ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    :: เพลงใบไม้ ::

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่หนึ่ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.27K
      0
      14 ต.ค. 47

    บทที่01



                       เสียงดนตรีเบาพริ้วไหวตามสายลม ลอยเลื่อนออกมาจากใบไม้สีเขียวที่สอดแนบอยู่กับริมฝีปากบาง สีชมพูธรรมชาติอ่อน ๆของเด็กหนุ่ม  นิ้วขาวขยับใบไม้ให้ถนัดก่อนจะเป่าลมผ่านใบไม้ใบน้อยเป็นเสียงรื่นหู  จนคนฟังอีกคนอดอมยิ้มไม่ได้  นทีเลื่อนตัวเขยิบพิงแนบกับต้นไม้ช้าๆตามจังหวะเพลงที่เขาบรรเลง สายตาก็เหลือบมองเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันที่พริ้มตาพิงโคนต้นไม้อยู่ใกล้ ๆ  กิ่งไม้ใหญ่ที่เด็กหนุ่มนั่งอยู่มั่นคงพอที่จะไม่สั่นไหวยามที่ลมแรงพัดผ่าน

                      ลมพัดแรงขึ้นเล็กน้อย เสียงใบไม้ลู่กันตามลมดังเบา ๆ เด็กหนุ่มหยุดเสียงเพลง ก่อนจะหันมามอง เด็กสาวที่ลืมตาเหมือนจะเอ่ยถามเมื่อเพลงหยุดลง

                     “ ทำไมเลิกเล่นแล้วล่ะ กำลังฟังเพลิน ๆ ” สาวน้อยผมสั้นเงยหน้าเอ่ยถาม  เรือนผมน้อยปลิวระใบหน้าสวย แดดอ่อน ๆยามบ่ายส่องผ่านใบหนาของต้นไม้ลงมาทาบบนดวงหน้านั้นให้เห็นประกายตาสดใส

                     “ บ่ายมากแล้ว เราว่ากลับกันดีกว่านะ เดี๋ยวปุยฝ้ายจะโดนดุเอาอีกหรอก ” เด็กหนุ่มผิวขาว ขยับตัวนั่งห้อยขาพูดกับเพื่อนรุ่นเดียวกันที่นั่งอยู่ด้านล่างให้ถนัด  อาจจะเรียกได้ว่าเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา สำหรับการมาต่างจังหวัดครั้งนี้ก็เป็นได้  

                     “ ก็ได้ แต่พรุ่งนี้นทีต้องพาเรามาเล่นกันที่นี่อีกนะ ” เด็กสาวลุกยืนขึ้นปัดเสื้อผ้าจากเศษหญ้า ขณะเด็กชายกระโดดลงมาข้าง ๆ  ปุยฝ้ายย้ายมาอยู่เมืองนี้ได้อาทิตย์กว่า ๆแล้ว  การที่ต้องย้ายที่เรียนตามพ่อที่รับราชการของเธอทำให้เด็กหญิงไม่มีเพื่อนที่สนิทสนมมากนัก และเมื่อตอนนี้เป็นเวลาปิดภาคเรียน รอโรงเรียนประถมปลายของจังหวัดเปิด วันๆของเธอจึงดูว่างเปล่า  หากแต่เมื่อวันหนึ่งระหว่างที่เดินเล่นอยู่ริมรั้วของบ้านใหม่  เด็กผู้ชายหน้าตาทะเล้นคนหนึ่งก็โผล่พรวดออกมาทักทาย  หลังจากทำความรู้จักกันได้ไม่นาน ด้วยความเป็นคนจากเมืองหลวงเหมือนกันทำให้ทั้งคู่สนิทกันอย่างรวดเร็ว  โดยเฉพาะการที่นทีพาปุยฝ้ายมาริมน้ำ ที่ปกติพวกผู้ใหญ่ไม่ชอบให้มากันตามลำพังบ่อย ๆจนโดนดุประจำ ทำให้ความรู้สึกที่เหมือนกับได้มีที่ส่วนตัวซึ่งกันและกัน ได้สร้างความผูกพันธุ์ขึ้นมากมายระหว่างทั้งคู่

                     “ เราสัญญา  แต่ปุยฝ้ายต้องไม่บอกใครนะว่าเราพามาที่ฐานทัพลับของเรา  พวกผู้ใหญ่รู้เมื่อไหร่เราโดนเอ็ดเอาแน่ ” เด็กหนุ่มเอ่ยตู่เอาเองว่าต้นไม้ใหญ่ริมน้ำนี้เป็นฐานทัพลับของเขา นับตั้งแต่ปีนเอาป้ายไปแขวนเอาไว้แสดงอาณาเขตที่ปุยฝ้ายอดขำไม่ได้ทุกทีที่เห็น

                     “ นี่นทีรู้รึเปล่า เรามีอะไรจะให้นทีด้วยแหละ ” เมื่อเห็นเด็กชายกำลังจะเตรียมตัวออกเดินไป ปุยฝ้ายก็ร้องเรียกไว้เบา ๆ จนเด็กหนุ่มหันมายิ้มให้ “ อะไรเหรอปุยฝ้าย ” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขวาขึ้นตามที่ติดมาจากโทรทัศน์ และคิดว่าเท่ห์ตามประสาเด็ก

                     “  เพื่อนเราที่กรุงเทพสอนเราทำมาน่ะ  เมื่อกี้ฟังเพลงใบไม้ของนทีไป เราก็นั่งทำไปด้วย ” เด็กหญิงตัวน้อยยื่นของในมือให้  แหวนดอกหญ้าวงเล็กถักขึ้นด้วยมือของตนเอง ดูจะเป็นของขวัญชิ้นแรกที่ตนตั้งใจเต็มที่และก็ดูเหมือนว่าจะภูมิใจเอามาก ๆด้วย

    นทีหยิบของในมือน้อยนั้นมาดูด้วยความสนใจ “ ปุยฝ้ายทำให้เราเหรอ ไว้เราจะหาอะไรมาให้ปุยฝ้ายเหมือนกันนะ ”

                     “ ไม่เป็นไรหรอก  เราก็ได้ฟังเพลงเพราะของนทีแล้วไง ” เด็กน้อยตอบพลางยิ้ม แก้มใสสีชมพูน่ารักเมื่อกระทบแสงแดดที่สะท้อนเป็นสีทองจากผิวน้ำใกล้ ๆ

                     “ งั้นเราสัญญา  เราจะคอยเล่นเพลงให้ปุยฝ้ายฟังทุกวันเลยนะ ” เด็กหนุ่มให้คำมั่น

                     “ งั้นเกี่ยวก้อยสัญญากันนะ ” ปุยฝ้ายยื่นนิ้วก้อยออกมา ข้างหน้า อีกฝ่ายตอบทำเสียงอื้อ เบา ๆ ก่อนยื่นนิ้วมาเกี่ยวกันไว้ “ เราสัญญา ”





                      ภาพเด็กทั้งสองเดินเที่ยวเล่น และกลับบ้านด้วยกันเป็นที่ชินตา และเอ็นดูในสายตาผู้ใหญ่แถวนั้นจนเคยชิน  จนอดแปลกใจกันไม่ได้เมื่อวันนี้ เห็นเด็กหนุ่มเดินเพียงลำพังคนเดียว

                       นที แปลกใจที่ปุยฝ้ายตัวน้อยไม่มาตามสัญญาที่ริมน้ำ เขารออยู่นานจนตัดสินใจจะไปตามเธอที่บ้าน  เมื่อไปถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ที่เด็กสาวอาศัยอยู่ กดกริ่งอยู่พักนึงคนทำงานบ้านก็ออกมารับ แทบไม่ต้องรอเด็กชายก็รีบวิ่งเข้าไปทันที พอเจอหน้าคุณแม่ของเพื่อน เขาก็ถามทันที

                       “ ปุยฝ้ายอยู่มั้ยครับคุณอา  ผมไม่เห็นปุยฝ้ายไปตามนัด ”

                       “ อยู่จ้ะ  พอดีลูกปุยแกรีบวิ่งเมื่อเช้า สะดุด เลยขาแพลง อาให้แกนอนพักในห้องแน่ะ งอแงจะไปหาหนูอยู่เหมือนกันแหละ  นทีไปหาปุยสิลูก อยู่ในห้องนั่งเล่นนั่นแน่ะ ” ไม่ต้องรอให้บอกซ้ำ เด็กหนุ่มตกใจตั้งแต่ได้ยินว่าเพื่อนบาดเจ็บแล้วจึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องนั่งล่น

    ห้องนั่งเล่นไม้โปร่ง เด็กหญิงนั่งหน้าบึ้งตรงระเบียง หน้าตาไม่ค่อยจะมีความสุขนัก เจ็บแผลก็เจ็บ แต่เจ็บใจที่ผิดสัญญามากกว่า จนเมื่อเพื่อนของเธอโผล่เข้ามาประโยคทักทายอย่างแรกจึงเป็น

                        “ เราขอโทษนะ ที่เราไปไม่ได้ ”

                       “ ไม่เป็นไรหรอก ปุยฝ้ายเจ็บมากมั้ย ” สายตาและน้ำเสียงเป็นห่วงลึกซึ้ง เด็กหนุ่มทรุดตัวลงใกล้ ๆเพื่อน พลางขยับของเล่นของปุยฝ้ายออกให้นั่งถนัด

                        “ เรามีอะไรมาฝากปุยฝ้ายเหมือนกัน ” พอเห็น เด็กหญิงมองตอบอย่างแปลกใจ นทีก็หยิบใบไม้ใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก็เป่าเป็นเพลงให้ปุยฝ้ายฟัง  

                        อาการเจ็บขาแม้จะยังมีอยู่แต่ เด็กน้อยกลับรู้สึกดีใจและสบายอารมณ์กับเพลงของเพื่อนมากกว่า  เมื่อเล่นเสร็จนทีก็ยื่นใบไม้ให้ปุยฝ้าย

                        “  ใบนี้เราเล่นได้เพราะสุด เลยให้ปุยฝ้ายแหละ ” เด็กหนุ่มยิ้มเห็นฟันครบทุกซี่ ภูมิใจกับของขวัญของตนเช่นกัน และยิ้มมากขึ้นเมื่อผู้รับทำหน้าดีใจตอบ



                        ช่วงเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์ต่อมา นทีหมั่นไปเยี่ยมพร้อมเล่นเพลงใบไม้ให้ปุยฝ้ายฟังเกือบทุกวัน จนวันหนึ่งฝนตกหนักจนแทบมองไม่เห็นนอกบ้าน ปุยฝ้ายนั่งรอจนเกือบจะหลับ และคิดในใจว่าเพื่อนของเธอคงไม่มาแล้ว จนเมื่อได้ยินเสียงจากนอกห้อง

                        “ อ้าว ตายจริง นทีมาเยี่ยมปุยฝ้ายเหรอลูก เปียกโซกมาเชียว มาๆเด๋วอาเอาผ้าตัวให้นะลูก... ”

    ไม่นาน หนุ่มน้อยหน้าทะเล้นรายเดิมแต่แฉะไปทั้งตัวก็เดินเข้ามาหาในห้อง ในมือมีดอกไม้ที่ถูกดึงมาทั้งต้นอยู่กำหนึ่ง

                        “ พ่อเราบอกว่า น่าจะมีของมาเยี่ยม  ราเห็นปุยฝ้ายชอบดอกไม้ตรงริมน้ำ เราเลยไปเอามาให้ ” รอยยิ้มน้อย ๆของเด็กหนุ่ม จุดรอยยิ้มอีกรอยที่หน้าเด็กหญิง  “ เราสัญญาแล้วนี่  เราจะเล่นเพลงใบไม้ให้ปุยฝ้ายฟังทุกวัน …”

    เด็กทั้งสองนั่งคุยเล่นกันจนเย็นก่อนนทีจะลากลับบ้าน



                         นานนับอาทิตย์ที่เด็กหนุ่มไม่ได้มาเยี่ยมเยียนอีกเลย  เด็กหญิงเริ่มหงุดหงิด วันแรก ๆ ได้ยินว่าเขาเป็นหวัด แต่ต่อมาไม่นาน ข่าวใหม่ที่เธอได้รับก็ทำให้ ปุยฝ้ายตกใจ  นทีกลับกรุงเทพไปแล้วพร้อมกับพ่อของเขา  เพื่อนคนเดียวของเธอจากไปแล้ว โดยไม่แม้แต่จะมาล่ำลากัน  เมื่อขาหายดี ปุยฝ้ายเดินไปริมน้ำคนเดียวบ่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่ง พลางนึกถึงเพื่อนของตน น้ำตาเด็กหญิงไหลลงมาอาบแก้มน้อย ๆ  จากนี้เธอจะเล่นกับใคร และใครจะเล่นเพลงใบไม้ที่เธอชอบให้เธอได้ฟังอีก...



                         มือเรียวขาวปาดน้ำตาออกจากตาคู่เรียวสวยที่ค่อย ๆลืมช้า ๆ  หญิงสาวผมยาวงัวเงียคว้านาฬิกาปลุกหัวเตียงขึ้นมาดู ก่อนจะวางลงบิดขี้เกียจน้อย ๆพอให้คลายความง่วงงุน  วริตฐาลุกขึ้นจากเตียงนุ่ม เครื่องปรับอากาศในห้องเย็นฉ่ำ จนกระจกหลังม่านหนาของคอนโดมีเนียมกลางกรุงของเธอเป็นฝ้า ละอองน้ำ  แปลกใจที่ความทรงจำวัยเด็กผุดพรายมาให้เห็นอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองที่กรอบรูปกระจกที่ตั้งใกล้หัวเตียง ใบไม้ใบเก่งของเพื่อนเก่า ที่อบแห้งตั้งอยู่ที่เดิมเหมือนทุกวัน  หญิงสาวยิ้มน้อย ๆมุมปาก เช้านี้ช่างสดชื่นกว่าทุกวัน ก่อนจะเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำไปเตรียมรับวันใหม่ที่เพิ่งจะมาถึง.



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×