ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เฮฮาประสาสามก๊ก

    ลำดับตอนที่ #30 : เตียวเสี้ยน-นางพญาหลังบัลลังก์!?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.28K
      13
      21 ก.พ. 55

    เตียวเสี้ยน-นางพญาหลังบัลลังก์


    พงศาวดารฉบับหลอกว้านจงและงิ้วสามก๊กได้ปรากฏนาง "เตียวเสี้ยน" เจ้าของฉายา "พระจันทร์หลบโฉมสุดา" ที่งามพริ้งพรายจนเป็นเหตุให้พ่อลูกฆ่ากัน กลายเป็นหนึ่งในสี่ยอดหญิงงามแห่งแผ่นดินจีนทั้งๆ ที่ความงามของนางไม่ถึงครึ่งของนางสองเกี้ยวแห่งแดนใต้และเอียนสีแห่งแดนเหนือด้วยซ้ำ แผ่นดินเรียกหานางสองเกี้ยวและนางเอียนสีทั้งแผ่นดินแต่ไม่มีใครพูดถึงเตียวเสี้ยนแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำเมื่อเรื่องตั๋งโต๊ะจบปุ๊บก็หายปั๊บ ไม่โผล่มาอีก ยกเว้นงิ้วที่คุณหลอเขียนแยกจากพงศาวดารไว้ต่างหากว่านางพยายามยั่วยวนกวนอูถึงตายคาง้าว ส่วนพ่อลูกเหมาคงเห็นว่าโหดไปก็เลยกลายเป็นว่ากวนอูไม่ฆ่า แต่หลงเสน่ห์แทนพอดีทำง้าวหล่นและเป็นคราวเคราะห์พอดีถึงถูกสับคอขาด ซึ่งซามมาเอลก็ปาดเหงื่อเพราะโดยสรุปคือไม่ว่าจะพลิกบทยังไงเตียวเสี้ยนก็ตายคาง้าวหนักแปดสิบสองชั่งของเจ้าพ่อกวนอู(-"-) ดีว่าต่อมามีคนใจดีเขียนให้กวนอูไว้ชีวิต นางจึงหนีไปเป็นกล้วย(บวชชี)แทน

    คราวนี้ คำถามมีอยู่ว่า แท้จริงแล้วเตียวเสี้ยนมีตัวตนจริงหรือไม่ ถ้ามีเธอเป็นใคร และคอขาดเพราะง้าวของกวนอูจริงหรือไม่? ในเรื่องจอมราชันย์อหังการเธอเป็นลูกสาวจริงๆ ของอองอุ้นที่ตายระหว่างการรัฐประหารของลิฉุย-กุยกี ส่วนในเรื่องหงสาจอมราชันย์เธอกลายเป็นขันทีชื่อเสี่ยวม่าน แถมเจ๊เสี่ยวม่านอยู่ในกลุ่มซากทัพใต้บัญชาของสุมาอี้ด้วย ชีลอบสังหารโจโฉสองครั้งซึ่งก็พลาดทั้งสองครั้ง อันนี้ไม่ว่ากัน แต่เรามาพูดถึงหลักฐานร่วมสมัยที่กล่าวถึงเตียวเสี้ยนกันหน่อยเพราะแม้จะเป็นพงศาวดารแต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่าหลอกว้านจงเขียนมันส์เกินกว่าจะเรียกว่าพงศาวดาร มีหลักฐานประวัติศาสตร์กล่าวว่า "ตั๋งโต๊ะต้องการมีอำนาจในราชสำนัก โจโฉจึงให้คำแนะนำแก่ตั๋งโต๊ะว่า ให้ถวายนางเตียวเสี้ยนแก่ฮ่องเต้เพื่อที่จะทำให้ทรงลุ่มหลง" จากคำพูดนี้เตียวเสี้ยนต้องมีจริงแน่ๆ ทว่า... โจโฉพูดกับตั๋งโต๊ะ แปลว่าตอนนั้นโจโฉอยู่ในฐานะเฟอร์นิเจอร์ เอ้ย! ที่ปรึกษาของตั๋งโต๊ะ และตามประวัติศาสตร์แล้ว ช่วงเวลานั้นเหี้ยนเต้พึ่งครองราชย์ มายุเพียงเก้าพรรษา จะเอาปัญญาที่ไหนไปลุ่มหลงผู้หญิง? เพราะฉะนั้นว่าตามหลักความจริง ผู้หญิงที่จะทำให้เด็กเก้าขวบหลงได้ต้องมีลักษณะเป็นแม่หรือพี่สาวเพราะเด็กกำลังขาดความอบอุ่น ฉะนั้นนางเตียวเสี้ยนต้องมีอายุอย่างน้อยๆ 16-20 ปี จึงจะสามารถดูแลเหี้ยนเต้ได้ และจากนั้นไม่นานเหี้ยนเต้ก็มีฮองเฮา ท่านพอจะเห็นอะไรบ้างมั้ยครับ?
     
    เสี่ยวม่าน ชายที่งาม(!?)ล่มเมือง

    ตามธรรมดาฮ่องเต้วัยไม่ถึงยี่สิบปีย่อมต้องการผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อยู่แล้ว และฟูฮองเฮาหรือเตียวเสี้ยนผู้นี้มีอายุมากกว่าฮ่องเต้จะนอนเป็นเมียเฉยๆ รึ เพราะตอนนั้นเหี้ยนเต้ไม่มีทั้งเสด็จย่าหรือเสด็จแม่(เลี้ยง) ไม่มีพระญาติเกื้อหนุน นับว่าทรงเหลือแต่พระองค์ล่อนจ้อน-เหี้ยนสมชื่อจริงๆ แต่ฮองเฮาผู้นี้สติปัญญาคงไม่ธรรมดา เพราะเธอนี่เองที่น่าจะเป็นแม่เป้งตัวจริงอยู่เบื้องหลังการสมคบคิดกับออนอุ้นและลิโป้ในการโค่นตั๋งโต๊ะ เพราะหากพิจารณาจากสถานการณ์โจโฉตอนที่แนะนำเตียวเสี้ยนไปนั่นแท่นฮองเฮา เค้าอยู่ในสภาพถูกกดดันรอบทิศและเตรียมหนีอยู่แล้ว คงไม่แนะนำใครมานั่งตำแหน่งสำคัญแบบมั่วซั่วเพื่อที่จะให้ตั๋งโต๊ะกุมอำนาจง่ายขึ้นหรอกครับ เค้าต้องหาคนมาดูแลเหี้ยนเต้ระหว่างที่เค้าไม่อยู่สิ และเมื่อกำจัดตั๋งโต๊ะได้จริงตามที่เค้าวางแผนไว้จะเอายังไงกับการบริหารบ้านเมืองที่ฟ่อนเฟะขนาดนี้? และโจโฉก็มักชื่นชมผู้หญิงเก่งๆ และเป็นเพื่อนกับพวกเธอด้วย เค้าไม่สนับสนุนซัวบุ้นกี้ที่ฉลาดแต่อาจจะไม่หลักแหลมพอแต่เลือกที่จะแนะนำเตียวเสี้ยน แปลว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเขี้ยวพอดูจึงสามารถเอาตัวรอดท่ามกลางศึกชิงอำนาจที่ระอุขนาดนี้ได้ ไม่งั้นตั๋งโต๊ะอาจจะสะด๊วบไปเรียบร้อย บางทีราชโองการประหารตั๋งโต๊ะอาจจะมาจากเธอเองด้วย แต่ทำในพระนามของเหี้ยนเต้  แต่เสวยสุขได้ไม่นาน ลิฉุย-กุยกีก็โผล่มาอ้างความภักดีต่อเหี้ยนเต้และทำให้ทั้งฮ่องเต้และฮองเฮาต้องกลับไปอยู่ในมุมมืดอีกครั้ง ตามประวัติศาสตร์ลิฉุย-กุยกีดูและเหี้ยนเต้และฮองเฮาอย่างดี แต่ไม่สนใจใยดีแก่เหล่าขุนนางและพระญาติพระวงศ์ ปล่อยให้อดๆ อยากๆ ทำให้พวกขุนนางและพระญาติพร้อมใจกันนำเสด็จเหี้ยนเต้หลบหนีออกมาจนโจโฉเข้ามาอุ้มไว้ได้ทันควัน

    แต่เรื่องก็ไม่จบแค่นี้ เพราะในประวัติศาสตร์จริงนั้นความสัมพันธ์กับโจโฉของเหี้ยนเต้ดีกว่ากับฮองเฮา เนื่องจากโจโฉไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของเหี้ยนเต้ แม้เหี้ยนเต้จะไม่มีอำนาจที่แท้จริงในการปกครองประเทศแต่ก็ทรงมีอำนาจจริงๆ ในวัง โจโฉถวายสิทธิ์ในวังเต็มที่และไม่เคยขัดที่นำเสด็จออกนอกวังตามพระประสงค์ด้วย แถมยังจัดการหากองทัพขาอ่อนมาถวายตามคำสั่งทุกประการ ขณะที่ฟูฮองเฮาทรงยุ่งไปหมดทั้งเรื่องในมุ้ง-นอกมุ้ง ทำให้เหี้ยนเต้รำคาญมากถึงกับมีเรื่องเล่าขำๆ ว่าครั้งหนึ่งเหี้ยนเต้ถึงกับประชดว่าถ้าถูกบังคับให้เลือกระหว่างฮองเฮากับโจโฉพระองค์จะยอมรับโจโฉเป็นภรรยาแทน! เอาล่ะสิ! โจโฉแก่กว่าฮองเฮาสิบกว่าปีก็จริงแต่ก็ดูเด็กกว่าอายุจริงสิบกว่าปีเหมือนกัน! แต่ฮองเฮาคิดว่าเป็นแค่คำพูดประชดธรรมดา เหี้ยนเต้จึงทำทีออกคำสั่งให้พวกขันทีเฝ้าห้องบรรทมไม่ให้ใครเข้าออก แล้วให้คนไปเชิญโจโฉไปอยู่ด้วยอย่างกระหนุงกระหนิงสามวันสามคืนก็ไม่ยอมออกมา(เฮ้ย?) ทำให้ฮองเฮาชักติดใจว่าที่เคยพูดอาจจะเป็นเรื่องจริง เลยแล่นไปที่ตำหนักของฮ่องเต้บุกเข้าไปพบว่าทั้งหมดเป็นเรื่องงานล้วนๆ เพราะม้วนหนังสือกองเรี่ยราดเต็มพื้นห้องไปหมด และนายกโจโฉก็นั่งแทบเท้าเหี้ยนเต้ที่กำลังอ่านฎีกา นี่เป็นแค่เรื่องขำๆ ที่ไม่มีมูลความจริง(แต่ผมเคยหลงเชื่ออยู่พักหนึ่งจนตีความว่าฮองเฮาหึงโจโฉ) เพราะเมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ผู้หญิงอย่างเตียวเสี้ยน ไม่ว่าจะเวอร์ชั่นหลอกว้านจงหรือเตียวเสี้ยนจริงๆ ก็ไม่น่าจะเป็นผู้หญิงที่สนใจเรื่องพรรค์นั้นหรอก แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงก็แปลว่านายกโจตัวจริงคงไม่ได้กุมฮ่องเต้ด้วยอำนาจแต่กุมไว้ด้วยความน่ารักจนกลายเป็นจอมใจจักรพรรดิทีเดียว(ชักจะมีกลิ่นวาย)
     
    คนวาดภาพนี้บอกว่าเธอไม่สนใจหรอกว่ามันคืออายุยี่สิบกับสี่สิบหก(ป้าด)

    ผู้หญิงที่ฉลาดขนาดนั้นน่าจะสนใจเรื่องอำนาจหลังม่านไม้ไผ่มากกว่า นั่นทำให้เธอเริ่มงัดข้อกับโจโฉผู้ครองอำนาจเบ็ดเสร็จในแผ่นดินและได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ขนาดตรัสว่า "ท่านจะปกป้องข้าพเจ้าอย่างไรก็แต่ที่ท่านจะเห็นสมควรเถอะ" เพราะทันทีที่เธอได้ตำแหน่งฮองเฮาเธอก็มีอำนาจเหนือสามีที่ยังไม่เดียงสาในราชการแผ่นดินมาตลอด  อยู่ๆ ถูกยึดไปจากมือย่อมไม่พอใจแน่ แต่เธอฉลาดพอจะไม่ลงมือเอง เธอจัดการทุกอย่างในนามของฮ่องเต้ทำให้เราเชื่อมาตลอดว่าเหี้ยนเต้คิดสนองบุญคุณของโจโฉโดยการลอบฆ่าทั้งที่เหี้ยนเต้กับโจโฉก็ปรองดองกันเป็นอย่างดี  เมื่ออ่านจากหลักฐานประวัติศาสตร์ ผมก็พบว่าโจโฉถูกลอบสังหารหลายครั้งตลอดเวลาที่อยู่ในเมืองหลวง โจโฉจึงต้องมีทั้งเคาทูที่คุ้มกันอย่างเป็นทางการที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีและในสนามรบ แต่เมื่อเคาทูออกเวรหรือโจโฉต้องการอยู่ตามลำพัง โจโฉก็จะรับความคุ้มครองจากสุมาอี้(ใครว่าโจโฉไม่ไว้ใจสุมาอี้ฟะ? เพราะถ้าสุมาอี้จะเก็บโจโฉก็โคตรง่ายเลย)และซากทัพ แต่นั่นและ... ทั้งๆ ที่มีเรื่องทำนองนี้บ่อยๆ แต่กลับมีเพียงสองครั้งที่โจโฉจัดการตัดตอนผู้คิดร้าย ทำไมครับ? โจโฉไม่รู้เหรอว่าใครทำ? ตามหลักโจโฉต้องรู้แน่ๆ เพียงแต่ที่ไม่ทำเพราะไม่ต้องการแตะต้องคนระดับฮองเฮาซึ่งเป็นการยืนยันความจงรักภักดีต่อราชวงศ์ฮั่น หรือถ้าโจโฉไม่รู้จริงๆ แปลว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเทพมากจึงลอยนวลตลอด!
     ถ้าสุมาอี้คิดร้ายจริง โจโฉมีกี่ชีวิตก็ไม่รอดครับ

    แต่แล้ววันหนึ่งโจโฉก็ไม่อาจจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรได้อีกต่อไป ซึ่งเรื่องนี้เป็นข้อมูลใหม่ที่ผมพึ่งพบเร็วๆ นี้และจะขอความร่วมมือของทุกท่านในการกลับไปพิจารณาเรื่องของเอียวสิ้วอีกครั้งพร้อมๆ กัน

    ผมพึ่งจะเจอเข้าว่าตัวเองผิดเบ้อเร่อแบบหน้าแตกยับเยิน! เอียวสิ้วไม่ได้คอขาดเพราะโครงไก่ แต่นักประวัติศาสตร์จีนเห็นตรงกันว่าคอขาดเพราะโจโฉไม่ต้องการให้กลายเป็นเสี้ยนหนามแก่โจผีผู้แสนซื่อ(บื้อด้วย) เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อมาถึงจุดหนึ่งฮองเฮาเล็งเห็นว่าแม้จะกำจัดโจโฉให้พ้นทางได้แต่ก็ยังมีโจผีอยู่ เอียวสิ้วได้ทูลว่าโจผีก็ไม่ใส่ใจที่จะเชิดชูฮ่องเต้จึงควรกำจัดโจผี หนุนโจสิดเป็นทายาท แล้วค่อยจัดการโจโฉ ซึ่งร้ายแรงมากเพราะตามประวัติศาสตร์จริงนั้นโจโฉไม่ได้ชังความอวดรู้ของเอียวสิ้วแม้แต่น้อยเพราะเอียวสิ้วเป็นหลานน้าอ้วนเสี้ยวและหน้าตาเหมือนอ้วนเสี้ยวมาก หลังโค่นอำนาจสกุลอ้วนแล้วโจโฉอุปการะไว้เนื่องจากโจโฉยังอาลัยอาวรณ์อ้วนเสี้ยวอยู่นั่นเอง แต่เอียวสิ้วกลับปองร้ายโจผี ออกอุบายให้โจผีได้เป็นประธานในพิธีสำคัญ แต่โจโฉรู้ระแคะระคายว่ามีคนปองร้ายโจผี(แต่งานก็ยกเลิกไม่ได้) โจโฉจึงสั่งให้โจผีไปราชการแล้วตัวเองก็เป็นประธานในพิธีนั้นซะเอง งานนี้เอียวสิ้วก็ทันกันครับเพราะทุกอย่างเตรียมหมดแล้ว แต่จะจัดการผีนอกรอบก็ไม่ได้เพราะโจโฉจัดคนคุ้มกันหนาแน่น เลยทำเนียนให้คนไปบอกโจผีว่าจะมีการลอบสังหารโจโฉ โจผีที่รู้เรื่องรีบแผ่นไปที่งานเพราะกลัวว่าพ่อจะมีอันตราย เป็นเรื่องเลยคราวนี้เพราะเป้าหมายกลับมาที่งานซะงั้น ท่ามกลางเหตุชุลมุน โจผีเข้าประชิดตัวพ่อแล้วพยายามพาออกจากงาน กลายเป็นเป้านิ่งให้คนร้ายพุ่งเข้ามาเสียบแต่เคราะดีของโจผีที่คุณพ่อช่วยลูกออกจากวิถีคมมีด และเป็นความโชคดีอีกขั้นที่โจโฉเตี้ยกว่าลูกชายมากเพราะหากไม่แล้ว ตำแหน่งที่โจโฉจะถูกแทงนั้นมันก็คือตำแหน่งหัวใจ
     
    โจโฉน่าจะบาดเจ็บสาหัสจากการปอกป้องโจผี

    น่าจะโดนที่หลังมากกว่ามั๊ง(ทำไมภาพชวนวายจัง)

    เรื่องสำคัญขนาดไม่ยักบอกในฉบับเฉินโซ่วหรือหลอกว้านจง! แต่มีการพูดเป็นนัยย์ๆ เกี่ยวกับการลอบสังหารที่ผิดพลาด ผมค่อนข้างเชื่อว่าโจโฉคงต้องอาวุธจริงๆ เมื่อมองจากปฏิกิริยาของโจผีที่สติแตกและสืบหาตัวคนร้ายอย่างไม่หยุดไม่หย่อน แต่ขณะนั้นคงมีการพยายามปิดข่าวเนื่องจากโจโฉไม่ได้กิ๊กก๊อกเหมือนตอนรบกับลิโป้จะได้ปล่อยข่าวว่าตัวเองตายได้ และเหตุการณ์นี้อยู่ในเมืองหลวงไม่ได้อยู่ในสนามรบ แต่ที่แน่ๆ โจโฉเก็บตัวเงียบไม่มีใครได้พบเห็นเป็นเดือนแม้จะมีข่าวว่าไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายอะไร แถมยังมีคำสั่งห้ามรบกวนเพราะโรค "ละเมอฆ่าคน" ผมว่าคนรับใช้นั่นอาจจะไม่ได้ตายเพราะโจโฉละเมอ เนื่องจากแผนใหญ่ขนาดนี้ล้มเหลว ฟูฮองเฮาจะต้องส่งคนมาฆ่าโจโฉแน่นอน แต่คนร้ายก็คงถูกขัดขวางโดยสุมาอี้(ถ้าถูกจัดการโดยเคาทูเรื่องจะต้องเป็นทางการกว่านี้ แต่สุมาอี้ทำงานเป็นกำลังลับที่ต้องมีคนรู้เห็นน้อยที่สุด) ระหว่างในประวัติศาสตร์ระบุว่า "ตอนที่เรียกกาเซี่ยงไปพบเพื่อปรึกษาเรื่องการแต่งตั้งทายาทนั้นโจโฉป่วยหนักใกล้ตายและเรียกเข้าไปในที่เร้นรับ" หลอกว้านจงจึงตีความว่าเป็นตอนที่โจโฉกำลังจะตายด้วยโรคปวดหัว แต่ประวัติศาสตร์ร่วมสมัยทุกเล่มระบุตรงกันว่าโจโฉตั้งโจผีเป็นทายาทตอนที่พึ่งเป็นวุ่ยอ๋อง ไม่ใช่ตอนที่กำลังจะตายเพราะโรคปวดหัว นั่นเองที่ทำให้ผมเชื่อจริงๆ ว่าโจโฉบาดเจ็บสาหัสจาการเอาตัวเข้าปกป้องลูกชายและตอนนั้นคงกลัวว่าตัวเองจะไม่รอดจึงปรึกษาเรื่องแต่งตั้งทายาทซึ่งกาเซี่ยงก็พูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งว่า "คิดถึงตระกูลอ้วนที่แย่งอำนาจจนพากันตายหมด" ความหมายคือให้แต่งตั้งโจผีแล้วล้างบางพวกอ้วนที่เหลือซึ่งก็คือเอียวสิ้วนั่นเอง
     
    อาการบาดเจ็บทำให้โจโฉเริ่มไม่แน่ใจเกี่ยวกับตนเอง จึงเรียกกาเซี่ยงมาปรึกษา

    เอียวสิ้วคงรู้ว่าโจโฉไม่ได้หายหัวไปเพราะยุ่งจริงจึงได้พูดว่า "ไม่ใช่ว่าท่านละเมอร้ายหรอก แต่ความสุภาพบุรุษของท่านมันหลับต่างหาก" นัยยะคงเหน็บสุมาอี้ที่ฆ่าคนแล้วโยนให้โจโฉรับผิดชอบ แต่ไม่ได้หยุดโจผีที่สืบเรื่องไปจนรู้ว่ามีคนอยู่เบื้องหลังเป็นระดับฮองเฮา โจผีไม่เหมือนพ่อ เค้าลากคอทุกคนที่เกี่ยวข้อง(เว้นฮ่องเต้ที่โจโฉไม่ให้ฆ่าแกง)มาขึ้นเขียงจนหมด ไม่เว้นแม้แต่ฮองเฮา พระนางถูกทุบด้วยกระบองจนตายแทนที่จะถูกแพรรัดพระศอ(เห็นได้ชัดว่าโจผีแค้นมาก) แต่เอียวสิ้วนั้นโจโฉกลับปล่อยให้รอด.. ทำไม!? คำตอบง่ายๆ ครับ ถ้าเอียวสิ้วเกี่ยวโจสิดก็จะถูกสงสัยด้วยและโจโฉไม่ได้ให้ใครรู้ว่าโจผีต่างหากที่เป็นเป้าสังหาร เพราะหากทุกคนรู้โจสิดจะไม่หลุดคดีแน่เนื่องจากเค้าเป็นคู่แข่งของโจผีย่อมถูกมองว่าต้องการกำจัดโจผี พูดง่ายๆ คือโจโฉไม่เอาเรื่องเอียวสิ้วตอนนั้นเพื่อปกป้องโจสิดนั่นเอง แต่ต่อมาโจผีรู้ความจริงจากสุมาอี้จึงพยายามจะแก้แค้น  ทว่า กลอนถั่วต้มของโจสิดก็ทำให้โจผีนึกได้ว่าพ่อได้อภัยน้องแล้วตนก็ควรเคารพการตัดสินใจของพ่อ  โจผีคิดฆ่าโจสิดเพราะคิดว่าโจสิดเคยหมายชีวิตตนและทำให้โจโฉเกือบต้องตายไปด้วย จึงมาคิดบัญชีในครั้งนี้ และบางที อีกคนที่ชิงฆ่าตัวตายไปก่อนก็อาจจะมีส่วนในแผนลอบสังหารครั้งนั้นด้วยเช่นกัน
     พระเจ้าโจผีพิโรธ

     
    แท้จริงแล้วกลอนต้มถั่วของโจสิดอาจจะไม่ได้ทำให้โจผีสะเทือนใจเพราะนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกตน หากแต่คงนึกถึงพ่อที่ตายไปมากกว่า
     
    โจผีของร้องไม่ให้พ่อออกไปราชการสงครามด้วยตัวเอง

    ตอนที่โจโฉจะไปศึกฮั่นจงโจผีที่มายืนตาแดงส่งพ่อตลอด คราวนี้ถึงกับร้องไห้แล้วกอดขาพ่อไว้ ขอร้องไม่ให้ไป เพราะตอนที่โจโฉล้มลงในอ้อมแขนคราวนั้นคงทำให้เค้าคงนึกได้ว่าโจโฉไม่ใช่แค่บาดเจ็บได้แต่ตายได้ด้วยเหมือนกัน  โจโฉรู้ว่าเอาเอียวสิ้วไว้ไม่ได้แต่ก็ไม่โผงผาง จึงเอาไปด้วยและตั้งใจจะประหารด้วยกฏอัยการศึกแทน ดูเหมือนเอียวสิ้วจะถนอมตัวเองไว้ตลอดเช่นกันคงสงสัยว่าโจโฉอาจจะพยายามหาเหตุตัดหัวอยู่ โจโฉก็ทำเป็นไม่สนซะจนกระทั่งวันที่โจโฉคิดถอนทัพโจโฉจึงได้ทีออกอุบายว่า "โครงไก่" เพื่อให้เอียวสิ้วที่ตอนนี้หายระแวงแล้วอวดรู้ตามนิสัยได้ถูกกำจัดในที่สุด  สำหรับฟูฮองเฮานั้น เมื่อไปแล้วโจโฉก็ให้เกียรติจัดงานศพถวายอย่างดี พระนางทรงมีโอรสและธิดากับเหี้ยนเต้ซึ่งทั้งหมดอยู่อย่างปลอดภัยและถูกเนรเทศพร้อมกับพระบิดาในวันที่โจผีโค่นบัลลังก์

    คราวหน้าเราจะคุยกันเรื่องฮ่องเต้แห่งซู่ที่ถูกหาว่าปัญญาอ่อนดูบ้างว่าพระองค์ปัญญาอ่อนจริงรึเปล่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×