ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมบทความการเมือง

    ลำดับตอนที่ #56 : ว่าด้วยเรื่องของหวยบนดิน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 805
      0
      5 ม.ค. 53

    จากกรณี
    (10 มี.ค.) นายสิทธิโชค ศรีเจริญ ทนายความคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีหวยบนดิน 3 ตัว และ 2 ตัว ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ผู้บริหาร และข้าราชการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กับพวกรวม 47 คน เป็นจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อประโยชน์ตนเอง หรือผู้อื่น ยักยอกทรัพย์ ปฏิบัติ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ว่า คดีนี้ศาลฎีกาฯ นัดไต่สวนพยานโจทก์ครั้งแรกในวันที่ 31 มี.ค.นี้ เวลา 09.30 น.โดยได้เตรียมพยานเข้าเบิกความจำนวน 4 ปาก ซึ่งพยานปากแรกที่จะนำเข้าเบิกความ คือ นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เข้าเบิกความให้ศาลฎีกาฯเห็นถึงภาพรวมและที่มาที่ไปของคดีนี้

    นาย สิทธิโชค ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะนำเงินที่ได้มาจากการจำหน่ายหวยบนดิน ซึ่งถูกอายัดออกมาใช้ ว่า คดีนี้ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องพวกจำเลยทั้ง 47 คน ให้รวมกันชดใช้เงินจำนวน 14,862,254,865.94 บาท คืนให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพฯ ผู้เสียหาย ไม่ได้ฟ้องอายัดทรัพย์ที่ได้มาจากการจำหน่ายหวยบนดิน จึงไม่แน่ใจว่า เงินจากการขายหวยบนดินจะมีอยู่หรือไม่ เท่าที่ทราบมีการออกหวยบนดินทั้งหมด 80 งวด ได้เงินมากว่า 1.4 แสนล้านบาท แต่ปรากฏว่า ไม่ได้มีการนำเงินจำนวนดังกล่าวเข้าบัญชีสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นรายได้ของรัฐ เพื่อส่งเข้ากระทรวงการคลัง แต่กลับส่งเข้าบัญชีอื่น โดยมีคณะกรรมการพัฒนายุทธศาสตร์ ที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่เบิกจ่ายเงินให้กับโครงการต่างๆ ของรัฐบาล ที่อ้างว่าเป็นการคืนเงินสู่สังคม


    แล้วมันแปลกตรงไหน ก็เข้าไปเข้าบัญชีอื่นที่
    -------------------------
    กรมบัญชีกลาง และ สตง ที่คุณหญิงจารุวรรณ
    (รัีบตำแหน่งเป็นทั้ง คตง(9)+สตง(1) = คุณหญิงจารุวรรณ
    -------------------------
    คอยตรวจสอบ และ ดูแลการเบิกจ่ายอยู่แล้ว
    เงินที่ว่านี่อยู่ในกลุ่มเงินนอกงบประมาณ เข้าไปGoogleค้นหาได้เลย

    เค้าก็บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า เงินเข้ารัฐ
    หากย้อนกลับไปดูมติ ครม.เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 46 วัตถุประสงค์ของการออกหวยบนดิน
    เพื่อต้องการปราบปรามเจ้ามือหวยใต้ดินให้หมดไปจากสังคมไทยและนำรายได้
    ส่วน เกินของกองทุนเงินรางวัลหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว มาบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนคนยากจน โดยมีคณะกรรมการพัฒนายุทธศาสตร์ สำหรับแก้ไขปัญหาเด็กยากจนและเด็กด้อยโอกาส โดยให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อดูแลการใช้จ่ายเงินของเงินกำไรของหวยบนดิน หรือกองทุนเงินรางวัลหวยบนดิน โดยขณะนั้นมีนายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นรองนายกฯ และได้รับหน้าที่เป็นประธานเรื่อยมาจนถูกรัฐประหาร

    การ ให้นำเงินเข้ารัฐ แทนการเข้ากองสลากเพื่อให้การเบิกจ่ายเงินให้ได้รวดเร็ว เพื่อนำไปใช้แก้ไขปัญหาเด็กยากจนและเด็กด้อยโอกาสและพัฒนาศักยภาพคนจน
    นอกเหนือจากการศึกษานี้ สามารถส่งเรื่องให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์พิจารณาได้ เพื่อจัดสรรงบให้

    จากคุณ : แคบหมูไร้มัน - [ 10 มี.ค. 52 20:31:36 A:117.47.137.67 X: ]


    สรุปยอดเงินบริจาคจากโครงการสลากแบบเลขท้าย3 ตัว และ 2 ตัว(รายได้สุทธิ 72 งวด เป็นเงินทั้งสิ้น 28,267,666,369.36 บาท)

    1.ทุนการศึกษาเด็กโครงการเขียนเรียงความ งวดที่ 1 125,000,000.00 บาท
    2.สัปดาห์วิทยาศาสตร์ 35,500,000.00 บาท
    3.ทุนการศึกษาเด็กโครงการเขียนเรียงความ งวดที่ 2 400,590,000.00 บาท
    4. โครงการอ่าน เขียน เรียน เที่ยว 10,000,000.00 บาท
    5.โครงการทุนการศึกษาต่อของนักเรียนระดับอุดมศึกษา
    (ปริญญาตรี) 50,113,732.00 บาท
    6.โครงการเสริมความรู้และสร้างรายได้นักเรียนในระหว่างปิดภาคฤดูร้อน 10,000,000.00 บาท
    7.โครงการแก้ไขปัญหาเด็กยากจนที่ได้รับผลกระทบจากโรคเอดส์ 600,000.00 บาท
    8.โครงการแก้ไขปัญหาเด็กยากจนที่ได้รับผลกระทบจากโรคเอดส์ 289,626,730.00 บาท
    9.โครงการแก้ไขปัญหาเด็กยากจนที่ได้รับผลกระทบจากโรคเอดส์ 195,072,737.00 บาท
    10.โครงการทุนการศึกษาแก่ลูกผู้มีรายได้น้อย ระยะที่ 1 773,000.00 บาท
    11. ทุนการศึกษาเด็กโครงการเขียนเรียงความ งวดที่ 3 402,519,000.00 บาท
    12. โครงการ“หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน” 446,469,420.00บาท
    13.ทุนการศึกษาแก่ลูกผู้มีรายได้น้อย 2,000,000.00 บาท
    14.ทุนการศึกษาแก่ลูกผู้มีรายได้น้อย 470,227,000.00 บาท
    15.ทุนการศึกษาแก่นักเรียนไทยที่ศึกษา ณ ประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย 11,340,000.00 บาท
    16.โครงการเขียนเรียงความสำหรับเด็กและเยาวชนด้อยโอกาส 402,519,000.00 บาท
    17.โครงการประชาสัมพันธ์งานและพัฒนายุทธศาสตร์สำหรับแก้ไขปัญหาเด็กยากจนและเด็กด้อยโอกาส 31,000,000.00 บาท
    18.ทุนการศึกษาบุตรธิดาอาสาสมัครสาธารณสุข 2,000,000.00 บาท
    19.ทุนการศึกษาแก่บุตร-ธิดาผู้ทำประโยชน์แก่สังคมและราชการ 526,221,000.00 บาท
    20.พิธีมอบทุนสนับสนุนการศึกษาในส่วนของต่างจังหวัด 600,000.00 บาท
    21. โครงการทุนการศึกษาแก่ลูกผู้มีรายได้น้อย ระยะที่ 1 (1 อำเภอ 1 ทุน) 186,297,575.00 บาท
    22.ทุนการศึกษาแก่ลูกผู้มีรายได้น้อย 1,691,773,173.00
    บาท
    23.ทุนการศึกษาแก่ลูกผู้มีรายได้น้อย 8,950,000.00 บาท
    24.ทุนการศึกษาต่อของนักเรียนจากทุกอำเภอและกิ่งอำเภอในระดับอุดมศึกษา 4,521,067.00 บาท
    25. ทุนการศึกษาของนักเรียนระดับอุดมศึกษา 276,360,892.00 บาท
    26.ทุนการศึกษาของนักเรียนจากทุกอำเภอและกิ่งอำเภอ 3,463,308.00 บาท
    27.โครงการบัณฑิตเพื่อความมั่นคง 1,374,000.00 บาท
    28.โครงการแก้ไขปัญหาเด็กที่ได้รับผลกระทบเด็กด้อยโอกาส 49,700,000.00 บาท
    29.ทุนการศึกษาแก่ลูกผู้มีรายได้น้อยแก้ไขปัญหาเด็กเร่ร่อน
    120,348,960.00 บาท
    30. ทุนการศึกษาโครงการเขียนเรียงความสำหรับเด็กและเยาวชน 798,499,960.00 บาท
    31. ทุนการศึกษาแก่ลูกผู้มีรายได้น้อย งวดที่ 3 852,584,110.00 บาท
    32.โครงการแก้ไขปัญหาเด็กยากจนและเด็กด้อยโอกาส 9,496,000.00 บาท
    33. ทุนการศึกษาแก่บุตร-ธิดาผู้ทำประโยชน์ต่อสังคมและราชการ 317,355,680.00 บาท
    34. โครงการ “หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน” 91,227,307.00 บาท
    35. โครงการ “หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน” 9,778,067.00 บาท
    36. โครงการ “หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน” 3,463,308.00 บาท
    37. โครงการแก้ไขปัญหาเด็กพิการ เด็กเร่ร่อน และเด็กที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโรคเอดส์ 19,102,290.00 บาท
    38.ค่าใช้จ่ายจัดงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ ประจำปี 2548 35,000,000.00 บาท
    39. ค่าใช้จ่ายโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ประจำเดือนกันยายน 2548 385,091,348.00 บาท
    40.ทุนการศึกษาแก่นักเรียนไทยที่ศึกษา ณ ประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย 3,024,000.00 บาท
    41. โครงการ“โรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับบุคคลออทิสติก” 2,424,114.00 บาท
    42.ค่าใช้จ่ายในกระบวนการคัดเลือกผู้รับทุนโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 2 44,065,000.00 บาท
    43.ทุนการศึกษาแก่ลูกผู้มีรายได้น้อย งวดที่ 1 สำหรับทุนการศึกษาปี 2548 1,590,320,300.00 บาท
    44.ทุนการศึกษาแก่บุตร-ธิดาผู้ทำประโยชน์ต่อสังคมและราชการ งวดที่ 1 สำหรับ ทุนการศึกษาปี 2548 606,667,840.00 บาท
    45.ทุนการศึกษาต่อของนักเรียนจากทุกอำเภอและกิ่งอำเภอในระดับอุดมศึกษา 4,513,391.00 บาท
    46.ทุนการศึกษาต่อของนักเรียนจากทุกอำเภอและกิ่งอำเภอในระดับอุดมศึกษา 273,437,422.29 บาท
    47.โครงการแก้ไขปัญหาเด็กยากจนและเด็กด้อยโอกาสโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 2 ปี 2549 88,013,264.50 บาท
    48.ทุนการศึกษาแก่บุตร-ธิดาผู้ทำประโยชน์ต่อสังคมและราชการ งวดที่ 2 สำหรับ ทุนการศึกษาปี 2548 2,170,034,540.00

    รวม13,059,058,535.79 บาทครับ รายได้รวมคือ 28,267,666,369.36 จาก 72 งวด ยังมีส่วนขาดอีก 15,208,607,833.57 บาท

    ยังเป็นงบจัดสรรครับ อันนี้อยู่ในงบส่วนกลาง ถ้าติดตามข่าวกลางปี49จะทราบว่างบส่วนกลางของรัฐบาลก่อนนั้นค่อนข้างมาก
    แต่โดยความเห็นส่วนตัวแล้ว(ย้ำว่าความเห็นส่วนตัว)
    เพื่อ สะดวกแก่การเบิกหน่ะครับ ถ้าคุณมีอายุมากคงจะทราบดีว่าราขการนั้นเบิกงบกันนานมากเช่นกรณี ทสึนามิ แต่ทุกครั้งก็มีรายละเอียดนะครับ

    จากคุณ : Zenmaster_T - [ 11 พ.ค. 50 13:26:36 A:203.144.193.61 X: ]

    ข้อมูลเหล่านี้ไม่มีใครสงสัยหรอกครับ เพราะมันตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ง่ายจากข้อมูลของสำนักสลากครับ

    แต่ข้อมูลที่น่าสงสัยในรัฐบาลขิงเน่า คือ
    เงินที่เม้มไปจากเงินหวยบนดินประมาณหมื่นล้าน
    เม็ดเงินที่หายไปจากโครงการที่อ้างว่าประชานิยม เกือบสองแสนล้าน
    เงินสองจำนวนนี้มันหายไปไหนหมด จึงไม่ออกมากู้วิกฤติเศรษฐกิจในยามคับขันเช่นนี้
    อ้อ แล้วขอเพิ่มเติมอีกเรื่อง คือ เรื่อง งบประมาณลงใต้ ที่นายกสุรยุทธว่า เรื่องแก้ไขปัญหาต่างๆที่ล่าช้าเพราะงบประมาณไม่มี แต่จากการแถลงของ ศอบต.เรื่องจากจัดสรรงบ ลง 3 จังหวัดชายแดนใต้
    ปี 47 - 10491 ล้าน
    ปี 48 - 8942 ล้าน
    ปี 49 - 9163 ล้าน
    ปี 50 - แค่ไตรมาศแรก (เดือน มค-มีค) ก็ถลุงไป 5731 ล้านแล้ว ค้านกับคำแถลงของนายกสุรยุทธ เงินก็เบิกจ่ายออกไปถล่มทลาย แต่ผลงานต่างๆไม่ปรากฎ แถมยังจะลดเงินของผู้ปฎิบัติการอีกต่างหาก โจรใต้มีจำนวนไม่เกิน 2000 คน แต่ระดมเจ้าหน้าที่ลงไป 44191 นาย การขี่ช้างไล่จับตั๊กแตนอย่างนี้ มันเป็นความบกพร่องของผู้วางนโยบายอย่างแน่นอน

    จากคุณ : บุรุษหน้าเหล็ก - [ 11 พ.ค. 50 14:36:24 A:124.157.157.145 X: ]

    เงินกำไรจากหวยบนดินนั้น
    1.ถ้า ถือว่าการออกหวยบนดินเป็นการออกตามพระราชบัญญัติสลากกินแบ่งรัฐบาล ก็ถือว่าคุณทักษิณทำผิดพรบ.ดังกล่าว เงินกำไรนั้นจะถือเป็นเงินรายได้ของกองสลาก ต้องส่งเข้าคลังและถือเป็นเงินงบประมาณ คุณทักษิณไม่มีสิทธินำไปใช้ในโครงการใดๆทั้งสิ้น การใช้ต้องทำเป็นพรบ.งบประมาณประจำปี โดยสภาต้องรับรอง ข้อนี้คือ ข้อที่บางคนพยายามดึงให้เป็น เพื่อใช้ทำลายคุณทักษิณ
    2.ถ้าถือว่าการออก หวยบนดินเป็นการออกตามพรบ.การพนันพ.ศ.2478 มาตรา 4 วรรค 2 และคุณทักษิณโดยอาศัยอำนาจตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มอบหมายให้กองสลากดำเนินการแทน ซึ่งสามารถทำได้ ก็จะไม่เป็นการผิดตามพระราชบัญญัติสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่อย่างใด และเงินกำไรนั้นจะถือเป็นเงินรายได้ของรัฐบาล เป็นเงินนอกงบประมาณ ไม่ต้องส่งเข้าคลัง แต่โดยทางปฏิบัติกองสลากจะฝากเงินนั้นไว้ในบัญชีของกระทรวงการคลัง รัฐบาลสามารถนำไปใช้ได้โดยไม่ต้องทำเป็นพรบ.งบประมาณ นี่คือเหตุผลว่าทำไมคุณทักษิณจึงสามารถนำไปใช้ในโครงการต่างๆตามที่จขกท. กล่าวมาได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย เพียงทำบัญชีให้ถูกต้องและระวังไม่ให้มีการทุจริตเท่านั้น และแม้มีการทุจริตในการใช้เงินก็เป็นเรื่องของผู้ปฏิบัติการ ไม่เกี่ยวกับคุณทักษิณครับ ตรงนี้เป็นข้อต่อสู้ที่คุณทักษิณสามารถนำมาต่อสู้ในศาลได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่กล้าฟ้องคุณทักษิณครับ

    จากคุณ : ปาป๊าเติ้ง (เติ้ง1234) - [ 11 พ.ค. 50 15:31:06 A:124.120.97.187 X: ]

    ที่มา กระทู้เก่าพันทิป

    ทางสองแพร่ง "หวยบนดิน" อุดมคติกับความจริงที่สังคมไทยต้องยอมรับ [27 พ.ย. 49 - 18:43]

    หวย บนดิน หรือที่เรียกเป็นภาษาทางการว่า โครงการสลากพิเศษแบบเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว อาจต้องเลื่อนกำหนดการจัดจำหน่าย และออกรางวัลในงวดถัดไป โดยเฉพาะในงวดสิ้นปีวันที่ 30 ธ.ค. 2549

    หลังจากที่มีสมาชิกสภา นิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวนหนึ่งออกมาคัดค้านรัฐบาล ในการเร่งรีบแก้ไขกฎหมายสลากกินแบ่งรัฐบาลใน 3 วาระรวด เพื่อให้สามารถทำการจัดจำหน่ายหวยบนดินต่อไป ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ภายในระยะเวลาที่กำหนด เนื่องจากได้มีการหยิบยกประเด็นที่ว่า การจำหน่ายหวยบนดินซึ่งเริ่มต้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว ไม่เป็นไปตามกฎหมาย

    แต่ ก่อนจะไปดูว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้คนในสังคมไทย ต้องกลับมาถกเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายกับเรื่องนี้อีกครั้ง ทั้งๆที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ทำการจัดจำหน่ายและออกรางวัลหวยบนดิน มาเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว

    ทีม เศรษฐกิจ อยากจะขอให้ย้อนกลับไปดูงานวิจัยในโครงการเศรษฐกิจการพนันเรื่องหวยใต้ดิน : โครงสร้างและการเปลี่ยนแปลง อันเป็นผลต่อเนื่องจากเรื่องเศรษฐกิจนอกกฎหมายที่ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ร่วม กับคณาจารย์จากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการศึกษาเพื่อชี้ให้รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นถึงปัญหารากเหง้าที่ บ่อนทำลายชาติ ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา จนกระทั่งถึงปี 2544

    ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ผู้อ่านทราบถึงที่มาก่อนที่บทวิจัยเหล่านี้ จะพลิกผันนำไปสู่ข้อเรียกร้องให้รัฐบาลหาหนทางแก้ไข และปราบปรามให้ธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นบ่อน ซ่อง หวยใต้ดิน และยาเสพติด ซึ่งประมาณกันว่า มีเงินสะพัดอยู่นอกระบบสูงถึงปีละ 30-40% ของรายได้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ต้องหมดไป

    ในบทวิจัย นี้ และผลการศึกษาที่เกี่ยวข้องกันระบุว่า หวยใต้ดิน หรือหวยเถื่อน ซึ่งหมายถึงการพนันที่ยึดเอาผลการออกสลากกินแบ่งรัฐมาเป็นหลักนั้น เป็นการพนันที่มีประชาชนเข้าไปเกี่ยวข้องมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง เมื่อเทียบกับการพนันอื่นๆไม่ว่าจะเป็นพนันบอล หรือเข้าบ่อน

    โดย ผลการสำรวจในปี 2544 พบว่า มีผู้เล่นหวยใต้ดินในจำนวนที่สูงถึง 71.82% หรือคิดเป็นประชากรทั้งสิ้น 23.70 ล้านคน ขณะที่มีผู้ซื้อ (เล่น) สลากกินแบ่งรัฐบาล 62.49% หรือคิดเป็นจำนวนประชากรเฉลี่ย 20.62 ล้านคน และการเล่นการพนันตามบ่อนต่างๆอีก 17.15% หรือคิดเป็น 5.72 ล้านคน

    ผล การศึกษาระหว่างปี 2536-2539 ยังระบุด้วยว่า มีเม็ดเงินสะพัดอยู่ในธุรกิจหวยใต้ดินเป็นจำนวนถึง 320,000 ล้านบาท และถัดมาอีก 5 ปี หรือในปี 2544 มีเม็ดเงินเพิ่มขึ้นเป็น 542,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ 25-30% หรือประมาณ 135,000-162,000 ล้านบาท เป็นรายได้ของเจ้ามือหวยใต้ดิน และคนเดินโพย

    ในขณะที่ยอดขายสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งปีมีเพียง 36,480 ล้านบาท ต่ำกว่าเม็ดเงินในวงจรหวยใต้ดินถึง 9 เท่า

    ราย ได้จำนวนมหาศาลนี้เอง ทำให้รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี ต้องการจะดึงเงินนอกระบบเข้าสู่ระบบให้ถูกต้อง จึงได้มอบให้สำนักงานสลากกินแบ่งฯ ร่วมกับนักวิชาการกลุ่มเดียวกันจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการศึกษารูปแบบของธุรกิจการพนัน : ทางเลือกเชิงนโยบายขึ้น ซึ่งนอกจากจะศึกษาธุรกิจการพนันในประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีการนำเอาธุรกิจการพนันประเภทต่างๆเข้ามาอยู่ในระบบเสียภาษีตามกฎหมาย แล้ว ยังศึกษาไปถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจหวยใต้ดิน ซึ่งพบว่า นอกจากรางวัลจูงใจสูงๆที่เอามาเป็นตัวล่อแล้ว

    สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้หวยใต้ดินเติบโต ได้อย่างต่อเนื่องก็คือ ความยุ่งยากทางเศรษฐกิจ และวิกฤตการณ์ทางการเงินที่ต้องเผชิญ

    ใน ฐานะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมวิจัยขณะนั้น นายสังศิตเปิดเผยว่า หลังจากที่ต้องเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 งบประมาณที่ใช้ในการลงทุนถูกตัดทอน เพราะเศรษฐกิจย่ำแย่ลง นักการเมืองท้องถิ่นซึ่งส่วนใหญ่เติบโตมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง จึงต้องผันตัวเองไปเป็นเจ้ามือหวยใต้ดินและจับยี่กี

    “การ เพิ่มผลิตภัณฑ์ของสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยการออกสลากเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว จำหน่ายแก่คนไทย ซึ่งมีความคุ้นเคยอยู่แล้ว จึงน่าจะเป็นทางออกหนึ่ง ถึงแม้จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังดีกว่าจะไม่ดำเนินการใดๆ และปล่อยให้เกิดระบบหวยใต้ดินขยายตัวขึ้นจนไม่สามารถแก้ไขได้”

    ผล การศึกษาโดยรวมทำให้ ครม.ในชุดที่ผ่านมา มีมติเมื่อวันที่ 8 ก.ค.2546 อนุญาตให้สำนักงานสลากกินแบ่งฯ จำหน่ายสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว เป็นงวดแรก เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2546 แข่งขันกับหวยใต้ดิน รวมทั้งหมด 4 ประเภทด้วยกันคือ

    1. ผู้ที่ถูกรางวัลสลากเลขท้าย 3 ตัว รางวัลที่ 1 แบบตรงเลขตรงหลัก (3 ตัวตรง) จะได้รับเงินรางวัลบาทละ 500 บาท 2. ผู้ที่ถูกสลากเลขท้าย 3 ตัว รางวัลที่ 1 แบบตรงเลขไม่ตรงหลัก (3 ตัวโต๊ด) รางวัลบาทละ 100 บาท 3. ผู้ที่ถูกรางวัลสลากเลขท้าย 2 ตัว รางวัลที่ 1 แบบตรงเลขตรงหลัก (2 ตัวบน) รางวัลบาทละ 65 บาท และ 4. ผู้ที่ถูกรางวัลสลากเลขท้าย (2 ตัวล่าง) รางวัลบาทละ 65 บาท โดยการันตีว่าไม่หนี ไม่เบี้ยว โดยหวยบนดินมีจำหน่าย 3 ราคา คือ 20, 50 และ 100 บาท

    แต่กระนั้น ยอดจำหน่ายหวยบนดินก็ยังมีไม่มาก เพราะเงินรางวัลที่จ่ายน้อยกว่า ซ้ำรางวัลยังมีจำนวนน้อยกว่า ขณะที่หวยใต้ดินให้เครดิตแทงงวดนี้จ่ายงวดหน้า แถมยังแทงงวดหน้าได้อีก โดยที่ผู้ซื้อยังได้รับส่วนลดอีก 20-30% คอหวยจึงมองว่า หวยใต้ดินใช้เงินซื้อน้อยกว่า และยังได้รับเงินรางวัลใกล้เคียงกัน

    นี่ ทำให้หวยบนดินของรัฐบาลมียอดซื้อเข้ามาเพียงงวดละ 500-600 ล้านบาท หรือเดือนละประมาณ 1,000-1,200 ล้านบาท ซึ่งน้อยมาก และสุ่มเสี่ยงต่อความสามารถ ในการจ่ายเงินรางวัล เพราะหวยบนดินเป็นของรัฐ รับแทงไม่อั้น ถ้าซื้อเลขเดียวกันเป็นจำนวนมาก สำนักงานสลากกินแบ่งฯอาจล้มละลายได้

    ตรงนี้ต่างกับหวยใต้ดิน ซึ่งถ้าซื้อเลขเดียวกันมากๆ ก็จะไม่รับแทง หรือถ้ารับแทง เมื่อถูกรางวัล ก็จะได้เงินไม่เต็มจำนวน หรือเจ้ามือเบี้ยวไม่จ่าย เป็นต้น

    นายสมใจ นึก เองตระกูล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการสำนักงานสลากฯ และ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งฯ จึงมีแนวคิดที่จะเพิ่มรางวัลแจ็กพอตของหวยบนดินขึ้น เพื่อหยุดการเติบใหญ่ของหวยใต้ดินให้ได้

    รางวัลแจ็กพอตถูกนำเข้ามา ดำเนินครั้งแรกในงวดวันที่ 16 เม.ย.2547 จากนั้นเป็นต้นมา ยอดการจำหน่ายสลากก็พุ่งทะลุเป็นงวดละ 1,500 ล้านบาท จนถึงงวดล่าสุด เมื่อวันที่ 16 พ.ย.2549 ยอดการจำหน่ายพุ่งขึ้นไปถึง 2,800 ล้านบาท เพราะรางวัลแจ็กพอตมีเงินก้อนโตที่ดึงดูดใจคอหวย

    เมื่อได้มีการ ตรวจสอบยอดการจำหน่ายหวยบนดิน ตั้งแต่งวดแรกจนถึงงวดวันที่ 16 พ.ย.2549 ก็พบว่า สำนักงานสลากกินแบ่งฯมีรายได้จากการนี้รวมทั้งสิ้น 131,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิประมาณ 30,000 ล้านบาท

    เงินจำนวนนี้ ถูกระบุว่าบริจาคเพื่อการกุศลไป 13,000 ล้านบาท (ดูตารางประกอบ) ส่วนที่เหลืออีก 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกองทุนเพื่อกันเงินไว้จ่ายรางวัล 5,000 ล้านบาท และอีก 10,000 ล้านบาท เป็นเงินสะสมที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน มีแนวคิดจะนำไปเป็นรายได้ส่งคืนคลังเพื่อปิดหีบงบประมาณให้ลงตัว

    แม้ รายได้ที่เกิดขึ้น จะยังไม่มากเท่ากับรายได้ของหวยใต้ดินที่วิจัยพบ ขณะที่หวยใต้ดินยังอาจมีอยู่และไม่หมดไปง่ายๆ จากสังคมไทย แต่ทุกฝ่ายก็ยอมรับไม่ใช่หรือว่า เม็ดเงินที่ได้มานี้ สามารถนำไปใช้เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ โดยเฉพาะแก่เด็กยากจนและด้อยโอกาสได้ไม่น้อย

    ที่สำคัญ นี่อาจเป็นก้าวแรกที่เราสามารถลบจำนวนธุรกิจสีดำ ออกจากระบบเศรษฐกิจประเทศได้

    ส่วน ระบบการจัดการกับรายได้ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ จะถูกต้องโปร่งใสและมีประสิทธิภาพหรือไม่เพียงใด ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้าไปตรวจสอบและจัดการตามที่ได้ประกาศไว้

    ขณะ ที่การแก้ไขพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 เพื่อให้สำนักงานสามารถกลับไปจัดจำหน่ายและออกรางวัลหวยบนดินได้อย่างถูก ต้อง โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยพระราชบัญญัติการพนันของกระทรวงมหาดไทยอีกต่อไป เป็นหนทางหนึ่งที่จะทำให้อุปสรรคต่างๆของการจัดการปัญหานี้หมดไปอย่างถาวร แม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลา

    อย่างไรก็ตาม ยังมีความพยายามจากบุคคลบางกลุ่ม โดยเฉพาะองค์กรพัฒนาเอกชน เอ็นจีโอ และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวนหนึ่ง ที่มองเห็นว่า ความพยายามจะแก้กฎหมายดังกล่าว โดยเสนอให้มีการพิจารณาใน 3 วาระรวด เป็นเรื่องที่สวนทางกับนโยบายคุณธรรมของรัฐบาล ทั้งยังเท่ากับเป็นการส่งเสริมอบายมุขแทนที่จะเร่งแก้ไขกฎหมายที่เป็น ประโยชน์แก่สังคม

    หลายคนในจำนวนนี้อ้างว่า หวยบนดินมอมเมาประชาชน โดยเฉพาะคนยากจน รัฐบาลจึงต้องพยายามไม่ให้ คนจนหมกมุ่นอยู่กับความโลภ และความหวังที่ฝากไว้กับการเล่นหวย หรือการพนันมากจนเกิดทุกข์ ที่สำคัญ คนจนควรจะเปลี่ยนทัศนคติให้รู้จักพึ่งพาตนเองมากขึ้น

    คำกล่าวนี้ ดูจะผิดข้อเท็จจริงมากเมื่อการสำรวจพบว่า คนที่เข้าไปซื้อหวยบนดิน 2 ตัว และ 3 ตัว ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนชั้นกลางที่นิยมการเสี่ยงโชค ไม่ใช่บ้าหวยอย่างที่พูดกัน นอกจากนี้แล้ว ในสังคมประเทศที่เจริญแล้ว ต่างก็มีสลากล็อตโต้ให้ประชาชนของตนเสี่ยงโชค โดยมีรางวัลก้อนโตเป็นตัวล่อด้วยกันแทบทั้งสิ้น

    แม้แต่ในการสำรวจ ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพล่าสุด ที่พบว่า 70.4% ของผู้ที่ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการยกเลิกหวยบนดินยังระบุเหตุผลด้วยว่า การมีหวยบนดินทำให้ผู้คนทั่วไปมีช่องทางเสี่ยงโชคได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ทั้งยังมีรายได้เข้ารัฐจำนวนมาก ซึ่งดีกว่าเอาไปให้เจ้ามือหวยใต้ดิน การเล่นหวยจึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย และแม้ไม่มีหวยบนดิน คนไทยก็ต้องหาวิธีอื่นมาเสี่ยงโชคได้อยู่ดี

    สังคมในอุดมคติ เป็นสิ่งที่ทุกคนใฝ่ฝันหา แน่นอนว่า คนไทยทุกคนคงอยากเห็นรอยยิ้มของเด็กไทย ที่ควรจะได้รับสิทธิทางการศึกษาเบื้องต้นอย่างเท่าเทียมกัน

    อยาก เห็นถนนสีขาว และคนขับรถที่มีจิตสำนึก เห็นตำรวจดีๆที่ทำหน้าที่ปกป้องและคุ้มครองประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ ไม่ให้อาชญากรรมเบ่งบานอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ อยากเห็นนักการเมืองมีคุณธรรม ทหารที่ไม่เอาแต่จ้องจะปฏิวัติ และอยากเห็นสังคมที่ผู้คนพอมีพอกินเท่าๆกัน

    แต่อุดมคติกับความเป็น จริง มักไปกันคนละทาง ที่สำคัญ มันมักจะมีราคาแพง และประเทศไทยก็ยังอยู่ห่างไกลจากภาพในอุดมคติอย่างมาก ตราบเท่าที่ความจนยังคงรุมเร้าประชากรอีกหลายล้านคนทั่วประเทศ

    ดูได้ จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ล่าสุดปี 2547 ยังมีคนไทยที่ติดอยู่ในข่ายยากจนมีรายได้ต่ำกว่า 1,242 บาทต่อคนต่อเดือน ทั้งสิ้น 7.1 ล้านคน จากจำนวนประชากร 62.5 ล้านคน ในเครือข่ายคนจนดังกล่าว ยังมีกลุ่มที่จนขนาดหนัก และมีรายได้ต่ำกว่า 994 บาทต่อคนต่อเดือน ปะปนอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย ในขณะที่ยังไม่ได้นับรวมถึงกลุ่มคนที่เสี่ยงว่าจะจน และที่อยู่ในชนบทห่างไกล

    คนเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างต่อ เนื่อง แม้ว่าจำนวนคนจนและเส้นความยากจนของคนไทยจะพัฒนาในทางที่ดีขึ้นตามลำดับ แต่สังคมไทยก็ยังคงมีคนจนที่กำลังรอคอยโอกาส และความช่วยเหลือจากรัฐบาลในทุกๆ ด้านอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนในภาคเกษตรกรรม

    เม็ดเงินจำนวนหนึ่งที่จะนำมาช่วยเหลือ พวกเขาเหล่านี้ได้ ส่วนหนึ่งมาจากธุรกิจเสี่ยงโชคที่หลายคนตราหน้าว่า เป็นธุรกิจบาป ภาษีบาป หรือตราบาปของภาครัฐ

    ทั้งๆที่ภาครัฐก็ไม่ ได้มีหนทางในการหารายได้ทางอื่นใด นอกจากรายได้จากการเก็บภาษีจากบุคคลที่มีภาระต้องเสียภาษีเงินได้ทั่วประเทศ เพียง 8 ล้านคนเศษ ขณะที่ภาษีธุรกิจส่วนใหญ่ที่เก็บได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย มาจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 400 บริษัทเท่านั้น

    จึงไม่น่าแปลกใจที่รัฐบาลในทุกยุคทุกสมัย จะหันมาออกสลากเสี่ยงโชคออกหวยแทงเบอร์ เพื่อสร้างรายได้ต่างๆนำมาดูแลพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่รัฐขาดแคลนรายได้ และเศรษฐกิจตกสะเก็ด

    ยิ่ง เป็นที่ทราบชัดว่า ธุรกิจสีดำ ธุรกิจเถื่อน และหวยใต้ดินมีวงเงินหมุนเวียนอยู่นอกระบบสูงถึง 30-40% ของจีดีพีประเทศ หรือไม่น้อยกว่า 1.5-2 ล้านล้านบาท ต่างก็ยิ่งมองเห็นความจำเป็นที่รัฐจะนำเงินเหล่านั้นมาช่วยแก้ไขความจน และความขาดแคลนของประเทศให้ได้

    เพียงครึ่งหนึ่งของเม็ดเงินที่จะได้รับ ก็อาจช่วยผู้คนจำนวนมากได้รับโอกาสที่ดีกว่าวันนี้ได้แล้ว

    ก่อน ไปถึงสังคมในอุดมคติ บางทีคนไทยจำนวนมากอาจขอเพียงให้ทุกวันอิ่มท้อง ไม่ต้องเร่ร่อน มีที่ซุกหัวนอนไม่ต้องเร่งร้อน และมีที่เรียนให้ลูก ก็เพียงพอแล้ว.

    ******

    หวยบนดินช่วยเด็กยากจน

    โครงการเพื่อแก้ไขปัญหาเด็กยากจนและเด็กด้อยโอกาส วงเงินที่อนุมัติประมาณ 32,000 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วประมาณ 12,397 ล้านบาท อาทิ

    1. ทุนการศึกษาแก่เด็กยากจนและด้อยโอกาส วงเงินที่ได้รับอนุมัติ 17,000 ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้ว 10,300 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการเขียนเรียงความ อนุมัติ 2,500 ล้านบาท เบิกจ่าย 2,100 ล้านบาท ทุนสนับสนุนการศึกษาแก่บุตรธิดาผู้ทำประโยชน์แก่สังคมและราชการ วงเงิน 2,600 ล้านบาท เบิกจ่าย 2,000 ล้านบาท ทุนการศึกษาแก่ลูกผู้มีรายได้น้อย วงเงิน 12,200 ล้านบาท เบิกจ่าย 6,200 ล้านบาท

    2. ทุนการศึกษาต่อของนักเรียนจากทุกอำเภอในระดับอุดมศึกษา หรือโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน วงเงินที่ได้รับอนุมัติ 9,100 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 2,020 ล้านบาท แบ่งเป็นนักเรียน 1 อำเภอ 1 ทุน ปี 2547 วงเงิน 4,600 ล้านบาท เบิกจ่าย 1,900 ล้านบาท นักเรียน 1 อำเภอ 1 ทุน ปี 2549 วงเงิน 4,500 ล้านบาท เบิกจ่าย 120 ล้านบาท

    3. สนับสนุนให้นักศึกษาทำงานระหว่างเรียน วงเงินที่ได้อนุมัติ 600 ล้านบาท ยังไม่มีการเบิกจ่าย

    4. สนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักเรียนไทยในรัสเซีย วงเงินที่ได้รับอนุมัติ 44 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 30 ล้านบาท แบ่งเป็นรุ่นที่ 1 ในปี 2547 วงเงิน 16 ล้านบาท เบิกจ่าย 14 ล้านบาท รุ่นที่ 2 ในปี 2548-2549 วงเงิน 28 ล้านบาท เบิกจ่าย 16 ล้านบาท

    5. โครงการบัณฑิตเพื่อความมั่นคงปี 47-50 วงเงินที่ได้รับอนุมัติ 6.61 ล้านบาท เบิกจ่าย 4 ล้านบาท

    6. โครงการกระจายแพทย์หนึ่งอำเภอหนึ่งทุนปีการศึกษา 2548-2549 วงเงิน 19 ล้านบาท เบิกจ่าย 13 ล้านบาท

    โครงการ ที่ผ่านการอนุมัติของคณะกรรมการและนายกรัฐมนตรีแล้ว และอยู่ ระหว่างเตรียมรายละเอียดเพื่อขอวงเงินที่อนุมัติรวม 4,500 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 9 ล้านบาท ประกอบด้วย

    1. ทุนการศึกษาบรรเทาผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจฝืดเคือง ปี 49 จำนวน 50,000 ทุน วงเงิน 2,800 ล้านบาท เบิกจ่าย 9 ล้านบาท

    2. สนับสนุนการศึกษาพิเศษเพื่อเด็กพิการยากจนจำนวน 35,000 คน วงเงิน 1,100 ล้านบาท

    3. แผนยุทธศาสตร์สตรี การพัฒนาศักยภาพเด็กพิการ วงเงิน 600 ล้านบาท

    (ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ)

    สกู๊ปเศรษฐกิจของทีมข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ


    การเงิน - การลงทุน วันที่ 9 มีนาคม 2552 16:31
    คลังโยกเงินหวยบนดิน1.7หมื่นล.โปะฐานะรัฐ

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    คลัง เตรียมปลดล็อค โยกเงินรายได้จากโครงการหวยบนดินกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท ที่ห้ามใช้จ่ายในสมัยรัฐบาล "ขิงแก่"เลิกหวยบนดิน เสริมฐานะรัฐบาล

    นาย ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในภาวะที่รัฐบาลจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย ทางกระทรวงการคลังจะ เร่งเบิกจ่ายรายได้ที่มาจากโครงการหวยบนดิน จำนวน 17,000 ล้านบาท ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลดูแลอยู่ แต่ห้ามใช้จ่าย เนื่องจากรัฐบาลสมัย พล.อ สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้ยกเลิกการจำหน่ายหวยบนดิน เงินดังกล่าวจึงยังค้างอยู่ที่สำนักงานสลากฯ ซึ่งหากรัฐบาลนำเงินจำนวนดังกล่าวออกมาใช้ได้ ก็จะช่วยเสริมรายได้ของรัฐบาลอีกทางหนึ่ง โดย กระทรวงการคลังจะต้องเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรอนุมัติก่อน จึงจะปลดล็อคนำเงินดังกล่าวออกมาใช้ได้

    "การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ในปีนี้อาจจะต่ำกว่าเป้ามากกว่า 10% เพราะภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมาก และรายได้จากการจัดเก็บภาษีนำเข้าก็ลดลงไปมาก โดยยอมรับว่าสถานการณ์น่าเป็นห่วง"

    คลังเตรียมเดินหน้าหวยออนไลน์

    รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า ได้ข้อสรุปรูปแบบหวยออนไลน์แล้ว โดยเป็นรูปแบบเดิม ซึ่งขอเวลารวบรวมรายละเอียดอีกเล็กน้อย หลังจากนั้นจะเสนอให้ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณา

    อดีตคตส.รับลูกคลังใช้เงินหวย1.7หมื่นล.ไม่ผิดกฎหมาย

    วันนี้ (10 มี.ค.) นายอุดม เฟื่องฟุ้ง อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลังเตรียมเสนอรัฐสภาออก พ.ร.บ.การนำเงินรายได้จากการจำหน่ายสลากในโครงการออกสลากเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว หรือหวยบนดิน หลังจากรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีมติให้ยกเลิกการขายหวยบนดินเพื่อรอแก้ไขกฏหมาย และมีเงินกำไรสะสมค้างอยู่ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท มาใช้ประโยชน์ ว่า กระทรวง การคลังไม่จำเป็นต้องเสนอออกกฎหมายเพราะเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ชอบด้วย กฎหมาย ที่กระทรวงการคลังสามารถนำไปใช้จ่ายได้ เนื่องจากเป็นเงินงบประมาณแผ่นดิน อีกทั้งเงินก้อนนี้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะต้องนำไปคืนให้กระทรวงการ คลังตั้งแต่แรกแล้ว แต่เหตุใดยังไม่นำส่งคืน

    ส่วน ที่กระทรวงการคลังจะเสนอต่อรัฐสภาเพื่อออกเป็นกฎหมายนั้น นายอุดม กล่าวว่า เชื่อว่าคงเป็นการออกกฎหมายงบประมาณแผ่นดินเท่านั้นทั้งที่ความจริงกระทรวง การคลังไม่ จำเป็นต้องออกเป็นกฎหมายเลย

    ด้านนายสัก กอแสงเรือง อดีต คตส. กล่าวว่า เงินดังกล่าวเป็นเงินที่กองสลากซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจต้องนำไปคืนให้กระทรวง การคลังอยู่แล้ว หรือแม้แต่หน่วยงานอื่นๆ ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ หากกระทรวงการคลังเรียกเก็บเงิน หน่วยงานนั้นๆก็ต้องส่งเงินคืนให้ ดังนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องออกเป็นกฎหมายเพื่อใช้จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวแต่ อย่างใด

    ที่มา ไทยรัฐ

    สองมาตราฐาน??
    ตอนรบ.ทักษิณหาว่าผิดกม. แล้วอย่างงี้ผิดกม.หรือเปล่า??
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×