหนือจากกลุ่มสายลับที่จ้างโดยรัฐเพื่อสืบส่องการกระทำที่ไม่จง รักภักดีตามสื่อต่างๆ
รัฐบาลปัจจุบันและวาระอนุรักษ์นิยมได้รับการ สนับสนุนจากชนชั้นกลาง ในอดีตมันดูเหมือนว่าชนชั้นกลางจะเป็นชนชั้นที่จะผลักดันการเป็นทำให้ประเทศ เป็นประชาธิปไตย แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้ว ความคิดดังกล่าวถูกลบไปเมื่อเดือนเมษายนที่มีการลุกฮือที่ทำให้ชนชั้นกลาง เชื่อว่าเสื้อแดงจะเผาบ้าน ร้านค้า โรงงานของเขาในการลุกฮือครั้งหน้า เพราะฉะนั้นพวกเขาจะให้การสนับสนุนต่อสถาบันและประชาธิปไตยแบบไม่เต็มใบและ ปกป้องโดยทหารที่ถือปืน
นักอนุรักษ์นิยมอย่างเช่นคนวงในของราช สำนัก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เตือนชนชั้นกลางว่าการพ้นจากความหายนะนั้นขึ้นอยู้กับสถาบันกษัตริย์และ สถาบันนี้กำลังตกอยู่ในสภาวะอันตราย พวกเขาเตือนด้วยว่าเสื้อแดงจะกลับขึ้นมาลุกฮืออีกถ้าไม่มีความจงรักภักดีและ ความละมัดระวัง
แต่การกลับไปสู่ความเป็นปกติในรูปแบบของกลุ่ม อนุรักษ์นิยมมันไม่ใช่ง่าย สถาบันนี้และการสนับสนุนของพวกเขาจะไม่ได้สิ่งที่พวกเขาต้องการทั้งหมด การลุกฮือเมื่อเดือนเมษายนแสดงให้เห็นว่าคนยากจนที่ถูกตัดสิทธิ์กำลังโกรธ แค้นกับวาระที่กลับมาใหม่ของพวกอนุรักษ์นิยม พวกเขาต้องการให้เสียงของเขาถูกสนองตอบ มันไม่ง่ายเลยที่จะปิดปากพวกเขา
Kevin Hewison เป็นผู้อำนวยการของ Carolina Asia Center และเป็น Professor ของ Department of Asian Studies ที่ University of North Carolina Chapel Hill
ที่มา : Asia Sentinel
แปลโดยทีมข่าวไทยอีนิวส์
4 มิถุนายน 2552
การเมืองไทย: กลับมาเป็นปกติ?
ปกติไม่จำเป็นต้องหมายความว่าเป็นประชาธิปไตย
นายกฯ ไทยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้บินไปฮ่องกงและเกาหลีใต้เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อยืนยันกับนักลงทุนว่าการเมืองของประเทศไทยได้กลับสู่สภาวะปกติแล้ว แต่ในประเทศไทยของอภิสิทธิ์ สภาวะปกติหมายถึงการลื่นไถลอย่างน่าเศร้ากลับไปสู่โครงร่างที่เรียกว่าเป็น ประชาธิปไตยแบบไทยๆซึ่งเป็นระบบที่นักการเมือง พรรคการเมือง และรัฐสภา ถูกทำให้อ่อนแอ และอำนาจที่แท้จริงตกอยู่ในมือของสถาบันแบบดั้งเดิมที่กดขี่ และเป็นลำดับขั้น (hierarchical)
การให้ความเชื่อมั่นของ อภิสิทธิ์หลังจากหลายปีของความวุ่นวายซึ่งเริ่มต้นเมื่อปี 2548 จากการที่มีประท้วงขับไล่อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร และถูกสับขั้วโดยการรัฐประหารปี 2549 ที่ทำให้ทักษิณต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ ที่ทำให้มีความรุนแรงบนถนนมากขึ้น การบุกยึดครองสนามบินโดยพันธมิตรที่คลั่งเจ้าและการปราบปรามผู้ประท้วงต่อ ต้านรัฐบาลเมื่อกลางเดือนเมษายน
สถาบัน เหล่านี้ได้ให้ "เสถียรภาพทางการเมือง" กับประเทศไทยในอดีต นั่นก็คือสถาบันพระมหากษัตริย์ ทหาร และข้าราชการ แต่สถาบันดังกล่าวได้ตกอยู่ในสภาวะกดดันจากการพัฒนาของระบอบรัฐสภา
ใน ช่วงที่ทักษิณเป็นนายกฯ จุดศูนย์กลางของอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจซึ่งอยู่ในมือเขา และการดึงดูดชนชั้นที่ยากจนและอ่อนแอที่สุดของเขามันท้าทายความคิดของพวก อนุรักษ์นิยมซึ่งมีจุดศูนย์กลางของอำนาจอยู่ที่กลุ่มชนชั้นสูงที่เป็น อนุรักษ์นิยม
ขณะนี้มีหลักฐานอยู่มากมายที่แสดงให้เห็นว่ากลุ่ม อนุรักษ์นิยมซึ่งถือว่าตนเองมีความชอบธรรมมากที่สุดในการปกครองประเทศได้ กลับเข้ามามีอำนาจอีกครั้ง นายกฯอภิสิทธิ์และพรรคร่วมรัฐบาลของเขาที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่ เป็นแค่ผู้จัดการเวทีเพื่อการกลับมาของพวกอนุรักษ์นิยม
เหตุการณ์ล่า สุดที่ยืนยันเรื่องนี้คือการตัดสินเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ของการไม่เอาโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับกรณีตากใบเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 คำพิพากษาที่ว่าทหารและตำรวจกระทำการถูกต้องตามกฏหมายและโดยใช้วิจารณญานที่ ถูกต้องนั้น ทางศาลได้ยอมรับการปราบปรามผู้ประท้วงที่มีผู้เสียชีวิต 85 ราย และมี 78 คนในนั้นที่เสียชีวิตในระหว่างการคุมตัวหลังจากถูกยัดเข้าไปในรถบรรทุกของ ทหารและขับออกไป
โศกนาฎกรรมนี้เกิดขึ้นในช่วงที่พตท.ทักษิณเป็นนายก รัฐมนตรี และเขาก็โดนตำหนิอย่างกว้างขวางและอย่างสมควร แต่จากคำตัดสินของศาล สิ่งที่สำคัญไม่ใช่บทบาทของทักษิณแต่เป็นการปกป้องเจ้าหน้าที่ของรัฐและ บุคคลในกองทัพที่เกี่ยวข้อง
มีอีกหลายกรณีที่คล้ายๆกัน อย่างเช่นการสังหารหมู่ในมัสยิดกรือเซะที่ปัตตานีที่ไม่เคยมีการสอบสวนอย่าง เพียงพอ การทำทารุณกรรมต่อผู้อพยพชาวโรฮิงยาโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งถูกบันทึกภาพ ไว้เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาได้ถูกลืมไปแล้ว และนายกฯอภิสิทธิ์ได้อ้างว่าเป็นพฤติกรรมที่ผิดของเจ้าหน้าที่รักษาความสงบ ของรัฐ และการพบศพที่ลอยมาในแม่น้ำที่มีบ่งบอกถึงการตายแบบฆาตกรรมของชายสองคนก็ถูก เมินเฉย
การกลับไปสู่สภาวะปกติหมายถึงสถาบันอนุรักษ์นิยมกำลังปกป้อง ตัวเองอยู่ เจ้าหน้าที่รัฐยังปฏิบัติหน้าที่ที่นอกเหนือกฏหมาย โดยเฉพาะพวกที่เป็นส่วนหนึ่งหรือบางส่วนของกลไกที่กำลังปกป้องสถาบันดัง กล่าวและกำหนดกติกาของพวกเขา
การที่ปล่อยให้ทหารปฏิบัติการโดย ได้รับการยกเว้นจากการลงโทษนอกจากจะเป็นการให้รางวัลต่อพวกเขาที่ทำหน้าที่ ค้ำจุนอิทธิพลของสถาบันอนุรักษ์นิยมแล้วยังสะท้อนถึงอำนาจการเมืองที่ยัง รุ่งเรือง เมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์กำเนิดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2551 พวกเขามีหมอตำแยอยู่ 3 คนคือ: พันธมิตร นักอนุรักษ์นิยมที่มีราชสำนักเป็นแนวร่วม และทหาร
การประท้วงข้างถนน ของพันธมิตรได้ทำให้สองรัฐบาลที่เชื่อมโยงกับทักษิณสั่นคลอน พวกอนุรักษ์นิยมที่มีราชสำนักเป็นแนวร่วมสามารถทำให้มีการดำเนินคดีต่อ ทักษิณและพรรคเหล่านั้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และหนึ่งในคณะรัฐประหารปี 2549 ได้ปล่อยให้ผู้ประท้วงพันธมิตรเข้าเข้ามามีอำนาจครอบงำอย่างเบ็ดเสร็จ และบงการหรือรับรองรัฐบาลผสมของประชาธิปัตย์ซึ่งได้เห็นการเปลี่ยนขั้ว อย่างกระทันหันของนักการเมืองที่เคยสนับสนุนทักษิณ
ตอนนี้ทหารทำ หน้าที่เป็นเกราะป้องกันสำหรับสถาบันอนุรักษ์นิยมและรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ กองทัพได้เข้ามาแทรกแซงสองครั้งในช่วงหลายปีที่มีความวุ่นวายทางการเมือง ครั้งแรกคือการก่อรัฐประหาร ปี 2549 และครั้งที่สองเมื่อพล.อ.อนุพงษ์ได้สั่งให้ช่วยรัฐบาลโดยการปราบปรามการ ลุกฮือของคนเสื้อแดงที่สนับสนุนทักษิณหรือผู้ที่ต่อต้านรัฐบาลอื่นๆ
การ กลับมาสู่สภาวะปกติของประเทศไทยคือการมีกองทหารที่มีอิทธิพลและเล่นการเมือง มันหมายถึงด้วยว่ารัฐสภาเป็นสถานที่สำหรับเปลี่ยนขั้วทางการเมือง รัฐบาลผสมเป็นสิ่งปกติดังนั้นการมีการสนับสนุนจากพรรคไม่มีความหมายและค่อน ข้างจะแพง รัฐบาลนี้มีอายุน้อยกว่า 6 เดือนแต่พรรคเล็กๆได้ทำให้รัฐบาลสั่นคลอนแล้ว พรรคเล็กๆทำการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีและวิธีอื่นที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งและ เตรียมพร้อมกับการเลือกตั้งคราวหน้าที่จะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากและการ เจรจาต่อรองที่จะตามมา
ด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลายเกี่ยว กับการซื้อเสียงของทักษิณในการเลือกตั้งที่เขาได้รับชัยชนะ พวกอนุรักษ์นิยมและทหารอารักขาของพวกเขาต่างหากที่ทำให้ money politics ยิ่งใหญ่ มันไม่ได้ฟังดูถากถางเท่าไหร่หรอกเพราะ money politics ทำให้รัฐสภาอ่อนแอและไม่เป็นอิสระ ซึ่งก็หมายถึงว่าอำนาจที่แท้จริงยังอยู่ในมือของกลุ่มชนชั้นสูงที่เป็นพวก อนุรักษ์นิยม
ที่น่าสนใจคือ พันธมิตรกำลังเลือกแนวทางการมีพรรคการเมือง เนื่องจากพวกเขาดึงดูดประชาชนในเขตเลือกตั้งเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ พันธมิตรน่าจะดึงคะแนนจากพรรคนั้นในการเลือกตั้งคราวหน้า มันอาจจะเป็นผลลัพธ์ที่ประหลาด แต่สำหรับพวกอนุรักษ์นิยม การถ่วงดุลย์ความสามารถในการรวมพลผู้สนับสนุนของพันธมิตรถือเป็นชัยชนะที่ สำคัญ และการที่พวกเขาตั้งพรรคจะทำให้เป้าหมายนั้นสำเร็จ
เหมือน รัฐบาลอนุรักษ์นิยมและรัฐบาลทหารในอดีต รัฐบาลอภิสิทธิ์กำลังพึ่งพากลไกอำนาจกดขี่เพื่อทำให้ทุกอย่างอยู่ในที่ทาง ของมัน หน่วยงานที่จำเป็นเหล่านี้คือ ทหาร กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ISOC) กระทรวงมหาดไทย กระทรวง ICT แต่ละองค์กรได้รับงบประมาณที่ต้องใช้ในการปราบปรามสิ่งทีมองว่าเป็นการล้ม ล้างและเพิ่มความแข็งแกร่งของการโฆษณาชวนเชื่อให้คลั่งชาติและคลั่งเจ้า
รัฐบาล สามารถคุมสื่อหลักได้พอๆกับสื่อของรัฐได้อย่างง่ายดาย พวกเขากระทำอะไรอีกมากมายเพื่อที่จะข่มขู่สิ่งที่เรียกว่าสื่อใหม่ ในความพยายามที่จะทำให้มั่นใจว่าการเซ็นเซอร์ตัวเองนั้นเป็นบรรทัดฐาน
โดย เฉพาะกับกรณีที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการวางรากฐานความคิดส่วนรวมและการระบุความ "จงรักภักดี" คดีที่ดังๆที่ใช้กฎหมายหมิ่นฯที่เคร่งครัดและกฎหมายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ได้เล็งไปที่กิจกรรมทางอินเตอร์เน็ท คดีเหล่านี้เตือนประชาชนให้ระลึกว่าพวกเขากำลังถูกจับตามองอยู่และการฝ่าฝืน จะมีโทษอย่างหนัก
ป้ายโฆษณา โทรทัศน์ และสปอตโฆษณาทางวิทยุ และรวมถึงตัวนายกรัฐมนตรีเอง ชักชวนให้ให้ประชาชนรักและปกป้องสถาบันกษัตริย์ องค์กรความมั่นคงภายในกำลังใช้แคมเปญที่ดูเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้นที่จะส่ง เสริมการจงรักภักดีต่อสถาบันราชวงศ์
ที่มีเงื่อนงำคือโปรแกรมที่ ชักชวนและฝึกให้ประชาชนเป็นสายลับ ที่ขอให้พวกเขารายงานใครที่พวกเขาคิดว่าเป็นศัตรูของสถาบันกษัตริย์ นายกฯอภิสิทธิ์ลงนามเพื่อเป็นหนึ่งในสายลับอาสาสมัคร และนี่ก็นอกเหนือจากกลุ่มสายลับที่จ้างโดยรัฐเพื่อสืบส่องการกระทำที่ไม่จง รักภักดีตามสื่อต่างๆ
รัฐบาลปัจจุบันและวาระอนุรักษ์นิยมได้รับการ สนับสนุนจากชนชั้นกลาง ในอดีตมันดูเหมือนว่าชนชั้นกลางจะเป็นชนชั้นที่จะผลักดันการเป็นทำให้ประเทศ เป็นประชาธิปไตย แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้ว ความคิดดังกล่าวถูกลบไปเมื่อเดือนเมษายนที่มีการลุกฮือที่ทำให้ชนชั้นกลาง เชื่อว่าเสื้อแดงจะเผาบ้าน ร้านค้า โรงงานของเขาในการลุกฮือครั้งหน้า เพราะฉะนั้นพวกเขาจะให้การสนับสนุนต่อสถาบันและประชาธิปไตยแบบไม่เต็มใบและ ปกป้องโดยทหารที่ถือปืน
นักอนุรักษ์นิยมอย่างเช่นคนวงในของราช สำนัก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เตือนชนชั้นกลางว่าการพ้นจากความหายนะนั้นขึ้นอยู้กับสถาบันกษัตริย์และ สถาบันนี้กำลังตกอยู่ในสภาวะอันตราย พวกเขาเตือนด้วยว่าเสื้อแดงจะกลับขึ้นมาลุกฮืออีกถ้าไม่มีความจงรักภักดีและ ความละมัดระวัง
แต่การกลับไปสู่ความเป็นปกติในรูปแบบของกลุ่ม อนุรักษ์นิยมมันไม่ใช่ง่าย สถาบันนี้และการสนับสนุนของพวกเขาจะไม่ได้สิ่งที่พวกเขาต้องการทั้งหมด การลุกฮือเมื่อเดือนเมษายนแสดงให้เห็นว่าคนยากจนที่ถูกตัดสิทธิ์กำลังโกรธ แค้นกับวาระที่กลับมาใหม่ของพวกอนุรักษ์นิยม พวกเขาต้องการให้เสียงของเขาถูกสนองตอบ มันไม่ง่ายเลยที่จะปิดปากพวกเขา
Kevin Hewison เป็นผู้อำนวยการของ Carolina Asia Center และเป็น Professor ของ Department of Asian Studies ที่ University of North Carolina Chapel Hill
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น