ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เฮฮาประสาสามก๊ก

    ลำดับตอนที่ #43 : ซุนกวนมองกุนซือ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.73K
      7
      4 มิ.ย. 55

    ซุนกวนมองกุนซือ
     

    เป็นที่รู้กันคร่าวๆ แล้วว่าเจ้าแห่งรัฐหวู่-ง่อก๊กคือนายซุนกวนนั้นเป็นผู้นำที่มีความรับผิดชอบต่ำที่สุดในสามก๊ก อันที่จริงจะตำหนิเขาก็ยากอยู่ เพราะแม้เขาจะเป็นคนที่ตัวสูงใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้นำสามก๊ก(เล่าปี่ โจโฉ ซุนกวน) รวมทั้งมีหนวดเคราดกครึ้ม แต่เขาก็อายุน้อยที่สุดเหมือนกัน ความจริงเขาเป็นนักรบที่เก่งกล้าสามารถและใจเด็ดมากคนหนึ่ง แต่เป็นประเภทเดียวกับ "L" ใน "Death Note" คือถ้าไม่สนใจ-ไม่ชอบก็ไม่ทำ และเป็นคนชอบเอาชนะ ซุนกวนไม่ชอบสงครามแต่ชอบล่าเสือมากกว่า เวลาล่าเขาจะไม่ใส่เกราะและจะไม่ยิงธนูถ้าไม่อยู่ในระยะประชิดเนื่องจากมันไม่เร้าใจ บางทีก็ออกล่าโดยมีหอกแค่อันเดียวติดมือไป อีกประการคือซุนกวนเป็นคนที่เบื่อง่ายมากเพราะถ้าเจอเรื่องง่ายๆ ก็จะเบื่อ(เขาฉลาดมากด้วยนะ) และเอาเวลาไปกกสาวแทนก่ะว่าดินพอกหางหมูใหญ่พอจะล้นห้องจึงค่อยกลับไปสางงาน จึงเป็นหน้าที่ของบรรดาที่ปรึกษาที่จะทำให้ซุนกวนสนใจเรื่องของบ้านเมืองตนโดยการ "ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก และทำเรื่องยากให้ยากยิ่งขึ้น" เพื่อให้ซุนกวนเห็นความสำคัญนั่นเอง ง่อจึงพัฒนาแบบทุลักทุเลเพราะแม้ผู้ปกครองมีสติปัญญาเข้าขั้นอัจฉริยะแต่มีพฤติกรรมที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ขนาดพัดลมยังส่ายหน้า กุนซือของง่อจึงต้องสารพัดประโยชน์พอๆ กับฮิตาชิหรือไม่ก็ซัมซุง เพราะถ้าไม่รอบตัวพอก็จะโดนซุนกวนแซวเล่นเหมือนเป็นตัวตลกเช่นที่พี่ชายข่งเบ้งโดนบ่อยๆ

    "จิวยี่" ดูจะเป็นที่เป็นเรื่องเป็นราวที่สุด เพราะคนที่ซุนกวนสนิทใจที่สุดเหมือนกับพี่ชายอีกคน หลังจากที่ซุนเซ็กตายแล้วก็ได้จิวยี่นี่แหละคอยดูแล เนื่องจากเขาอายุห่างจากซุนกวนเพียงแค่แปดปีทำให้เขาเข้าใจอารมณ์เด็กๆ ของซุนกวนและรู้ทางลมดี เขาสามารถทำให้เรื่องที่ดูน่าจะน่าเบื่อในสายตาของซุนกวนให้กลายเป็นเรื่องสำคัญได้เสมอ ไม่ว่าการตรวจแถวทหารไปจนถึงการอ่านฎีการ้องเรียน(ซึ่งซุนกวนมักขี้เกียจ) ซุนกวนจึงทั้งรักและเคารพเขามาก เมื่อคราวที่โจโฉยกทัพมาที่ผาแดงก็ได้จิวยี่ที่ช่วยหนุนจนกล้าเปิดศึกกับโจโฉ แม้จะเป็นศัตรูแต่เป็นที่รู้กันว่าโจโฉชื่นชมคนเก่ง และโจโฉก็ชื่นชมจิวยี่มากขนาดส่งเจียวก้านมาทาบทามตั้งแต่ตอนที่จิวยี่ยังอยู่กับซุนเซ็ก แม้แต่ระหว่างทำศึกกันที่ผาแดงก็ยังยกย่องในความสามารถ ย่อมเป็นประกาศนียบัตรชั้นเอกของจิวยี่อยู่แล้ว ตอนที่จิวยี่ตายซุนกวนก็เสียอกเสียใจมาก เขาเคยกล่าวไว้ว่าถ้าไม่มีจิวยี่เขาก็ไม่อาจจะยืนหยัดอยู่ได้จนวันนี้ เขาคอยประคองซุนกวนตลอดเวลาและคอยปกป้อง ตลอดจนสอนศาสตร์แห่งสงครามให้ ในง่อคงไม่มีใครที่ซุนกวนจะเทใจให้ได้เท่าจิวยี่อีกแล้วครับ แต่น่าเสียดายที่จิวยี่อายุสั้นเกินไป ตามประสากระทิสดที่เก็บได้ไม่นานเหมือนกระทิชาวเกาะ
     จิวยี่

    สำหรับ "เตียวเจียว" มันเป็นอีกแบบครับ... เตียวเจียวนี่จะว่าเป็นพ่ออีกคนก็ยังได้ เพราะเขาทำให้ซุนกวนเป็นผู้เป็นคนขึ้นมามากทีเดียว เป็นคนที่คอยไปลากซุนกวนออกจากเตียงทุกเช้าและคอยไล่บรรดาสาวๆ ที่รุมเวียนเทียนจนซุนกวนโงหัวไม่ขึ้น(ซุนกวนบ้าเซ็กส์เหมือนพ่อ รวมทั้งกวนบาทามากด้วย) บางทีก็ช่วยแต่งตัวให้ด้วย(ส่วนสาวๆ ก็ช่วยอาบน้ำ)เพราะเช้าๆ สมองซุนกวนยังไม่ทำงาน ต้องลากไปดื่มชาก่อนถึงจะกระปี้กระเปร่า ซุนกวนจึงทั้งรักทั้งเกรงใจ ด้วยความที่เตียวเจียวเหมือนพ่อที่คอยจ้ำจี้จ้ำไชทำให้เขามักจะพยายามงัดกับข้อเสื่อมๆ ของเตียวเจียวอยู่บ่อยๆ ตามประสาเด็กที่อยากแข่งกับพ่อ และจบลงที่การเอาปิ๊บคุมหัวตลอด เตียวเจียวเป็นคนแก่เจ้าอารมณ์แต่ก็ตรงไปตรงมา นี่ทำให้ซุนกวนไม่กล้าหือแม้แต่ตอนตนเป็นฮ่องเต้แต่เตียวเจียวเป็นแค่ที่ปรึกษา(และเป็นเหตุผลที่ไม่อยากตั้งเตียวเจียวให้ใหญ่มากกว่านี้ เพราะคนทั้งง่อกลัวเตียวเจียวยิ่งกว่าซุนกวนอีก) แน่นอนว่าเตียวเจียวสำคัญต่อซุนกวนมาก ไม่เชื่อย้อนกลับไปอ่านตอนเค้าทะเลาะกันสิครับ สุดๆ ไปเลย เวลาทะเลาก็กันทำยังก่ะจะฉีกเนื้อกินตรงนั้น แต่พอคิดได้ก็ร้องห่มร้องไห้กอดกันทุกที... แต่ตอนที่อ่านประวัติศาสตร์สามก๊กทั้งฉบับเฉินโซ่วและบันทึกร่วมสมัย ผมต้องประหลาดใจบางอย่างคือเตียวเจียวนั้นเชื่อใจโจโฉมากเหลือเกิน ทั้งๆ ที่เขาได้ให้คำแนะนำกับซุนกวนตอนเป็นฮ่องเต้ไม่ให้ไว้ใจรัฐวุ่ย แต่เขากลับสนับสนุนให้ซุนกวนจับมือกับโจโฉมาตลอด ก่อนศึกผาแดงเขาแนะนำให้ซุนกวนจับมือกับโจโฉ(แต่ซุนกวนเชื่อโลซกมากกว่าในตอนนั้น) มีบันทึกบางเล่มระบุด้วยว่าหลังศึกผาแดงเตียวเจียวเดินทางไปเจรจากับโจโฉที่ชายแดนแล้วกลับมารับรองกับจิวยี่ว่าโจโฉเป็นคนที่ "ไว้ใจได้" ทำให้จิวยี่ยอมเซนต์สัญญาสงบศึกกับโจโฉ และเมื่อโจโฉตายเตียวเจียวก็ยกเลิกความคิดที่จะเป็นพันธมิตรกับรัฐวุ่ยทันที
     
    ซุนกวนในเครื่องทรงจักรพรรดิ

    คนที่น่าจะโดนแซวมันน่าจะเป็น "โลซก" เพราะมันเป็นคนที่ทำให้ง่อเสียประโยชน์ครั้งแล้วครั้งเล่าเนื่องจากนำง่อไปจับมือกับเล่าปี่ผู้ชาญฉลาด และโดนหลอกกินประจำ เนื่องจากแกเป็นคนขวาจัดแบบกระเด็นตกขอบไปเลย เคยเชื่อยังไงก็จะเชื่อแบบนั้น ถามว่าซุนกวนเชื่อโลซกหรือไม่ คำตอบคือเขาไม่ได้เชื่อโลซกแต่เชื่อการตัดสินใจของจิวยี่ต่างหาก เพราะแม้จะมีความเห็นต่างกัน แต่โลซกก็เป็นคนซื่อตรงมากซึ่งดีต่อง่อ แต่บางทีความซื่อตรงของง่อก็ทำให้ซุนกวนเกิดข้อสงสัยด้วยเช่นกันว่า "โลซกซื่อจริงหรือไม่" เพราะมีหลายทีที่เห็นชัดว่าเป็นคนฉลาดเฉลียว แต่ทำไมทำอะไรก็เข้าทางเล่าปี่ตลอด(วะ?)

    เมื่อเปรียบเทียบแล้วซุนกวนค่อนข้างจะชอบ "ลิบอง" มากกว่าเนื่องจากทำอะไรถูกจริตไปหมด เป็นคนที่ทันซุนกวนซะทุกอย่างแต่ก็รู้ทางลมเช่นเดียวกับจิวยี่ ลิบองคนนี้เป็นเพื่อนคู่คิดและเป็นเพื่อนเล่นกับซุนกวนมากพอจะทำให้ซุนกวนเชื่อมือและฝากอนาคตของ "ศึกกวนอู" ไว้กับเขา และลิบองก็ไม่ทำให้ผิดหวัง โดยการจับคู่กับลกซุนในการทำงาน สามารถลากกวนอูไปเจอซุนกวนได้และทำให้ซุนกวนได้จัดการตัดหัวกวนอูใส่กระเช้าผูกริบบิ้นส่งไปให้โจโฉสำเร็จ  เฉินโซ่วบันทึกถึงความอาลัยอาวรณ์ที่ซุนกวนมีต่อโจโฉว่า "---อาการเจ็บป่วยของเขาได้รุนแรงขึ้น ซุนกวนได้นำตัวเขามาพักอยู่ใกล้กับที่พักของเขาและพยายามหาทางรักษาตัวเขาทุกวิธี และโศกเศร้ามาก  ซุนกวนต้องการไปเยี่ยมลิบองบ่อยๆ แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการรบกวนการรักษา ดังนั้นซุนกวนจึงแอบมองลิบองผ่านรูในกำแพง ถ้าเขาเห็นลิบองสามารถกินอะไรได้ เขาก็จะยิ้มให้กับคนรอบตัว หัวเราะและชวนคนอื่นคุยด้วย เมื่อลิบองไม่ยอมกินอาหาร ซุนกวนก็จะถอนใจกังวลจนไม่สามารถนอนได้ในตอนกลางคืน  เมื่อลิบองก็อาการดีขึ้น ซุนกวนก็ให้นิรโทษกรรมให้กับนักโทษเพื่อฉลองให้ลิบอง เสนาบดีทั้งหมดของซุนกวนต่างร่วมแสดงความยินดี แต่ในที่สุดลิบองก็ตายด้วยวัยสี่สิบสองปี ซุนกวนเศร้าโศกเสียใจและเจ็บปวดมาก เขาสั่งให้มีคนสามร้อยครัวเรือนคอยรักษาหลุมศพของลิบอง--" ไม่ประหลาดใจเลยว่าทำไมสามก๊กโมเอะ ลิบองจึงเป็นคู่วายกับซุนกวน

    ซุนกวนกล่าวถึง จิวยี่ เตียวเจียว ลิบองและโลซกไว้อย่างน่าสนใจว่า

    "จิวยี่นั้นกล้าหาญและแข็งแกร่ง กำลังใจและความสามารถของเขาเหนือกว่าผู้อื่น เขาจึงสามารถจัดการโจโฉและขยายดินแดนมายังมณฑลเกงจิ๋วได้ เขานั้นเหนือกว่าทุกคน---โลซกนั้นจิวยี่แนะนำให้กับข้า เราสนทนากันงานเลี้ยง เขาพูดถึงแผนการยิ่งใหญ่สำหรับการปกครองราชอาณาจักร นี่เป็นสิ่งที่ข้าพอใจ  เมื่อโจโฉได้ยึดอำนาจของเล่าจ๋องและคุยโวว่าเขาได้นำทหารหลายแสนคนล่องเรือและเดินทัพมาตามแม่น้ำ เมื่อข้าถามเหล่าแม่ทัพของข้าไม่มีใครที่ให้คำแนะนำได้เลย ในขณะที่เตียวเจียวแนะนำให้ข้ายอมส่งบรรณาการยอมรับโจโฉเป็นนาย  โลซกนั้นแย้งและแนะนำให้ข้าเรียกตัวจิวยี่มาควบคุมกองทัพเพื่อเผชิญหน้าและต่อสู้กับผู้รุกราน นี่คือหนที่สองที่เขาทำให้ข้าพอใจ   แต่เมื่อเขาได้ทำผิดพลาด-แนะนำให้เขายกดินแดนให้กับเล่าปี่ สิ่งนี้ไม่อาจหักล้างความดีสองข้อของเขาได้เลย---เมื่อลิบองยังหนุ่มอยู่ ข้าเคยพูดว่าเขาไม่ใช่คนที่จะลังเลไม่ว่างานยากหรือง่าย เขากล้าหาญและสง่างาม และเมื่อเขามีอายุมากขึ้นก็กลายเป็นบัณฑิตที่เก่ง-มีเชี่ยวชาญในกลยุทธและแผนการ ด้วยเหตุนี้ข้ายกให้เขาเทียบเท่ากับจิวยี่ จะด้อยกว่าก็เรื่องการโต้วาทีเท่านั้น เขานี่แหละที่วางแผนทำลายกวนอูทำให้เขาจึงเหนือกว่าโลซก   เมื่อข้าเขียนไปหาโลซก เขามักจะตอบว่าเมื่อฮ่องเต้ได้รับอำนาจ บางคนต้องเป็นผู้ปูทางให้กับเขา กวนอูไม่มีความหมายเพราะว่าโลซกรู้ตัวดีว่าจัดการกับกวนอูไม่ได้ เขาพูดจาโอ้อวดทำท่าวางโต แต่ข้าก็ยกโทษและไม่โทษเขาในเรื่องนี้   ยิ่งกว่านั้นในการจัดการกองทัพในค่าย โลซกทำให้คนของเขาเชื่อฟังเสมอ อะไรที่เขาสั่งห้ามก็จะไม่มีคนฝ่าฝืน ในดินแดนที่เขาปกครองไม่เคยมีใครละทิ้งหน้าที่ และสิ่งของที่ตกหล่นตามท้องถนนก็ไม่มีใครกล้าหยิบฉวย เขาจัดเป็นผู้นำที่ดีอย่างแท้จริง"
     
    ซุนกวนในRed Cliff น่าเสียดายที่ไม่มีตาสีฟ้าเหมือนในบันทึกประวัติศาสตร์

    "ลกซุน" เริ่มทำงานกับซุนกวนเมื่ออายุ 21 เนื่องเขาแต่งงานกับลูกสาวของซุนเซ็กจึงมีศักดิ์เป็นหลานเขยซุนกวนและทำให้ซุนกวนรับฟังคำแนะนำของลกซุนในภารกิจหลายอย่างของง่อ น่าประหลาดที่หลอกว้านเขียนถึงเขาอย่างเสียมิได้และทำให้เขามีภาพพจน์เป็นนักวิชาการทั้งที่เขาเป็นทหารที่ออกสงครามมาตลอดตั้งแต่เริ่ม ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นเจตนาของหลอกว้านจงที่จะทำให้ภาพพจน์ของเล่าปี่ดูแย่ลงเพื่อชูข่งเบ้งให้เด่นขึ้น (เพราะถ้าเล่าปี่เก่งคนอ่านย่อมไม่รู้สึกว่าข่งเบ้งเทพแน่ๆ) ร่วมกับลิบอง ลกซุนได้จัดการกวนอูได้จนสำเร็จ ความสามารถของลกซุนนั้นแม้แต่ลิบองก็ยังยกย่องว่า "ลึกล้ำยิ่งนัก"  ลกซุนมักพูดเหมือนเขาเป็นเพียงขุนนางฝ่ายการเมืองศึกษาตำรา ไม่มีความรู้เรื่องกองทัพ ไม่เฉลียวฉลาดพอและไม่เหมาะสมกับตำแหน่งสำคัญ นั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ศัตรูมองเขาอย่างประมาทเสมอ ความจริงลกซุนควรถูกเรียกว่า "งูแมวเซา" มากกว่าสุมาอี้(เล่าชวนหัวเรียกสุมาอี้ว่างูแมวเซา) เพราะสิ่งที่เขาทำนี้ทำให้เล่าปี่ประมาทและพินาศมาแล้ว เขามักพูดเหมือนว่าเขา "ไร้ความสามารถ แต่อาศัยบุญบารมีและอำนาจของซุนกวน" ซึ่งความความจริงไม่เป็นเช่นนั้นเลย
     
    ลกซุน ผู้พิชิตเล่าปี่

    ลกซุนเป็นคนฉลาดและแยบยล ถ้าคุณคิดว่าเล่าปี่ในนิยายเป็นคนถ่อมตัว-ไหว้สวยล่ะก็ ผมขอบอกว่าลกซุนถ่อมตัวยิ่งกว่าใครและนั่นทำให้เขาเหมือนกับม้ามืดที่ไม่มีใครสังเกตเห็น  จนในปี Huang Long ที่หนึ่ง (ปี ค.ศ. 229) ลกซุนจึงทะยานขึ้นสู่ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ แต่โชคร้ายเมื่อซุนกวนกลายเป็นฮ่องบ้า-เวียนปลดและแต่งตั้งรัชทายาทตามใจชอบ ลกซุนที่พยายามกู้สถานการณ์รัชทายาทรายวันนี้จนกระทั่งเหยียบมัจฉาเนตรซุนกวน ซุนกวนจึงปลดลกซุนออกจากตำแหน่งและคุมขัง ใครที่ติดต่อกับลกซุนต้องตายหมดถ้าซุนกวนจับได้ และยังส่งขุนนางไปตำหนิลกซุนครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดลกซุนก็จบชีวิตด้วยวัย 63 ปีเพราะความตรมตรม หลังจากเขาตาย เขาแทบไม่มีทรัพย์สมบัติเหลือให้แก่ลูกหลานนับเป็นเรื่องที่น่าสังเวชยิ่งกว่าซุนฮกในเวอร์ชั่นนิยายซะอีก

    อันที่จริงรับเรื่องลิห้อมมาจาก "พนมทวน" ด้วย แต่เอาไว้ทีหลังครับ ตอนหน้าเป็นเป็นตอน "โจโฉมองกุนซือ" และ "เล่าปี่มองกุนซือ" รับรองว่ามีฮาแน่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×