ลิขิตรัก บัลลังก์ทราย : สนพ.ซิมปลี้บุ๊ก เลิฟโนเวล - นิยาย ลิขิตรัก บัลลังก์ทราย : สนพ.ซิมปลี้บุ๊ก เลิฟโนเวล : Dek-D.com - Writer
×

    ลิขิตรัก บัลลังก์ทราย : สนพ.ซิมปลี้บุ๊ก เลิฟโนเวล

    หนึ่งใจรัก หนึ่งแรงแค้น การต่อสู้เพื่อแย่งชิงระหว่างคนสองคนของสองหัวใจ ที่มีราชบัลลังก์เป็นเดิมพัน ระหว่างรักและแค้น ฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชนะ

    ผู้เข้าชมรวม

    13,403

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    17

    ผู้เข้าชมรวม


    13.4K

    ความคิดเห็น


    60

    คนติดตาม


    24
    จำนวนตอน : 46 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  16 ต.ค. 52 / 02:21 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



    ลิขิตรัก บัลลังก์ทราย

                                                                                                                                          โดย....รัชริล

                    จะทรงทำอะไรเพคะ ปล่อยหม่อมฉัน เสียงเล็กแหลมร้องขึ้นอย่างตกใจ

                    ดวงตากลมโตจ้องกร้าวอย่างท้าทายไปยังพระเนตรคมเฉี่ยวดุจเหยี่ยวทะเลทรายที่ตอนนี้แดงก่ำเหมือนมีดวงไฟลูกใหญ่กำลังคุโหมกระหน่ำอยู่ภายใน พระพักตร์ระเรื่อแดงอย่างนี้คงมาจากการดื่มฉลองเข้าไปไม่น้อย โมซ่าพยายามสะบัดแขนเล็กเรียวให้หลุดจากพระหัตถ์หนาที่บีบแน่นราวคีมล็อกและกำลังฉุดกระชากลากเธอกลับไปยังห้องบรรทมบนตำหนักมุซทามัส โดยไม่สนใจเสียงดังจากงานเลี้ยงเบื้องล่าง และไม่คณนาต่อแรงดิ้นรนขัดขืนของร่างบางแม้แต่นิด

                    แม้แต่ราชองครักษ์ทั้งสองก็มองเจ้าเหนือหัวที่กำลังบันดาลโทสะอยู่แต่เพียงอ้ำอึ้งไม่กล้าจะทำอะไร ได้แต่คอยดูแลสถานการณ์อยู่ห่างๆอย่างไม่ไว้วางใจ

    บอกให้ปล่อยหม่อมฉันไงเพคะ ปล่อย เสียงตวาดดังอย่างขึ้งโกรธ แต่ก็ไม่มีอำนาจพอจะให้แรงมุทะลุดุดันนั่นลดลงแม้แต่น้อย

    ไม่มีทางโมซ่า จะไม่มีอย่างนั้นอีกแล้ว เราใจดีกับเจ้ามาเกินพอ น้ำเสียงเครียดขึ้งตะคอกดังจนคนฟังใจหาย วาบขึ้นมา

    กำลังจะผิดคำสัญญากับหม่อมฉัน เสียงเข้มอ้างคำสัญญาจากปากของลูกผู้ชายที่อาจจะหยุดยั้งแรงโหมกระหน่ำของเพลิงโทสะลงได้

    แต่เปล่าเลย แววพระเนตรที่ทอดมองมา เต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวพระทัย เราทนได้เท่าที่จะทน ความรักที่อัดแน่นทะลักล้นเต็มหัวใจ ไม่ได้สอนให้เราเป็นคนโง่....อดทนได้โดยไม่มีสิ้นสุด ทั้งๆที่เห็นเต็มสองตาว่าชายากำลังจะสวมเขาให้ เสียงตะคอกกลับมาทำให้ร่างบางชะงักงัน

    ริมฝีปากอิ่มสีกุหลาบถึงกับเผยอค้างกับคำพูดหยามเหยียดในเกียรติยศถึงเพียงนี้ต่อหน้าราชองครักษ์คนสนิทเสียด้วย แรงทั้งหมดที่มีสะบัดตัวเองจนดิ้นหลุดมาได้ มองพระพักตร์ตรงหน้าด้วยความเจ็บปวดไม่แตกต่าง ตวัดมือเรียวตบฉาดไปเต็มแรงเพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา

    ดาบินกับมิลลาถึงกับอ้าปากค้างตะลึง มิคิดว่าเรื่องราวจะรุนแรงลุกลามใหญ่โตขนาดนี้

    แต่ดูเหมือนว่าผลจะตรงกันข้าม พระพักตร์แดงก่ำโกรธขึ้งหันไปเพราะแรงตบ เหลียวขวับมาจ้องมองเธอด้วยสายตาของราชสีห์ที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อตรงหน้า พระหัตถ์ใหญ่ตะปบกระชากร่างบางเข้าหาอ้อมพระอุระ ริมพระโอษฐ์ร้อนฉ่าดังเปลวไฟบดขยี้กุหลาบกลีบอิ่มราวจะให้แหลกเหลวด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะและปรารถนาภายในระคนคละเคล้ากัน

    เสียงร้องอุธรณ์ถูกปิดทางออก แม้จะดิ้นรนขัดขืนหนีสุดกำลัง แต่ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะพ่ายแพ้แก่เพลิงโทสะโหมกระหน่ำที่กำลังแผ่รังสีร้อนผ่าวเข้าไปในตัวเวลานี้ กำปั้นน้อยๆไร้เรี่ยวแรงจะทุบตีต่อไปหยาดน้ำตาจากดวงตาคู่สวยถึงกับเอ่อทะลักล้น ร่างบางอ่อนยวบหมดสิ้นเรี่ยวแรงลง

    องค์เอเมียร์*พ่ะย่ะค่ะ ดาบินเรียกเตือนสติขึ้นมา ด้วยสงสารร่างเล็กนั่นจับหัวใจ

    ทั้งดาบินและมิลลา สองราชองครักษ์ถึงกับหน้าถอดสี เพราะไม่เคยเห็นทรงรุนแรงอย่างนี้กับพระชายามาก่อน

    หุบปากของเจ้าซะ พระสุรเสียงตวาดดัง ดวงเนตรลุกโชน เท่านั้นองครักษ์ทั้งคู่ก็คุกเข่าลงแทบพื้นก้มหน้านิ่ง ด้วยในเวลานี้ อะไรก็ไม่อาจมาทัดทานให้ฟังได้ ทั้งสองได้แต่ก้มหน้าไม่กล้ามองสบดวงตาสั่นระริกวิงวอนร้องขอความช่วยเหลือของหญิงสาวที่เรือนกายสะท้านสั่นด้วยความหวาดกลัว

    ช่วยเราด้วย ดาบิน มิลลา เธอร้องขอทั้งๆที่รู้ในวินาทีนี้แล้วว่า ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งคนตรงหน้าได้ พระองค์กำลังขาดสติ และกระทำได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งละเมิดคำสัญญา

    เอเมียร์ = ตำแหน่งที่ใช้เรียกผู้ปกครองสูงสุดของดินแดนอาหรับบางประเทศ

    พระหัตถ์แข็งแกร่งกระชากร่างบางแรงจนเซมาปะทะพระอุระแล้วรวบช้อนขึ้นอุ้มไว้ในอ้อมพระกรรัดแน่น

    พวกเจ้าเฝ้าหน้าห้องนี้ไว้ อย่าให้ใครมารบกวนการเข้าหอของเราเด็ดขาด มิฉะนั้นจะหัวหลุดจากบ่าเสียทั้งคู่ คำสั่งเสียงเฉียบก้องทำให้คนฟังอึ้งตะลึงถ้วนหน้า

    โดยเฉพาะคนที่ดิ้นรนอยู่ในอ้อมพระกรถึงกับนิ่งชะงักงันไป เมื่อรู้ว่ากำลังจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับตนเอง และคงไม่มีสิ่งใดมาฉุดรั้งแรงอารมณ์ในเวลานี้ได้ เมื่อทั้งดาบินและมิลลาถอยฉากออกไปอารักขาทางเดินทอดมาสู่ห้องนี้ พร้อมกับที่ร่างสูงใหญ่อุ้มพาเธอก้าวเข้าไปยังห้องบรรทมที่เปิดไฟแชนเดอเลียร์ไว้ให้ส่องแสงเพียงริบหรี่อากาศภายในเย็นยะเยือกราวกับกำลังจะพาเข้าสู่หลักประหาร

    เสียงร้องอ้อนวอนขอ แรงดิ้นรนขัดขืนดูจะเปล่าประโยชน์ ร่างบางสะดุ้งวาบสะท้านขึ้นมาอีกหน เมื่อแผ่นหลังแตะกับพระแท่น*เย็นเฉียบ ทันทีนั้นร่างใหญ่ก็โถมทับตามลงมา

    อย่านะเพคะ ไม่ แม้คำพูดอ้อนวอนสุดท้ายไม่มีโอกาสหลุดรอดออกมาจากปาก เมื่อทรงปิดหนทางในการดิ้นรนหลบหนีหรืออุธรณ์ร้องขอใดๆทั้งสิ้น พระหัตถ์ทั้งสองตรึงข้อมือเล็กไว้ แล้วฉกพระโอษฐ์ที่เร่าร้อนดังเปลวไฟพ่นเข้าไปในเรือนกาย โหมแรงตะโบมตะบันบดขยี้ลงมาอย่างรุนแรง จนคนใต้ร่างหมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ขัดขืนหนี

    ความร้อนจากเรือนกายใหญ่ที่ทาบทับไว้ แผ่กำจายไปยังทุกอณูผิวเนื้อ ชุดที่สวมใส่ถูกกระชากเปลื้องปลดออกไปอย่างไม่ปรานีปราศรัย และแทนที่มาด้วยร่างเปลือยเปล่าที่ร้อนเร่าราวกับเปลวไฟที่กำลังไหม้โหม

    ดวงตาของคนใต้ร่างหมดสิ้นเรี่ยวแรงจะดิ้นรนขัดขืนมองเพดานสีวอลนัทที่ลายพร่าไปด้วยแสงไฟแชนเดอเลียร์*ผ่านม่านพราวพร่างของหยาดน้ำตาที่คลอเคลียในหน่วยตาคู่งามอย่างยอมรับชะตากรรม ความรุนแรงเร่าร้อนที่ซุกไซ้ลงมา กำลังแผ่ซ่านกำจายความรู้สึกหวาดกลัวเป็นความสยิวซ่าน เสียงร้องอ้อนวอนขอเจือสะอื้นไห้ ไม่ได้คณนาต่อแรงอารมณ์ปรารถนาในเวลานี้ กลับแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางกระซิบอย่างพึงพอใจ เมื่อทรงยัดเยียดอารมณ์แห่งปรารถนาให้เธอพลิ้วเพริดไหวลอยล่องตามไป

    ความแข็งกร้าวในคราวแรกเปลี่ยนเป็นโอนอ่อนผ่อนปรนปลุกปลอบให้เธอยินยอมคล้อยตามไปไม่นานนักก็กลับมารุนแรงเร่าร้อนจนคนใต้ร่างที่ตั้งรับแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยง ร่างบางกระตุกเฮือกหวีดร้องออกมาสุดเสียง เรียวฟันขาวขบกัดแน่น น้ำตาแห่งความเจ็บปวดเอ่อท้นทะลัก แม้รอยจูบพร่างพรมก็ไม่ทำให้ลืมความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสลงไปได้ แรงอารมณ์ปรารถนากระหน่ำเร่งเร้าเข้าหาร่างบางระลอกแล้วระลอกเล่า ตรึงร่างเล็กให้แน่นิ่งราวกับปักหมุด ยอมรับต่อโชคชะตาที่ถูกลิขิตมาก่อนหน้านี้แล้วอย่างไม่มีทางหลีกหนี พระหัตถ์หนาโอบกอดเกี่ยวกระหวัดรัดรึงร่างอ่อนระทวยไว้ในอ้อมพระกรแนบอุระพาก้าวข้ามผ่านห้วงมหานทีแห่งความปรารถนาไปพร้อมๆกัน

    หากกระนั้น ดวงตาคู่งามก็ไม่เคยแห้งเหือดจากหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย ด้วยความขมขื่น เมื่อคิดว่าถูกกระทำย่ำยีอย่างป่าเถื่อนจากคนที่ได้ชื่อว่าพระสวามีโดยปราศจากความรักความสงสารใดๆทั้งสิ้น

    ร่างหนาฟุบทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงมาซบซุกใบหน้าอยู่กับซอกคอเรียวขาวอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง เป่าลมหายใจอุ่นๆของเลือดเนื้อและชีวิต นิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน จนกระทั่งแรงสะท้านไหวของคนใต้ร่างสงบนิ่งไป

    พระพักตร์ค่อยๆผงกขึ้นมามองดวงหน้าที่อาบไปด้วยหยาดน้ำตาโดยปราศจากเสียงสะอื้น ค่อยๆเลื่อนไล้ ประทับรอยจุมพิตอุ่นๆพร่างพรมไปทั่วใบหน้างาม ปลุกปลอบซับน้ำตาที่ไหลเอ่อจากดวงตาเลื่อนลอยคว้างมองเหม่อ

    เรารักเจ้า โมซ่า เสียงกระซิบแหบพร่าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและพึงพอพระทัย ในขณะที่กายาแนบชิดสนิทติดตรึงเป็นหนึ่งเดียวกัน อย่างที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้นหรือพรากจากได้อีกแล้วในเวลานี้....ไม่มี

    หากแ่คนที่นอนนิ่งไม่ติงไหว แม้สัมผัสอบอุ่นนุ่มนวลละมุนละไมจะเฝ้าลูบไล้ปลอบประโลมอย่างแสนรักใคร่ปรารถนา กลับมิได้รู้สึกคล้อยตามใดๆ คิดแต่เพียงว่าบัดนี้

    หมดสิ้นทุกอย่างแล้ว

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น