ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] EXO ,CHANBAEK - Calories Love Season 2 ♥

    ลำดับตอนที่ #1 : ♥ Calories Love Season 2 Chapter : Intro - ความรู้สึกแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.66K
      32
      2 เม.ย. 56

    CALORIES LOVE SEASON 2

    PAIRING : CHANBAEK / KRISHUN / KAISOO .

    CHAPTER : INTRO

     

     

     

    ไม่รู้ว่าหัวใจของผมพองโตวันละกี่รอบ

    มันทำให้เหนื่อย แต่ผมรู้สึกดี...คุณเคยเป็นไหม? (ยิ้มกว้าง)

    ...

     

     

    “แม่ครับ ไปก่อนนะครับ” เสียงนุ่มๆ ร้องบอกผู้เป็นแม่ตัวเองอย่างสดใส คนตัวเล็กยิ้มให้พร้อมกับหยิบกระเป๋าใบประจำตัวเอาไว้ในมือ อีกข้างก็มีกล่องพลาสติกสีเหลืองใส่ถุงกระดาษเอาไว้ นี่เป็นกล่องแซนวิชทูน่าที่เขาทำไว้สองชิ้นใหญ่ๆ

     

    ติ๊งๆ..~

    เสียงกดออดหน้าบ้านนั้นเป็นสัญญาณให้เขาต้องรีบ แพคฮยอนเดินไปสวมรองเท้าผ้าใบก่อนจะเปิดประตูออกไป รถยนต์คันสีดำอันคุ้นเคยของชานยอลจอดเทียบประตูรั้วบ้านเขาอยู่พร้อมๆ กับร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าบ้านและรอยยิ้มที่เขาชอบกำลังส่งมาที่เขาเช่นกัน

     

    “รอนานไหม” แพคฮยอนพูดในขณะที่ตัวเองก็ถือกระเป๋าแถมยังมีถุงกระดาษอีก ทำให้ดูเงอะงะเล็กน้อย แต่ชานยอลก็เลื่อนมือไปคว้ากระเป๋าและถุงกระดาษนั้นมาถือเอาไว้ให้

    “เพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี่เอง” บอกกับคนตัวเล็กแล้วเดินไปเปิดประตูรถ

    “รีบไปกันเถอะเดี๋ยวจะสายเอา” บอกกับคนตัวสูงแล้วยิ้มไปให้

    “ดูตื่นเต้นจังเลยนะ”

    “อื้อ...ตื่นเต้นสิ วันนี้เปิดเทอมวันแรกนี่นา คิดถึงคยองซูจัง” พูดงึมงำๆ อย่างน่ารัก ชานยอลเหลือบไปมองถุงกระดาษข้างตัว

    “วันนี้ทำอะไรมาเหรอ หิวจัง” ชานยอลถามในระหว่างที่ค่อยๆ ขับรถออกไปเพราะเขาก็รีบออกจากบ้านมาโดยที่ยังไม่กินอะไรรองท้องมาก่อนเลย ชานยอลรอมากินอาหารฝีมือของแพคฮยอนต่างหากล่ะ

    “แซนวิชทูน่าน่ะ”

    “อ่าฮ่ะ หิวจัง”

    “หิวเหรอ” แพคฮยอนทวนประโยคก่อนจะมองไปยังชานยอล ร่างสูงแอบอมยิ้มกับตัวเองแล้วก็มองไปยังถนนข้างหน้า แพคฮยอนเอานิ้วจิ้มที่ปากตัวเองอย่างใช้ความคิด

    “อื้อ ยังไม่กินอะไรเลยตั้งแต่ออกมา”

    “หิวมากไหม งั้นจอดรถกินก่อนก็ได้ ฉันไม่รีบแล้ว” แพคฮยอนบอกอย่างซื่อๆ แต่ชานยอลส่ายหน้า

    “ไม่เอา เดี๋ยวสาย”

    “งั้น...”

    “ป้อนหน่อยสิ” เป็นชานยอลที่เอ่ยบอกคนตัวเล็ก ขืนวางฟอร์มนานกว่านี้ก็อดกินน่ะสิ คนตัวเล็กยิ่งซื่อๆ อยู่ด้วย ชานยอลหันไปยิ้มให้ก่อนจะตั้งใจขับรถ แต่ก็ไม่วายจะทำหน้าจริงจังเพื่อให้สมจริง

    “อ๋า ท้องร้องซะแล้ว”

    “เอ่อ..ก็...ก็ได้...” แพคฮยอนพยักหน้าแล้วก็หยิบกล่องสีเหลืองที่มีแซนวิชทูน่าสองชิ้นใหญ่ๆ บรรจุอยู่

     

    แซนวิชที่แพคฮยอนทำนั้นใช้ขนมปังโฮลวีทปิ้งให้อุ่นๆ พร้อมกับทาเนยบางๆ มีผักกาดแก้ว ทูน่าและน้ำสลัดเป็นไส้ข้างในและประกบด้วยขนมปังโฮลวีทอีกแผ่น อาหารเช้าง่ายๆ สำหรับชานยอลที่คนตัวเล็กใช้เวลาทำไม่นานมากนัก

     

    ชานยอลเหลือบมองแพคฮยอนด้วยหางตาแล้วก็อมยิ้มล็กๆ ให้กับตัวเอง มือเรียวนั้นค่อยๆ หยิบแซนวิชชิ้นแรกขึ้นแล้วเลื่อนมาทางชานยอล อีกมือก็รองไว้เพราะกลัวเศษขนมจะร่วงเลอะเสื้อ

     

    “อ้า...ม” ชานยอลป้าปากกว้างแล้วค่อยๆ กัดมุมแหลมของชิ้นแซนวิช เขาเคี้ยวด้วยใบหน้ามีความสุข

    “อร่อยจัง หอมเนยด้วย” พูดทั้งๆ ที่ในปากของตัวเองก็เต็มไปด้วยแซนวิช แพคฮยอนยิ้มบางก่อนจะป้อนให้อีกคำ แต่น้ำสลัดดันไปเลอะที่มุมปากของชานยอลได้ซะนี่

    “เลอะซะแล้ว... แป๊บหนึ่งนะ” แพคฮยอนบอกแล้ววางแซนวิชลง เขาเตรียมทิชชู่มาเผื่อเอาไว้ด้วยเพราะกลัวชานยอลจะกินเลอะเทอะ มือเรียวเล็กหยิบทิชชู่ไปเช็ดที่มุมปากของชานยอลให้อย่างบรรจง คนตัวสูงยิ้มแต่ก็ยังเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างไม่สนใจว่าปากตัวเองจะเลอะมากแค่ไหน

    “อร่อยๆ” พูดอยู่อย่างนั้นเหมือนกับเด็กๆ แพคฮยอนวางทิชชู่ลงเหมือนเดิมก่อนจะหยิบแซนวิชป้อนให้ชานยอลตลอดทาง

     

    เช้านี้เป็นเช้าที่ดีจังเลยครับ..แพคฮยอนน่ารัก ป้อนแซนวิชผมด้วยจนหัวใจของผมพองโตอีกแล้ว ยิ้มทีก็แก้มแทบแตก ผมมีความสุขจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้วครับ

     

    แพคฮยอนน่ารักจริงๆ

     

     

    ชานยอลและแพคฮยอนขับรถเข้ามาในมหาลัยเรียบร้อย เขาต้องขับไปส่งแพคฮยอนที่คณะก่อนเพราะคนตัวเล็กมีเรียนก่อน

     

    “วันนี้กลับเย็นหรือเปล่า” ชานยอลถาม

    “ไม่น่าจะเย็นนะ เพิ่งเปิดวันแรกเองคงไม่มีอะไรมากหรอก แล้วนายล่ะ” แพคฮยอนถามแล้วปลดเบลท์ออก ชานยอลยักไหล่อย่างไม่รู้เหมือนกันว่ารุ่นพี่ปีสามอย่างเขาต้องทำอะไรหรือเปล่า

    “ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวฉันโทรหานะ”

    “อื้อ” แพคฮยอนพยักหน้าให้อย่างเข้าใจ ก่อนจะเปิดประตูรถลงมา ชานยอลโบกมือให้แพคฮยอนหน่อยๆ ก่อนจะยิ้มกว้างให้

    “เดี๋ยวมารับนะครับ” โบกมือให้ครั้งสุดท้าย แพคฮยอนยิ้มและปิดประตูรถให้

     

     

    ...

     

     

    “แพคฮยอนอ่า คิดถึงจัง!” คยองซูเห็นแพคฮยอนเข้ามาในคณะแล้วก็โบกมือให้อย่างแรง และฉีกยิ้มกว้างไปให้

    “วิชาแรกใกล้เริ่มแล้ว ขึ้นไปรอที่ห้องเลยเปล่า?” แพคฮยอนเดินไปหาคยองซูแต่อีกฝ่ายทำหน้ายู่ทันทีที่พูดถึงเรื่องเรียน

    “อะไรจะฟิตขนาดนั้น นั่งกินขนมก่อนสิ” บอกพร้อมๆ กับเลื่อนขนมไปให้ วันแรกคยองซูก็ขี้เกียจซะแล้ว แพคฮยอนนั่งลงอย่างว่าง่ายแล้วก็นั่งกินขนมพลางฟังเรื่องที่คยองซูกำลังโม้

    “นี่ๆ น้ำหนักฉันขึ้นมาตั้งห้ากิโลแหนะแพคฮยอน”

    “หือ กินแล้วก็นอนล่ะสิ คิก..” หัวเราะเล็กๆ แล้วก็เคี้ยวคุ้กกี้อย่างน่ารัก

    “ก็มันว่างนี่ ออกไปข้างนอกก็กิน อยู่บ้านก็กิน พุงปลิ้นแล้ว” บ่นไม่ขาดปาก แพคฮยอนส่ายหน้าเล็กๆ แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่นอกเสียจากแก้มทั้งสองของคยองซูเพิ่มมานิดหน่อยก็เท่านั้น แต่มันก็ทำให้คยองซูน่ารักกว่าเดิมเสียอีก

    “ไม่เห็นจะอ้วนเลย”

    “ฮึ ให้มันจริง ดูพุงฉันแล้วจะต้องเปลี่ยนใจนะแพคฮยอน”

    “คิกๆ ไม่ต้องหรอก ยังไงก็ไม่เห็นอ้วนเลยสักนิด” พูดไปตามความจริงส่วนคยองซูก็ยู่จมูกแล้วคว้าถุงขนมมาเคี้ยวไม่หยุด

    “ก็อีตาจงอินเอาแต่ชวนฉันไปกินข้าวนี่”

    “แต่นายก็ไปนี่นา”

    “ฉันไปสนิทกับหมอนั่นเมื่อไหร่ยังไม่รู้เลย ทำไมฉันต้องไปด้วยตลอดก็ไม่รู้”

    “อื้ม นั่นสิ น่าคิดนะ คิก...” แพคฮยอนพยักหน้าแล้วยิ้มเล็กๆ ดูเจ้าเล่ห์ ส่วนคยองซูก็หรี่ตาจับผิดที่แพคฮยอนมาทำหน้าแบบนี้ใส่เขา

    “คิดอะไรอยู่น่ะ หื้อ?”

    “เปล่านี่นา มันก็แค่น่าคิดเฉยๆ”

    “มันน่าคิดตรงไหนกัน กับอีแค่ไปกินข้าวเอง”

    “อื้ม แค่กินข้าวๆ”

    “ใช่!

    “อ๋า คยองซูทำไมต้องเสียงดังด้วย ตกใจหมด” แพคฮยอนสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายพูดใช่จนเสียงดัง ขนมเลยหล่นจากปากแพคฮยอน ทำเอาอีกฝ่ายหัวเราะร่า

    “ฮ่าๆๆ!” เสียงหัวเราะของแพคฮยอนทำให้คยองซูอดหมั่นไส้ไม่ได้ เลยหยิกแก้มคนตรงหน้านั้นทันที

    “อ๋า...คยองซูอ่า เจ็บนะ (T^T)” แพคฮยอนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คยองซูเลยหัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะมองเวลาเพราะจะต้องรีบขึ้นห้องเรียนจริงๆ แล้ว

     

    ทั้งสองเก็บถุงขนมที่ยังกินไม่หมดนั้นเข้ากระเป๋าแล้วเดินไปที่หน้าลิฟต์ มีคนรอเข้าแถวต่อกันอยู่หลายกลุ่ม แพคฮยอนและคยองซูเดินมายืนต่อแถวรอ ทั้งคู่คุยกันในระหว่างนั้น แต่แพคฮยอนมือซนเลยหยิบขนมมากินรอ แก้มทั้งสองป่องออกอย่างน่ารัก

     

    เอ๊ะ...

    ในขณะที่แพคฮยอนเคี้ยวขนมอยู่นั้นก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนมีคนมอง หรือว่าเขารู้สึกไปเอง แพคฮยอนเอียงคอแล้วหันไปคุยกับคยองซูต่อ

     

    “ทำหน้าเอ๋อจัง คิดอะไรอยู่น่ะ”

    “หืม เปล่านี่” ส่ายหน้าปฏิเสธแล้วก็เคี้ยวต่อ พลางชำเลืองมองดูหมายเลขชั้นของลิฟต์ที่กำลังไหลเลื่อนลงมา แต่คนก็ยังเยอะอยู่ดี

    “เอ๊ะ” คยองซูที่จู่ๆ ก็คิ้วขมวด จากนั้นก็เริ่มทำหน้านิ่งมายืนอยู่ข้างแพคฮยนในทันที

    “มีอะไรเหรอ” แพคฮยอนถามอย่างสงสัย

    “มีคนมองนายอ่ะ” ขยับปากเพียงนิดอย่างให้เนียนๆ

    “เหรอ ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน แต่ไม่มั่นใจ แฮะๆ” หัวเราะแหะๆ นี่หัวเราะแบบนี้คิดว่าน่ารักมากสินะ เออน่ารัก! ก็ไอ้ตัวโย่งที่มองมันแอบอมยิ้มด้วยน่ะสิ! คยองซูคิดในใจแล้วก็พูดกับแพคฮยอนต่อ

    “นายอยากรู้ไหมว่าใคร” ถามแต่แพคฮยอนส่ายหน้าไปมาอย่างไม่อยากรู้

    “ไม่อ่ะ”

    “เอาน่า หันไปหน่อยสิ เอาเนียนๆ นะ”

    “หือ เนียนๆ ยังไงคยองซู”

    “ก็มองแบบผ่านอ่ะ ตามองแต่ทำเป็นมองอย่างอื่นแทนน่ะ ทำได้ไหม”

    “คยองซูอ่า..ฉันทำเป็นที่ไหนล่ะ”

    “เอาน่า นายก็ทำเนียนหมุนตัวไปทางขวาแล้วก็มองยังคนที่สูงที่สุดสวมเสื้อสีดำนะ แต่ตานายก็มองผ่านหมอนั้นไปมองอย่างอื่นแทน อย่างงี้อ่ะ ทำได้ไหม”

    “ฮื่อ ไม่เอา ไม่เห็นอยากรู้เลย” ยู่ปากแล้วเก็บขนมเข้ากระเป๋า พวกเขาทั้งสองคุยกันเหมือนกับคนบ้าที่ขยับปากนิดเดียว

    “มองหน่อยเหอะน่า”

    “ฮื่อ กะ ก็ได้ มองก็มอง...” แพคฮยอนทำตามที่คยองซูบอก

     

    ค่อยๆ หันไปทางขวาอย่างเนียนๆ...

    แล้วก็มองยังคนที่ตัวสูงที่สุด...

     

    คนไหนนะ...เอ?...ใส่เสื้อสีดำ...

    คนนี้รึเปล่านะ...น่าจะใช่แฮะ...ดูจากกลุ่มผู้ชายพวกนั้นแล้ว คนนี้สูงที่สุดเลยแถมยังใส่เสื้อสีดำอย่างที่คยองซูบอกด้วย

    จากนั้นก็มองไปทางอื่นงั้นเหรอ อ๊ะ..งั้นมองไปที่หน้าต่างตึกตรงนั้นแล้วกัน...

     

    แพคฮยอนทำตามที่คยองซูบอกทุกอย่าง แต่ว่ามันช้ามากๆ จนคนที่แอบมองรู้ตัวแถมยังอมยิ้มมาให้แพคฮยอนอย่างไม่รู้ตัวอีกด้วย

     

    “ฉันทำแล้วนะ”

     

    คยองซูแทบจะตบหน้าผากตัวเอง ทำตามอย่างที่เขาบอกทุกอย่างแล้ว ถูกต้องด้วย แต่มันช้า ช้ามากๆ จนไอ้คนมองมันรู้ตัวแล้ว

    แพคฮยอนน้อยเอ้ย! มันน่าตีจริงๆ

     

    “เอ่อ..หมอนั่นรู้แล้วว่านายมองน่ะ”

    “เอ๋ งั้นเหรอ ฉันทำตามทุกอย่างเลยนะ อายจัง...” แพคฮยอนหน้าเสีย จากนั้นก็พูดขยับเข้ามาใกล้อย่างอายๆ ไอ้ท่าทางเมื่อกี้มันน่าเอ็นดูจนคนตัวสูงนั้นอดก็จะแอบหัวเราะไม่ได้ เพื่อนในกลุ่มนั้นต่างก็พากันแซวเขากันใหญ่ ทำให้แพคฮยอนต้องก้มหน้างุด แต่คยองซูกลับมองไปอย่างไม่กลัว ไอ้พวกนี้นี่เสียงดังจริงๆ หัวเราะไม่เกรงใจพวกเขาเลย

     

    ดูจากภายนอกแล้วคยองซูไม่เคยเห็นมาก่อนก็คงจะเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาเรียนใหม่อย่างแน่นอน เดี๋ยวได้เจอรุ่นพี่อย่างเขาซะแล้วล่ะมั้ง

     

    “เฮ้..จื่อเทาเขินใหญ่เลยว่ะ” เสียงหนึ่งในกลุ่มนั้นพูดแซวร่างสูงใหญ่นั้นจนดวงตาทั้งสองหยีลง

    “เลิกพูดได้แล้วน่า เดี๋ยวพี่เขาก็ว่าหรอก” สำเนียงเกาหลีนั้นแปร่งเล็กน้อยแถมยังพูดไม่เร็วมากนักแต่เพื่อนๆ ก็เอาแต่ตบไหล่แล้วพากันแซวไม่เลิก

    “ฮ่าๆ แหนะ ยังจะเขินอีก”

    “พะ พอแล้วน่า” โบกมือห้ามเพื่อนๆ ก่อนเฉไฉไปทางอื่น แต่ก็มิวายจะแอบมองคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากพวกเขานัก

     

    คนตัวเล็กที่จู่ๆ ก็หันมามองทางเขาอย่างแล้วทำหน้าประหลาดๆ แต่มันน่ารักมากเสียจนเขาอยากจะเดินเข้าไปคุยด้วย

     

    มองหน้าเรียวเล็กนั้นแล้วรู้สึกเพลินอย่างบอกไม่ถูก

    เช้าวันนี้เป็นวันดีจริงๆ ได้เจอคนที่ถูกใจ...แถมยังอยู่คณะเดียวกันอีกด้วย...

     

    ดีใจจริงๆ และสักวันเขาจะต้องเข้าไปทำความรู้จักกับรุ่นพี่ตัวเล็กให้ได้

     

     

    ติ๊ง

    เสียงลิฟต์ดังขึ้น ประตูค่อยๆ เปิดออก กลุ่มของจื่อเทานั้นค่อยๆ ทยอยเข้าไปในลิฟต์จนเกือบเต็ม แต่ดูเหมือนยังมีที่ว่างพอเหมาะสำหรับคนอีกสองคนได้พอดี ร่างสูงของจื่อเทามองไปยังแพคฮยอนเพื่อส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายนั้นเข้ามาในลิฟต์ ประตูกำลังจะปิด แต่ไว้กว่านั้นจื่อเทารีบกดประตูให้เปิดออกก่อนจะพูดด้วยเสียงนุ่มลึกด้วยภาษาเกาหลีที่ไม่ค่อยแข็งแรงเสียเท่าไหร่นัก

     

    “ยังมีที่ว่างนะครับรุ่นพี่ เข้ามาได้เลย” ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร แพคฮยอนมองหน้าคยองซูก่อนที่ตัดสินใจเข้าไปในลิฟต์เพราะเขาก็ไม่อยากเข้าห้องเรียนสายเหมือนกัน

     

    แพคฮยอนยืนอยู่ข้างหน้ากับคนตัวสูงนั้นพอดี เขารู้สึกว่าหน้าอกนั้นเฉียดกับแผ่นหลังของเขาเบาๆ แต่เขาก็พยายามเกร็งตัวไม่ให้ร่างกายขยับเขยื้อนไปไหนจนกว่าประตูลิฟต์จะเปิดออก

     

    ก่อนหน้านั้นที่เขาพยายามจะแอบมองให้เนียนนั้นได้เห็นใบหน้าของคนตัวสูงนั้นอย่างชัดเจน จุดเด่นบนใบหน้าของผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังก็คือดวงตาและจมูกโด่งแถมตัวก็สูงมากด้วย อาจจะพอๆ กับชานยอลได้เลย  แถมเขาก็สังเกตเห็นต่างหูทั้งสองข้างด้วยมันดูเหมาะและทำให้เขาเท่มากจริงๆ

     

    ลิฟต์เลื่อนมาถึงชั้นที่แพคฮยอนและคยองซูต้องการเรียบร้อย ประตูเปิดออกก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกไป ประตูค่อยๆ เลื่อนปิด แพคฮยอนชั่งใจอยู่ชั่วครู่แล้วก็รีบหันไปทางประตูก่อนจะโคลงหัวลงให้ร่างสูงที่อยู่ข้างในก่อนจะยิ้มบางๆ เป็นการขอบคุณที่ช่วยกดลิฟต์ให้ก่อนจะหมุนตัวกลับมา

     

    สิ่งที่จื่อเทาได้รับกลับมามันเป็นรอยยิ้มที่ช่างสดใสแล้วก็น่ารักเหลือเกิน

    เขาเริ่มอยากจะรู้จักรุ่นพี่ตัวเล็กคนนี้ซะแล้วสิ พรุ่งนี้เลยดีไหมนะ...ว่าแต่จะต้องทำยังไงล่ะ

     

    ต้องคิดหนักกันเสียหน่อยแล้ว

     

     

     

    ...

     

     

     

    ตกเย็น

    ชานยอลขับรถมาที่คณะของแพคฮยอนตามที่คนตัวเล็กบอก คลาสเรียนของเขาไม่มีอะไรมากนักเลยมาหาแพคฮยอนได้ตรงเวลานัด ร่างสูงลงจากรถทันทีที่จอดรถ ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาในคณะ อย่างคุ้นชิน ใบหน้าหล่อเหลาที่มีดีกรีเป็นเดือนมหาลัยยังคงพุ่งสูง รุ่นน้องต่างก็พากันแอบมองและกรี๊ดเบาๆ ให้อย่างชอบใจ ชานยอลยิ้มให้อย่างเป็นมารยาทก่อนจะมองหาแพคฮยอน ร่างเล็กๆ ของแพคฮยอนและคยองซุเดินออกมาจากลิฟต์พอ ชานยอลโบกมือให้เล็กๆ ก่อนจะทักทายคยองซู

     

    “ไง”

    “หวัดดีชานยอล”

    “อื้อ เรียนวันแรกเป็นไงบ้าง” ชานยอลเอ่ยถามพอเป็นพิธีก่อนที่ทั้งสามจะเดินไปคุยไป

    “ไม่มีอะไรมากหรอก แต่...คิก...” คยองซูหลุดหัวเราะออกมาแล้วมองหน้าแพคฮยอน

    “อะไรเหรอ” ชานยอลทำท่าทางเหมือนอยากรู้อยากเห็น ส่วนคยองซูก็ส่ายหน้าไม่มีอะไร เพราะมันก็ไม่น่าจะใช่ธุระกงการอะไรของเขา

     

    จริงๆ ก็แค่จะหยอกแพคฮยอนกับชานยอลเล่นเรื่องที่เพื่อนสนิทที่แสนน่ารักคนนี้ถูกรุ่นน้องแซว แต่กลัวว่าแพคฮยอนจะงอนก็เลยไม่พูดดีกว่า

     

    “แปลกคน...นายชอบอำฉันเล่นนะคยองซู เดี๋ยวให้จงอินจัดการเลย”

    “ห๊ะ เกี่ยวกับอะไรกับหมอนั่นเล่า” ยู่ปากอย่างไม่ชอบแล้วเชิดหน้าไปอ้อนแพคฮยอนแทน

    “ดูชานยอลของนายสิ”

    “เอ๋ อะ...อะไรกันคยองซู” แพคฮยอนยังคงงงเพราะเขาก็อดที่แอบยิ้มไม่ได้ที่ชานยอลล้อเรื่องจงอินกับคยองซู

    “ก็จงอินกับนายก็รู้จักกันนี่นา...” ตอบไปอย่างซื่อๆ

    “โธ่เอ้ย ช่างเถอะ” โบกมืออย่างไม่คิดอะไรมากนัก

    “เดี๋ยวจงอินมันจะมารับนายนะ มันฝากมาบอก..พอดีมันไปส่งเซฮุนที่ตึกแพทย์น่ะ” ชานยอลบอกกับคยองซู เจ้าตัวพยักหน้าให้อย่างใจเพราะจงอินบอกเขาก่อนหน้านั้นในเมสเสจแล้วว่าจะมารับ แต่เขาไม่พูดดีกว่าไม่งั้นจะโดนแซวเอาได้

    “งั้นกลับกันเลยไหม” ชานยอลถาม

    “ให้รอเป็นเพื่อนเปล่าคยองซู” แพคฮยอนถามไปอย่างซื่อๆ แต่ชานยอลกลับยิ้มกรุ้มกริ่ม

    “ยิ้มอะไรน่ะชานยอล” คยองซูจับผิด ร่างสูงเลยยักไหล่ให้

    “แฟนนายนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ แพคฮยอน”

    “เอ๋?...”

    “อย่าใส่ร้ายฉัน ฉันคือพระเอก”

    “ไม่คุยกับนายแล้ว นานวันเข้ายิ่งหลงตัวเอง...นายไม่ต้องรอฉันก็ได้ รีบๆ พาหมอนี่ไปเลย” คยองซูเอ่ยปากทำเอาชานยอลหลุดหัวเราะออกมา ร้ายจริงๆ เพื่อนแพคฮยอนเนี่ย

    “เอางั้นเหรอ?” แพคฮยอนถาม

    “อื้อ เดี๋ยวหมอนั่นก็คงมาแหละ”

    “ก็ได้ งั้นฉันกลับก่อนนะ” แพคฮยอนโบกมือเล็กๆ ให้กับคยองซู ชานยอลก็ยิ้มให้ก่อนที่ทั้งคู่จะขึ้นรถไป

     

    ชานยอลยีหัวคนตัวเล็กในขณะที่เดินขึ้นรถ แพคฮยอนยู่ปากให้เล็กๆ อย่างน่ารัก ใครมองแล้วก็ต้องอิจฉาจริงๆ เพราะเวลาทั้งคู่อยู่ด้วยกันทีไร คนรอบข้างมักจะยิ้มเสมอ

     

    แต่ว่ารุ่นน้องปีหนึ่งอย่างจื่อเทามาเห็นภาพแบบนี้ตอนที่เขาเดินออกจากตัวคณะพอดี

    เป็นธรรมดาที่เขาอดจะอิจฉาตามไม่ได้

     

    “ใครอ่ะ...” เอียงคอแล้วพูดกับตัวเอง เพื่อนๆ ต่างพากันมองตามแล้วก็ร้องอ๋อทันที

    “แฟนเปล่า? กระหนุงกระหนิงเชียว น่ารักดีว่ะ...ส่วนรุ่นพี่คนนั้นโคตรหล่อเลยแก” เพื่อนอีกคนที่ชื่อว่าเฉินพูดกับจื่อเทา

    “อื้อ น่ารัก...โคตรอิจฉาเลย” จื่อเทาตอบ แต่สายตาก็ยังมองรอยยิ้มของแพคฮยอนอยู่จนร่างเล็กๆ เข้าไปในนั่งรถเรียบร้อย

    “เฟลเลยดิ”

    “แค่นี้ไม่เฟลหรอกน่า...ฉันยังอยากรู้จักอยู่..” ตอบไปตามความจริง ยังไงเขาก็ยังอยากรู้จักคนตัวเล็กอยู่ดี บางทีอาจจะเป็นคนรู้จัก รุ่นพี่ หรือว่าญาติพี่น้องก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ เขาชอบคิดในแง่บวกเสมอๆ เพราะมันจะทำให้โลกน่าอยู่มากขึ้น

     

    “โอเค สู้ต่อไปว่ะเพื่อน ฉันเอาใจช่วย...ก็รุ่นพี่เขาน่ารักจริงๆ” เฉินพูดสบทบอีกครั้ง จื่อเทาพยักหน้าให้แล้วยิ้มก่อนที่จะใช้แขนคล้องคอเพื่อนแล้วเดินอย่างอารมณ์ดี

     

     

    รุ่นพี่ตัวเล็กที่น่ารัก สักวันผมจะเข้าไปทำความรู้จักกับพี่นะครับ... (ยิ้มจนตาหยี)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×