ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หวานใจพี่รหัส

    ลำดับตอนที่ #1 : การพบกัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 22.76K
      477
      27 มิ.ย. 65

     

    เด็กสาวหน้าใสแก้มป่องหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่เคียงข้าง ใบหน้านั้นอมยิ้มอย่างดีใจ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมของชีวิตนิสิตใหม่ เธออยากให้พี่ชายกับเพื่อนซี้ที่จากไปนานถึงหกปีได้เจอกันเสียที หลังจากที่วางแผนให้ทั้งคู่พบกันมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่สำเร็จ เพราะพี่ชายตัวดีดันติดธุระ วันนี้ขอให้ทั้งคู่ได้เจอกันซะทีเถอะ เมื่อคนข้างตัวหันมามองจึงรีบหุบยิ้ม

    “เป็นอะไร! ยิ้มหน้าบานขนาดนี้” เขารู้สึกแปลกใจยัยน้องสาวตัวแสบ

    “เปล่าซะหน่อย แค่ดีใจที่จะได้เป็นนิสิตใหม่ และตื่นเต้นเฉย ๆ” นภาเฉไฉไปได้อย่างดูมีเหตุผล

    “พี่ยนตร์รอตรงนี้นะ เดี๋ยวไปซื้อนมแป๊บนึง” เมื่อปลีกตัวออกมาได้ รีบโทรหาเพื่อนซี้ทันที น่าจะมาถึงสถานีรถไฟแล้ว กวาดสายตามองหาเพื่อนสาวไปพลางดูดนมถั่วเหลืองรสโกโก้ไปด้วย

    “ปาร!” เสียงเพื่อนสาวคนสนิทตะโกนเรียก พลางโบกไม้โบกมือไปมา

    “ว่าไงนภา! ดีใจจังที่เจอเธอ” ปารรีบทักทาย แถมยิ้มดีใจจนตาหยี สาวเท้าเร็ว ๆ เข้าไปหาพลางจับมือเพื่อนบีบไว้แน่น

    “ท่านผู้โดยสารที่เดินทางไปกรุงเทพฯ รถเที่ยวล่องจากสถานีลาดกระบังกำลังจะเข้าสถานี ผู้มีตั๋วเดินทางเรียบร้อยแล้ว คอยที่ชานชาลาที่หนึ่ง ติดกับสถานีครับ” เสียงเจ้าหน้าที่รถไฟประกาศ

    เสียงหวูดรถไฟดังใกล้เข้ามานภาจูงมือเพื่อนสาวเดินแทรกผู้คนที่ยืนรอรถไฟอยู่เต็มชานชาลาไปรอที่จุดนัดพบ เตรียมพร้อมที่จะขึ้นรถไฟ รถไฟขบวนยาวกำลังแล่นเข้ามาอยู่ไกลลิบ

    “ปาร…เดี๋ยวเรามานะ” นภาปล่อยมือเพื่อนซี้ แล้วเดินหายตัวไปในกลุ่มคน เสียงเจ้าหน้าที่รถไฟประกาศเตือนผู้โดยสารที่เดินข้ามไปมาตามรางรถไฟ ทำให้ปารไม่ได้ยินคำพูดของเพื่อนสนิท

    นภาเดินไปหาพี่ชายที่จุดเดิม แต่ไม่พบ

    “อ้าว! หายไปไหนเนี่ย!” เด็กสาวทำหน้าตาเหมือนกำลังกินแห้ว จึงเดินกลับไปหาเพื่อน แต่ทว่า มองเห็นพี่ชายของเธอกำลังเดินเข้าไปหาปารเสียเอง

    “ว้าว! คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน” พลางหัวเราะคิกคักอย่างชอบอกชอบใจ รอเวลาที่ทั้งคู่กำลังจะหันมาจ๊ะเอ๋! กัน! ด้วยใจจดจ่อ แต่ด้วยอาการดีใจจึงไม่ทันระวัง! เหยียบเท้าใครคนหนึ่งเต็มแรง แถมเซไปกระแทกใครคนนั้นอย่างจัง!

    นภารีบเงยหน้าขึ้นมอง พบสายตาของชายหนุ่มจ้องมองมาอย่างเขียวปัด อีกฝ่ายดึงหูฟังออกจากหูทั้งสองข้างอย่างหัวเสีย สองมือของเขากำลังประคองโทรศัพท์ราคาแพงไว้ในมือ หลังจากที่มันเกือบจะหลุดมือเมื่อถูกกระแทก การที่เธอมาชนเขาทำให้เกมที่อุตส่าห์เก็บคะแนนมาอย่างยากลำบากจบลงต้องเริ่มต้นใหม่ แถมกล่องนมรสโกโก้ในมือของเธอยังหกใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาจนเปื้อน

    “อุ๊ย! ขอโทษด้วยค่ะ ไม่ได้ตั้งใจ” เธอเกือบต้องมนต์สะกดความหล่อของเขาซะแล้ว ถ้าไม่ได้ยินประโยคถัดมา

    “เดินยังไงไม่ดูทางเลย ดูซิ! เสื้อเปื้อนหมดแล้ว ถ้ามือถือหล่นไปจะว่าไง” นรินทร์มองสภาพตัวเอง

    “ถ้าคุณดูทางจะชนฉันได้ไงล่ะ เล่นเกมไม่รู้เวล่ำเวลาละซี้” อีกฝ่ายไม่ยอมแพ้ แล้วรีบหันไปดูพี่ชายสุดที่รักและเพื่อนสนิท ไม่เห็นทั้งคู่ยืนอยู่ที่เดิม อะไรกันเนี่ย...!! หมอนี่ทำให้เธอพลาดเวลาสำคัญที่เฝ้ารอคอยมานานไปได้ยังไง! โธ่!

    “ซวยแต่เช้าเล้ย!” เขาบ่นพลางส่ายหัว ถ้าไม่คิดว่า วันเปิดเทอมรถติดมากถึงมากที่สุด เขาไม่มีทางมาขึ้นรถไฟสับปะรังเคนี่หรอก

    หนุ่มหล่อเดินหนี ไม่อยากเสียเวลากับเธอ ไม่งั้นเขาคงตกรถไฟแน่ เมื่อมองเห็นรถไฟแล่นเข้าสู่สถานี เสียงล้อและเครื่องจักรดังกระทบกันกับรางเหล็กเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แล้วลดความเร็วลง

    “หนอยยยย!! ขอให้อย่าได้เจอกันอีกเลย” นภาทำหน้าย่นใส่หนุ่มหล่อมาดเนียบ ก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นรถไฟ มือหนึ่งก็รีบกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนและพี่ชายแต่ยังไม่มีใครรับสายซักคน ปลอบใจตัวเองว่าทั้งคู่คงได้ขึ้นรถไฟแล้ว คงจะมีแต่เธอคนเดียวที่กำลังจะตกรถไฟ

     

    ==============

     

    ปารมองเห็นรถไฟกำลังเคลื่อนขบวนเข้าสถานีแล้ว

    “ไปกันเถอะภา เราไปขึ้นโบกี้สุดท้ายกัน”

    ปารคว้ามือใครคนหนึ่ง!! แถวนั้นวิ่งไป

    “วันนี้คนเยอะจังเนอะ” ปารหันไปพูดกับคนแปลกหน้า

    สาวน้อยชะงัก!

    เขาไม่ใช่เพื่อนสาวของเธอ แต่กลับเป็นชายหนุ่ม ร่างสูงโปร่ง ทำให้เธอแทบจะต้องแหงนคอมองเขาทีเดียว มองมือตัวเองที่ยังจับมือของเขาอยู่แล้วตกใจ! รีบปล่อยมือของอีกฝ่ายทันที

    “ขอโทษค่ะ เอ่อ…นึกว่า...เพื่อน เมื่อกี๊ยังยืนอยู่ตรงนี้เลย” ปารทำหน้าเงอะงะ หันซ้ายหันขวามองหาเพื่อนสาวที่อยู่ ๆ ก็หายตัวไป รู้สึกอับอายเหลือเกิน แต่ไม่รู้จะพูดอะไรที่ดีกว่าการขอโทษเขา

    ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบาง ๆ ที่จริงเขาอยากจะหัวเราะในท่าทีเก้อเขินของเธอมากกว่า แต่ยังรู้สึกเกรงใจสาวน้อยที่ยืนตรงหน้าอยู่มาก เขาขยับแว่นสีชาให้กระชับ

    “ไม่เป็นไรครับ รีบไปขึ้นรถไฟกันเถอะ วันนี้คนเยอะน่าดูเลย”

    เขามองตามร่างเล็กของเด็กสาวที่เดินนำอยู่ข้างหน้าอย่างรู้สึกแปลกใจ เหมือนเคยรู้จักเธอมาก่อน เหมือนคุ้นเคยกันมานาน ความรู้สึกบอกเขาอย่างนั้น ก่อนจะหันไปมองหาแม่น้องสาวตัวดีที่หายตัวไป แล้วรีบโทรหาแต่ไม่มีคนรับสาย ให้มันได้อย่างนี้สิ!

    รถไฟแน่เอี๊ยด เนื่องจากเป็นวันเปิดเทอมใหม่ เขาและเธอโหนต่องแต่งอยู่ที่บันไดของรถไฟขั้นสุดท้าย

    เขาพยายามขยับตัวให้ห่างจากร่างเล็กบอบบางของสาวน้อยตรงหน้า ซึ่งกำลังยืนเบียดตัวเองกับผนังของประตูรถไฟนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเอาตัวเองกันเธอจากผู้ชายคนอื่น ๆ ที่ยืนเบียดกันอยู่ตรงประตูรถไฟเช่นกัน

    ปารยืนเกร็งตัวแข็งทื่อ เพราะรู้ว่าคนที่ยืนประชิดตัวอยู่ขณะนี้เป็นชายหนุ่ม ถึงเขาจะดูดี หล่อแค่ไหนก็ตาม คนอย่างเธอไม่มีทางยอมให้หนุ่มหน้าไหนมาถูกเนื้อต้องตัวเธอได้ง่าย ๆ เด็กสาวพยายามขยับกระเป๋าถุงผ้าใส่หนังสือที่คล้องกับหัวไหล่ไปข้างหลังให้มากสุด เพื่อกันระหว่างเขาและเธอไม่ให้สัมผัสโดนกันมากจนเกินไป ได้ยินเสียงลมหายใจของเขาอยู่ใกล้มาก แทบไม่กล้ากระดุกกระดิก รู้สึกอึดอัด แม้จะสัมผัสได้ว่า เขาเองก็ให้เกียรติ เป็นสุภาพบุรุษและไม่ได้ฉวยโอกาสนี้ล่วงเกินเธอเลย บางครั้งที่รถไฟเหวี่ยงไปมา จนเขาเซมาโดนเธออย่างจัง เพราะคนข้างหลังนั้นเซมากระแทกอีกทีหนึ่ง จะได้ยินคำขอโทษจากเขาทันที มือของชายหนุ่มจับขอบประตูรถไฟไว้ เพื่อกันเธอไม่ให้พลัดตกออกนอกตัวรถไฟ

    สาวน้อยรู้สึกสะดุดตาใบหน้าของเขา เหมือนเคยเห็นที่ไหนนานมาแล้ว เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน เหมือนคุ้นเคยกันมาเนิ่นนาน แต่ก็เลิกสนใจ อดกังวลเป็นห่วงเพื่อนสาวไม่ได้ ไม่รู้จะตกรถไฟหรือเปล่า? อยู่ดี ๆ หายตัวไปไหนเนี่ย!!

    ============

    เมื่อนภาจะก้าวเท้าขึ้นรถไฟก็เจอหนุ่มหล่อที่เพิ่งมีเรื่องยืนอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้ายของทางขึ้นลงรถไฟ เธอจึงรีบวิ่งไปขึ้นโบกี้อื่น แต่โบกี้ไหนมันก็เต็มหมดแล้ว ที่สำคัญรถไฟเริ่มเคลื่อนตัวและเพิ่มความเร็ว จึงจำใจวิ่งกลับไปขึ้นโบกี้เดียวกันกับเขา

    หนุ่มหล่อมองเห็นแม่ตัวแสบวิ่งหน้าตั้งกลับมา จะแกล้งให้เธอตกรถไฟก็กระไรอยู่ เขาไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ขยับตัวเพื่อให้เธอขึ้นได้ง่าย ๆ แต่คนยืนข้างตัวกลับขยับตัวมาเบียดเขาเพื่อให้เธอขึ้นมา ก่อนแทรกตัวเข้าไปด้านในของตู้โดยสารเพื่อให้เด็กสาวยืนได้สะดวก

    นภาตัดสินใจกระโดดขึ้นรถไฟทันที และไม่สนว่าเขาจะยืนเกะกะขวางทางอยู่หรือไม่ แรงโถมตัวกระโดดขึ้นรถไฟเต็มแรงนั้น ทำให้เหยียบเท้านรินทร์เข้าเต็ม ๆ หน้าผากเธอพุ่งชนกับแผ่นอกของเขาอย่างจัง ก่อนจะรีบถอยตัวออกมาอย่างด่วนจี๋ เธออยากจะบ้าตาย! ได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้ามองเขาในระยะประชิดตัวเช่นนี้ แล้วรีบหันตัวไปอีกด้านทันที หันกระเป๋าถุงผ้าใบโตมากันระหว่างชายหนุ่มเอาไว้ นภายืนหอบแฮ่ก ๆ อยู่นานอย่างเหน็ดเหนื่อย มือจับขอบประตูรถไฟแน่น

    ‘คนอะไร! สมน้ำหน้า อยากไม่ยอมขยับเอง’ เด็กสาวบ่นอยู่ในใจ

    นรินทร์มองยัยตัวแสบที่ทำไม่รู้ไม่ชี้หันหน้าไปทางอื่น เหยียบเท้าเขาขนาดนี้ไม่มีขอโทษซักคำ ไร้มารยาทสิ้นดี! ได้แต่กัดฟันกรอดหันหน้าไปทางอื่นอย่างหัวเสีย

     

    ===============

     

    พอลงจากรถไฟนภารีบโทรหาเพื่อนสาวทันที ระหว่างรอปารเดินมาหา เธอโทรหาพี่ชาย แต่ไม่เข้าใจทำไมสายไม่ว่างตลอด หรือว่ามีธุระด่วนอีกแล้ว เฮ้อ...อดถอนหายใจไม่ได้ การจะให้พี่ชายได้เจอกับเพื่อนซี้ของเธอ ทำไมมันยากเย็นแสนเข็นขนาดนี้นะ

    “ภาหายไปไหนมา”ปารยิงคำถามคาใจทันทีที่เจอหน้า

    “อ๋อ…ฉันไปเดินหาพี่ยนตร์น่ะ จำได้ไหม พี่ชายเราไง แต่หาไม่เจอ เขาบอกว่าจะมาเจอกันที่สถานีรถไฟ”เธอพูดถึงพี่ชายที่สอบได้ทุนไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ และเพิ่งกลับมาเรียนต่อที่เมืองไทยได้หนึ่งปี

    ปารนิ่งไปครู่หนึ่ง‘พี่ยนตร์’ เป็นชื่อที่เธอไม่เคยลืม แม้ว่าจะเลือนลางไปบ้างก็ตาม แต่เมื่อได้ยินชื่อนี้ ความทรงจำเกี่ยวกับเขาก็ชัดเจนขึ้นมาในสมองทันที ราวกับเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้เจอ และไม่ได้ติดต่อกับเขาเลยมานานถึงหกปีเต็ม หลังจากที่เขาถูกส่งไปเรียนต่อ ม.ปลาย ที่กรุงเทพฯ

    “รู้ป่าวว่า ปารนะ หน้าแตกเลย คว้ามือใครไม่รู้ไปขึ้นรถไฟอ่ะดิ” เธอพูดพลางทำหน้าย่น

    “เหรอ…แล้วจับมือใครไปขึ้นรถไฟล่ะ” เพื่อนสาวทำหน้าสนใจ

    “ผู้ชายน่ะสิ! ตัวสูงยังกะเสาไฟฟ้าเลย” แล้วเงยหน้าขึ้นสูงประกอบคำสนทนา

    “แหม…ว่าเค้า แล้วหล่อรึป่าว” นภาพูดพร้อมกับหัวเราะคิก

    “บ้า! อายจะตาย ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน ไม่กล้ามองหน้าเขาหรอก แต่แปลกมากเลย คุ้น ๆ หน้าเขายังไงก็ไม่รู้”

    “เหรอ………” นภาลากเสียงยาวกวนประสาทแบบมีเลสนัย

    “ล้อเราเหรอ….” ปารฟาดฝ่ามือไปหวดต้นแขนเพื่อนเข้าให้ แต่เพื่อนสาวโดดหลบอย่างรู้ทัน

    “แล้วหนุ่มคนนั้นหน้าตาเป็นไง ใส่แว่นมั้ย หรือยังไง” นภาพยายามถามลักษณะของชายคนนั้น อยากรู้ว่า จะใช่พี่ชายของเธอรึเปล่า?

    “จำไม่ได้แล้ว ไปเดินดูซุ้มรับน้องกันดีกว่า ว่าแต่ละคณะเป็นยังไงบ้าง คณะคุรุศาสตร์อยู่ตรงไหนน้า...” ปารรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะโดนเพื่อนซักไซร้มากกว่านี้

     

    ทั้งคู่เดินเข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัย บรรยากาศเต็มไปด้วยความสดใส ซุ้มรับน้องคณะต่าง ๆ ประดับประดาอย่างสวยงาม ทั้งลูกโป่งสีสวย กระดาษสะท้อนแสง ประดับประดาหลากหลายรูปแบบ รุ่นพี่ที่มาคอยต้อนรับน้อง ๆ ก็เต็มที่ เสียงกลองดังกระหึ่ม มีเกมและกิจกรรมให้เล่นมากมาย เสียงรุ่นพี่รุ่นน้องดังเซ็งแซ่ไปหมด มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะอยู่รอบตัว

    “เจอแล้วภา คณะคุรุศาสตร์” ปารตะโกนเมื่อมองเห็นรุ่นพี่คณะคุรุศาสตร์กำลังประกาศเรียกน้อง ๆ ผ่านโทรโข่งเข้าซุ้มกิจกรรม

    นภาหันไปมองตามเพื่อน เสียงจากโทรโข่งกำลังเรียกรุ่นน้องให้ลงทะเบียนก่อน สายตาเบิกโพรงเมื่อมองเห็นหนุ่มหล่อที่เธอเพิ่งมีเรื่องกับเขาเมื่อเช้านี้ ซึ่งกำลังแจกหมวกกระดาษแข็งให้น้อง ๆ ไว้ใส่กันแดดยามสาย

    “ตายล่ะ! เขาเป็นรุ่นพี่อยู่คณะนี้ด้วยเหรอเนี่ย?” เธออุทานเบา ๆ อย่างตกใจ นภาพยายามก้มหน้าก้มตาแอบอยู่ข้างหลังเพื่อน รีบหันซ้ายหันขวาหาที่หลบ แต่ยังหาไม่ได้ หนุ่มหล่อกำลังเดินตรงมา

    ‘เฮ้ย! ทำไมต้องเดินมาทางนี้ด้วยวะ!’

    ปารหันมามองเพื่อนสาวที่ดูท่าทางแปลก ๆ ดูลุกลี้ลุกรนชอบกล

    “ภา เป็นไร”

    “ปะ...เปล่า...แดดร้อน” นภาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ตอบไปพลางเอามือบังแดดปิดหน้าปิดตาตัวเอง

    “เดี๋ยวเรียกพี่เขาให้ พี่เขากำลังแจกหมวกพอดีเลย” ปารยกมือโบกเรียกรุ่นพี่ที่กำลังแจกหมวกกระดาษสีสวย

    “ปาร! ไม่ต้อง! เราทนได้” รีบคว้ามือเพื่อนลงมา

    นรินทร์เดินตรงใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เกือบจะถึงแล้ว แต่มีรุ่นน้องที่อยู่ใกล้กว่าเรียกไว้ซะก่อน

    นภาหายใจออกอย่างโล่งอกที่เขาหยุดอยู่แค่นั้น

    “ไปเข้าซุ้มลงทะเบียนเถอะ” เธอรีบลากเพื่อนสาวไปทันที

    หลังจากลงทะเบียน รับป้ายชื่อเรียบร้อยแล้ว ต้องเดินมุดซุ้มที่ทำจากทางมะพร้าว พออกมาก็เจอกับรุ่นพี่ต้อนรับด้วยการทาแป้ง เขียนสีบนใบหน้า นภาและปารมองหน้ากันแล้วหัวเราะใส่กันอย่างขำ ๆ

    “น้อง ๆ ที่ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ขอให้มาจับฉลากว่าจะได้ใครเป็นพี่รหัสด้วยนะจ๊ะ” เสียงหวานของธารน้ำประกาศเรียกรุ่นน้องปีหนึ่งหน้าใส

    “ปารไปจับฉลากพี่รหัสกันเถอะ” นภาคว้ามือเพื่อนเดินไปให้ห่างจากหนุ่มหล่อคู่อริ

    หลังจากจับฉลากเสร็จเรียบร้อย นภาคอยหันไปมองหนุ่มหล่อว่า ตอนนี้เขาอยู่ตรงไหน ปรากฏว่า เขากำลังเดินมาหาอีกแล้ว เพราะเห็นน้อง ๆ บริเวณนั้นยังไม่มีหมวก

    “ปาร! เราไปห้องน้ำแป๊บนะ เดี๋ยวมา!” นภาบอกเพื่อนก่อนจะรีบเดินหนีหายไปในกลุ่มคน

    ปารหันมามองตามเพื่อนอย่างงุนงง ก็เพิ่งเข้าไปหยก ๆ นี่นา

    หมวกกระดาษแข็งสีชมพูสะท้อนแสงถูกยื่นมาตรงหน้าเด็กสาว

    “หมวกครับ” นรินทร์เดินมาถึงจึงยื่นหมวกให้รุ่นน้อง

    “ขอบคุณค่ะ” ปารยิ้มยื่นมือไปรับหมวกกระดาษสีสวย

    นรินทร์ตะลึงเล็กน้อย เมื่อได้เห็นรอยยิ้มสดใสของเธอ เหมือนดอกไม้บานยามเช้า

    “ขออีกใบนะคะ เพื่อนไปห้องน้ำค่ะ”

    “ได้ครับ” หนุ่มหล่อสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนยื่นหมวกอีกใบส่งให้

    “พี่คะ จับฉลากพี่รหัสแล้วไปตรงไหนต่อคะ”

    “ตรงโน้นครับ พี่พาไปนะครับ” นรินทร์เดินนำสาวน้อยไปยังซุ้มเฉลยพี่รหัส ซึ่งจะเป็นบอร์ดติดรูปการ์ตูน หรือผลไม้ต่าง ๆ เพียงนำฉลากที่จับได้ไปดูว่ารูปอะไร หมายเลขเท่าไหร่ เมื่อเปิดดูจะเจอรูปพี่รหัสอยู่ในนั้น

    หนุ่มแว่นสีชากำลังยืนแนะนำน้อง ๆ ที่มาดูเฉลยพี่รหัสของตัวเองอยู่

    “เบอร์อะไรครับ” ชายหนุ่มหันมาถามรุ่นน้องที่นรินทร์เดินพามาส่ง

    “อ้าว! เจอกันอีกแล้ว อยู่คณะเดียวกันเลย” ยนตร์ส่งยิ้มให้เมื่อได้เจอสาวน้อยที่คว้ามือเขาลากขึ้นรถไฟเมื่อเช้านี้อีกครั้ง หลังจากลงจากรถไฟทีมงานรับน้องก็โทรเรียกเขาทันที เขายังไม่มีโอกาสถามชื่อของเธอเลย

    ปารอึ้งไปชั่วขณะ ได้เจอเขาอีกแล้ว ยังรู้สึกอายไม่หายกับเหตุการณ์เมื่อเช้านี้

    “พี่ดูให้เองครับ” นรินทร์แบมือขอฉลากจากรุ่นน้องมาดู แล้วไล่ตามบอร์ดที่เป็นรูปแอปเปิ้ลสีแดง ตามหมายเลข ในใจคิด ขอให้เธอเป็นน้องรหัสของเขาเถิด

    ปารเซถลาเข้าไปหาหนุ่มแว่นเมื่อถูกชนอย่างแรงจากเพื่อนนิสิตที่กำลังวิ่งไล่จับกันไปทั่วอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ

    ยนตร์จึงช่วยประคองตัวรุ่นน้องเอาไว้

    “เจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ” ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าสาวน้อยในระยะใกล้ เธอเหมือนใครคนหนึ่งที่เขาเคยรู้จักเมื่อนานมาแล้ว แต่ยังนึกไม่ออก ครู่หนึ่งจึงปล่อยมือเมื่ออีกฝ่ายยืนได้เองอย่างมั่นคงแล้ว

    “มะ...ไม่...เป็นไรค่ะ” คนถูกชนตอบตะกุกตะกัก พลางหลบตาลงต่ำ เมื่อเขาสบตากับเธอตรง ๆ

    “เจอแล้วครับ พี่รหัสของน้อง” นรินทร์เปิดกระดาษรูปแอปเปิ้ลสีแดงหงายขึ้นด้านบน

    ปารรีบเดินไปดูใกล้ ๆ เมื่อมองเห็นรูปแล้ว ต้องขมวดคิ้ว เพ่งดูอีกครั้ง หันกลับไปมองหนุ่มแว่นที่ยืนอยู่ข้างตนเป็นคนเดียวกันกับในรูป

    “บังเอิญจังเลยนะครับ” ยนตร์ยิ้มต้อนรับน้องรหัสของเขา

    เด็กสาวยิ้มอย่างไม่อยากเชื่อเช่นกัน ว่าจะได้เขาเป็นพี่รหัส

    “หืม....อดเล่นเกมตามหาพี่รหัสเลย” นรินทร์พูดต่อถึงความโชคดีของรุ่นน้อง ซึ่งปกติแล้ว รุ่นน้องต้องเล่นเกมตามหาพี่รหัสต่อไป

    เสียงนกหวีดยาวดังขึ้นเพื่อเรียกรุ่นน้องให้ไปเข้าแถวรวมตัวอีกด้านหนึ่ง

    “พี่ไปก่อนนะคะ”

    ยนตร์กำลังจะอ้าปากถามน้องรหัสของเขาว่า ชื่ออะไร แต่ถามไม่ทัน เธอวิ่งไปรวมตัวซะแล้ว

    “แลกกับน้องรหัสข้ามั้ย” นรินทร์แอบเสียดาย

    “โน! เรื่องแบบนี้มันแล้วแต่ดวงเฟ้ย!” ยนตร์ปฏิเสธ

    “ฝากหนังสือให้น้องรหัสข้าด้วยนะ ข้าต้องไปประชุมต่อตอนบ่าย นี่แอบแวบมาดูว่าเป็นยังไงกันบ้าง” หนุ่มแว่นมองเวลาที่ข้อมือ ได้เวลาที่เขาต้องไปร่วมประชุมกับสภามหาวิทยาลัยในฐานะหัวหน้ากิจกรรมนักศึกษา

    “ขอบใจมาก” พลางตบไหล่เพื่อนเบา ๆ

    นรินทร์พยักหน้ารับอย่างเสียดาย ทำไมคนน่ารักแบบเธอ ไม่มาเป็นน้องรหัสของเขาน้า....แล้วเดินไปรวมตัวกับรุ่นพี่ เตรียมกิจกรรมรับน้องต่อไป แต่ขณะที่เดินไปนั้นสายตาหันไปเจอกับเด็กสาวกำลังวิ่งไปหยุดอยู่ข้างหลังปาร เขาจำเธอได้ ยัยตัวแสบก็อยู่คณะนี้ด้วยหรือ? โลกกลมจริง ๆ เลย สายตาคมนั้นจับจ้องมาที่นภาไม่วางตา มุมปากเหยียดยิ้มน้อย ๆ แววตานั้นนึกสนุก ยัยตัวแสบ! เจอกันแน่!

    นภารีบดึงปีกหมวกลงมาปิดหน้าตัวเอง เมื่อปะทะกับสายตาที่มองตรงมาของนรินทร์ เขาเห็นเธอรึเปล่าเนี่ย! ให้ตายเถอะ! เธอคงหนีไม่พ้น ต้องโดนเขาเล่นงานแน่นอนเลย พลางถอนหายใจเบา ๆ

    เมื่อรุ่นน้องมารวมตัวและนั่งเป็นแถวเป็นแนวเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มเกมแรก เกมเทน้ำใส่ถัง โดยแต่ละแถวจะต้องแข่งกันเทน้ำใส่ถัง โดยคนแรกถือถังที่มีน้ำ แล้วยกข้ามศีรษะตัวเองไปเทน้ำใส่ถังให้คนที่อยู่ข้างหลังต่อ ๆ กันไปจนถึงคนสุดท้าย เล่นเอาเปียกไปตาม ๆ กัน แล้วเพิ่มความสนุกสนานครึ้กครื้นด้วยเพลงแจวเรือที่เรียกรอยยิ้มเสียงหัวเราะกันอย่างถ้วนหน้า เมื่อโทรโข่งไปจ่อที่รุ่นน้องคนหนึ่งให้ร้องต่อเพลงแจว

    “แจวเรือจะไปซื้อสี ๆ ขอเชิญรุ่นพี่ลุกขึ้นช่วยแจว”

    เมื่อยักย้ายส่ายเอวกันแล้ว ต่อไปเป็นเกมล่ารายชื่อ ทุกคนต้องจดจำชื่อเพื่อนและรุ่นพี่ให้ได้มากที่สุดภายในเวลาที่กำหนด เรียกแล้วต้องตอบได้ว่าใครชื่ออะไร สิ้นเสียงนกหวีด ทุกคนต่างวิ่งวุ่นทำความรู้จักกันยกใหญ่ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องเสียงดังเซ็งแซ่ไปหมด

    ธารน้ำเป่านกหวีดยาวอีกครั้งเพื่อเตือนว่าหมดเวลาการล่ารายชื่อแล้ว

    “จำได้กันหมดรึยังเอ่ย?” หญิงสาวกวาดสายตาไปทั่ว ครู่หนึ่งต้องหันไปมองนรินทร์เมื่อเขาสะกิดแขนเบา ๆ

    “น้ำ เราขอเป็นคนเรียกชื่อน้อง ๆ เอง”

    เพื่อนสาวหยักหน้ารับ ส่งโทรโข่งให้เพื่อนหนุ่มสุดหล่อ สาว ๆ ต่างพากันกรี๊ดเมื่อเขามาเป็นพิธีกร

    “อุ๊ย! หล่อจังเลย อยากเป็นคนถูกเรียก” เสียงพูดหยอกล้อกันของสาว ๆ พลางทำท่ายิ้มเขินอาย

    นภาเบะปากอย่างรำคาญ

    “หมั่นไส้!” เธอแอบบ่นเบา ๆ

    นรินทร์ชี้ไปหาใคร คนนั้นต้องแนะนำตัวเองก่อน หลังจากนั้นชี้ไปที่คนไหนต้องตอบได้ว่า คนนั้นชื่ออะไร?

    นภาหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อนรินทร์แกล้งเรียกเฉียดเธอไปมาหลายครั้ง ในที่สุดก็ชี้มาที่เธอจนได้

    นภาสะดุ้งสุดตัว! เมื่อถูกชายหนุ่มเรียก

    ‘เป็นไงเป็นกันวะ!’ ปลอบใจตัวเองพลางก้าวเท้าออกไป

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×