คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ไบแซนเดรีย
ไบแซนเดรีย
ซ่า ซ่า ครืน
“เร็วเข้า ไลล่า ก่อนที่จะไม่ทันการ” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มร่างกำยำพยายามเร่งหญิงคนรักข้างตัวดังขึ้นท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง กลุ่มเมฆหนาทึบบดบังรัศมีงดงามของคืนพระจันทร์เต็มดวงจนหมดสิ้น ทำให้ชายวัยกลางคนกระชับตะเกียงในมือไว้มั่น
อุแว้ อุแว้
เสียงร้องเล็กๆ ทำให้ทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวคนรักหยุดชะงัก ‘ เธออยู่ที่นี่ ’ ก่อนที่ทั้งสองจะพยายามสาดส่องแสงไฟจากตะเกียง เพื่อควานหาเจ้าของเสียงร้องเล็กๆนั้น
เปรี้ยง
เสียงฟ้าผ่าดังกึกก้องไปทั่วราวกับกำลังตอบรับเสียงร้องเล็กๆนั้น ลำแสงสีขาวได้ฟาดผ่าลงมาในป่าไม่ไกลจากที่อยู่ของทั้งสองมากนัก แสงจากสายฟ้าสว่างจ้ามากพอที่จะทำให้พื้นที่ในบริเวณนั้นสว่าง ทำให้สามารถเห็นตะกร้าเล็กๆใบหนึ่งได้วางอยู่ริมทางได้
“ พระเจ้า เด็กคนนั้นอยู่ที่นั้น ” หญิงสาวรีบวิ่งไปหาตะกร้าทันที เธอหย่อนตัวลงรวบตะกร้าขึ้นมากอดไว้แนบอก พร้อมส่งสายตาไปหาคนรักของเธอ
“ เด็กคนนี้จะไม่เป็นไร ข้าสัญญา ” ชายหนุ่มกล่าวกับตนเองด้วยเสียงแผ่วเบา ก่อนที่ทั้งคู่จะวิ่งกลับไปยังบ้านของตน
หมู่บ้านไบแซนเดรีย เมืองที่ตั้งอยู่ภายในทวีปเดเรี่ยน ทวีปที่เป็นที่เชื่อมของทุกๆทวีปในดาราก้อน ทวีปเดเรี่ยนจึงเป็นเมืองที่เจริญและเป็นศูนย์รวมการค้าที่ใหญ่ที่สุดเรียกเดเรี่ยนทาวน์ แต่หมู่บ้านไบแซนเดรียได้ปลูกแยกออกมาที่ชานเมือง ไบแซนเดรียนิยมปลูกบ้านไม้แบบชนบทบนทุ่งหญ้าเนินใหญ่ มีการทำปศุสัตว์และการเกษตร รายล้อมไปด้วยป่าไม้ มีลำธารไหลผ่านรอบเมืองทำให้มีการสัญจรไปมาด้วยเรือ เหล่ามังกรของชาวเมืองต่างบินวุ่นหยอกล้อเล่นกันไปมาตามทุ่งหญ้า
“ไหวพริบ…เวทย์มนต์…มังกร สามสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เป็นพื้นฐาน สำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ใน “ดาราก้อน” ใช่ ดาราก้อนเมืองแห่งมังกร เดเรเกอร์ คือมนุษย์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ แต่ละคนล้วนมีพลังเวทย์และมังกรประจำตัวซึ่งจะแตกต่างกันออกไป”
เสียงทุ้มต่ำของชายวัยกลางคนเจ้าของศีรษะล้านโล่งเลี้ยนเตียน กำลังเล่าด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ ท่ามกลางวงล้อมของเด็กๆในหมู่บ้าน
“เดเรเกอร์จำเป็นที่จะต้องมีทั้งสามสิ่งนี้ เพื่อที่จะทำให้สามารถก้าวมาถึงจุดสูงสุด ตำแหน่งของราชา ตำแหน่งของแดรกัน สเลเยอร์ หรือผู้พิชิตมังกร ข้าต้องการพลังของท่านผู้นั้น เพื่อมาค้ำจุนดาราก้อน ที่กำลังเสียสมดุลจากเหตุการณ์ในอดีต ดังนั้น…”
ฟุ่บ โครม
ไม่ทันที่ชายวัยกลางคนจะพูดจบ ก็มีร่างๆหนึ่งพุ่งไปยังหน้าร้านของเขาอย่างรวดเร็ว เสียงข้าวของหน้าร้านของเขาก็พังพินาศลงมา ฝุ่นตลบอบอวนไปทั่วบริเวณแห่งนั้น เด็กที่ล้อมรอบชายวัยกลางคนต่างกระจายวงหนีข้าวของที่ตกลงมา ฝุ่นที่คละคลุ้งค่อยๆจางลง เผยให้เห็นร่างของตัวการที่ทำให้เกิดเหตุวินาศสันตะโรออกมา
“แกอีกแล้วหรอ หื้อ ยัยปิเอตา ทำอะไรอีกแล้วเนี่ย วุ่นวายไปหมด เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ” ชายวัยกลางคนบ่นใส่ตัวการเป็นชุด
“มาเรียน่า ปีเตอร์ เด็กๆ กลับบ้านกันเถอะอย่าไปยุ่งกับคุณลุงเร็กเตอร์เลย อันตราย” หญิงวัยกลางคนร่างท้วมซึ่งน่าจะเป็นแม่ของเด็กรีบกวักมือเรียกเด็กๆ ให้ออกห่างจากชายวัยกลางคน
“อ้าวๆ เดี๋ยวข้ายังเล่าไม่จบ กลับมาก่อน กำลังถึงตอนสำคัญพอดี ” ชายวัยกลางคนร้องเรียกเด็กๆในหมู่บ้าน ให้กลับมา แต่เด็กๆทั้งหมดได้หายเข้าไปในบ้านของแต่ละคนเสียแล้ว
“ดังนั้น ข้าอยากให้พวกเอ็ง ฝึกฝีมือเก่งๆแล้วมารับเควสจากร้านของข้าเยอะๆใช่มั้ยละ หือ คิดจะหลอกเด็กให้ทำงานตั้งแต่เล็กๆเลยรึไง” เสียงหวานๆแต่สำเนียงแสนจะกวนประสาทดังมาจาก หญิงสาวผมซอยยุ่งๆสีดำสนิทที่กำลังปัดฝุ่นออกจากเนื้อตัวของเจ้าหล่อน ที่กล่าวดักชายวันกลางคนอย่างรู้ทัน
“แกนี่ทำเสียงาน ของที่ได้จากเควสข้าเอาไปขายต่อ ได้กำไรงามๆเอามาเลี้ยงปากท้องของเอ็งนั่นแหละ” ชายวัยกลางคนเหยียดตัวกล่าวอย่างภาคภูมิ หัวโล้นสะท้อนแสงทำให้ดูมีรัศมีของชายวัยกลางคนเจิดจรัสตามคำอวดอ้างของตน
“เฮ้อ ฉันก็ทำงานเหมือนกันแหละน่า” หญิงสาวทำหน้ามุ่ยกล่าวพลางนวดไหล่ของตนไปพลาง
“แล้วเอ็ง กำลังทำอะไรน่ะหา ร้านข้าถึงพินาศไปหมด” ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างหัวเสีย
“อ๋อ เจ้ากระทิงทอทัสของบ้านยายแก่เอเทีย มันมาจีบวัวสาวไลล่าของพ่อนั่นแหละ” หญิงสาวกล่าวก่อนพยักพเยิดหน้าให้ชายวัยกลางคนหันไปดู
โป๊ก
“วัวมันชื่อลอล่า ไลล่าน่ะเมียข้า” ชายวัยกลางคนประเคนมะเหงกลูกเบ้อเร่อให้กับลูกสาวของตน
“เฮ้อแล้วทำไมไม่ใช่เวทย์มนต์ให้สิ้นเรื่องละเนี่ย ไปๆ ไปเคลียร์กับเจ้าทอทัสให้เสร็จแล้วกัน เดี๋ยวข้าจัดของเอง” เร็กเตอร์ พูดเสร็จก็เริ่มกวาดมือไปทางโน้นทีทางนี้ที สิ่งของที่กระจัดกระจายตามพื้นก็ค่อยๆลอยไปซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบตามเดิม
“ก็ฉันน่ะอยากลองใช้พลังตัวเองสู้ดูนี่นา ไปล่ะพ่อ” หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างก่อนที่จะไปปลุกปล้ำสั่งสอนกับวัวหนุ่มทอทัสต่อ
“ให้ตายสิ เวทย์มนต์ก็สำคัญนะหัดฝึกซะมั่งสิโว้ย” ชายวัยกลางคนบ่นไป พลางมองลูกสาวแสนจะห้าวของตัวเองอย่างเอือมระอา
‘จะมีเด็กผู้หญิงที่ไหนไปสู้กับกระทิงแบบลูกของเขาอีกเนี่ย ใครได้ไปคงไม่ใช่เล่นมวยปล้ำกันเป็นงานอดิเรกหรอกนะ น่าสงสารจริงๆ’ ชายวัยกลางคนคิดพลางส่ายหัวไปพลาง
ท่ามกลางเนินทุ่งหญ้าเขียวขจี เหล่าสัตว์เลี้ยงทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น ม้า แพะ แกะ วัว ตัวลามะ แม้กระทั่งมังกร กำลังใช้ชีวิตกันตามปกติ ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงดังแปดปรอทที่แสนจะเสียดประสาทกำลังเคลื่อนที่มายังพวกมัน
“ทอทัส ช้าหน่อยโว้ย ช้าหน่อยย” เสียงของหญิงสาวผมซอยยุ่งสีดำโหวกเหวกโวยวายไปตามเนินทุ่งหญ้าแบบไม่ขาดสาย ก็แหงล่ะสิ เธอวิ่งตรงสู่วัวหนุ่มเพื่อจัดการกับความเจ้าชู้ของเจ้าวัวทอทัส แต่ใครจะรู้เมื่อเจ้าวัวหนุ่มเอาเขาสีดำสนิทของมันยกร่างบางของหญิงสาวขึ้นจนเธอแหมะอยู่บนหลังของมัน ก่อนที่มันจะวิ่งอย่างบ้าระห่ำ ไปตามเนินทุ่งหญ้า ทำให้ฝูงสัตว์ต่างๆ แยกทางให้ตามเส้นทางที่มันวิ่ง
“เมื่อกี้จะจัดการใครหืม ยัยหนู แล้วนั่นเจ้ากำลังขอร้องข้าอยู่รึป่าว” เสียงห้าวกล่าวขึ้นอย่างขำๆ กับหญิงสาวร่างบางที่อยู่บนหลังของตนเอง
“แหงะ ทอทัส ให้มันน้อยๆหน่อยเจ้ากระทิงบ้า” หญิงสาวว่าพลางหวดมือลงไปที่ก้นของกระทิงหนุ่มไม่ยั้ง
“แน่ใจนะยัยหนู อุตส่าฟังข้ารู้เรื่อง แต่ก็พูดกันไม่รู้เรื่อง” วัวหนุ่มยิ้มเยาะหญิงสาวตรงหน้า หญิงสาวตรงหน้าเป็นเพียงเดเรเกอร์คนเดียวที่วัวหนุ่มรู้จัก ที่สามารถสื่อสารกับบรรดาสรรพสัตว์ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ประหลาดมาก เพราะเดเรเกอร์แต่ละคนจะสามารถสื่อสารกับสัตว์ได้เพียงแค่ชนิดเดียวเท่านั้น คือ มังกรประจำตัว ที่จะได้มาครอบครองเมื่ออายุ 18 เท่านั้น
“เอาอีกแล้วทะเลาะกันได้ทุกวัน คุณคะ อย่าพาปิเอตาไปในป่านะ มันอันตราย เดี๋ยวสัตว์อสูรจะโจมตีนางเอา” วัวสาวอกสะบึ้มลอล่า พยายามตะโกนบอกกระทิงหนุ่มทอรัสคนรักของมันที่กำลังสนุกสนานกับเจ้านายของเธอจนพาวิ่งเข้าไปเกือบจะถึงเขตป่านอกหมู่บ้าน
“มาคุณคะ คุณขาอะไรกัน ลอล่า ยัยวัวทรยศ แง่ง” ร่างบางตะโกนโต้กลับไปยังฝั่งวัวสาว เรียกรอยยิ้มให้แก่บรรดาสรรพสัตว์ในเนินทุ่งหญ้าได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะวัวสาวที่กำลังมองดูเจ้านายซึ่งไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีๆ ก็ยังทำตัวร่าเริงได้ตลอดเวลา
“แน่ะ ด่าเมียข้าอีก มาๆ เดี๋ยวข้าจะพาตีตั๋วไปนรกเลย เตรียมตัวให้ดี” กระทิงหนุ่มพูดพลางหยอกล้อร่างบางโดยการกระโดดไปมา ร่างบางทำได้เพียงเกาะอยู่บนวัวหนุ่มไว้แน่นราวกับเป็นปลิงดูดเลือดหน้าตาดีตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ไม่วายที่จะหันกลับเข้าไปมองเขตป่านอกหมู่บ้าน
เดิมทีดาราก้อนเป็นโลกที่มีแต่ความสงบสุข หมู่บ้านทุกหมู่บ้านปลอดภัยจากบรรดาสัตว์อสูร จนกระทั่ง ดาโรก้า เดอะ เกรทออฟแดรกัน มังกรสีดำสนิท ผู้มีจิตชั่วร้ายได้ปรากฏขึ้น มันปรากฏมาจากความว่างเปล่า ผู้คนไม่รู้ที่มาที่ไปของมัน จิตชั่วร้ายของมันได้แผ่ขยายไปทั่ว ทำให้เหล่าสัตว์กลายเป็นสัตว์อสูรมากขึ้น พวกมันต่างมาโจมตีหมู่บ้านไม่เว้นวัน จนมีเหล่านักรบผู้กล้าหาญจากแต่ละทวีปได้ออกไปช่วยกอบกู้ ทำให้ดาโรก้า เดอะ เกรทออฟแดรกัน ถูกผนึกไว้อยู่ในสถานที่ๆเป็นความลับ เมื่อดาโรก้าถูกผนึก เหล่าสัตว์อสูรไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่หากเราฆ่าพวกมันตาย พวกมันจะกลายเป็นเศษศิลาหินทรงกลม ที่สามารถชุบชีวิตให้กลับมาเป็นสัตว์เหมือนเดิมได้ ที่แท่นศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีอยู่ทุกๆหมู่บ้าน แต่ถ้าเราฆ่ามันอีกครั้งในขณะที่ไม่ได้เป็นสัตว์อสูร จะไม่สามารถชุบชีวิตได้อีกครั้ง ทุกอย่างจะเป็นไปตามวงเวียนของวัฎจักรชีวิตที่ควรจะเป็น
หญิงสาวคิดมาได้เพียงครู่เดียวก็ขมวดคิ้วเนื่องจากข้อมูลนี้ได้จากการฟังนิทานหลอกเด็กของพ่อหัวล้านโล่งเตียนของเธอ ด้วยความกะล่อนและเจ้าเล่ห์ของชายวัยกลางคน จึงไม่รู้ว่าเรื่องที่เล่ามาเป็นความจริงหรือไม่ ไม่นานหญิงร่างบางก็หลุดจากภวังค์ความคิดเนื่องจากวัวหนุ่มทอทัสเห็นว่าหญิงสาวเงียบจนผิดสังเกตจึงหยุดกระโดด แล้วเปลี่ยนเป็นวิ่งแทน เพราะนึกว่าหญิงสาวตกใจช็อคจนเป็นใบ้ไปเสียแล้ว
กุบกับ กุบกับ กุบกับ
เสียงผีเท้าของม้าลากเกวียนยิปซีแวนเนอร์สีขาวบริสุทธิ์ เบนความสนใจของชายวัยกลางคนหัวโล้นเร็กเตอร์จาก ปิเอตาลูกสาวแสนป่วนของเขาที่กำลังเล่นสนุกเมามันส์กับวัวหนุ่มทอทัสอยู่ที่ทุ่งหญ้า สัญลักษณ์ของธงสีฟ้าอ่อน รูปเพกาซัสสีขาวที่นายทหารองครักษ์ถือไว้บนหลังม้าสะบัดไหวตามจังหวะกระทบของกีบเท้าของยิปซีแวนเนอร์ บนเกวียนมีทหารองครักษ์อีกนายคอยคุมบังเหียนไว้ ทำให้ชายวัยกลางคนผงะ เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของเมืองสโนว่า ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปเดเรี่ยน
“พวกราชวงศ์ของสโนว่ารึไงน่ะ มีธุระอะไรที่นี่กัน อ้าวเฮ้ย!!” ชายวัยกลางคนพึมพำเบาๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจสุดขีด เมื่อเจ้าวัวหนุ่มทอทัสที่วิ่งไปพลางหันหลังมองร่างบางที่เป็นใบ้ไปพลางอย่างไม่ระวังชนม้าลากเกวียนยิปซีแวนเนอร์ทั้งสองตัวล้มลง ทำให้เกวียนล้มทั้งเกวียน เกิดเสียงดังสนั่น ฝุ่นตลบไปทั่ว ก่อนที่จะมลายหายไปในเวลาไม่ถึงนาที เผยให้เห็นหญิงสาวร่างบางผมซอยยุ่งสีดำกำลังนั่งลูบหัวตัวเองป้อยๆ อยู่บนตัวม้ายิปซีแวนเนอร์ที่มีนายทหารองครักษ์และวัวหนุ่มทอทัสที่ล้มทับเกยกัน
“เกิดอะไรขึ้น นั่นสัญลักษณ์สโนว่า” ชาวบ้านต่างตกใจกับเสียงเกวียนล้ม พากันมามุงดู แต่ก็ตกใจกับสัญลักษณ์เพกาซัสสีขาวมากกว่าเพราะ สัญลักษณ์ประจำทวีปแต่ละทวีปจะมีเพียงเฉพาะแค่ราชวงศ์ของทวีปนั้นเท่านั้นที่ใช้ได้ ชาวบ้านต่างสงสัยราชวงศ์ต่างถิ่นผู้สูงศักดิ์มีธุระอันใดกับหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้
หญิงสาวร่างบางผมซอยยุ่งสีดำ หันไปมองรอบตัวก่อนจะมาหยุดค้างที่สีหน้าอันตกตะลึงของทหารองครักษ์ผู้คุมบังเหียน ที่บัดนี้ม้าที่ตนบังคับกำลังเป็นเบาะรองนั่งให้แก่เธอ หญิงสาวทำได้เพียงพยายามเอานิ้วสะกิดเจ้าวัวหนุ่มทอทัส พลางกระซิบเบาๆว่า
“ทำไมนายไม่จองตั๋วไปนรกแบบไป-กลับละเนี่ย จองรอบเดียวทำไม ไอกระทิงบ้า” หลังจากนั้นหญิงสาวก็ทำได้เพียงส่งยิ้มแห้งๆไปให้ทหารองครักษ์ทั้งสองคน
ความคิดเห็น