คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ช่วงแรกของนิยายกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์(มีสาระกว่าที่คิด)
อ้วนเสี้ยวตัวจริงกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์
หลังจากที่พูดเรื่องสงครามกวนตู้มาแล้ว ผมก็ขออนุญาตพาท่านมารู้จักกับแม่ทัพทั้งสองฝ่ายนั่นก็คืออ้วนเสี้ยว(หยวนส้าว) และโจโฉ(เฉาเชา)ในแง่ของประวัติศาสตร์ซักพัก ก่อนจะไปเรื่องสงครามครั้งอื่นๆ และตัวละครที่จะวิเคราะห์ต่อไป สำหรับเรื่องนี้ไม่ได้ "วาย" แต่อย่างไร แต่ถ้ามีใครอ่านแล้วจะคิดก็เป็นสิทธิ์ของท่านครับผมไม่สามารถจะว่าอะไรได้ มาดูกันว่าคนสองคนนี้โคจรมาพบกันได้อย่างไร
<แมวน้อยโจโฉ
พงศาวดารว่าระบุโจโฉเป็นลูกขุนนางใหญ่ที่มีชีวิตสุขสบาย แต่ก็คงมีน้อยคนที่ทราบเช่นกันว่าข้อมูลนี้ถูกจัดทำขึ้นในสมัยพระเจ้าโจผี(เฉาพี้)ซึ่งน่าจะเพื่อให้ฐานะของตนดูดีขึ้้น และประกาศว่าตนเป็นบุตรแห่งหงสา(ตำนานบางเรื่องก็ไปกันใหญ่เลยครับ กลายเป็นว่าความจริงแล้วโจโฉไม่ใช่คนแต่เป็นพญาหงส์แปลงกายมา คนเขียนเรื่องหงสาจอมราชันย์คงอ่านเจอแล้วเปลี่ยนสุมาอี้ให้เป็นหงส์แทน) แต่พอยุคสุมาเอี๋ยนก็มีการทำให้โจโฉที่ยิ่งนานวันยิ่งสูงส่งจนแตะไม่ได้กลับเป็นคนธรรมดาอีกครั้ง โดยระบุว่าโจโฉนั้นเป็นลูกอนุและแม่เป็นโสเภณี บางคนสนุกกับการทาสีโจโฉก็เลยไปไกลถึงขั้นว่าโจโฉเก่งเรื่องร้องเพลงและบทกวีเพราะมีแม่เป็นหญิงร้องรำทำเพลง" ทั้งที่หลักฐานร่วมสมัยคือประวัตินักเรียนทุนที่ถูกส่งให้ทางราชการพิจารณาและคำพูดของเจ้าตัวเค้าเองก็ระบุชัดว่า "โจโฉ เกิดและอยู่ในความดูแลของมารดาที่เป็นหญิงชาวนาที่เมืองพ่ายและเป็นลูกนอกสมรสของโจโก๋(เฉาซง)" ไม่ว่าแม่ของโจโฉจะทำนาปี นาปรัง หรือนาหว่าน เธอก็คือชาวนาครับ ไม่ใช่นาเปลือยตามที่ใครๆ ยัดเยียดให้เธอเป็น
ส่วนอ้วนเสี้ยวนั้นเกิดมาในตระกูลขุนนางที่สืบเชื้อสายติดต่อกันมายาวนานและเป็นตระกูลวีรบุรุษ นั่นคือตระกูลหยวน เค้ามีบางสิ่งที่เหมือนโจโฉอย่างมากก็คือเค้าเป็นลูกคนโตของตระกูลเช่นเดียวกับที่โจโฉเป็น และขณะเดียวกันก็มีข่าวลือลับๆ ด้วยว่าแท้จริงแล้วเค้าเป็นลูกนอกสมรสเหมือนกับโจโฉ ฐานะของทั้งคู่จึงด้อยกว่าน้องๆ ของตัวเอง นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเค้ากลายเป็นเพื่อนกันในเวลาต่อมา
อ้วนเสี้ยวมักถูกเขียนให้มีบทในนิยายและการ์ตูนคล้ายๆ กันและน่าหัวเราะ ทั้งที่ในความเป็นจริงอ้วนเสี้ยวนับว่ายิ่งใหญ่มากสุดในยุคนั้น ช่วงแรกๆ อ้วนเสี้ยวก็มีบทบาทมากกว่าโจโฉ ในฐานะขุนนางฝ่ายบู๊ที่เก่งกล้าสามารถและเป็นสมาชิกกองทัพมหาดเล็กพิเศษที่จัดตั้งเพื่อความมั่นคงของราชสำนัก อ้วนเสี้ยวมีอำนาจรองจากเกียดสิดที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดแค่คนเดียวขณะที่โจโฉเป็นเพียงที่ปรึกษาหรือขุนพลผู้จัดการกองทัพ(คือขุนพลเสนาธิการที่เรียกว่ากุนซืออ่ะนะ)ที่ขึ้นต่ออ้วนเสี้ยวโดยตรง จากตรงนี้จะเห็นว่าโจโฉต่างจากที่เรารู้มาครับท่าน ก่อนที่เค้าจะเป็นโจโฉที่เรารู้จักชีวิตราชการเค้าบุ๋นมากกว่าบู๊ เป็นนายกองแค่วันเดียวก็ถูกย้ายไปเป็นนายอำเภอ ผู้ว่า และราชเลขา มีส่วนในการปราบโจรผ้าเหลืองช่วงสั้นๆ ก็ไปเป็นผู้ว่าอีก แล้วก็ออกจากราชการ เมื่อถูกเรียกตัวกลับมาก็มาเป็นกุนซือของอ้วนเสี้ยวอย่างที่เห็น ทำไม? เพราะโจโฉตัวเล็กเกินกว่าจะได้รับความไว้วางใจให้ควงกระบี่ออกรบเองรึไง?
^อ้วนเสี้ยวมักถูกมองในฐานะนักรบยอดแย่เมื่อเทียบกับโจโฉ ทั้งที่ในประวัติศาสตร์จริงอ้วนเสี้ยวเป็นนักรบที่เก่งกาจเหี้ยมหาญ และเหนือกว่าโจโฉในหลายๆ ด้าน แต่ที่โจโฉชนะในที่สุดเพราะโจโฉนั้นมีคุณสมบัติของทั้งนักรบและเสนาธิการ(กุนซือ)อยู่ในตัว จึงมีระบบความคิดที่แยบยลและรอบครอบกว่า
ทั้งคู่อาจจะรู้จักกันอย่างผิวเผินในช่วงแรกๆ ที่โจโฉรับราชการเนื่องจากความอหังการ บังอาจไปถอนหงอกขันทีจูเซอะ เลยดังระเบิดและย้ายเป็นว่าเล่นซึ่งตำแหน่งที่ถูกย้ายไปรับก็เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นทั้งหมด แต่ก็อหังการตลอดเส้นทางกระทั่งเป็นราชเลขาจึงไม่ให้สร้างชื่อได้อีก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงเริ่มอย่างเป็นทางการเมื่อขุนนางฝ่ายบู้จากตระกูลสูงกับขุนนางฝ่ายบุ๋นที่เป็นหลานบุญธรรมของขันที(เคยใหญ่)และลูกนอกสมรสของอดีตแม่ทัพใหญ่ที่ปัจจุบันเป็นหมาหัวเน่า เป็นไปได้มั้ยว่าอ้วนเสี้ยวรู้สึกดีกับโจโฉเพราะเป็นลูกนอกสมรสเหมือนเค้าแล้วคงนึกสงสารเพราะพ่อของโจโฉไม่ได้ยอมรับเป็นลูก แม้ยอมรับภายหลังแต่ก็ไม่เคยสนใจหรือเยี่ยมเยียน อ้วนเสี้ยวมีตำแหน่งสูงกว่าโจโฉมาตลอดแม้แต่อายุมากกว่าด้วย โจโฉจึงมีความรักใคร่ผูกพันธ์และเกรงอกเกรงใจมากขึ้นไปอีก
มีเรื่องเล่ากันว่าอ้วนเสี้ยวเคยพาโจโฉไปเที่ยว อ้วนเสี้ยวแอบฟันสาวแล้วให้โจโฉเป็นต้นทาง ปรากฏว่าโจโฉดันไปเจอสาวเลยเกี้ยวพาราสีเพลิน กว่าจะรู้ว่านักเลงเจ้าถิ่นมาก็จวนตัวเต็มทีแล้วจึงแตกกระเจิงทั้งเจ้านายและลูกน้อง โจโฉอาศัยรูปร่างมุดลอดขาหลบไปตามซอกเล็กๆ ได้ มีอ้วนเสี้ยวที่กระโดดออกจากห้องทั้งที่แต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อย(รีบ)ต่อสู้นิดหน่อยแล้ววิ่งหน้าตั้งตามเจ้าตัวเล็กแต่ดันไปติดที่กอไผ่ซะงั้นแล้วยังเสื้อผ้าหลุดลุ่ยมันเลยเกี่ยวไปหมด(-"-) ตอนนั้นเองโจโฉเห็นท่าไม่ดีก็ตะโกน "เฮ้ย! ไอ้แมวขโมยมันติดอยู่ก่อไผ่นี้!" เท่านั้นแหละครับ มีรอยขีดข่วนย่อมดีกว่าถูกกระทืบหมดลายนักรบเลยพุ่งออกมาจนได้ ไม่ทราบว่าตอนนั้นทั้งคู่เป็นขุนทหารกับราชเลขาหรือรองแม่ทัพกับกุนซือ ทราบเพียงว่าสาวที่โจโฉได้พบคือนางเปี้ยนสี(แม่โจผี)นั้นเอง แต่เนื่องจากเหตุการณ์ค่อนข้างรั่วพอควร จึงมีคนไปเล่าว่าเรื่องสมัยเด็กแทนและภายหลังก็มีการแต่งเติมจากจีบสาวก็เลยกลายเป็นปล้นตัวเจ้าสาวไป แต่แม้จะเสียฟอร์มจากไหวพริบสุดแสบในครั้งนั้น อ้วนเสี้ยวก็ยังคงเป็นยอดขุนพลเสมอ
<โจโฉ(ชุดแดง)ในตำแหน่งกุนซือร่วมกับตันเหลิม
<โจโฉกับนางเปี้ยนสี(แม่โจผีกับโจสิด)
ก่อนโจโฉจะเป็นโจโฉที่เรารู้จักแกเคยฟันคนในสนามรบหรือไม่? แม้ประวัติจะระบุว่าเก่งทั้งบู๊ทั้งบุ๋น เพราะโจโฉไม่เคยบาดเจ็บในสนามรบจนตอนนำทัพตามตีตั๋งโต๊ะครั้งแรกจึงได้บาดเจ็บเจียนตายและหลังจากนั้นก็บาดเจ็บมาตลอด(นับเป็นแม่ทัพที่หกคะมำคว่ำคะเมนที่สุดในยุคนั้น) ผมเห็นว่าถ้าโจโฉควงกระบี่เองก็ควรบาดเจ็บตั้งแต่รบกับพวกผ้าเหลืองเพราะพวกนี้ใหญ่และซับซ้อนกว่าในนิยายมาก หรือบางทีแกอาจจะฟันเฉพาะพวกผ้าเหลืองที่เฉียดเข้าใกล้(กุนซือบ้าดีเดือดที่ใกล้ชิดสนามรบ) อย่างไรก็ตาม, เมื่อความจริงที่ถูกมองข้ามถูกเปิดเผยแล้ว หากมีใครถามถึงสุดยอดกุนซือสมัยสามก๊กอีก จะมีใครคิดใส่ชื่อโจโฉลงไปบ้างมั้ยครับ จากที่เคยใส่แต่ ข่งเบ้ง บังทอง กุยแก สุมาอี้ ฯลฯ
ในตอนที่เริ่มมีสงครามชิงอำนาจ ตามประวัติศาสตร์จะเห็นชัดๆ เลยว่าอ้วนเสี้ยวคือตัวตั้งตัวตีสำคัญในการชนกับสิบขันทีที่ความจริงมีสิบสองแต่ไม่ไล่ชื่อครับ จำไม่ได้(เนื่องจากไม่เห็นความจำเป็นที่จะจำชื่อคนพวกนี้ให้รกสมอง) มีแนวร่วมสำคัญคือโฮจิ๋น ตระกูลสุมาและตระกูลอ้วน และขอย้ำอีกครั้งว่าตอนนั้นโจโฉคือกุนซือร่วมกับตันเหลิม(เฉินเหลิน)ไม่ได้อยู่ในฐานะนักรบ ใครวาดภาพโจโฉช่วงนั้นต้องไม่ให้ใส่เกราะ แต่คนที่ต้องใส่เกราะคืออองอุน(หวางหยุน)ครับ จากประวัติศาสตร์จริงจะเห็นว่าในนิยายคาแรคเตอร์ของโจโฉกับอองอุนสลับกัน(-"-) อองอุนชนกับพวกขันทีตรงๆ และถูกจับไปคุกวัดเหนือสองครั้งแต่รอดมาได้(ปกติตายหมด) เมื่อพวกฝ่ายบู้วางแผนจัดการพวกขันทีแบบล้างบาง โจโฉกับตันเหลิมที่เป็นกุนซือพยายามทักท้วงเกี่ยวกับแผนการแต่ฝ่ายบู๊ไม่ฟังจึงต้องพังพาบไป
ประวัติศาสตร์บอกถึงความเหี้ยมหาญของอ้วนเสี้ยวและอ้วนสุดเมื่อโฮจิ๋นถูกตัดหัว อ้วนเสี้ยวนำทหารบุกฆ่าคนไม่มีหนวดเคราเรียบ ส่วนอ้วนสุดและพรรคพวกก็นำทหารไล่ฆ่าพวกขันทีและเผาวังครับ โจโฉก็นำทหารเข้าวังเช่นกันแต่ไปดับไฟอารักขาพระญาติและปกป้องชาววัง(ไปคนละทางกับคนอื่นเลย) หลายคนรอดตายเพราะโจโฉแท้ๆ แต่กระนั้นก็มีคนตายจากการทำการของพวกอ้วนถึงสองพันคนรวมทั้งเด็กๆ หลายคนไม่ใช่ขันทีด้วยซ้ำ เตียวเยียง(จางย่าง)หนีไปจนมุมแล้วจบลงที่โดดน้ำตาย ทารกสวรรค์สององค์ก็หนีกระเซอะกระเซิงไปเจอตั๋งโต๊ะจึงถูกพากลับวังแล้วปะทะกับอ้วนเสี้ยว ตั๋งโต๊ะคุมสถานการณ์ได้แต่ยังทำอะไรอ้วนเสี้ยวไม่ได้ทันทีเช่นกันเพราะอ้วนเสี้ยวมีอิทธิพล สุมาฝางจึงคิดแผนที่ไม่มีเตียวเสี้ยนขึ้นมาโดยเลือกโจโฉไปทำหน้าที่เนื่องจากรูปลักษณ์อันเป็นคราบลูกแกะชั้นยอด(โจโฉคงถูกสุมาฝางฝึกทั้งเล่ห์กลและการต่อสู้เพื่อปฏิบัติการเด็ดชีพ)นำไปฝากตัวให้ตั๋งโต๊ะใช้สอย ตั๋งโต๊ะรู้ประวัติปกปิดของเจ้าตัวเล็กที่ใต้เท้าสุมาแย้มมาว่าเห็นอย่างงี้แต่เก่งทั้งบู๊บุ๋นก็แต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกรมทหารม้าและให้รับใช้ใกล้ชิด
ผมขอเสริมนิดหน่อยด้วยว่าตอนที่ตั๋งโต๊ะไปพบฮ่องเต้และตันเล่าอ๋องนั้นได้ถามเหตุการณ์ต่างๆ แต่ฮ่องไม่สามารถบอกอะไรได้นอกจากร้องไห้ขณะที่ตันเล่าอ๋องนั้นเล่าอะไรโดยไม่ตกไม่หล่นแม้แต่น้อยเค้าจึงชื่นชมเจ้าชายองค์นี้และภายหลังก็ปลดฮ่องเต้ออกและยกตันเล่าอ๋องเป็นฮ่องเต้แทนซึ่งก็คือเหี้ยนเต้ ซึ่งผมจะเล่าเรื่องนี้ต่อในตอนต่อไป รับรองว่ามีอะไรมากกว่าในนิยายแน่
ความคิดเห็น