ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    :: เพลงใบไม้ ::

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่สิบเอ็ด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 101
      0
      13 พ.ค. 48

    บทที่11



                            วริตฐาเลือกร้านสุกี้ยี่ห้อดังร้านหนึ่งในตัวห้างสำหรับมื้อกลางวันระหว่างเธอและกุลวรินทร์  หลังจากโทรบอกที่หมายเรียบร้อยพร้อมสั่งอาหารตามเมนูถนัดของทั้งคู่เสร็จ คุณพรรณรายก็โทรศัพท์เข้ามาพอดี หลังจากไต่ทุกข์สุขของลูกสาวคนเดียวเสร็จ ก็บอกวันเวลาที่เธอจะเดินทางมากรุงเทพก่อนนัดหมายเพียงสั้น ๆแล้ววางหูไป  หญิงสาวผมยาวเริ่มดื่มชาเย็นที่นำมาเสิร์ฟพลางนึกอะไรบางอย่างในใจเงียบ ๆ นึกถึงหน้าตาท่าทางที่คุ้นเคยที่ต้องมาร่วมงานกันเป็นวลาอีกหลายอาทิตย์  ทั้งที่เธออยากจะเถิบออกมาให้ห่างกลับดูยิ่งต้องใกล้กันมากขึ้นทุกที นึกทีไรก็อดเจ็บใจไม่ได้

                           สาวผมสั้นมาถึงที่โต๊ะ พอ ๆกับอาหารเริ่มยกมาเสิร์ฟ หญิงสาวที่มาทีหลังเอ่ยขอโทษเล็กน้อยก่อนขออนุญาตพาคนมาร่วมโต๊ะอีกคน

                           “ ตามสบายเลย  เมื่อกี้หิวเลยสั่งไว้เยอะ  เราสองคนคงกินกันไม่หมดแน่ ๆ ” วริตฐา พูดพลางเหลือบมองคนที่เดินตามมา ด้วยใจนึงที่คิดว่าคงเป็นเพื่อน ๆทีมงานในกอง  พร้อม ๆกับที่พนักงานเปิดฝาหม้อสุกี้จึงทำให้ควันจากน้ำซุปลอยมาตรงหน้าจึงเห็นที่เดินตามมาไม่ชัด

                         “ ขอบคุณนะครับ  นึกว่าจะเดินมาเก้อซะแล้ว ” เสียงตอบทำให้หญิงสาวที่กำลังเอื้อมมือไปหยิบผักสดเตรียมจะใส่ในน้ำเงยขึ้น เมื่อเห็นต้นเสียงก็ชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะเหลือบตาไปมองเพื่อนสาวที่ทำหน้าไม่รู้ชี้อยู่ใกล้ ๆ ส่วนฝ่ายขอบคุณก็ยิ้มให้พลางลงนั่งตรงข้ามกับเธอพอดีแล้วเริ่มพูดต่อ

                          “ พอดีคุณกุลชวนผมมาทานกลางวันด้วยน่ะครับ เห็นบอกว่ามาทานกันแค่สองคนอยากหาคนคุยเพิ่ม ผมเองก็ไม่ได้ทานสุกี้มานานเลยรับคำชวน ” รติพัทธ์กล่าวต่อด้วยท่าทีสบาย ๆพลางช่วยหยิบของส่งต่อจัดวางบนโต๊ะไปด้วยอย่างเป็นกันเอง

                         “ เหรอคะ  แต่มานั่งทานสุกี้กันแบบนี้มันกินเวลานะคะ  ดาราดังแบบคุณรติพัทธ์ไม่ต้องไปอัดรายการอะไร รึถ่ายมิวสิคอะไรต่อตอนบ่ายเหรอคะ ” หญิงสาวถามลอย ๆมีแววประชดถึงเหตุการณ์คราวก่อน หากอีกฝั่งกลับดูจะไม่สนใจคำประชดนั่น

                        “ ไม่หรอกครับ วันนี้คิวว่างยาวครับ ล็อกไว้สำหรับถ่ายเมื่อเช้า เผื่อมีอะไรไม่เรียบร้อยได้อยู่ต่อได้  ดีนะครับที่เสร็จเร็ว เก็บกองได้ก่อนเวลา ผมเลยได้มีเวลาพักเพิ่มขึ้น ”

                          หญิงสาวมองเห็นสายตาจริงใจของคนตอบก็ถอนใจเบา ๆ ถ้าไม่ติดเรื่องที่เขาผิดสัญญา การที่ได้มานั่งทานอาหารด้วยกันมื้อนี้คงคล่องคอขึ้นเยอะ

                         “ เห็นปุยฝ้ายเคยบอกว่าเป็นเพื่อนกับคุณรติพัทธ์มาตั้งแต่เด็ก ๆ  พอจะมีอะไรเผาให้ฟังได้มั่งมั้ยคะ ” หญิงสาวร่างเล็กผมสั้น เอ่ยชวนคุยขณะตักอาหารใส่หม้อ โดนไม่สนใจสายตาดุ ๆที่ส่งมาใส่เป็นระยะของเพื่อนสนิท

                         ชายหนุ่มคนเดียวในโต๊ะหัวเราะเบา ๆ ก่อนเริ่มพูดคุยเรื่องในอดีต ถึงความซนของเด็กหญิงปุยฝ้ายกับเด็กชายนทีอย่างสนุกสนาน แววตาคมเข้มนั้นมีแววระลึกถึงอย่างสุขใจ ความทรงจำที่ถ่ายทอดออกมายังผลให้คนตรงข้ามพลอยอดนึกภาพตามไปด้วยไม่ได้



                         “ แมลงปอสวยจัง บินกันเยอะแยะเลย  นทีช่วยปุยฝ้ายจับหน่อยสิ ” เด็กหญิงตัวน้อยหันไปขอความช่วยเหลือจาก เพื่อนคู่หูวัยเดียวกันที่นั่งพับเครื่องบินกระดาษอยู่ใกล้ ๆ

                          หนองน้ำริมตลิ่งยามบ่ายเงียบสงบ มีเสียงแมลงตัวเล็กตัวน้อยส่งเสียงให้พอได้ยินเรื่อย ๆ แดดสีทองส่องกระทบเป็นประกายบนระลอกคลื่น ที่นาน ๆจะมีเรือผ่านสักลำ

                          “ มันสวยแล้วจะไปจับทำไมเล่า ” ลูกคู่ตอบพลางเงยหน้ามองนิดนึงก่อนจะก้มไปง่วนกับงานในมือ

                          “ เอ๊ ก็มันสวยน่ะซี่ ปุยฝ้ายถึงอยากได้ ” เด็กน้อยยืนมองแมลงปอที่บินร่อนแถวนั้นตาแป๋ว

                          “ ก็ให้มันอยู่ของมันไปน่ะแหละดีกว่า  จับมามันแล้วปุยฝ้ายเลี้ยงเป็นเหรอ ” หางเสียงถามเบา ๆไม่ได้มีแววจะหาเรื่อง  ก่อนมองคนอยากได้ของสวย ๆที่ก้มหน้าส่ายเบา ๆ  ก่อนจะลุกขึ้นหยิบงานฝีมือที่เพิงทำเสร็จมาโชว์

                          “ เล่นเครื่องบินของนที แทนสิ บินได้เหมือนกันน้า ” ว่าแล้วก็ร่อนเครื่องบินกระดาษผ่านหน้าเด็กหญิงให้ดู “ แต่ตอนนี้เรากลับกันก่อนดีกว่า  พ่อนทีเคยบอกว่า เวลาแมลงปอมาบินเล่น กันเยอะ ๆ แสดงว่าฝนมันจะตก  ขืนอยู่นี่กันต่อเราก็เปียกกันแย่สิ  ”

                          “ แมลงปอจะมารู้ว่าฝนจาตกได้ไง  นทีอะขี้โม้ ”

                          “ โม้ไม่โม้เราก็เชื่อล่ะ  กลับก่อนดีกว่าเดี๋ยวตกขึ้นมากลับลำบาก  ปุยฝ้ายกลับด้วยกันนะ ”

    ผลจากการโต้เถียงกันไป ๆมา ๆ เด็กชายก็ต้องยอมอ่อนให้ ต่อเวลาเล่นอีกพัก จนฝนตกได้จริง ๆ นั่นแหละฝ่ายที่ตื้อจะเล่นจึงยอมรับว่าอีกคนไม่ได้โม้ ก่อนจะเปียกมลอกมะแลก กลับบ้านกันไปทั้งคู่...





                         “ น่าอิจฉาจัง ได้เล่นกันทุกวัน  ตอนเด็ก ๆนะกุลไม่ค่อยจะมีเพื่อนวัยเดียวกันซักเท่าไหร่เลย  ปิดเทอมทีน่าเบื่อเป็นบ้า ” เสียงของเพื่อนสาวปลุกให้คนที่อยู่ในภวังค์รู้สึกตัว

                         สายตาตระหวัดถึงห้วงอดีตวาบขึ้นมามองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก หากไม่พ้นสายตาเพื่อนสนิทที่รีบชิงขอตัว

                         “ เดี๋ยวเราไปห้องน้ำแป้บนึง ปุยฝ้ายคุยกับคุณนทีไปก่อนนะ ” พูดพลางลุกขึ้นหยิบกระเป๋าถือหาของติดมือไปห้องน้ำ

                        “ งั้นเดี๋ยวปุยฝ้ายไปด้วยคนสิ ” สาวผมยาวทำท่าจะลุกตามหากถูกขัดซะก่อน

                        “ ได้ไงเล่า เราเชิญคุณนักร้องเค้ามา เป็นแขกเรา จะให้นั่งหงอยอยู่คนเดียวได้ไง  เอาน่าไม่นานหรอก เดี๋ยวกุลกลับมา ” ประโยคหลังเอ่ยเมื่อเห็นสายตาที่บอกเล่าได้เป็นประโยคของเพื่อนที่มองตรงมา

                        พอกุลวรินทร์ลุกออกไปจากโต๊ะ วริตฐาที่แทบจะไม่พูดอะไรอยู่แล้วยิ่งเงียบขึ้นไปอีก หากไม่นานก็มองไปยังสายตาคู่ตรงหน้า แววตาจริงจังในท่าทางสงบสุขุม ดูผิดจากเด็กซนในสมัยนั้นเป็นคนละคน ริมฝีปากบางในใบหน้าคมเข้มเอ่ยขึ้นมากลางความเงียบอันน่าอึดอัดระหว่างคนทั้งคู่

                           “ ผมอยากขอโทษปุยฝ้ายเรื่องวันก่อน และก็เรื่องเมื่อตอนนั้นด้วย ” น้ำเสียงอ่อนลงเมื่อพูดถึงเหตุการณ์ในอดีต

                         “ ไม่เป็นไรค่ะ คุณรติพัทธ์บอกหลายรอบแล้ว เข้าใจค่ะว่าวันนั้นติดงาน  อีกอย่างเรื่องในอดีตนั่นลืมไปเถอะค่ะ  เพื่อนสมัยเด็กของดิฉันเค้าจากไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึงมันอีก ” น้ำเสียงเย็นชา สร้างระยะห่างออกมาอย่างเห็นได้ชัด

                        “ มีประโยชน์สิครับ เพราะเด็กชายนทียังไม่เคยบอกเด็กหญิงปุยฝ้ายเลยว่าทำไมถึงไม่ได้รักษาสัญญา  เมื่อคราวนั้นหลังจากกลับจากบ้านปุยฝ้ายได้ไม่นาน  …คุณพ่อกับคุณแม่ผมท่านก็แยกทางกัน ” น้ำเสียงเอ่ยช้า ไม่อยากจะกล่าวถึงเหตุการณ์เก่าเท่าใดนัก อีกฝั่งเหมือนจะอุทานเบา ๆ สีหน้าเคร่งเครียดเริ่มลดลงมา “ ผมถูกคุณแม่พาไปอยู่ด้วย  ท่านพาไปอยู่อเมริกากับท่าน ก่อนไปผมเป็นไข้หวัดใหญ่ เลยติดต่อไปหาปุยฝ้ายไม่ได้  พอไปทางโน้น คุณแม่ผมก็ไม่ยอมให้เขียนจดหมายมาไทย  …” น้ำเสียงหนักแน่นเล่าต่อ พลางมองคนตรงหน้าที่แววตาเปลี่ยนไปอย่างนุ่มนวล

                        หญิงสาวสับสนกับความจริงที่ได้รู้ตรงหน้า นี่เธอเข้าใจเพื่อนที่ดีสุดผิดมาตลอด หากเมื่อจะถามออกไปว่าทำไมชายหนุ่มถึงไม่พยายามติดต่อมาอีกเมือ่มีโอกาสตั้งหลายปี ก็พูดไม่ทันเพราะเสียงใส ๆอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังซะก่อน

                       “ อ้าว คุณรติพัทธ์มาทานร้านนี้ด้วยเหรอคะ  พี่วริตฐาด้วย บังเอิญจัง พิณก็กะจะมาหาอะไรทานที่ร้านนี้ด้วยเหมือนกัน ไม่ได้ทานสุกี้นานแล้ว  แต่ยังหาโต๊ะไม่ได้เลย  ถ้าไม่รังเกียจพิณนั่งด้วยคนนะคะ ” นางแบบสาวร่างบางเอ่ยทักอย่างยิ้มแย้ม ทำเอาคนทั้งคู่หยุดพูดเรื่องวัยเยาว์ไปทันควัน

                       “ ไม่รังเกียจหรอกค่ะ เชิญคุณพิณนั่งด้วยกันสิคะ ” ครีเอทีพสาวตอบตามมารยาท ถ้าไม่ติดว่ากำลังพูดเรื่องสำคัญกันอยู่ หญิงสาวคงยิ้มรับได้มากกว่านี้ เพราะดาราสาวเองก็ดูจะไม่มีพิษมีภัยอะไร พูดคุยก็ดูเป็นกันเองดีด้วย

                        หญิงสาวที่มาทีหลังเลือกนั่งเก้าอี้อีกตัวที่ว่างตรงหัวโต๊ะ ระหว่างคนทั้งสอง พลางชวนคุยสนุกปาก จนเมื่อกุลวรินทร์กลับมาพร้อมหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก็ทานกันอีกไม่นานจึงแยกย้ายกันกลับ  ด้วยสายตาของประชาชนทั่วไปที่นิยมดารามองกลุ่มของทั้งสี่อยู่ตลอดจนวริตฐารู้สึกอึดอัดไปด้วย พอดีกับที่ปรารถนาโทรมาตามให้ชายหนุ่มคนเดียวในกลุ่มกลับไปบรีพงานที่บริษัท พร้อม ๆกับนางแบบสาวต้องไปเตรียมตัวเดินแบบที่โรงแรมหรูในช่วงค่ำ ทั้งสี่คนจึงแยกย้ายกัน  รติพัทธ์ยิ้มส่งยามบอกลากับวริตฐา หญิงสาวก็ยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรมากกว่าทุกครั้งในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา อีกไม่นานคงไม่คุยกันต่อ

                          กลับไปเคลียร์งานที่บริษัทเล็กน้อยแล้วจึงแยกกลับบ้าน ก่อนกลับ กุลวรินทร์แกล้งเอ่ยถามเรื่องระหว่างเธอกับรติพัทธ์ หากครีเอทีพสาวยิ้มให้นิด ๆ ไม่ตอบอะไรให้เพื่อนสาวทำหน้างงเล่น  

                         บนรถส่วนตัวของวริตฐา หญิงสาวหยิบซีดีเพลงใบไม้มาเปิดฟังหลังจากไม่ได้แตะต้องมาหลายวันนอกจากใช้ทำงาน  น่าแปลกนัก คราวนี้เสียงดนตรีในอัลบั้มดูจะไพเราะกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา  ความเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งวันดูจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง หญิงสาวยิ้มคนเดียวในรถอย่างพึงใจ วันเวลาที่หายไปเริ่มกลับมาเชื่อมรอยอดีตของมันอีกครั้ง.



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×