ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เฮฮาประสาสามก๊ก

    ลำดับตอนที่ #7 : จูล่ง--ยอดขุนพล(โสด)ตลอดกาล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.34K
      16
      6 ก.ย. 54

    จูล่ง--ยอดขุนพล(โสด)ตลอดกาล

     
    "แผ่นดินมีหญิงงามตั้งมากมาย  ทำไมต้องเอาแม่ม่ายด้วย" นี่คือคำพูดของจ้าวจื่อหลง หรือ เตียวจูล่ง ที่นับว่าสั่นสะเทือนแผ่นดินพอสมควรเมื่อเตียวหอมคิดจะยกพี่สะใภ้ผัวตายที่ยังงามหยาดเยิ้มให้เป็นภรรยาของจูล่ง  เป็นการแสดงถึงคุณธรรมและจริยธรรมล้ำเลิศที่ไม่คิดจะ "ล้างชาม" ผิดกับคนอื่นๆ ที่อยู่ในยุคเดียวกัน  โดยเฉพาะน้องโจโฉที่คงรับเอาทันทีโดยไม่ปฏิเสธทั้งๆ ที่เจ้าตัวก็มีรูปร่างหน้าตา(ตัวจริงในประวัติศาสตร์)บอกยี่ห้อว่าเป็น "อุเคะ" ชั้นเลิศแต่ดันสะเออะจะสะด๊วบผู้หญิง  แต่จูล่งกลับไม่มีท่าทางจะใยดีเลย!?  แล้วยิ่งกว่านั้นตอนที่พูดคำนี้  จูล่งอายุห้าสิบกว่าแล้วครับ!

    ก่อนอื่น  ผมต้องบอกก่อนว่าตามบันทึกประวัติศาสตร์  ที่เตียวหอมคิดยกพี่สะใภ้เป็นภรรยานั้นเพราะเห็นว่าจูล่งยังไม่มีเมีย... และแน่นอนว่าเรื่องจริงในประวัติศาสตร์นั้นจูล่งก็โสดจนตัวตาย  ทำไมจูล่งที่ทั้งสูงสง่าล่ำบึกและหล่อเหลาเหลือกำลังลากขนาดนั้นจึงไม่มีภรรยา!? แล้วในเรื่องหงสาจอมราชัญแกยังเป็นหนึ่งในซากทัพ(นักรบพิการ)  จนชวนให้คิดว่าแท้จริงแล้วนามของท่านจูล่งนั้นหาใช่จูล่งไม่  แต่เป็นจู๋ล่มต่างหาก!? อะไรวะกรู  ยิ่งเขียนยิ่งไร้สาระ(-"-)

    จูล่งน่าจะเกิดเมื่อ ค.ศ 157 โดยประมาณเพราะตามประวัติศาสตร์เขาตายในปีค.ศ 229 ขณะมีอายุ 72 ปี  ซึ่งแปลว่าจูล่งแก่กว่าเล่าปีถึงสี่ปีและอ่อนกว่าโจโฉเพียงสองปีเท่านั้น  จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เล่าปี่จะพูดว่า "รักจูล่งเหมือนน้อง" ก่อนตายตามที่หลอกว้านจงเขียนไว้  และตามประวัติศาสตร์จริงจูล่งก็ไม่เคยอยู่กับอ้วนเสี้ยวด้วยหากแต่เริ่มต้นก็อยู่กับกงซุนจ้านเลย  และยังได้ติดตามกงซุนจ้านไปร่วมคณะปฏิวัติด้วยกันจนรู้จักเล่าปีและโจโฉที่นั่น  แต่หลังกงซุนจ้านตาย  จูล่งก็มาอยู่กับเล่าปี่ซึ่งไม่รู้มีกลเม็ดอะไรจูล่งจึงหลงใหล เอ้ย จึงภักดียิ่งนัก(ขนาดข่งเบ้งยังหอบผ้าหอบผ่อนหนีเมียมาอยู่กับเล่าปี่  และอยู่ในถ้ำของโจโฉถึงสองปีได้โดยไม่มีอันตรายทั้งๆ ที่บรรดาเสนาธิการต่างสะกิดโจโฉให้รีบๆ ฆ่าเล่าปี่ก่อนที่จะถูกแทงข้างหลัง!?)  แต่อานิจา... จูล่งกลับไม่เคยมีตำแหน่งสูงไปกว่าทหารองครักษ์ที่มีหน้าที่คุ้มครองอาเต๊าและกว่าจะได้ต่ำแหน่งเหา(พระยา)ก็หลังจากตายจากจ๊กไปแล้วโดยการแต่งตั้งของอาเต๊า  ทั้งๆ ที่เป็นยอดขุนพลที่มากความสามารถ  ยิ่งไปกว่านั้น  หากวัดกันจริงๆ จังๆ จูล่งน่าจะเป็นขุนพลที่เก่งที่สุดในจ๊กด้วยซ้ำไป

    จูล่งสูงแปดเชี๊ยะ(184 cm)มีความสามารถในการรบสูงมากทั้งบนหลังม้าและเรือแจวข้ามฟาก  เชี่ยวชาญการให้อาวุธทุกชนิดตั้งแต่ทวนยาวจนถึงดาบสั้น(อ่า... ผมหมายถึงดาบสั้นจริงๆ ครับ  ไม่ได้หมายถึงอะไรที่อยู่ใต้สะดือ)  แถมยังเป็นสุภาพบุรุษยิ่งนัก  ทำให้ใครๆ ก็รักใคร่ชอบพอ  แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือเล่าปี่ด้วย  ทุกคนในตอนนั้นจึงไม่ได้แต่จะหาผลประโยชน์จากการปฏิวัติเท่านั้นแต่หาแนวร่วมด้วย  แฮหัวตุ้นและซุนเกี๋ยนก็เคยมาทาบทามตัวจูล่งเหมือนกันครับแต่คุยกันแบบผู้ชายวัดใจกัน  ขณะที่เล่าปี่อ่อนโยนกว่า  ด้วยความเหนือชั้นเล่าปี่จึงได้ใจจูล่งไปเต็มๆ

    น่าเสียดายที่แฮหัวตุ้นมาทาบทามแทนที่หัวหน้าจะมาเอง  แต่คิดอีกทีน่าจะดีแล้วครับ เพราะถ้าเปลี่ยนเป็นโจโฉทาบทามท่านคิดเอาเองเถอะว่าภาพบุรุษร่างเล็กหน้าตาน่ารักคุยกับหนุ่มที่รูปหล่อโคตรๆ แบบนั้นมันชวนจิ้นขนาดไหน  ข่าวลือคงสะพัดน่าดู  และอาจจะทำให้โจโฉถูกฉุดในเวลาต่อมา(แหม.. ชอบผู้ชายก็ไม่บอก  เดี๋ยวจัดให้)ค่ายของคณะปฏิวัติยิ่งขาดแคลนผู้หญิงซะด้วย(-"-)

    กลับมาที่ประวัติศาสตร์ใหม่... หลังจากความล้มเหลวในการปฏิวัติเพราะความไม่จริงใจกันของเหล่าขุนพล คนที่รบจริงจังและทำเพื่อชาติจริงๆ มีแค่ซุนเกี๋ยนและโจโฉ  ทั้งคู่ก็เลยหอบหัวใจกลัดหนองออกจากกองทัพของคณะปฏิวัติไป  แล้วเมื่อคนที่คอยไกล่เกลี่ยให้ให้บรรดาแม่ทัพทะเลาะกันถอดใจไปแล้ว  คนอื่นก็เลยแตกไปตามๆ กัน  แล้วก็หันจับคู่สู้กันเอง  ตอนนั้นเล่าปี่ใจหายครับ  ต้องจากกับจูล่ง  ทั้งคู่อาลัยอาวรณ์กันนานสองนาน(เอ๊ะ ยังไงกัน) โดยเฉพาะฉบับภาษาอังกฤษนั้นซึ้งยิ่งกว่าโรมิโอกับจูเลียตซะอีก(ใครเป็นโรมิโอว่ะ?)  กงซุนจ้านก็ต่อสู้กับอ้วนเสี้ยว  ปรากฏว่าพี่ชายจูล่งดันตายตอนนั้น!  จูล่งจึงต้องกลับไปงานศพพี่ทำให้ไม่สามารถช่วยกงซุนจ้านได้! หลังไว้อาลัยจึงมาอยู่กับเล่าปี่แทน!

    แล้ววีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจูล่งครั้งแรกก็มาถึง  เมื่อโจโฉยกทัพใหญ่ลงใต้ราวกับสึนามิเพราะเป็นช่วงของขึ้นหวังจะรวมประเทศให้เป็นหนึ่ง  ตอนนั้นมีข่งเบ้งไปขอความช่วยเหลือจากซุนกวนก่อนไปยังสั่งเผาเมืองเรียบเพื่อไม่ให้โจโฉใช้ประโยชน์จากเมืองและผู้คนได้   ซีซีต้องทิ้งเล่าปี่เพื่อตามหาแม่ที่หลงกันไป  ส่วนเล่าปีทิ้งทุกคนหนีไปก่อนแล้วครับ  แต่จูล่งกลับแสดงสปิริตคือการออกไปตามหาลูกเมียของเล่าปี่ แล้วตอนนั้นเองเค้าเสียทวนยาวประจำตัวไปเพราะสู้กับแฮหัวตุ้นแต่ก็ยังไวพอที่จะชิงกระบี่จากทหารเลวของโจโฉ(หมายถึงพลทหาร  ไม่ใช่ทหารนิสัยไม่ดีนะครับ)และพยายามกวัดแกว่งเมื่อกรุยทางให้ตัวเอง  ขณะนั้นมีอาเต๊าแนบอกแล้ว  และคงจะร้องไห้จ๊าจนทหารโจหลายคนสลดใจไปตามๆ กัน  แต่โชคดีครับที่ระหว่างที่แม่ทัพต้วนจง--ผู้บัญชาการพลธนูหญิงได้มีคำสั่งให้ทหารในบัญชาของเธอเตรียมยิง  โจโฉได้มาถึงพอดีและมีคำสั่งห้ามใช้ธนูและเปิดทางให้จูล่งหนีไป! จูล่งจึงหนีไปได้แบบปาฏิหาริย์! นับว่าโจโฉนักเลงจริงๆ ที่ทำแบบนั้น  ว่าตามตรงเค้าต้องรู้แล้วว่าเด็กเป็นลูกเล่าปี่เพราะโจโฉรู้จักจูล่งในระดับหนึ่งแล้วและมั่นใจได้ว่าคงไม่มีความจำเป็นที่จะกลับมาช่วยเด็กยกเว้นเด็กจะสำคัญมาก  ที่โจโฉทำแบบนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นคนใจดีก็คงเพราะรักน้ำใจจูล่ง  เพราะตอนนั้นโจโฉขึ้นชื่อว่าเป็นราชามารแห่งสมรภูมิรบอยู่แล้ว  แค่ฆ่าเด็กตายในอ้อมกอดองครักษ์อีกคนก็ไม่เสียอะไร

     < มันทำหน้าเหมือนผู้หญิงฝากลูกให้เลี้ยงเลยเว้ย

    เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ที่บันทึกตรงกันทุกฉบับ  แต่ผมไม่คิดว่าเป็นเพราะฝีมือจูล่งจึงรอดมาได้  สถานการณ์จริงจูล่งคงไม่เทพเหมือนในนิยายหรอกครับ  แต่คงยอมตายเพื่อไว้ลายด้วยซ้ำ ที่รอดมาได้เพราะโจโฉมาทันเวลาต่างหาก!

    วีรกรรมใหญ่ครั้งที่สองและสามคือล่องเรือตามไปช่วยอาเต๊า!(Again and again) ตอนนี้นับเป็นโชคดีของซุนฮูหยินที่คนตามไปคือจูล่ง  เพราะถ้าคนไปเป็นกวนอูอาจสังเวยคมง้าวไปแล้ว  จูล่งนับเป็นสุภาพบุรุษที่ไม่ทำร้ายผู้หญิงแถมยังปล่อยเธอกลับไปโดยดี  และการช่วยผู้ใต้บังคับบัญชาและพากลับไปที่ค่ายพร้อมออกอุบายไม่ให้โจโฉตามเข้ามาโดยเปิดค่ายแล้วยืนถือทวนหน้าค่ายตามลำพังและท้าให้มาลองฝีมือ  เนื่องจากโจโฉเห็น "ใจ" จูล่งมาแล้วครั้งหนึ่งก็เลยเกรงว่าถ้าผลีพลามอาจทำให้เป็นอันตรายได้ทำให้  การที่จูล่งทำงั้นถ้าไม่แน่ใจฝีมือตนก็ต้องมีอุบายจึงถอยทัพกลับ

    ในช่วงที่เล่าปี่ได้เสฉวนใหม่ๆ นั้นพากันสนุกกินมาก  แต่จูล่งเท่านั้นที่ไม่ต้องการให้มีการปูบำเหน็จในลักษณะเช่นนั้นและยังกล้าห้ามด้วย  เพราะประชาชนขาดที่ดินทำกิน  ไม่มีเงินต้องอยู่กันอย่างขัดสนจะมาแบ่งสมบัติกันได้อย่างไร! แต่นั่นก็กลายเป็นคำถามอีกถ้าเป็นคนดีขนาดนั้นแล้วทำไมจนตายก็เป็นแค่องครักษ์เท่านั้น!? ทั้งๆ ที่มีน้ำใจขนาดนั้น  สุภาพบุรุษขนาดนั้น  เพราะเค้ากล้าพูดความจริงเกินไปจึงไปขัดผลประโยชน์คนอื่นหรือ  แล้วยังที่เค้าตบหน้าข่งเบ้งที่นำทรัพย์สินมาแจกจ่ายทหารเพื่อปลอบใจหลังจากประหารม้าเจ๊กไปแล้วว่า "ทำงานพลาดจนน่าอายเพียงนี้ใครเล่าจะกล้าเสนอหน้ารับรางวัล" ทำให้ผมสงสัยเกี่ยวกับการเมืองของเสฉวนและความซื่อสัตย์ของข้าราชการ  แต่ก็ไม่คิดจะว่าอะไรเพราะในเรื่องการเมืองนั้นยากที่จะมีใครไม่โกงเล็กโกงน้อยหรือโกงคำโต!

    อีกครั้งที่สำคัญที่สุดคือเมื่อคราวที่เล่าปี่จะตายแล้วฝากอาเต๊าไว้กับข่งเบ้ง... จูล่งนั่งเช็ดกระบี่อยู่ที่นั่น  ทำไม?  ทำไมเล่าปี่จึงไม่ให้จูล่งออกไปก่อนเพื่อคุยเรื่องส่วนตัวกับข่งเบ้ง?  เพราะเล่าปี่ไม่ไว้ใจข่งเบ้ง? หรือเพราะจริงๆ แล้วต้องการให้จูล่งคุ้มครองลูกชาย  ถ้าจูล่งไม่อยู่ที่นั่น  ข่งเบ้งจะชิงบัลลังก์หรือไม่?  น่าคิดนะ  เล่าปี่เชื่อจูล่งทั้งๆ ที่ไม่เคยให้จูล่งอยู่ตำแหน่งที่สูงกว่าองครักษ์เพราะอะไร?

    แต่ที่ไม่เข้าใจมีอย่างเดียว  ทำไมจูล่งไม่แต่งงาน?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×