คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : เปลี่ยนแปลง...
.................
.............................
เสียงกรี๊ดปะปนกับเสียงหัวเราะด้วยความร่าเริงสุดขีดของโฮตารุดังมาจากลำธารสายเล็กที่พาดผ่านหน้าห้องพักส่วนตัวของเจ้าบ้านตระกูลคุจิกิ เมื่อชายหนุ่มผมดำนั่งอยู่บนโขดหินใหญ่พร้อมอุ้มร่างเล็กให้อยู่เหนือผิวน้ำเพียงเล็กน้อย ความเย็นของน้ำและความใหญ่โตของปลาโค่ยเกล็ดสีทองที่มีอยู่ถึงสามตัว (จากเดิมสิบตัว เพราะถูกยาจิรุขโมยไปเป็นของเยี่ยมไข้อุคิทาเกะบ่อยๆ) ที่ว่ายเข้ามาหาเมื่อรู้สึกได้ถึงผิวน้ำที่กระเพื่อมไหวยามที่ร่างเล็กเตะขาที่เรี่ยผิวน้ำเล่น ทำให้โฮตารุแกว่งแขนขาไปมา พลางตบไม้ตบมืออย่างชอบอกชอบใจใหญ่ แม้เบียคุยะจะไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า แต่แววตาที่เปี่ยมด้วยความอบอุ่นก็ถือเป็นคำตอบให้กับคนที่เห็นแล้วว่า ชายคนนี้รักเด็กชายที่อยู่ในอ้อมแขนมากเพียงใด...
เร็นจิมองคนทั้งสองด้วยสายตาที่อ่อนโยน...หัวหน้าคุจิกิเปลี่ยนไปมากหลังจากที่มีโฮตารุเข้ามาในชีวิต...เมื่อเทียบกับเมื่อสองปีก่อนที่ยอมตัดขาดกับน้องสาวบุญธรรมของตัวเองที่ไปแต่งงานกับมนุษย์...เขากลายเป็นคนอ่อนโยนขึ้น...มีเหตุมีผลขึ้น...แม้จะติดนิสัยดื้อเงียบเอาแต่ใจอยู่บ้าง...แต่ก็แสดงให้เห็นว่า...กาลเวลาเปลี่ยน...คนก็เปลี่ยนตาม...
แล้วเขาล่ะ?
เรื่องการงานของเขานี้ถือว่ายืนอยู่ในจุดสูงสุดแล้ว...เป็นถึงหัวหน้าหน่วย...มีลูกน้องอยู่ใต้บังคับบัญชาหลายร้อยหลายพันคน...ได้ยืนในที่เดียวกับ คุจิกิ เบียคุยะ...ดวงจันทร์ที่สุนัขจรจัดอย่างเขาเฝ้าฝันจะทัดเทียมด้วยมาตลอด...
แต่มีคนเคยบอกว่า “ยิ่งสูงยิ่งหนาว”
...แม้สูงศักดิ์เพียงใด...แต่ในหัวใจของเร็นจิก็ยังคงรู้สึกเหงา...
ตอนที่รู้ว่าลูเคียเลือกอิจิโกะ...หัวใจของคนที่รักลูเคียเพียงข้างเดียวมาตลอดอย่างเร็นจินั้นเจ็บปวด...แหลกละเอียดเหลวเละไม่มีชิ้นดี...และในใจลึกๆในตอนนั้นเขารู้สึกโกรธแค้นอิจิโกะที่แย่งผู้หญิงที่เขารักเพียงคนเดียวไป...
แต่พอเขาได้เฝ้ามอง...ถึงความเป็นไปของครอบครัวเล็กๆของอิจิโกะที่ประกอบด้วยสามคน...พ่อ...แม่...และลูก...เห็นความรักที่อิจิโกะและลูเคียมีให้กันและกัน ก็ทำให้เขาเริ่มเข้าใจ...และเริ่มจะทำใจได้ว่า...
ลูเคียนั้นได้เลือกคนที่เหมาะสมแล้วจริงๆ...
แต่พอหวนนึกไปในความรู้สึกในครานั้น...หัวใจเขาก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่นิดหน่อย...
“คิดอะไรอยู่รึ หัวหน้าหน่วยอาบาราอิ?” เบียคุยะปรายตามองร่างสูงที่นั่งเงียบอยู่นาน
“เรียก ‘เร็นจิ’ เถอะครับ หัวหน้า” เร็นจิออกตัว “ท่านเรียกข้าว่าหัวหน้า ฟังแล้วดูขัดๆชอบกล”
“ข้าเรียกเจ้าว่า เร็นจิ ไม่ได้หรอก” เบียคุยะเอ่ยเรียบๆ “ฐานะของเจ้ามันเปลี่ยนไปแล้ว”
“เจ้าไม่ใช่...รองหัวหน้าหน่วย 6 ...อีกต่อไปแล้ว”
“ฮ่ะๆ...จริงด้วยสิครับ” ชายหนุ่มผมแดงหัวเราะแห้งๆ แต่ลึกๆในใจก็รู้สึกวูบโหวงกับคำพูดของอีกฝ่าย
“น้ำเสียงฟังดูเหมือนเจ้าไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง” เบียคุยะหันไปมอง ในขณะที่มือขาวก็กอดกระชับร่างเล็กในอ้อมกอดมากขึ้น
“...ก็อาจจะเป็นได้มังครับ” เร็นจิประสานมือวางไว้บนตัก พลางขยับไปมาอย่างใช้ความคิด “ในการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของข้าในแต่ล่ะครั้ง...ไม่ค่อยเป็นเรื่องที่สวยงามสักเท่าไหร่นัก...ตั้งแต่ลืมตาดูโลกมาในเขตอินุซึริ...เพื่อนๆที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาทยอยตายไปทีละคนๆจนเหลือแค่ข้ากับลูเคีย...จนกระทั่ง...”
“วันที่ข้ารับตัวลูเคียเข้าตระกูลคุจิกิ” ชายหนุ่มผมดำเอ่ยเรียบๆ “เจ้าคงผ่านการสูญเสียมามาก...เสียใจมากสินะ?”
“ครับ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว เพราะเรื่องพวกนั้นมันกลายเป็นอดีตที่ผ่านไปนานแล้ว” มือหยาบคลายออก ก่อนถอนหญ้าแถวนั้นมาค่อยๆฟั่นเป็นเกลียวเชือกเล่น “ส่วนเรื่องของลูเคีย...ตั้งแต่เกิดเรื่องที่เนินโซเคียคุคราวนั้น มันทำให้ข้ารู้แล้วว่าหัวหน้าสามารถดูแลลูเคียได้เป็นอย่างดี”
“เพียงแต่ข้ารู้สึกว่า ยิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงกับตัวข้ามากเท่าไหร่...คนสำคัญของข้าก็ยิ่งลดลง...และอยู่ห่างไกลข้ามากขึ้นเท่านั้น...”
“จะว่าไป ชีวิตของข้าเองก็ผ่านการเปลี่ยนแปลง...การสูญเสียไม่น้อยไปกว่าเจ้าหรอก” มือนุ่มลูบเรือนผมสีส้มของหลานชายเบาๆ ในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตดูไร้เดียงสาของโฮตารุกำลังจ้องมองไปที่ชายหนุ่มแดง “ตั้งแต่ท่านพ่อเสียชีวิตในหน้าที่...ท่านแม่ตรอมใจจนเสีย...ต่อมาก็ท่านปู่...แล้วก็ฮิซานะ...”
“เอ่อ...คือ...ขอโทษครับ หัวหน้า ที่ข้าเป็นต้นเหตุทำให้ท่านนึกถึงเรื่องแย่ๆขึ้นมา” เร็นจิรีบเอ่ยขอโทษเมื่อเห็นแววตาหมองเศร้าในดวงตาของอดีตหัวหน้าหน่วยของตน
“ข้าไม่เป็นไร” เบียคุยะเอ่ยต่อโดยมองข้ามคำขอโทษของอีกฝ่าย “อย่างที่เจ้าบอก การเปลี่ยนแปลง...การสูญเสียเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว...”
“และข้าก็เลือกที่จะ “อยู่ร่วม” หาใช่ “จมปลัก” กับสิ่งเหล่านั้น และจะไม่ยอมให้มันมาทำร้ายหัวใจตนเองได้”
“หัวหน้า...”
“...”
“...”
“หัวหน้าครับ”
“...มีอะไรรึ?”
“ขอบคุณมากนะครับที่เตือนสติข้า”
“ข้าไม่ได้ตั้งใจเตือนสติใคร ก็เพียงแค่บอกเล่าความรู้สึกของตัวเองให้ฟังเท่านั้น”
“แต่ท่านไม่เคยทำแบบนั้นนี่ครับ เห็นมีอะไรชอบเก็บเอาไว้ในใจตลอด”
เบียคุยะจ้องเร็นจิเขม็ง
“ข้าเป็นแบบนั้นแล้วมันเดือดร้อนเจ้ารึ?”
“...เปล่าคร้าบเปล่า”
“อื้อ...” โฮตารุส่งเสียงอ้อแอ้ พลางเงยหน้ามองผู้เป็นลุงของตนเอง มือเล็กอ้วนป้อมขยี้ตาตนเองไป เพราะได้เวลานอนแล้ว
“โฮตารุง่วงแล้ว ข้าจะพาเค้าไปคืนลูเคียเสียที” เบียคุยะหยัดกายลุกขึ้น พร้อมกระชับร่างเล็กในอ้อมแขนเอาไว้
“ให้ข้าอุ้มให้มั้ยครับ” เร็นจิเอ่ยอาสา “ข้าเห็นท่านอุ้มโฮตารุมาตั้งนานแล้ว คงเมื่อยน่าดู”
“ว่าไง จะไปกับเร็นจิมั้ย?” ร่างสูงผมดำก้มหน้าลงมองหลานชายที่ทำหน้าคิ้วผูกโบว์อยู่
“มาเร็ว โฮตารุ กุ๊กๆๆ”
“หลานข้าเป็นคน เร็นจิ”
เบียคุยะคิ้วกระตุกเมื่อได้ยินร่างสูงผมแดงเรียกโฮตารุเหมือนเรียกไก่กินข้าวแบบนั้น
“แหะๆ” เร็นจิหัวเราะแห้ง ก่อนยื่นมือสองข้างออกมา “มานี่มา โฮตารุ”
เร็นจิยิ้มกว้าง...เป็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจไร้การเสแสร้ง...รอยยิ้มที่ใครได้เห็นก็อดที่จะเผลอยิ้มตามไม่ได้
“...อุ้ม...” โฮตารุโผเข้าหาร่างสูงผมแดงโดยดีพร้อมส่งเสียงอย่างออดอ้อน
เบียคุยะมองตามพลางกล่าวว่า
“อุ้มเด็กเก่งนี่”
“ลืมแล้วเหรอครับว่าใครเป็นคนสอนหัวหน้าอุ้มเด็กน่ะ?” เร็นจิยิ้มกว้างพลางอุ้มร่างเล็กให้ขี่คอตนเองเอาไว้ “เกาะอาไว้แน่นๆนะ โฮตารุ”
โฮตารุเผลอขยุ้มผมแดงๆของอีกฝ่ายแน่นอย่างกลัวตก ปล่อยให้เร็นจิพาตนเองเดินไปรอบๆสวน เสียงหัวเราะดังออกมาเป็นระยะก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่ตัวเรือนที่เป็นที่พักของลูเคีย โดยมีเบียคุยะคอยเดินมองตามอย่างไม่คลาดสายตา
-โปรดติดตามตอนต่อไป-
ความคิดเห็น