ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรคาพิวัฒน์

    ลำดับตอนที่ #2 : เริมที่อวัยวะเพศ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.18K
      4
      17 พ.ย. 51

    /> /> />

    เริมที่อวัยวะเพศ

    เริมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยขึ้น ประกอบกับเป็นโรคที่ไม่หายขาด จึงมีจำนวนคนที่เป็นโรคนี้สะสมมากขึ้นทุกปี การติดเชื้อเริมส่วนใหญ่ติดจากการร่วมเพศ เชื้อไวรัสติดเข้าสู่ร่างกายทางแผลที่ผิวหนังหรือเยื่อบุอ่อนๆ แล้วอาจไม่แสดงอาการแต่กลับไปแฝงตัวที่ปมประสาทรับความรู้สึก ( Sensory nerve ganglion) เชื้อจะยึดปมประสาทนี้เป็นที่มั่นตลอดไป แต่อาจถูกกระตุ้นให้กลับมาก่อโรคที่ผิวหนังได้เป็นครั้งคราวและระหว่างที่มีรอยโรคอยู่ ก็สามารถที่จะแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นที่ไปสัมผัสได้ แต่ที่ร้ายกว่านั้น หญิงที่มีเชื้อเริมที่ปากมดลูกหรือช่องคลอด มีเกือบครึ่งที่ไม่มีอาการอะไรผิดปกติแสดงออกมาให้เห็น ดังนั้นหญิงเหล่านี้จึงมีโอกาสที่จะแพร่เชื้อไปให้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยได้โดยไม่รู้ตัว

    ตัวเชื้อ

    เริมเกิดจากเชื้อไวรัส (Herpes simplex virus HSV) ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด คือ HSV-1 และ HSV-2 แต่เดิมนั้น HSV-1 พบได้ในส่วนบนของร่างกาย และ HSV-2 เป็นตรงส่วนล่างของร่างกาย แต่ระยะหลังพฤติกรรมทางเพศของคนเปลี่ยนไป มีเพศสัมพันธ์ทางปาก ( Oral sex) กันมากขึ้น เชื้อทั้งชนิด HSV-1 และ HSV-2 จึงผสมปนเป ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น ว่าบนหรือล่างอีกต่อไป แต่ที่ร้ายไปกว่านั้น เชื้อ HSV-2 ยังมีแบ่งเป็นอีกหลายสายพันธุ์ (strain) และเชื้อแต่ละสายพันธุ์ก็ไม่ญาติดีต่อกัน เคยเป็นสายพันธุ์หนึ่งหนึ่งแล้วก็ไม่ได้มีภูมิต้านทานต่ออีกสายพันธุ์ ดังนั้นเมื่อเป็นสายพันธุ์หนึ่งแล้วก็ยังมีโอกาสติดอีกสายพันธุ์ได้อีก โดยแม้เป็นเชี้อตัวเดิมก็กลับมาเป็นซ้ำได้เนื่องจากเชื้อจะเคลื่อนย้ายเข้าสู่ปมประสาท ganglia และอยู่เป็นเวลานานโดยที่ไม่มีการแบ่งตัวถ้าหากปัจจัยแวดล้อมเหมาะสมเชื้อก็เกิดการ แบ่งตัวทำให้เกิดอาการเป็นซ้ำใหม่

    อาการ

    อาการของเริมแบ่งเป็นสองแบบ คือแบบเป็นครั้งแรกกับแบบที่เป็นซ้ำ ถ้าเป็นครั้งแรก อาการจะรุนแรงและใช้เวลานานกว่าจะหาย แต่ถ้าเป็นแบบเป็นซ้ำ อาการจะน้อยกว่าและจะหายเร็วกว่าอาการที่เป็นครั้งแรกมักจะแสดงอาการ 3 – 7 วันหลังจากรับเชื้อ ถ้าเป็นหญิงอาการจะรุนแรงมาก มีการอักเสบที่ช่องคลอด ปากมดลูก และท่อปัสสาวะผู้ป่วยจะปวดอย่างมากปัสสาวะอย่างยากลำบาก บางคนปวดถึงกับน้ำตาเล็ด จะตรวจภายในก็ได้แค่ดูภายนอก จับต้องไม่ได้เลย พร้อมกับเห็นตุ่มน้ำใสๆ เล็ก อยู่เป็นกลุ่มๆ กระจัดกระจายไปในบริเวนนั้นและตุ่มน้ำใสเหล่านี้ก็จะแตกภายใน 24-48 ชั่วโมง ทำให้เห็นเป็นรอยแผลตื้นๆ หลายตุ่มอาจแตกรวมกันเป็นแผลใหญ่ อวัยวะเพศบวมมีตกขาว บางคนถึงกับปัสสาวะไม่ออก นอกจากนี้ยังปวดระบม มีไข้ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อาการนี้จะเป็นอยู่ 2 – 3 สัปดาห์จึงค่อยทุเลาลง ถ้าไม่มีเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติมก็จะค่อยๆ หายตกสะเก็ด เมื่อหายก็จะหายอย่างสนิท สนิทชนิดไม่รู้มาก่อนว่าเคยเป็นส่วนผู้ชาย (ตัวก่อเรื่องนั่นแหละ) อาการครั้งแรกก็รุนแรง แต่ก็ไม่เท่ากับหญิง มีตุ่มน้ำใสๆ เกิดขึ้นที่อวัยวะเพศ และถ้ามีการติดเชื้อในท่อปัสสาวะด้วยก็จะมีอาการแสบเวลาปัสสาวะ และจะกลายเป็นหนองในเทียมที่ไม่หายขาดไป ส่วนพวกรักร่วมเพศก็อาจพบตุ่มน้ำใสๆ เกิดรอบทวารหนักได้เช่นกันอาการเป็นซ้ำ หลังจากรับเชื้อครั้งแรกแล้วสองในสามของผู้ป่วยจะมีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก แต่อาการต่างๆ จะน้อยลง และระยะเวลาที่เป็นก็จะสั้นลง ประมาณ 7 – 10 วันก็หายบางรายที่เป็นบ่อยๆ สามารถบอกตัวเองได้ก่อนมีอาการจริง อาจมีอาการเจ็บ คันหรือปวดหน่วง รู้เลยว่าอีกวันสองวัน เพื่อนเก่าจะมาแล้วเหตุกระตุ้นให้เป็นซ้ำ ยังไม่รู้แน่ชัด แต่พบว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่พักผ่อนไม่พอ นอนดึก งานยุ่ง เครียด หรือบางรายเวลามีรอบเดือน ก็จะกลับเป็นซ้ำได้อีกรับเชื้อ แล้วไม่มีอาการแปลว่าไม่ติดใช่ไหม ไม่ใช่ครับ ได้มีการศึกษาโดยการเพาะเชื้อ พบว่าเกือบ 50 % ของหญิงที่มีเชื้อ HSV ในช่องคลอด โดยไม่มีอาการของโรค ดังนั้นหญิงเหล่านี้ที่รับฝากเชื้อที่ปากมดลูกหรือที่ช่องคลอดโดยไม่มีอาการจึงอาจสามารถแพร่เชื้อไปสู่ชายได้ ส่วนผู้ชายที่มีเชื้อแต่ไม่แสดงอาการก็มี แต่น้อย ประมาณแค่ 1 % เริมทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูกหรือเปล่า เปล่าเลยครับ เริมเป็นจำเลยมาหลายสิบปี ที่เคยเชื่อกันว่าเริมเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งปากมดลูกนั้น ไม่จริงแล้วครับ เดี๋ยวนี้พบว่า สาเหตุมะเร็งปากมดลูกเกิดจากเชื้อ HPV ก็เชื้อที่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่นั่นแหละครับ คนโสดเป็นได้ไหม เป็นได้ครับ เคยเจอหลายรายที่เป็นหญิงสาวโสดไม่เคยมีเพศสัมพันธ์แต่เป็นเริมที่อวัยวะเพศ เข้าใจว่าเป็นเริมที่ริมฝีปาก มือไปจับแล้วมาเกาบริเวณอวัยวะเพศ ทำให้ติดได้เหมือนกัน

    เริมกับการตั้งครรภ์

    หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นเริม ก็นับเป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่ง เคยมีรายงานการศึกษาถึงผลกระทบของการเกิดโรคเริมอวัยวะเพศในระหว่างการตั้งครรภ์ พบว่าเชื้อเริมสามารถติดจากแม่โดยผ่านทางกระแสเลือดได้เหมือนกัน ทำให้แท้ง หรือคลอดก่อนกำหนดได้ ดังนั้นถ้าเป็นเริมระหว่างตั้งครรภ์ แพทย์จะเจาะน้ำคร่ำเพื่อตรวจดูว่าทารกติดเชื้อหรือไม่ แต่ที่สำคัญกว่านั้น ในช่วงคลอด ถ้าแม่เป็นเริม โอกาสที่ลูกจะสัมผัสเชื้อและติดถึงลูกมีอยู่สูง แพทย์จึงใช้วิธีผ่าท้องคลอดแทน 90 % ของทารกที่เป็นเริมติดตอนคลอด ดังนั้นถ้าคุณเคยเป็นเริมที่อวัยวะเพศหรือสามีเคยเป็น เวลาที่คุณไปฝากครรภ์ก็ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบด้วย

     

    ใครมีปัจจัยเสี่ยงในการได้รับเชื้อ herpes simplex

    ทุกๆ คนจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อ herpes simplex โดยเฉพาะกลุ่มที่มีฐานะไม่ดี โดยเชื้อ (HSV-1) จะติดต่อทางสารหลั่งในปาก ส่วน (HSV-2) จะติดต่อทางอวัยวะเพศ ทวารหนัก เมื่อเชื้อเข้าทางผิวหนังเชื้อจะไปตามเส้นประสาททำให้เชื้อลามเป็นบริเวณ กว้างและอาจจะเกิดผื่นที่บริเวณใหม่

    ·       ผู้ ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อเริมที่ปากคือวัยเด็กอายุ 4-5 ปีมักติดต่อทางการสัมผัสเช่นการใช้ของร่วมกัน การจูบ ไม่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เชื้อนี้สามารถติดต่อจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งโดยเฉพาะที่ตาโดยการสัมผัส ด้วยมือดังนั้นต้องล้างมือให้สะอาด

    ·       ผู้ที่มี ปัจจัยเสี่ยงต่อเริมที่อวัยวะเพศมักเกิดในผู้ที่มีคู่ขาหลายคน การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก oral sex ซึ่งเชื้อที่เป็นสาเหตุมักจะเป็น type 1 การป้องกันการติดเชื้อควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้ถุงยางคุมกำเนิดขณะมีอาการติดเชื้อ

    ·       การเป็นเริมในทารกมักจะติดเชื้อในแม่ที่ติดเชื้อ HSV-2 และมีการคลอดก่อนกำเนิดหรือต้องใช้เครื่องมือในการคลอด

    ·       ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงอย่างอื่นเช่น นักมวยปล้ำ นักรักบี้ นักมวย ผู้ป่วยโรคเอดส์

    มี การศึกษาว่าแม้จะไม่มีผื่นหรืออาการเชื้อก็สามารถแพร่ออกมาได้ ดังนั้นไม่มีหลักประกันว่าการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่มีอาการจะปลอดภัยจากโรคเริม

     

    โรคแทรกซ้อนของการติดเชื้อ herpes simplex

    ·       การ ตั้งครรภ์และการติดเชื้อ herpes simplex พบว่าคนท้องที่ติดเชื้อประมาณร้อยละ 0.01.0.04 อาจจะเกิดการแท้ง คลอดก่อนกำหนด เด็กเจริญเติบโตช้าโดยเฉพาะการติดเชื้อใกล้คลอดดังนั้นแนะนำว่าควรจะรักษา หากเกิดการติดเชื้อเมื่อใกล้คลอด การติดเชื้อครั้งแรกจะเกิดโรคแทรกซ้อนได้บ่อยกว่าการติดเชื้อที่กลับเป็นซ้ำ

    ·       Herpes Encephalitis เกิดจากเชื้อที่อยู่ในระยะ Latency และเกิดการแบ่งตัวผู้ป่วยอาจจะเสียชีวิตหากไม่ได้รักษาแต่โชคดีที่พบน้อย

    ·       Herpes Meningitis พบได้ร้อยละ 4-8 ในคนที่เป็น primary genital HSV-2พบมากในผู้หญิงแต่ไม่ต้องตกใจเนื่องจากหายเองใน 2-7วันผู้ป่วยจะปวดศีรษะ อาเจียน และมีไข้

    ·       ผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องจากยา เช่น steroid มะเร็ง ยารักษามะเร็งหากผู้ป่วยกลุ่มนี้ติดเชื้อ herpes simplex จะเป็นรุนแรงมีโรคแทรกซ้อนปอดบวม ตับอักเสบ สมองอักเสบ

    ·       การติดเชื้อที่ตา อาจจะทำให้ตาพร่ามัว ในรายที่เป็นรุนแรงอาจจะทำให้ตาบอด

     

    การรักษา

    การรักษาก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง คือรักษาตามอาการและรักษาเฉพาะ การรักษาตามอาการก็คือ ถ้าปวดก็ให้ยาแก้ปวด และให้ยาปฏิชีวนะป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย ล้างแผลด้วยน้ำเกลือวันละ 2 – 3 ครั้งแต่ในรายที่ปวดมาก หรือปัสสาวะไม่ออก การนั่งแช่น้ำอุ่น (Hot sitz bath) ก็สามารถบรรเทาอาการได้ โดยนั่งแช่น้ำอุ่นในกะละมัง ครั้งละ 10 –15 นาที วันละ 2 – 3 ครั้ง การรักษาเฉพาะได้มีความพยายามจะหายามารักษาแต่ก็เป็นเรื่องยาก เพราะเชื้อนี้เป็นไวรัส ไม่มียาที่จะฆ่าได้ยาที่ใช้ในปัจจุบันคือ Acyclovir ซึ่งใช้มาเป็นสิบปี ก็ยังใช้ได้อยู่ทั้งแบบกิน และแบบครีม แบบครีมมีไว้ใช้กับเริมที่ปาก (Oral Herpes) ไม่แนะนำให้ใช้กับเริมที่อวัยวะเพศ (Genital Herpes) ส่วนแบบกินมีทั้งแบบ 200 มิลลิกรัมและ 400 มิลลิกรัม ปัจจุบันได้มีการพัฒนายาตัวนี้ขึ้นมาเป็นยาใหม่ๆ ที่มีขายคือ Valacyclovir ( ชื่อการค้า Valtrex ) Famciclovir ( ชื่อการค้า Famvir ) ข้อดีกว่ายาตัวเก่าคือการดูดซึมได้ดีกว่าและไม่ต้องกินหลายครั้งมากในแต่ละวัน แต่ก็ยังไม่มีรายงานวิจัยความปลอดภัยที่ใช้กับหญิงตั้งครรภ์

    การป้องกัน

    ในกรณีที่เป็นหรือเคยเป็น คือรู้ตัวเอง ก็งดมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีรอยโรคอยู่ จนกว่าจะหายสนิท คือไม่เห็นรอยโรคแล้ว ถ้าจำเป็นก็ต้องใช้ถุงยางอนามัย ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่สมรส แม้ไม่เห็นรอยโรคหรือไม่เห็นสิ่งปกติ ก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าคุณจะปลอดภัย ก็คงต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง เพราะเราไม่รู้ว่า เขาเป็นแบบมีเชื้อแต่ไม่ได้แสดงอาการหรือเปล่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×